กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ กราบขอบพระคุณท่านชวน หลีกภัย ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีและท่านอดีตประธานสภาค่ะ ก่อนที่ดิฉันจะตอบกระทู้ถาม ขออนุญาตเล่าที่มาของกรณีอุเทนถวายสำหรับท่านสมาชิก อีกหลาย ๆ ท่านที่อาจจะไม่เข้าใจที่มาที่ไปว่าทำไมอยู่กันมานานแล้ว อยู่มาวันหนึ่งถึงวันนี้ ทาง อว. ถึงต้อง Raise ประเด็นเรื่องของการย้ายสถานที่ขึ้นมานะคะ ความเป็นมาของเรื่อง อุเทนถวายก็คืออุเทนถวายได้เช่าที่ดินจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อใช้เป็นที่ตั้งวิทยาเขต ตั้งแต่ปี ๒๔๗๘ และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อปี ๒๕๔๖ แล้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้แจ้ง ไม่ต่อสัญญาในปี ๒๕๔๗ และได้ทำบันทึกข้อตกลงในการขนย้ายและส่งมอบพื้นที่คืนให้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี ๒๕๔๘ ซึ่งในปี ๒๕๔๘ ทางอุเทนถวายได้ขอต่อสัญญาเช่ากับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีก ๑ ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๔๘ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๔๙ และในปี ๒๕๔๙ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีหนังสือแจ้งให้อุเทนถวายกำหนดเวลาส่งมอบ พื้นที่คืนและชำระค่าใช้ประโยชน์ ปีถัดมา ปี ๒๕๕๐ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีหนังสือถึง สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินการตามมติ ครม. เพื่อพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว และ กยพ. ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดในการประชุม เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๒ ได้มีมติตัดสินชี้ขาดให้อุเทนถวายขนย้ายและส่งมอบพื้นที่คืนตั้งแต่ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ เป็นต้นไปค่ะ ต่อมาเดือนกันยายน ๒๕๕๖ อีก ๗ ปีต่อมาทางอุเทนถวายได้ยื่นฟ้องต่อ ศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติชี้ขาดของ กยพ. และศาลปกครองกลางได้มี คำพิพากษาในปี ๒๕๕๙ พิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่ามติของ กยพ. เป็นกระบวนการที่ ชอบด้วยกฎหมายแล้ว และอุเทนถวายได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ต่อศาลปกครองสูงสุด และสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ศาลปกครองสูงสุดก็ได้ มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่พิพากษายกฟ้อง ซึ่งถือว่าคดีเป็น ที่สุดแล้วนะคะ อันนี้คือที่มาที่ไปจนถึงปี ๒๕๖๕ ขออนุญาตตอบคำถามท่านสมาชิก ผู้ทรงเกียรติค่ะ ในเรื่องของการงดรับนักศึกษาชั้นปีที่ ๑ ซึ่งเมื่อสักครู่ท่านก็ได้กรุณาชี้แจง ไปแล้วว่าเป็นเรื่องของประเด็นข่าวที่อาจจะลงแล้วก่อให้เกิดความสับสน
ประเด็นเรื่องของการไม่ให้รับ หรือว่างดรับนักศึกษาตามที่ปรากฏเป็นข่าว ตามสื่อนั้น ตามข้อเท็จจริงก็คือทางอุเทนถวายยังคงรับนักศึกษาปีที่ ๑ เหมือนเดิม แต่ว่า ให้มีการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อให้สอดรับกับแผนการย้ายของอุเทนถวาย ซึ่งอุเทนถวายได้ทำแผนการย้ายเข้าที่ประชุมแล้ว ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นข้อเสนอจาก การประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชภัฏราชมงคล ตะวันออก ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทางกรมธนารักษ์ ทางสำนักงบประมาณ แล้วก็ สำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นประธาน และมีมติร่วมกัน ในการประชุม โดยเสนอให้อุเทนถวายย้ายสถานที่ไปยังวิทยาเขตบางพระ จังหวัดชลบุรี หรือว่าสถานที่ที่กรมธนารักษ์จัดหาให้ หรือสถานที่ที่ทางอุเทนถวายได้แจ้งว่ามีผู้สนใจที่จะ บริจาคให้ มี ๓ Location ก็คือที่บางพระ แล้วก็ที่ที่กรมธนารักษ์จะจัดหาให้ค่ะ แล้วก็ที่ ที่ทางอุเทนถวายแจ้งว่ามีผู้ที่สนใจจะบริจาค ซึ่งเห็นควรให้ปรับแผนการรับนักศึกษาใหม่ โดยเปิดรับนักศึกษาใหม่ในวิทยาเขตอื่น ๆ แทน ซึ่งกรณีดังกล่าวมหาวิทยาลัยจะต้องเสนอสภามหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ หรืออนุมัติแผนดังกล่าวต่อไปนะคะ ซึ่ง มทร. ตะวันออก ต้นสังกัดก็ได้มีการจัดทำแผน การรับนักศึกษาในปี ๒๕๖๗ ในวิทยาเขตอื่น ๆ และแนวทางการบริหารจัดการการเรียน การสอนนักศึกษาทั้งหมด ๑,๑๒๙ คน จำแนกเป็นปริญญาตรี ๙๕๘ คน ปริญญาโท ๑๕๕ คน และปริญญาเอก ๑๖ คน ซึ่งทาง มทร. ตะวันออกจะนำแผนเสนอต่อสภา มหาวิทยาลัย ในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ แต่อย่างไรก็ตามทางกระทรวง อว. ก็ได้มี ความห่วงใยจึงได้ให้มีการติดตาม แล้วก็กำชับให้ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการตามแผนที่ กำหนดอย่างเคร่งครัดต่อไป
ส่วนคำถามที่ ๒ เรื่อง Transition Plan หรือการจัดหาสถานที่เรียนให้กับ นักศึกษาที่ต้องย้าย เรื่องการเตรียมทาง อว. เองได้ตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ไข ปัญหาประเด็นดังกล่าว เราจึงได้จัดประชุม เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา เพื่อหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย มทร. ตะวันออกเจ้าของสังกัด จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย กรมธนารักษ์ สำนักงบประมาณและสำนักงานอัยการสูงสุด โดยรัฐมนตรี อว. เป็นประธาน และได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการยุติข้อพิพาทของอุเทนถวาย โดยกระทรวงได้ประสานข้อมูลกับอุเทนถวายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมธนารักษ์ และสำนักงบประมาณเพื่อวางแผนการจัดหาพื้นที่รองรับสำหรับกรณีดังกล่าว โดยเบื้องต้น ก็มีวิทยาเขตบางพระ จังหวัดชลบุรี พื้นที่ ๖๘๐ ไร่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร เดินทางได้สะดวก พื้นที่ใหญ่ วิทยาเขตที่ ๒ คือ วิทยาเขตจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งตั้งอยู่ถนน วิภาวดีรังสิต อยู่ในกรุงเทพมหานคร เดินทางได้สะดวกค่ะ พื้นที่ที่ ๓ คือพื้นที่บริจาคที่ เขตมีนบุรี ซึ่งมีผู้จะบริจาคให้กับทางอุเทนถวาย พื้นที่ ๒๔ ไร่ เดินทางได้สะดวก แล้วก็พื้นที่ ที่ ๔ พื้นที่ราชพัสดุในจังหวัดสมุทรปราการ อันนี้ทางราชพัสดุเสนอมา จำนวน ๑๕๐ ไร่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครเดินทางได้สะดวกค่ะ
ส่วนเรื่องของงบประมาณทางกระทรวง อว. ได้ประสานกับทางอุเทนถวาย เพื่อจัดทำรายละเอียดในการจัดทำคำของบประมาณ และประสานกับสำนักงบประมาณ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งได้ประสานและหารือกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะเป็นคู่พิพาทสำหรับการดำเนินการทั้งในด้านการจัด การศึกษาและช่วยเหลือในกรณีการชำระค่าเสียหาย หรือว่าค่าขนย้ายซึ่งอาจจะเกิดขึ้น ซึ่งทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพร้อมให้การสนับสนุนและรับที่จะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับ สภามหาวิทยาลัยเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไปค่ะ ขณะเดียวกันทาง อว. เองก็ได้รับรายงาน เบื้องต้นจากทางอุเทนถวายในการดำเนินการดังต่อไปนี้ อันที่ ๑ ทางอุเทนและ มทร. ตะวันออกร่วมกันจัดทำแผนการเคลื่อนย้ายบุคลากรของสำนักงานเขตพื้นที่อุเทนถวาย ซึ่งมีจำนวน ๑๒๕ คน โดยจัดหาพื้นที่การปฏิบัติงานบางส่วนในพื้นที่จักรพงษ์ภูวนารถ และเตรียมการเคลื่อนย้ายครุภัณฑ์เพื่อใช้ในการทำงานและกำหนดเริ่มปฏิบัติหน้าที่ที่ มทร. ตะวันออกพื้นที่จักรพงษ์ภูวนารถ ในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ทั้งนี้ได้ผ่านการพิจารณาของ สภามหาวิทยาลัย ในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ อันที่ ๒ จัดทำแผนเคลื่อนย้ายพื้นที่เขตพื้นที่อุเทนถวาย โดยจัดทำโครงการก่อสร้างขยายเขตพื้นที่ การศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ บนที่ดินจำนวน ๒๔ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา ที่เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายนักศึกษา ทั้งนี้ ได้ผ่านการพิจารณาของสภามหาวิทยาลัยในการประชุม วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ และขณะนี้อุเทนถวายได้เสนอของบประมาณในปี ๒๕๖๘ จำนวนประมาณ ๔๐๐ ล้านบาท ต่อสำนักงบประมาณค่ะ แต่อย่างไรก็ตามทางมหาวิทยาลัยก็ได้ดำเนินการตามที่ประชุมหารือ แล้วก็ขับเคลื่อนดังกล่าวอย่างจริงจัง ทางกระทรวง อว. ก็จะได้ติดตาม แล้วก็กำชับให้ทาง มหาวิทยาลัยดำเนินการอย่างเคร่งครัดค่ะ ขอบพระคุณค่ะ