ท่านประธานที่เคารพ กระผม นายชวน หลีกภัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ กราบขอบพระคุณ ท่านประธานที่บรรจุกระทู้นี้ไว้ และขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวง อว. นะครับ ที่กรุณามาตอบคำถาม ประเด็นที่เป็นกระทู้ถามสด ที่กระผมเสนอต่อสภาในวันนี้มาจาก นโยบายการแก้ปัญหาที่มีปัญหาระหว่างสถาบันหลักของบ้านเมือง คือสถาบันเทคโนโลยี ราชมงคลอุเทนถวายกับสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ซึ่งแนวทางในการแก้ปัญหาขัดแย้ง ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากแนวความคิด การให้สัมภาษณ์ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขออภัยที่ใช้ชื่อสั้น ๆ เพื่อประหยัดเวลา เพราะเรามี ๑๕ นาทีสำหรับผู้ถาม และ ๑๕ นาทีสำหรับผู้ตอบ แล้วก็ จะรักษาเวลาเพื่อไม่ให้ประธานต้องเตือนนะครับ แต่ว่าก่อนที่จะตั้งคำถามก็กราบเรียน ขออนุญาตท่านประธานนะครับว่า ผมได้รับมอบหมายจากพรรคด้วยความเห็นว่าผมได้ เกี่ยวข้องกับสถาบันทั้งสองนี้มาตั้งแต่ต้น กล่าวคือผมเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการอยู่ ๓ ปี ทั้งสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันและสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลอุเทนถวาย ยังสังกัดกรมอาชีวศึกษา ยังสอนแค่ระดับ ปวช. ปวส. และผมก็ได้มีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุน สถาบันทั้งสองนี้ตลอดมา แม้กระทั่งเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้แก้กฎหมายเพื่อให้สถาบัน เหล่านี้สอนถึงระดับปริญญา อันนี้ก็เป็นข้อผูกพันที่ภาคภูมิใจว่าสถาบันทั้งสองนี้เป็นสถาบัน หลักของชาตินะครับ กราบเรียนท่านประธานเพื่อท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีได้เข้าใจ เพราะว่าท่านอาจจะไม่รู้ว่าสถาบันทั้งสองนี้เป็นสถาบันที่สร้างมือเยี่ยม มือเชี่ยวชาญที่แท้จริง ของช่าง เดิมในอดีตเขาเรียกว่า ช่างต้องปทุมวัน ก่อสร้างต้องอุเทนถวาย อันนี้เป็นสาย ของภาคปฏิบัตินะครับ ย้ำเพราะว่าวิศวกรก็ดี สถาปนิกก็ดี แน่นอนทุกมหาวิทยาลัยก็ผลิต แต่ว่าในแง่ของผู้ชำนาญในการปฏิบัตินั้น สถาบันทั้งสองนี้ได้เป็นผู้ที่สร้างบุคลากรของเขา มาเกือบ ๑๐๐ ปี บุคลากรที่เขาผลิตมานับเป็นแสนคน กระจัดกระจายรับใช้บ้านเมืองอยู่ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชนนั้นได้มีส่วนสำคัญทำให้บ้านเมืองนี้เป็นอย่างนี้นะครับ มีความพร้อม เพราะฉะนั้นต้องชื่นชมยกย่องสถาบันนี้ว่าเขาได้ทำหน้าที่ ศิษย์ของเขาได้ทำหน้าที่ให้กับ บ้านเมืองตลอดมา เราจะต้องไม่ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากคนเพียงไม่กี่คนทำลายภาพพจน์ ชื่อเสียงของสถาบันเหล่านี้ครับ เพราะฉะนั้นประเด็นที่จะกราบเรียนเมื่อเกี่ยวข้องเช่นนี้ พรรคก็มอบหมายว่าผมใกล้ชิด แล้วก็รู้จักสถาบันทั้งสองนี้มาตลอดเวลา ในฐานะเป็น ผู้สนับสนุนให้สถาบันนี้เจริญก้าวหน้า ก็แน่นอนที่สุดว่าเมื่อมีนโยบายใดที่อาจจะกระทบ ต่อความก้าวหน้าของสถาบันก็น่าจะหยิบยกขึ้นมาสอบถามรัฐบาล ประเด็นที่กลายเป็น กระทู้สดถามด้วยวาจาเกิดขึ้นจากคำสัมภาษณ์ของท่านรัฐมนตรีครับ แล้วก็พาดพิงไปถึง นายกรัฐมนตรี แล้วก็โดยนโยบายที่ได้แถลงนั้นเกี่ยวข้องกับแนวนโยบายท่านนายกรัฐมนตรี ด้วยก็เลยได้ถามนายกรัฐมนตรี แต่เฉพาะคำให้สัมภาษณ์นั้นก็ของท่านรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น ท่านรัฐมนตรีก็คงตอบคำถามนั้น คำถามที่เกิดขึ้นอันเกิดจากคำสัมภาษณ์ก็เกิดจาก การที่ท่านได้มีคำสั่งงดรับนักศึกษาปีที่ ๑ ผมได้ติดตามข่าวสารเรื่องนี้จากแหล่งข่าว หลายแหล่งข่าวว่าลงผิดหรือไม่ ผู้จัดการ Online ก็ยืนยันว่ารัฐมนตรีสั่งให้งดรับนักศึกษา ปีที่ ๑ มั่นใจการแก้ปัญหาจบลงภายในรัฐบาลชุดนี้ โดยเบื้องต้นได้มีคำสั่งไปยังอธิการบดี ให้งดรับนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา ๒๕๖๗ เพื่อลดจำนวนนักศึกษาลง ขณะเดียวกันยังมี มาตรการพิจารณา แล้วท่านก็บอกว่านายกรัฐมนตรีห่วงเรื่องนี้ กำชับให้คณะทำงานเร่งไปดู จาก Standard ข้อความก็เหมือนกันว่าสั่งให้งดรับนักศึกษาปีที่ ๑ โดยสรุปแล้วท่านรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์งดนักศึกษาปีที่ ๑ ผลก็คืออะไรครับ สิ่งที่ท่านรัฐมนตรีสั่งไปนั้นอาจจะ ๑. ก็คือให้จำนวนที่ท่านบอกว่า เพื่อจำนวนนักศึกษาลดน้อยลงเพื่อแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น ความขัดแย้งระหว่างสถาบันอาจจะลดลงเพราะคนน้อยลง อันนี้อาจจะเป็นความคิดนะครับ แต่ว่าที่แน่ ๆ ก็คือการโยกย้าย เปลี่ยน พูดง่าย ๆ ก็คือตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ให้คืนที่ดินของสถาบันให้กับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต้องหาที่ใหม่ ท่านรัฐมนตรีก็ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา ของศาล ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องครับ เป็นเรื่องที่ให้ความสนับสนุนให้สำเร็จ แล้วท่านบอกว่า จะต้องจัดการให้เสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ ผมก็ให้กำลังใจทำให้ได้สำเร็จ แต่ว่าสิ่งที่ คำสัมภาษณ์ติดตามมาก็คือว่าถ้าเรางดรับนักศึกษาปีที่ ๑ ผลอะไรเกิดขึ้นครับ ผลก็คือ สถาบันการศึกษานี้จะไม่สามารถให้นักศึกษาจำนวนประมาณ ๖๐๐ คน ของปีที่ ๑ เข้ามา เรียนได้ อันนี้จะเป็นการสูญเสียแล้วก็โดยสรุปอยากกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีด้วยว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีคำสั่งให้งดรับนักศึกษา ไม่ว่าสถานการณ์ชาติบ้านเมืองจะมีสงคราม มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น การสั่งให้งดรับนักศึกษาจะไม่มี อย่างมากที่สุดก็คือส่งไปเรียนที่ ซึ่งไม่มีปัญหา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เคยมีปัญหาทหารยึดอาคารไปก็ส่งไปเรียนที่อื่น แต่ว่างดรับไม่เคยปรากฏนะครับ กราบเรียนว่าผมเป็นคณะกรรมการมหาวิทยาลัยอยู่ หลายแห่ง ก็อยู่ในวงการศึกษาอยู่พอสมควร ทบทวนดูแล้วว่าในกรณีใดที่จะมาสั่งงดรับ นักศึกษาก็ยังไม่มี ดังนั้นประเด็นที่ท่านรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ไปนั้นก็เลยทำให้เกิดความสับสน ขึ้นพอสมควรครับ เมื่อวานนี้ก็ได้มีโอกาสพบกับอธิการบดีและคณะบดี รวมทั้งผู้บริหารของ มหาวิทยาลัยอุเทนถวาย ได้คุยกันจนเย็นเมื่อวานนี้ว่าจะทำอย่างไร ก็กราบเรียนว่าแม้ ท่านรัฐมนตรีจะเปลี่ยนแนวแล้วก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบครับ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ อธิการบดีนำคำสัมภาษณ์ในไทยรัฐมาให้ที่ประชุมทราบว่า บัดนี้ท่านรัฐมนตรีได้เปลี่ยน แนวแล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอแจ้งให้ทราบ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าปรากฏว่าสมาคมนักศึกษา ก็ไม่ทราบ ก็ยื่นหนังสือมา ๖ ข้อเรียกร้อง หนึ่งในข้อนั้นก็คือ มหาวิทยาลัยจะต้องรับนักศึกษา พูดง่าย ๆ ก็อยากปฏิบัติตามที่รัฐมนตรีได้สั่งไปด้วยวาจานะครับ แล้วก็กำชับว่ามหาวิทยาลัย จะต้องรับและจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัย อันนี้คือประเด็นที่ผมขอกราบเรียนที่ไปที่มา ดังนั้นเมื่อท่านรัฐมนตรีได้เปลี่ยนแปลงมา ในวันที่ ๖ ผมเองก็ไม่ทราบครับ ผมทราบเมื่อวานนี้เองว่ารัฐมนตรีได้เปลี่ยน โดยดูจากไทยรัฐ ได้ลงข่าวว่า ศุภมาศให้อุเทนถวายรับนักศึกษาปีที่ ๑ ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องส่งนักศึกษาที่รับนี้ ไปเรียนในที่อื่น เช่น ที่วิทยาเขตจันทบุรี ที่วิทยาเขตอื่นซึ่งเปิดสอนอยู่ ก็มีคำถามติดตามมา เมื่อวานก็มีตัวแทนนักศึกษาปีที่ ๒ ครับ ว่าถ้าอย่างนั้นปีที่ ๒ ต้องย้ายด้วยไหม ดังนั้น ต้องกราบเรียนถามท่านนายกรัฐมนตรีหรือท่านรัฐมนตรีก็ตามที่จะตอบก็คือว่า ประเด็นเรื่อง การสั่งงดรับข้อตกลงว่าจบนะครับ ตกลงว่าจบ ผมก็คิดว่าความเร่งด่วนที่ต้องตั้งกระทู้ถาม ด้วยวาจาด่วนนั้น อาจจะลดลงไป แต่มันมีประเด็นใหม่เกิดขึ้น กล่าวคือเดิมทีนั้นว่าจะถาม โดยกระทู้ธรรมดา หรือในราชกิจจานุเบกษาไหม คำตอบว่าช้าไปสัปดาห์เดียว ถ้าคำสั่ง งดรับนั้นมีผล ขณะนี้อยู่ในช่วงการรับช่วงที่ ๒ ของสถาบัน จะมีปัญหาครับ แล้วก็ผลปรากฏ จากรายงานเมื่อวานว่าคนที่ติดต่อมาสอบที่สถาบันนั้นได้สอบถามว่า ตกลงรับไหม รับแล้ว เรียนที่ไหน อันนี้ก็เลยได้ถามตัวเลขว่า มีคนแสดงความจำนงเข้ามาก็บอกว่าลดลงไป แต่ผมคิดว่ากระทู้วันนี้ท่านรัฐมนตรีและท่านนายกรัฐมนตรีสามารถที่จะทำให้เกิดความ กระจ่าง ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนและคนที่อยากจะเรียนในสถาบันดังกล่าวนี้ก็สามารถ เข้ามาเรียนได้ ผมคิดว่ากระทู้นี้ก็จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลอย่างยิ่งครับ
ประเด็นที่ ๑ ก็คงจะต้องขอท่านรัฐมนตรีและท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้ครับว่า ปีที่ ๒ ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ปีที่ ๕ จะต้องเรียนที่ไหนครับ ถ้าเราให้ปีที่ ๑ ไปเรียนที่อื่น ซึ่งท่าน รัฐมนตรีได้พูดไว้ ๓ แห่งนะครับ บางแห่งก็อยู่ไกล เช่น จังหวัดจันทบุรี ถ้าผู้ที่สมัครเรียนอยู่ในกรุงเทพมหานคร เขาจะไปอยู่จังหวัดจันทบุรีหรือไปที่อื่นนั้นทำได้ หรือไม่ ท่านรัฐมนตรีผมเข้าใจดีนะครับ ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาก่อน ผมรู้ว่าบางเรื่องเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่เขาปฏิบัติ เราเป็นผู้รักษานโยบาย เพราะฉะนั้นบางเรื่อง ถ้ามันเป็นเรื่องที่ยังตอบไม่ได้ เพราะแล้วแต่ทางมหาวิทยาลัยจะต้องบริหารต่อไปก็ไม่เป็นไร ไม่คาดคั้น ท่านจะต้องตอบ แต่ว่าประเด็นคำแนะนำจากท่านก็คือว่า ปีที่ ๒ ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ปีที่ ๕ ซึ่งมีนักศึกษาอยู่ประมาณเกือบ ๗๐๐ คนนะครับ ถ้าเราไม่นับปีที่ ๑ ปีที่ ๑ ที่เขารับนั้น ปีที่ ๑ ก็ประมาณสัก ๖๐๐ คน ปีที่แล้วก็บอกว่ารับได้ ๕๐๐ กว่าคน ขณะนี้กำลังรับช่วงที่ ๒ อยู่ครับ เขารับ ๕ ครั้ง จะเรียนที่ไหน
ประเด็นที่ ๒ ก็คงจะเกี่ยวกับท่านนายกรัฐมนตรีครับว่า การย้ายสถาบันนี้ ไปยังที่อื่นตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลปกครองสูงสุดนั้น ได้เตรียมที่ไว้แล้วหรือไม่ งบประมาณได้เตรียมไว้หรือไม่ กราบเรียนถาม ๒ คำถามแค่นี้ก่อนครับ ขอบพระคุณครับ
ท่านประธานที่เคารพ โดยที่เวลา เหลืออยู่เพียง ๔ นาที ผมจะไม่ทำให้เกินเวลาที่ให้ไว้นะครับ แต่ว่าจากที่ท่านนายกรัฐมนตรี ก็ดี ท่านรัฐมนตรีก็ดีตอบมานั้น สิ่งหนึ่งก็คือว่าสถานที่นั้นยังไม่แน่นอนนะครับ อันนี้ก็ชัดเจน แต่ว่าสิ่งที่จำเป็นต้องให้ท่านรัฐมนตรีเป็นผู้แถลงชัดเจนเพื่อรู้ให้ทั่วถึงก็คือ เรื่องข้อห้ามไม่ให้ รับนักศึกษาปีที่ ๑ นั้นก็จบไปแล้ว บัดนี้อนุญาตแล้ว ส่วนสถานที่ที่จะให้ไปเรียนที่กำหนดไว้ ๓-๔ แห่งนั้น ผมคิดว่าเรียนท่านรัฐมนตรีฝากไปทบทวนนะครับ เมื่อปีที่ ๒ ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ปีที่ ๕ เรายังไม่ย้าย ที่ใหม่ที่เขาจะย้ายไปยังไม่มี เราจะให้นักศึกษาปีที่ ๑ นั้นเรียนในพื้นที่ ที่เรียนอยู่ขณะนี้ได้หรือไม่ อันนี้แล้วแต่ดุลพินิจนะครับ ผมไม่ได้คาดคั้นอะไร แต่ว่ามองในเชิง ปฏิบัติ อยากกราบเรียนนิดเดียวครับ ปัญหากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรมนั้น ต้องถือว่าเป็นกระทรวงที่สร้างสรรค์นะครับ สร้างคน เพราะฉะนั้นนโยบายใด ที่จะเป็นอุปสรรคในการให้โอกาสคนนั้นจะต้องอย่าให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด เช่น การไม่ให้ รับเด็ก ไม่ให้รับนักศึกษาอะไรพวกนี้จะต้องไม่มีนะครับ เพราะว่ามันจะกลายเป็นตัดโอกาส เขาไป ผมเรียนด้วยความเคารพว่าไม่ว่าใครในห้องนี้ รวมทั้งผมด้วยก็มีโอกาสก็เพราะ การศึกษา เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำให้ส่งเสริมการศึกษาได้ผมคิดว่าเราต้องร่วมช่วยกัน ผมอยากกราบเรียนท่านประธานว่าผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะว่าเราก็ ลูกชาวบ้าน มีโอกาสมานั่งที่นี่ พูดอะไรได้ก็เพราะเราได้เรียนหนังสือ ถึงได้คิดโครงการที่ให้ คนได้เรียน ไม่ต้องไปอยู่วัด พวกผมต้องอยู่วัดสมัยเด็ก ๆ เพราะว่ามันไม่มีทางไปอย่างอื่น และบัดนี้สถานการณ์มันเปลี่ยน ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีก็อาจจะต้องเข้ามาดูเรื่องนี้เป็นพิเศษ สถานที่นั้นผมอยากกราบเรียนว่าท่านนายกรัฐมนตรีอาจจะต้องช่วยดูด้วยตัวเองนะครับ เหมือนที่สภานี้เคยขอที่เพื่อจะทำที่บ้านพักให้กับข้าราชการสภาระดับปฏิบัติการ พูดง่าย ๆ ข้าราชการชั้นผู้น้อย ขอเท่าไรก็ยาก ที่ของสภาที่มีอยู่กระทรวงมหาดไทยก็เอาไป ก็เลยต้อง ไปขอนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ โดยตรง ก็ได้มา ๙ ไร่ เดิมขอสักครึ่งหนึ่ง แต่ในที่สุด ก็ได้มาทั้งหมด เพราะฉะนั้นท่านนายกรัฐมนตรีมาดูเรื่องนี้ แล้วหาที่ให้กับสถาบันเขา เพราะว่าสถาบันเขามีศักดิ์ศรีมีเกียรติมายาวนานเกือบ ๑๐๐ ปี ถ้าจะใช้ที่ก็ต้องเหมาะสม และงบประมาณที่จะต้องให้เขาได้มีโอกาสพัฒนาสร้างสิ่งที่ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลง ผมกราบเรียนฝากไว้เพียงเท่านี้ครับ แล้วก็ท่านรัฐมนตรีจะตอบหรือไม่ก็ได้ ว่าปีที่ ๑ นั้นจะเรียนที่เดิมหรือจะให้ไปที่อื่น กราบขอบพระคุณครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผมหมดเวลา แล้วครับ ไม่ถามคำถามที่ ๓ ครับ