กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ผม เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนอื่นกราบขอบคุณท่านประธานและเพื่อนสมาชิก ท่านอัครเดช ที่ได้มีการบรรจุญัตติด่วน ในวันนี้ และแจ้งกับท่านประธานว่าผมจะดำเนินการอภิปรายเหตุผลสนับสนุนการเสนอญัตติ ภายใต้ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ ข้อ ๖๙ และจะไม่เอ่ยชื่อแม้กระทั่งบุคคล ภายนอกโดยไม่จำเป็น ท่านประธานครับ เหตุผลที่ผมได้ตัดสินใจเสนอญัตติด่วนในวันนี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ซึ่งมีการเผยแพร่บนพื้นที่สื่อมวลชน อย่างกว้างขวาง มีการไปรบกวนก่อกวนขบวนเสด็จ ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความ สะเทือนใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย แล้วผมเห็นว่ากรณีนี้หากไม่มีการบริหารจัดการ อย่างเร่งด่วนจะทำให้สถานการณ์บานปลาย กระทบต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดี โดยเฉพาะความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นเลยตัดสินใจอาศัยข้อบังคับ ข้อ ๕๐ เสนอเป็น ญัตติด่วนและเมื่อเสนอเป็นญัตติด่วนแล้ว อาศัยข้อบังคับ ข้อ ๕๔ (๑) ขออนุญาตเสนอเป็น ญัตติด่วนด้วยวาจาครับ ก่อนอื่นผมชวนเพื่อนสมาชิกผู้ทรงเกียรติที่นั่งอยู่ในห้องนี้ทุกท่าน ได้ทวนเข็มนาฬิกาย้อนไป หลังเกิดเหตุวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ซึ่งผมเชื่อว่าทุกท่านที่นั่งอยู่ ในห้องนี้และฟังอยู่ทางบ้านได้รับทราบข่าวสารจากสื่อมวลชนที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ว่ามีการไปรบกวนขบวนเสด็จ ในขณะที่ขบวนเสด็จกำลังเดินทางไปปฏิบัติตามพระราชกรณียกิจ ของพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านประธานครับ หลังเกิดเหตุมีคนส่งข้อความและผมเองก็ติดตาม ผ่านสื่อมวลชน สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือคลิปที่มีการเผยแพร่ ทำให้ผมรู้สึกตกใจ เพราะว่า ที่ปรากฏบนคลิปนี้ชัดเจนว่า ขบวนเสด็จที่กำลังใช้ช่องทางสัญจรอยู่นั้นเป็นขบวนที่สั้นมาก เห็นชัดว่าการถวายความปลอดภัยในวันนั้นดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบ ต่อการสัญจรของพี่น้องประชาชน นอกจากขบวนสั้นแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีลักษณะในการไป ปิดถนน ปิดกั้นการสัญจรของพี่น้องประชาชนบนถนนเส้นนั้นเลยครับ มีแต่การไปกันเป็น จังหวะ เป็นช่วงเป็นตอนเพื่อให้การจราจรนั้น Flow ไปตามปกติ แต่ปรากฏว่ามีรถคันหนึ่ง ของผู้ก่อเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว เจตนาชัดเจนครับ เพราะขบวนเสด็จผ่านไปแล้วแต่พยายาม วิ่งไล่ขบวนเสด็จ ในที่สุดรถที่ปิดท้ายต้องมากันรถของผู้ก่อเหตุออกไป และหลังจากนั้น ปรากฏเป็นคลิปอีกคลิปหนึ่งทำให้เห็นว่าเจตนาของผู้ก่อเหตุในวันนั้นคืออะไร หลังจากผมได้ เห็นคลิป ผมเชื่อว่าความรู้สึกของผมเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายท่านที่นั่งอยู่ใน ห้องนี้ และแชร์ความรู้สึกเดียวกันกับพี่น้องประชาชนหลายคนในประเทศไทย ผมรู้สึกโกรธ โกรธมากครับ ว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ แต่เชื่อไหมว่าในขณะที่ผมรู้สึกโกรธจนเกือบจะถึง ขีดที่สุดจนกระทั่งจะเกิดเป็นความรังเกียจกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นนี้ มีประโยคหนึ่งที่แว่ว เข้ามาเป็นบันดาลใจทำให้ผมลดความโทสะลง นั่นคือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านได้ทรงตรัสไว้ว่า Thailand is the Land of Compromise ประเทศไทย เป็นประเทศแห่งความประนีประนอม วันนั้นถ้าเพื่อนสมาชิกจำได้ สื่อมวลชนต่างประเทศ CNN ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงพระราชดำเนินพบปะพี่น้อง ประชาชน ยื่นไมค์จ่อพระโอษฐ์ท่าน และท่านก็ตรัสชัดเจนครับว่า Thailand is the Land of Compromise ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความประนีประนอม We Love Them all the Same หลังจากเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นมีการไปรบกวนขบวนเสด็จ เมื่อปลายปี ๒๕๖๓ แล้วก็มีสื่อมวลชนไปถามถึงกรณีการประท้วงเรียกร้องให้มีการปฏิรูป สถาบัน ท่านมีพระราชดำรัสตรัสไว้ชัดเจนครับ ทำให้ผมดึงสติ ผมลดลงมาจากความโกรธ ที่จะไปถึงความรังเกียจพฤติกรรมที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เราสงบสติอารมณ์ครับ เพราะจริง ๆ แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ พฤติกรรมแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับขบวน เสด็จหรอกครับ เอาว่ามารยาททางสังคมที่เราปฏิบัติกันอยู่นี้ผมเองกับเพื่อนสมาชิก เดินออกไปเวลาจะเข้าลิฟต์ เราเองก็ต้องหลีกทางให้กันและกัน แม้กระทั่งบนถนนที่เราใช้เอง มันก็มีมารยาทในการสัญจรการจราจรบนถนน รถพยาบาลวิ่งมามีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เราขับรถอยู่เราก็ถอยให้ ไม่ใช่ว่าขบวนมาผ่านไปแล้วไม่ได้สร้างความเสียหายสร้างความ เดือดร้อนอะไร แต่วิ่งด้วยความเร็วจี้เข้าไปเหมือนมีความตั้งใจว่าจะให้เกิดเหตุครับ ท่านประธานครับ หลังจากเกิดเหตุมีข่าวถูกเผยแพร่ออกมาอย่างแพร่หลาย ผมเองรู้สึก กังวลใจ อย่างที่บอกไปแล้วจากความโกรธ และในที่สุดเมื่อนึกถึงพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผมถอยลงมา แต่สิ่งที่ผมคาดหวัง ผมเฝ้ารออยู่ว่าเหตุเกิด เมื่อวันที่ ๔ ในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องจะออกมาดำเนินการอย่างไรบ้าง จะบังคับใช้กฎหมายอย่างไรบ้าง แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ ๔ ท่านประธาน เชื่อไหมครับ ผมรอวันที่ ๕ วันที่ ๖ วันที่ ๗ วันที่ ๘ วันที่ ๙ ๕-๖ วัน เกือบจะ ๑ สัปดาห์ อยู่แล้วครับ ก็ต้องบอกว่าการแสดงท่าทีไม่ชัดเจน จนกระทั่งมาวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ถ้าเรา ยังจำกันได้ ผู้ก่อเหตุยังเหิมเกริมทำ Poll ที่ BTS สยามจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างประชาชนที่ไม่พอใจกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเหตุผลที่ผมนำเรื่องนี้มาเสนอญัตติในวันนี้ เรียนกับท่านประธานก่อนนะครับ กับเพื่อนสมาชิกว่าไม่มีความตั้งใจเลยที่จะมาพูดเพื่อ ซ้ำเติมความร้าวฉาน ความแตกแยกที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในความรู้สึกของทั้ง ๒ ฝั่ง แต่ผมมีความ ตั้งใจจริง ๆ ครับ ที่เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีที่เกิดขึ้นนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นอีก และถ้าเรา ปล่อยปละละเลย ในที่สุดสถานการณ์ตามที่เราได้เห็นในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ เริ่มมี การประท้วง มีการปะทะกันในหมู่ประชาชนนี้ ถ้าเราไม่รีบบริหารจัดการจะบานปลายไปสู่ ความแตกแยก ความรุนแรงที่อาจจะปะทุถึงขั้นระดับประเทศเลยก็ว่าได้ นั่นคือเหตุผลที่ผม ตัดสินใจปรึกษากับเพื่อนสมาชิก ปรึกษากับวิป และมาขอเสนอญัตติด่วนเพื่อส่งสัญญาณไป ยังรัฐบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่ เร่งดำเนินการเพื่อยับยั้งไม่ให้ สถานการณ์บานปลาย ซึ่งผมขออนุญาตเสนอตามนี้ครับท่านประธาน
๑. ขอเลยครับ กับเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการบังคับใช้ กฎหมายโดยทันที เรียนกับท่านประธานกับเพื่อนสมาชิกว่าเรื่องนี้ที่พวกเราออกมาเรียกร้อง ไม่ใช่เป็นการล่าแม่มดหรือต้องการที่จะประหัตประหารไปนำผู้ซึ่งกระทำความผิดมาแล้วจะ ใช้ศาลเตี้ยในการตัดสินใจ ในการวินิจฉัย แต่เพื่อความสงบเรียบร้อย เพื่อไม่ให้สถานการณ์ บานปลาย เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งบังคับใช้ กฎหมาย ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือกฎหมาย การใช้สิทธิเสรีภาพมีกรอบชัดเจนว่าต้องไม่ไปละเมิด สิทธิเสรีภาพของคนอื่น ๆ และต้องไม่ไปกระทำความผิดกฎหมายตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
๒. ผมเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะใช้พื้นที่ในสภาแห่งนี้มาสะท้อนความคิด ความรู้สึกด้วยเหตุด้วยผลอย่างสร้างสรรค์ เพื่อที่จะมีข้อสรุปเกี่ยวกับการทบทวนระเบียบ มาตรการต่าง ๆ รวมไปถึงแผนการถวายการอารักขา ถวายความปลอดภัยแก่ขบวนเสด็จ เรียนกับท่านประธานก่อนครับ ผมเชื่อว่าปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ก็มีความ Update อยู่พอสมควร ก็คือ พ.ร.บ. การถวายความปลอดภัย ออกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ชัดเจนว่า การถวายความปลอดภัยมีความหมายว่าอย่างไร ใครต้องเป็นผู้ปฏิบัติ อันนี้ท่านประธาน เพื่อนสมาชิกไป Search ดูได้ แต่ในความเห็นของผมครับท่านประธาน เนื่องจากภารกิจนี้ มีความสำคัญ แล้วต้องบอกก่อนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เราจำกันได้เมื่อปลายปี พุทธศักราช ๒๕๖๐ ก็เกิดการรบกวนก่อกวนขบวนเสด็จในลักษณะเดียวกันกับที่เพิ่งเกิด ขึ้นไป จนทำให้ผมกังวลครับว่า หากเราไม่มาทบทวนมาตรการให้มีความเข้มงวดมันจะเป็น การปล่อยปละละเลยจนกระทั่งการกระทำในลักษณะแบบนี้มันจะเป็นแฟชั่น มันจะเป็น ค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้น และผมไม่อยากจินตนาการเลยครับว่าหากสถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ผมจำได้ใน สมัยเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร แล้วผมเชื่อว่าเพื่อนสมาชิกหลายคนก็จำ เหตุการณ์นั้นได้เช่นเดียวกัน ก็คืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิงไดอานา (Diana) ที่สหราชอาณาจักร เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจากการปล่อยปละละเลย ความมักง่าย มีรถของ สื่อมวลชน เมืองนอกเขาเรียกกัน Paparazzi เพียงคันเดียวเท่านั้นครับ ในช่วงเวลาที่เรา ประมาท ในช่วงเวลาที่เกิดความละเลย มักง่าย รถของผู้สื่อข่าวเข้ามาเบียดช่องทาง การจราจรรถของเจ้าหญิงไดอานา (Diana) จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุพรากชีวิตของท่านไป เกิดความสูญเสียและโศกนาฏกรรมที่สะเทือนไปถึงประชาคมโลก ผมไม่อยากให้เหตุการณ์ ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก แล้วเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นควรจะเป็นบทเรียนเพื่อสะท้อนและส่งสัญญาณ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าต้องมีการทบทวนมาตรการให้รัดกุมมากกว่านี้ และแน่นอนครับ ผมเข้าใจว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วสิ่งแรกเลยที่เป็นภารกิจสำคัญของหน่วยอารักขา คือการถวาย ความปลอดภัย เช่นเดียวกันกับการถวายความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล สิ่งแรกต้องนำ VIP ไปสู่ที่ปลอดภัยก่อน แต่เมื่อสถานการณ์สงบลงแล้ว อย่างที่ผมบอกเหตุเกิดวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ผมมีความหวังว่าเจ้าหน้าที่จะรีบบังคับใช้กฎหมายเพื่อไม่ให้สถานการณ์ความ ขัดแย้งนั้นบานปลาย ในกรณีนี้ผมเข้าใจครับว่าเหตุการณ์อาจจะมีการเชื่อมโยงไปสู่ ความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่กังวลใจว่าถ้าปฏิบัติเข้มงวดไปจะมีกระแส วิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ แต่ผมยืนยันกับท่านประธานว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ได้รับความเคารพ ความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชน ราษฎรประเทศไทย ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ท่านไม่ใช่ Sale ที่มัวแต่มาคำนึงถึงความพึงพอใจของ ลูกค้าครับ ท่านคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ รอมาวันที่ ๕ วันที่ ๖ วันที่ ๗ วันที่ ๘ วันที่ ๙ วันที่ ๑๐ จนกระทั่งเหตุการณ์บานปลาย ผู้ก่อเหตุกระทำการเหิมเกริมไปทำ Poll ที่ BTS สยามอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะอีกนี้ สำหรับผมและผมเชื่อว่ามาตรฐานของ หลายท่านที่ฟังอยู่ในห้องนี้และทางบ้านบอกตามตรงมันช้าไป ผมได้แจ้งท่านประธานไปแล้ว ครับว่าจริง ๆ เรื่องแบบนี้เราเองก็มีกฎหมายสำหรับการบังคับใช้ กำกับ เฉพาะ ชัดเจน พระราชบัญญัติถวายความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๐ และขนาดเราเทียบเคียงกับมาตรการใน ต่างประเทศเอง เพราะหลังจากเกิดเหตุก็มีการปล่อยคลิปออกมาครับ เห็นชัดเลยว่าในกรณี ที่เป็นผู้นำ เป็นการให้ความปลอดภัยขบวนผู้นำระดับประเทศนี้ เห็นไหมครับที่สหรัฐอเมริกา มีคนมาก่อกวนเส้นทางสัญจรของขบวนรถผู้นำเจ้าหน้าที่เข้าไป Charge ทันทีเลย นำออกมา ทันทีเลยครับ แต่ผมเองก็เรียนกับท่านประธานตามตรงว่านี่เป็นประเทศไทย ผมก็อาจจะไม่เห็น ด้วยว่าจะต้องดำเนินการแบบนั้น แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เป็นการท้าทายนี้ ผมคิดว่า การปฏิบัติหน้าที่มันล่าช้าไป ตัวกฎหมายในส่วนของ พ.ร.บ. ได้เขียน ได้ระบุไว้ชัดเจน แต่สิ่งที่ผมเป็นกังวลในขณะนี้ คือตัวระเบียบแล้วก็แผนที่ตามมากับตัวกฎหมาย กฎหมาย ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ แต่ตัวระเบียบและแผนนี้เท่าที่ผมได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็น ระเบียบและแผนที่ใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ หลายปีมาแล้วครับ ซึ่งต้องเรียนกับท่านประธานกับเพื่อนสมาชิกตามตรงว่าสถานการณ์ทั้งในส่วนของความ ขัดแย้งและบริบททางสังคมนี้มันเปลี่ยนไปเยอะมาก หลายสิบปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงวันนี้ แม้กระทั่งนิยามของคำว่า ภัยคุกคาม และภัยคุกคามต่อขบวนเสด็จในเรื่องของความพยายาม ที่จะก่อกวนหรือความพยายามที่จะก่อเหตุให้เกิดเหตุอันตรายเกิดขึ้นผมคิดว่ามันก็ เปลี่ยนแปลงไป เพราะว่าเห็นได้ชัดเลย ๑๐-๒๐ ปีที่ผ่านมานี้เราคงไม่สามารถจินตนาการเชื่อ ได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเหตุแบบนี้เกิดขึ้น หากกฎหมาย Update แล้ว ระเบียบ แผน มาตรการจะต้อง Update ตามกฎหมายด้วย ต้องมีความกระชับ มีความชัดเจน มีเจ้าภาพ มีขอบเขตพื้นที่ชัดเจน ไม่อยากให้เกิดข้อถกเถียง ในการไปปฏิบัติหน้าที่ว่าตกลงแล้วเขตพื้นที่นี้เป็นของ สน. นางเลิ้งหรือเป็นของ สน. ดุสิต หรือของ สภ. นั้น หรือของ สภ. นี้ เรื่องการถวายความปลอดภัย การถวายพระเกียรติ ถือเป็นภารกิจสำคัญมาก ๆ ต้องไร้รอยต่อครับ และต้องมีการ Update ตามสถานการณ์ อย่างเหมาะสม เข้มงวด รัดกุม ชัดเจน ท่านประธานครับ เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายแล้ว มีการทบทวนมาตรการ แผนต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฝึกซ้อมให้มีความพร้อม ผมบังเอิญไปเห็นเนื้อหาที่ปรากฏในคลิปบทสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ก่อเหตุ ดูแล้วเหมือนมันลักลั่นครับท่านประธาน จริง ๆ ท่านไปดูครับ พอเหตุการณ์เกิดขึ้น ต่างประเทศ เห็นไหมครับเจ้าหน้าที่พอเข้าสู่เหตุปุ๊บรู้เลยว่าต้องทำอะไร ต้องรู้เลยครับว่าถือ กฎหมายฉบับไหน ระเบียบฉบับไหน อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ ในส่วนของทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้ก่อเหตุด้วย เพราะการใช้สิทธิส่วนบุคคลนี้มันมีขอบเขตครับ ต้องให้ชัดเจนว่าสามารถ ทำได้ถึงขนาดไหนที่ไม่ไปก่อเหตุความวุ่นวายรบกวนขบวนเสด็จ หรือไปก่อเหตุความวุ่นวาย รบกวนชีวิตความเป็นอยู่ ละเมิดสิทธิของพี่น้องประชาชนคนอื่น ๆ เพราะยิ่งยุคนี้ในยุคที่มี การเผยแพร่สื่อตามโลก Social เห็นไหมครับ ก่อเหตุเสร็จปุ๊บถ่ายคลิปทันที เจตนาคืออะไร แบบนี้เจ้าหน้าที่ถึงต้องระมัดระวัง มีมาตรการ มีแผนแล้ว ต้องฝึกซ้อม ต้องมีคู่มือการปฏิบัติ ในเหตุการณ์แบบนั้นกฎหมายฉบับไหนที่เจ้าหน้าที่ถืออยู่อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ อะไรที่ เจ้าหน้าที่ทำได้ อะไรที่ประชาชนผู้ก่อเหตุไม่สามารถทำได้ครับ แล้วต้องรู้เลยครับ เข้าสู่เหตุปุ๊บ สิ่งแรก ประโยคแรกที่จะพูดสื่อสารกับผู้ก่อเหตุหรือประชาชนคืออะไร เพราะประโยคนั้น คือประโยคที่สำคัญที่สุด ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย แล้วครับ แต่ผมไปดูคลิป ผมขอไม่อยากวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มากไปกว่านี้ครับ เพราะผมเข้าใจว่าในส่วนของแผนมาตรการต่าง ๆ มันอาจจะยังไม่ชัดเจน ไม่มีการฝึกซ้อม ไม่มีคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ แต่ผมหวังว่าหลังจากเหตุการณ์นี้จะไม่มีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก
ท่านประธานครับ ในส่วนของข้อเสนอผมที่เป็นข้อสุดท้าย คือการประชาสัมพันธ์ บังคับใช้กฎหมาย ปรับปรุง มาตรการ แผนต่าง ๆ มีการฝึกซ้อม มีคู่มือการปฏิบัติแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารกับประชาชนครับ ที่ต้องสื่อสารกับประชาชนนี้ เพราะต้องยอมรับเลยว่าในภารกิจการถวายความปลอดภัยไม่มี ที่ไหนในโลกที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเลยครับ แต่แน่นอนว่า มาตรการที่ออกมากับพระมหากรุณาธิคุณพระเมตตานี้ พยายามให้การปฏิบัติพระราชกรณียกิจ หรือเส้นทางการสัญจรรบกวนการสัญจรของพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนว่า การถวายความปลอดภัยต่อขบวนเสด็จสามารถ ทำอะไรบ้าง อาจจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดพี่น้องประชาชนจะต้องทำ ตัวอย่างไร แล้วผมเชื่อเลยว่ามีพี่น้องประชาชนหลายคนต้องการให้ความร่วมมือและช่วยกัน เป็นหูเป็นตาด้วยซ้ำ ไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะต้องบอกว่ามาตรการ ที่ชัดเจนการสื่อสารที่ชัดเจนไม่ได้เป็นไปเพื่อการถวายความปลอดภัย ถวายพระเกียรติแก่ ขบวนเสด็จอย่างเดียว แต่ถือว่าเป็นความปลอดภัยต่อสาธารณะด้วย เรียนท่านประธานกับ เพื่อนสมาชิกครับ ผมขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน รวมไปถึงท่านประธานและท่านที่ติดตาม ฟังอยู่ที่บ้าน เพราะตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นเรื่องนี้มันอยู่ในใจผมมาตลอด และผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมได้ พูดไปก็ถือว่าในส่วนของผมเองผมได้ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรได้สะท้อนความรู้สึก ความคิดของพี่น้องประชาชนคนไทยหลายคนในประเทศแล้ว ผมได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ใน ฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเปิดพื้นที่แห่งนี้เพื่อให้มีการอภิปรายอย่างเปิดเผย โดยตัวแทน ของพี่น้องประชาชนได้ส่งสัญญาณผ่านรัฐบาลไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการทบทวน ปรับปรุง สื่อสาร แผน และมาตรการต่าง ๆ เพราะกังวลว่าถ้าเราปล่อยปละละเลยเรา ไม่เข้มงวดเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่ความวุ่นวาย การปะทะกันใน หมู่ประชาชน ความแตกแยกที่ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และขอย้ำกับท่านประธาน ว่าในส่วนของผมและเพื่อนสมาชิก สส. โดยเฉพาะ สส. พรรครวมไทยสร้างชาติที่นั่งอยู่ตรงนี้ เราอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขครับ ไม่อยากให้มีพฤติกรรมออกมาหรือมีค่านิยมเป็นแฟชั่น ไปบั่นทอนสถาบันที่เป็นสถาบันหลักของประเทศครับ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจขอเสนอ เป็นญัตติด่วนเพื่อให้พี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบ แผน และมาตรการการถวาย ความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับ ประชาชน ถือเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันเสาหลัก ของชาติครับ ขอบคุณครับท่านประธานครับ