ท่านประธานที่เคารพ กระผม จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ขอเสนอญัตติด่วน เรื่อง การถวายความปลอดภัย โดยมีเหตุผลเป็นไปตามข้อบังคับ ทุกประการครับ ขอผู้รับรองครับ
ท่านประธานที่เคารพ กระผม จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กระผมและเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งสิ้น ๒๕ ท่าน ขอเสนอ ญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง การถวายความปลอดภัย ตามข้อบังคับการประชุมดังที่ท่านประธาน รับทราบดีอยู่แล้ว เหตุผลที่ต้องเสนอญัตติด่วนในเรื่องนี้ มีดังต่อไปนี้ครับ
เหตุผลประการที่ ๑ เนื่องจากกระผมและพรรคประชาธิปัตย์ที่กระผมสังกัด มีจุดยืนชัดเจน อย่างน้อยในประเด็นที่ ๑ จุดยืนในเรื่องของการให้ความสำคัญกับ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จุดยืนประการที่ ๒ ก็คือมีจุดยืนในการที่ต้องการธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประมุขของ ประเทศ เช่น มาตรา ๑๑๒ ดังที่อารยประเทศทำกัน ในประการที่ ๓ พวกกระผมเห็นว่า การถวายความปลอดภัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ซึ่งการถวายความปลอดภัย ที่ว่านั้นนับตั้งแต่องค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศานุวงศ์ ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้แทนพระองค์ ซึ่งเป็นระดับพระองค์เจ้า ขึ้นไป และบุคคลซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับเป็นพระราชอาคันตุกะ ซึ่งการถวายความปลอดภัยกับบุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ดังที่ผมกราบเรียน และที่จำเป็นต้องเสนอญัตติในวันนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์คุกคามขบวนเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลา ๑๘.๒๐ นาฬิกา จึงเป็นเหตุที่กระผมและเพื่อนสมาชิกจำเป็นต้องเสนอญัตตินี้เข้ามา และมิอาจจะเพิกเฉยต่อการกระทำดังกล่าวได้ วัตถุประสงค์ของญัตตินี้มี ๒ ประการ
ประการที่ ๑ ก็คือ กระผมมีความประสงค์ให้สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้ส่ง ความเห็นของสภาเพื่อให้รัฐบาลรับไปพิจารณาดำเนินการ
ประการที่ ๒ ก็คือ กระผมมีความประสงค์ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของสภาผู้แทนราษฎร รับไป ประกอบการพิจารณาด้วย
กระผมมีความเห็นต่อพฤติกรรมการคุกคามขบวนเสด็จอย่างน้อย ๓ ประการ
ประการที่ ๑ ก็คือกระผมถือว่าเป็นการกระทำอันไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง และถือว่าการกระทำที่เกินกว่าที่คนไทยผู้จงรักภักดีทั้งประเทศจะยอมรับได้ เป็นการย่ำยี พระผู้ทรงเป็นหัวใจของประชาชน
ประการที่ ๒ ที่สะท้อนให้เห็นชัดเจน ก็คือว่าการที่ขบวนเสด็จไม่ปิดถนน ยิ่งสะท้อนพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรโดยชัดแจ้งเป็นประจักษ์เหนือคำบรรยายใด ๆ อยู่แล้ว แม้จะต้องทรงงานหนักต้องเสด็จให้ทันเวลาก็ตาม
และในประการต่อมากระผมเห็นว่าสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย คือหัวใจ สำคัญของประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่การใช้สิทธิเสรีภาพต้องไม่ เป็นการล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร ฐานันดรใด และต้องใช้สิทธิเสรีภาพที่มีอยู่นั้นภายใต้ขอบเขตของตัวบทกฎหมาย เฉกเช่นอารยประเทศ ทุกประเทศในโลกที่เขาทำกัน
ในประการถัดมา กระผมเห็นว่าผู้มีหน้าที่ถวายความปลอดภัย นอกจากส่วน ราชการในพระองค์แล้ว กลไกสำคัญก็คือรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า ซึ่งที่กระผม กราบเรียนนี้เป็นไปตามกฎหมายที่มีชื่อว่า พระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยเฉพาะระบุไว้ชัดแจ้งในมาตรา ๖ ที่บอกว่า ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงทบวงกรม เป็นต้น มีหน้าที่ในการถวายความปลอดภัย หรือร่วมมือในการถวาย ความปลอดภัย กระผมไม่ประสงค์จะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องการเมือง แต่ว่านายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และในฐานะผู้สั่งปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องยอมรับว่าท่านออกมาส่งสัญญาณแสดงท่าทีความรับผิดชอบค่อนข้างช้าจริง ๆ เหตุเกิด วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ถัดมาวันที่ ๕ วันที่ ๖ วันที่ ๗ วันที่ ๘ วันที่ ๙ จนกระทั่งวันที่ ๑๐ ล่วงเข้าวันที่ ๗ เกิดเหตุปะทะกันขึ้นที่ทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม ถัดมาอีกวันหนึ่งรุ่งขึ้น คือวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์หลังเกิดเหตุป่วนด่วนขบวนเสด็จ ๗-๘ วัน นายกรัฐมนตรีจึงส่ง สัญญาณเรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องมาหารือ เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยขบวนเสด็จ กระผมจึงขอถือโอกาสนี้เสนอ ข้อเสนอ ๔ ข้อ เพื่อให้สภานี้ได้โปรดพิจารณา และส่งรัฐบาล และคณะกรรมาธิการวิสามัญได้รับไป ดำเนินการต่อไป
ประการที่ ๑ กระผมเห็นว่ารัฐบาลต้องตระหนักในหน้าที่การถวายความ ปลอดภัยตามกฎหมายที่กำหนดไว้ที่กระผมกราบเรียนแล้ว รวมทั้งให้เป็นไปด้วยความ ปลอดภัยสมพระเกียรติด้วยความสำนึก กระตือรือร้น จงรักภักดี และควรเร่งรัดดำเนินการ ทบทวนมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาอีก
ประการที่ ๒ กระผมขอเสนอว่า ซึ่งเป็นหน้าที่อยู่แล้วแต่ขอย้ำตรงนี้ว่าเป็น ความเห็นร่วมกันของสภาด้วย ให้รัฐบาลยึดหลักนิติธรรมบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่ว่ากับฝ่ายใดเพื่อทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และไม่เป็นการส่งเสริมการกระทำผิด กฎหมายอีกต่อไปในอนาคต
ประการที่ ๓ ในฐานะที่รัฐบาลมีเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและทั้ง ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่อง การตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม รัฐบาลต้อง ไม่สนับสนุนให้มีการนิรโทษกรรมความผิดในคดีมาตรา ๑๑๒ เพราะนอกจากประการที่ ๑ จะเป็นชนวนขัดแย้งรอบใหม่ที่เกิดขึ้นในอนาคต ประการที่ ๒ ยังเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มี การกระทำความผิดตามมาตรา ๑๑๒ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก และในประการที่ ๓ โดยเฉพาะ เมื่อเกิดเหตุป่วนขบวนเสด็จยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าไม่สมควรส่งเสริมให้มีการนิรโทษกรรม ความผิดตามมาตรา ๑๑๒
ประการที่ ๔ กระผมเห็นว่ารัฐบาลควรจะได้ตั้งหลักพิจารณาร่วมกับฝ่าย ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและพิจารณาทุกอย่าง ๆ รอบคอบ รอบด้านว่าสมควรที่จะมีการปรับปรุง พระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หรือไม่ โดยเพิ่มเติมให้มี การกำหนดบทลงโทษเป็นการเฉพาะกับผู้ละเมิดพระราชบัญญัติฉบับนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็คือเมื่อเกิดเหตุผู้บังคับใช้กฎหมายต้องนำบทบัญญัติ กฎหมายอื่นมาเทียบเคียงบังคับใช้ เช่น มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๖ เป็นต้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ขอให้รัฐบาลได้พิจารณาว่าเหมาะสม สมควรหรือไม่ และจะดำเนินการในรูปแบบไหน อย่างไรต่อไป รวมทั้งการที่จะต้องพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องทบทวนกฎระเบียบ มาตรการ ต่าง ๆ เพิ่มเติมอีกด้วยหรือไม่
กล่าวโดยสรุป ก็คือ ๔ ข้อนี้ผมขอให้สภาได้โปรดพิจารณาส่งความเห็นเหล่านี้ ไปยังรัฐบาลเพื่อดำเนินการต่อไป และเพื่อให้ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีความเข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป
สุดท้ายครับ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง และในฐานะพสกนิกร ชาวไทยผู้จงรักภักดีคนหนึ่งเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ กระผมขอถือโอกาสนี้ถวาย กำลังใจแด่กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยความจงรักภักดียิ่ง ขอบคุณครับท่านประธาน
ท่านประธานที่เคารพ กระผม จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กระผมไม่ประสงค์จะสรุปแล้วครับท่านประธาน เพราะว่าได้พูดชัดแจ้งทุกประการ ทุกประเด็นไปแล้วในช่วงแรกครับ ขอบคุณครับท่านประธาน