เรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต ๑ พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ วันนี้ผมมีเรื่องหารือทั้งหมด ๓ ประเด็นครับ
ประเด็นที่ ๑ ครับ เป็นเรื่องการจัดการถังดับเพลิงในพื้นที่ กทม. ก่อนอื่น ผมต้องขอแสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ถังดับเพลิงระเบิด ที่โรงเรียนราชวินิต มัธยม หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทาง กทม. ได้เข้ามาเก็บถังดับเพลิง ที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว แต่ไม่ได้นำถังใหม่ที่ใช้การได้มาเปลี่ยนให้ โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิด เหตุไฟไหม้หลายครั้งในพื้นที่ กทม. เขต ๑ ซึ่งประชาชนที่เป็นเจ้าของบ้านเห็นไฟไหม้ต่อหน้า ต่อตา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ผมจึงไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว จึงฝากผ่านท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดดำเนินการนำถังดับเพลิงใหม่ที่ใช้ การได้เข้ามาทดแทนให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ ในอนาคต
ประเด็นที่ ๒ ท่านประธาน การจัดเก็บตู้ Container ผมได้รับเรื่องร้องเรียน มาจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีตู้ Container จำนวนมากวางไว้บนพื้นที่สาธารณะก่อให้เกิด ปัญหาทั้งหมด ๓ ประเด็น ทั้งหมด ๒ จุด จุดแรกถนนนครปฐม จุดที่ ๒ ถนนพิษณุโลก ประเด็นที่ ๑ กีดขวางการจราจรทำให้การสัญจรเป็นไปได้ยาก ประเด็นที่ ๒ บดบังทัศนียภาพ ในพื้นที่ท่องเที่ยวใจกลางกรุงเทพฯ ประเด็นที่ ๓ ก่อให้เกิดมุมอับซึ่งเสี่ยงให้เกิดเหตุ อาชญากรรมได้ ฝากท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาดำเนินการจัดเก็บ ตู้ Container ไปยังพื้นที่ที่เหมาะสม
ประเด็นสุดท้ายและเป็นประเด็นระดับชาติ เป็นเรื่องของทุนต่างชาติเข้ามา รุกล้ำในย่านเศรษฐกิจใจกลางกรุงเทพฯ อย่างโจ๋งครึ่ม ผมได้รับเรื่องร้องเรียนมาและได้ลงไป ตรวจสอบด้วยตนเองว่าพื้นที่ กทม. เขต ๑ มีทุนต่างชาติเข้ามารุกล้ำพื้นที่ทำกินย่านการค้า เป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างพื้นที่ที่ถูกทุนต่างชาติเข้ามารุกล้ำ จะมีสำเพ็ง ปากคลองตลาด เสือป่า และคลองถม ล้วนเป็นพื้นที่ในกรุงเทพฯ เขต ๑ ข้อสังเกตและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการที่ทุนต่างชาติเข้ามารุกล้ำมีทั้งหมด ๔ ข้อ ข้อ ๑ ทุนต่างชาติจำนวนมากได้ใช้ Nominee คนไทยในการจดจัดตั้งบริษัทเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายใช่หรือไม่ ข้อ ๒ ทุนต่างชาติเหล่านี้มีการจ่ายภาษีอย่างถูกกฎหมายหรือเปล่า ข้อ ๓ ทุนต่างชาติเหล่านี้เข้ามา ปั่นราคาค่าเช่าต่าง ๆ ในพื้นที่จนผู้ประกอบการคนไทยสู้ราคาไม่ไหวจนต้องย้ายออกไป จากพื้นที่ ทำการค้ามาหลายสิบปีโดนทุนต่างชาติใช้เวลาไม่กี่ปีเข้ามารุกล้ำจนต้องออกไป ช่วงก่อนโควิดตึกแถวสำเพ็งค่าเช่าโดยประมาณ ๗๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน หลังจากทุนต่างชาติเหล่านี้เข้ามาค่าเช่าสูงถึง ๓๐๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน และได้ข่าวมาว่า แถวปากคลองตลาดตึกหัวมุมซื้อขายในราคา ๑๕๐ ล้านบาทเป็นเงินสด ผมขอฝาก ท่านประธาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยเสียประโยชน์ทั้งประเทศจากการที่ ทุนต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ในประเทศไทยโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมาย
สุดท้ายขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐน้ำดีที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรง และตรงไปตรงมา แต่ทราบมาว่าทุนต่างชาติเหล่านี้ได้ใช้อิทธิพลแทรกแซงในการปฏิบัติ หน้าที่ จึงฝากท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าไปตรวจสอบและจัดการแก้ไข ปัญหาโดยด่วน ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต ๑ เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตบางรัก เขตดุสิต พรรคก้าวไกล หากพูดถึงเรื่องสถานบันเทิงและสถานที่ท่องเที่ยว แน่นอนครับ กทม. เขต ๑ ที่ผมเป็นผู้แทนมีสถานบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเขตสัมพันธวงศ์ ถนนเยาวราชที่มีซอยนานาอยู่ด้านหลัง มีสถานบันเทิงที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์อยู่เต็มท้องถนน หรือจะเป็นเขตบางรัก ถนนสีลม ซอยธนิยะ ซอยพัฒน์พงศ์ ที่เป็นจุดท่องเที่ยวแสงสีเสียงของชาวต่างชาติจำนวนมาก หรือถนนข้าวสารในเขตพระนครที่โด่งดังไปทั่วโลก พื้นที่เหล่านี้เป็นแหล่งดึงดูดรายได้ เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างมหาศาล ซึ่งประเทศเราเป็นประเทศที่เน้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการมาโดยตลอด สร้างรายได้เข้าประเทศ นับแสนล้านบาทต่อปี แต่ท่านประธานทราบไหมครับว่าภายใต้แสงสีเสียงที่สนุกสนานเฮฮา Party เหล่านี้ยังมีด้านมืดอีกมุมที่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ คือความทุกข์ทรมานของ ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ อย่างเช่น ถนนข้าวสาร เขตพระนคร ที่มี ๔ ชุมชน ๒ วัด ๒ มัสยิด และ ๑ โรงเรียน อยู่ติดกับแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ ผมได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่สมัย ยังเดินหาเสียงอยู่ ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากไม่เว้นแต่ละวันมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ เรื่องปัญหาของเสียงที่ส่งผลกระทบต่อคนในพื้นที่ สร้างความรำคาญและความเดือดร้อน ส่งผลให้คนในพื้นที่นอนไม่หลับเป็นเวลาหลายเดือน ต้องวิตกกังวลมานั่งลุ้นว่าเสียงจะดัง ถึงบ้านฉันหรือไม่ คืนนี้ฉันจะได้นอนหลับหรือไม่ บางรายหนักขนาดที่ต้องเข้ารับการรักษา ทางสุขภาพจิต บางบ้านที่มีทุนทรัพย์ก็ต้องจำใจในการต่อเติมเพื่อปิดกั้นเสียง ไม่ให้เสียง เล็ดลอดเข้ามา หรือเล็ดลอดเข้ามาให้ได้น้อยที่สุด แต่ผู้ที่ไม่มีทุนทรัพย์ก็ต้องทำใจยอมรับ เสียงที่ดังเข้ามาในบ้านตนเอง ต้องนอนหลับไปพร้อมกับเสียงดังที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไร เนื่องจากไม่มีเงินในการต่อเติมให้มิดชิด ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้เป็นการผลักภาระให้กับ ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบข้าง จริง ๆ หลายคนในพื้นที่บอกกับผมว่าแทบจะทุกคนเห็นด้วย กับการเปิดธุรกิจภาคกลางคืน เพราะสถานบันเทิงเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ และคนในชุมชนรอบข้างที่ทำมาหากินกับแหล่งท่องเที่ยวนี้อย่างมหาศาล เช่น ขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ขับยานพาหนะบริการ หรือเป็นผู้รักษาความปลอดภัย แต่ประชาชนวิงวอน ร้องขอมายังผมให้มีมาตรการควบคุมระดับเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และอยู่ร่วมกันได้ ทุกฝ่าย
ถัดมาครับ เวลาเปิดปิดซึ่งกฎหมายฉบับปัจจุบันอนุญาตให้เปิดถึงแค่เที่ยงคืน เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงสถานบันเทิงในหลาย ๆ พื้นที่ หลายจังหวัดก็เปิดกันถึงตีสาม ตีสี่ อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งผมเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่และเพื่อนสมาชิกก็ไม่ได้ติดขัดเรื่องการเปิด ให้บริการถึงช่วงเช้ามืด เพียงแต่ขอให้มีมาตรการการควบคุมอย่างเหมาะสมและอยู่ร่วมกันได้ ผมจึงอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดเวลาเปิดปิด เพราะแต่ละพื้นที่มีบริบท ที่แตกต่างกันไป พ.ร.บ. สถานบริการปี ๒๕๐๙ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่แม่ผมเกิด ยังคงบังคับใช้ จนถึงทุกวันนี้
มาตรา ๓ วรรคห้า สถานที่ที่มีอาหาร สุรา เครื่องดื่มต้องปิดทำการ หลัง ๒๔.๐๐ นาฬิกา ซึ่งก็คือเที่ยงคืน
มาตรา ๗ อาคารหรือสถานที่ที่ขออนุญาตตั้งเป็นสถานบริการต้องไม่อยู่ ใกล้ชิดวัด สถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา โรงเรียนหรือสถานศึกษา โรงพยาบาล สถานพยาบาล ท่านประธานเห็นไหมครับว่าถนนเส้นที่ผมกล่าวถึงเบื้องต้นมีกี่ชุมชน วัด มัสยิดกี่แห่ง โรงเรียนกี่ที่ ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่มองว่ากฎหมายฉบับนี้ล้าหลัง ไม่สอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน และไม่รัดกุม เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ดุลยพินิจมากเกินไป เป็นบ่อเกิดทำให้เกิดการเรียก รับส่วย ผมจึงขออภิปรายเพื่อสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญสถานบันเทิง เพื่อศึกษาหาทางออกร่วมกันและกำหนดมาตรการที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสังคม ปัจจุบัน ขอบคุณครับ
ขอ Slide ด้วยครับ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑ พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ วันนี้ผมขอที่จะปรึกษาหารือทั้งหมด ๓ เรื่อง
ประเด็นที่ ๑ ท่ออุดตันเรือคลองโอ่งอ่าง ผมได้รับเรื่องร้องเรียนมาจาก ประชาชนที่อาศัยในบริเวณสะพานหัน คลองโอ่งอ่าง ที่กำลังเผชิญหน้าปัญหาบ้านถูกน้ำท่วม เพราะท่อระบายน้ำอุดตัน ฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเข้ามาดำเนินการเพื่อที่จะ สำรวจรางเก็บท่อระบายน้ำซึ่งจะทำให้ทราบสาเหตุนี้ ไขมัน ขยะ เข้ามาอุดตันเต็มไปหมด เลยครับ พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตพระนครและเขตสัมพันธวงศ์
ประเด็นที่ ๒ ตอนนี้มีแมวเป็นโรคเชื้อรากินเนื้อครับท่านประธาน โดยเชื้อ ตัวนี้คือโรคเชื้อราชื่อว่า Cryptococcosis เป็นเชื้อราติดต่อผ่านการหายใจ ส่วนมากจะติด จากมูลนกพิราบ และอีกตัวหนึ่งมีโรคเชื้อรา Sporotrichosis โดยตัวนี้สามารถติดต่อจาก สัตว์สู่คนได้จากการสัมผัส ฝากไปยังกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่ง ในการจัดการครับ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบถึงโรคระบาดตัวนี้ ด้วยครับ
ประเด็นสุดท้าย เป็นปัญหาเรื่องการเปิดบัญชีของคนไร้บ้านที่เขตพระนคร เส้นถนนราชดำเนิน ท่านประธานครับ ผมเชื่อว่าทุกคนคงทราบถึงปัญหาของแก๊ง Call Center ซึ่งแก๊ง Call Center เหล่านี้จะหลอกคนให้โอนเงินไปยังบัญชีม้า ท่านประธาน รู้ไหมครับ บัญชีม้าเหล่านี้เขาเอามาจากไหนกัน ผมขอแจ้งเลยว่าส่วนใหญ่มีบางส่วนไม่มาก ก็น้อย หลอกล่อให้คนไร้บ้านเหล่านี้มาเปิดบัญชีม้าโดยแลกกับเงินตั้งแต่ ๓๐๐-๒,๐๐๐ บาท ผมรู้ว่ามันมีเป็นกระบวนการเลยครับ และมีกระบวนการหักหัวคิวด้วย อยากจะแจ้งไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาดูแลและช่วยสร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้กับสังคม ได้รับรู้ครับ ขอบคุณครับ
ท่านประธานครับ ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ๒๒๖ แสดงตนครับ
เรียนท่านประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต ๑ พรรคก้าวไกล วันนี้ผมขอปรึกษาหารือทั้งหมด ๓ ประเด็นครับ ท่านประธาน
ประเด็นแรก เป็นประเด็นปัญหาระดับประเทศเลย ตอนนี้ปัญหา ยาเสพติดระบาดหนักในพื้นที่ชุมชนในเขตที่ผมดูแล หลังจากประกาศใช้นโยบายยาบ้า ๕ เม็ด มีเรื่องร้องเรียนมาที่ผมเกี่ยวกับการใช้สารเสพติดในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งนโยบาย ดังกล่าวสร้างความสับสนให้กับประชาชนอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมจะไม่ขอวิจารณ์ในเนื้อหา ของนโยบายดังกล่าว จริง ๆ ปัญหานี้ระบาดทั่วทั้ง ๕ เขตที่ผมดูแล แต่เบื้องต้นจะขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปตรวจสอบพื้นที่ต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด เนื่องจากผมได้รวบรวมพื้นที่ที่ได้รับเรื่องร้องเรียน มาเป็นจำนวนมาก ๑. บ้านมนังคศิลา ถนนวัดสุคันธาราม ๒. ชุมชนวัดญวน คลองลำปัก ๓. ท่าน้ำราชวงศ์มังราย ตลาดเช้ามืด ๔. จอมสมบูรณ์ ๕. ตรอกขุนนาวา ฝากหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเคร่งครัดด้วยครับ
ประเด็นถัดมาครับ ปัญหาไฟดับในพื้นที่ รอบนี้ดับกันยาวทั้งเส้นเลยครับ ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ไขในพื้นที่ดังต่อไปนี้ด้วย ๑. ริมคลองมหานาค ฝั่งมัสยิดมหานาคทั้งแถบเลย ๒. แยกสะพานขาวฝั่งตลาดมหานาค และฝั่งหน้ากระทรวง พม. ๓. ถนนลูกหลวง ช่วงซอยลูกหลวง ๗ ถึงสะพานเทวกรรมรังรักษ์ ๔. ริมคลองผดุง กรุงเกษม ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหารจนถึงบริเวณหน้าวัดโสมนัส ราชวรวิหาร ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปดำเนินการด้วยครับ
ประเด็นสุดท้ายครับ เดือนหน้าจะมีเทศกาลวันสงกรานต์ ก่อนหน้านี้ผมได้ ลงพื้นที่และได้หารือกับผู้ว่า กทม. ผอ. เขตพระนครและผู้กำกับ สน. เรื่องการยกระดับ ความปลอดภัยในพื้นที่ถนนข้าวสาร ผมฝากไปทางหน่วยงาน กทม. ให้เร่งรัดติดตาม มาตรการเรื่องการยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่ถนนข้าวสารด้วยครับ ขอให้มีการทำเสา ป้ายบอกทางฉุกเฉินที่ชัดเจนและระบบ Sensor เรื่องความหนาแน่นในพื้นที่ เพื่อความ ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ปัจจุบันทางออกไม่ชัดเจนครับ หากเกิด เหตุการณ์ไม่คาดฝันจะสร้างความเสียหายให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างสาหัส แน่นอน เราจะพลาดอีกไม่ได้แล้วครับ ส่วนตัวผมเองไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบอิแทวอน ประเทศเกาหลีใต้ เราต้องทำงานเชิงรุกในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ทำงาน แบบวัวหายแล้วล้อมคอก ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต ๑ พระนคร ป้อมปราบ สัมพันธวงศ์ บางรัก ดุสิต พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ วันนี้ผมมีเรื่องปรึกษาหารือทั้งหมด ๓ ประเด็นครับ
ประเด็นแรก เป็นเรื่อง ของสายสื่อสารรุงรัง ไม่ใช่แค่ในเขตผมนะครับ แต่เป็นทั้งกรุงเทพฯ จึงขอให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการปัญหาเรื้อรัง เนื่องจากพื้นที่ของผมเป็นเขตท่องเที่ยวใจกลางเมือง มีความกังวลมากมายเรื่องความปลอดภัย และยังเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อประเทศ เพราะเรา เป็นเมืองท่องเที่ยวครับ ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกประกาศระเบียบเลยครับ ให้บริษัท เจ้าของสายสื่อสารเหล่านี้เข้ามาจัดการสายสื่อสาร มิเช่นนั้นจะต้องมีบทลงโทษนะครับ รูปนี้คือภาพถ่ายที่ผมถ่ายเองตรงถนนเยาวราช ถนนเส้นนี้ขึ้นชื่อถือว่าเป็นถนน Street Food ระดับโลก สร้างเม็ดเงินจำนวนมากมหาศาลให้กับประเทศไทย แต่สายสื่อสารพันกัน เต็มไปหมดเลยครับ ผมว่าดูแล้วไม่เจริญหูตา เอาลงดินได้แล้วครับ ถนนเส้นนี้ทำให้มัน เรียบร้อยเถอะ ยิ่งช้ายิ่งเสียโอกาส เสียภาพลักษณ์ เสียชื่อหมดครับ
ประเด็นถัดมา เป็นเรื่องไฟดับจำนวนมากในกรุงเทพฯ เขต ๑ ผมได้รับแจ้ง ล่าสุดมากว่า ๒๐ เคสในเร็ว ๆ นี้ ตามที่ขึ้นบนสไลด์ แต่ทำเสร็จไปแค่ ๔ เคสเท่านั้น ฝาก การไฟฟ้านครหลวงและ กทม. รีบเข้ามาจัดการ ประชาชนบอกผมมาแจ้งไปหลายรอบแล้ว แต่ยังนิ่งเฉย เช่น ซอยสุจริต เขตดุสิต เป็นซอยแคบทางโค้ง ดึก ๆ มีมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามา ชนบ้าน ชุมชนหลายครั้ง สร้างความเสียหายและความไม่ปลอดภัยแก่พื้นที่ชุมชน
ประเด็นสุดท้าย เป็นเรื่องของป้ายรถประจำทางสาธารณะ เนื่องจากพื้นที่ผม เป็นเขตท่องเที่ยวคนสัญจรเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้เปลี่ยนป้ายรถเมล์เก่าให้เป็น ป้ายรถเมล์ใหม่ที่ครอบคลุมกว่าเดิม แล้วก็เสนอแนะให้มี QR Code บริการภาษาอื่น ๆ แล้วก็ทำให้มันสวยเป็นอัตลักษณ์ตามพื้นที่ท่องเที่ยวในเขตด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
เรียนประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต ๑ พรรคก้าวไกล วันนี้ผมขออภิปรายสนับสนุนร่างของเพื่อนสมาชิก ศนิวารนะครับ ในกฎหมายต่อสภาผู้แทนราษฎร ในการควบคุมมาตรการป้องกันเหตุ ดอกไม้ไฟที่ระเบิดในจังหวัดสุพรรณบุรี ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมต้องขอแสดงความเสียใจ กับทุกครอบครัวของผู้เสียชีวิต ในเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรี ไม่ว่าเวลาไหนหรือที่ไหน เหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น และเหตุการณ์ ดังกล่าวนี้ทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่ผมเป็นผู้แทนนี้ มีความกังวลใจและเกิดความหวาดกลัว เป็นอย่างมาก ขอสไลด์ด้วยครับ
ท่านประธานครับ ถ้าย้อนกลับไปสมัยรุ่นพ่อ รุ่นแม่ผม หากเขาถามว่าอยากจะไปซื้อดอกไม้ไฟในตัวเมือง กรุงเทพมหานครต้องไปที่ไหน ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันครับว่าสามารถซื้อได้บริเวณ รอบวัดสระเกศ หรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันคือวัดภูเขาทอง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนบริพัตร ถนนบำรุงเมือง และถนนจักรพรรดิพงษ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ผมเอง หากดูจากสไลด์ของผม Website ชื่อดังยังมีการพูดคุยเรื่องการซื้อดอกไม้ไฟในพื้นที่ ที่ผมอยู่นั้นเป็นอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดปี ๒๕๖๖ ยังมีการถามกันไปมาอยู่เลย ชาวอินเตอร์เน็ต ยังตั้งคำถามเร็ว ๆ นี้ว่าดอกไม้ไฟถ้าจะซื้อต้องไปที่ไหน ก็มีคนตอบมาว่าย่านภูเขาทองครับ แต่เขาแอบขาย เดี๋ยวมีมอเตอร์ไซค์มารับถึงที่เลย ถ้าอยากซื้อท่านลองหยิบมือถือขึ้นมา แล้วเปิดแผนที่ใน Google Map พร้อม Search คำว่า ดอกไม้ไฟ สิ่งที่ท่านเจอจะปรากฏ ขึ้นมาบนหน้าจอจะมีร้านจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ขึ้นมาเพียบเลยครับ แต่เขาจะแอบ ๆ ขายกัน จะมีเบอร์แปะอยู่หน้าร้านเพื่อเรียกลูกค้า แล้วคนขายก็จะพาท่านไปดูหลังร้าน สิ่งที่เพิ่ม ความกังวลใจมากขึ้นเป็นเพราะบริเวณแถวนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นโรงงานไม้ และร้านจำหน่าย สินค้าที่เกี่ยวข้องกับวัตถุไม้ นอกจากนั้นยังเป็นอาคารตึกแถวติด ๆ กัน ยังมีทั้งวัด โรงเรียน และชุมชน ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเป็นอาคารค่อนข้างเก่าแก่ที่มีมานานแล้ว ผมไม่อยากจะคิดเลยครับว่าถ้ามีเหตุการณ์ที่กักเก็บพลุระเบิดในบริเวณนี้จะเป็นอย่างไร ตัวผมได้รับเสียงกังวลใจจากประชาชนในพื้นที่อยู่หลายครั้งว่ามีร้านดอกไม้ไฟที่ไม่ได้ ขอใบอนุญาตจำหน่ายอยู่หลายร้าน ตัวผมและทีมงานได้มีการไปลองซื้อด้วยตนเองมาแล้ว ตั้งข้อสังเกตที่ได้มา ส่วนใหญ่จะไม่มีหน้าร้าน หากต้องการซื้อต้องโทรไป Order ก่อนล่วงหน้า หรือส่งข้อความผ่านช่องทางต่าง ๆ แล้วทางร้านจะเตรียมสินค้าไว้ให้หรือให้ลูกค้าสามารถ เข้ามารับชมสินค้าผ่านในห้องจัดเก็บหลังร้าน เก็บไว้ในห้องที่มีอากาศร้อนและอากาศไม่ถ่ายเท ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าไปจับกุมร้านเหล่านี้ สุดท้ายแล้ว ก็มีการลงโทษสั่งปรับไปเพียง ๑,๐๐๐ บาท แต่ผ่านไป ๒-๓ วันเท่านั้น ประชาชนก็ได้ร้องเรียนมาว่าร้านเดิมยังกลับมาเปิดเป็นปกติ สิ่งที่ทำให้ร้านค้าเหล่านี้ยังคงกลับมาจำหน่ายกันได้ใหม่ภายในไม่กี่วัน ส่วนหนึ่ง เพราะการบังคับใช้ พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียม อาวุธปืน ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗๗ ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท ถึงแม้ว่าจะมีโทษจำคุก แต่ในทางปฏิบัติส่วนใหญ่จะเป็น การปรับเพียง ๑,๐๐๐ บาทเท่านั้น จึงทำให้ร้านค้าเหล่านี้ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และกลับมาเปิดใหม่เพียงเวลาไม่กี่วันเท่านั้น สุดท้ายนี้ผมไม่อยากให้ประเทศเราทำงานกัน แบบวัวหายแล้วล้อมคอกกันอีกแล้ว เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น เราได้รับ บทเรียนกันมามากพอแล้วครับ ต้องเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อมิให้เกิด การสูญเสียแบบที่ผ่านมา ทุกชีวิตที่สูญเสียนั้นไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้ ต้องมีเด็ก อีกกี่คนที่จะต้องสูญเสียพ่อแม่ หรือพ่อแม่อีกกี่บ้านที่ต้องสูญเสียลูก บางครอบครัว ต้องเสียโอกาสหลาย ๆ อย่าง อย่าลืมว่าตรงพื้นที่นี้ใกล้กับโรงเรียน วัด ร้านค้าต่าง ๆ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถแปรเป็นมูลค่าได้เลยสำหรับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ขอบคุณครับ
กราบเรียน ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต ๑ พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ วันนี้ผมขอ อภิปรายสนับสนุนร่างของ สส. เพื่อนสมาชิก ธิษะณา ชุณหะวัณ ท่านประธานครับ ผมขอย้อนเวลากลับไปเมื่อปีที่แล้วสมัยที่ผมยังหาเสียงนะครับ ผมได้รับเรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับค่าไฟแพงมาโดยตลอด และผมเองยังเคยแสดงความเห็นใน Social Media อยู่หลายครั้งหลายคราว จนถึงตอนนี้เวลาผมลงพื้นที่ก็ยังได้ยินเสียงความเดือดร้อน จากประชาชนอยู่เสมอ โดยเฉพาะพื้นที่ของผมซึ่งเป็นเขตในเมืองชั้นในเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ย่านการค้า ไม่ว่าจะเป็น Street Food Cafe โรงแรม ร้านอาหาร สถานบริการ สถานประกอบการ และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงประชาชนผู้พักอาศัยไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจนล้วนแต่ ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ท่านประธานครับ วันนี้ผมจะมาส่งเสียงแทนประชาชนคนตัวเล็ก ตัวน้อยที่ส่งเสียงไปเท่าไร ก็ไม่เคยได้รับการตอบรับจากภาครัฐโดยเฉพาะพ่อค้า แม่ขาย ผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อย แทนที่จะขายของได้กำไรแล้วเอาไปส่งเสียดูแลครอบครัว เปล่าเลยครับ หามาได้เท่าไร เอามาจ่ายค่าไฟที่แพงแสนแพงท่านประธานลองมาดูร้านค้า ในเขตผมได้เลยครับ อย่าคิดว่าอยู่ในเมืองแล้วจะขายดีนะครับเจอวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ ปิดตัวกันนับไม่ถ้วน แบกรับต้นทุนไม่ไหว ไหนจะค่าเช่า ค่าพนักงานและราคาไฟฟ้า ซึ่งเป็น ส่วนสำคัญของต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ผมไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมารัฐกำลังปิดหูปิดตา ไม่สนใจ รับฟังเสียงของประชาชนอยู่หรือไม่ ทำไมรัฐถึงปล่อยให้กลุ่มทุนพลังงานเพียงไม่กี่กลุ่ม กอบโกยกำไรบนความทุกข์ยากลำบากและสร้างภาระหนี้สินให้ประชาชนได้ขนาดนี้ ภาครัฐมี หน้าที่กำกับดูแลครับ ไม่ใช่มีหน้าที่เอื้อกลุ่มทุนพลังงานขนาดใหญ่อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ท่านประธานครับ พลังงานและไฟฟ้าเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิตของประชาชน ทุกคน ไม่มีเว้นใครคนใดคนหนึ่ง ผมต้องฝากไปยังท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ช่วยเห็นใจประชาชนตาดำ ๆ หน่อยครับ อย่าให้พ่อค้า แม่ขาย หาเช้ากินค่ำเดือดร้อนและต้องแบกรับค่าไฟแพง ๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เหมือนกลุ่ม นายทุนพลังงานไม่กี่ราย ประกาศกำไรทีไรตะลึงกันทุกรอบ รวยอู้ฟู่กันแบบใช้เงินอย่างไร ก็ไม่หมด ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ ที่รัฐบาลจะทำให้สังคมคนไทยได้เห็นว่ารัฐยืนอยู่ข้าง ผลประโยชน์ของประชาชน และไม่ใช่ข้างกลุ่มนายทุนพลังงาน วันนี้ผมจะมาพูดถึงหนึ่งใน สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าไฟบ้านเราแพง ซึ่งก็คือการรับซื้อไฟฟ้าแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำให้ Power Reserve หรือไฟฟ้าสำรองในประเทศไทยมีมากมหาศาลเกินความจำเป็นและเกิน ความต้องการ ผมขออ้างอิงข้อมูลจากมาตรฐานสากลขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency หรือ IEA ได้ระบุว่ากำลังผลิตไฟฟ้าสำรองที่เหมาะสมอยู่ที่ ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ถึงร้อยละ ๑๕ ของความต้องการไฟฟ้าสูงสุด แต่ปัจจุบันประเทศเรามีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองสูงถึงร้อยละ ๕๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ เดือนมีนาคม ปี ๒๕๖๖ เรามีกำลังผลิตตามสัญญา จำนวน ๕๓,๗๐๐ ในขณะที่ Peak หรือความต้องการสูงสุด ในระบบทั้ง ๓ การไฟฟ้าอยู่ที่ ๓๔,๘๖๒ เมกะวัตต์ ณ วันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ซึ่งมีปริมาณไฟฟ้าสำรองส่วนเกินเกือบ ๒๐,๐๐๐ เมกะวัตต์ ตัวเลขนี้ชี้ชัดได้เลยว่าเรามี ไฟฟ้าสำรองในระบบมากเกินความจำเป็นอย่างมหาศาล จึงไปสะท้อนสู่ค่าไฟฟ้าที่แพง มหาโหดใน Bill ค่าไฟของทุกท่าน นอกจากนี้ยังมีปัญหาของค่าความพร้อมจ่ายหรือ Availability Payment ไปให้กับประชาชนด้วย ปัจจุบันรัฐต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่าย ให้กับโรงไฟฟ้า ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าในลักษณะไม่ซื้อก็ต้องจ่ายหรือ Take or Pay ที่ผ่านมามีโรงไฟฟ้าเอกชนเกินความต้องการอยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก เรามีโรงไฟฟ้า ขนาดใหญ่ ๘ จาก ๑๒ แห่ง ที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้า หรือเดินเครื่องแบบไม่เต็มศักยภาพ โดยมีคาดการณ์ว่ารัฐต้องจ่ายเงินถึง ๔๙,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี ให้กับโรงไฟฟ้าเหล่านี้ ด้วยปัญหาดังกล่าวที่ผมได้อภิปรายไปรัฐยังไม่จัดการอย่างจริงจัง จึงทำให้ราคาไฟฟ้าแพง แทนที่รัฐจะหยุดหรือลดการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนไปมากกว่านี้ แต่รัฐอย่าเดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มทุนพลังงานเอกชนและธุรกิจพลังงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วเราก็เห็นกันอยู่ครับ บ่อยครั้งภาครัฐมักจะซื้อไฟฟ้า จากเอกชนรายเดิม ๆ ที่คุ้นหน้าคุณตา ผมต้องฝากไปยังรัฐบาลด้วยครับ แผนพัฒนากำลัง การผลิตไฟฟ้า หรือ Power Development Plan (PDP) ฉบับใหม่ ที่กำลังทบทวนอยู่ตอนนี้ และกำลังจะประกาศใช้ในปีนี้ ขอให้พิจารณาอย่างรัดกุม รอบคอบ มิใช่ทำแผนเพียงเพื่อ จะเอื้อประโยชน์เชิงนโยบาย เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่มทุนพลังงานหน้าเดิม ๆ ได้กอบโกยกำไรบนความทุกข์ยากลำบากของพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ขอบคุณครับ