นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ

  • กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด เชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทย วันนี้ดิฉันขออภิปรายในวาระรับทราบรายงานกิจการ ประจำปีงบดุลบัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ดิฉันได้อ่านรายงานตามเล่มที่ทางธนาคาร เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และตั้งข้อสังเกตอันสืบเนื่องมาจากรายงาน ฉบับนี้เพียง ๒ ประเด็น

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นแรก ที่ดิฉันอยากสอบถามไปยังหน่วยงานอยู่ในรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ในหมวด ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ดิฉันพบว่าปี ๒๕๖๕ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจาก การดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มเยอะขึ้นมากค่ะท่านประธาน โดยจากเดิมมีอยู่แล้วประมาณ ๑๐ ล้านบาท กลายเป็น ๗๙.๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๗๐ ล้านบาท ภายใน ๑ ปี ดิฉันสงสัยว่า เหตุใดหนี้สูญรายนี้เพิ่มขึ้นเยอะขนาดนี้ จึงลองเปิดไปดูหมายเหตุประกอบงบการเงินหัวข้อ ๖.๓๐ และพบว่าสาเหตุหลักเกิดมาจาก รายการที่มีชื่อว่า หนี้สูญและสำรองจากการรับซื้อสิทธิเรียกร้อง ซึ่งเพิ่มขึ้นราว ๖๕ ล้านบาท ในประเด็นนี้ดิฉันอยากทราบว่าธนาคารได้ชี้แจงว่าหนี้สูญและการสำรองจาก การรับซื้อสิทธิเรียกร้องคืออะไร มีรายละเอียดความเป็นมาอย่างไร เหตุใดจึงเพิ่มขึ้นถึง ๖๕ ล้านบาท ภายใน ๑ ปี แล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อจากนี้ที่สูญไปนี้ นอกจากนี้ธนาคาร มีการวางแผนอย่างไรเพื่อในการควบคุมหนี้สูญในลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้น ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ ในงบแสดงสถานะการเงิน หมวดหนี้สินและส่วนเจ้าของ ของรายการหนี้สินอนุพันธ์นะคะ พบว่ามีรายการหนี้สินอนุพันธ์เพิ่มขึ้นเยอะมาก จากประมาณ ๗๔๘ ล้านบาท เป็นประมาณ ๒,๗๖๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท ภายใน ๑ ปี ขออภัยค่ะ แน่นอนท่านประธานคะว่าตัวเลขเยอะขนาดนี้ ย่อมให้ดิฉันสงสัย ดิฉันจึงตามไปดูหมายเหตุ ๖.๔ ในรายงานฉบับนี้และพบว่าเป็นการบริหาร จัดการเพื่อป้องกันความเสี่ยงในมูลค่ายุติธรรม อันเกี่ยวเนื่องมาจากตราสารหนี้ที่เป็นสกุลเงิน ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดิฉันเห็นว่ามีความจำเป็น และขอแสดงความชื่นชมของธนาคารที่ได้มี การป้องกันความเสี่ยงตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเงิน อย่างไรก็ตามค่ะท่านประธาน ในภาวะที่ดอกเบี้ยของนโยบายสหรัฐมีท่าทีว่าปรับขึ้นเพียงอีกเล็กน้อย ดิฉันอยากตั้งคำถาม ว่าธนาคารได้มีการวางแผนบริหารความเสี่ยงต่อเนื่องอย่างไรในอนาคต เพื่อให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ดิฉันมีประเด็นอภิปรายเพียงเท่านี้ค่ะ อยากจะขอฝากธนาคารช่วยชี้แจงตามข้อสังเกตที่ดิฉันได้ถามไป แล้วก็เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้แก่ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อธนาคารทุกคนค่ะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทยค่ะ วันนี้ดิฉันมีเรื่องหารือเกี่ยวกับความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชนที่มีอย่างยาวนาน

    อ่านในการประชุม

  • โดยพื้นที่ที่ดิฉันกล่าวถึงนี้ เคยหยิบยกมาในสภาแห่งนี้มาแล้ว ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๒ และในวันนี้ดิฉัน ขอเอาประเด็นความเดือดร้อนดังกล่าวมาแจ้งให้ท่านประธานทราบอีกครั้งนะคะ กล่าวคือ ไม่นานมานี้ได้เกิดพายุไต้ฝุ่นขนุนทำให้เกิดฝนตกหนักในช่วงระหว่างวันที่ ๖-๙ กรกฎาคม ปี ๒๕๖๖ ทำให้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องอีกครั้งในช่วงวันที่ ๖-๘ สิงหาคม ปี ๒๕๖๖ ในเขต พื้นที่อำเภออมก๋อย อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด ส่งผลทำให้ถนนส่วนใหญ่ที่เป็นดิน เกิดความเสียหายอย่างหนัก ไม่สามารถสัญจรไปมาได้สะดวก ทั้งนี้ถนนส่วนใหญ่เป็นดิน และลัดเลาะตามไหล่เขาเป็นถนนลาดชันเกิดความเสียหายขึ้น ทำให้มีการสัญจร ไปมาได้ลำบากนะคะ แล้วก็แยกเป็นรายพื้นที่ดังต่อไปนี้

    อ่านในการประชุม

  • ๑. ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย มีทั้งหมด ๒๑ หมู่บ้านใช้เส้นทางนี้ค่ะ ท่านประธาน เส้นทางมีความเสียหายอย่างหนักมาก รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยเฉพาะบ้านแม่เกิบ บ้านแม่ฮองกลาง บ้านแม่ฮองใต้ บ้านห้วยหวาย

    อ่านในการประชุม

  • ๒. ตำบลแม่หลอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ การสื่อสารถูกตัดขาดเลยนะคะ เนื่องจากว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ ล้มทับเสาไฟฟ้าขาด ส่งผลให้สัญญาณโทรศัพท์และไฟฟ้าใช้การไม่ได้ ประกอบไปด้วย ๖ หมู่บ้านเลยที่ใช้เส้นทางนี้ แล้วก็ยังส่งผลทำให้นักเรียนสัญจรไปมาโรงเรียนไม่ได้ และผู้ปกครองไม่สามารถรับส่งนักเรียนได้ นักเรียนจำนวน ๖๐-๗๐ คนต้องหยุดเรียน เพราะว่าเดินทางลำบากใช้เวลาเป็นชั่วโมงทุกครั้งที่เกิดพายุฝนค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ๓. ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เพราะว่า ถนนกลายเป็นโคลน สัญจรไปมาลำบากมากเลยนะคะ มีทั้งหมด ๑๐ หมู่บ้านที่ท่านใช้ เส้นทางนี้อย่างที่เห็น ลองนึกภาพที่เป็นมอเตอร์ไซค์นี่ภาพคุณครูดอยที่ต้องเดินทางขึ้นดอย ไปสอนนักเรียน

    อ่านในการประชุม

  • ๔. ตำบลอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ถนนเสียหายอย่างหนักใช้การไม่ได้นะคะ ท่านชาวบ้านต้องเอาจอบเอาเสียมมากลบร่องดินด้วยตัวเอง และเดินทางเท้าแทน โดยการใช้รถ ถนนจากดินกลายเป็นโคลนเพราะว่าฝนตกหนักกันยาวนานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ๕. ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ สภาพถนนเสียหาย แต่เนื่องจากอยู่ในเขตรับผิดชอบของตำบลแม่ระเมิง อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ทำให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ตำบลยางเปียง ไม่สามารถนำเครื่องจักรเข้าไปใช้ในพื้นที่ ได้ค่ะท่าน

    อ่านในการประชุม

  • ๖. อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางได้รับความเสียหายอย่างหนัก รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ปกติ ถนนมีสภาพร่องลึก แล้วก็มีระยะทางกว่า ๑๔ กิโลเมตร วันที่ดิฉันลงพื้นที่ก็พบว่าผู้ป่วยทุลักทุเลลำเลียงออกมา

    อ่านในการประชุม

  • สุดท้ายค่ะท่านประธานขอเวลานิดหนึ่งนะคะ สุดท้ายค่ะ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของดิฉันเองนะคะ เส้นทางนี้ได้รับความเสียหาย ถนนที่เชื่อมต่อจากบ้านนาฟ่อนและบ้านพุย ถนนบ้านบ่อสลี บ้านทุ่ง บ้านแม่แวง และถนน สายบ้านกองปะ บ้านเฮาะคี ทั้ง ๓ เส้นมีความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๕ กิโลเมตร ผิวจราจรลื่นมาก รถยนต์สัญจรไปมาลำบาก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุตลอดทางค่ะท่าน จึงขอกราบเรียน ท่านประธานสภาได้นำหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย ถึงกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเป็นการเร่งด่วน โดยเร่งรัดใช้งบประมาณเพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงพื้นที่ ทันที ขอบกราบพระคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทย วันนี้ดิฉันจะมาอภิปรายรับทราบรายงานกิจการ ประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ดิฉันได้อ่านรายงานประจำปี ปี ๒๕๖๕ ของ SME D Bank หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แห่งประเทศไทยโดยละเอียดแล้วนะคะ ก่อนอื่นดิฉันขอแสดงความชื่นชมต่อผู้บริหารของธนาคารในปี ๒๕๖๕ ที่ผ่านมานี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารอยู่ในระดับที่พอใจ รายได้รวมเพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น สามารถ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงขึ้นถึง ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท และรักษาการจ้างงานในระบบ เศรษฐกิจได้มากกว่า ๒๒๐,๐๐๐ ราย อย่างไรก็ตามจากการที่ได้อ่านงบการเงินของธนาคาร โดยละเอียด ดิฉันมีประเด็นที่อยากสอบถาม และอยากให้ช่วยชี้แจงดังต่อไปนี้

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นแรก ในงบแสดงสถานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ จุดที่เตะตาดิฉันมาก ๆ เลยอยู่ในหมวดสินทรัพย์ บรรทัดแรกคือรายการระหว่างธนาคาร และตลาดเงินสุทธิ พบว่ามียอดสูงขึ้นมากเลย จาก ๙๒๑ ล้านบาท เป็น ๒,๗๕๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า ๑,๘๐๐ ล้านบาท ด้วยความสงสัยของดิฉันจึงตามไปดูที่หมายเหตุ และพบว่า ยอดที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากรายการกับธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทมีระยะเวลา โดยเพิ่มขึ้น ๒,๐๐๐ ล้านบาท จึงอยากให้ธนาคารชี้แจงเพิ่มเติมว่ารายการกับแบงก์ชาตินี้ คืออะไร มีรายละเอียดอะไรค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ ที่อยากตั้งข้อสังเกตคือในงบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุน เบ็ดเสร็จอื่น สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ พบว่าธนาคารมีหนี้สูญ และหนี้ สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่ารวม ๑,๕๖๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๖๔ ถึง ๕๖๒.๓๖ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า ๕๔ เปอร์เซ็นต์ และเหมือนเช่นเคยเมื่อพบรายการ ที่เปลี่ยนแปลงขนาดนี้ ดิฉันจึงไปดูหมายเหตุแล้วพบว่าทั้งหมดเป็นรายการที่เรียกว่า ธุรกรรมปกติ คือการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ ดิฉันอยากทราบว่าเหตุใดตัวเลขนี้ถึงเพิ่มขึ้นขนาดนี้ ทั้งที่เงินในสินเชื่อแก่ลูกหนี้เพิ่มแค่เพียง ๓๕ เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว คือจากเดิมเป็น ๔๖,๙๕๑ ล้านบาท เป็น ๖๓,๔๕๖ ล้านบาท จึงอยากให้ธนาคารชี้แจง รายละเอียดของรายการนี้ด้วยค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๓ รายการที่จะมองข้ามไม่ได้เลยสำหรับทุกธนาคารคือ NPL หรือเงินที่ให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ โดยดูยอด NPL ณ ปี ๒๕๖๕ จะพบว่าธนาคารมี NPL ๑๐,๖๒๔.๑๗ ล้านบาท ถ้าคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อคงค้างคือ ๙.๗๒ เปอร์เซ็นต์ ถือว่า ไม่น้อยเลยกับการที่มี NPL ๑๐,๐๐๐ ล้านบาทเช่นนี้ ดิฉันจึงอยากสอบถาม จากธนาคาร อธิบายว่า NPL ต่อสินเชื่อคงค้างในอัตราส่วนนี้ถือว่าสูงเกินไปหรือไม่เมื่อเปรียบเทียบกับ ปีที่ผ่านมาแล้วเป็นอย่างไร และธนาคารมีแผนบริหารจัดการอย่างไรเพื่อสร้างสมดุลระหว่าง การให้สินเชื่อ เพื่อนำธุรกิจไปสร้างรายได้และเติบโต ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามรักษา อัตราส่วนหนี้เสียไม่ให้มีมากเกินไป

    อ่านในการประชุม

  • สุดท้ายค่ะท่านประธาน ด้วยความที่ว่าในเขตพื้นที่ของดิฉันซึ่งเป็นพื้นที่ ห่างไกล ได้แก่ อมก๋อย ดอยเต่า แม่แจ่ม และอำเภอฮอด โดยลำพังแล้วการเข้าถึงโครงสร้าง พื้นฐานทำให้พวกเขามีชีวิตปกติมันก็ลำบากแล้วค่ะ อย่างที่ดิฉันได้หารือไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอฝนตกไฟก็ดับ ถนนก็ถูกตัดขาด อีกทั้งชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์ มีทั้งอุปสรรค ทางด้านภาษา ความรู้ ส่งผลทำให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มาจากการมาใช้ประกอบธุรกิจ ของตัวเองยิ่งยากขึ้นหลายเท่ากว่าคนทั่วไป ดิฉันอยากสอบถามธนาคารว่ามีแนวทาง หรือนโยบายใดที่จะช่วยส่งเสริมเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลอย่างพื้นที่ ๔ อำเภอของดิฉัน หรืออย่างน้อย ๆ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปล่อยสินเชื่อ Micro ซึ่งหมายถึง เงินกู้ก้อนเล็ก เริ่มต้นที่ ๒๐๐,๐๐๐ บาทให้แก่พวกเขาเพื่อนำไปประกอบอาชีพสร้างธุรกิจเลี้ยงปากท้อง ยกตัวอย่างเช่นจะทำอย่างไรให้แม่อุ๊ยคำหรือคุณป้าวัย ๕๐ กว่าที่อำเภอฮอดได้เงินไปซื้อ ผ้าทอหรือกี่ทอผ้าเพื่อมาทอผ้าคุณภาพที่ดีที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของเรา เหมือนชุดที่ดิฉัน ใส่มาวันนี้ค่ะ จะทำอย่างไรให้เขาเข้าถึงเงินทุนและสามารถขายสินค้าแบบนี้ไปถึงในตัวเมือง หรือว่าต่างประเทศ มีแนวทางอย่างไรในการให้ความรู้ความสะดวกแก่พวกเขา ท่ามกลาง ข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ดิฉันได้กล่าวมา ดิฉันขอขอบคุณธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทยสาขาเชียงใหม่ที่ให้ความรู้แล้วข้อมูลประกอบให้กับดิฉัน ที่ดิฉันได้ดูแลในพื้นที่ ขอบคุณท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด เชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทย วันนี้ดิฉันขออภิปรายรายงานรับทราบมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพปี ๒๕๔๔ ประจำปี ๒๕๖๕ โดยดิฉันมีข้อสังเกตจะขอสอบถามไปยังกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพทั้งหมด ๕ ประเด็นค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นแรก ในหมายเหตุที่ ๑๘.๑ ภาระผูกพันเงินอุดหนุนโครงการ รายงาน เอกสารหน้าที่ ๓๓๐ จากรายงานฉบับที่ท่านผู้ชี้แจงได้ส่งมายังสภาข้อมูลระบุว่า กองทุน มีภาระผูกพันที่ต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้ผู้รับเงินอุดหนุน ๒,๓๔๘ สัญญา เป็นเงินกว่า ๒,๓๐๐ ล้านบาท ดิฉันสงสัยว่าเพราะเหตุใดจำนวนสัญญาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก ๑ สัญญากลายเป็น ๒,๓๘๔ สัญญาในระยะเวลาไม่ถึง ๑๐ ปี ซึ่งทำให้กองทุนมีภาระ ผูกพันเพิ่มขึ้นตามไปด้วยจาก ๑๓๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๖ กลายเป็นกว่า ๒,๐๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๕ ดิฉันจึงอยากขอให้ทางกองทุนยกตัวอย่างให้ดิฉันเห็นว่าโครงการที่ได้รับเงิน อุดหนุนเป็นโครงการประเภทใด และรับเงินอุดหนุนจากโครงการละกี่บาท และเหตุใด มีโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ ในหมายเหตุที่ ๑๘.๒ ภาระผูกพันอื่น เอกสารรายงานหน้าที่ ๓๓๑ ข้อมูลระบุว่าเป็นภาระผูกพันจากสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการบริหาร จัดการโครงการ และการบริหารจัดการสำนักงานรวมทั้งบริการอื่น ๆ โดยตัวเลขนี้สูงถึง ๓๒๖ ล้านบาท ดิฉันอยากทราบว่าทางกองทุนไปจัดซื้ออะไร จัดจ้างใครมาเพื่อบริหารโครงการบ้าง เพราะเหตุใดยอดจึงสูงขนาดนี้ และมีการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ทำไมจึงสูงกว่า ๓๐๐ ล้านบาท พอจะมีทางที่จะลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงหรือไม่ นอกจากนี้ในส่วนของสัญญา จัดซื้อจัดจ้างเพื่อการบริหารการจัดการสำนักงานยังมียอดสูงถึง ๘๐ ล้านบาท อยากทราบว่า ทางกองทุนบริหารสำนักงานกันอย่างไร จึงมีค่าใช้จ่ายมากมายขนาดนี้ และอยากให้ช่วย ชี้แจงด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๓ ในหมายเหตุที่ ๒๔ รายงานอื่น เอกสารที่ได้รับหน้าที่ ๓๓๕ ข้อมูลระบุว่าในปี ๒๕๑๕ กองทุนได้รับดอกเบี้ยจากการลงทุนบริหารโดยกองทุน เกือบ ๕ ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปี ๒๕๖๔ ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ประมาณ ๒ ล้านบาท เงินเกือบ ๓ ล้านบาทค่ะท่านประธาน อยากทราบว่าทางกองทุนเอาเงินไปลงทุนอะไรบ้าง และเหตุใด ในปี ๒๕๖๕ จึงได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเยอะขนาดนี้ นอกจากนี้ดิฉันอยากทราบสาเหตุ ในการตัดสินใจลงทุนดังกล่าว เพื่อขอทราบว่าการลงทุนดังกล่าวให้ดอกเบี้ยในอัตราเท่าไร มีกำไรส่วนต่างจากเงินทุน หรือการเพิ่มขึ้นมูลค่าจากการลงทุนเท่าไร อย่างไร รบกวน ขอชี้แจงด้วยนะคะ สืบเนื่องมาจากข้อมูลที่อ้างอิงจากองค์การสหประชาชาติในหน้าที่ ๒๘ ของรายงานฉบับนี้ระบุว่าองค์การสหประชาชาติให้คำแนะนำว่าการลงทุนในงานควบคุม การบริโภคยาสูบแห่งประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องใช้เงินลงทุนเฉลี่ยถึง ๒,๕๐๐ ล้านบาท ภายในปีต่อปี และภายในระยะเวลา ๑๕ ปีนี้จะช่วยลดคนเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ได้ถึง ๓๕,๗๙๐ คน และลดจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อลงได้ถึง ๑๖๙,๑๑๗ คน ดิฉันอยากทราบว่า ที่ผ่านมาตัวเลขผู้สูบบุหรี่ลดลงเท่าไร อย่างไร เป็นไปตามสมมุติฐานของสหประชาชาติหรือไม่ และหากไม่เป็นไปตามนั้นทางกองทุนยังจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนถึง ๒,๕๐๐ ล้านบาทอยู่หรือไม่ อย่างไรอยากให้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ของการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่โดยละเอียด ด้วยค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • สุดท้ายหมายเหตุที่ ๒๒ รายได้จากเงินบำรุงกองทุน เอกสารรายงาน หน้า ๓๓๕ รายงานระบุว่า สสส. ได้รับเงินบำรุงกองทุนที่เรียกเก็บจากภาษีสุราเกือบ ๒,๙๐๐ ล้านบาท และเงินบำรุงกองทุนที่เรียกเก็บจากภาษียาสูบเกือบ ๑,๒๐๐ ล้านบาท เงินจำนวนนี้พูดให้เข้าใจง่าย ๆ เลยคือเงินที่ได้มาจากการขายเหล้าและบุหรี่ที่มีกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๒ เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ยังไม่ต้องส่งกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นรายได้แผ่นดิน แต่ยังสามารถนำมาใช้โดยทันทีอีกด้วยค่ะ อยากทราบว่าการที่ สสส. มีรายได้ดอกเบี้ยมากกว่า ๕ ล้านบาท แปลว่าเงินส่วนหนึ่งของกองทุนนำไปใช้ในทรัพย์สิน ซึ่งอยู่นอกเหนือจากภารกิจหลักของกองทุน เป็นเช่นนี้แล้วทางกองทุนยังจำเป็นไหม ที่ยังจะต้องรับรายได้จากภาษีสุราและภาษียาสูบในอัตราละ ๒ เปอร์เซ็นต์อยู่หรือไม่ เมื่อเทียบกับการเอาเงินส่วนนี้นำไปใช้กับส่วนอื่นที่มีภารกิจและมีความจำเป็นมากกว่า ทั้งหมดนี้คือข้อสังเกตทั้ง ๕ ประเด็นที่ดิฉันสงสัย และอยากจะขอให้ตัวแทนทางกองทุน สนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพแห่งชาติช่วยชี้แจงด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ อำเภอฮอด อำเภอดอยเต่า อำเภออมก๋อย และอำเภอแม่แจ่ม พรรคเพื่อไทย วันนี้ดิฉันขออภิปรายญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแก้ไขปัญหาสิทธิ และที่ดินทำกินของประชาชน จากประเด็นที่ญัตตินี้ได้ระบุถึงรายงานของคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ได้จัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินของประเทศในช่วง ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ตลอด ๗ ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินมาแล้ว กว่า ๗๐,๐๐๐ ราย ให้พื้นที่กว่า ๕๐๐,๐๐๐ ไร่ แต่แน่นอนว่ายังมีประชาชนรอรับการแก้ไข ปัญหาจากทางภาครัฐ ซึ่งเป็นภารกิจที่ทุกรัฐบาลจะต้องดำเนินงานต่อเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชน โดยการอภิปรายวันนี้ดิฉันขอหยิบยกตัวอย่าง ความเดือดร้อนในพื้นที่ของดิฉันเลย ที่ในอำเภอฮอด อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แจ่ม และอำเภออมก๋อย ซึ่งมีปัญหาใหญ่ที่สำคัญคือปัญหาสิทธิที่ดินทำกินของประชาชนที่มีที่ดิน อยู่ในเขตป่าเสื่อมโทรม เขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมไปถึงเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องขอเรียนกับท่านประธานก่อนเลยว่าพี่น้องในพื้นที่ของดิฉัน ได้ตั้งรกรากถิ่นฐานประกอบสัมมาอาชีพตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ สมัยยังไม่มีการประกาศ เขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมไปถึงเขตอุทยานแห่งชาติอย่างชัดเจน จึงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ ทำประโยชน์ในที่ดินของตนอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขา เลยค่ะ เพราะต้องทนทุกข์ ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น ปัจจัยสี่ หนึ่งในนั้นคือที่อยู่อาศัยค่ะ ท่านประธานคะ การสร้างบ้านในพื้นที่ของตนที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษไม่สามารถ ทำได้ จนมาถึงทุกวันนี้โดนขับไล่ โดนจับ รวมไปถึงโดนดำเนินคดี หรือเอาผิดในคดีบุกรุกป่า เนื่องจากไม่มีเอกสารครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย จนไปถึงเรื่องคุณภาพของ การดำรงชีวิตในแง่ของสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขอ Slide ด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เช่นระบบไฟฟ้า ปัจจุบันมีพื้นที่ จำนวนมากที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ได้แก่อำเภอฮอด ๓ หมู่บ้าน บ้านดอยคำ บ้านแม่หืด บ้านดอยแอก อำเภอดอยเต่ามี ๒ หมู่บ้าน หมู่บ้านดอยหลวง หมู่บ้านดอยแก้ว แม่แจ่มมี ๕ หมู่บ้าน ๕ หมู่บ้านนี้คือเป็นเขตที่ดิฉันรับผิดชอบ ๑. บ้านแม่ป๊อก ๒. บ้านสามสบ ๓. บ้านแม่หงานหลวง ๔. บ้านแม่แฮใน ๕. บ้านโมโลตู่ และสุดท้าย อำเภออมก๋อย มีมากถึง ๓๘ หมู่บ้านที่ไม่มี ไฟฟ้าใช้ กระจัดกระจายไปอยู่ทั้ง ๖ ตำบลในอำเภออมก๋อย ตำบลอมก๋อย ตำบลยางเปียง ตำบลม่อนจอง ตำบลแม่ตื่น ตำบลแม่หลอง และตำบลนาเคียน แม้แต่แหล่งน้ำที่เขาใช้ดื่ม ที่มีความสะอาดและมีจำนวนพอเพียง รวมไปถึงถนนหนทางที่สัญจรไปมาก็ยังมีความลำบาก อย่างที่ดิฉันเคยเสนอในการหารือปัญหาความเดือดร้อนไปแล้วในสภาแห่งนี้ จากปัญหา ที่ดิฉันเล่ามาทั้งหมดมันเป็นผลจากการที่เราไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาสิทธิที่ดินทำกินให้กับ ประชาชนอย่างทั่วถึงเท่าเทียม ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมาอย่างยาวนาน ดังนั้นหากมีการแก้ไข ปัญหาเรื่องสิทธิที่ดินทำกินของประชาชน จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถทำให้ประชาชนพึ่งพาตัวเองได้ รวมไปถึงแหล่งเงินทุนเพื่อทำการเกษตร และประกอบอาชีพ ให้สิทธิที่ดินต่อลูกหลานต่อไปได้ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรียนท่านประธานที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เขต ๑๐ อำเภอฮอด อำเภออมก๋อย อำเภอดอยเต่า และอำเภอแม่แจ่ม วันนี้ดิฉันจะมา อภิปรายหัวข้อเกี่ยวเนื่องกับญัตติด่วน ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ศึกษาแนวทางการแก้ไขป้องกันปัญหาการทุจริตฉ้อโกงกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ท่านประธานคะ การทุจริตที่เกิดขึ้นกับบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั้นเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุนไทยอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยเคยมีมา และผู้เสียหาย จำนวนมากทั้งผู้ถือหุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นหน่วยลงทุน แม้แต่กองทุนขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงยังตกเป็นผู้เสียหายในกรณีนี้ ท่านประธานคะ การกระทำความผิดในคดี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบไปด้วยการตกแต่งบัญชีการสร้างข้อมูลเท็จการสร้างยอดขายปลอม ทั้งหมดนี้เป็น การกระทำแบบแนบเนียนถึงขั้นที่บริษัทยอมจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากยอดที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบได้ โดยตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเราประมาณสูงถึง ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้นักลงทุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อย รวมถึงนักลงทุนสถาบันตกเป็นเหยื่อในการฉ้อโกงในครั้งนี้ก็เพราะว่างบการเงิน ของบริษัทถูกเซ็นรับรองโดยบริษัทตรวจสอบบัญชีที่มีชื่อเสียง ๑ ใน ๔ ของโลก หรือเรียกว่า บริษัท Big four จนมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลายคนก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในแวดวงธุรกิจ ผู้ลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อจึงไม่เคยเกิดความระแวงหรือสงสัยใด ๆ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการหลอกกันตั้งแต่ต้นจนจบ และที่เลวร้ายที่สุดหลังจากที่เรื่องใกล้ จะแดงแล้วผู้บริหารคนสำคัญที่เป็นคนก่อเหตุก็ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทย โดยโอนเงิน เข้าบัญชีส่วนตัวไปล่วงหน้าก่อนแล้ว ๑,๔๐๐ ล้านบาท ท่านประธานคะ ทั้งหมดนี้ที่ดิฉัน กล่าวมาเป็นข้อมูลสาธารณะทั่วไปที่ทุกคนเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่สังคม วงกว้างยังไม่อาจทราบได้คือความคืบหน้าของการฟ้องร้องดำเนินคดีโดยเป็นกลุ่มผู้เสียหาย โดยล่าสุดผู้ถือหุ้นกลุ่ม บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รวมตัวกันฟ้อง ในคดีลักษณะ Class Action Law suit หรือเป็นการฟ้องร้องแบบกลุ่ม เพื่อเอาผิดบุคคลที่มี ส่วนเกี่ยวข้อง และมีการพิจารณาคดีครั้งแรกที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ท่านประธานคะ การฟ้องร้องคดีกลุ่มลักษณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย เพราะแต่เดิมเองเราไม่มีกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้เสียหายไม่กี่คนเป็นตัวแทนในการยื่นฟ้อง และเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายรายอื่น ๆ มารวมตัวกันทีหลัง โดยไม่จำเป็นแยกฟ้องกันเอง นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วจะร้องเรียนเอาทรัพย์สินคืนมาได้ มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากตัวการสำคัญเขาขนเงินหนีไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามดิฉันคิดว่าถึง เวลาแล้วที่เราในฐานะผู้แทนราษฎรต้องออกมาร่วมหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำ ผิดเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก ท่านประธานคะ อันที่จริงแล้วกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ใช่คดีทุจริตคดีแรกที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรงกัน ข้ามเลยที่ผ่านมามีการกระทำความผิดหลายรูปแบบ โดยบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตตกแต่งบัญชี การสร้างข่าวปลอม การให้ข้อมูลเท็จ หรือการ Syphon เงินที่เพื่อนสมาชิกหลายคนได้อภิปรายไป และยังมีอื่น ๆ อีกมากมาย และสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อย ที่สุดก็คือ การกระทำความผิดที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการจงใจปั่นหุ้น สร้างราคาหุ้น หรือที่เรียกว่าการปั่นหุ้น รวมทั้งการใช้ข้อมูลภายใน หรือที่เรียกว่า การใช้ Inside ในการซื้อหุ้น หลายกรณีหน่วยงานกำกับดูแลกลับไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำ ความผิดได้ หรือไม่ก็ดำเนินความดีล่าช้าจนผู้กระทำความผิดได้ถ่ายเททรัพย์สินหรือ หนีออกนอกประเทศไปแล้ว ท่านประธานคะ ดิฉันอยากให้ประชาชนทั่วไปที่ฟังดิฉันอยู่ ในขณะนี้ โดยเฉพาะคนที่ลงทุนในหุ้นไทยลองนึกดูสิคะว่าจะมีสักกี่คนในประเทศไทย ที่ปั่นหุ้น ใช้ข้อมูล Inside แล้วต้องเข้าคุก ดิฉันรับประกันได้เลยว่านึกอย่างไรทุกคนก็คง นึกไม่ออก เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย ต่างจากตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีผู้กระทำ ความผิดเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์หรือลักทรัพย์เดินเข้าเรือนจำให้เห็นแล้วมากมาย การป้องกันและการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องพิจารณากันอย่างถ้วนถี่และรอบคอบ สำหรับตัวดิฉันเองแล้วดิฉันได้ปรึกษานักลงทุนที่มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้หลายท่านหนึ่งในนั้น ก็คือคุณชัชวนันท์ สันธิเดช เป็นผู้ก่อตั้งคลับ VI จนได้ข้อสรุปว่า สิ่งหนึ่งที่ควรกระทำ เป็นอย่างยิ่งคือการแก้ไขกฎหมายบางมาตรา เพื่อให้ผู้ที่คิดที่จะทำความผิดเกิดความเกรงกลัว ตัวอย่างของกฎหมายที่ควรได้รับการแก้ไข อย่างเช่น มาตรา ๓๑๗/๗ ของพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งกำหนดช่องให้ผู้กระทำผิด สามารถยอมรับมาตราการลงโทษทางแพ่งโดยไม่ต้องดำเนินคดีอาญา หรือพูดง่าย ๆ คนที่กระทำความผิดเกี่ยวกับหุ้น เช่น เป็นผู้บริหารแต่มีเจตนาปั่นหุ้นตัวเอง หรือใช้ข้อมูลที่รู้ ไม่กี่คนรู้ว่าบริษัทตัวเองกำลังจะเข้าซื้อธุรกิจใหม่จึงไปซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองไว้ล่วงหน้ารอ จนกว่าข้อมูลถูกเปิดเผยต่อหน้าประชาชนทั่วไป และราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นถึงค่อยขายทิ้ง เพื่อเอากำไร แต่สุดท้ายก็ถูก ก.ล.ต. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ชี้มูลความผิด เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้บริหารคนนั้นก็สามารถจะชดเชยค่าเสียหาย พร้อมจ่ายค่าปรับอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเป็นจำนวน ๓ เท่าของประโยชน์ที่ได้รับ และไม่จำเป็นต้องติดคุกและไม่มีคดีติดตัว การที่มีกฎหมายในลักษณะ เจอ จ่าย จบ เช่นนี้ ทำให้ผู้กระทำความผิดกล้าเสี่ยง กล้าทำอะไรซ้ำ ๆ อยู่เสมอ ถึงถูกจับไปก็แค่จ่ายเงินคืน บวกกับค่าปรับอีกเล็กน้อย ถ้าจับไม่ได้ก็สบาย นี่จึงเป็นตัวอย่างกฎหมายที่ควรได้รับ การแก้ไขอย่างเร่งด่วนค่ะท่านประธาน อย่างไรก็ตามดิฉันเห็นว่าคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้วในการ ดำเนินการรับเรื่องร้องเรียน ศึกษา และหาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพิ่มเติมขึ้นมาอีก โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สามารถเชิญหน่วยงานกำกับดูแลและผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตลอดจนถึงผู้ที่มีความรู้ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ก็ตาม เข้ามาให้ข้อมูลเพื่อผลักดันให้เกิดตลาดทุนเท่าเทียม สร้างความโปร่งใสและความเป็นธรรม ให้เกิดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่งเสริมเงินทุนจากในไทยให้น่าดึงดูดมากขึ้น เพื่อให้คนต่างประเทศได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

    อ่านในการประชุม

  • สุดท้ายจะทำให้ตลาดของเราทันเท่าเทียมกับตลาดหลักทรัพย์กับประเทศ ที่พัฒนาแล้ว หากทำเช่นนี้ได้จะเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการดึงดูดเงิน ต่างชาติเพื่อเข้ามาลงทุนในประเทศ เสริมสร้างความเติบโตในเศรษฐกิจของประเทศเรา ในท้ายที่สุด ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานสภาที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทย วันนี้ดิฉันขอหารือเรื่องเกี่ยวกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จำนวน ๒ เรื่องด้วยกัน

    อ่านในการประชุม

  • ดิฉันได้รับความเดือดร้อนจาก นายณัฐวุฒิ มารุ่งเรือง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับแจ้งความ เดือดร้อนในพื้นที่อำเภออมก๋อย อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบ ภาวะฝนตกหนักตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๖๖ ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบเกิดความเสียหาย แยกเป็นรายพื้นที่ดังต่อไปนี้

    อ่านในการประชุม

  • ๑. ดิฉันได้รับแจ้งความเดือดร้อนจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ตื่น นายณัฐพงษ์ อ้ายคำ เรื่องสะพานเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านจำนวนทั้งหมด ๗ แห่ง ในพื้นที่ แม่ตื่น อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับความเสียหายอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่โดยมีสะพานที่ต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุงอย่างเร่งด่วน มีทั้ง ๗ หมู่บ้าน สะพานบ้านห้วยไก่ป่า บ้านห้วยยาง บ้านห้วยขนุน บ้านห้วยปรงโพธิ์ บ้านห้วยปิยอทะ บ้านปะวะชะ บ้านบราโกร

    อ่านในการประชุม

  • ๒. เนื่องจากฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากในวันที่ ๒๕ กันยายน ถึงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ จึงเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอย่างมาก ถนนชำรุดเสียหายไม่สามารถสัญจรไปมา ได้สะดวก พนังกั้นน้ำและนาข้าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ทั้งหมด ๑๖ หมู่บ้าน เนื่องจากว่าดิฉันมีเวลาจำกัดดิฉันขอไม่กล่าวถึงชื่อหมู่บ้าน

    อ่านในการประชุม

  • ๓. ดิฉันได้รับความเดือดร้อนจากนายกเทศมนตรีตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องด้วยวันที่ ๙ ถึงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนตกหนัก จนน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและล้นตลิ่ง ส่งผลให้ทรัพย์สินและพื้นที่ทำเกษตรกรรม ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ น้ำท่วมบ้านเรือน น้ำท่วมในพื้นที่เกษตรกร ถนนและฝายชำรุด ทำให้ประชาชนขาดสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิต ในช่วงเกิดภัยพิบัติ เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลจึงขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดพิจารณา ให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ด้วยค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ๔. ในพื้นที่ยังเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณบ้านยังเปียง ตั้งอยู่ในถนนทางหลวงหมายเลข ๑๐๙๙ ถนนเส้นทางบ้านบ่อหลวงไปทางเมืองตึงระหว่าง แม่ตื่นระหว่างกิโลที่ ๖๘-๗๐ ระยะทางยาวกว่า ๒ กิโลเมตร มีประชาชนอาศัยอยู่ ทั้งริม ๒ ทางหลวงเป็นจำนวนกว่า ๑๐๐ หลังคาเรือน และยังมียังมีโรงเรียนอยู่บนถนนเส้นนี้ ประกอบกับเส้นทางหลักที่ขนส่งสินค้าเดินทางไปยังถนนสายหลัก แต่ถนนเส้นนี้กลับไม่มี ไฟฟ้าส่องสว่าง และมีลักษณะโค้งลาดชัน

    อ่านในการประชุม

  • ๑๙/๑ ทำให้ประชาชนสัญจรไปมาค่อนข้างลำบาก จึงอยากขอระบบไฟฟ้าส่องสว่างในเส้นทาง ดังกล่าวค่ะ ยังมีเรื่องมากมายในเขตดิฉันแต่ในระหว่างนี้เกิดอุทกภัยมีหลายพื้นที่ที่ได้รับ ด้วยความที่ว่าในตอนนี้เราจำกัด จึงไม่สามารถพูดถึงทั้งพื้นที่ได้ ต้องขออภัยคนในพื้นที่ เผื่อตอนนี้กำลังรับฟังอยู่ ดิฉันจึงขอรับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาให้ ท่านประธานส่งให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โปรดจัดสรรงบประมาณเพื่อซ่อมแซมถนนและดำเนินการช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้การสัญจรไปมาของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และป้องกัน ไม่ให้ความเสียหายเกิดซ้ำซากในอนาคต ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • เรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ อำเภอฮอด อำเภอดอยเต่า อำเภออมก๋อย และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ท่านประธานคะ ทุกภาคส่วนของสังคมไทยเราถกเถียงกันมา ยาวนานเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำว่าประเทศไทยควรกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่เท่าไร และค่าแรงในระดับใดจึงเหมาะสม โดยช่วยให้ลูกจ้างสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ และเป็นอัตรา ที่นายจ้างแบกรับไหว ไม่สูงเกินจนต้องเลิกจ้างแรงงาน ลดขนาดกิจการ หรือหันไปใช้ แรงงานผิดกฎหมายจากต่างชาติ

    อ่านในการประชุม

  • อย่างไรก็ตามค่ะ ท่านประธาน เชื่อไหมคะว่ามีวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เรื่องแรงงานขั้นต่ำนั้นหมดความหมายไปโดยทันทีนั่น ก็คือการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะการเสริมทักษะเดิม เพิ่มทักษะใหม่ หรือที่เรียกกัน เป็นภาษาอังกฤษเรียกว่า Upskill Reskill ท่านประธานคะ เรื่องของการ Upskill Reskill ถูกพูดถึงอย่างกว้างในระดับโลก ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวขึ้นอย่างมีบทบาทเหนือมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของปัญญาประดิษฐ์หรือว่า AI ที่ว่ากันว่าจะเข้ามาทดแทนมนุษย์ และทำให้คนตกงานเป็นอีกจำนวนมากในอนาคต เนื่องจาก AI สามารถทำงานได้เท่าเทียม กับมนุษย์ และอาจจะได้ดีกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ นั่นทำให้หลายประเทศในทั่วโลกมีวิสัยทัศน์ ที่จะมี Upskill Reskill แรงงานของตนเพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่หมุนไปข้างหน้าไวขึ้นทุกที แต่ถึงอย่างนั้นค่ะท่านประธาน เรื่องของการ Upskill Reskill กลับไม่เป็นที่น่าสนใจ ในประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากคนจำนวนมาก ยังติดอยู่กับกรอบความคิดที่ว่าแรงงานไทยเป็นแรงงานไร้ฝีมือ ไม่สามารถพัฒนาทักษะขึ้น ในระดับที่สูงได้ มายาคติเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยติดกับดักค่าแรงขั้นต่ำมาตลอด นักเศรษฐศาสตร์ อาจารย์ นักวิชาการบางคนคิดแต่ว่าต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้คนงานพวกเขา จึงมีเงินพอไปเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัว แต่ดิฉันคนหนึ่งค่ะท่านประธานไม่เชื่อว่าคนไทยจะเป็นได้แค่นั้น ดิฉันเชื่อว่าคนไทยเก่งกว่านั้น และเป็นได้ดีกว่านั้นหากได้รับการเพิ่มทักษะเดิม เสริมทักษะใหม่อย่างทั่วถึง ดิฉันขอยกตัวอย่างระดับโลกมาประกอบเพื่อความเข้าใจค่ะท่านประธาน ถ้าท่านประธาน ใช้โทรศัพท์ iPhone และทุกคนในห้องนี้ก็น่าจะรู้ว่าบริษัทที่ผลิตนั้นคือ Apple เป็นผู้ผลิต Smartphone อย่างก้องโลก ท่านประธานคะ ดิฉันเพิ่งซื้อ Apple Phone 15 Pro Max รุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมา ลองพลิกดูใต้กล่องใกล้ ๆ กับ Barcode จะเห็นข้อความชัดเจนที่เรียกว่า Assembled In China คำถามคือ ทำไมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อันดับ ๑ ของโลกนั้น อย่าง Apple จึงเลือกผลิตหรือประกอบสินค้าที่ประเทศจีน เป็นเพราะค่าแรงถูกใช่หรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่เลยค่ะท่านประธาน Tim Cook CEO ของบริษัท Apple เคยเฉลยไว้ว่า สาเหตุที่ Apple ยังรักษาฐานผลิตไว้ที่ประเทศจีน ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนค่าแรงไม่ได้ถูก เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว แต่เป็นเพราะคนจีนมีทักษะฝีมือที่ดีมากและคนทักษะเหล่านั้น มากระจุกตัวอยู่ที่เดียวกัน จึงสามารถทำให้ผลิตได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ การมีแรงงานทักษะสูงเป็นจำนวนมากเช่นนี้คือสาเหตุที่บริษัทชั้นนำของโลก เช่น Apple และ Tesla ไม่ยอมย้ายโรงงานออกจากประเทศจีนทั้ง ๆ ที่ต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น ๆ เยอะกว่าเดิมค่ะ ท่านประธานคะ ที่ดิฉันกล่าวมาทั้งหมดนี้ท่านพอจะเห็นภาพแล้วว่าประเทศไทยยังขาดอะไรไป ใช่แล้วค่ะท่านประธานในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมจะก้าวหน้าขึ้นไปแข่งระดับโลก รวมถึงดึงดูด FDI หรือเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในประเทศได้มาก ๆ นั้น เราต้องช่วยกัน Upskill and Reskill ของแรงงานไทยให้มากที่สุด หากทำสำเร็จเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ ก็จะไม่เป็นประเด็นอีกต่อไปเพราะคนไทยได้รับค่าจ้างสูงกว่านั้นหลายเท่า และสามารถ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมิใช่ทำงานเพียงหาเงินประทังชีวิตอย่างที่เป็นตลอดมา นอกจากนี้ค่ะ ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่สูง อย่างที่เคยมีมาในอดีตได้อีกครั้ง ท่านประธานคะ เวลาพูดเช่นนี้มักมีคนจะแย้งเสมอว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกแรงงานหญิงของไทยก็มีแต่สาวฉันทนาทอผ้าอยู่ในโรงงาน แรงงานชาย ก็ทำได้แค่แบกหาม ตัดกล้วย ตัดอ้อย เป็น รปภ. จะไปเขียน Code เขียนโปรแกรมได้อย่างไร ดิฉัน ขอตั้งคำถามกลับไปเลยค่ะว่าเราเคยพยายามพัฒนาฝีมือแรงงานจริงจังและเต็มรูปแบบ ในประเทศนี้แล้วหรือยัง ดิฉันขอตอบแทนให้ได้เลยค่ะว่าเรื่องเช่นนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้น ยกตัวอย่างในอำเภอดอยเต่าเขตพื้นที่ของดิฉัน นักศึกษาที่ได้จบการศึกษาระดับ ปวช. ปวส. หรือแม้กระทั่งปริญญาตรียังประสบปัญหาว่างงานอยู่เป็นจำนวนมาก คนที่ได้ทำงาน ในท้องถิ่นเช่นการสอบคัดเลือกลูกจ้างหน่วยราชการก็ได้รับเพียงค่าจ้างเดือนละ ๙,๐๐๐ บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ในขณะที่ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งซึ่งได้รับการศึกษาน้อยกว่า ก็ยังมีปัญหายากแค้น บางคนรับจ้างหักข้าวโพดเป็นรายวันพอฝนตกต้องหยุดงานไม่มีจะกิน บางคนรับงานรับจ้างทั่วไปพอเศรษฐกิจไม่ดีก็ไม่มีใครจ้างพวกเขาก็ไม่มีเงินใช้ ดังนั้นค่ะ ท่านประธาน หากเราส่งเสริมเปิดกว้างให้แรงงานเข้าถึง เพิ่มทักษะเดิม เสริมทักษะใหม่ อย่างจริงจังทั่วถึงและเต็มรูปแบบย่อมเป็นไปตามแรงงานไทยจะได้มีความสามารถ ตรงความต้องการของตลาด เด็กจบใหม่ในอำเภอดอยเต่าของบ้านดิฉันจะสามารถ เป็นวิศวกรในโรงงานผลิต Ship เพื่อให้ Smartphone ในราคาเครื่องละครึ่งแสน คนงาน ในไร่ข้าวโพดในอำเภอดอยเต่าสามารถพัฒนาฝีมือในการทำงานโรงงานแปรรูปสินค้าการเกษตร ที่ต้องใช้ทักษะสูงเพื่อมีรายได้ทุกวัน ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก พายุจะเข้าพวกเขา และครอบครัวจะมีกินมีใช้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่น้อยหน้ากว่าคนพื้นที่ไหน ๆ ค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • อีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดที่สุดค่ะท่านประธาน กลุ่มสตรีแม่บ้าน อำเภอดอยเต่า ซึ่งประกอบอาชีพผ้าทอที่เรียกว่าผ้าซิ่นตีนจกน้ำท่วม สินค้า OTOP ๕ ดาว ภูมิปัญญา ชาวบ้านในท้องถิ่นของเราเป็นผ้าฝ้าย เป็นผ้าไหมลวดลายโบราณ เอกลักษณ์เฉพาะตัว ของอำเภอฮอดและอำเภอดอยเต่า เสริมสร้างให้ชาวบ้านหรือประชาชนในพื้นที่ตลอดมา หากแม่อุ๊ยหรือลูก ๆ หลาน ๆ ของพวกเขาได้นำเทคโนโลยี ก็สามารถนำผลิตภัณฑ์ของเขา ไปขายบน e-Commerce ขยายฐานลูกค้าจากหลักล้านให้เป็นหลักพันล้านคน โดยมีรัฐบาล ที่มีวิสัยทัศน์คอยสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ ด้วยเหตุผลนี้ดิฉันจึงขอสนับสนุน ให้มีการส่งเสริมการ Upskill Reskill แรงงานไทยอย่างจริงจัง ทั่วถึง และเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ของเศรษฐกิจไทยและคนไทยทั้งประเทศ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • สวัสดีค่ะ ศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอเวลาพิจารณา ๙๐ วัน ขอผู้รับรองด้วยค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทย วันนี้ดิฉันจะอภิปรายในหัวข้อเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. ....

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ พื้นที่ที่อยู่ ในความดูแลของดิฉัน ไม่ว่าจะเป็นอำเภอฮอด อำเภออมก๋อย อำเภอดอยเต่าและ อำเภอแม่แจ่ม ล้วนเต็มไปด้วยพี่น้องประชาชนที่เป็นชาติพันธุ์ ซึ่งดิฉันได้มีโอกาสใกล้ชิด คลุกคลี สัมผัสกับชีวิตพวกเขามาโดยตลอดตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จนถึงวันนี้ ที่ดิฉันกลายมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนของพวกเขา ดังนั้นวันนี้ดิฉัน ขออภิปรายถึงประเด็นปัญหาของพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้ โดยแบ่งออกเป็น ๔ ประเด็นค่ะ ท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ๑. โครงสร้างพื้นฐาน ด้วยความที่พี่น้องชนชาติพันธุ์เกือบทั้งหมดอยู่อาศัย บนพื้นที่ห่างไกล พวกเขาจึงประสบปัญหาของการไปมาสัญจรการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงฤดูฝนที่มีภูมิภาคประเทศย่ำแย่ การขนส่งพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลัก ที่พวกเขาต้องไปใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก บางครั้งพายุเข้าฝนตกหนัก เส้นทางถูกตัดขาด จราจรสัญจรไปมาลำบากแล้วก็ไปมาไม่ได้เลยค่ะ แม้แต่ครูดอยที่ขึ้นไป สอนหนังสือให้กับลูกหลานชาวชาติพันธุ์ โดยใช้มอเตอร์ไซค์คันเดียวของเขาบางครั้งเส้นทาง เป็นดินโคลน สะพานชำรุดเสียหาย กว่าจะลากเอามอเตอร์ไซค์คู่ใจไปถึงโรงเรียนบนดอยได้ ก็ปาไปครึ่งค่อนวันแล้ว ท่านประธานคะ ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข และพัฒนาให้ดีขึ้นในระยะยาว ซึ่งดิฉันในฐานะผู้แทนของพวกเขาก็จะขออนุญาตนำปัญหา ของพวกเขามาหารือในสภาแห่งนี้เป็นระยะ ๆ เพื่อให้พื้นที่ทุกอำเภอพัฒนาขึ้นโดยเร็วค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๒ ที่ดิฉันอยากพูดถึงคือเรื่องสิทธิค่ะท่านประธาน เรื่องสิทธิของ กลุ่มชาติพันธุ์เป็นประเด็นที่ได้รับความสำคัญและพูดถึงเป็นอย่างมากในระดับสากล ไม่ว่าจะ เป็นสิทธิทางด้านความเท่าเทียมไม่เลือกปฏิบัติ สิทธิในการกำหนดเจตนารมณ์ของตัวเอง สิทธิที่ดินของตัวเอง เขตแดนและทรัพยากร สิทธิทางวัฒนธรรม สิทธิทางการเมืองและอื่น ๆ ในประเด็นนี้ดิฉันขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดลึกนะคะ เนื่องจากมันสามารถแตกย่อย ไปถึง ๑๐ ประเด็นเลย ดิฉันเพียงอยากจะชี้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ โดยให้รัฐไทย ต้องเคารพสิทธิและให้เกียรติ ให้โอกาสพวกเขาให้เทียบเท่ากับคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ โดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับนานาประเทศค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๓ คือสาธารณสุข ท่านประธานค่ะ ในอดีตกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ ของดิฉันคลอดลูกโดยใช้การตัดสายสะดือโดยไม้ไผ่ ในยุคการแพทย์ที่ยังไม่เจริญก้าวหน้า อย่างปัจจุบันนี้ เชื่อไหมคะว่าทุกวันนี้ในพื้นที่ของดิฉันมีกลุ่มชาติพันธุ์บางคนบางส่วน ยังทำคลอดโดยใช้หมอตำแยตัดสายสะดือด้วยไม้ไผ่ที่เหมือนกับ ๑๐๐ ปี ยกตัวอย่างได้เลย คือน้องชินภาพ ภาพที่ทุกคนเห็นอยู่นะคะ น้องเพิ่งเกิดได้ ๒ เดือน เขาเป็นครอบครัว ชาวปกาเกอะญอที่อำเภออมก๋อย ซึ่งลืมตาดูโลกด้วยหมอตำแยค่ะ โดยทุกวันนี้น้องอายุแค่ ๗ เดือนเท่านั้นค่ะทุกคน ซึ่งเป็นเหตุนี้ก็เพราะอำเภออมก๋อยยังขาดบุคลากรทางการแพทย์ ไม่มีสถานีอนามัยที่มีความพร้อม และนี่คือปัญหาด้านสาธารณสุขที่ต้องแก้ไขและพัฒนา เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกับพวกเขา นับตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาดูโลกค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องสุดท้าย คือเรื่องการเสริมทักษะฝึกอาชีพ ท่านประธานคะ ดิฉันเคย อภิปรายเรื่องของ Upskill Reskill หรือการเสริมทักษะเดิม เพิ่มทักษะใหม่ให้กับแรงงาน ทั่วประเทศมาแล้ว ดิฉันบอกไว้เลยว่ากลุ่มชาติพันธุ์คือกลุ่มเป้าหมายที่ดีมาก ๆ ที่เราควร จะเข้าไป Upskill Reskill ให้ เพราะจากการที่ใกล้ชิดกับพวกเขามาโดยตลอดดิฉันมั่นใจ ในศักยภาพและความสามารถของพี่ ๆ น้อง ๆ กลุ่มนี้มีสูงมาก ขาดแต่เพียงโอกาสการฝึกฝน เพื่อให้เกิดความรู้ ความชำนาญ ซึ่งถ้าเราเข้าไปเติมเต็มตรงนี้นอกจากพวกเขาจะกลายเป็น แรงงานที่มีคุณภาพสูงแล้ว มีอาชีพใหม่ ๆ เสริมสร้างรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้แล้ว ประเทศไทยของเรายังจะได้แรงงานชั้นดีเพิ่มขึ้นอีก เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ยังมีภูมิปัญญาที่ตกทอดจากบรรพบุรุษ เช่น งานศิลปหัตถกรรม งานฝีมือต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะที่ไม่เหมือนใครเลย ดิฉันได้เห็นฝีมือของ กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ในพื้นที่ของดิฉันมาเป็นจำนวนมาก และอยากเห็นว่าควรนำมาต่อยอด เพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ เช่น การเอาเสื้อผ้ามีลวดลายของชาวเขามาปรับเป็นรูปแบบ ให้ทันสมัยเป็นสากลยิ่งขึ้น ถ้าทำได้ก็จะสามารถเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้พัฒนา คุณภาพชีวิตของพวกเขาไปพร้อม ๆ กันค่ะ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดิฉันอยากฝากไว้เป็นแนวคิด เพื่อประกอบพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทยค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • วันนี้ดิฉันจะอภิปรายเรื่องรายงาน รับทราบผลดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ ปี ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ท่านประธานคะ รายงานฉบับนี้ มีรายละเอียดมากมายและคงไม่สามารถที่จะกล่าวถึงได้หมดในระยะเวลาอันสั้น ดิฉัน ขอยกตัวอย่างเพียงแค่ ๑ ประเด็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่ดิฉัน คือเรื่องเกี่ยวกับโครงการ แทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/ ปี ๒๕๕๒ ท่านประธานคะ หน่วยงานเจ้าของ โครงการนี้คือองค์กรการคลังสินค้า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. และกรมการค้าภายใน โดยมีวัตถุประสงค์คือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายผลผลิต และเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคา ในระยะยาวค่ะ แม้ว่าโครงการนี้ผ่านมาแล้ว ๑๐ ปี โดยระยะเวลาจำนำเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ และผลประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับ B หมายถึงน่าพึงพอใจมาก แต่ดิฉันคิดว่าเราควรสรุปบทเรียนจากอดีตเพื่อเอามาประยุกต์ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมกับปัจจุบันค่ะ ท่านประธานคะ บทเรียนที่ได้รับและ ข้อเสนอแนะจากการดำเนินโครงการที่ระบุไว้หน้า ๕๐ ของรายงานฉบับนี้มีหลายประการ ด้วยกันค่ะ เช่น พี่น้องการเกษตรบางกลุ่มอาจมีการบุกรุกและทำลายพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น เพื่อการเกษตร และการใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลงเพิ่มขึ้น ด้วยความที่มีผลผลิตการเกษตร ได้ราคาดี อันเนื่องมาจากการแทรกแซงราคาของรัฐบาลค่ะ อย่างไรก็ตามดิฉันคิดว่าประเด็นนี้ เราจะโทษเกษตรกรอย่างเดียวก็ไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลในอดีตไม่ได้มีการหาอาชีพเสริมให้กับ เกษตรกรอย่างพอเพียง การที่พวกเขามีฐานะยากจนและยังขาดความรู้ จะดิ้นรนใฝ่หาโอกาส หารายได้เพิ่มขึ้นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัว จึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้และ ควรเห็นใจค่ะ แต่นั่นมันเมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วแล้วค่ะท่านประธาน ทุกวันนี้โลกทั้งโลกกำลัง ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การลดการปล่อยคาร์บอนการส่งเสริมเศรษฐกิจ สีเขียว หรือภายในประเทศของประเทศเรา ปัญหามลพิษอันเกิดมาจาก PM2.5 ที่กลายมา เป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญและกำลังแก้ไข และแน่นอนค่ะ ดิฉันในฐานะผู้แทนราษฎรที่พื้นที่หลายเขตมีหลายพันไร่เป็นข้าวโพด เลี้ยงสัตว์นะคะ ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาจึงไม่อาจอยู่เฉยได้ค่ะ ดิฉันจะพยายาม ทุกทางเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ของดิฉันให้มีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง โดยรับผิดชอบต่อสังคมไปพร้อม ๆ กันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ดิฉันได้นำคณะผู้บริหารจากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่เข้าพบที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรี โดย ๑ เรื่องที่ดิฉันนำไปหารือก็คือหาอาชีพทดแทนให้กับพี่น้องเกษตรกร ที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้พวกเขาหันไปปลูกพืชชนิดอื่น ลดการเผาข้าวโพดอันเป็น บ่อเกิดของปัญหามลพิษค่ะ ซึ่งคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็ได้รับฟังปัญหาและให้ ข้อเสนอแนะ โดยได้รับไปดำเนินการต่อ ทั้งยังฝากให้ดิฉันช่วยเป็นกำลังหลักในการ ดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยค่ะ ท่านประธานคะ พรรคเพื่อไทยของดิฉันได้เข้าร่วมผลักดันแก้ไข ปัญหามลพิษทางอากาศจนไปสู่ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาดที่สิทธิมนุษยชน ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานี้อีกไม่กี่วัน ดิฉันในฐานะ สส. จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีส่วนร่วมกับงานนี้มาตลอดจนกำลังจะเป็น ผลสำเร็จ กลายมาเป็นกฎหมายไว้บังคับใช้ในอีกไม่นาน ก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้จริง ๆ ดิฉันเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาทุก ๆ ปัญหา คือการตั้งโจทย์ที่ถูกต้อง และโจทย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในเวลานี้ คือทำอย่างไรให้พี่น้องเกษตรกรที่ ปลูกข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ รวมทั้งผู้ที่ปลูกพืชชนิดอื่นมีรายได้ทดแทนพอที่จะเลี้ยงชีพ มีเงิน ไปซื้อเครื่องมือ เกษตรกรมีเงินค่าขนมให้ลูกไปโรงเรียน เพื่อที่การเผาข้าวโพดและการเผาไร่ ทุกชนิด ซึ่งก่อเกิดมลพิษจะได้ลดลงน้อยและหมดสิ้นไปเร็ววัน ส่งให้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่คน ทั้งประเทศประสบรวมกันอยู่ บรรเทาเบาบางลงจนให้เหลือน้อยที่สุด สุดท้ายค่ะ ท่านประธาน ดิฉันขอสรุปว่าการกู้เงินหรือการค้ำประกันที่รัฐกำลังกระทำตามรายการฉบับนี้ ควรมีการติดตามตรวจสอบและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ เพื่อให้หนี้ทุกบาท ทุกสตางค์ที่รัฐก่อเป็นไปอย่างคุ้มค่าและสมควรแก่ผลที่สุดค่ะ และที่สำคัญเราต้องรู้จัก ตั้งโจทย์ใหม่ให้กับยุคที่ทันสมัยและที่เปลี่ยนไป ให้อดีตเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต โดยเอา ประชาชนเป็นที่ตั้ง ดังตัวอย่างที่ดิฉันยกมา ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • เรียนท่านประธานที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทยค่ะ ขอสไลด์ด้วยค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ขณะที่คนไทย ทั้งประเทศกำลังหายใจติดขัดอันเนื่องมาจาก PM2.5 ที่ปกคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย ก็ยังมีพี่น้องเกษตรกรไร่ข้าวโพดในพื้นที่ของดิฉันที่นอกจากจะทุกข์กายหายใจไม่สะดวก จากฝุ่น PM2.5 เหมือนประชาชนทั้งประเทศแล้ว ยังต้องทุกข์ใจ เพราะถูกมองว่าเป็นต้นเหตุ ของฝุ่นพิษที่ปกคลุมประเทศในเวลานี้ แม้พวกเขาจะไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่พวกเขาคือคนไทยที่ทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต โดยมีอาชีพปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นผลผลิตที่อยู่ต้นน้ำของระบบนิเวศ หากไม่มีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็ไม่มีวัตถุดิบสำหรับนำไปแปรรูปอาหารปศุสัตว์ต่าง ๆ อย่างเช่น หมู ไก่ และสัตว์อื่น ๆ พี่น้องเกษตรกรไร่ข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ ในอำเภอแม่แจ่มมาลงทะเบียน กับเกษตรอำเภอแม่แจ่มทั้งหมด ๗,๔๕๒ ครัวเรือน มีเนื้อที่กว่า ๑๑๒,๖๑๔ ไร่ บุคคลกลุ่มนี้ คือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเนื้อหมู เนื้อไก่ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน หากมีทางเลือกไม่มีใคร อยากเผา ไม่มีใครอยากเป็นปัญหาของสังคม หากมีทางเลือกทุกคนอยากมีอาชีพที่สุขสบาย รายได้ดี เราจะช่วยพวกเขาตอบโจทย์นี้อย่างไร ถ้าเราช่วยเขาไขโจทย์นี้ได้ โจทย์แห่ง การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของคนทั้งประเทศก็จะถูกคลี่คลายเบาบางไปเช่นกันค่ะ ท่านประธานคะ ดิฉันทำงานหนักเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งมาโดยตลอด โดยผลักดันและขับเคลื่อน พ.ร.บ. อากาศสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับคนไทยทั้งประเทศ ขณะเดียวกันคอยศึกษา หาทางเลือกหาอาชีพเพื่อทดแทนการปลูกข้าวโพดให้กับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ของดิฉัน ระยะยาว พ.ร.บ. อากาศสะอาดที่ดิฉันมีส่วนร่วมผลักดันอยู่นี้หัวใจสำคัญคือ การทวงสิทธิ มนุษยชนขั้นพื้นฐาน สร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวางโครงสร้างให้ พร้อมต่อการรับมือปัญหามลพิษโดยเน้นไปที่การเจรจาระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ โดยพรรคเพื่อไทยของดิฉันมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ ได้แก่

    อ่านในการประชุม

  • ๑. ระยะสั้น หน่วยงานรัฐจะต้องแจ้งเตือนฝุ่นล่วงหน้าให้กับประชาชน โดยกรณีที่มีค่าฝุ่นสูงเพื่อให้อพยพกลุ่มเสี่ยงไปอยู่พื้นที่ปลอดภัยแบบเดียวกันที่เรารับมือกับ ภัยพิบัติค่ะ พร้อมแจกหน้ากากอนามัยให้กลุ่มเปราะบางและสั่งหยุดโรงเรียนเพื่อลด ความเสี่ยง

    อ่านในการประชุม

  • ๒. ระยะกลาง ประเทศไทยจะประสานกับหน่วยราชการต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น กรมชลประทานจะปล่อยให้น้ำไหลเข้านาหลังฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อเปลี่ยนตอข้าวให้เป็นปุ๋ยหรือ กรณีพืชเกษตร เช่นอ้อยเราจะประสานไปยังโรงงานน้ำตาลเพื่อให้ลงทุนในการตัดอ้อยสด และทำการไถกลบแทนการเผา แล้วจะมีการปลูกต้นไม้เพื่อดักจับฝุ่น รวมไปถึงการจูงใจ ประชาชนให้มาใช้รถพลังงานสะอาดด้วยค่ะ แล้วก็ใช้มาตรการภาษีในการให้ความร่วมมือกับ ประชาชน

    อ่านในการประชุม

  • ๓. ระยะยาว จะมีการบังคับใช้ พ.ร.บ. อากาศสะอาดเพื่อให้ท้องถิ่นมีบทบาท ในการจัดการปัญหาฝุ่น บังคับใช้กฎหมายกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เจรจาเพื่อนบ้านเพื่อ ยุติปัญหาฝุ่นทั้งภายในประเทศและข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงพัฒนา นวัตกรรมเครื่องมือเกษตรกรเกี่ยวกับการขุดกลบโดยที่ไม่ต้องเผาเพื่อจัดการฝุ่นจนถึงต้นตอ ดิฉันขอฝากว่าเราต้องมองปัญหาทั้งประเทศให้ทั่วถึงทุกมิติ อย่ามองแค่ปอด แต่ขอให้มองถึง หัวใจว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรในสังคมที่ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ปัญหาเรื่อง ปากท้องของพี่น้องร่วมชาติก็หนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน ดิฉันจึงขอสนับสนุนพระราชบัญญัติ ฉบับนี้เพื่อทวงคืนอากาศสะอาดให้กับพี่น้องประชาชนไทยทุกคน ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทย วันนี้ดิฉันขอมีส่วนร่วมการอภิปรายสนับสนุนรายงานพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษา โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ของคณะกรรมาธิการ วิสามัญ มีการประชุมพิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์โดยการประชุมทั้งสิ้น ๑๐ ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๖ และครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ ตลอดเวลาของคณะกรรมาธิการชุดนี้นอกจากกรรมาธิการจะร่วมศึกษาเอกสารวิชาการ ที่เกี่ยวข้องแล้วยังมีการเชิญหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาให้ข้อมูลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนข. หรือ สำนักงานนโยบายและแผนขนส่งและจราจร และยังมีการลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของ พี่น้องประชาชน แต่แน่นอนว่าแม้มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาให้ข้อมูลและเปิดโอกาสให้ คณะกรรมาธิการได้ซักถามอย่างเต็มที่ก็อาจจะมีคณะกรรมาธิการบางส่วนที่ยังรู้สึกว่า ได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่ะ เพราะเป็นเรื่องสิทธิของแต่ละท่านที่จะคิด เช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ลืมว่ามูลค่าของโครงการนี้คือ ๑ ล้านล้านบาท รัฐบาลไทย เราไม่ได้เป็นคนลงทุนเอง เราไม่ได้กู้ และเราไม่ได้ใช้ภาษีของประชาชน แต่เป็นการ เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนโครงการนี้ ดังนั้นผลการศึกษาจะออกมามี รายละเอียดครบถ้วนเพียงใด คำถามสุดท้ายคือความคุ้มค่าของตัวโครงการที่เป็นคำถามของ นักลงทุนหรือผู้ลงทุนจะต้องศึกษาและหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ใช่คำถามที่รัฐบาลไทยจะต้อง ออกไปตอบคำถามนั้นแทนพวกเขา ซึ่งหน้าที่ของเราคือต้องทำอย่างไรให้โครงการนี้มีความดึงดูด สำหรับนักลงทุนต่างชาติ และคอยอำนวยความสะดวก ตลอดจนประเมินผลได้ผลเสีย ที่มีผลกระทบต่อประเทศ และประเมินผลประโยชน์ของประเทศไทยและประชาชนคนไทย จะได้รับ ไม่ใช่ไปคิดแทนนักลงทุนว่าสุดท้ายจะคุ้มค่าหรือควรลงทุนหรือไม่ เพราะนั่น เป็นคำถามที่เขาต้องตอบเองค่ะ ท่านประธาน โครงการนี้ใช้งบศึกษาโครงการเป็นจำนวนเงิน ๖๕ ล้านบาท บวกกับงบประมาณจัดทำเอกสารเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติต้องใช้อีก ๔๕ ล้านบาท รวมกันแล้วเป็น ๑๑๓ ล้านบาท การใช้งบประมาณ ๑๑๓ ล้านบาทเพื่อลงทุน เม็ดเงิน ๑ ล้านล้านบาทนั้นดิฉันมองว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก ๆ และไม่มีเหตุผลใดที่จะไป คัดค้าน ธรรมชาติของนักวิชาการอาจจะคุ้นชินกับรายละเอียดและสนุกกับรายละเอียดนั้น ๆ แต่การเป็นนักบริหารที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ไปข้างหน้า สิ่งสำคัญต้องรู้จักมองให้กว้าง คิดให้ใหญ่ และจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ดิฉันในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมทั้งกรรมาธิการทุกท่านล้วนเป็นคนไทย อยากเห็นเศรษฐกิจ ประเทศของเราเติบโตไปข้างหน้าหลังจากที่อยู่ในภาวะเติบโตถดถอยมานาน ดังนั้นเราควร สนับสนุนโครงการนี้ให้เดินต่อไปข้างหน้า อย่าตั้งคำถามหรือทำทุกทางเพียงเพื่อเอาชนะ ทางการเมืองซึ่งเป็นการตัดโอกาสของเศรษฐกิจไทย ประเทศไทย และประชาชนคนไทย อย่างน่าเสียดายค่ะ ขอบพระคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ ดิฉัน นางสาวศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทยค่ะ วันนี้ดิฉันได้นำปัญหาในพื้นที่มาหารือกับท่านประธานจำนวน ๓ เรื่องค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๑ ทั้ง ๔ อำเภอ ที่ดิฉัน รับผิดชอบอยู่นั้น ในปี ๒๕๖๖ ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ป่วยสูงถึง ๑๔๗,๐๐๐ คน ยังมีการประสบ ปัญหาในการเข้าถึงด้านบริการสาธารณสุข เช่น ปัญหาของประชาชนที่ต้องเดินทางมายัง สถานพยาบาลที่มีความยากลำบาก โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนทำให้สภาพถนนไม่สามารถขนส่ง ผู้ป่วยไปรักษาได้ อีกทั้งจำนวนบุคลากรด้านสาธารณสุขยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงอยากขอความอนุเคราะห์ ให้คณะกรรมการโครงการสุขศาลาพระราชทาน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเข้าร่วมพิจารณาเข้าช่วยเหลือพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัคร สาธารณสุขและแกนนำผู้นำชุมชนในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ทั้ง ๔ อำเภอนี้สามารถเรียนรู้รักษาพยาบาลเบื้องต้น ลดอัตราการเสียชีวิต และเสริมสร้าง สุขอนามัยที่ดีในชุมชน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ ครู พยาบาล เพื่อทำการรักษา และส่งต่อสถานพยาบาลของภาครัฐต่อไป

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๒ ได้รับแจ้งปัญหาขาดแคลนสัญญาณสื่อสาร ทั้งสัญญาณโทรศัพท์ และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในพื้นที่ปางหินฝน ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลและมีความลำบากในการเดินทางสัญจรไปมา ดังนั้นเพื่อเป็นการ บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว จึงอยากขอความอนุเคราะห์ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าดำเนินการ สำรวจและขยายสัญญาณในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการเร่งด่วนค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องสุดท้าย โรงเรียนบ้านทัพ ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีอาคารทอผ้า สำหรับการทอผ้าให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ ได้รับการเรียนรู้ การทอผ้าซิ่นตีนจก ที่มีการช่วยกันเสริมสร้างกิจกรรมต่อยอดความรู้และภูมิปัญญา ให้กับเยาวชน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมของแม่แจ่มที่เป็นการทอผ้า และปัจจุบันอาคารดังกล่าวมีความทรุดโทรมและไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร เพื่อเป็นการ ส่งเสริมกิจกรรมดังกล่าวนี้ จึงอยากขอความอนุเคราะห์ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมและ กระทรวงวัฒนธรรม โปรดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจและช่วยเหลือ เพื่อให้อาคารแห่งนี้ สามารถเป็นแหล่งการเรียนรู้วิถีชีวิตและส่งเสริมด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นให้อยู่คู่เมืองแม่แจ่ม ต่อไป ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ศรีโสภา โกฏคำลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๑๐ พรรคเพื่อไทยค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • วันนี้ดิฉันขอมีส่วนร่วมอภิปราย สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตชาติพันธุ์ ก่อนอื่นค่ะท่านประธาน ดิฉันขอเรียนให้ท่านประธานทราบก่อนนะคะว่า ชุดที่ดิฉันสวมใส่อยู่นี้ มาจากชาว ปกาเกอะญอ หมู่บ้านหล่ายแก้ว หมู่ ๓ ตำบลบงตัน อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งวันนี้ นอกจากจะมีความภาคภูมิใจที่ดิฉันได้สวมใส่เสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว เขายังมีความภูมิใจ ที่พระราชบัญญัติคุ้มครองและการส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ได้เข้าสภาวันนี้อีกค่ะ ท่านประธาน นอกจากจะมีความสวยงามทางด้านอัตลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว การสืบทอด ภูมิปัญญาอย่างยาวนาน ดังนั้นผ้าที่ดิฉันสวมใส่อยู่นี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับ การส่งเสริมภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนถึงขนบธรรมเนียม ประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์พี่น้องชาวปกาเกอะญอ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ชาวปกาเกอะญอ ที่อยู่ในพื้นที่บ้านเกิดของดิฉัน อำเภอฮอด มีทั้งชาวลัวะ ชาวม้งอยู่อาศัยในหลายหมู่บ้าน มีการสืบทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่ตามจารีตประเพณีเช่นเดียวกัน ท่านประธานคะ แต่ที่ผ่านมา กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล บางพื้นที่สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานก็ยัง เข้าไม่ถึง หากมีพี่น้องได้รับบาดเจ็บหรือป่วยไข้ ต้องการรักษาตัวในโรงพยาบาลอาจจะต้อง ใช้เวลาเดินทาง ๓ ชั่วโมง ถึง ๔ ชั่วโมง เพื่อไปถึงโรงพยาบาล ยังไม่ต้องพูดถึงสิทธิทาง การศึกษานะคะ หรือว่าสิทธิทางสวัสดิการขั้นพื้นฐาน หรือสิทธิที่ดินทำกิน ยังมีอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ ดังนั้นพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมกลุ่มชาติพันธุ์นี้ จะช่วยให้เรา จัดสวัสดิการของภาครัฐ คำนึงถึงพี่น้องชาติพันธุ์เหล่านี้มากขึ้น ให้พวกเขาได้มีสิทธิ ขั้นพื้นฐาน ศักดิ์ศรี มีคุณภาพเท่าเทียมกับคนในเมือง ท่านประธานคะ โดยเฉพาะด้าน สาธารณสุข สัปดาห์ที่แล้วดิฉันได้มีโอกาสหารือเพื่อให้มีการแก้ไข เพื่อเพิ่มความเสมอภาค และเท่าเทียมในการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะนำผู้ป่วยเข้าไปสู่สถานพยาบาล ในตัวอำเภอเมือง เมื่อกล่าวด้านสาธารณสุข ในช่วงปี ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา เป็นช่วงวิกฤต โควิด-๑๙ กลุ่มพี่น้องชาวชาติพันธุ์ยิ่งได้รับผลกระทบหลายด้านค่ะ โดยเฉพาะช่วงโควิด-๑๙ พี่น้องชาติพันธุ์ไม่สามารถเข้าถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการป้องกันโรคระบาด เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษากลางในการสื่อสาร มิหนำซ้ำยังอยู่พื้นที่ห่างไกล ทำให้การตรวจคัดกรอง และการรักษาพยาบาลขาดอุปกรณ์การป้องกันจากเชื้อที่เหมาะสม เข้าไม่ถึงการแจกวัคซีนรวมถึงการไม่มีบัตรประชาชน ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการเยียวยา อย่างเหมาะสม การมีพระราชบัญญัติและคุ้มครองการส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ จะทำให้ เขาไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ท่านประธานคะ ดิฉันทราบว่าประเทศไทยของเรา ได้ลงนามปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนพื้นเมืองหรือ UNDRIP เป็นเอกสารที่ กำหนดกรอบมาตรฐานสากลขั้นต่ำที่รับรองความอยู่รอด ศักดิ์ศรี ความเป็นอยู่ที่ดีของชาว พื้นเมืองทั่วโลก โดยปฏิญญานี้ได้รับการรับรองจากการประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ เมื่อ วันที่ ๑๓ กันยายน ในคริสต์ศักราช ๒๐๐๗ เป็นข้อตกลงที่สะท้อนถึงความเห็นชอบระหว่าง ประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิทธิพี่น้องชาติพันธุ์ และจุดที่สำคัญของปฏิญญาฉบับนี้ ๑. ยอมรับ สิทธิพี่น้องชาติพันธุ์ในการกำหนดอนาคตของพวกเขา ซึ่งพวกเขาสามารถกำหนดสถานะ ทางการเมือง และแสวงหาการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของตนเองได้อย่าง อิสระ ๒. สิทธิในความมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิของ พวกเขา ผ่านตัวแทนของพวกเขา ที่เขาเลือกเองโดยขั้นตอนของพวกเขาเอง และ ๓. มาตรการ ในการรับรองสุขภาพ กายสุขภาพจิตที่ดีของชนชาวพื้นเมือง รวมไปถึงการป้องกันบังคับให้ เข้าสู่วัฒนธรรมอื่น และการทำลายวัฒนธรรมของพวกเขา นอกจากนี้แล้ว ประเทศไทยของเรา ยังลงนามในกลไกระหว่างประเทศอีกหลายฉบับ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ หรือ CERD กติกา ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ICESCR อนุสัญญาว่าด้วย สิทธิเด็ก CRC ทั้งหมดที่ดิฉันกล่าวมามีข้อสำคัญที่กำหนดว่า รัฐจะต้องมีหน้าที่ ๑. เคารพ โดยรัฐจะต้องรับประกันว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมาย นโยบายหรือมาตรการใด ๆ จะไม่เป็น การเลือกปฏิบัติต่อประชาชนชาวพื้นเมือง ๒. ปกป้อง โดยที่รัฐจะต้องมีกลไกและมี ประสิทธิภาพในการป้องกันโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อส่งเสริมหรือยุยงก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ต่อชนชาวเชื้อชาติ หรือชนชาวพื้นเมือง และ ๓. เติมเต็ม โดยที่รัฐจะต้องมีมาตรการและมี ประสิทธิผล โดยการปรึกษาหารือหรือความร่วมมือกับชนชาวพื้นเมืองที่เกี่ยวข้อง เพื่อต่อสู้ กับอคติและขจัดการเลือกปฏิบัติและส่งเสริมความอดกลั้น ความเข้าใจ และความสัมพันธ์อัน ที่ดีระหว่างชนชาวพื้นเมืองทุกภาคส่วนและสังคม ท่านประธานคะ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครอง ส่งเสริมวิถีชีวิตชาติพันธุ์ ฉบับของพรรคเพื่อไทยนี้จะทำให้เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า จะมีการ คุ้มครองและการส่งเสริมวิถีชีวิตพี่น้องชาวชาติพันธุ์ได้ตามพันธสัญญาระหว่างประเทศ ด้วยสาระสำคัญที่ครอบคลุมทั้งในด้านคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรี และความเป็นมนุษย์ค่ะ และมีการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองการส่งเสริมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมถึงในการกำหนดคุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ก็คือการกำหนดฐานความผิดทางอาญา ด้วยการกระทำเหยียดหยาม และการเกลียดชัง ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะช่วยพี่น้องชาวชาติพันธุ์มีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ขึ้น สุดท้ายค่ะ ท่านประธาน พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมกลุ่มชาติพันธุ์จะทำให้ พระราชบัญญัติฉบับแรกในประเทศไทยของพี่น้องชาวชาติพันธุ์กว่า ๑๐ ล้านคน จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของประเทศไทยในการปฏิบัติตามหลักสากล ว่าด้วยการคุ้มครอง เสริมสร้างกลุ่มชาติพันธุ์ และเราพรรคเพื่อไทยหรือประเทศไทยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม