นายนพพล เหลือทองนารา

  • กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ผมเองก็ขอที่จะมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ในเรื่องของรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ของ กสศ. หรือกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางด้าน การศึกษา พอมีกองทุนนี้มาผมเองค่อนข้างที่จะสบายใจมากขึ้น เพราะว่าไม่ว่าแต่ตัวผม หรอกครับ แม้แต่ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่เราก็ต้องยอมรับกันว่าในส่วนของภาคส่วนการศึกษา ที่พวกเราได้มีอนาคตได้ยืนมาอยู่ถึงทุกวันนี้ก็เพราะทางด้านการศึกษา และโดยเฉพาะครู ก่อนหน้าที่จะมี กสศ. คนที่รับภาระหนักประการหนึ่งก็คือคุณครู ผมยอมรับเลย แล้วผมก็สงสารมาก เพราะผมระลึกในใจอยู่เสมอว่าครูไม่ใช่เหมือนพ่อแม่ คนที่ ๒ แต่ครูนั้นเป็นพ่อแม่คนที่ ๒ แล้วในเมื่อพ่อแม่คนที่ ๒ ผมลำบาก ในฐานะความเป็นลูก อย่างผมก็ไม่สบายใจหรอกนะครับ แต่พอวันหนึ่งมี กสศ. ขึ้นมาผมเองก็ดีใจที่จะมาช่วย แบ่งเบาภาระในเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาจากคุณครูบ้าง ผมเองต้องขอบคุณ แต่ทีนี้ในการปฏิบัติงาน ดำเนินงานของ กสศ. เราก็ต้องยอมรับกันว่าสามารถที่จะช่วยเหลือ เพื่อที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางภาคการศึกษาได้พอสมควร แต่ผมเองยังมีความรู้สึกว่า การเหลื่อมล้ำทางการศึกษานอกจากในเรื่องของทุนทรัพย์แล้วก็เหมือนอย่างท่านนพดล ปัทมะ กับท่านสฤษฏ์พงษ์ได้บอกว่าในเรื่องของความเสมอภาคทางการเรียนการสอน โรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ อย่างในจังหวัดพิษณุโลกมีโรงเรียนทั้งหมด ๔๙๗ โรงเรียน แต่ว่าใน ๔๙๗ โรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดเล็กถึง ๒๒๔ โรงเรียน นั่นก็คือ เป็นโรงเรียนที่มีขนาดเล็ก หมายความว่ามีนักเรียนตั้งแต่ ๑ คน จนถึง ๑๒๐ คน ถัดจากนั้น ไป ๑๒๑ คน จนถึง ๖๐๐ คน นั่นก็เป็นโรงเรียนขนาดกลางก็ว่าไป แล้วทีนี้ในเรื่องของ การจัดงบประมาณให้โรงเรียนขนาดเล็ก พวกเราก็ทราบกันดีอยู่ว่านโยบายของทาง สพฐ. ทางกระทรวงศึกษาธิการก็คือจัดเป็นรายหัว อย่างโรงเรียนขนาดเล็กบางโรงเรียนไม่น่าเชื่อว่า มีนักเรียนกันอยู่ ๑๑ คน แล้วเขาจะทำอย่างไรถ้าคิดตามรายหัว ผมอยากให้ทาง กสศ. ได้เข้ามาเอาใจใส่ในเรื่องนี้ ผมเองต้องขออภัยที่ไม่ได้อ่านทั้งหมดว่าวัตถุประสงค์ของ กสศ. เอื้อมไปถึงตรงส่วนนี้ไหม แต่ว่าด้วยความที่ท่านเองในวิสัยทัศน์ของท่านที่เขียนมาอยู่ที่ หน้าที่ ๓ หน้าที่ ๔ ท่านก็บอกในเรื่องของการจัดระบบการศึกษาให้มีความเท่าเทียมกัน ผมเองก็อุปมานเอาว่าน่าจะเอื้อมถึงในส่วนของการให้ความเสมอภาคในเรื่องของการเรียน การสอน เพราะว่าทางพวกเราก็ได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใย โดยเฉพาะในส่วนของทาง พรรคเพื่อไทยเราก็พูดเสมอ เมื่อสมัยที่แล้วที่เราเป็นฝ่ายค้านอยู่ ๔ ปี ทุกครั้งไม่ว่าจะเรื่อง งบประมาณ หรือว่าการรายงานของทางรัฐมนตรีหรือทางไหนก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับเรื่องการศึกษา เราพยายามจะมุ่งเน้นว่าขอให้เลิกเสียทีเถอะในการที่จะจัดสรรงบประมาณรายหัวลงไปให้ ตามโรงเรียนต่าง ๆ เพราะมิฉะนั้นแล้วโรงเรียนขนาดเล็กก็ย่อมเสียโอกาส แล้วก็โอกาส ในการพัฒนาไม่มีเลย อย่าว่าแต่โอกาสในการพัฒนาเลย เอาให้คงอยู่มันยังคงอยู่ไม่ได้เลย แล้วก็ยังต้องไปรบกวนคณะกรรมการสถานศึกษา ซึ่งท่านก็เต็มใจในการที่จะช่วยสถานศึกษา ในการที่จะหาเงินหาทอง แต่มันไม่ใช่ที่นะครับ มันไม่ใช่เรื่อง เพราะว่าแค่ท่านเหล่านั้น ได้เสียสละมาช่วยดูแลโรงเรียน มาช่วยปกป้องโรงเรียนนั่นก็มากพอสมควรแล้ว แล้วยังจะต้อง ให้ท่านได้เสียสละเงินทอง เพราะจริง ๆ แล้วในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ผ้าป่าการศึกษาก็ไม่ได้มา จากไหนหรอกครับ มาจากคนที่เป็นกรรมการสถานศึกษาทั้งนั้นละครับ เพราะฉะนั้นผมเอง ก็อยากจะฝากท่านไปถึงกระทรวงศึกษาธิการด้วย ขอให้ในเรื่องเหล่านี้การจัดงบประมาณ ไปสู่ตามโรงเรียนต่าง ๆ โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กขอให้ได้มีความยุติธรรมขึ้น คุณครูทั้งหลาย ที่อยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กอดทนกันจนช่วงหลังยังต้องมีการจัดตั้งสมาคมครูโรงเรียนขนาดเล็กขึ้น เพื่อจะดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง ดิ้นรนให้มีคุณภาพทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่ยังคงอยู่ จะอยู่กี่คนก็ช่าง แต่ตราบใดยังมีนักเรียนอยู่ ยังมีชื่ออยู่ในสารบบนั่นก็คือโรงเรียน แล้วเป็นสิ่งที่จะมีนักเรียนอยู่ ๑ คน หรือ ๒ คน นั่นก็คืออนาคตของชาติทั้งนั้น ใครจะไปรู้ นักเรียนที่อยู่โรงเรียนขนาดเล็ก ๒ คนในโรงเรียนนั้นวันหนึ่งอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นแล้วผมขอฝากท่านได้ช่วยดูในเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เช่นนี้ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับในเรื่องของค่าครองชีพสูง แล้วก็หนี้สินครัวเรือน ที่มีเพื่อนสมาชิกได้เสนอญัตติเข้ามา ท่านครับผมเองก็อยากจะบอกกับทุกท่าน ซึ่งจริง ๆ แล้วผมคิดว่าทุกท่านก็คงจะทราบกันดีอยู่ ถ้าติดตามข่าวกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะข่าวทางด้าน การเงิน แล้วก็เรื่องของผลสำรวจต่าง ๆ ของสำนักต่าง ๆ ที่สำรวจเกี่ยวกับเรื่องของ ด้านเศรษฐกิจ ท่านครับเป็นครั้งแรกที่ความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนในประเทศไทย ได้มีความเชื่อมั่นในเรื่องของค่าครองชีพ ในเรื่องของหนี้สินครัวเรือนว่าจะมีโอกาสที่จะลดลง จากผลสำเร็จของธนาคารกสิกรไทยก็ได้บอกว่าความเชื่อมั่นของประชาชนตั้งแต่มีรัฐบาล ขึ้นมา รัฐบาลของท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นมา แล้วก็พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ว่าในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๖๖ ความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนนั้น เป็นครั้งแรกที่มี ความเชื่อมั่นว่าค่าครองชีพ แล้วก็เรื่องของหนี้สินครัวเรือนจะลดลง เพราะฉะนั้นผมเอง ก็ต้องขอแสดงความมั่นใจอีกครั้งหนึ่งในฐานะที่เป็นสมาชิก เพราะว่าผมเห็นการทำงาน ของรัฐบาลเป็นเนื้อในแล้ว ทุกฝ่ายมีความตั้งใจ ทั้งในส่วนของทางตัวนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีแต่ละท่าน ท่านครับประเทศไทยพูดถึงหนี้สินครัวเรือน ณ ปัจจุบันนี้ ๑๕.๙๖ ล้านล้านบาท ซึ่งเท่ากับ ๙๐.๖ เปอร์เซ็นต์ของ GDP ท่านเชื่อไหมว่าหนี้สินครัวเรือน ที่เพิ่มขึ้นมาจากปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้วหนี้สินครัวเรือนมีอยู่เพียงแค่ ๑๕ ล้านล้านบาทต้น ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ๗.๖ แสนล้านบาท มีหนี้สินครัวเรือนเท่ากับ ๕๕๙,๔๐๘ บาทต่อครัวเรือน ในสิ่งต่าง ๆ ที่พี่น้องได้ประสบอยู่จากผลการสำรวจก็บอกว่าเป็นหนี้ครัวเรือนที่เกิดมาจาก ค่าใช้จ่ายประจำสูงเป็นอันดับ ๑ ก็คือ ๖๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นแล้วในตัวเลขที่สูง ในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือน ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นผมเองก็อยากที่จะให้รัฐบาล ได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วรัฐบาลก็ดำเนินมาตรการเหล่านี้มาในแนวทาง ที่ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดค่าไฟฟ้า หรือแม้แต่ในเรื่องของการที่จะพักชำระ หนี้ให้กับพี่น้องเกษตรกรนะครับ

    อ่านในการประชุม

  • แต่ว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะขอให้ทางรัฐบาลได้เอาใจใส่เพิ่มขึ้นในเรื่องของ การลดค่าใช้จ่ายของพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะในเรื่องของปัจจัยทางด้านการผลิต ท่านครับ ในเรื่องของปุ๋ย ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของพี่น้องเกษตร ไม่ว่าจะเพาะปลูกในพืช สาขาใดก็ตาม ผมเองอยากที่จะให้ทางรัฐบาลได้ควบคุมในเรื่องของราคาปุ๋ย อย่างที่ผมเคย ได้พูดไปเมื่อเดือนที่แล้วว่า จริง ๆ แล้วในสมัยก่อนเท่าที่ผมจำได้ ราคาปุ๋ยของ พี่น้องเกษตรกร ยกตัวอย่างเช่น ปุ๋ยยูเรีย สูตร ๔๖-๐-๐ ผมเองไม่เคยเห็นราคาเคลื่อนไหวเลย คือถ้าอยู่กระสอบหนึ่ง ๔๖๐ บาทก็อยู่ ๔๖๐ บาทมาเป็นเวลานานนับแรมปี แต่มาปัจจุบันนี้ ทำไมราคาเคลื่อนไหวของปุ๋ยขึ้นลงเหมือนหุ้นเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่ ราคาจะเคลื่อนไหว ณ ขณะนั้น นอกเสียจากว่าจะมีการเก็งราคากัน ผมเองอยากให้รัฐบาล ได้เอาใจใส่ในเรื่องนี้ด้วย เพราะปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญของพี่น้องเกษตร แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชน โดยที่พวกเราอาจจะ ไม่ได้สักเกตนัก นั่นก็คือว่าท่านครับเวลาพี่น้องเกษตรกรนั้นเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม หรือน้ำแล้งก็ต้องไปขอเครื่องสูบน้ำมาจากหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ กรมชลประทาน ไม่ว่าจะส่วนของกรมทรัพยากรน้ำ หรือว่า ปภ. ก็ดี ไม่น่าเชื่อว่า พี่น้องเกษตรกรโดยส่วนใหญ่จะต้องเสียค่าน้ำมันในการมาทำการสูบน้ำด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระ ซึ่งจริง ๆ ภาระตรงนี้มันเป็นภาระที่ราชการควรจะต้องดูแล แล้วก็ อย่ามาใช้เหตุผลว่านั่นคือนอกเขตชลประทาน นี่คือในเขตชลประทาน เพราะฉะนั้น มีการเสียค่าน้ำมันที่แตกต่างกัน ผมว่ากรณีอย่างนี้รัฐบาลต้องพยายามที่จะควบคุมดูแล อย่าให้พี่น้องเกษตรกรต้องมารับภาระเช่นนี้อีก เพราะฉะนั้นแล้วผมเองขอให้กำลังใจ กับทางรัฐบาลในการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนี้สินครัวเรือน หรือว่า ค่าครองชีพทั้งหลาย แนวทางที่ท่านได้ทำมาทุกวันนี้ผมว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แล้วที่สำคัญ ประชาชนรอคอยในเรื่องของเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาทของรัฐบาลที่ประกาศไว้ ก็เป็น ธรรมดาครับสำหรับจะมีผู้คนที่ไม่เห็นด้วยสำหรับนโยบายนี้ แต่ว่าราษฎรทั่ว ๆ ไป ที่ผมได้พบปะทุกคนรอคอยเพราะเขาถือว่าเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทนี้มีความสำคัญกับเขามาก อย่างน้อย ๆ มีบางบ้านบอกกับผมเลยว่า ๑๐,๐๐๐ บาทสำหรับเขานี่ ทำให้เขาไม่ต้องจ่าย ค่าไฟไปเกือบ ๒ ปี จริงอยู่ ๑๐,๐๐๐ บาทสำหรับบางบ้าน บางครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย อาจจะไม่ได้เห็นความสำคัญเท่าไรนักนะครับ แต่ว่าสำหรับพี่น้องที่หาเช้ากินค่ำถือว่า มีความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นก็อยากที่จะให้รัฐบาลได้ดำเนินการในโครงการนี้ต่อไป แต่ว่า ก็ขอให้รับฟังบุคคลหรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ว่ามีเหตุผลใด แล้วก็ถ้าเป็นเหตุผล ที่รับฟังได้ผมก็อยากให้รัฐบาลได้รับฟัง แต่โดยรวมแล้วนโยบายนี้เป็นนโยบายที่ถือว่า เป็นนโยบายที่ดี แล้วก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วก็ทำให้หนี้สินต่อครัวเรือนต่อ พี่น้อง ประชาชนโดยทั่วไปจะลดลง ผมเองต้องขอฝากไว้เพียงเท่านี้ กราบขอบพระคุณมากครับ

    อ่านในการประชุม