กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สมาชิกผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี พรรคภูมิใจไทยครับ ก่อนอื่นก็ต้องขอกราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้อง ชาวบ้าน ชาวประชาชนทุกท่านครับ ที่ให้โอกาสผมได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีก ๑ สมัย ผมพร้อมที่จะทำงานเป็นผู้แทนราษฎรที่ดีที่สุดครับ วันนี้ผมมีเรื่องที่จะปรึกษาหารือในเรื่อง สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งในปัจจุบันนี้ปี ๒๕๖๖ ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของประชากรทุกที่วันนี้ ๑๔ ล้านคนนะครับ ส่วนใหญ่ที่พ่อแม่พี่น้อง หรือท่าน สส. ที่มาปรึกษาหารือส่วนมากก็จะนำเรื่องทุกข์ร้อน เรื่องปากท้อง เพื่อให้ ท่านประธานสภาได้นำเรื่องส่งไปแก้ไข แต่วันนี้ผมอยากจะนำเสนอโครงการกิจกรรม ความร่วมมือของประชาชน ชมรมผู้สูงอายุ ภาคสังคม ภาคประชาชน ของเทศบาลตำบล กบินทร์ อำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งนำโดยท่านรังสรรค์ บุตรเนียร และท่านรองณิชาภา ทิพยารมณ์ ท่านสมชาย สมบูรณ์กุล และคณะ ที่จะนำแนวความคิดการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของผู้สูงวัยในชนบทอย่างยั่งยืน โดยริเริ่มโครงการ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารเวลา กองทุนผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ ซึ่งพยายามจะรวมตัวกันคิดหาวิธีการช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มากที่สุด เพื่อลด ภาระของภาครัฐ เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมด้วยการเสียสละ การมีน้ำใจช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อให้สังคมเป็นสังคมที่น่าอยู่ครับ เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพชีวิต ขณะนี้เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖ กองทุนของเทศบาลก็มีเงินเกือบ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ด้วยการ รับบริจาคของเก่า ของเหลือใช้ ของที่ไม่ได้ใช้นำมาจำหน่ายในร้านกองทุนครับ นำผลผลิต ของผู้สูงวัยในหมู่บ้าน ตำบลใกล้เคียงมาจำหน่าย อีกทั้งยังมีกิจกรรมส่งเสริมอาชีพ สอน ไม่ว่าจะเป็นตัดผม การนวด การประกอบอาหาร เพื่อให้เกิดรายได้กับผู้สูงวัยครับ เพื่อให้เป็น แนวความคิดโครงการอย่างนี้ดำเนินการต่อไปได้ ประสบความสำเร็จ เป็นตัวอย่างที่ดี ด้วยความร่วมมือของภาคสังคม จึงกราบเรียนมายังท่านประธานสภาที่เคารพ ผ่านไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง สสส. กองทุนส่งเสริม สร้างสุขภาพภาคประชาชน สังคม แจ้งข่าวดี ขยายผลงานเข้าไปสนับสนุนส่งเสริมให้คำแนะนำ และแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อให้มี มาตรฐานเป็นตัวอย่างที่ดี มีระบบต่อไปและเป็นตัวอย่างในการเกื้อหนุน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ของสังคม เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ทุก ๆ ที่ครับ ขอกราบขอบพระคุณอย่างมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ กระผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี พรรคภูมิใจไทย วันนี้ผมขอมีส่วนร่วมในการอภิปรายในเรื่องของกองทุน การออมแห่งชาติ ผมก็ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติที่ได้เห็น ความสำคัญของผู้สูงอายุ ในปัจจุบันประเทศไทยก็เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุก็มีประชากร ผู้สูงอายุมากขึ้น ๆ ในปัจจุบันเรามีถึง ๑๔ ล้านคน นโยบาย วัตถุประสงค์เป็นสิ่งที่ดีงาม เพราะอย่างน้อยที่สุดวันนี้ประชากรที่พึ่งพาตนเองได้ในยามสูงอายุมีไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์ ที่จะช่วยตัวเองไม่ต้องพึ่งพาผู้ใด ดังนั้นการออมก็เป็นวิธีช่องทางหนึ่งที่รัฐบาลพยายาม ที่จะสนับสนุนให้ผู้สูงวัยนั้นได้พึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะปัจจุบันนี้แล้วผู้สูงวัยซึ่งอยู่คนเดียว หรืออยู่ ๒ คนตายายมีจำนวนมากขึ้นถึงประมาณ ๔ ล้านครอบครัวทีเดียว แล้วใครล่ะครับ จะดูแล นอกจากการเตรียมตัว แต่กองทุนนี้เป็นกองทุนใหม่ซึ่งเกิดขึ้น ถ้าหากว่าจะตั้งต้น ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ แต่จริง ๆ แล้วก็เริ่มต้นการเริ่มหาสมาชิกในปี ๒๕๕๘ ก็เพียง ๘ ปีเท่านั้น ผมก็อยากจะให้ทั้งกำลังใจ อาจจะมีข้อบกพร่องในการทำงานละ แต่วัตถุประสงค์ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ Comment ไปก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะทุกความคิดนำเสนอ เป็นสิ่งที่ดีงาม จากสมาชิกเริ่มต้นในปี ๒๕๕๘ ประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ คนนั้นเป็นการจัดตั้ง ของแรงงานนอกระบบเท่านั้น แล้วก็มีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างซึ่งกระทรวงการคลังได้กำหนด กฎเกณฑ์ขึ้นมา โดยเฉพาะเรื่องของอายุที่จะให้เพียง ๖๐ ปีเท่านั้น แต่ขณะนี้ปัจจุบัน ท่านก็ต้องทราบว่าผู้สูงอายุนั้นก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไป จากค่าอายุเฉลี่ย ๗๘-๘๐ ปี แต่ขณะเดียวกันกองทุนผู้สูงอายุวันนี้ก็กำหนดให้ส่งถึงอายุเพียงแค่ ๖๐ ปี ผมถึงอยากจะเห็นว่า ในเมื่อของสภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำไมครับ ข้อกฎเกณฑ์ กติกา หรือเงื่อนไข ที่กระทรวงการคลังเขียนไว้ก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะโดยเฉพาะผู้สูงวัยปัจจุบันนี้ เป็นจำนวนมากที่ยังอยู่ในตลาดแรงงาน และต้องพึ่งพาตนเองด้วยการทำงาน จึงน่าจะเพิ่มอายุ ในการส่งหรือเงินออมมากยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะเงินกองทุนนี้เป็นการออมภาคสมัครใจ ซึ่งบางทีผมว่ามันไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย น่าจะมีเงื่อนไขในการที่จะมีแรงจูงใจ สมัครใจในเชิงบังคับ แล้วก็จูงใจให้มีความรู้สึกว่ามีการออมอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในปัจจุบันนี้สมาชิกที่มาร่วมอยู่ในวงการการออมนี้ ผมเชื่อว่าการประชาสัมพันธ์อย่าง ท่านสมาชิกได้กล่าวไปนี้ ผมก็เชื่อว่าการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ การเข้าถึงผู้สูงวัย หรือประชาชนทุกช่วงวัยตั้งแต่ ๑๕ ปีผมว่ายังน้อย โดยเฉพาะ ๑๕-๒๐ ปียังอยู่ในวัยการศึกษา ผมว่าน่าจะบรรจุเข้าไปในหลักสูตร หรือส่งเสริมเด็ก ๆ แต่ขณะเดียวกันผมเชื่อเหลือเกินว่า ในสังคมปัจจุบันนี้เด็กยังไม่มีรายได้ก็อาจจะมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการที่สังคมผู้สูงอายุวันนี้ลูกมีบุตรช้า ต้องมีภาระในการที่จะส่งเสีย ลูกหลานเล่าเรียนจนอายุเกือบ ๖๐ ปี พออายุ ๖๐ ปีเริ่มที่จะสบายตัวพอที่จะออมได้ ก็ถูกขีดจำกัดด้วยเงื่อนไขข้อบังคับของกองทุนเงินออม ดังนั้นสิ่งที่ควรจะแก้ไขคือเรื่องของ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะผู้สูงวัย น่าจะเพิ่มจากเมื่อก่อนนี้ ๕๐-๖๐ ปี เป็น ๖๐-๗๐ ปี เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้สูงอายุโดยเฉพาะในชนบทนั้น ในเขตเลือกตั้ง ของผมนี่ ผมเห็นทุกครั้งที่มีการประชุม อสม. ประชุมกองทุนหมู่บ้าน ประชาชนต้องการ ที่จะฝาก ต้องการที่จะออม เพียงแต่ว่าช่องทางในการที่กองทุนได้เข้าไปไหม ได้บริหารเชิงรุกไหม อีกอันหนึ่งที่น้อง ๆ สมาชิกได้กล่าวไปแล้วในเรื่องของประกันสังคมในมาตรา ๔๐ อันนี้ ด้วยเหตุว่าเขาได้ให้สวัสดิการชดเชยในเรื่องของเวลาที่เจ็บป่วยหรือการตาย ค่าทำศพ กองทุนการออมแห่งชาติน่าจะบริหารให้เงื่อนไขที่ดีเพื่อเป็นการกระตุ้นประชาชน ผมเชื่อว่า กองทุนนี้เป็นเพื่อผู้สูงวัยอยู่แล้ว เป็นทางออกของสังคมเพื่อลดภาระ เป็นสวัสดิการที่ดีครับ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีการถูกตำหนิติติงอย่างใด ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้กองทุนนี้ปฏิบัติการ เพียงแต่ให้รับฟังข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำของสมาชิกทุกคนที่ล้วนแล้วแต่มองว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ที่เข้ามาสู่การสมทบตั้งแต่ทุก ๆ ช่วงวัยที่ไม่เท่ากันนั้นเป็นเงินของประเทศชาติ ควรจะมองถึง ประโยชน์ที่จะให้ และประโยชน์อันนี้ก็เป็นการช่วยประเทศชาติในทางตรงทีเดียวครับ ในสังคมผู้สูงวัยต้องการการดูแลที่ดี เป็นภาระ ดังนั้นมาตรา ๔๐ ของประกันสังคมนี้ จึงอยากจะให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะสมัครได้ทุกกองทุนที่เขามีความสามารถ ส่วนเรื่อง เพดาน Maximum ในการที่ออมนั้นผมเห็นด้วยว่าควรจะมีเพดานครับ มิฉะนั้นแล้วจะเป็น ช่องทางของคนที่มีเงินจำนวนมาก ๆ ฝากใส่เพื่อต้องการเงินสมทบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ จากงบประมาณแผ่นดิน ดังนั้นผมจึงกราบเรียนมายังประธานสภาที่เคารพผ่านไปยังกองทุน สุดท้ายผมขอเป็นกำลังใจครับ เพราะกองทุนนี้เป็นสวัสดิการที่ดี เพื่อประโยชน์ของสังคม ผู้สูงอายุ เป็นทางเลือกและให้ประชาชนมีโอกาสที่จะเข้าถึงสวัสดิการอย่างดีครับ ขอกราบ ขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ กระผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทยครับ วันนี้ผมก็ขอมีส่วนร่วมอภิปรายในการรับทราบรายงานประจำปี เรื่องกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาที่เกิดขึ้นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๖๐ คำว่าความเสมอภาคทางการศึกษา ท่านก็เขียนไว้มันก็หมายความว่าการให้ประชาชนมีสิทธิ ที่จะได้รับการเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงเสมอภาค อันนี้ละครับ แล้วก็ความเหลื่อมล้ำ ทางการศึกษา ท่านพยายามจะบอกว่าคือความไม่เท่าเทียมในทางการศึกษา อันเนื่องมาจาก คุณภาพและมาตรฐานทางการศึกษา คำพูดทุกคำพูดนะครับ ที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดมา แล้วก็ตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อจะให้ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เกิดความเสมอภาค แต่ผมคิดว่า ยิ่งตั้งกองทุนความเสมอภาค ยิ่งตั้งการทำงานมันยิ่งเป็นการซ้ำซ้อน มันยิ่งเกิดความไม่เสมอภาค เพราะที่มีอยู่แล้วมันก็ไม่ค่อยเสมอภาคอยู่แล้ว ในกองทุนเพื่อความเสมอภาคนี่ท่านก็พยายาม จะบอกว่าเราได้งบประมาณมาน้อย คนก็น้อย เงินก็น้อย การทำงานก็ยากลำบาก ผมถึงบอก อย่างไรครับว่า โดยเฉพาะการศึกษาในวันนี้โครงสร้างประชากรก็เปลี่ยนแปลง สังคมผู้สูงอายุ เด็กเกิดน้อย เด็กเกิดลดลงปีละ ๔๐,๐๐๐ คน แสดงว่าเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาลดลงปีละ ๔๐,๐๐๐ คน โรงเรียนของ สพฐ. ปัจจุบันนี้มีเกือบ ๓๐,๐๐๐ โรง ครึ่งหนึ่ง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เด็กต่ำกว่า ๑๒๐ คน แล้วครึ่งหนึ่งก็ต่ำกว่า ๖๐ อันนี้ละครับผมถึงอยากกราบเรียนมายังท่านประธานสภาที่เคารพ ผ่านไปยังกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ซึ่งท่านก็บอกว่ามีงบน้อยอยู่แล้ว ภารกิจก็น้อย ข้อมูลต่าง ๆ จริง ๆ แล้วข้อมูลมันมีอยู่ที่เขตพื้นที่การศึกษาถ้าท่านจัดตั้งขึ้นมาแล้วกระจายอำนาจ หรือทุกภาคส่วนมีข้อมูลอยู่เต็มไปหมดแล้ว แต่ขณะเดียวกันกองทุนนี้ก็เพื่อที่จะบอกว่าเพื่อเด็ก ที่มีความยากจนเป็นพิเศษ ผมถึงอยากจะยกตัวอย่างแค่ในเขตพื้นที่ของผมในเขตอำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี เอาให้มันกระชับง่าย ๆ และเห็นตัวเลขที่ชัดเจน มีโรงเรียน สพฐ. อยู่ประมาณ ๑๑๓ โรง ๖๖ โรง เป็นโรงเรียนขนาดเล็กต่ำกว่า ๑๒๐ คน ที่ต่ำกว่า ๖๐ คน มีถึง ๓๒ โรงเรียน ทุกวันนี้คุณครูอย่าไปหาแต่คุณภาพเลย ครูก็ไม่พอโรงเรียนจะต้องแจกซองผ้าป่าขอเงินชาวบ้าน ผมเองเป็น สส. ในเขตพื้นที่ก็ต้องดูแลช่วยเหลือ แต่ขณะเดียวกันไม่ว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชน จะช่วยเหลืออย่างไรก็มีการให้ปลา แล้วเงินหมดก็ต้องขอกันใหม่ ผู้บริหารองค์กรบริหาร ส่วนท้องถิ่นซึ่งรับผิดชอบกันอยู่ก็นั่งปรึกษาหารือกัน ผมได้ประชุมกับทางเขตพื้นที่ ก็ยังบอกว่าโอกาสตรงนี้ พ่อแม่พี่น้องครับ ท่านประธานสภาที่เคารพ ผ่านไปยังหน่วยงาน หรือองค์กรของกองทุนเพื่อความเสมอภาค วันนี้ครูขาดแคลน แต่โครงการต่าง ๆ ที่ท่าน สร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโครงการศึกษาเพื่อคนรุ่นใหม่ ให้โอกาสกลับส่งไปเรียนครูเพื่อเป็นครู รักถิ่น วันนี้เด็กก็ลดลงทุกวัน ท่านเคยถามไหมว่าโครงการอย่างนี้ก็ต้องอีกหลายปี ๔-๕ ปี กว่าจะกลับมาเป็นครูเพื่อรักถิ่นและท่านคิดว่าจะได้บรรจุไหม ทำไมท่านไม่เอางบประมาณ ตรงนี้ทำโครงการครูในถิ่น เอามาพัฒนาให้งานทำแล้วก็อยู่ในถิ่นตรงนั้น จะไม่มีประโยชน์ มากกว่าหรือครับ แล้วมันก็ตรงประเด็นกับความต้องการของชุมชนที่แท้จริง ผมอยากให้ท่าน ทำโครงการต่าง ๆ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของพื้นที่ มิใช่สนองตอบต่อผู้ต้องการ สร้างโครงการขึ้นมา หรือโครงการในเรื่องของสร้างอาชีพต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งท่านบอกแล้วว่า ต้องการบูรณาการ เชื่อมโยง เพราะงบประมาณมันน้อย บุคลากรก็น้อย ท่านทำไมไม่ดึง องค์กรต่าง ๆ เข้ามาร่วม ภาคธุรกิจต้องการส่งเสริม ต้องการแรงงาน วันนี้ทางเขตอำเภอ กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เรามีเขตอุตสาหกรรม มีแรงงานต่างชาติเข้ามาอย่างมากมาย แสดงว่าเราขาดแรงงานอยู่แล้ว บริษัทห้างร้านต้องการคนส่งให้เรียนทุกอย่างเหล่านี้ มันก็จะเป็นการลดงบประมาณของภาครัฐ ท่านต้องการบริหารจัดการแบบเชิงบูรณาการ เชิงพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ดึงภาคเอกชนในเขตพื้นที่เข้ามาร่วม ในการจัดการบริหาร ตรงนี้สิครับ ท่านก็สามารถที่จะลดงบประมาณ ลดคนได้อย่างมากทีเดียว จึงเป็นการสร้างโครงการพัฒนาศักยภาพอาชีพ โดยการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนเข้ามา รวมกัน ดังนั้นวันนี้ผมถึงบอกว่าโครงการที่เผชิญหน้าอยู่ทุกวันนี้ โรงเรียนขนาดเล็ก เป็นจำนวนนับหมื่นโรงที่ต้องการความช่วยเหลือ แล้วโรงเรียนก็ต้องหาเงินกันและท่านคิดว่า อย่างไรจะเอาคุณภาพเกิดขึ้นมาได้ เงินจำนวนที่มีอยู่จะทำอย่างไรครับ ไม่ต้องไป PISA ไม่ต้องไปโครงการ O-NET อะไรหรอกครับ แค่เด็กจะอ่านออกเขียนได้ทุกวันนี้ ประชากร ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้นับวันก็น้อยลง ท่านจะรู้ว่าจนหรือรวยอย่างไรครับ วันนี้ อสม. พ่อแม่ ตั้งท้องปุ๊บ อสม. ไปถึงบ้านแล้ว ยิ่งกว่าไข่งูจงอางอีก คนเกิดแต่ละวัน ๆ นี่ ท่านไปหาเถอะครับ ข้อมูลตรงนี้มีเต็มพร้อมอยู่แล้วจะจนพิเศษ จนระดับกลาง จนน้อย จนมาก ท่านไม่ต้องไปหา ตรงไหนหรอกครับ ไปในเขตพื้นที่ ดังนั้นผมถือว่าโครงการที่จำเป็นที่สุดที่กองทุนเพื่อความเสมอภาค ทางการศึกษาอยากจะรีบด่วนที่สุด และมีคุณค่ามากที่สุด
-๑๑๔/๑ นั่นคือการช่วยเหลือให้มีครูสอนโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ที่ว่าท่านน้อยแล้วนี่จ้างครูในเขตชุมชน สร้างงานให้ประชากรในพื้นที่ช่วยเหลือกันเองโดยมีครู แล้วคุณภาพก็จะเกิดขึ้นเอง เพราะสื่อ คอมพิวเตอร์หรือครูตู้นั้นเป็นแต่อุปกรณ์ช่วยในการเรียนการสอนเท่านั้น แต่ครูคือหัวใจ ของการเรียนที่ช่วยให้เด็ก โดยเฉพาะเด็กในระดับก่อนประถม หรือเด็ก ป. ๑ มีคุณภาพที่สุด คือต้องการคุณครู ขอกราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี พรรคภูมิใจไทยครับ วันนี้ผมก็ขออภิปรายในส่วนของการรับทราบรายงานความ คืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๑๘ ที่ทุก ๆ ๓ เดือน (เดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๕) หรือสรุปผลงานการดำเนินการปฏิรูปประเทศด้วยครับ ในส่วนเหล่านี้เป็นการสรุปผลงาน การดำเนินการการปฏิรูปทั้ง ๑๓ ด้าน แต่ผมขอมีส่วนร่วมการอภิปรายในด้านที่ ๑๒ คือการปฏิรูปการศึกษาครับ การศึกษานี่จริง ๆ แล้วเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ ทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นรากฐานของทั้ง ๑๓ ด้านที่จะพัฒนาประเทศอย่างแท้จริงครับ การพัฒนาประเทศจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยคนนี่ละครับที่เป็นคนขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในแผ่นดินไทย ในส่วนของการปฏิรูปผมอยากจะสรุปถึงนโยบายการปฏิรูปที่เกิดขึ้นจาก กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะสรุปใน ๕ ด้านด้วยกันคือ
๑. ในการที่จะสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัย เป้าหมายคืออยากจะให้ผู้เรียนทุกกลุ่ม ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ แต่เรื่องเหล่านี้ในเรื่องของคุณภาพ ท่านครับ รัฐบาล เคยได้มองไหมครับว่าก่อนจะมีคุณภาพ ท่านก็บอกว่าเพื่อจะลดความเหลื่อมล้ำให้เกิด ความเสมอภาค เป็นการปฏิรูประบบการศึกษาที่จะให้มีประสิทธิภาพ แต่ท่านพูดถึง ความเหลื่อมล้ำและความเสมอภาคของประเทศชาติ ของประชาชน วันนี้ไม่มีเลยครับ ที่จะมีความเสมอภาค ท่านให้องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้ามา มีส่วนร่วม ให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม แต่ทุก ๆ อย่างก็ไม่เคยมีความเสมอภาค ทางการศึกษา ท่านเขียนว่าจะให้เด็กปฐมวัยเข้ามาเล่าเรียนการศึกษาโดยที่ฟรีและไม่เสีย ค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่ตลอดเวลา ๕ ปีของการปฏิรูปการศึกษาก็ยังไม่เคยที่จะประสบความสำเร็จ ท่านก็ทราบว่าปัจจุบันนี้โครงสร้างของประชากรของประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึง ๑๐ ปี คนเกิดน้อยลงปีละ ๔๐,๐๐๐ คน โรงเรียนขนาดเล็กจาก ๓๐,๐๐๐ โรงเรียนของ สพฐ. มีถึง ๗,๐๐๐ โรงเรียน ต่ำกว่า ๔๐ คน ถึง ๗,๐๐๐ โรงเรียนครับ ตรงนี้รัฐบาลจะจัดการ อย่างไร ไม่มีนโยบายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรในการจัดการ จะจัดการควบรวม จะยุบ จะเลิก ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเลยเด็กก็ลดลงเรื่อย ๆ ดังนั้นวันนี้ในเรื่องของ ความเสมอภาค ความเหลื่อมล้ำ และในรายงานที่นำเสนอนี่นะครับ ท่านพยายามที่จะบอกว่า ท่านประสบความสำเร็จในการตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคให้กับประเทศชาติและปฏิบัติมา ๕ ปีแล้ว ผมเชื่อว่างบประมาณของกองทุนเพื่อความเสมอภาคที่ท่านทำมามันเป็นงาน ที่ซ้ำซ้อนและไม่ได้เกิดผลใด ๆ ทั้งสิ้นถือว่าเป็นความล้มเหลวอีกอย่างหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่งครับ การปฏิรูปในเรื่องการจัดการศึกษาด้านทวิภาคีและระบบ อื่น ๆ ที่เน้นฝึกปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อนำสู่การจ้างงานและการสร้างงาน ตรงนี้ครับ ที่ผมอยากจะนำอภิปรายในส่วนของทวิภาคีซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างประเทศชาติ ท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าประชากรลดลง แรงงานทั้งปริมาณและทั้งคุณภาพ ปริมาณวันนี้ เราต้องนำแรงงานต่างชาติเข้ามาอย่างมาก โดยเฉพาะแรงงานด้านอุตสาหกรรม อย่างในเขต เลือกตั้งของผม โรงเชือดไก่อย่างเดียวโรงงานอุตสาหกรรม ๓,๐๐๐ คน คนต่างชาติเข้าไปตั้ง ๒,๕๐๐ คนแล้ว คนไทยไม่เหลือแล้วครับ ดังนั้นทวิภาคีเราต้องส่งเสริมด้านคุณภาพ ทวิภาคีเป็นตัวที่จะแก้ปัญหาในการบริหารจัดการ ด้านอาชีวะอย่างแท้จริง ประชาชนหรือเยาวชนของชาติควรจะผลักดันให้เรียนอาชีวศึกษา แต่ขณะเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ว่าจะหลักสูตรเนื้อหาที่ควรที่จะแก้ไขก็ยังล่าช้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ระยะเวลาของการเรียนรู้ก็เปลี่ยนแปลงไป ระดับ การศึกษาที่ควรจะเรียนอาชีวศึกษาควรจะเป็น ปวส. หรือปริญญาตรี เพราะ ปวช. นั้น ความรับผิดชอบ วุฒิภาวะยังน้อยอยู่ ยังขาดการส่งเสริมหรือขาดความร่วมมือกันระหว่าง สถานศึกษากับสถานประกอบการ ราชการหรือรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษา อย่างจริงจังครับ ระบบของความร่วมมือ สถานประกอบการควรจะได้รับสิทธิพิเศษที่จะดึง เข้ามาร่วมในการบริหารจัดการในการศึกษาที่จะลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง เพราะในหลักสูตร ของการศึกษาก็ยังบอกอยู่แล้วว่าเราต้องเรียนรู้คู่การปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติเป็นการศึกษา อย่างแท้จริงอย่างเป็นธรรมชาติ และจะเป็นคุณค่าเพิ่มคุณภาพทางการศึกษาเพื่อการแข่งขัน กับประเทศชาติ และแข่งขันกับนานาประเทศอย่างแท้จริง ฉะนั้นการปรับตัวอย่างนี้รัฐบาล หรือกระทรวงศึกษาที่รัฐบาลรักษาการก็กำลังจะหมดสิ้นไปในอีกไม่นานนี้ กระผมอยากจะ กราบเรียนทางรัฐบาลที่จะมารับภาระใหม่ ควรจะให้ความสำคัญความจริงจังจริงใจ ต่อการจัดการศึกษาของประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ก็ควรจะไม่ใช่วรรณกรรมที่เขียนไว้ในรายงานประจำปีทุก ๆ ครั้งก็จะใช้คำพูดเหล่านี้ และทวิภาคีครับ เป็นกลไกเป็นเครื่องมือในการจะพัฒนาประเทศ ดังนั้นขอให้ กระทรวงศึกษาธิการ ท่านรัฐมนตรีที่จะมาใหม่ขอให้มีความตั้งใจ ความจริงใจที่จะแก้ปัญหา ไม่ใช่แก้ปัญหาอย่างอื่น ๆ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ในเรื่องของโรงเรียนขนาดเล็กที่กำลัง เป็นปัญหาอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ โรงเรียนอยู่กันอย่างโดดเดี่ยว ต้องหารายได้รายรับมาแก้ปัญหา กันเอง เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรจะเข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง มิใช่เพียงแต่ว่า ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในระดับท้องที่อยู่ในชนบทต้องแก้ปัญหาไปตามยถากรรม
สุดท้ายครับ ผมกราบขอบพระคุณท่านคณะกรรมการที่ได้มาตอบข้อแก้ไข ณ วันนี้ ผมขอให้กำลังใจทุก ๆ ฝ่ายครับ ซึ่งแม้แต่จะหมดวาระใน ๕ ปีนี้แล้ว แต่ก็ขอฝากให้ คณะกรรมการไม่ว่าจะเป็นชุดไหนของรัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาด้วยครับ ขอกราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ กระผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ อำเภอ กบินทร์บุรี อำเภอนาดี พรรคภูมิใจไทยครับ ก่อนอื่นก็ขอแสดงความยินดีที่เราจะได้ มีการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยก็จะได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติ เพราะเรา พูดแล้วทำครับ วันนี้ผมมีเรื่องที่จะปรึกษาหารือ ผมได้รับร้องเรียนจากท่านกำนันธนกร สุริยธนธร ท่านผู้ใหญ่สมยศ ทองมงคล หมู่ที่ ๕ ท่านผู้ใหญ่ทวี สิงหนาม หมู่ที่ ๖ ท่านผู้นำชุมชน ประชาชนจำนวนมากครับ ผ่านมายังท่านนายกเถี้ยว พันชำนาญ นายก องค์การบริหารส่วนตำบลนนทรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ถึงเรื่องความจำเป็น สมควรที่จะสร้างจุด U-turn จุดกลับรถเพิ่มเติม ขอ Slide ด้วยครับ
ในถนนสุวรรณศร สาย ๓๓ กิโลเมตรที่ ๑๙๒ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนสุวรรณศร และทางหลวงชนบทสาย ๒๐๔๑ ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนสัญจรเดินทางติดต่อ กับหน่วยราชการ ในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ขนส่งสินค้า พืชผล ทางการเกษตร เชื่อมมายังถนนสุวรรณศร ซึ่งต้องไปกลับรถ U-turn ถึง ๔ กิโลเมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวนั้นก็จะเชื่อมต่ออำเภอกบินทร์บุรี อำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอเมือง และจุด ศูนย์อุตสาหกรรม ๓๐๔ อุตสาหกรรมสหพัฒน์ ซึ่งล้วนแต่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประกอบกับองค์การบริหารส่วนตำบลนนทรี มีหน้าที่ในการจะป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รถดับเพลิง รถกู้ภัย รถพยาบาล และรถมูลนิธิจะได้สามารถไปกลับรถ U-turn ได้ และช่วยเหลือปัญหาฉุกเฉินได้อย่างทันเวลาครับ จึงกราบเรียนไปยัง ท่านประธานสภาผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหา และเรื่องนี้ อบต. นนทรีได้ส่งไปยังท่าน ผอ. แขวงการทางปราจีนบุรีตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ แล้ว จะได้มี การสนับสนุนและทำนโยบายนี้ให้สัมฤทธิผลเถอะครับ
เรื่องที่ ๒ ปัญหาของถนน ๓๐๔ ฉะเชิงเทรา-นครราชสีมา ซึ่งเป็นถนน สาย Main หลักของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงกิโลเมตรที่ ๑๕๐ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๖๕ ช่วงนิคมไฮเทค ตำบลลาดตะเคียน ถึงสี่แยกสามทหาร อำเภอกบินทร์บุรี ชำรุดเป็นหลุม เป็นบ่อ เป็นอุปสรรคต่อการจราจร อีกทั้งยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วง ฤดูฝนนี้เรามีอุบัติเหตุบ่อย และการเดินทางรถต้องวิ่งสลับ Lane ไปมา ดังนั้นจึงกราบเรียน ไปยังท่านประธานสภาที่เคารพถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โปรดกรุณาเห็นความสำคัญกับชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ได้รับความสะดวกสบายครับ ขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ กระผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ อำเภอกบินทร์บุรี ตำบลทุ่งโพธิ์ ตำบลแก่งดินสอ พรรคภูมิใจไทย วันนี้ผมก็ขอมีส่วนร่วม ในการอภิปรายรายงานประจำปี ๒๕๖๕ เรื่องกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ก่อนอื่นก็ต้องขอชื่นชมครับ กองทุน สสส. ที่ได้รายงานประจำปีที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ ถึงปี ๒๕๖๖ นี้ก็เป็นระยะเวลาถึง ๒๒ ปีแล้ว เข้าสู่ทศวรรษที่ ๓ ถ้าเป็นเด็กนักเรียนก็ถือว่า จบมหาวิทยาลัยครับ มีความแข็งแกร่งเรื่องความรู้ ประสบการณ์ที่จะได้ฝึกงานกันมา เข้าสู่วัยฉกรรจ์แล้วครับ จากรายงานการประเมินของ สสส. ได้รับการประเมิน ตามการดำเนินงานในกรอบการประเมินผล อันหนึ่งก็คือการประเมินจากคณะกรรมการ ของ ครม. ตามพระราชบัญญัติ สสส. ที่มีผลการประเมินถึง ๔.๗๖ คะแนนจาก ๕ คะแนน ในการย้อนหลังถึง ๓ ปี ก็ถือว่าได้รับผลงานที่ดีมากนะครับ จากอันที่ ๒ คือการประเมิน การจัดการและหลักธรรมาภิบาล ได้คะแนนรวมถึง ๙.๖๗ คะแนนจาก ๑๐ คะแนน ก็ถือว่า เป็นผลงานที่ดี อีกอันหนึ่งด้านของคุณธรรมความโปร่งใสของหน่วยงาน ป.ป.ช. ที่ได้ถึง ๙๓.๒๕ นี่สูงกว่าระดับประเทศ จากการประเมินผลเราคงจะสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า สสส. ทำงานอย่างมีคุณภาพ เพราะการประเมินเป็นเครื่องมือของการทำงานที่ดีในกระบวนการ PDCA เพราะถ้าทำอะไรแล้วไม่ประเมินก็ถือว่าไม่ได้ทำละครับ ถ้าทำแล้วประเมินออกมาเป็น ผลที่ดีก็ถือว่าเป็นที่ยอมรับได้ครับ เพราะหน่วยงานของ สสส. เป็นหน่วยงานภาครัฐ ที่ไม่สังกัดกับหน่วยราชการ กระทรวง ทบวง กรม และ สสส. ตาม Slogan เขาบอกว่า สานพลัง สร้างนวัตกรรม สื่อสารสุข ด้วยวิสัยทัศน์ที่อยากให้ทุกคนในแผ่นดินไทยมีวิถีชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อม สนับสนุนต่อการมีสุขภาวะที่ดี และด้วยบทบาทของ สสส. ที่จะ จุดประกาย กระตุ้นสาร เสริมพลังบุคคล ชุมชน องค์กร ทุกภาคส่วนที่มีความสามารถ สร้างสรรค์ระบบสังคม และสนับสนุนให้มีสุขภาวะที่ดี โดยอาศัยกองทุน สสส. ทำหน้าที่เป็น น้ำมันหล่อลื่นโซ่กลางเพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น จากนวัตกรรมหรือเป็นกลไกที่สร้าง ขึ้นมาเพื่อให้การดำเนินงานนำเงินที่ได้มาจากภาษีเหล้า และบุหรี่ ถึงปีละ ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อจะนำมาปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายของวิสัยทัศน์ พันธกิจ บทบาทได้อย่างดี อันนี้ในปีที่แล้วก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านรองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานคณะกรรมการกองทุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ของปี ๒๕๖๕ นี้ ซึ่งปีนี้ แล้วก็ปีสังคมผู้สูงอายุได้มอบแว่นตาของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งแว่นตา ทั้งผ้าอ้อม ผ่านกระทรวงสาธารณสุขให้กับผู้สูงอายุ การสานพลังที่ท่านบอกว่า เป็นนโยบาย Slogan นับเป็นหัวใจการทำงาน ขอขึ้น Slide เลยครับ
เป็นหัวใจของการทำงานที่จะเชื่อมโยง เสริมสร้างความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่ทำงานร่วมกัน อันนี้จากรายงาน ที่ทาง สสส. ที่สร้างกลไกสุขภาวะอำเภอที่เสริมพลัง ผมต้องขอกราบขอบพระคุณทีเดียว ที่ได้นำความคิดที่รวบรวม ไม่ว่าสถาบันพระปกเกล้า แล้ว สสส. ยังบอกว่าความสำคัญที่สุด คือการทำงานแบบบูรณาการที่ใช้พื้นที่เป็นฐาน มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มาทำงานร่วมกัน ในระดับท้องถิ่นเพื่อใกล้ชิดประชาชน ให้มีสุขภาพที่ดี มีสุขภาวะที่ดี ในสิ่งเหล่านี้ ที่ทำกันไปแล้วผมก็อยากเห็นผลงานขับเคลื่อนที่ทำไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องเด็กปฐมวัย ในเรื่องของ อาหาร ในเรื่องของผู้สูงอายุ และแม้แต่การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ท่านได้ทำไป อยากร่วมมือ กันกับสังคมต่าง ๆ วันนี้ก็เช่นเดียวกันครับ ผมในฐานะที่เป็นผู้ส่งเสริมในเขตพื้นที่ผม ก็เช่นเดียวกัน ผมเห็นปัญหาใหญ่ ๆ ที่อยากจะนำเสนอเป็นแนวความคิด คงจะต่างจาก ท่านผู้อภิปรายคนอื่น ๆ โดยนำความคิดที่ต่อยอดมาจากของกองทุน สสส. มาจัด ไม่ว่าจะสานพลังจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีอยู่ รวมพลังกันกับประชาชนในเขตพื้นที่ระดับ เพราะมองแล้วว่าในขณะนี้ปัญหาของสังคมเรามีเด็กเกิดน้อย โรงเรียน สพฐ. มีถึง ๓๐,๐๐๐ โรงเรียนทั่วประเทศไทย ปัจจุบันนี้เป็นโรงเรียนขนาดเล็กถึง ๑๕,๐๐๐ โรงเรียน และจำนวน ๗,๐๐๐ กว่าโรงเรียนเป็นโรงเรียนเด็กที่มีเด็กต่ำกว่า ๖๐ คน ซึ่งขาดครู ขาดผู้บริหาร ผมจึงอยากจะยกตัวอย่างเพื่อที่จะนำให้ทาง สสส. ได้เป็น Case Study หรืออาจจะเป็นนวัตกรรม ซึ่งมาแก้ปัญหาร่วมกัน ผมถือว่าในโรงเรียนขนาดเล็กนี่เป็นปัญหาขนาดใหญ่ของประเทศชาติ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้พยายามครับ แต่ด้วยปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผมถึงอยากยก Case Study หรือตัวอย่างที่จะเป็นสิ่งที่สังคมช่วยกันโดยเหมือนกับที่เป็นนโยบาย Slogan ของทาง กองทุน สสส. นี่ทำแล้ว คือรวมสานพลังรวมจากทุกหน่วยงานด้วยรูปแบบของทฤษฎี สามเหลี่ยมที่เรายึดภาครัฐ ภาคสังคม ภาคประชาชนมารวมกันจนเป็นนวัตกรรมที่เรา เรียกว่า บวร ก็คือเรื่องสิ่งที่เราทำกันมาอยู่แล้วในอดีต คือบ้าน วัด โรงเรียน ผมอยาก ยกตัวอย่างของโรงเรียนบ้านนาคลองกลาง ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ที่เราร่วมกันที่ทั้งผู้ใหญ่บ้าน ทั้งประชาชน ชาวบ้านที่นำโดยผู้ใหญ่ศิริพงษ์ โทบุญ ได้รู้ถึงปัญหาว่าโรงเรียนขนาดเล็ก แล้วก็รวมกับเจ้าพระคุณพระใบฎีกาสุรินทร์ มันทยา ท่านเป็นเลขาเจ้าคณะตำบลเขาไม้แก้ว เจ้าอาวาสวัดบ้านนาคลองกลาง ทั้งโรงเรียน ก็เช่นเดียวกัน ท่าน ผอ. ลิ้มเส็ง เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งก็ขาดการอุปถัมภ์โดยการรวบรวม จากเขตพื้นที่การประถมศึกษาในเขต ๒ จังหวัดปราจีนบุรีซึ่งนำโดยท่านอำพล ท่านฤชากร รองผู้อำนวยการโรงเรียน ผมอยากให้กราบเรียนทางท่าน สสส. ด้วยเวลาที่จำกัด ผมอยากให้ ท่านลองสิว่าอันนี้อาจจะเป็นแนวทางหรือสังคมตัวอย่างเล็ก ๆ แต่ขณะเดียวกันโรงเรียน ขนาดเล็กต่ำกว่า ๖๐ คนถึง ๗,๐๐๐ โรงเรียน ถ้าหากสังคมที่ต้องแก้ปัญหากันเองอย่างนี้ ซึ่งท่านได้ลืมแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นการสานพลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสร้างนวัตกรรม หรือแม้ ท่านทำสื่อสารสุข ได้ทำหนังสือมากมายที่เกี่ยวกับเด็กกับผู้สูงวัยเป็นจำนวนมาก ผมอยากให้ ท่านได้ลงไปสังเกตการณ์หรือให้คำแนะนำเพื่อจะได้ไปรวมพลังจากทุกภาคส่วนในการร่วม แก้ปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศชาติขนาดใหญ่ ดีกว่าท่านจะทำโครงการเป็นหลาย ๆ พันโครงการ แต่ในการบรรลุผลนั้นไม่สามารถจะประเมินผลในภาพรวมของประเทศชาติได้ ในปีที่แล้วนี่ผมก็นำเสนอเรื่องของโครงการผู้สูงอายุไปแล้ว แต่ทาง สสส. ก็ยังไม่ให้ ความเมตตาในการที่จะไปดำเนินการได้ดูแล วันนี้ผมมาพูดเรื่องโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งเป็น ปัญหาระดับชาติ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการก็เช่นเดียวกันครับ วันนี้ได้เปลี่ยนรัฐบาลแล้วมี รัฐบาลใหม่ ผมก็ฝากกราบเรียนไปยังกระทรวงศึกษาธิการ อาจจะเป็นที่ สสส. ลงไป ประสานงานอีก ช่วยกันรวบรวมความคิดต่าง ๆ เพื่อจะแก้ปัญหาระดับชาติครับ ขอกราบขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทย วันนี้ผมก็มีเรื่องที่จะปรึกษาหารือ เกี่ยวกับถนนหนทาง โดยเฉพาะถนน ๓๐๔ ครับ
ได้รับคำร้องจากผู้นำท้องถิ่น ไม่ว่า จะเป็นตำบลลาดตะเคียน ตำบลกบินทร์ ตำบลเมืองเก่า ตำบลทุ่งโพธิ์ แทบจะทุกตำบล ที่ถนน ๓๐๔ ผ่านไปครับว่าปัญหาความเดือดร้อนจากถนน ๓๐๔ ฉะเชิงเทรา-นครราชสีมา ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะ ๑๕ กิโลเมตรจากศูนย์อุตสาหกรรมไฮเทคจนถึงสี่แยกสามทหารนั้น มีถนนซึ่งขรุขระจนเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นอันตรายต่อยานพาหนะที่ผ่านไปมาอย่างมาก โดยเฉพาะวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ นี้ ซึ่งมีรถกระบะบรรทุกได้ขับมาในเวลากลางคืนถึงสี่แยก สามทหารก็เกิดอุบัติเหตุชนกับเสาไฟฟ้า เกิดความเดือดร้อนเสียหายมีคนบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงกราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพผ่านไปยังกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ให้ทราบว่าถนน ๓๐๔ นี้สร้างมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ ๒๑ ปีแล้วครับที่เดือดร้อน ดังนั้น ในขั้นต้นนี้ก็ขอให้มีการซ่อมแซมเพื่อให้ได้รับการใช้งานก่อน อีกทั้งในเทศกาลตอนนี้จะมี เทศกาลลอยกระทง เทศกาลออกพรรษา หรือปีใหม่ ซึ่งทุกปีก็จะมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อย่างมากทีเดียวครับ
อันที่ ๒ ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องช้างอีกแล้วครับ เป็นเรื่องที่ซ้ำซาก มาโดยตลอด จากวันที่ ๖ ตุลาคม ของตำบลเขาไม้แก้ว โดยนายก อบต. ประยูร สมโภชน์ ได้รายงานมาว่าช้างป่าได้ลงมาทำลายทรัพย์สิน แล้วก็มีชาวบ้านที่ขับรถผ่านไปมาในถนน เส้น ๓๕๙ ได้ชนกับช้างที่เดินข้ามถนนจนประชาชนได้รับบาดเจ็บถึง ๓ ราย แต่ขณะเดียวกัน ช้างต่าง ๆ ก็คงจะเข้ามาอีกเป็นประจำ เพราะอีกหน่อยผ่านฤดูฝนไปก็จะถึงฤดูช้างลงมา หากินในที่ชาวบ้านแล้วครับ
เรื่องที่ ๓ เรื่องที่ได้รับความเดือดร้อนนิดหนึ่งจากโรงเรียนที่ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดสระดู่ อำเภอกบินทร์บุรี แจ้งมาว่าถังน้ำที่บรรจุน้ำอุปโภคบริโภครั่วลงมา จึงขอกราบเรียนไปยังผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต ๓ ช่วยอนุเคราะห์ มาซ่อมแซมให้ด้วย เพราะน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเด็กและชาวบ้านในบริเวณแถวนั้น ขอ กราบขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทย
วันนี้ผมมีเรื่องปรึกษาหารือจากปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ จากนายประภา ลานวงษา สมาชิกองค์การ บริหารส่วนตำบลบ้านนา หมู่ที่ ๑๑ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ได้พบว่าประชาชน ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำอุปโภคบริโภค วันนี้น้ำขาดแคลน เนื่องจากแหล่งน้ำดิบ ซึ่งต้นทุนในการที่จะมาพัฒนาน้ำที่มีอยู่ก็เป็นน้ำที่ไม่ค่อยสะอาด ได้เพียงแต่อุปโภค ใช้ในครัวเรือนเท่านั้น ยังไม่สามารถจะนำมาเป็นน้ำดื่มได้ และน้ำที่มองเห็นอยู่ในภาพ Slide นี้ ก็เป็นน้ำที่เป็นของชาวบ้านซึ่งได้ให้มาในการที่จะเอามาใช้ในหมู่บ้านนั้น แต่ก็ยังขาด น้ำประปา ดังนั้นวันนี้ผมจึงขอนำเรียนท่านประธานสภาที่เคารพผ่านไปยังหน่วยงาน ที่รับผิดชอบได้ประสานงานครับ และอีกทั้งในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายนของทุก ๆ ปี น้ำที่จะมาใช้นั้นก็ขาดแคลน จำเป็นที่องค์การบริหารส่วนตำบลที่ต้องนำน้ำนั้น ไปให้กับชาวบ้านเป็นประจำครับ
เรื่องที่ ๒ ได้รับคำร้องเรียนมาจากท่านนายกภัทริน ภู่มณี นายกองค์การ บริหารส่วนตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ในเรื่องของ อบต. นั้น มีหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะประโยชน์น้ำอุปโภคบริโภคอยู่แล้ว แต่เนื่องจากปัญหา มันอยู่ที่ว่า กรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้นได้พยายามที่จะไปขุดเจาะน้ำโดยทั่วไป แต่ปัญหา มันอยู่ที่สำนักงานของ ส.ป.ก. ขั้นตอนในการที่จะให้อนุญาตนั้นซับซ้อนยุ่งยาก และใช้เวลา ๑-๒ ปีในการอนุญาตให้ขุดเจาะได้ และแม้แต่ให้ขุดเจาะแล้วบางครั้งบริเวณที่ไปขุดเจาะ ไม่เจอน้ำก็ต้องเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นจึงกราบเรียนไปยังท่านประธานสภาที่เคารพได้โปรดเร่งรัด ให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก. นี่ ได้ลดระยะเวลาการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์กับประชาชนต่อไปครับ ขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทย วันนี้ผมขอมีส่วนร่วมในการอภิปราย ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแก้ไขปัญหาการจ้างงาน และเพิ่มทักษะแรงงาน ปัจจุบันเรารู้ว่าภาคแรงงานเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อน การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย แม้แต่การจ้างงานจะมีส่วนดีอยู่บ้าง ดีขึ้นไป เรื่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันแรงงานที่ขาดในด้านความสามารถก็ยังมีการขาดแคลน เป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันปี ๒๕๖๕ เรามีประชากรถึง ๖๖ ล้านคน วันนี้เรามีผู้สูงวัยถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ประชากรผู้สูงอายุ ๑๓-๑๔ ล้านคน เราทำแล้วปัจจุบันนี้และในอนาคตต่อไป ผู้สูงวัยก็จะมีอายุยืนยาวโดยเฉลี่ยก็เกือบ ๘๐ ปี เราจะเห็นว่าภายหลังการเกษียณแล้ว ในระบบธุรกิจ หรือระบบราชการ ๒๐-๒๕ ปีที่ผู้สูงวัยจะต้องดำรงชีพต่อไปในอนาคต วันนี้ผมถึงอยากจะเน้นไปในเรื่องของแรงงานผู้สูงอายุที่จะต้องต่อสู้กันกับการเปลี่ยนแปลง ระบบโครงสร้างของสังคม ซึ่งวัยแรงงานลดลง การเกิดน้อยลง คุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย ซึ่งจะมีอายุยืนยาวขึ้นไปขาดเงินออม การพึ่งพาลูกหลานก็มีจำนวนน้อยลง ผู้สูงอายุ ในฐานะเป็นพลังของสังคมมุ่งใช้ประโยชน์จากศักยภาพของผู้สูงวัยตามความพร้อม ในการทำงานและกิจกรรมเป็นสิ่งที่เราจะทำให้สังคมของผู้สูงวัยมีกิจกรรม และดำเนินชีวิต โดยที่ไม่ต้องพึ่งบุตรหลานและภาครัฐน้อยลง เป็นการที่จะขับเคลื่อนพัฒนาประเทศชาติ อีกแบบหนึ่ง ดังนั้นผมจึงถือว่าผู้สูงวัยควรที่จะต้องทำงานตามศักยภาพความสามารถของตน ดังนั้นผมเองในฐานะ สส. ของจังหวัดปราจีนบุรี มีความห่วงใยกับผู้สูงอายุ มีความคิดริเริ่ม ในการที่จะดูแล สนับสนุนให้ผู้สูงวัยมีสุขภาพที่ดี ได้ร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน และมีอาชีพ ซึ่งสามารถที่จะดำรงอยู่ได้ตามศักยภาพ ปัจจุบันหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ก็ให้ความสำคัญในการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ มีความจำเป็น อำนวยความสะดวก อำนวยประโยชน์ให้กับผู้สูงอายุอย่างยิ่ง เพราะเป็น การจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมตัวให้ผู้สูงอายุนั้นจัดการชีวิตของตนในบั้นปลายที่จะยืนยาวนาน มาก ๒๐-๒๕ ปีโดยเฉลี่ย ช่วยกระตุ้นให้ผู้สูงอายุที่มีความรู้ให้ทันสมัย สามารถรับทราบ ข้อมูลจากสังคมปัจจุบัน ปรับตัว และดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขตามศักยภาพ ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ ยังมีการดูแลให้ความรู้ และผู้สูงอายุมีประสบการณ์ อย่างมาก จากการเพิ่มขึ้นทุกปีของผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไปบ่งบอกให้เห็นว่ามีความจำเป็น ต้องมีการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของประชากรกลุ่มนี้ให้มีกาย จิตใจ สังคม และมีการร่วมมือ ความมั่นคง เพื่อเตรียมความพร้อมเราจะต้องเตรียมเปลี่ยนคำว่าภาระให้เป็นพลัง เพราะผู้สูงอายุเหล่านี้ยังมีศักยภาพในการที่จะพัฒนาตนเอง ดังนั้นการส่งเสริม สนับสนุน การเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับผู้สูงอายุโดยการนำกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้สูงอายุนั้น นำความรู้ความสามารถเป็นการเพิ่มที่ผมกำลังทำอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรีนั้น ดังนั้น การส่งเสริมในภาคส่วนเหล่านี้ให้นำการศึกษาให้มีบทบาทของหน่วยงานต่าง ๆ ผมถึงให้ ความสำคัญอยู่ว่ากระทรวงต่าง ๆ มีบทบาทที่นำมาอยู่แล้ว ไม่ว่ากระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย ผมต้องขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทย ฯพณฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือสอบถามไปยังจังหวัดปราจีนบุรี จากการอภิปรายของผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ได้ให้ความสนใจ ในแนวความคิดการพัฒนาชีวิตของผู้สูงวัยในชนบท เรื่องโครงการจัดธนาคารเวลา กองทุน ผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุ เพื่อลดภาระของภาครัฐ และให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกครั้งหนึ่ง ที่ผมกำลังจะจัดการอบรมก็ต้องขอขอบพระคุณท่านโสภณ ซารัมย์ ซึ่งท่านเป็น ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาประจำสภา ให้โอกาสกระผมได้จัดการอบรมสัมมนา โครงการแนวความคิดส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเพิ่มศักยภาพของประชาชนอย่างยั่งยืน ผมอยากจะเรียนให้ทางกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะวันนี้ผมเห็นภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้ร่วมมือกัน โดยเฉพาะการที่ส่งเสริมภาคีดังภาคเอกชนหรือภาครัฐ ขอ Slide ในเรื่องของ ทฤษฎีสามเหลี่ยม Triangle Model ที่ผมพยายามเสนอให้กับภาครัฐบาลได้ส่งเสริม ทุกภาคส่วนเครือข่ายได้มาร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน สังคม โดยเฉพาะ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นได้เข้ามาร่วมกันจัดการบริหาร นำทรัพยากรที่มีอยู่แล้วมาร่วมกัน เพราะผมมองว่าปัจจุบันนี้ทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร สถานที่ ผมขอ Slide ที่มีอยู่ ที่จัดอบรมสัมมนาใน Slide ที่ ๕ เป็นอาคาร สถานที่ ซึ่งได้รับการอุปถัมภ์จากองค์การ บริหารส่วนจังหวัดเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ เห็นไหมครับที่เหลือใช้ เรายังมีทรัพยากร อีกมากมายที่เหลือใช้เอามา Renovate เอามาพัฒนา ได้รับการอุปถัมภ์จากการไฟฟ้าที่ให้ กองทุนมาพัฒนา ดังนั้นเราเห็นว่าถ้าหากว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคเครือข่าย ไม่ว่าจะ ภาคเอกชน ภาคประชาชนมาพัฒนา มาเร่งการพัฒนาเพื่อให้นำความรู้ความสามารถมาช่วย ดูแลผู้สูงอายุให้ใช้ศักยภาพตนเองที่มีอยู่ก่อให้เกิดประโยชน์มันจะเป็นการให้ผู้สูงวัยนั้น ได้ดูแลตนเอง เพิ่มศักยภาพ เพิ่มทักษะ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ในภาวะปัจจุบัน อีกทั้งภาครัฐ ก็จะได้นำสิ่งปลูกสร้างอาคารไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ยุบตัวไป หรือมาใช้ประโยชน์ เพื่อจะเป็นศูนย์กลางอเนกประสงค์ให้ผู้สูงวัยได้มาร่วมกันทำกิจกรรมที่ดี และสังคม ภาคประชาชนจะเข้มแข็ง ผมเชื่อว่าถ้า ๘๐,๐๐๐ หมู่บ้านเข้มแข็งประเทศไทยก็เข้มแข็ง ขอกราบขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน เขต ๓ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทยครับ วันนี้ผมขอมีส่วนร่วมในการอภิปรายญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาการดูแลเด็ก เยาวชนและความมั่นคงของสถาบันครอบครัว วันนี้เด็ก เยาวชนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ของประเทศ เป็นกำลังแรงงาน เป็นความมั่นคงของชาติครับ เป็นเรื่องใหญ่มากจนผม เห็นญัตติแล้วมันเป็นทุกภาคส่วน ทุกกระทรวง ทบวง กรม อย่ามัวแต่พูดแต่ปัญหาเลยครับ ควรจะหาจุดเริ่มต้นในการที่จะแก้ปัญหา ผมขอ Slide ขึ้นเลยครับ
ผมขอไป Slide ที่ ๒ เลยครับ เรื่องตรงนี้ ตั้งแต่วันแถลงนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีท่านก็เขียนไว้ในรูปเล่มแล้วเรื่องการศึกษา ท่านจะปฏิรูปการศึกษา ท่านจะสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำ Keyword ทั้งสามนี้เราปฏิรูป สร้างสังคมการเรียนรู้ และลดความเหลื่อมล้ำ ทั้ง ๓ คำพูดนี้ เป็นเรื่องที่จะต้องเร่งรัดในการจะแก้ไขแค่ปฏิรูปมันจะได้หลักสูตรครูและผู้เรียนทั้งหมด เลยครับคือเด็กนักเรียน คือชีวิตความจำเป็น ผมขอ Slide เรื่องของบ้านเลยครับ ที่จะพูดกัน ทีละประเด็นทีละ Keyword เช่นเรื่องของสถาบันครอบครัวซึ่งจะมี Keyword อยู่ในนี้ อยู่แล้วว่าในเมื่อเราจะพัฒนาครอบครัว สถาบันครอบครัวนี่มีคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง เราอยากจะเป็นสังคมการเรียนรู้มันจะต้องรวมทั้งหมดครับ บ้านเป็นแหล่งเกิดของเด็ก บ้านที่ ๒ คือสถานศึกษา วันนี้คุณครูบาอาจารย์ เด็กนักเรียน เราต้องเริ่มปฏิรูปการศึกษา เราต้องมีหลักสูตร โลกวันนี้เปลี่ยนไปหมดแล้ว วันนี้เด็กก็เกิดน้อย ท่านทราบไหมครับวันนี้ เด็กเกิด ๕๐๐,๐๐๐ คน เสียชีวิตตั้ง ๖๐๐,๐๐๐ คน เมื่อวานนี้ผมก็อภิปรายในเรื่องของผู้สูงวัย คนอายุยืนยาวมันต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ปกครอง สถานศึกษา สังคม และประเทศชาติ จะต้องมา จับมือกันครับ มาเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่จะผลักภาระให้ใครคนใดคนหนึ่ง เพราะบ้านเมือง มันเปลี่ยนแปลง ประเทศเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยนไป การศึกษาก็เปลี่ยน เราจะมาเรียน ๘ กลุ่มสาระเหมือนเดิมนั้น ผมว่ามันหมดสมัยแล้ว โดยเฉพาะวันนี้พระราชบัญญัติ การส่งเสริมการเรียนรู้ พระราชบัญญัติปฏิรูปการศึกษาวันนี้เรื่องสังคมก็เช่นเดียวกัน ผมอยากจะพูดคำว่า ปฏิรูปการศึกษาก่อน ประเทศชาติหรือรัฐบาลเองต้องให้ความสำคัญ กับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ วันนี้อยู่ตรงไหนครับ รัฐบาลที่แล้ว ๔ ปี แล้วพอรัฐบาลจะเริ่มเข้าวาระที่ ๒ ก็จบ รัฐบาลก็หมดอายุลงไป ดังนั้นวันนี้ด้วยเวลาที่จำกัด ผมอยากให้เร่งรัดพระราชบัญญัติการศึกษาให้ออกมาให้ได้ และกระชับไม่ใช่เขียน พระราชบัญญัติการศึกษาด้วยรายละเอียด โดยเฉพาะมาตรา ๘ เด็กตั้งแต่เกิดจนจบ อุดมศึกษาตั้ง ๗ ขั้นตอนจะเรียนรู้กันอย่างไรครับ อย่าใส่รายละเอียดกันมากเกินไป จนมามองว่าครูบาอาจารย์หรือคนในกระทรวงศึกษาไม่มีสมองนะครับ ควรจะให้โอกาส ในการที่จะเอาพระราชบัญญัติการศึกษาให้เขาลงการปฏิบัติให้ได้ ไม่ใช่ลงรายละเอียด เสียหมดจนไม่ต้องทำอะไรกัน ขีดเส้นให้เขาเดินเลยครับ ดังนั้นสถานศึกษาก็เช่นเดียวกัน คุณครูต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอน การวัดผล ประเมินผลต้องเปลี่ยนไป เราต้องการเด็กแบบไหนเราต้องวัดผลแบบนั้น ประเทศชาติต้องการเด็กที่เป็นกำลังแรงงาน ประเทศชาติ แต่ขณะเดียวกันขีดเส้นเลยว่าต้องเรียนตามนี้ แล้วจะได้กำลังแรงงานที่เป็น ภาคอาชีวะอย่างไร เด็กต้องเรียนอาชีวะมาก ๆ แต่กลับให้ส่งเสริมกระบวนการที่อยู่ ในโรงเรียนแล้วบังคับให้เด็กไปเรียนสายสามัญกัน ๗๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วจะเอาแรงงาน ทักษะตรงไหนมาละครับ ดังนั้นในเรื่องของการปฏิรูปต้องรีบเร่งนะครับ วันนี้รัฐบาลเริ่มต้นแล้ว ควรจะเอาพระราชบัญญัติการศึกษาเข้าสู่สภาโดยเร็วที่สุดถ้าเป็นไปได้
ส่วนเรื่องต่อไป เรื่องของความเสมอภาค ที่ผมส่งเรื่องแล้วว่าต้องแก้ไข อย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเรื่องแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก คุณภาพที่ดีอย่างไร โรงเรียน ขนาดเล็กครึ่งหนึ่งคือ ๑๕,๐๐๐ โรง ขาดคุณครู ขาดผู้บริหาร คุณภาพจะเป็นได้อย่างไร ในเมื่อคุณครูเองก็ไม่มี โรงเรียนให้ความเสมอภาค เด็กเรียนทวิภาคีแต่กลับไม่ส่งเสริมให้เด็ก เรียนอาชีวศึกษา ในมาตรา ๕๔ ของกฎหมายรัฐธรรมนูญเร่งส่งเสริมให้โรงเรียนภาคสังคม ภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการจัดการศึกษาแต่ท่านก็ให้ความเสมอภาค โรงเรียนเอกชนไม่ได้ รับความเสมอภาคเท่าเทียมกับรัฐบาล แม้แต่ตัวเด็กเองค่าอาหารกลางวันที่ท่านผู้อภิปราย ได้อภิปรายไปแล้วว่าเด็กควรจะได้กินทุกคน แต่ในที่สุดเด็กเอกชนก็ไม่ได้กินอาหารกลางวัน ตามจำนวนที่เป็นอยู่ ขอกราบเรียนทางรัฐบาลด้วยครับ เด็กเอกชนวันนี้ ๒ ล้านคน ได้กินอาหารกลางวันเพียงไม่ถึง ๔๐๐,๐๐๐ คน แล้วที่เหลือละครับความเสมอภาคอยู่ที่ไหน ท่านเขียนไว้ในนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เกิดความเสมอภาคท่านจะทำ ได้ไหม ไม่อย่างนั้นแล้วปัญหาต่าง ๆ ของสังคม ของครอบครัวก็มากมายอยู่แล้ววันนี้ ประชากรก็เกิดน้อยลง เรื่องของผู้สูงอายุก็ต้องกำหนดเป็นนโยบายวาระแห่งชาติ เมื่อสักพักนี้ผมพบกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่านก็บอกว่าทำอย่างไร อัตราการเกิดจะต้องเร่งให้มีการเกิดมากขึ้น ดังนั้นก็เช่นเดียวกันก็ต้องกำหนดเป็นนโยบาย เป็นวาระแห่งชาติเช่นเดียวกัน ดังนั้นวันนี้เรื่องของเด็ก เยาวชน เรื่องของสังคม ความมั่นคง และผู้สูงวัย มันเป็นเรื่องเดียวกันหมดครับ ผมถึงอยากให้รัฐบาลนำเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ ญัตตินี้เป็นญัตติที่ใหญ่มาก จนผมถือว่าเพราะเด็ก เยาวชน ความมั่นคง สถาบันครอบครัว หนี้สิน ทุกมิติเลยครับต้องจับมารวมบูรณาการแก้ไขปัญหาไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่จะโยนให้ ใครคนใดคนหนึ่ง จะไปโยนให้แค่ครอบครัว ครอบครัวก็ทุกข์ยากยังต้องหากินเลี้ยงลูก เลี้ยงเต้า โยนให้โรงเรียนอีก อะไร ๆ ก็โรงเรียนเสียหายหมด บ้านที่ ๒ ท่านรัฐบาลควรให้ ความสำคัญกับคุณครู ให้กำลังใจ ให้เกียรติ ให้คุณครูได้ทำงานอย่างเต็มที่ครับ เพื่ออะไร เพื่อสร้างทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดให้กับประเทศชาติครับ ขอกราบขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนครับ วันนี้ผมขอ ปรึกษาหารือด้วยความเดือดร้อนของประชาชนในเขตอำเภอกบินทร์บุรี ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม
เรื่องแรก คือเรื่องถนน ๓๐๔ ซึ่งผม ได้กราบเรียนมาด้วยหลายครั้งเพื่อให้ท่านประธานสภาส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้วยถนน ๓๐๔ เป็นถนน Main หลักจากจังหวัดฉะเชิงเทราถึงจังหวัดนครราชสีมาเป็นหัวใจ ของการบริหารจัดการ เนื่องจากว่ากบินทร์บุรีนี้มีศูนย์อุตสาหกรรมถึง ๕ แห่งด้วยกัน แต่ถนน ณ วันนี้ท่านดูในภาพสไลด์สิครับว่าเป็นถนน Main หลักของ Highway แล้วเป็นระยะทาง ถึงสิบ ๆ กิโลเมตร ซึ่งทั้งขรุขระ ทั้งเป็นหลุมเป็นบ่อ ได้รับความเดือดร้อนทั้งประชาชน ในเขตพื้นที่และประชาชนโดยทั่วไปที่สัญจรไปมาอย่างเดือดร้อนมาก แต่ต้องขอขอบคุณ ท่านอนุชา ทิพย์อุทัย ท่าน ผอ. แขวงทางหลวงปราจีนบุรีก็ได้ลงไปปฏิบัติ ได้ทำการซ่อมแซม ได้บ้างแล้ว แต่เนื่องจากช่วงนี้ใกล้ปีใหม่ความเดือดร้อนคงจะมาอีกมากมายทั้งผู้เดินทาง สัญจร ขอกราบเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รีบซ่อมแซมด้วยครับ และจัดการงบประมาณ ในการที่จะทำใหม่เกิดขึ้นครับ
เรื่องที่ ๒ เรื่องจากตำบลนาแขมซึ่งได้รับการประสานงานมาจากท่านนายก องค์การบริหารส่วนตำบล ท่านบัญญัติ พรมภักดี และท่านกำนันจุมพล ดวงสีทา คนตำบล นาแขม ว่าหมู่ที่ ๑ บ้านหนองเอี่ยน มีตลิ่งพัง อยากจะให้สร้างเขื่อนกั้นตลิ่งพังจากการกัดเซาะ แล้วก็หมู่ ๒ บ้านวังห้างซึ่งตอนนี้บ้านของประชาชนได้พังล่มลงไปในแม่น้ำถึง ๙ หลัง ได้รับ ความเดือดร้อนอย่างมากประชาชนต้องสัญจร ตอนนี้น้ำก็เซาะตลิ่งจนเข้าไปถึงเนื้อถนนแล้ว ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนที่สัญจรไปมาอย่างมาก ขอกราบขอบพระคุณอย่างมาก
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนา แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทยครับ
วันนี้ผมมีเรื่องปรึกษาหารือในปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลกบินทร์ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัด ปราจีนบุรีครับ ได้ร้องทุกข์ผ่านมายังท่านนายกเทศมนตรีรังสรรค์ บุตรเนียร
เรื่องไฟส่องสว่างไม่ติดมาเป็นระยะเวลานานในถนนทางหลวงเส้น ๓๓ ถนนสุวรรณศร กิโลเมตรที่ ๑๙๘ ไปยังทางเข้าเทศบาลตำบลกบินทร์ได้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เป็นอันตรายต่อประชาชนสัญจรไปมานะครับ ท่านนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือไปยังแขวง การทางหลวงจังหวัดปราจีนบุรีแล้ว ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่จะแก้ไขปัญหากับประชาชน โดยทั่วไป ดังนั้นจึงกราบเรียนมายังท่านประธานสภาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยบรรเทา ความเดือดร้อนนี้ด้วยครับ
เรื่องที่ ๒ ไฟส่องสว่างที่ไม่ติดตลอดเส้นทางโดยเฉพาะเส้นทาง ๓๓๐๔ ฉะเชิงเทรา เป็นเส้นทาง Highway Main หลักบริเวณของหน้าร้าน Ceramic Center ไปจนถึงโรงพยาบาลกบินทร์บุรีเป็นบริเวณที่มียานพาหนะเป็นจำนวนมากจึงทำให้เกิด อันตรายบ่อยครั้งครับ
เรื่องที่ ๓ ขอสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในหมู่ที่ ๙ บ้านท่าขี้เหล็ก ตำบลกบินทร์ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ได้รับร้องเรียนจาก นายกฤษฎากรณ์ สุริยวงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลว่า บริเวณหมู่ที่ ๙ ตำบล บ้านท่าขี้เหล็กได้เกิดความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่งพัง ถนนทรุด เสียหายเป็น อันตรายต่อความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะบ้าน ๒๐ หลังได้ทรุดพังลงไปในบริเวณ น้ำหลากช่วงเดือนกันยายน แต่ อบต. กบินทร์บุรี ก็มีเพียงแต่ได้เอาดินไปถม แต่พอน้ำหลาก มาอีกก็เกิดการทรุดโทรมอีก จึงขอกราบเรียนไปยังท่านประธานสภาที่เคารพไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยบรรเทาความเดือดร้อน จัดสรรงบประมาณในการที่จะบรรเทา ความเดือดร้อนของประชาชนนะครับ ขอกราบขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนา แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทยครับ วันนี้ผมขอปรึกษาหารือ ในความเดือดร้อนของประชาชนในเขตอำเภอกบินทร์บุรีครับ
เรื่องที่ ๑ ขอความอนุเคราะห์พิจารณา งบประมาณสร้างสะพานลอยหน้าวิทยาลัยการอาชีพกบินทร์บุรี ได้รับการร้องเรียนจาก ท่านบพิตร บูรมิ ผู้อำนวยการโรงเรียนวิทยาลัยการอาชีพกบินทร์บุรี ในตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากวิทยาลัยนี้อยู่ด้านหน้าถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๓๐๔ กบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา มีนักศึกษาประมาณ ๒,๔๐๐ กว่าคน และบริเวณ แห่งนั้น มีนักศึกษาจำนวนมากอีกหลายพันคนครับ ซึ่งเป็นถนนสายหลักมีการคมนาคมและ รถขับด้วยความรวดเร็วอย่างมาก ดังนั้นเพื่อลดความเสียหายและชีวิตของประชาชน ยิ่งตอนเช้าและตอนเย็นมีนักศึกษาที่ข้ามถนนไปมาเป็นจำนวนมาก กราบเรียนท่านประธาน สภาที่เคารพประสานไปยังแขวงทางหลวงปราจีนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอความ อนุเคราะห์จัดงบประมาณในการสร้างสะพานลอยเพื่อความปลอดภัยของนักศึกษาและ ประชาชนโดยทั่วไปครับ
เรื่องที่ ๒ เรื่องของความเดือดร้อนเรื่องการซ่อมแซมประตูฝายน้ำที่แตกรั่ว ได้รับการร้องเรียนจากท่านณัฐกฤตา ส่องแสงศักดิ์ หรือผู้ใหญ่สม ที่โคกป่าแพง หมู่ที่ ๗ ตำบลกบินทร์บุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ผ่านไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล ปัญหาน้ำในคลองแห้งเร็วกว่าปกติ ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านได้ลงสำรวจพื้นที่แล้วว่าหน้าประตู ฝายน้ำล้นเกิดรอยแตกรั่ว จึงทำให้น้ำในลำคลองแห้งเร็วกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ขาดแคลน น้ำทั่วไปที่ใช้ จึงกราบเรียนไปยังท่านประธานสภาผ่านไปยังกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมช่วยกรุณาลงไปซ่อมแซม ที่จะเป็นประโยชน์กับชาวบ้าน ที่จะใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรต่อไป ขอกราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม สฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี เขต ๓ จังหวัดปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทยครับ วันนี้ผมขอมีส่วนร่วมในการ อภิปรายญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา หาแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องการบริหารจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท่านประธานที่เคารพครับ ขยะนับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญระดับโลกจนมันน่าจะกำหนดเป็น วาระแห่งชาติได้แล้วครับ เพราะอย่างที่ท่านผู้อภิปรายต่าง ๆ ทั้ง ๔ ท่านได้อภิปรายมา ก็พูดถึงหลักการและเหตุผลการแก้ไข หรือสรุปให้อย่างรอบคอบอยู่แล้ว ผมจึงอยากจะสรุป ปัญหาให้สั้น ๆ เพื่อกระชับ ๆ และจะได้ให้โอกาสกับผู้อื่นจะได้อภิปรายในการแก้ปัญหา ผมเชื่อเหลือเกินว่า จากความสำคัญหรือปัญหาของขยะนี้มันก็มาพร้อมกับความเจริญ มนุษย์ เป็นผู้ที่สร้างขยะกันขึ้นมา ที่ขึ้นมาก็เพราะว่าเราเป็นวัตถุนิยม เราอยู่ในสังคมโลกที่ ขณะเดียวกันนโยบายของประเทศชาติก็ผลักดันอุตสาหกรรม มีการท่องเที่ยวส่งเสริม ล้วนแล้วแต่สร้างโอกาส แต่ขณะเดียวกันอุปสรรคปัญหามันก็ตามมาพร้อมกันกับโอกาส และวิถีความเจริญของบ้านเมืองนั่นละครับ ฉะนั้นปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายมันเพิ่มขึ้นทุกปี ทุกปี ยิ่งพูดกันเท่าไรมันก็ยิ่ง เพิ่มขึ้น ผมไม่เห็นมันลดลงสักทีเลย ดังนั้นก็เช่นเดียวกัน วันนี้ผมถึงพยายามที่จะพูดอยู่ใน ระดับแคบ ๆ เพื่อที่จะปฏิบัติได้ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในการกำกับการดูแล ของกระทรวงมหาดไทย เช่น ที่จะแก้ปัญหาอย่างไร ผมวันนี้ก็อยากจะสรุปคร่าว ๆ ถึงประเด็นที่เป็นสาเหตุและปัญหาที่จะต้องมาร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่จะให้มันยั่งยืน และมีความเป็นไปได้ ดังนั้นวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมอยากจะสรุปปัญหาแล้วก็วางกฎเกณฑ์ กติกาไว้อย่างไรบ้าง ดังนั้นจึงขอเสนอญัตติเรื่องการแก้ไขกำจัดปัญหาขยะขององค์การ บริหารส่วนตำบลเพื่อให้ท่านประธานและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาจจะตั้งเป็น คณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือจะส่งไปให้คณะกรรมาธิการใด ๆ ก็ได้ แต่อยากให้ศึกษากัน อย่างจริงจัง หาแนวทาง ขยะที่ว่าจริง ๆ มันก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นขยะทั่วไป ขยะพลาสติก ที่หนัก ๆ ก็คือขยะพลาสติกครับ อย่างที่บอกว่ามีอยู่ถึง ๑๒ เปอร์เซ็นต์ของ ประเทศ มีขยะเปียก ขยะที่ Recycle ขยะอันตราย ขยะพิษ วันนี้ผมอยากจะพูดในแค่ขยะ ทั่วไป เน้นไปที่ขยะพลาสติก เน้นไปที่ขยะเปียก ซึ่งเราสามารถที่จะนำมาแล้วจะแก้ไขปัญหา ที่เรากำลังจะทำได้ครับ ที่มาของขยะอย่างที่บอกมันมาพร้อมกับความเจริญของบ้านเมือง การแข่งขัน การอุปโภคบริโภคอยู่ที่การดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เราบรรจงแต่ง Packaging หรือว่าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคหรือผู้ซื้อ ก็ยิ่งมีขยะมากขึ้น อย่าว่า ตรงไหนเลยครับ แค่ในรัฐสภา แค่กล่องอาหารมหึมาแต่ละวัน ๆ กระดาษผมไม่แน่ใจว่าแค่ใน สภาหรือว่างบประมาณกำลังอภิปรายกระดาษเป็นสิบ ๆ ตัน น่าเสียดายงบประมาณแผ่นดิน เหลือเกิน กระดาษใช้หน้าเดียวแล้วก็โยนทิ้ง โยนทิ้ง ผมอยากจะขอเขาด้วยซ้ำไป ผมอยาก เอาไปขาย เอาไปช่วยกองทุนที่บ้านผม เพราะเห็นใช้กันอย่างสุรุ่ยสุร่าย ด้วยพฤติกรรมที่เรา ก็เป็นการเลียนแบบกันที่ใช้กันอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่ว่ารัฐบาลจะออกนโยบายอะไรออกมา ไม่ว่า Zero Waste หรือขยะที่บอกว่าเมื่อปีที่แล้วห้างสรรพสินค้าทุกที่ก็พยายามที่จะรณรงค์ ไม่ให้ใช้ สุดท้ายก็เหมือนไฟไหม้ฟางนั่นละครับ แล้วก็กลับไปเหมือนเดิมอีก ก็นำขยะมาอีก นะครับ วันนี้ก็อยากจะมาพูดทั้งเรื่องขยะพลาสติก ขยะเปียก แล้วจะเน้นไปที่จุดต้นทาง แห่งผู้ที่ก่อขยะ ถ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ อย่างผมเห็นว่าเขาก็คงจับปัญหาแบบหนึ่ง ส่วนใหญ่ขยะพวกนั้นก็จะมีผู้ไปรับซื้อ มีการประมูลเอามาคัดแยก แล้วเอามาคัดแยก แต่ปัญหาของโรงงานใหญ่ ๆ ที่ออกมาก็คือเอาไปทิ้งนะครับ ชุมชนเดือดร้อน ขยะเป็นพิษ ส่งกลิ่นเหม็น แต่ของดี ๆ เขาก็คัดเอาไปขายกันหมดแล้ว ดังนั้นวันนี้ผมเห็นนโยบายของ ภาครัฐ ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนำโดยท่านอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งออกเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๗ ก็อยากจะนำเสนอขึ้นมา ผมขอนำสไลด์ที่กระทรวงมหาดไทยมานำเสนอ แล้วก็เร่งเร้าขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ผมขอสไลด์หน่อยครับ
อีกอันครับของกระทรวงมหาดไทย อันนี้เป็นรายละเอียดซึ่งผมจะอภิปรายนำต่อไปครับ กระทรวงมหาดไทยก็มีนโยบายใน วันที่ ๓ ที่บอกว่า ๖๐ วันที่จะ Kick Off กันแล้วเมื่อวันที่ ๓ ใน ๒๐ วันแรกนี้คงจะมีการตั้ง คณะกรรมการ ส่วนอีก ๒๐ วันก็คงจะมีการดำเนินการ แล้วก็จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ เรื่องของ Recycle Waste Bank ที่จะร่วมมือกัน มีการบูรณาการจากหน่วยงาน ต่าง ๆ อันนี้ผมเชื่อว่าเป็นโครงการที่ดี แต่โครงการที่ดีอย่างไรมันก็เป็นแค่นโยบาย แต่ความสำเร็จมันต้องอยู่ที่การร่วมมือกันครับ ร่วมมือว่าจะทำอย่างไร จะรณรงค์ จริง ๆ ผมนำเสนอเรื่องของ Model Triangle Model ทฤษฎีสามเหลี่ยมบอกว่าภาครัฐหรือ กระทรวงต่าง ๆ ไม่ว่ากระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข จริง ๆ องค์ประกอบองคาพยพในสังคมของเรามีความพร้อมมาก ๆ แต่ขาดอย่างเดียวก็คือมีแต่ คนพูด คนที่จะทำนั้นขาดความจริงใจที่จะทำ คนที่คือภาคประชาชน ผมบอกภาครัฐกระทรวงต่าง ๆ องค์กรร่วมมือกันเยอะแยะไปหมด แต่ภาคสังคมคือ ผู้ที่สร้างขยะ องค์กร บริษัท แต่คนที่ปฏิบัติจริง ๆ แล้วจะต้องผลักดันครับ ผลักดันให้ ภาคเอกชนมามีส่วนร่วม โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น ทุกวันนี้ในตำบลทุกตำบลใน หมู่บ้านหนึ่งมีประชากรประมาณ ๗๕๐ คน มีการประชุมหมู่บ้านทุกเดือน เราแบ่งออกเป็นคุ้ม ๆ คุ้มหนึ่งประมาณ ๕๐ หลังคาเรือน ไม่เกิน ๑๐๐ คน ถ้ามีการให้ความรู้ ความอ่าน แล้วทำให้ การศึกษาสร้างจิตสำนึกที่ดี เพราะสังคมบ้านช่องเรือนชานนั้นก็เป็นของประชาชนทุกคน ขอสไลด์ต่อไปเลยครับ ผมจะอธิบายตามสไลด์ เห็นไหมครับ การกำจัดขยะหมู่บ้านเรามี อสม. มี อพม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีชมรมผู้สูงอายุ แล้ววันนี้เราเป็นสังคมผู้สูงอายุทุกหมู่บ้าน มีผู้สูงอายุตั้ง ๑๐๐ คน ตอนนี้ในเขตเลือกตั้งที่ผมดูแลอยู่นี่หลาย ๆ ตำบลเรามีชมรมผู้สูงอายุ เรามีการจัดตั้ง เราต้องปลุกจิตสำนึกให้เขาแยกขยะที่ต้นทาง ให้ประหยัดการใช้ขยะ จริง ๆ หลักการวิชาการมีบอกหมด Reuse Reduce ลดก่อน อย่างเช่น วันนี้ผมก็ผลักดันว่า ทำอย่างไรเราจะใช้กระบอกน้ำนะครับ อันนี้ก็ลดขวดพลาสติกลง เราลดลงได้ไหมไปใช้ขวด นะครับ ถ้าทุกคนร่วมกันอย่างในรัฐสภาห้องอาหารก็เช่นเดียวกัน น้ำแต่ละแก้ว เรายัง Refill ได้เลย น้ำส้ม น้ำผลไม้ แต่น้ำขวดพลาสติกถ้าเรา Refill บ้างล่ะ เราลดไปวันหนึ่งสัก ๑,๐๐๐ ขวด ใช้บ้างครับ เราไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ใช้ เราประหยัดครับ ดังนั้นผมเชื่อ เหลือเกินว่าถ้าคนละไม้คนละมือเราทำ เราปฏิบัติ เราลงมือปฏิบัติกัน โดยเฉพาะผมทุกวันนี้ ห้องพักผมอยู่ชั้น ๖ ห้อง ๖๒๔ ก็จะขอรับบริจาคสิ่งของเหลือใช้ ของไม่ได้ใช้หรือของอะไร ที่เหลือใช้ หรือแม้แต่กระดาษผมเสียดายผมอยากได้ ผมก็เลยขอผ่านน้อง ๆ สมาชิกทุกคนว่า เอาไปกองทิ้งไว้ที่ห้องนั้นก็ได้ ผมจะเอาไปให้เด็กนักศึกษาทำงาน ทำงานแล้วปริ้นกระดาษ มันก็ได้ประหยัดนะครับ ขึ้นสไลด์ไปเรื่อย ๆ ทางโสตครับ เดี๋ยวผมก็อธิบายไปตามสไลด์ อีกอันหนึ่งจากนโยบายของกระทรวงมหาดไทยโดยท่านอนุทิน ชาญวีรกูล ต้องการให้หน่วยงาน ต่าง ๆ อบต. ทั้งหมด ๗,๗๗๔ แห่ง ตั้งธนาคารขยะ ทำธนาคารขยะให้เสร็จสิ้นภายใน ๖๐ วัน ผมขอเสริมอีกได้ไหม เรามีธนาคารใบไม้อันนี้ก็ของเทศบาล ที่ทำอัดพลาสติกเอา มาแล้วเพื่อส่งให้กับโรงงาน อันนี้ก็เป็นกระบวนการหนึ่ง นี่ผมกำลังทำธนาคารใบไม้ควบคู่กัน ไปกับธนาคารขยะเอาใบไม้ไปผสมมูลสัตว์ อันนี้ก็เป็นการลดโลกร้อนอีกมุมมองหนึ่งที่จะให้ ชาวบ้านมาร่วมมือรณรงค์กัน อันนี้คือลงมือปฏิบัติจริง ๆ ทั้งนั้น ก็อยากจะฝากเป็นตัวอย่างดี ๆ โดยเฉพาะที่เขตเลือกตั้งในอำเภอกบินทร์บุรีเรามีกองทุนครับ กองทุนผู้สูงวัยเห็นไหมครับ ผมทำแล้วถ้าหากกระทรวงมหาดไทยสนใจโครงการนี้ เราเอาขยะ อันนี้ก็เหมือนกันครับ ถ้าน้อง ๆ หรือท่านสมาชิกหรือทุกคนได้ยินเสียงผม เก็บของเก่า ของไม่ใช้ ของเหลือใช้ เอามา ให้ผม ผมจะเอาไปขายเข้ากองทุนตำบลต่าง ๆ ที่จะช่วยผู้สูงวัย วันนี้ผมพยายามที่จะสอนให้ ชาวบ้านเลี้ยงปลา ยืนอยู่บนขาตัวเอง เราไม่ยึดเงินเป็นตัวตั้ง แต่เราจะร่วมพลังร่วมใจกันหมด ถ้าท่านเอามารวมผมตอนนี้ผมมีหลายกองทุนผู้สูงวัยในชนบท เรามีเป็นสิบ ๆ กองทุนแล้ว กองทุนหนึ่งมีเงินตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน หรือหลาย ๆ แสน แล้วก็เอามาช่วยผู้สูงอายุ เห็นไหมครับว่านี่คือการทำงานแบบบูรณาการไม่ใช่หลักการบนเพียงแต่นโยบายมานั่ง ประชุมกัน ถ้าหากว่าวันนี้การนำอภิปรายของผมมันอาจจะไม่ตรงประเด็นนักกับเรื่องการ บริหารจัดการขยะ แต่ผมกำลังจะพูดว่าเรากำลังจะเอาขยะมาเป็นประโยชน์ มาสอดคล้อง กับกระทรวงมหาดไทยที่มีขยะตาม อบต. ทั้งหมด ๗,๗๐๐ กว่าแห่งนี้ร่วมกันเสริมสร้างไปกับ ธนาคารใบไม้ซึ่งเป็นธรรมชาติให้มาอย่างสะอาด แต่ลองไปผสมไหมครับ แค่เป็นปุ๋ยก็เป็นปุ๋ย สะอาด สุดท้ายมันก็แก้ปัญหาเรื่องของลดโลกร้อนได้ก็เช่นเดียวกัน
สุดท้ายในการนำอภิปรายของผมคงจะสร้างจิตสำนึกให้คนหันมาร่วมกัน ร่วมจับมือเราเถอะครับ อย่าไปคิดให้คนอื่นร่วมมือ จะให้คนอื่นทำ ถ้าเราทำจากคนละนิด คนละหน่อย วันนี้เม็ดทรายแต่ละเม็ดถ้าเรามาบรรจงเรียงกันไป มันก็จะเป็นเม็ดทรายเต็ม ชายหาด หรือขยะมันจะค่อย ๆ ลดลงไปทีละนิด ๆ จากวันหนึ่งโดยเฉลี่ยของคนที่สร้างขยะ วันละ ๑ กิโลกรัมอาจจะลดไปเหลือ ๘ ขีด แล้วขยะที่เหลือใช้ถ้านำมาให้ถูกที่ถูกทางเอามา ให้ที่ชั้น ๖ ห้อง ๖๒๔ ผมก็จะเอาไปให้กองทุนผู้สูงอายุ สร้างกองทุนให้เข้มแข็งในสังคม ผู้สูงอายุ แล้วทำให้ขยะลดลงอย่างเต็มที่ครับ ขอกราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนา แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิไทย ผมต้องขอกราบขอบพระคุณที่ได้มีโอกาส สรุปการนำเสนอญัตติในเรื่องของการบริหารจัดการขยะขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ร่วมอภิปรายร่วมกันจำนวนมาก ๖๐ กว่าคน ก็แสดงว่ายอมรับกันแล้วว่าเรื่องปัญหา ขยะนี้เราต้องควรกำหนดเป็นวาระแห่งชาติได้แล้ว วันนี้ประเทศชาติเรา ไม่ว่าจะปัญหาสังคม ผู้สูงอายุ ปัญหาโลกร้อนที่เรากำลังบอกกันอยู่ ปัญหาขยะล้นประเทศ อีกทั้งตาม ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เราก็บอกว่าเรามียุทธศาสตร์การสร้างความ เจริญเติบโตบนพื้นฐานคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จริง ๆ เป็นนโยบาย เป็นยุทธศาสตร์ และแม้แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ยังพูดเรื่องของขยะและสิ่งแวดล้อมไว้ ผมเองในฐานะที่เป็น สส. ต่างจังหวัด ผมก็พยายามที่จะต่อสู้ ตั้งแต่สมัยที่แล้วก็พูดกัน เรื่องขยะ พยายามลดปริมาณอย่างไร ก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกัน แต่สำหรับ ผมแล้วผมมองไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาล หน่วยย่อยที่จะต้องปลุกระดม ชาวบ้าน ปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนทุกคน ผมเชื่อครับ
ถ้าเกิดว่าตรงนี้ทฤษฎีผมจริง ๆ แล้ว สามารถจะใช้ได้ทุกสถานการณ์ ทฤษฎีสามเหลี่ยม ภาครัฐที่เราก็พูดคำว่า บูรณาการ นำหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง ทบวง กรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง พม. กระทรวงสาธารณสุข ถ้าจริง ๆ จริงจังดึงมาร่วมกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วเราบูรณาการเชิงประชุม ประชุมจบก็จบกัน แล้วก็ แจกงานกันไปทำ ประชาชนเราก็พร้อม เพราะทุกหมู่บ้านนี้เรามีแนวร่วมประชาชน อสม. ซึ่งคลุมทุก ๑๐ หลังคาเรือน หรือ ๒๐ หลังคาเรือน ก็มี อสม. แล้ว เรามี อพม. พัฒนา สังคม เรามีชมรม มีผู้สูงอายุ ซึ่งตอนนี้อย่างที่ผมบอกนะครับ เป็นจำนวนมาก เพียงแต่ว่า เราทำอย่างไรถึงจะเร่งเร้าให้เขามีส่วนร่วมในการที่เขาสร้างขยะขึ้นมา เช่นเดียวกันครับ วันนี้ กระทรวงมหาดไทย ก็ได้มีรายงานผลการขับเคลื่อนตรงนี้ล่ะครับ กระทรวงมหาดไทย ได้ Kick Off ขับเคลื่อนธนาคารขยะร่วมกับ อปท. ๗,๗๗๓ หน่วย จะตั้งเป้าว่าใน ๖๐ วัน ต้องมีธนาคารขยะอย่างน้อย ๑ แห่ง และย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทั่วประเทศ บูรณาการทุกภาคส่วนหนุน เสริม ขับเคลื่อนร่วมกันกับ อปท. ทุกแห่ง เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ชีวิตที่มีความสุขกับยั่งยืนของประชาชนครับ เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เปิดเผยการขับเคลื่อนตรงนี้ นี่เคลื่อนมาแล้ว ๒๕ วัน เหลืออีก ๓๕ วัน หรือท่านจะมีเพียงธนาคารขยะประจำ อบต. ผมอยากให้ท่านขับเคลื่อน มากกว่านั้น นโยบายมันไม่มีทางสำเร็จได้ถ้าไม่มีการขับเคลื่อนหรือ Action ผมอยากให้ท่าน มีการดำเนินการ ที่กรมการปกครองก็ซื้อรถขยะให้ปีละ ๕๐๐ คัน คันละ ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ใช้งบประมาณปีละ ๑,๐๐๐ กว่าล้านบาท ผมเชื่อเหลือเกินว่ามันเป็นวัตถุครับ แต่ถ้าคน ประชาชนมีจิตสำนึกให้รู้รับผิดชอบร่วมกันว่าสิ่งแวดล้อม อากาศ ดิน น้ำ มันเป็นของเรา ผมเชื่อเหลือเกินว่าตรงนี้จะเป็นพลังที่จะสร้างสรรค์สังคมได้ กระทรวงมหาดไทย ก็ประกาศมาตั้งแต่ ๒ ปีแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ ว่า เราจะเป็นจังหวัดสะอาด มีถังขยะเปียก ลดโลกร้อน ทุกตำบล หมู่บ้านต้องมีขยะ ผมก็ยังไม่เคยเห็นเลยครับ ที่มีขยะเปียกเป็นอย่างไร แล้ววันนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมกราบเรียนไปยังท่านปลัดกระทรวง ที่เป็นคนรับผิดชอบ กระทรวงมหาดไทย ถ้าขอทั่วประเทศก็อาจจะมากไป ผมขอจังหวัด ปราจีนบุรีนะครับ แล้วก็ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ทางท่านนายอำเภอ ได้ขานรับนโยบาย นี้ด้วย เพราะทุกวันนี้ผมรณรงค์กับชาวบ้าน ไม่ใช่เพียงแต่ขยะเท่านั้น ความสะอาด ผมมอง ไปถึงเรื่องโลกร้อน วันนี้ผมอยากจะเสริมเรื่องธนาคารใบไม้อีก เราเอาใบไม้ที่เป็นทรัพย์ โดยธรรมชาติร่วงลงมา เราเอาใบไม้มาผสมกับมูลสัตว์คลุกกันหมักไว้จนเป็นปุ๋ยแล้วให้ ชาวบ้านไปใช้ มันเป็นการลดภาวะโลกร้อน ไม่ต้องไปเผา เห็นไหม ผมปลุกระดมชาวบ้าน นะครับ ผมเป็นนักปฏิบัติ ผมจึงอยากกราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ฝากผ่านไปยัง ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะนโยบายนี้ การขับเคลื่อนเป็นสิ่งที่ท่านเป็นคนกำหนดนะครับ ซึ่งผมดีใจว่าท่านก็ Kick Off มาแล้ว ๒๕ วันแล้ว เหลือเวลาอีกประมาณ ๓๕ วัน ก็จะครบ ๖๐ วัน ผมเกรงว่ามันจะมีแต่ป้าย ธนาคารขยะติดอยู่ตาม อบต. ต่าง ๆ แต่การกระทำก็อาจจะเกิดขึ้นได้ยาก ถ้าไม่มีส่วนร่วม หรือภาครัฐเป็นผู้บูรณาการ ประชุม สั่งการ และขอความร่วมมือจากชาวบ้าน พ่อแม่พี่น้อง ทุกคนที่เป็นคนสร้างขยะตรงนั้น หน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ใช้น้ำ ใช้ลม ใช้อากาศ ในหมู่บ้านนั้น ปลุกจิตสำนึกขึ้นมา ถ้าเราต้องการให้ขยะทุกอย่างหลุดออกจากประเทศไทย เดี๋ยวผมจะขอยกตัวอย่างนิดหนึ่ง แม้ประเทศรวันดาในแอฟริกา เป็นประเทศยากจน ฆ่าล้าง เผ่าพันธุ์ เขายังมีนโยบายเรื่องความสะอาดขึ้นมา ทั้งประเทศก็ขานรับ โรงงานก็ไม่เลิกผลิต พลาสติก คนจะเข้าห้างก็ต้องมีถุงผ้า ผู้นำประเทศก็ลงมากวาดถนนด้วยกันทุกวันจันทร์ หรือวันอังคาร ทุกคนต้องร่วมมือกันครับ ไม่ใช่เพียงแต่นโยบายที่สวยหรูประกาศกันออกมา ให้พอแต่ว่าปีนี้จะทำอะไร สุดท้ายครบ ๖๐ วัน ก็คงจะหยุดโครงการไป ผมถึงกราบเรียน นะครับ กราบเรียนด้วยความเคารพจริง ๆ ว่าอยากเห็นประเทศไทยสะอาด อยากเห็น ประเทศไทยน่าดู เพราะเรามีธรรมชาติที่สวยงาม มีความอบอุ่น มีความน่ารัก มีความ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ นี่ละครับ ที่การจะกลายเป็น Soft Power ที่ทำให้ประเทศไทยเรานี้ เป็นเมืองที่น่าอยู่บนพื้นฐานการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง ขอกราบขอบพระคุณมากครับ เป็นเมืองที่น่าอยู่บนพื้นฐานการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพชีวิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง ขอกราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทยครับ วันนี้ผมมีโอกาสได้เสนอญัตติด่วน ร่วมกันกับผู้เสนอ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาลเพื่อกำหนด แนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดง ความเสียใจกับนักเรียนที่ต้องเสียชีวิตจากการกระทำรุนแรง เด็กเพียงอายุ ๑๔ ปีควรจะเป็น กำลังของประเทศชาติ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเสียชีวิต เป็น ๑ ใน ๖๖ ล้านคนที่ต้องเสียชีวิต ไปก่อนวัยอันควร ถือว่าเป็นความน่าเสียใจสำหรับคนที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่ ครูบาอาจารย์ เนื่องจากใช้เพียงอารมณ์ชั่ววูบของการอาจจะกลั่นแกล้งหรือสาเหตุใด ๆ ก็ตาม แต่ปัญหามัน เกิดมาจากสังคมที่ผิดรูปแบบ แล้วมีประชากรที่โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป มีเด็กเกิด ลดน้อยลง มีผู้สูงวัยอายุมากขึ้น สวนทางกับความเจริญทางด้านวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ด้าน Digital จนน่ากลัวครับ บริบทของสังคมเน้นแต่ความเจริญของวัตถุ เน้นการแข่งขัน ระดับบุคคลก็มองแต่ความร่ำรวย คนมีขี่รถเบนซ์ก็ดูจะรวยแล้วเป็นคนดีมากกว่าคนขี่สามล้อ นี่คือความผิดพลาดในการวัด เปรียบเทียบ เรื่องของสังคมในวันนี้วัดกันที่มีรายได้ มีเงินเดือน ยศถาบรรดาศักดิ์ ในระดับประเทศชาติเราก็มาแข่งขันกันแต่ GDP รายได้ประเทศชาติ ใครส่งออกได้เยอะ ประเทศไหนมีรายได้เฉลี่ยประเทศชาติ เราวัดกันแต่วัตถุ ไม่เคยที่จะ มาวัดกันทางด้านสังคม คนที่มีคุณงามความดี เด็กก็เหมือนกัน บริบทโรงเรียน การศึกษาก็จะวัดแต่ว่าใครเก่ง ดี มีสุข เราเอาความเก่งมาเป็นตัวนำ ดังนั้น คนดีก็ต้องด้อยกว่าคนเก่ง ทั้งที่บริบทของสังคมแล้วเราต้องการคนดีที่จะนำพาประเทศชาติ สังคม ครอบครัว วัฒนธรรมไทยของเราประกอบด้วย สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และ การศึกษา สังคมจะดีได้ทุกคนต้องได้รับการศึกษาครับ แล้วการศึกษาวันนี้เราก็ต้องเน้นว่า ใครเก่งเราวัดกันที่สอบ PISA V-NET O-NET อยู่อย่างนี้ ผมถึงบอกว่าผมอยู่กับการศึกษามา ๕๐ ปีจนตลอดชั่วชีวิตหนึ่ง ใช่ครับ คนเก่งก็ดี ถ้าเป็นคนดีด้วย แต่วันนี้เรามอง แล้วปัญหา ละครับ จะทำอย่างไรบ้าง ครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันที่เล็กที่สุดสำหรับตัวเด็ก ๆ วันนี้ ก็เปลี่ยนแปลงไป คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ต้องเร่งการทำมาหากิน เพราะเมื่อก่อนนี้ก๋วยเตี๋ยวชามละ ๒๐ บาท วันนี้ ๕๐ บาท ยังธรรมดา ๆ แล้วจะทำอย่างไร ค่าแรงก็อยู่ที่ ๓๑๐ บาท ๓๒๐ บาท ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ประกาศเงินเดือนให้ข้าราชการ ขึ้นทีหนึ่งสัก ๓,๐๐๐ บาท วันละ ๑๐๐ บาท แต่ขึ้นค่าแรงงานไป ๓ บาท เดือนหนึ่ง ๙๐ บาท กินก๋วยเตี๋ยวกับกาแฟได้ ๒ แก้ว อย่างนี้จะทำอย่างไรครับ แรงงาน การศึกษา ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบไป แล้วใครจะไปเรียนอาชีวะ ใครจะไปเป็นทักษะแรงงานครับ ใคร ๆ ก็มุ่งหวังที่จะเป็นข้าราชการใหญ่โตกันหมด โรงเรียนซึ่งเป็นสถาบันที่ ๒ เป็นเหมือน คุณพ่อ คุณแม่คนที่ ๒ คุณครูต้องทำงานหนัก เหนื่อยยาก แล้วบางโรงเรียนมีครูอยู่ ยิ่งโรงเรียนขนาดเล็กอย่างที่ผู้อภิปรายบอกไปนะครับ มีครูอยู่คนเดียว สอนไป ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ต้องทำงานเอกสาร ทำกับข้าวตอนกลางวันอีก นี่ละครับโรงเรียนซึ่งเป็นสถาบัน ที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับคุณครู คุณครูเป็นผู้กำชะตาชีวิตของประเทศชาติ กระทรวงศึกษาธิการจึงเป็นกระทรวงที่สำคัญในการที่จะสร้างคน แล้วคนก็จะไปสร้างชาติ เด็กจะออกมาอยู่ในสังคม แล้วถ้าสังคมวัดกันแต่คนเก่งล่ะครับ คนจะดีไปทำไม ดีแล้ว ได้อะไร ก็จะถามกันอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นรัฐบาลเอง กระทรวง ทบวง กรมต้องร่วมมือกัน จะไปปล่อยให้กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งมาเป็นภาระที่จะดูแลเด็ก ไม่ใช่กระทรวงศึกษาธิการ ดูแลเด็ก มีอะไร ๆ ก็โทษกระทรวงศึกษาธิการ วันนี้เด็กไม่ใช่เหยื่อทางสังคมอย่างเดียวครับ หลายอย่างที่ประกอบกันอยู่ในโรงเรียนครับ ส่วนใหญ่จะมีคดีอย่างนี้บ้าง แต่ผมเชื่อเหลือเกิน ว่าเหตุการณ์อย่างนี้มันก็เดือดร้อนกันไปหมด สร้างความเสียใจให้กับคุณพ่อคุณแม่และสังคม ครูบาอาจารย์ แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงหลักในการที่จะดูแลเด็ก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดูแลในช่วงมหาวิทยาลัย มีองค์การบริหารท้องถิ่น ยิ่งองค์การท้องถิ่นดูแลเด็กเล็ก ซึ่งเป็นก้าวแรกที่จะผลิดอกออกผลมา ฉะนั้นวันนี้ผมในเวลาที่จำกัดก็อยากเสนอข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาลในระดับครอบครัว ทำอย่างไรที่จะสอนให้เด็กลดการใช้โทรศัพท์ ให้เด็กทำกิจกรรม อย่าให้เด็กอยู่คนเดียว ในระดับโรงเรียนก็เช่นเดียวกัน คุณครูที่เป็นคนสำคัญที่สุดควรจะลดการแข่งขันด้านวิชาการ อย่าเอาแต่บ้าระห่ำ สอบ สอบ แล้วก็สอบ ใครได้ที่ ๑ ก็ให้รางวัลกันจนลืมคนที่เป็นคนดีไป ต้องอย่าเร่งนัก สำหรับผมแล้วเป็นครูมาทั้งชีวิต ผมอยากให้เด็กทำกิจกรรม วิชาศิลปะ ดนตรี กีฬา เป็นวิชาที่สร้างชาติ ให้เด็กมีสมาธิที่มั่นคง แต่ปัจจุบันนี้เราเน้นแต่วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาอังกฤษ ส่งเสริมให้เด็กเป็นคนเก่ง เก่ง เก่ง อย่างเดียวครับ เราควรจะ จัดเด็กกลุ่มย่อยเพื่อจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และสุดท้ายก็อยากจะให้ประเทศชาติ ให้ความสำคัญกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เราทำอย่างไรที่จะวางมาตรการป้องกันเยาวชนให้พ้นจาก Online เป็นวาระเร่งด่วนสำคัญที่สุดครับ กระทรวงศึกษาธิการพัฒนาแล้ว แต่วันนี้กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมทั้งให้ความรู้ ความทันสมัย ให้โลก Online ให้เข้าถึงวิชาการต่าง ๆ แต่ขณะเดียวกันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็ให้ยาพิษ ให้ระเบิดปรมาณู ไปพร้อมกับตรงนั้น เป็นการฆ่าเด็กไปในตัว ดังนั้นวันนี้หมดเวลาที่จะเถียงกันแล้ว ทุกกระทรวง ทบวง กรม ตั้งแต่ใหญ่ที่สุด ย่อยไปจนถึงครอบครัว เราหันหน้ามาเถอะครับ เพื่อเด็ก เยาวชน ซึ่งสำคัญที่สุดกับประเทศชาติ เยาวชนเป็นผู้ที่สร้างชาติและเป็นกำลัง สำคัญต่อไป ขอกราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม สฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนา แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทย วันนี้ผมขอมีส่วนร่วมในการอภิปราย ญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องการสร้างคนให้เป็น พลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข เราจะพูดคำว่าพลเมืองที่มีคุณภาพภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มี องค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข คำว่า คุณภาพ อย่างวันนี้ประชากรเราก็ลดน้อยถอยไป นั่นเชิงปริมาณ เมื่อเราเพิ่มเชิงปริมาณไม่ได้ เราควรจะเพิ่มเชิงคุณภาพของเยาวชนของ ประเทศชาติ คำว่า คุณภาพ แปลว่าความดี เป็นคุณสมบัติอันพึงประสงค์ที่จะนำไปสู่ การพัฒนาประเทศชาติ เพราะคนเป็นพลเมืองของประเทศชาติ เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของ ประเทศ ประเทศจะก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองได้ก็เป็นที่คนนี้ล่ะครับ แต่ทุกวันนี้เราพัฒนาคน เราพูดถึงคุณภาพ เราพูดถึงการศึกษา ท่านผู้อภิปรายจำนวนมากส่วนมากจะพูดเรื่องเด็ก เรื่องโรงเรียน ควรจะเปลี่ยนแปลงหลักสูตร ควรจะเปลี่ยนกระบวนการทั้งหมดนี้ แต่ผมเชื่อ เหลือเกินว่าภายในโรงเรียนคุณครูซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในการพัฒนา เพราะในโรงเรียน ผมเชื่อว่าภายในรั้วโรงเรียนมีแต่สิ่งดี ๆ คุณครูพร่ำที่จะบอกเด็กว่าเราเป็นคนไทย ใจกตัญญู รู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราเป็นนักเรียนจะต้องประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย ของโรงเรียนที่ดี คุณครูก็จะพร่ำบอกอยู่แล้ว เราสอนกัน เรารู้เรื่องความสมัครสามัคคี เรามี องค์กรนักเรียน เรามีประธานนักเรียน ในโรงเรียนก็สอนอยู่แล้ว แต่วันนี้อยากเพิ่มเติมว่า อย่างที่หลายท่านก็พูดเรื่องฐานสมรรถนะ จริง ๆ แล้วฐานสมรรถนะมันก็เป็นคำศัพท์ ที่เปลี่ยนแปลงกันไปเรื่อย ๆ มันก็คือ Learning by Doing เรียนรู้คู่การปฏิบัติ แต่วันนี้เรา เรียนรู้แต่ไม่ปฏิบัติ ทุกวิชามีปฏิบัติทั้งนั้นใช่ไหมครับ เช่น วิชาหน้าที่พลเมือง วิชาความดี แต่เราไปวัดกันตรง Multiple Choice นี่ล่ะครับคือฆ่าเด็กทั้งเป็นเลย ใครก็ตอบได้ ต่อให้ คนไม่ดีก็ตอบได้ว่าคนดีคืออะไร แต่เวลาปฏิบัติล่ะครับ สัมมาคารวะไม่ต้องไป Check ให้เหนื่อยหรอกครับ เพราะฉะนั้นการบูรณาการในวันนี้ภายในโรงเรียนเพียงแต่เปลี่ยน กระบวนการบ้าง ผมถึงบอกว่าวันนี้ถ้าเราจะพัฒนาศักยภาพของคน หรือความดี พลเมืองดี ของประเทศ ภายใต้การปกครองอย่างนี้ คำว่า ดี เพราะฉะนั้นเด็กแต่ละช่วงวัยไม่เหมือนกัน เราก็จะบอกว่าในช่วงตั้งแต่อยู่ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ ๐ ถึง ๑ ขวบ เกิดขึ้นมา ๑ วัน ๓ ขวบอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ สถาบันครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่วันนี้เราเลี้ยงลูก ด้วยโทรศัพท์เด็กก็อยู่นิ่ง ไม่กระดิก วันนี้แล้วใครจะเป็นคนเปลี่ยน ครอบครัวสำคัญเหลือเกิน เราต้องสอนให้ลูกรู้จักการทำงาน ทำอะไรบ้างก็ได้ เพื่อจะให้ว่างเว้นจากการใช้ Digital หรือมือถือ หรือลดภาระของโทรศัพท์นี้ เราปลูกฝังตั้งแต่แรกสิครับว่าความสำคัญของคน มันอยู่ที่ผลงาน อะไรก็ได้ที่มันสุจริต แต่วันนี้ผมอยู่กับเด็กมาตั้ง ๕๐ ปี ตั้งแต่เด็กอนุบาล ยันอนุปริญญา ปวช. ปวส. แต่วันนี้ค่านิยมในสังคมล่ะครับ เราสอนกันว่า อย่างผมเคยดู จดหมายเหตุเด็ก หนูอยากเป็นอะไร หนูอยากเป็นครู อยากเป็นทหาร อยากเป็นตำรวจ แต่ สุดท้ายเพราะอะไรล่ะครับ เราฟังเหตุผลสิ หนูอยากเป็นตำรวจเพราะคุณแม่ได้เงินทุกวัน มันแปลว่าอะไรครับ บนผ้าขาวเขาเปื้อนตั้งแต่ยังเป็นผ้าขาวอยู่ แล้วใครเป็นคนที่ทำให้ผ้าขาว มันเปื้อนขนาดนั้น ก็คือสังคมครับ เพราะฉะนั้นโรงเรียนเองทัศนคติต้องเปลี่ยน เราต้องดี เก่ง แล้วมันมีความสุข คุณภาพของคนมันวัดกันไม่ได้ แต่วันนี้สังคมเรากำหนดคนที่ต้อง ขั้นยศถาบรรดาศักดิ์ เราเอาเงินเป็นตัวตั้งกันตลอดเวลา เราไม่เคยที่สังคมจะมองว่าคนดีเป็น อย่างไร ดังนั้นสังคมก็ต้องเป็นอย่างนี้ล่ะครับ เพราะฉะนั้นศักยภาพของคน คุณภาพของคน สังคมต้องยอมรับในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะวันนี้ผมอยากจะขอร้องรัฐบาล จากท่าน ประธานสภาส่งไปที่รัฐบาลหน่อย โรงเรียนเขาทำกันดีอยู่แล้ว แต่เทคโนโลยี แต่สิ่งที่มันเป็น บนอากาศ LINE เอย Social เอย Online AI ทุกวันก็โหมกระหน่ำกัน เรามองไปแต่วัตถุ มองไปแต่สิ่งแวดล้อม อยากให้ประเทศได้ GDP มาก ๆ นำนักท่องเที่ยวเข้ามา เมืองไทยเป็น เมืองน่าอยู่ที่สุดแล้ว ไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่จะมีความสุขเท่าประเทศไทย ไม่ต้องไปไหนหรอก นอนอยู่เมืองไทยนี่ล่ะสุขที่สุด ผมไปมากี่สิบประเทศ ที่ไหนจะถูกที่สุด มีความสุขที่สุด มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จนคนทั้งโลกจะมาตายเมืองไทยกันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลยที่จะมาเถียงกัน ผมอยากจะบอกว่า เด็ก ๆ ก็เหมือนกันครับ ตอนเด็ก ๆ เราก็อยากจะเปลี่ยนโลก อยากจะไปอยู่อวกาศ อยากไปดาวอังคาร พออยู่ มหาวิทยาลัยหรือเริ่มทำงานหน่อยฉันอยากจะเปลี่ยนประเทศ ประเทศฉันต้องเป็น เหมือนกับคนนั้น เหมือนประเทศนี้ ทำไมไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมไม่เป็นอย่างนี้ พอทำงาน ก็อยากจะเปลี่ยนกระทรวง เปลี่ยนทบวง กรม อยากจะเปลี่ยนการปกครอง พอมีครอบครัว จะเปลี่ยนผัว เปลี่ยนเมีย ยังเปลี่ยนความคิดไม่ได้เลย เปลี่ยนลูกไม่ได้ ดังนั้นผมถึงบอก นี่ผมอ่าน Bible มาตั้ง ๕๐ ปีแล้ว สุดท้ายนอนลงไปบนเบาะนุ่ม ๆ ตื่นเช้ามาเปลี่ยนตัวเอง เดี๋ยวหน่วยงานก็เปลี่ยนตามเรา ขอให้เป็นคนดีเถอะครับ ขยันขันแข็ง ตั้งอกตั้งใจ ซื่อสัตย์ สุจริต เดี๋ยวนี้หน่วยงานที่ไหน ๆ เขาไม่ต้องการคนเก่งหนักหนาหรอก คนเก่งมันอยู่ในนี้ หมดแล้ว ใครจะมาเก่งเท่า Google อยากได้อะไรบอกมันเถอะ แต่ถ้าท่านเป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต ตรงต่อเวลา ขยันขันแข็ง ยึดมั่นหน้าที่ รู้จักสิทธิหน้าที่ เคารพต่อคนอื่น คนอื่นเขาก็ เคารพเรา เรายื่นมือให้คนอื่นเขา ให้ความรัก ดังนั้นผมอยากจะฝากในสภาแห่งนี้ ไม่ต้องไป เปลี่ยนใครหรอก เปลี่ยนตัวเรานี่ล่ะครับดีที่สุด วันหนึ่งสังคม สิ่งแวดล้อมก็จะเปลี่ยนตามที่ เราเป็น เคารพสิทธิหน้าที่ ขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต แล้วไม่ต้องไปตะโกนบอกให้ใครซื่อสัตย์ สุจริต คอร์รัปชันหรอกครับ เราทำตัวของเราดีที่สุดครับ ขอกราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทย วันนี้ผมมีเรื่องปรึกษาหารือเรื่อง ความเดือดร้อนของประชาชนในเขตพื้นที่อยู่ ๒ เรื่องครับ
เรื่องที่ ๑ ขอความอนุเคราะห์พิจารณา สนับสนุนงบประมาณเปลี่ยนและปรับปรุงสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าและรางส่งน้ำ หมู่ที่ ๓ บ้านปากแพรก ตำบลกบินทร์ ได้รับคำร้องเรียนจากผู้ใหญ่บ้านสุทิศ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๓ บ้านปากแพรก ผ่านไปยังนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกบินทร์ เนื่องจากว่าโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า โดยกรมชลประทานได้สร้างเมื่อปี ๒๕๓๒ อายุใช้งาน ตั้ง ๓๕ ปีมาแล้ว เป็นโครงการสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงฤดูแล้ง โดยประชาชนที่ได้รับผลกระทบนี้อยู่ใน ๒ พื้นที่ คือตำบลกบินทร์ และตำบลวังดาล จำนวน ๗๐ ครัวเรือน พื้นที่ประมาณ ๑,๗๐๐ ไร่ โดยได้มีอายุการใช้งานเป็นเวลานานแล้ว รางส่งน้ำ ก็ชำรุด เป็นระยะทางถึง ๔ กิโลเมตรทำการสูบน้ำและมีท่อน้ำแตก ทำให้เดือดร้อน ประสิทธิภาพในการทำงานก็ไม่สามารถจะทำเต็มที่ได้ ดังนั้นจึงขอกราบเรียนไปยัง กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โปรดซ่อมแซมด้วยครับ
เรื่องที่ ๒ เรื่องขอสนับสนุนงบประมาณ ก่อสร้างเขื่อนริมตลิ่งคลองพระปรง ตำบลย่านรี อำเภอกบินทร์บุรี เนื่องจากว่าได้ความเดือดร้อน ประชาชนตำบลย่านรี เนื่องจากน้ำจากคลองพระปรง ได้พังทลายเซาะริมตลิ่งเกิดความเสียหายกับประชาชน เป็นอย่างมาก ได้เห็นด้วยกับความเดือดร้อนตรงนี้ จึงขอกราบเรียนให้ทางองค์การบริหาร ส่วนตำบลย่านรีที่ได้รับความเดือดร้อน ผ่านไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดปราจีนบุรี และกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ได้โปรดพิจารณาแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนในเขต ๓ ของจังหวัดปราจีนบุรีด้วยครับ ขอกราบขอบพระคุณ มากครับ
เรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม สฤษดิ์ บุตรเนียร สส. นักพัฒนา แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เขต ๓ พรรคภูมิใจไทย วันนี้ผมจะปรึกษาหารือ ๒-๓ เรื่องครับ
เรื่องแรกก็คือเรื่องติดตามเรื่องไฟฟ้า ส่องสว่างตรงจุดทางเข้าเทศบาลตำบลกบินทร์ของท่านนายกรังสรรค์ กิโลเมตรที่ ๑๙๘ ได้แจ้งไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ ๑ ครั้งแล้ว และครั้งนี้ก็ยังเกิดอุบัติเหตุ อีกแล้วครับ เรื่องชนควายได้รับอุบัติเหตุ ก็ขอกราบเรียนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยครับ
เรื่องที่ ๒ ได้รับคำร้องเรียนจากท่านนายก อบต. สิริเชษฐ์ ทองคำ ที่ถนน หมายเลข ๓๐๔ กบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา กิโลเมตรที่ ๑๕๑-๑๔๗ ถนนขรุขระ มีแสงสว่าง ไม่เพียงพอ ไม่ได้รับความปลอดภัย จึงกราบเรียนมายังท่านประธานสภาผ่านไปยัง แขวงการทางปราจีนบุรีได้ช่วยตรวจสอบดูด้วยครับ
เรื่องที่ ๓ เป็นเรื่องดี ๆ ที่ควรเป็นตัวอย่างครับ นั่นคือกบินทร์บุรี Model สูงวัยอย่างมีคุณค่า พัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืน อยากจะนำเสนอแนวความคิดพัฒนาคุณภาพชีวิต กับผู้สูงวัยในชนบทว่า ผู้สูงวัยที่ตำบลกบินทร์ หลาย ๆ ตำบลได้รวมตัวกันเป็นชมรมผู้สูงอายุ ได้ทำกิจกรรม จัดหากองทุนกันเอง โดยขอบริจาคของที่เขาไม่ใช้ เหลือใช้นำมาจัดตั้งกองทุน และยังได้ทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง เช่น การตัดผม การทำพวงหรีด การทำน้ำยา ลูกประคบ ต่าง ๆ เพื่อจะเอามาจำหน่าย และได้กองทุนเพื่อดูแล เช่น การออกไปตัดผมให้เด็ก ๆ เยาวชน หรือผู้ที่ติดเตียงติดบ้าน เป็นงานที่ดี ๆ ซึ่งอยากจะกราบเรียนไปยังหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวง พม. จะได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเพื่อจะให้คำแนะนำบ้างนะครับ และวันที่ ๑๕ ที่จะถึงนี้ที่ รพ.สต. เกาะแดง ตำบลวังดาล ก็ได้จัดกิจกรรม เราจะจัดกัน ทุกสัปดาห์ ในวันนี้ก็จะมีการจำหน่ายของผู้สูงอายุ เช่น ผัก หญ้า เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้ ประกอบอาชีพและเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต ขอกราบขอบพระคุณมากครับ