นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อเช้าถ้าท่านประธานจำได้ นอกจากมีรายงานของ กกพ. แล้วก็ยังมีเพื่อนสมาชิกหลายคนก็ห่วงใยถึงราคากุ้ง ที่ตกต่ำนะครับ แล้วก็มีการเสนอญัตติเพื่อแก้ไขปัญหาราคากุ้งที่ตกต่ำด้วย ผมก็เข้าใจว่า ต่อจากนี้เราจะไปกันต่อที่ญัตติเพื่อแก้ไขปัญหาราคากุ้งที่ตกต่ำนะครับ แล้วก็มีประชาชน ถามมาเยอะแล้วก็รอมาก ๆ นะครับ ตกลงวันนี้จะมีการคุยกันเรื่องกุ้งไหมครับ เพราะเมื่อเช้านี้ ก็กุ้งกันทั้งนั้นเลยครับ ประชาชนก็รออยู่ครับ ผมหวังครับ นี่ผมยังไม่กลับนะครับ ผมรอกุ้ง อยู่เหมือนกันนะครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ผมคิดว่าไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงนะครับ เพราะว่าค่าไฟที่ขึ้นมาจากหน่วยละ ๓.๗๘ บาท เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๖๕ ปรับไปปรับมาเรื่อย ๆ ปัจจุบัน ๔.๗๐ บาท ถามประชาชน คนไหนครับ เขาก็บอกว่าแพง แต่สิ่งที่ประชาชนต้องการมากกว่าแพงหรือถูกคือความเป็นธรรม ท่านประธานครับ ลองคิดดูครับ ผมคิดว่าท่านประธานก็เป็น สส. เหมือนกัน ผู้สูงอายุที่เป็น ผู้ป่วยติดเตียงจำเป็นต้องเปิดพัดลมตัวหนึ่งระบายอากาศตลอดเวลา แค่พัดลมตัวเดียว ค่าไฟที่เป็นอยู่นี้เดือนหนึ่ง ๑๐๐-๑๕๐ บาท มันสำคัญตรงไหนครับ มันสำคัญตรงที่ว่า ถ้าไฟฟ้าเป็นสมบัติของคนทั้งชาติที่คนทั้งชาติจำเป็น และถ้าไฟฟ้านี่ถูกบริหารจัดการ เอาประเทศคู่แข่งสำคัญที่แย่งชิงการลงทุนทางตรง คุณจะสู้อินโดนีเซียกับเวียดนามอย่างไร อะไรคือศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย คุณต้องการปรนเปรอนายทุนถึงกับ ต้องแลกกับศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเชียวหรือ นี่หรือครับ การกำกับกิจการพลังงานที่เพื่อความเป็นธรรมของประชาชนคนไทย ที่ผ่านมาครับ โครงการ อะไรที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ทำเหมือนไม่เต็มใจทำ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน แสงอาทิตย์บนหลังคาภาคประชาชนตั้งเป้าไว้ ๑๐๐ เมกะวัตต์ กลุ่มบ้านผู้อยู่อาศัยตั้งเป้าไว้ ๕๐ เมกะวัตต์ งามไส้ได้มาแค่ ๓ เมกะวัตต์ กลุ่มสถานศึกษา โรงพยาบาล และน้ำเพื่อการเกษตร ๕๐ เมกะวัตต์ ในรายงานปี ๒๕๖๔ ท่านดู ได้มาแค่ ๑๐ เมกะวัตต์ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แถมในรายงานยังไม่พูดถึงกรณีการทุจริต โครงการที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วยนะครับ รับผิดชอบโดยอะไร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๓ Solar Cell ที่แม่ฮ่องสอน ไม่น่าจะผลิตไฟฟ้า แต่น่าจะตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตเงินทอนมากกว่า สร้างไป ๑๒ แห่ง สุดท้าย ถูกปล่อยทิ้งร้างผลาญงบประมาณไป ๔๕.๕๙ ล้านบาท ทำไมไม่รายงานในรายงาน คดีไปถึง ป.ป.ช. ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ช่วยตอบด้วย หรืออย่างไรครับพอเห็นว่า กอ.รมน. ภาค ๓ แล้วไม่ตามเรื่องหรือครับ สาเหตุผมว่าที่อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าที่ Solar Rooftop ภาคเอกชน ไม่ประสบความสำเร็จก็คือราคารับซื้อไม่เป็นธรรม ทีนายทุนมี Adder ตอนนี้ไม่มี Adder แล้ว มี FiT แต่ประชาชนนี่คุณซื้อถูกมาก และที่สำคัญที่สุดรัฐบาลที่แล้วเคยประกาศเอาไว้ แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ว่าจะส่งเสริมการซื้อขายไฟฟ้าแบบหักลบ หน่วยไฟฟ้าสุทธิ หรือ Net Metering แต่เอาเข้าจริงไม่ได้ทำเลย พอเอกชนจะซื้อขายไฟฟ้ากันเอง กกพ. ก็ไปคิดค่าเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าหรือที่เรียกว่า Wheeling Charge แพงหูฉี่ ๑.๑๕ บาท คือตั้งราคาเพื่อไม่ให้ทำมากกว่า ทีนายทุนพลังงานหน้าเดิม ๆ นี่ครับช่วงเลือกตั้ง กลับกล้าที่จะประเคนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทิ้งทวน ๔,๘๕๒ เมกะวัตต์ โอ้โฮ นี่หรือครับกำกับพลังงานเพื่อความเป็นธรรมของประชาชน สุดท้ายครับท่านประธาน ผมอยากย้ำให้ กกพ. ที่นั่งฟังตรงนี้แล้วผมพูดแทนใจประชาชนทั้งประเทศได้ตระหนัก ถึงหน้าที่สำคัญของ กกพ. คือการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเพื่อให้ประชาชน ได้ใช้พลังงานอย่างเป็นธรรม ถ้า กกพ. ไม่ตระหนักในจุดนี้ สุดท้ายกลุ่มทุนผูกขาด หรือเครือข่ายอุปถัมภ์ของผู้มีอำนาจก็จะเข้ามาฮุบเอาพลังงานของประเทศไปกินรวบ แล้วไปรีดนาทาเร้น กดขี่ รีดไถผลประโยชน์จากประชาชนตามใจชอบ ให้พวกมันร่ำรวย บนคราบน้ำตาของประชาชน และอย่าให้รู้ครับว่าท่านไปแอบกินไวน์กับพวกเขา ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ ผม วิโรจน์ จากพรรคก้าวไกล ผมถามสั้น ๆ เลยโรงไฟฟ้าเอกชนที่ท่านบอกว่าไม่ได้เดินเครื่อง เพราะ Standby อะไรก็แล้วแต่ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้นะครับ แต่ค่าพร้อมจ่ายนี่ จ่ายให้กับโรงไฟฟ้าเอกชนเหล่านั้นฟรี ๆ ผมว่าประชาชนควรจะได้รับทราบว่าโรงไฟฟ้า เอกชนที่กินเงินค่าพร้อมจ่ายฟรี ๆ โดยที่ไม่ได้เดินเครื่องปัจจุบันนี้มีกี่โรง แล้วชื่ออะไรบ้าง เขาจะได้ติดตามดูว่าเจ้าของโรงไฟฟ้าเหล่านั้นคือนายทุนชื่ออะไร แล้วผมกำลังรอ e-Mail จากประชาชนฝากถามมาว่า ทาง กกพ. ได้ไปฮังการี สาธารณรัฐเช็ก ภายใต้อุปการคุณ ของนายทุนโรงไฟฟ้าจริงหรือเปล่า ช่วยต่อประชาชนทีครับ ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ในวันที่เกิดเหตุท่านประธานครับผมได้เข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจกับประชาชนร่วมกัน กับคุณชุมพล หลักคำ ก็เป็นทีมงานของพรรคก้าวไกลแล้วก็เป็นอดีตผู้สมัคร สส. ของเรา ที่เขตลาดกระบัง สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าตอนนี้คงมีหลายท่านแล้วพูดถึงเรื่องของการสืบสวน สอบสวนข้อเท็จจริงทางวิศวกรรม แล้วก็ผมเข้าใจว่าทางสำนักการโยธาของกรุงเทพมหานคร ก็มีการร่วมมือกันกับทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย รวมทั้งสภาวิศวกรในการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ผมเห็นด้วยกับทางท่านสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ว่าจะต้องมีการเก็บ รวบรวมหลักฐานเอาไว้ก่อนที่จะมีการ Clear พื้นที่ ซึ่งเข้าใจว่าจะมีคำสั่งในการ Clear พื้นที่ ให้เสร็จภายใน ๓ วันนี้ ซึ่งผมก็เข้าใจอีกว่าก็คงมีความจำเป็นต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ แล้วก็ต้องดำเนินการก่อสร้างต่อ เพราะมิฉะนั้นพื้นที่ตรงนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องการจราจรติดขัด แต่อย่างไรการเก็บหลักฐาน เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงก็มีความจำเป็นอย่างมากนะครับ แต่สิ่งที่ผมอยากจะใช้เวลาสั้น ๆ ในการอภิปรายไม่เกิน ๗ นาทีก็คือเรื่องของการชดเชยเยียวยาผู้เสียชีวิตทั้ง ๒ ท่าน แล้วก็ ผู้บาดเจ็บอีก ๑๐ กว่าท่าน เบื้องต้นทราบว่า ๑๒-๑๓ ท่าน คืออย่างนี้ครับ ตอนนี้การเยียวยา ผมติดตามข่าวและติดตามสถานการณ์ เข้าใจว่าทางผู้รับเหมามีการทำประกันเอาไว้โดยมี วงเงินอยู่ที่ ๕๐ ล้านบาท ก็มีบริษัทที่รับประกันอยู่ ๒ ราย คือกรุงเทพประกันภัยรับไป ๖๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ทิพยประกันภัยในอีก ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ผมเข้าใจดีในการชดเชยเยียวยา คงจะต้องมีกระบวนการในการรวบรวมเอกสารแล้วก็เก็บรายละเอียดต่าง ๆ แต่ท่านประธานครับ การเยียวยาชดเชยที่ล่าช้าก็ยังมีความไม่เป็นธรรมให้กับผู้สูญเสียเช่นกัน ดังนั้นผมจึงขอใช้ สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ส่งความคิดเห็นเชิงบวกไปยังกรุงเทพมหานครในการเร่งรัดกับ บริษัทประกันภัยแล้วก็ผู้รับเหมาในการเร่งจ่ายเงินชดเชยเยียวยา ผมรู้ดีว่าเงินเท่าไร ก็ไม่สามารถที่จะชดเชยกับชีวิตที่เสียไปได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ดีกว่าการที่ปล่อยให้เวลา ล่วงเลยไป แล้วก็ตัวเงิน ณ ที่ควรจะเป็นเงินเยียวยากลับตกไม่ถึงมือผู้สูญเสียเสียที แล้วจนต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกัน

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องต่อมา เป็นเรื่องที่ทางกรุงเทพมหานครจะต้องเข้าไปรับผิดชอบตรง ๆ ก็คือว่าโดยปกติแล้วการก่อสร้างจะมีการทั้งจ้างผู้รับเหมา แล้วก็จ้างวิศวกรผู้ควบคุมงาน ในกรณีนี้ครับ ท่านประธานครับ เข้าใจว่าผู้ควบคุมงานนี้เป็นการควบคุมงานโดยสำนักการโยธา กรุงเทพมหานครเอง ไม่ได้มีการจัดจ้างผู้ควบคุมงาน ดังนั้นสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร จึงต้องเป็นผู้ให้คำตอบว่าการควบคุมงานนั้นเป็นอย่างไร และมีความปลอดภัย มั่นคง เพียงพอหรือไม่ จึงอนุญาตให้มีการก่อสร้างในลักษณะนี้

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๓ ผมคิดว่าตอนนี้ประชาชนก็มีความตื่นตระหนกอยู่พอสมควร เนื่องจากทราบข้อมูลว่ามีการขอให้เปลี่ยนวิธีการก่อสร้างจากเดิมเป็นการก่อสร้างแบบ หล่อคอนกรีตแล้วก็เทในพื้นที่ Site งานเลย แล้วก็มีการขอให้เปลี่ยนนะครับ ทางผู้รับเหมา ขอเปลี่ยนให้เป็นระบบแบบที่เรียกว่าหล่อเสร็จจากโรงงานแล้วก็เอามาติดตั้งโดยใช้ตัว แขวนคาน แล้วก็วางตัวสะพานที่หล่อเสร็จจากโรงงานมาติดตั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วการเปลี่ยน แบบตรงนี้ทั้ง ๒ แบบนี้มีความปลอดภัยทั้งสิ้นถ้าดำเนินการตามหลักวิศวกรรม ดังนั้นไม่ได้ หมายความว่าแบบ ๒ หรือแบบ ๑ อะไรปลอดภัยกว่ากัน คือมันปลอดภัยทั้งคู่ถ้าดำเนินการ ตามหลักวิศวกรรม ดังนั้นแต่อยู่ดี ๆ ครับ ท่านประธานครับ ผมไม่ชอบคำนี้คำว่าอยู่ดี ๆ มันก็ร่วงลงมา อยู่ดี ๆ มันก็หล่นลงมา ถ้าอยู่ดี ๆ มันไม่หล่นลงมาละครับ มันต้องมีเหตุ ที่ทำให้มันต้องหล่นลงมา แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ผมคงต้องพูดในสภาว่าทั้ง ๒ แบบ มีความปลอดภัย แต่ต้องมีการกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ผิดหลักวิศวกรรมจนทำให้ระบบ ที่หล่อคอนกรีตที่เสร็จจากโรงงานแล้วเอามาติดตั้งที่ Site งานมีปัญหาแบบนี้ ซึ่งก็คงต้อง ตรวจสอบนะครับ แต่อย่างไรก็ตามทั้ง ๒ แบบก็มีความปลอดภัยทั้งสิ้นถ้าทำอย่างถูกต้อง

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องสุดท้ายครับ ในเวลาอีก ๒ นาที จากเหตุการณ์พระราม ๒ ก็ดี จนมาถึง ที่ลาดกระบังก็ดี เรารู้สึกไหมว่าการก่อสร้างที่มีปัญหาที่ประชาชนได้รับผลกระทบ ได้ประสบ อุบัติเหตุ แล้วก็เกิดความหวาดหวั่นว่าการก่อสร้างจะมีความปลอดภัยหรือไม่ ทั้งหมด ทั้งมวลมาจากการเร่งรัดการก่อสร้างหลังจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทั้งสิ้น ผมว่าการขยายสัญญาให้มีการยืดอายุสัญญาออกไปเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะระหว่างที่ โควิดระบาด Site ก่อสร้างต่าง ๆ ที่อาจจะเชื่อว่าเป็นแหล่งการระบาดของ COVID-19 ก็ถูกปิดไป หลาย Site หยุด หลาย Site ชะลอการก่อสร้าง ก็เป็นเหตุที่เข้าใจได้ที่ต้องมี การยืดอายุสัญญาออกไป แต่หลังจากที่การระบาดสิ้นสุดหรืออยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้ แล้วการก่อสร้างกลับมาก่อสร้างใหม่ ซึ่งการก่อสร้างในลักษณะนี้มีทั่วประเทศนะครับ ไม่ใช่ จำเพาะเจาะจงเฉพาะแค่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น ก็ต้องถามว่าทั้งกรุงเทพมหานครก็ดี ทั้งจังหวัดต่าง ๆ ก็ดี กรมทางหลวงก็ดี กระทรวงมหาดไทยก็ดี หน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบในเรื่องของการก่อสร้างก็ดี ได้มีการออกหนังสือกำชับให้ผู้รับเหมาแล้วก็ผู้ควบคุมงานได้ตรวจสอบความพร้อมที่จะ ก่อสร้างต่อหรือไม่ มีการตรวจสอบมาตรการหรือมาตรฐานในการดำเนินการให้มี ความปลอดภัยในการก่อสร้างต่อเรียบร้อย รอบคอบดีพอหรือยัง หรืออยู่ดี ๆ โรคระบาด หมดปั๊บก็ก่อสร้างต่อเลย มันเป็นอย่างไรก็ก่อกันไปอย่างนั้น มันเป็นอย่างไรก็สร้างต่อกันไป อย่างนั้น ถ้ายังไม่มีมาตรการในการกำชับ Site ก่อสร้างต่าง ๆ ทั่วประเทศให้ตรวจสอบ ความพร้อม ให้ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างรัดกุม ผมก็กังวลว่า ความเสียหายในลักษณะนี้ที่ประชาชนต้องมาหวาดหวั่นและได้รับผลกระทบก็จะเกิดขึ้นอีก และนี่น่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย จึงเรียนผ่านทางท่านประธานไปยังรัฐบาลแล้วก็หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ากรุณาเถอะครับ ตรวจสอบกำชับเพื่อให้การก่อสร้างต่อมีความรอบคอบ รัดกุม แล้วก็มีความปลอดภัยสำหรับพี่น้องประชาชน ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ท่านประธานครับ มีไม่กี่ครั้งครับที่ผมจะเห็นด้วยกับการตราพระราชกำหนดของรัฐบาล ที่ผ่านมาที่รักษาการอยู่ในขณะนี้ ก็ต้องยอมรับครับว่าผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตรา พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ ฉบับนี้ จริง ๆ ผมอยากจะนำเรียนผ่านท่านประธานไปยังรัฐบาล แล้วก็ทางท่านรัฐมนตรี ด้วยว่า จริง ๆ รัฐบาลควรจะเร่งดำเนินการให้เร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะว่าปัญหาการโกงเงิน ทาง Internet นี่นะครับ มันไม่ใช่แค่เพิ่งเกิดขึ้น แก๊ง Call Center ไม่ใช่ว่าเริ่มมีนะครับ มีมาตั้งนานแล้วครับ การหลอกลวงแบบนี้เริ่มระบาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ครับ โดยแรกเริ่มนี่นะครับ จะเป็นการหลอกให้ประชาชนไปโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม แล้วก็ระบาดมาจากไต้หวัน แล้วก็ รูปแบบของการหลอกลวงประชาชนก็พัฒนาการมาเรื่อยครับ พัฒนาการล้ำหน้ารัฐบาลด้วยซ้ำ ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารทาง Social media ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่ง SMS e-Mail Facebook อะไรต่อมิอะไรสารพัด ที่มาระบาดหนักครับ ท่านประธานครับ ก็มาระบาดเอา ช่วงหลัง ๆ หลังจากที่มี Prompt pay ในปี ๒๕๕๙ แล้วก็ Application เป๋าตังในปี ๒๕๖๑ ที่ประชาชนเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลาย ซึ่งผมยืนยัน ว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหานั้นเกิดจากการที่รัฐบาลไม่ได้ตระหนักเลยว่าโจร Cyber เหล่านี้มันจะใช้ ช่องทางเหล่านี้นี่ละในการเข้ามาหลอกลวงประชาชน ผีซ้ำด้ามพลอยครับ เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ หลังจากที่รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายในการปราบปรามกาสิโน Online จากความ ร่วมมือของรัฐบาลจีน เหตุผลก็เพราะว่าอุตสาหกรรมกาสิโน Online แบบนี้เป็นการรวบรวม กลุ่มอาชญากรจีนสีเทาเอาไว้หลอกลวงผู้คนเป็นวงเงินมหาศาลอันเป็นเหตุให้ สีหนุวิลล์ ที่ประเทศกัมพูชาซบเซาลงอยู่ถึงขณะนี้ แทนที่รัฐบาลไทยใน ณ ขณะนั้นจะเตรียม มาตรการในการป้องกันป้องกันและปราบปราม แก๊ง Call Center จีนสีเทาที่กำลังจะ ระเห็จหนีจากกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย เปล่าเลยครับ กลับปล่อยปละละเลยให้ แก๊ง Call Center จีนสีเทาเหล่านี้เข้ามาเหยียบจมูกถึงถิ่นตั้งฐานปฏิบัติการหลอกลวง คนไทยถึงในประเทศ ที่ซ้ำร้ายที่สุดครับ แก๊งโจรจีน แก๊ง Call Center สีเทาเหล่านี้ มันมีเงินมหาศาล แล้วมันรู้ว่าระบบราชการไทยภายใต้รัฐบาลนี้มันซื้อได้ มันติดสินบนได้ ข่าวร้ายที่สุดก็คือว่ามีข่าวว่าตำรวจ ทหาร DSI จำนวนไม่น้อยถึงกับยอมไปเป็นลูกสมุน กินสินบนรับใช้โจรจีนสีเทาเหล่านี้ รัฐบาลนี้ก็มี พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วม ในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ อยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยบังคับใช้อย่างจริงจัง ที่ผ่านมาผมเข้าใจว่าสถานทูตจีนก็พยายามประสานงานกับทางการไทยเพื่อจัดการ กับอาชญากรเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมืออย่างที่ควรจะเป็นแถมไปให้สัญชาติมันเสียอีก จนกระทั่งถูกแฉเรื่องส่วยจีน เรื่องจีนสีเทากำลังจะยึดประเทศนี่ ที่มีการพัวพันกับ นักการเมืองฟากฝ่ายรัฐบาลอยู่หลายคน และนักการเมืองพวกนั้นกำลังจะร่วมรัฐบาลใหม่ ด้วย เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ เพิ่งผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ ก็ไม่ได้จับอะไรได้ เลย จับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย กว่าจะจับกุมตัวใหญ่ได้ระดับสั่งการได้ต้องรอจนถึงกระทั่ง ๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ เกิดอะไรขึ้นครับ รักมันมากหรือครับ โจรจีนสีเทา Call Center ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนรัฐบาลก็ไม่เคยมีมาตรการดูแลอย่างรัดกุม ๖ กันยายน ๒๕๖๔ ถ้าจำกันได้ประวัติคนไข้ ๑๖ ล้านคนก็ถูก Hack ผ่านมาอีกไม่กี่วัน ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔ ข้อมูลนักท่องเที่ยว ๑๐๖ ล้านคนก็รั่วไหล ที่เจ็บใจที่สุดและบาดใจประชาชนที่สุด คืออะไรรู้ไหมครับ ไม่ได้ Hack ครับ แต่เป็นเพราะตำรวจยศพันตำรวจโทและข้าราชการ กระทรวงพาณิชย์ขายข้อมูลทะเบียนราษฎร์และทะเบียนการค้าให้กับแก๊ง Call Center มาหลอกคนไทยด้วยกัน แลกกับรายได้ผลประโยชน์เดือนละ ๖๐๐,๐๐๐ บาท ช้ำไหมครับ ท่านประธาน แย่ไหมครับท่านประธาน พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือกฎหมาย PDPA ที่เราเรียกกัน ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ แต่กว่าจะบังคับใช้จริงครับท่านประธาน ต้องรอจนถึงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ เหตุผลที่เขาร่ำลือกันไม่ใช่เพราะอะไรครับท่านประธาน เขาบอกว่า เพียงเพราะว่าบางหน่วยงานที่มีพฤติกรรมคุกคามข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนควรจะถูก กฎหมายฉบับนี้ลงโทษก็เลยเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ กว่าจะบังคับใช้กัน ที่ผ่านมาตามที่ ท่านรัฐมนตรีได้อภิปรายในสภาทุกคนก็ทราบ ท่านรัฐมนตรีก็ทราบว่าบัญชีม้าหรือบัญชี ที่เจ้าของตัวจริงเปิดเอาไว้ เอาไปให้คนร้ายที่เจ้าของเปิดไปให้คนร้ายเอาไว้หลอก ให้คนมาโอนเงิน ที่เขาเรียกบัญชีม้านี่นะครับ เป็นอาวุธสำคัญของโจร Cyber เหล่านี้ แต่กว่า พ.ร.ก. ฉบับนี้จะบังคับใช้เพื่อจัดการกับบัญชีม้าต้องรอจนถึงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๖ ล่าช้ามาก ๆ สร้างความเสียหายให้กับประชาชนไปเท่าไรแล้วครับ ที่ผมต้องเศร้ามาก ๆ และเศร้าแทนประชาชนก็คือเหยื่อของแก๊ง Call Center เหล่านี้คือผู้สูงอายุ แล้วเขาจะ หลอกผู้สูงอายุตอนวันทำงานเวลาประมาณนี้ละครับ ที่ลูกหลานไปทำงานแล้วเขาหาคนมา ปรึกษาไม่ได้ แล้วเงินที่พวกมันหลอกเอาไปก็เป็นเงินที่ผู้สูงอายุทำงานสุจริตเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต หวังที่จะใช้ยามบั้นปลาย ไม่ต้องการเป็นภาระของลูกหลาน ปี ๒๕๖๓ คนไทยถูก แก๊ง Call Center หลอกเงินไปที่ ๗๐๐ ล้านบาท ปี ๒๕๖๔ ขยับมาเป็น ๑,๖๐๐ ล้านบาท ปี ๒๕๖๕ กระฉูดไปที่ ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท มีการแจ้งความผ่านระบบ Online ถึง ๒๐๐,๐๐๐ กว่าคดี ผมยืนยันว่าผมไม่ได้มีปัญหากับ พ.ร.ก. ฉบับนี้ แต่ผมตั้งคำถามแค่นี้ว่า ในมาตรา ๔ มาตรา ๖ หรือมาตรา ๖ วรรคสาม ก็ดี ก็ระบุไว้อย่างนี้ครับ ในมาตรา ๖ วรรคสาม สำคัญตรงนี้ เมื่อเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจดำเนินคดีอาญาหากปรากฏพยานหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่าบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นถูกใช้ในการกระทำความผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่รับแจ้งการระงับการทำธุรกรรม เนื้อหาดีครับท่านประธาน แต่ต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลว่ารัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณ และโครงสร้างพื้นฐานให้กับตำรวจตามสถานีตำรวจต่าง ๆ อย่างเพียงพอแล้วหรือยัง ผมไม่ได้ห่วงธนาคารเลย ผมห่วงตำรวจท้องที่ แจ้งความ Online แจ้งความได้อยู่แล้ว แต่ท่านรัฐมนตรีคงทราบอยู่แล้วว่าประชาชนส่วนใหญ่ไปแจ้งความที่โรงพัก ที่ผ่านมาตำรวจ ไม่ได้มีเครื่องมือ ไม่ได้มีงบประมาณสนับสนุนเลยก็แค่รับลงประจำวัน ประชาชนก็มีแต่ สิ้นหวัง สรุปครับ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตราพระราชกำหนดนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พระราชกำหนดนี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่กระดาษ แต่หวังว่ามันจะมีการสนับสนุนงบประมาณ และโครงสร้างพื้นฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างจริงจังเพื่อบังคับใช้ เพื่อปกปักษ์รักษา คุ้มครอง ดูแลประชาชนจากแก๊ง Call Center โจรจีนสีเทาเหล่านี้ ขอบพระคุณครับ ท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ท่านประธานที่เคารพครับ รายละเอียดความเสียหายที่เกิดขึ้นที่มูโนะผมคงไม่พูดซ้ำ เพราะมี เพื่อนสมาชิกหลายท่านก็พูดไปแล้ว ผมคิดอย่างนี้ครับว่าผมเรียนปรึกษาท่านประธาน แบบตรงไปตรงมา แล้วก็พูดกับเพื่อนสมาชิกทุกท่านผ่านท่านประธานด้วยว่า จากการประเมินหลุมระเบิดที่เมื่อสักครู่ท่านรอมฎอนได้เอามาเปิดให้ดูนะครับ คือมีการประเมินกันว่ามันมาจากดินดำที่เป็นส่วนผสมของพลุที่เก็บไว้ที่โกดังนี่ ไม่ใช่น้อย ๆ ครับ ท่านประธานครับ น่าจะมีมากถึง ๒-๓ คันรถสิบล้อ มีน้ำหนักรวมกันอาจจะมากถึง ๕ ตัน รัศมีการทำลายล้างนี่ ๒ กิโลเมตร ท่านประธานครับ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสนี่ อยู่ในพื้นที่กฎอัยการศึกนะครับเป็นไปได้อย่างไรครับที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองจะไม่รู้เลยว่ามีโกดังเก็บพลุ ในปริมาณมหาศาลไว้ที่ใจกลาง ชุมชน จะอ้างว่าไม่รู้ อ้างว่าไม่รู้แบบท่านรองนายกที่รักษาการอยู่นี่ก็คงไม่ได้ครับ ผมก็ต้อง พาท่านประธานย้อนกลับไปดูข่าวเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตอนนั้น กอ.รมน. ภาค ๔ ส่วนหน้า ใช้กฎอัยการศึกตรวจโกดัง ๕ แห่ง ยึดดอกไม้เพลิง ๖๐ ตัน โดย ๓๐ ตัน ยึดได้จาก โกดัง ๒ ห้องที่มูโนะครับ โดยเจ้าของโกดังก็เป็นคนคนเดียวกันกับเจ้าของโกดังที่ระเบิด ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจฝ่ายความมั่นคงจะอ้างว่าไม่รู้นี่ ฟังไม่ขึ้นครับท่านประธาน เมื่อไม่กี่วันก่อน ๒๔ กรกฎาคม เพื่อนสมาชิกของผมคุณณัฐพล ก็พูดไปแล้วว่าโรงงานผลิตพลุที่ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ก็เพิ่งระเบิดไป กระทรวงมหาดไทยก็เร่ง ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ลงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ให้กำชับ และตรวจสอบโรงงาน แล้วก็โกดังผลิตพลุดอกไม้เพลิงต่าง ๆ แต่ก็ยังมาเกิดเหตุที่มูโนะใน วันที่ ๒๙ กรกฎาคมอีก คงมีข้อสงสัยกันใช่ไหมครับว่า เฮ้ย ทำไมมีหนังสือจาก กระทรวงมหาดไทยไปแล้ว กำชับไปแล้วถึงตรวจสอบโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ ยังครับ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม อธิบดีกรมการปกครองก็ทำหนังสือเร่งรัดมาอีกฉบับหนึ่งครับให้นายอำเภอ ๘๗๘ แห่งทั่วประเทศเร่งตรวจสอบ ผมยืนยันกับท่านประธานครับว่าต่อให้ทำหนังสืออีกกี่ฉบับก็หาโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ เพราะโกดังผีแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตในการเก็บดอกไม้เพลิง ท่านประธานก็ถามต่อ แล้วทำไม โกดังผีแห่งนี้มันไม่ยอมขออนุญาต ก็เพราะถ้ามันขออนุญาตก็จะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เพราะตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวง แรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องหลักเกณฑ์การควบคุมและกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ. ๒๕๔๗ อาคารที่ผลิตดอกไม้เพลิงต้องไม่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน กำหนดระยะห่างนะครับ ซึ่งเพื่อนสมาชิกก็ได้พูดไปแล้วว่าต้องห่างจากแนวรั้วอย่างน้อย ๒๐ เมตร อาคารต้องสร้าง ด้วยวัสดุไม่ติดไฟ แล้วถ้าเกิดมีความจำเป็นต้องทำให้เกิดประกายไฟต้องทำให้อยู่ห่างออกไป อย่างน้อย ๑๕ เมตร มีประกาศควบคุมอย่างดีครับ แต่โกดังเก็บพลุแห่งนี้ทุกอย่างสวนทาง กับประกาศฉบับนี้เลย ตั้งอยู่ในตลาดมูโนะใจกลางชุมชน ไม่มีมาตรการความปลอดภัยใด ๆ เหตุระเบิดเกิดขึ้นจากการเชื่อมเหล็กในโกดังแล้วเกิดประกายไฟ ดูสิครับ แถมเจ้าของโกดัง ก็ยังเคยถูกจับในคดีลักลอบเก็บพลุมาแล้วเมื่อปี ๒๕๕๙ ถามต่อว่า เฮ้ย ไม่ขอใบอนุญาตนี่ แล้วเจ้าของเขาไม่กลัวเกรงกฎหมายอะไรเลยหรือ ท่านประธานครับ เขาจะกลัวทำไมครับ เพราะตามมาตรา ๗๗ ของ พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน โกดังพลุเถื่อน โรงงานผลิตพลุเถื่อน การตั้งโรงงานนำเข้า จำหน่ายพลุ เถื่อน ดอกไม้เพลิงเถื่อนถ้าไม่ขออนุญาตมาตรา ๗๗ ลงโทษแค่จำคุกไม่เกิน ๑ เดือน ปรับไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท แถมในปี ๒๕๕๙ เงินบาทเดียวก็ไม่ได้ปรับ คุกสักวันหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ จับกุมเป็นข่าวใหญ่โต แต่สุดท้ายมีอภินิหารอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ทราบ ซึ่งต้องไปสอบกันต่อ อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำไม กอ.รมน. ภาค ๔ ส่วนหน้าทำไมทำงานได้หละหลวมขนาดนี้ ตำรวจเกิดอะไรขึ้นถึงกับอัยการสั่งไม่ฟ้อง

    อ่านในการประชุม

  • ต่อครับ ท่านประธาน สมมุติว่าถ้าอยู่ดี ๆ คนประกอบอาชีพสุจริตไปขอ ใบอนุญาตที่เก็บดอกไม้เพลิง ผลิตดอกไม้เพลิงต้องเจอกับอะไรบ้างครับ ก็ต้องมีภาระ ในการทำตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๓๖๗/๒๕๔๔ เรื่อง การกำหนดเงื่อนไข ลงในใบอนุญาตว่าด้วยการเก็บรักษาดอกไม้เพลิง โดยมีหน้าที่ต้องทำบัญชีเป็นรายเดือน แสดงแหล่งที่มาของดอกไม้เพลิง ปริมาณดอกไม้เพลิง ยอดคงเหลือให้นายทะเบียนท้องที่ ตรวจภายในวันที่ ๑๕ ของทุกเดือน นี่ละครับ สู้จ่ายส่วยทุกวันที่ ๓๐ ดีกว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย เป็นโกดังผีล่องลอยอยู่อย่างนั้น ผมคิดว่ากรณีนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส แล้วก็แม่ทัพภาค ๔ รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป็นพื้นที่ที่ชุกชุมไปด้วยธุรกิจสีเทา สินค้าหนีภาษีบ้าง ยาเสพติดบ้าง การค้าแรงงานเถื่อนบ้าง ตกลงพื้นที่ตรงนี้ยังคงมีกฎอัยการศึกอยู่หรือเปล่าครับ แล้วตกลงกฎอัยการศึกเอามาใช้ เพ่งเล็งแต่ประชาชนอย่างเดียวใช่หรือไม่ ตกลงธุรกิจสีเทาเหล่านี้แม่ทัพภาค ๔ และหน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ถือว่ามันเป็นภัยความมั่นคง ของราชอาณาจักรหรืออย่างไร หรือมองว่ามันเป็น Sponsor ของฝ่ายความมั่นคงกันแน่ มีข้อครหาตลอดครับท่านประธานว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับ ผลประโยชน์ มีการเก็บส่วยส่งต่อให้นายเป็นทอด ๆ แล้วพื้นที่ตรงนี้ผมคิดว่าคนนราธิวาส เหลืออดกันแล้ว เพราะที่ผ่านมาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เองก็เพิ่งจะมีการดำเนินคดี กับอดีตนายตำรวจระดับสูง อดีตนายอำเภอที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดนราธิวาสในคดี ร้ายแรงพอสมควร จริงเท็จเป็นประการใดก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมคือคดีครอบครองยาเสพติด และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ช่วยเหลือ ผู้ต้องหาคดียาติดให้พ้นจากการถูกดำเนินคดี ทำไมตำรวจระดับสูงถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองแทนที่จะไปเป็นหลักยึดให้คนนราธิวาสถึงถูกดำเนินคดีแบบนี้ กรณีโกดังพลุระเบิดในครั้งนี้ ผมฝากท่านประธานผ่านไปยังนายกรัฐมนตรีเลย ถ้าจะตัดตอน แค่เจ้าของโกดังผมว่าประชาชนยอมรับไม่ได้ครับ ต้องสอบสวนในประเด็นส่วย และการเรียกรับผลประโยชน์ด้วย คนในพื้นที่เขารู้ดีว่าจ่า ฟ มีความสัมพันธ์กับนักการเมือง ในพื้นที่ เป็นคนที่คอยเก็บส่วยส่งนาย ตอนนี้ได้ข่าวว่าย้ายไปแล้ว แต่ประชาชนก็กังวลว่า ย้ายไปเป็นพิธีนะครับ แล้วเดี๋ยวก็จะย้ายกลับมาเหมือนกับการเลือกตั้งครับ ประชาชน เลือกเป็นพิธาสุดท้ายได้เป็นพิธี เขาก็กลัวอย่างนี้ ผมก็อยากรู้ว่าตกลงแล้วจ่า ฟ ที่ว่านี่ กับ ผบ.ตร. พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ใครจะใหญ่กว่ากัน ไม่ใช่ว่าพอ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ เกษียณปุ๊บ จ่า ฟ กลับมาเก็บส่วยเหมือนเดิม ประชาชนตั้งคำถามว่ารัฐบาลปล่อยให้ตำรวจ แบบนี้ไปรีดไถคนนราธิวาสได้อย่างไร แล้วถ้าปล่อยให้การกดขี่รีดไถยังเป็นอยู่แบบนี้คน นราธิวาสและคนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้จะรู้สึกอย่างไรครับ การรีดไถแบบนี้ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้นี่ละครับคือชนวนแห่งความขัดแย้งที่แท้จริง เพราะที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการครับท่านประธาน ผมขออนุญาตสรุปคือการแก้ไข พ.ร.บ. อาวุธปืนครับให้ปรับอัตราโทษในการไม่ขออนุญาต ให้รุนแรงขึ้น มีระบบการลงทะเบียนปริมาณยอดคงเหลือของดอกไม้เพลิงที่สามารถตรวจสอบ ย้อนหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโกดังเถื่อน โรงงานพลุเถื่อนเกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุดครับ ต้องเร่งปราบปรามส่วยและการรีดไถของเจ้าหน้าที่รัฐที่ตำบลมูโนะอย่างจริงจัง ไม่ให้คนเหล่านี้ อาศัยอำนาจรัฐ อาศัยชุดสีเขียวลายพราง สีกากีในการกดขี่ประชาชนอีกต่อไป พลุไม่ได้อยู่ แค่ในโกดังครับท่านประธาน พลุวันนี้มันอยู่ในใจคน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้หมดแล้ว และพลุที่มันสุมอยู่ในใจคนถ้ามันโดนกด โดนขี่ ไม่แคล้วครับสักวันมันก็ระเบิดออกมา ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ ไม่พูดพร่ำทำเพลงดีกว่านะครับ เวลามีน้อย ๗ นาที ปัจจุบันโรงเรียน ในสังกัด สพฐ. ทั้งหมด ถ้ายอมรับกันตรง ๆ ก็มีโรงเรียนขนาดเล็กมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ปัจจุบันก็น่าจะมีอยู่ราว ๆ ประมาณ ๑๕,๐๐๐ แห่ง และถ้าเราดูจากอัตราการเกิดของ ประชากรที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ก็มีแนวโน้มว่าในอนาคตอันใกล้นี้จำนวนโรงเรียน ขนาดเล็กก็จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่านี้แน่ ๆ โรงเรียนที่มีขนาดไม่ถึง ๒๐๐ คนก็มีอยู่ราว ๆ ๗,๐๐๐ โรงเรียนแล้ว หลายแห่งก็เตรียมเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ทุกครั้งที่เวลาเราพูดถึง ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก หลายคนที่อยู่ในแวดวงการศึกษาก็มักจะต้องพูดอ้อม ๆ อยู่ในสถานะน้ำท่วมปาก เพราะว่าเวลาที่เราพูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็จะถูกต่อว่าต่อขานหาว่า เป็นคนใจร้ายที่คิดจะยุบเลิกโรงเรียน จนทำให้ปัญหานี้ต้องถูกแก้แบบอ้อม ๆ และหลายครั้ง ก็ไม่ได้ถูกพูดถึงอย่างที่ควรจะเป็นเลย จนสุดท้ายทำให้ปัญหานี้ก็ลุกลามบานปลายไปเรื่อย ๆ โรงเรียนขนาดเล็กหลายแห่งผู้อำนวยการก็ไม่มี ครูก็ไม่ครบชั้น คุณครูที่มีอยู่ก็ต้องทุ่มเท อุตสาหะอย่างมาก จำนวนนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนเหล่านี้จำนวนไม่น้อยก็ต้องอยู่กับ การเรียนการสอนที่อยู่ในสภาพจำกัดจำเขี่ย สุดท้ายภาระก็ตกไปอยู่ที่ชุมชนโดยที่รัฐไม่คิด ที่จะเหลียวแล พอภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงถดถอยแบบนี้ประชาชนต้องปากกัดตีนถีบ สุดท้ายพอรับภาระไม่ไหว โรงเรียนขนาดเล็กเหล่านี้ก็ทยอยล้มหายตายจากกันไปเองในที่สุด สุดท้ายโรงเรียนที่เป็นความภาคภูมิใจของชุมชนก็กลายเป็นพื้นที่รกร้าง ภาครัฐหลงดีใจ มาโดยตลอดครับ คิดว่าการทำอย่างนี้สุดท้ายจะเป็นอุบายที่ทำให้โรงเรียนขนาดเล็ก ยุบเลิกไปเอง โดยที่ประชาชนได้แต่มองตาปริบ ๆ ไม่มีปากไม่มีเสียง แต่ผมยืนยันครับ มันเป็นการคิดที่ผิดถนัด เพราะทุก ๆ ครั้งที่ประชาชนขี่จักรยาน ขี่มอเตอร์ไซค์ หรือเดินผ่าน โรงเรียนที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง นี่ละครับ คือสัญลักษณ์ที่ตอกย้ำความรู้สึกที่ไม่ไว้วางใจ ที่มีต่อรัฐ แล้วการดำเนินการนโยบายใด ๆ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชนและประชาชน ในอนาคตก็จะเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะว่าประชาชนก็จะหวาดระแวงกับรัฐเสมอ ภายใต้ การจัดสรรงบประมาณแบบรายหัว ที่เมื่อสักครู่นี้เพื่อนสมาชิกของผมคุณพริษฐ์ได้พูดไป โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อย งบประมาณก็ได้น้อยตามไปด้วย แม้ว่าจะมี งบประมาณเพิ่มเติมพิเศษ แต่ก็คิดเป็นรายหัวอยู่ดีครับ เพิ่มเติมแค่หัวละ ๕๐๐ บาท อย่างไรก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายคงที่ในการดูแลอาคารสถานที่ภายในโรงเรียน พองบประมาณ มีจำกัด สุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการเรียนรู้ และคุณภาพชีวิตของนักเรียน ในโรงเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โรงเรียนที่มีนักเรียน ๕๐๐ คน ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างอาหารกลางวัน ๕๐๐ คนได้หัวละ ๒๒ บาท ต่อวัน คิดเป็นเงินก็ ๑๑,๐๐๐ บาทต่อวัน มันก็พอจัดสรรได้ใช่ไหมครับ แต่ถ้าเกิดโรงเรียนขนาดเล็กแค่ ๔๐ คน นี่ครับ งบมาต่อหัว วันละ ๓๖ บาท มากกว่า ๒๒ บาท แต่พอคูณ ๔๐ เข้าไปวันหนึ่ง ๑,๔๔๐ บาท เงิน ๑,๔๐๐ บาทจะไปจัดสรรอาหารกลางวัน ที่มีคุณภาพอะไรได้ อย่างนี้ครับที่เขาเรียกว่าการที่อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถบริหารให้มี ความประหยัดต่อขนาดได้ หรือมันไม่มี Economy of Scale นั่นเอง ที่ผ่านมาครับ การแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กนี่นะครับก็ทำกันแบบอ้อม ๆ ครับ ครูไม่ครบชั้นก็พยายาม สอนแบบคละชั้น ดีครับมีการใช้สื่อมาช่วย แต่มันดีไม่สุดครับ ถ้าตราบใดก็ตามที่โรงเรียน ขนาดเล็กยังต้องสอนแบบ ๘ สาระวิชา เรียนเยอะสอบเยอะ การบ้านเยอะ ไม่รู้เรียนอะไร เยอะแยะ ปีหนึ่ง ๑,๒๐๐ ชั่วโมง สิ่งที่ทำอยู่ก็ทำได้แค่ทุเลาปัญหา แต่ปัญหาไม่ได้แก้ การควบรวมโรงเรียนที่ผ่านมา การจ่ายเงินชดเชยค่าเดินทางให้เด็กนะครับ วันหนึ่ง ๑๐-๒๐ บาทต่อวัน ผมถามครับว่าเงินแค่นี้จะไปจัดหา ไปจัดจ้างรถบริการสาธารณะอะไรได้ คุณครูที่เขากรุณาเอารถ Pickup ส่วนตัวไปรับส่งเด็ก ก็กลัวครับว่าถ้าวันดีคืนดีเกิดอุบัติเหตุ ขึ้นมาใครจะต้องมารับผิดชอบ การแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เรา ต้องพูดกันตรง ๆ กับประชาชนว่ากระทรวงศึกษาธิการจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของ โรงเรียนขนาดเล็กเสียใหม่ แต่ต้องเป็นการปรับเปลี่ยนที่มียุทธศาสตร์ครับท่านประธาน มีความโปร่งใสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็ไปสั่งยุบโรงเรียนเขาดื้อ ๆ แบบนี้ไม่ได้ครับ เพราะว่าโรงเรียนเหล่านี้ปู่ย่าตาทวด ปู่ย่าตายาย มีความผูกพันกับชุมชน มาโดยตลอด ก่อนอื่นเลยครับ ผมคิดว่ากระทรวงศึกษาธิการแล้วก็หน่วยงานทางด้าน การศึกษา รวมทั้ง กสศ. ครับจะต้องออกมายืนยันช่วยกันครับว่าโรงเรียนที่อยู่กลุ่ม Protected School อยู่บนเขา อยู่บนเกาะแก่ง หรืออยู่บนพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีโรงเรียน ใกล้เคียง ที่มีอยู่จำนวนประมาณสักเกือบ ๑,๖๐๐ แห่งจะต้องไม่ยุบแน่ ๆ ยุบมีเรื่องนะครับ และที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แค่ไม่ยุบนะครับ แต่ต้องมีการจัดสรรงบประมาณแบบใหม่ที่เพียงพอ ต่อการบริหาร ไม่ได้จัดแบบรายหัวอีกต่อไป คงที่ต้องใช้เท่าไรก็ต้องจัดเท่านั้น เพื่อให้จัด การศึกษาให้มีคุณภาพให้ได้ ไม่ได้จัดแบบรายหัวแบบที่ทำอยู่ โรงเรียนที่ถูกควบรวมครับ ต้องมีนโยบายในการถ่ายโอนให้กับท้องถิ่น มีงบอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อทำให้โรงเรียนที่ถูก ควบรวมนี่ได้รับการปรับปรุง และถูกนำไปใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้และกิจกรรมชุมชน ไม่ถูกปล่อย ให้รกร้าง ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อรัฐอีกต่อไป มีการจัดสรรงบอุดหนุนเฉพาะกิจให้กับท้องถิ่นครับ ในการจัดบริการรถโรงเรียนเพื่อรับส่ง นักเรียนไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในท้องถิ่น พอโรงเรียนถูกปรับลดให้อยู่ในจำนวนที่เหมาะสม สอดคล้องกับจำนวนนักเรียน โรงเรียนก็จะมีงบประมาณเพียงพอในการบริหารจัดการ ให้โรงเรียนมีความปลอดภัย ห้องน้ำถูกสุขลักษณะ อุปกรณ์การเรียนการสอนมีความทันสมัย มีครูครบชั้น ครบวิชา มีงบในการพัฒนาผู้เรียนที่เหมาะสม ผมยืนยันครับว่าตาม พ.ร.บ. ของ กสศ. ในมาตรา ๕ (๑) (๕) (๖) ผมคิดว่า กสศ. สามารถเป็นแกนหลักเลยนะครับ ในการเข้ามาผลักดันการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กอย่างจริงจัง กล้าหาญที่จะเสนอ แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของงานวิจัยและข้อเท็จจริง เพื่อคลี่คลายอคติ และความไม่เข้าใจกันที่เกิดขึ้นอยู่ใน ณ ขณะนี้ อีกนิดหนึ่งครับท่านประธาน และหากพิจารณา จากรายงานผลการดำเนินงานนะครับ ของคณะกรรมการตรวจสอบภายใน กสศ. ประจำปี งบประมาณ ๒๕๖๕ ดูตามผมนะครับ ที่หน้า ๑๑๖ ตามข้อสังเกตของ คตส. ก็ระบุครับว่า มีเงินรับคืนของโครงการ กสศ. เงินรับคืนตรงนี้ก็มียอดสูงขี้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมเชื่อครับว่า กสศ. สามารถเอางบประมาณส่วนนี้ เอาเงินรับคืนส่วนนี้มาจัดตั้งเป็นโครงการเฉพาะกิจ ในการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กโดยมีผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนได้เป็นอย่างดี สำหรับ ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กผมพูดตรง ๆ ครับ หากว่าจะต้องถูกเกลียดเพราะว่าเราพูดความจริง เราก็ต้องกล้าที่จะถูกเกลียด เพราะถ้าเราต้องการรักษาโรคที่มันเป็นอยู่ เราก็ต้องกล้า กินยาที่ขม ต้องกล้าที่จะผ่าตัดเพื่อไม่ให้โรคร้ายลุกลามบานปลาย ผมเชื่อว่า กสศ. มีศักยภาพที่จะเป็นแกนนำในการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กนี้ได้ ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก เป็นปัญหาที่เรารู้สึกอึดอัดเวลาที่เราต้องพูดถึง แต่ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแก้ไข ปัญหานี้แบบตรงไปตรงมาก่อนที่มันจะสายเกินไป และผมยินดีที่จะร่วมมือกับ กสศ. ในทุกเวทีในการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ หลายวันมานี้ถ้าท่านประธานได้ยินท่านนายกรัฐมนตรีพูดและให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคำว่า ปฏิรูป ท่านก็บอกว่าพัฒนาร่วมกัน นั่นใช้กับวงการทหาร ไม่ว่ากันครับ ล่าสุดกับตำรวจ คำว่า สังคายนา ไม่ใช่คำเชิงลบอะไร ท่านก็ยังบอกว่า เลี่ยงดีกว่า ให้ใช้คำว่า แก้เป็นทีละเรื่อง ๆ ไป มันสะท้อนว่า ณ วันนี้ท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน อาจจะยังไม่เห็นปัญหาที่แท้จริง หรืออาจจะเห็นแล้วแต่ยังไม่ยอมรับ กับความรุนแรงของปัญหาที่มันเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่ความผิดของท่านนายกรัฐมนตรี แต่ผมคิดว่า ในวันนี้จากเพื่อนสมาชิกที่ได้แลกเปลี่ยน ได้อภิปราย ผมคิดว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะได้เอาไป ใช้ประโยชน์ในการปรับแผน ปรับวิธีดำเนินการกับการจัดการกับวงการตำรวจให้ดีขึ้น คือมันเป็นเรื่องที่ไม่ปกติครับท่านประธานที่ปรากฏว่าในวงการตำรวจ ข้าราชการ นายตำรวจยศสูง ๆ มีการกล่าวหา ใส่ความใส่ร้ายกันไปมา จริงเท็จประการใดก็ไปว่ากัน ไม่ ว่าจะเป็นกรณีขนยาไอซ์อย่างนี้ ใส่ร้ายตำรวจผู้ใหญ่กันไป อีกฝ่ายหนึ่งก็ใส่กลับมาว่า รับเงินแก๊งพนัน Online กรณีชลบุรีเก้าอี้นี่เหมือนเก้าอี้ดนตรีอาถรรพ์ มีทั้ง เป้รักผู้การเท่าไร ให้เขียนมา ถ้ายังจำกันได้ แล้วก็กรณี Pool Villa มีการกล่าวหากันว่ามีการสับเปลี่ยน ผู้ต้องหา ตอนนี้ก็ฟ้องร้องกันไปอีรุงตุงนัง แทนที่จะไปจับโจรก็ปรากฏว่าตำรวจมาเล่นไล่จับ กันเอง แล้วก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมากที่กรณีเอาตำรวจ Commando อาวุธครบมือ เข้าไปค้นบ้านรอง ผบ.ตร. ที่อยู่ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่สโมสรตำรวจ ทุกคนรู้หมดว่าบ้านหลังไหน ตำรวจคนไหนอยู่ แต่ปรากฏว่า ผบ.ตร. ไม่รู้ อดีต ผบ.ตร. ไม่รู้ ผู้บัญชาการตำรวจ Cyber ก็บอกไม่รู้ แต่เอาอาวุธครบมือไปค้น แต่ในขณะของท่านผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐม ปรากฏว่าตำรวจระดับผู้การ ตำรวจชั้นยศสูง ๆ ไปกุมเป้าร้องเพลง Happy Birthday ภาพแบบนี้มันสะท้อนถึงความผิดปกติที่มันต้องใช้คำที่แรงกว่าคำว่า สังคายนา ด้วยซ้ำ แต่ท่านนายกรัฐมนตรีก็ยังบอกว่าหลีกเลี่ยงก่อนให้แก้ไปทีละเรื่อง แต่มันหลายเรื่องแน่ ๆ คือ ณ วันนี้ผมว่าประชาชนก็หน่ายใจครับท่านประธาน ที่อาชญากรรมสำคัญ ที่ประชาชนได้รับผลกระทบในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการพนัน Online ยาเสพติด การค้ามนุษย์ แรงงานข้ามชาติ และเรื่องที่อำมหิตที่สุดคือแก๊ง Call Center ที่หลอกเงิน ผู้สูงอายุที่เขาเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตไปหมดเนื้อหมดตัวยามบั้นปลาย และเรื่องส่วย ๓ ส่วย ที่รุนแรงมาก ๆ ก็คือส่วยรถบรรทุกนี่ ๒๐,๐๐๐ กว่าล้านบาท ส่วยทั้งในเรื่องของ สถานบันเทิง อันนี้ก็หนักเอาการ แล้วก็เรื่องน้ำมันเถื่อนอันนี้ก็น่าสนใจ ที่สมุทรปราการ ก็กำลังสืบสาวราวเรื่องเรื่องนี้กันอยู่ ปรากฏว่าทั้งหมดอาชญากรรมร้ายแรงต่าง ๆ เหล่านี้ มีตำรวจบางนาย บางกลุ่มเข้าไปเกี่ยวข้อง และไม่ควรจะใช้คำว่าตำรวจด้วยซ้ำ เพราะพฤติกรรมหลายอย่างเข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจร มีการตั้งเป็นกลุ่ม เป็นแก๊ง เป็นขั้ว ทำเอา เรื่องของการตั้งด่าน บ่อนวิ่งต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยในปัจจุบัน ท่านประธาน ที่เคารพครับ ณ วันนี้ถ้าท่านประธานไปที่ไหนแล้วปรากฏว่าท่านประธานถูกตำรวจรีดไถ โดยตรง ผมถือว่าท่านประธานโชคดี เพราะแสดงว่าตำรวจยังอยู่ที่จุดยอดบนสุดของห่วงโซ่ อาหารครับ แต่ถ้าเกิดปรากฏว่าตำรวจจะไถท่านประธาน แล้วให้เบอร์ เบอร์หนึ่งกับท่านประธานมา แล้วปรากฏว่าเบอร์เบอร์นั้นเป็นเบอร์ของคนใกล้ชิดของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แสดงว่าวันนี้ ตำรวจตกอยู่ในสถานะลูกกระจ๊อกของผู้มีอิทธิพล หรือ Mafia ท่านนั้นแล้ว และถ้าเกิด Mafia คนนั้นเกิดไม่ใช่ชื่อเป็นคนไทยอีกก็แสดงว่าแม้แต่เจ้าพ่อไทยก็ศิโรราบให้กับ Mafia ข้ามชาติ แล้วก็พวกทุนสีเทาจากต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ วันนี้ผู้มีอิทธิพล ได้แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็น Sponsor ให้กับตำรวจระดับบังคับบัญชา สุดท้ายพอเป็น Sponsor ให้ไปซื้อขายตำแหน่งเลี้ยงดูปูเสื่อก็ได้ตำรวจคนนั้นมาเป็นลูกน้อง คำว่า ปราบปราม ผมคิดว่าท่านนายกรัฐมนตรีอย่าใช้คำนี้ให้บ่อยนัก อย่าเรียกว่าจะต้องมานั่งทำ Blacklist เพราะการทำ Blacklist ดูเหมือนขึงขัง แต่ผมยืนยันว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็น การเรียกให้เจ้าพ่อนายพล เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลทั้งหลายเข้ามาศิโรราบ และเป็นการเชื่อมให้ผู้มี อิทธิพลในท้องถิ่นเข้ามาที่อำนาจส่วนกลาง แล้วทีนี้ตำรวจดี ๆ ที่เป็นระดับผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับการ ตำรวจจังหวัดต่าง ๆ ผู้การจังหวัดต่าง ๆ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคต่าง ๆ ที่เคยเอาอยู่จะเอาไม่อยู่ครับ เพราะเจ้าพ่อเหล่านี้เชื่อมกับอำนาจส่วนกลางได้แล้ว และจะได้ อาณัติสำคัญที่มาอวดเบ่งในพื้นที่และสยายปีกยิ่งกว่าเดิม และสุดท้ายก็ใช้ตำรวจที่เป็น ลูกกระจ๊อกเหล่านั้นไปจับเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่ง และ Blacklist จะเต็มไปด้วยเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่ง เจ้าพ่อตัวจริง และสุดท้ายพอเจ้าพ่อที่เป็นคู่แข่งขันถูก Clear ถูกล้างบางจังหวัดนั้นจะถูก ครอบงำโดยเจ้าพ่อคนนั้น และตำรวจที่เป็นลูกสมุน ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้ผมคิดว่า การปฏิรูปตำรวจหลายท่านก็พูดไปแล้ว แต่เสรีภาพของสื่อมวลชนก็ต้องแก้ กฎหมาย ที่ตำรวจบางนายเอามาใช้รีดไถ เอื้อประโยชน์ให้นายทุนผูกขาดก็ต้องแก้ โทษที่ไม่สมสัดส่วน ก็ต้องทบทวน การกระจายอำนาจก็ต้องทำ ความโปร่งใส และการเปิดเผยข้อมูล การปกป้อง ผู้ให้เบาะแสการทุจริตก็ต้องจริงจังถึงจะจัดการได้

    อ่านในการประชุม

  • ในท้ายที่สุดผมคิดอย่างนี้ครับ ถ้าการปราบปรามมันสำเร็จและมันแก้ปัญหาได้ คนที่มีอำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์มีมาตรา ๔๔ มันต้องแก้ได้แล้วครับท่านประธาน แต่ที่ผ่านมา ๙ ปีกับคนที่มีมาตรา ๔๔ ยาบ้าเราก็เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าเม็ดละ ๕ บาท พนัน Online ก็เต็ม ไปหมด แก๊ง Call Center ก็โทรหลอกประชาชนไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อนสมาชิกวันนี้ถ้าถามว่า ใครโดนบ้างก็ยกมือกันหน้าสลอนเต็มไปหมด ผมคิดว่าอยากให้รัฐบาลให้ความสนใจมากกว่านี้ และผมมั่นใจครับว่ารายงานที่จะส่งให้รัฐบาลอย่างเดียวไม่พอ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เพื่อนสมาชิกจะเห็นด้วยกับการที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐและการปฏิรูปประเทศ จะเข้ามาจัดการกับปัญหานี้ด้วย ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สำหรับ เรื่องส่วยรถบรรทุก หรือว่าส่วย Sticker ผมคิดว่าประชาชนทุกท่าน แล้วก็สมาชิกทุกท่าน ในสภาแห่งนี้ก็คงจะทราบถึงความรุนแรงของปัญหานี้ดีอยู่แล้ว คือปีหนึ่ง ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ถ้าเรื่องของตรวจรถทิพย์ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอีกก็ประมาณสัก ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ล้านบาท แค่ ๒ ก้อนนี้ก็ปาไป ๒๐,๐๐๐ กว่าล้านบาทแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลผมคิดว่าเรื่องของพฤติกรรม พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ผมคิดว่าก็เป็นปัญหาหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่ากฎหมายที่ล้าสมัย ก็กลายเป็นเครื่องมือและกลไกให้ตำรวจ และข้าราชการที่ไม่ดีจำนวนไม่น้อยใช้เป็นเครื่องมือ ในการรีดไถกดขี่ประชาชน ยกตัวอย่างง่าย ๆ แต่เดิมพิกัดน้ำหนักรถพ่วง แต่เดิมมีการแบ่งแยก ๖ เพลา ๒๐ ล้อ พิกัดอยู่ที่ ๕๒ ตัน ๖ เพลา ๒๒ ล้อ อยู่ที่ ๕๓ ตัน ๗ เพลา ๒๔ ล้อ ๕๘ ตัน ตอนนี้ไม่ว่ารถพ่วง Size ใหญ่ กลาง เล็ก มีพิกัดอยู่ที่ ๕๐.๕ ตัน พี่น้องรถบรรทุกเขาก็ตั้งคำถามว่า แล้วฉันซื้อรถพ่วงใหญ่มาต้นทุนมากกว่า แต่น้ำหนักบรรทุกกับเท่ารถพ่วงขนาดเล็ก ผมไม่ได้ หมายความว่าจะสนับสนุนให้บรรทุกเกิน แต่สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทบทวนตามหลัก วิศวกรรมว่าคอสะพานรับได้เท่าไร น้ำหนักที่ถนนรับได้มีน้ำหนักแค่ไหน แล้วเรากำหนด น้ำหนักที่มันเหมาะสมให้เหมาะกับทั้งฝ่ายที่ประกอบกิจการ และตามหลักวิศวกรรมที่ทำให้ ถนอมการใช้งานของพื้นถนน มันทำได้ครับ แต่ถ้าเกิดตอนนี้ทุกอย่าง ๕๐.๕ ตัน เกิดปัญหา แน่นอน และยิ่งตอนนี้รถขนทราย รถขนดิน ต่อให้คลุมผ้าใบอย่างไร ขับฝ่าฝน ขับฝ่าพายุ น้ำหนักเกิน ๕๐ กิโลกรัม ๘๐ กิโลกรัมเข้าด่านชั่ง ตำรวจทางหลวงดูสภาพรถก็รู้อยู่แล้วว่า ไม่ได้มีเจตนาดัดแปลง เข้าชั่งก็ไม่มีท่าทีอิดออด มีน้ำหนักชั่งต้นทางก็ไม่เกิน แต่ปรากฏว่า เกิน ๘๐ กิโลกรัม ปรากฏอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ ริบรถคันหนึ่ง ๓-๔ ล้านบาท แล้วถ้าเกิดเขาไม่ประสงค์จะให้ริบรถ อยากจะให้เปลี่ยนสำนวนก็ไปรีดไถเงินเขา ๓๐,๐๐๐-๗๐,๐๐๐ บาท ซึ่งพัวพันกับตำรวจท้องที่ด้วย ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ด่านชั่งบางคน แล้วก็ตำรวจทางหลวงบางนาย และหลายครั้งพัวพันกับอัยการบางท่านอีกด้วย และเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่แค่มูลค่าเงิน มูลค่าความเสียหายที่ ๒๐,๐๐๐ กว่าล้านบาท แต่มันพัวพันถึงผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่ มีตำรวจเสียชีวิตกับกรณีนี้อย่างน้อย ๒ ราย มีตำรวจเข้าปิ้งถูกตั้งเป็นผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำลายเกียรติยศ ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของวงการตำรวจ อย่างมาก เรื่องแบบนี้เรื่องสำคัญครับ แต่เดิมผมตกใจมากที่ผมทราบว่าวิปรัฐบาลจะไม่ตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ แต่ก็โชคดีแล้วก็ต้องขอบคุณท่านประธานคณะกรรมาธิการ การคมนาคม ขออนุญาตที่เอ่ยนาม ท่านครูมานิตย์ สังข์พุ่ม เมื่อสักครู่นี้ก็ได้หารือสนทนากัน ท่านมานิตย์ก็บอกผมว่าไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ทางคณะกรรมาธิการการคมนาคมก็ให้ ความสำคัญอย่างมาก และจะตั้งเป็นคณะอนุกรรมาธิการ และเปิดพื้นที่ให้กับ สส. ที่สนใจ โดยเฉพาะ สส. จากก้าวไกล และภาคประชาชน ภาคผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็น ตรอ. หรือสมาพันธ์การขนส่งทางบกก็ดี ได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อชำระสะสางกฎหมายที่ล้าสมัย และเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ที่ประพฤติมิชอบบางคนใช้เป็นเครื่องมือกลไกในการรีดไถ ประชาชน อย่างนี้ครับท่านประธาน ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดก็คงไม่ได้เดี๋ยวมันจะไม่ครบ ก็คือตรวจรถทิพย์ ผมไม่รู้ว่าประเทศนี้เป็นอะไร พอประชาชนจะลืมตาอ้าปากออกรถใหม่ ท่านประธานเคยออกรถใหม่ที่ Dealer ศูนย์รถไหมครับ วันที่ออกรถใหม่เขาจะขอเก็บเงิน ท่านประธาน ถ้าเป็นรถเก๋งก็ ๓,๕๐๐-๔,๐๐๐ บาท แต่ปรากฏว่ามี Bill แค่ ๑,๕๐๐ บาท อีก ๑,๐๐๐ กว่าบาท ๒,๐๐๐ บาท ไม่มี Bill ไปอยู่ที่ไหน ก็ปรากฏว่ารถป้ายแดงนี่นะครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่านที่ฟังผมอยู่ ประชาชนที่ฟังอยู่ที่บ้าน รถป้ายแดงต้องมีการตรวจสภาพ แล้วก็มีระเบียบตัวหนึ่งของกรมการขนส่งทางบกที่อนุญาตให้ช่างตรวจสภาพรถตรวจสภาพ นอกสถานที่ได้ แต่จริง ๆ ไม่ได้เดินออกมาตรวจนอกสถานที่นะครับ ขายลายเซ็นเอา และเดือน ๆ หนึ่ง ช่างตรวจสภาพรถรายได้มากกว่าท่านประธานอีก เขาร่ำลือกันว่า ๕๐๐,๐๐๐-๘๐๐,๐๐๐ บาท ต่อเดือน นายช่างที่ทำทุจริตแบบนี้ บางคนบางนายดูสิครับ นี่ยังไม่จบครับ พอผ่อนหมดครับ ไม่ใช่แค่รถเก๋งโดนนะครับ มอเตอร์ไซค์ก็โดน พอผ่อนหมดต้องโอนปิดบัญชี เอาอีกครับ มี Bill แค่หลักร้อยแต่ต้องเสียเงินไปเป็นหลักพัน เงินก็ไปเข้ากระเป๋าพวกนี้อีก ดังนั้น มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องทบทวนแก้ไขกฎระเบียบ ประกาศกระทรวงต่าง ๆ หลักเกณฑ์ ต่าง ๆ ครับ รถป้ายแดงทำไมต้องตรวจสภาพนอกสถานที่ หรือถ้าจำเป็นสำหรับรถที่มี การดัดแปลงทำไมไม่ให้ ตรอ. ที่ได้ขึ้นทะเบียนเอาไว้เรียบร้อยเป็นผู้ตรวจมันก็จะมีความโปร่งใส มากกว่า นี่ครับผมว่ามันมีหลายเรื่องมาก ๆ ที่ควรจะต้องชำระสะสางกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ ที่มันล้าสมัยแล้วรีดไถประชาชน นี่ผมยังไม่นับกรณีกรมที่ดินนะครับ มีรถใหม่กำลังจะยิ้มแย้ม แจ่มใสก็รีดเขา จะมีบ้านใหม่กำลังจะก่อร่างสร้างตัวก็ไถเขา ประเทศนี้มันเป็นอย่างไร พอประชาชนจะลืมตาอ้าปากนี้ต้องไถให้ได้

    อ่านในการประชุม

  • สุดท้าย ผมฝากเป็นของแถมให้ท่านประธานครับ ทำไมตำรวจถึงชอบตั้งด่าน ในเขตเทศบาลรู้ไหมครับท่านประธาน เพราะว่าถ้าเกิดตั้งด่านนอกเขตเทศบาลเงินค่าปรับ ทั้งหมดเข้าท้องถิ่น แต่ถ้าเกิดตั้งด่านในเขตเทศบาล ๕๐ เปอร์เซ็นต์เข้าเทศบาลครับ อีก ๕๐ เปอร์เซ็นต์เอามาแบ่งจัดสรรอย่างนี้ครับ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ของ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณสัก ๑๐๐ บาท ๔๗.๕๐ บาท เป็นเงินรางวัลนำจับครับ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ ของ ๕ เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ หรือประมาณสัก ๑๐๐ บาท ๒.๔๘ บาท เข้ากองทุน เพื่อการสืบสวนและ ๑ เปอร์เซ็นต์ ของ ๕ เปอร์เซ็นต์ หรือสัก ๒ สตางค์ ค่าปรับ ๑๐๐ บาท นี่นะครับ ๒ สตางค์เป็นรายได้เข้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นท่านประธานไม่ต้องตกใจครับ ทำไมเวลานอกเขตเทศบาลไม่เจอด่าน ทำไมเข้าไปในเขตเทศบาลถึงเจอด่านกันยุบยับ อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณท่านประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม คุณครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ แล้วก็เปิดพื้นที่ให้กับทาง สส. ที่มีความสนใจนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพรรคก้าวไกล และภาคประชาชน แล้วหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ข้อสรุป ในคณะอนุกรรมาธิการที่เป็นประโยชน์ แล้วก็ผลักดันการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นเครื่องมือ ในการรีดไถขูดรีดประชาชนร่วมกันครับ ขอบพระคุณท่านประธานครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ กระผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พอเราพูดถึงเด็กรหัส G ผมก็ต้องให้ข้อมูลกับท่านประธานเอาไว้อย่างนี้ว่าปัจจุบันเด็กที่ไม่มี หลักฐานทางทะเบียนราษฎรมีอยู่ราว ๆ ประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คน มีเพียง ๑๐๐,๐๐๐ คน เท่านั้นที่ได้รหัส G แล้วก็เข้าสู่ระบบการศึกษา นั่นหมายความว่ามีเด็กอีก ๒๐๐,๐๐๐ คน ที่อยู่ในประเทศไทยและตกหล่นจากระบบการศึกษา ถามว่าเรื่องนี้บางคนบอกว่ามีมายาคติ ในเชิงลบอย่างมากบอกว่าเขาไม่ใช่เด็กไทยจะไปสนใจทำไม แต่ผมเรียนอย่างนี้ครับว่า เด็กทุกคนเวลาผ่านไป ๒๔ ชั่วโมง เขาล้วนแต่โตขึ้น ๑ วัน ผ่านไป ๑ ปีก็โตขึ้น ๑ ปี สักพักเขาก็จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเราปล่อยให้เด็กเหล่านี้เติบโตโดยที่ไม่ได้รับสวัสดิการ ไม่ได้รับการศึกษาได้อย่างไร ซ้ำร้ายมีการสำรวจโดยกลุ่มสังคมสงเคราะห์ กลุ่มงานวิจัย ต่าง ๆ มากมาย สถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ มากมาย เด็กเหล่านี้เกิดในประเทศไทย เขาไม่เคยรู้ว่าเมืองหลวงของประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพ่อแม่เขา หน้าตาเป็นอย่างไร แต่เขารู้ครับว่าจังหวัดที่เขาอยู่อาศัย ถนนหนทางอยู่ตรงไหน เขาพูด ภาษาไทย ดูการ์ตูนภาษาไทย อ่านหนังสือไทย มีเพื่อนเป็นคนไทย แล้วถ้าเกิดเขาโตขึ้นมา โดยที่ไม่ได้รับการศึกษาเลย ไม่ได้รับการพัฒนาเลย ไม่ได้รับการบ่มเพาะให้รู้ถึงคุณค่า ของสังคมที่เขาอยู่ แล้วเขาจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่อย่างไร ประเด็นต่อมาผมยืนยันครับว่าการที่เด็กเหล่านี้ไม่ได้รับรหัส G แล้วก็ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการ ศึกษา เป็นการกระทำผิดตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ที่วันนั้นเป็นมติ คณะรัฐมนตรีที่ดีมาก ๆ เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้เด็กทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย รวมทั้งบุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยด้วย เพราะการศึกษา เป็นการศึกษาของทุกคนครับ สหประชาชาติก็บอกว่า Education for all คือการศึกษา มีไว้สำหรับทุกคน และเด็กทุกคนต้องเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ แล้วเมื่อไรก็ตามที่ผู้ใหญ่คนนั้น ไม่ได้รับการศึกษาจากรัฐที่เขาอยู่ แล้วเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดศักยภาพ ผู้ที่รับผิดชอบ คือรัฐ ไม่ใช่เด็กคนนั้น เอาอย่างนี้ครับ ผมมองหน้าเพื่อนสมาชิกที่สวนกันไปสวนกันมา หรือข้าราชการที่ผมสวนกันไปสวนกันมาที่ทำงานด้วย หลายคนก็มองออกว่ามีบรรพบุรุษ เป็นคนเชื้อสายจีน คนเชื้อสายจีนหลายคนตอนที่เขาอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ในประเทศไทย เขาไม่ได้กะว่าเขาจะอยู่ประเทศไทยนาน ถ้าศึกษาจากประวัติศาสตร์ของคนจีน ก็จะรู้ดีว่าถ้าเขาต้องการจะย้ายถิ่นฐาน เขาต้องเอากระถางธูปของบรรพบุรุษเขามาด้วย แต่คนไทยเชื้อสายจีนลองดูครับว่าหลายตระกูล หลายแซ่ ไม่ได้เอากระถางธูปมาด้วย แต่สุดท้ายเพราะ พ.ร.บ. สัญชาติ ปี ๒๕๐๘ มาตรา ๒๓ ถ้าผมจำไม่ผิด ถ้าตกหล่นขออภัย เขาทำให้เด็กที่เกิดในประเทศไทยโดยพ่อแม่เป็นชาวต่างชาติ ที่เกิดในช่วงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๑๕ ถึง ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ ได้รับสัญชาติไทยโดยการเกิด และหลานของคนต่างชาติ หรือเรียกว่า คนต่างด้าว ที่เกิดก่อน ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ก็ได้รับสัญชาติไทย ปรากฏว่า เราไม่ได้ให้ความสำคัญแบบนี้ หลายคนที่วันนี้กลายเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ วันนี้ไม่รู้ว่าจะต้องดำดินอยู่ตรงไหนแล้วครับ ต้องไปเป็นมือเป็นไม้ของ Mafia ข้ามชาติ หรือต้องไปประกอบกิจการอาชญากรรมต่าง ๆ อีกหรือเปล่า ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่อง ที่สำคัญมาก ๆ ที่เราต้องให้การศึกษากับเด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศนี้ และเลิกอคติเสียทีครับ ว่านี่ไม่ใช่เด็กไทยนะ เราจะไปสนใจทำไม เด็กโตขึ้นทุกวันครับ แล้วถ้าเกิดเรายังมีอคติเชิงลบ แบบนี้ สุดท้ายถ้าเกิดเขาโตขึ้นมาแล้วปรากฏว่าขาดศักยภาพ ในขณะที่ประเทศไทยเรา ต้องการแรงงานที่มีศักยภาพ เกิดปัญหาต่าง ๆ ของการที่เขาตกหล่นจากการศึกษาในวัยเด็ก เราโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง โทษพวกเราเองในวันนี้ ในเวลาที่เหลือผมขออนุญาต อุทิศเวลาให้กับคนไทยพลัดถิ่น ทำไมผมพูดถึงคนไทยพลัดถิ่นโดยเฉพาะที่จังหวัดระนอง คนเหล่านี้เป็นพี่น้องคนไทยเหมือนกัน แต่ด้วยปัญหาข้อพิพาททางประวัติศาสตร์ ซึ่งผม ขออนุญาตไม่พูดนะครับว่ามันเกิดจากต้นสายปลายเหตุอะไร แต่อะไรก็แล้วแต่เมื่อปี ๒๔๑๑ มีความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องสูญเสียดินแดนมะริด ทะวาย ตะนาวศรี ให้กับประเทศ อังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของประเทศพม่าในขณะนั้น จนกระทั่งต่อมา ปี ๒๔๙๑ พม่าก็ได้รับอิสรภาพคืนจากประเทศอังกฤษ คนไทยแท้ ๆ แต่พอเสียดินแดน ตรวจพิสูจน์ สาแหรกก็เป็นคนไทยแท้ ๆ ญาติอยู่ในฝั่งไทยเป็นคนไทย ส่วนพวกเขาไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ปรากฏว่าไม่ได้สัญชาติไทย ทุกวันนี้เขาอยู่ที่จังหวัดระนอง ผมเคยไปพบปะพูดคุยกับพวกเขา เป็นคนไทย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ท่านประธานเชื่อผมไหมครับ รหัส G บางทีก็ไม่ได้ แล้วเขาก็ไป ตรวจ DNA ใช้เงินเป็นหลายหมื่นบาท ต้องทำผังสาแหรก ผังเครือญาติ ไปเสนอกับหน่วยงาน ราชการฝ่ายปกครอง ท่านประธานรู้ไหมครับว่าเขาเจออะไร เขาเจอการเรียกรับผลประโยชน์ เขาเจอเรียกรับส่วย แล้วแต่ละคนรายได้ก็ไม่ใช่ว่ามาก ได้รายได้เป็นรายวันหลักร้อย แต่ต้องมาจ่ายส่วย ๓๐,๐๐๐ บาท ๔๐,๐๐๐ บาทกว่าที่จะได้รับบัตรประชาชน วันนั้นเขาขอดูบัตรประชาชนผม เขาบอกผมว่าเก็บไว้ดี ๆ นะครับคุณวิโรจน์ ผมบอกว่า ทำไมหรือครับ แต่ที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ถ้าหายก็อาจจะเสียเวลาไปทำใหม่ เขาบอกกับผม ด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย แต่สำหรับคนไทยพลัดถิ่นบัตรใบนี้ทั้ง ๆ ที่ DNA เป็นคนไทยแท้ ๆ แต่เขาต้องเสียเงินถึง ๓๐,๐๐๐ บาท ๔๐,๐๐๐ บาทกว่าจะได้ความเป็นคนไทยกลับคืนมา ดังนั้นผมคิดว่าในเรื่องของเด็กรหัส G ทำไมผมถึงบอกว่าต้องควรที่จะตั้งคณะกรรมาธิการ วิสามัญ เพราะเกี่ยวพันกับหลายกระทรวงมาก ไม่ใช่เฉพาะแค่กระทรวงศึกษาธิการ แต่เกี่ยวพันโยงใยโดยตรงกับกระทรวงมหาดไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขด้วย ผมจึงขอสนับสนุนกำลังแรง กำลังใจ จากเพื่อนสมาชิกทุกคนที่เมื่อสักครู่ทุกท่านก็อภิปรายสนับสนุนให้แก้ปัญหาเรื่องนี้ทุกท่าน สนับสนุนยกมือให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ ให้ครบทุกกระทรวง ทบวง กรม ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ ผม วิโรจน์ครับ ผมขออนุญาตหารือท่านประธานสักนิดหนึ่งครับ ผมคิดว่าผมอยากจะรบกวน ท่านประธานทำหนังสือถึงท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรงครับ ผมเข้าใจดีว่าท่านนายกรัฐมนตรี ติดภารกิจไปต่างประเทศ แต่การมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการมาตอบผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ และผมคิดว่าการให้เกียรติสภาเป็นการให้เกียรติทั้งฝ่ายรัฐบาล แล้วก็ฝ่ายค้านด้วยนะครับ แล้วก็ผมคิดว่าทางคณะรัฐมนตรีก็ทราบดีเพราะหลายท่านก็เป็น สส. ก็ทราบดีว่า วันพฤหัสบดีจะมีการตั้งกระทู้ถาม ทั้งกระทู้ถามทั่วไป กระทู้ถามแยกเฉพาะ และโดยเฉพาะ อย่างยิ่งกระทู้ถามสดครับ ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นรัฐมนตรีว่าการจะต้อง Standby แล้วก็รอรับ การมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีอันนี้ผมเข้าใจ แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาผมคิดว่าสภาแห่งนี้ ได้รับความร่วมมือจากคณะรัฐมนตรีน้อยเกินไปอย่างมาก และที่สำคัญที่สุดครับ จริง ๆ นอกจากเรื่องตำรวจ ยังมีเรื่องของโรงงานแวกซ์ กาเบ็จ ที่ราชบุรี อย่างนี้เราก็ไม่รู้ จะถามทำไมถ้าเกิดเราตั้งกระทู้ถามสดแล้วรัฐมนตรีว่าการไม่มาตอบมันก็จะเสียหายกับ ประชาชน ประชาชนเขาก็ต้องการคำตอบ เพราะสมาชิกสภาแทนราษฎรก็คือถามแทน ประชาชนครับ

    อ่านในการประชุม

  • อีกเรื่องหนึ่งครับท่านประธาน ผมคิดว่าไหน ๆ จะทำหนังสือถึง ท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว นี่จะปิดสมัยประชุมแล้วครับ สภาแห่งนี้ยังไม่ได้ทำหน้าที่ ผ่านกฎหมายสักฉบับครับ ผมได้ยินเสียงมาว่าอยากจะให้กฎหมายฉบับแรกเสนอมาโดย ครม. ซึ่งมันไม่จำเป็นครับ สภาผู้แทนราษฎรคือสภาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถ้าเกิด ครม. ไม่พร้อม ไม่ต้องรอครับ กฎหมายจากภาคประชาชน กฎหมายของเพื่อนสมาชิกที่เข้าชื่อ ลงชื่อกันแล้ว จะผ่านสภาผู้แทนราษฎรเต็มไปหมดครับ ผมว่าถ้าเกิด ครม. ไม่พร้อม สภาเราพร้อม ประชาชนพร้อมพิจารณากฎหมาย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านประธานจะทำหนังสือ อย่างจริงจังถึงท่านนายกรัฐมนตรี อย่างน้อย ๆ สัปดาห์หน้า ผมอยากเห็น ครม. มาอย่างพร้อมเพรียงกันครับ ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ สั้น ๆ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่านประธาน แต่อย่างไรก็ตามกระทู้ถามสดเราไม่สามารถ บอกเรื่องราวที่จะถามกับทางท่านรัฐมนตรีหรือท่านนายกรัฐมนตรีไว้ได้ก่อน ทางที่ดีที่สุด ผมวิงวอนท่านประธานทำเป็นหนังสือถึงท่านนายกรัฐมนตรีว่าวันพฤหัสบดีอยากให้ทาง คณะรัฐมนตรี Standby เอาไว้ การที่รู้อยู่แก่ใจว่าวันพฤหัสบดีจะมีกระทู้ถามสด แล้วปรากฏว่าก็ไปทำนัดหมายซ้อน มันมองเจตนาเป็นอย่างอื่นไม่ได้ยกเว้นว่าหนีการตอบ กระทู้ถามครับ แล้วผมคิดว่า ครม. เองก็คงต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่แล้ว คงจะคาดการณ์ได้ว่าข่าวสารบ้านเมืองประการใดที่เป็นเรื่องสำคัญในมุมมองของ พี่น้องประชาชน แล้วก็ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะตั้งกระทู้ถามสดถามทางท่านรัฐมนตรี หรือท่านนายกรัฐมนตรี อย่างกรณีของท่านทวี สอดส่อง ก็ต้องชื่นชมนะครับ วันนี้ที่ท่าน ก็กรุณามาตอบ แล้วให้เกียรติสภาในการตอบกระทู้ถามสด ผมก็หวังว่าจะมีรัฐมนตรีแบบท่านทวี มาให้ความร่วมมือกับสภาอยู่เต็มไปหมด ผมว่าสมัยประชุมนี้สื่อสอบตกแน่นอน ผมก็หวังไว้ เป็นอย่างยิ่งว่าสัปดาห์สุดท้ายแล้วก็สมัยประชุมหน้า กฎหมายก็อยากจะให้ผ่าน กระทู้ถามสด กระทู้ถามทั่วไป กระทู้ถามแยกเฉพาะ ก็อยากเห็นรัฐมนตรีให้ความร่วมมือ แล้วก็ให้เกียรติสภาทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ผมขออนุญาตหารืออย่างนี้ ท่านประธานครับ ผมอยากจะฝากถึงเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ผ่านท่านประธานช่วยดูข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ ด้วย ก็ระบุไว้ชัดว่านายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ที่ถูกตั้งกระทู้ถามต้องเข้าร่วมประชุมสภาเพื่อตอบกระทู้ถามในเรื่องนั้นด้วยตนเอง เว้นแต่ มีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ทำให้ไม่อาจตอบกระทู้ถาม แต่ต้องแจ้งเหตุจำเป็นนั้น เป็นหนังสือต่อประธานสภาก่อนหรือในวันประชุมสภา และให้กำหนดว่าจะตอบได้เมื่อใด ในกรณีที่มีการมอบหมายให้รัฐมนตรีอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตอบกระทู้ถามจะต้องแจ้ง เป็นหนังสือต่อประธานสภาก่อนถึงระเบียบวาระกระทู้ถาม ในวันนี้ไหน ๆ แล้ว ท่านนายกรัฐมนตรีก็ให้เกียรติสภาและทุกครั้งเวลาผมพูดถึงสภาผมก็เคยได้คุยกับ เพื่อนสมาชิกอย่างท่านจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ก็ไม่ได้เสียหาย ก็เคยพูดคุยกันว่าคำว่า สภา นั้น หมายถึงฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ในเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีมาแล้วก็อยากให้ตอบกระทู้ถาม ให้ครบถ้วน แต่อย่างไรก็ตามถ้าเกิดท่านมีเหตุจำเป็นก็รบกวนท่านนายกรัฐมนตรีร่างหนังสือ ตอนนี้เลย แล้วก็ช่วยอ่านเหตุผลที่มิอาจตอบกระทู้ถามของหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ ต่อที่ประชุมสภา และผมต้องถามไปยังท่านประธานด้วยว่าในกรณีที่อยู่ดี ๆ ก็มีการมอบหมาย แบบฉับพลันอย่างนี้ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ขออนุญาตที่เอ่ยนามเพราะไม่ได้ เสียหายอะไร ผมก็ต้องถามท่านประธานตรง ๆ ว่าได้แจ้งเป็นหนังสือต่อประธานสภาก่อนถึง ระเบียบวาระกระทู้ถามแล้วหรือไม่ ทุกอย่างเป็นไปตามข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ แล้วใช่ไหม ถ้าใช่ท่านประธานช่วยอ่านหนังสือชี้แจงของท่านนายกรัฐมนตรี แล้วก็ช่วยตอบด้วยว่า ลงวันที่เท่าไร เวลาเท่าไร ผมว่าวันนี้ตรงไปตรงมาครับ วันประชุมวันสุดท้ายแล้ว ฝากถึง ท่านนายกรัฐมนตรีผมเข้าใจว่าคงฟังผมอยู่ มาตอบกระทู้ถามเถอะครับ อย่าหนีสภาเลย มันก็จะเป็นที่ครหานินทาของภาคประชาชน ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ด้วยความเคารพท่านประธานจริง ๆ ครับ ตามข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ ผมยังยึดมั่นในการประชุม ผมคิดว่ามันต้องเดินด้วยข้อบังคับ แล้วในกรณีของท่านอัครเดชที่ไม่มาประชุมจะด้วย เหตุผลกลใดผมคิดว่าตรงนั้นไม่ได้อยู่ในประเด็นนะครับ ข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ ในเมื่อ ท่านนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตั้งกระทู้ถามข้อกำหนด ข้อ ๑๕๑ ระบุว่าต้องเข้าร่วมประชุมสภา เพื่อตอบกระทู้ถามนั้นด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ทำให้ไม่อาจตอบ กระทู้ถาม ดังนั้นหนังสือที่มอบหมายให้ทางท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาตอบแทน เมื่อสักครู่นี้มีแค่คำบัญชา แต่ไม่เห็นว่าจะมีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ทำให้ไม่อาจตอบ กระทู้ถามได้ ผมยังไม่เห็นการชี้แจงเหตุผลนั้น ตราบใดก็ตามที่ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่แสดงให้ เพื่อนในสภาแห่งนี้เชื่อได้ว่าเป็นเหตุอันจำเป็นที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ทำให้ไม่อาจตอบกระทู้ถามได้ ท่านนายกรัฐมนตรีกำลังทำผิดข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ อยู่ครับ ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร แล้วเราพูดเสมอว่าสภาแห่งนี้เป็นสภาอันทรงเกียรติ ผมปล่อยให้นายกรัฐมนตรี ทำผิดข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ ต่อหน้าเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ตำหน้าตำตาแบบนี้ไม่ได้ ผมยืนยันครับ สมัยก่อนผมได้ทำงานร่วมกันกับท่านจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ขออนุญาตที่เอ่ยนามท่านครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผมเสียหาย ผมขอใช้สิทธิพาดพิงนิดหนึ่ง ที่ท่านกล่าวหา

    อ่านในการประชุม

  • รอบแรกผมอ่านให้ครบแล้ว แต่เมื่อเพื่อนสมาชิกอยากให้ผมอ่านให้ครบอีกครั้งหนึ่ง วรรคสามอ่านพร้อมกันนะครับ

    อ่านในการประชุม

  • วรรคแรก วรรคสอง ผมอ่านไปครบแล้วนะครับ เอาวรรคสามที่เป็นปัญหาเลยดีกว่า

    อ่านในการประชุม

  • เอาใหม่เลยนะครับ

    อ่านในการประชุม

  • ข้อ ๑๕๑ นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่ถูกตั้งกระทู้ถามต้องเข้าร่วมประชุม สภาเพื่อตอบกระทู้ถามในเรื่องนั้นด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ไม่อาจตอบกระทู้ แต่ต้องแจ้งเหตุจำเป็นนั้นเป็นหนังสือต่อประธานสภาก่อน หรือในวันประชุมสภาและให้กำหนดว่าจะตอบได้เมื่อใด นี่คือวรรคหนึ่ง

    อ่านในการประชุม

  • วรรคสอง ในกรณีที่มีการมอบหมายให้รัฐมนตรีอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ตอบกระทู้ถาม จะต้องแจ้งเป็นหนังสือต่อประธานสภาก่อนถึงระเบียบวาระกระทู้ถาม ก่อนนะครับ

    อ่านในการประชุม

  • วรรคสาม ที่ถูกทักท้วงผมอ่านให้ชัด ๆ นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ย่อมมีสิทธิที่จะไม่ตอบกระทู้ถาม ท่านคงอ่านเท่านั้น แต่ประโยคต่อมาคือ เมื่อคณะรัฐมนตรี เห็นว่าเรื่องนั้นยังไม่ควรเปิดเผยเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญ ของแผ่นดิน ดังนั้นถ้านายกรัฐมนตรีจะใช้วรรคสามในการไม่ตอบกระทู้ถาม ต้องชี้แจงว่า เรื่องนั้นคือเรื่องอะไรที่ยังไม่ควรเปิดเผยและมันเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญ ของแผ่นดินอย่างไร นี่คือวรรคสามอ่านช้า ๆ ชัด ๆ เพื่อเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ท่านประธาน โปรดวินิจฉัยด้วยครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผมขอใช้สิทธิ พาดพิงตามข้อบังคับ ข้อ ๗๒ ครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผมขอใช้ สิทธิพาดพิง พรรคก้าวไกลเสียหายครับ ท่านประธานครับ Pan กล้องได้เลยครับว่า ความสำคัญมันอยู่ที่จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝั่งไหนเยอะกว่ากัน พรรคไหนเยอะ กว่ากัน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผม วิโรจน์นะครับ ผมพูดสั้น ๆ อีกครั้งหนึ่งครับ

    อ่านในการประชุม

  • ใช้สิทธิพาดพิงตามข้อบังคับ ข้อ ๗๒ พรรคก้าวไกลเสียหายครับ เพราะพรรคก้าวไกลเราเห็นความสำคัญของ ความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรครับ กล้อง Pan มาสิครับ เพื่อนสมาชิกของผมอยู่เต็ม ไปหมด

    อ่านในการประชุม

  • แล้ว Pan ไปฝั่งนั้นสิครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ดังนั้นความสำคัญมันอยู่ที่จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อยู่ร่วมฟังประชุม ดังนั้นพวกผม ก็เลยอยากจะนับองค์ประชุมเพื่อจะได้ทราบกันครับ ประชาชนที่ฟังอยู่ทางบ้านจะได้ทราบ ว่าพรรคไหนให้ความสำคัญ พรรคไหนไม่ให้ความสำคัญ และเมื่อสักครู่ก็มีผู้รับรองญัตติ ถูกต้องครับ ดังนั้นท่านประธานครับ นับองค์ประชุมเลยครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลครับ ท่านประธานครับ ปัจจุบัน ประชาชนทุกคนรู้ดีครับว่าการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นภัยที่บ่อนทำลาย การพัฒนาประเทศชาติ หนำซ้ำมันไม่ใช่แค่การบ่อนทำลายการพัฒนาอย่างเดียว ภัยของการ ทุจริตคอร์รัปชันยังเป็นภัยร้ายที่คอยกดขี่ประชาชนให้ต้องยอมถูกรีดไถนะครับ กฎหมาย ล้าหลังที่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจได้ตามอำเภอใจ กลายเป็นเครื่องมือในการรังแกเรียกรับ ผลประโยชน์จากประชาชน จนทุกวันนี้บ้านเมืองเต็มไปด้วยผู้มีอิทธิพล Mafia ข้ามชาติ จีนสีเทาที่เอาเงินสกปรกของพวกมันมาติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม ที่ไปรับประทานอาหารเม็ดของคนพวกนี้ เอาเงินของพวกมันมาซื้อตำแหน่ง สุดท้ายพอได้ ตำแหน่งไปก็ต้องยอมให้พวกนี้มาสวมปลอกคอ กระดิกหางมาเป็นลูกสมุนคอยปกป้องอำนวย ความสะดวกให้กับธุรกิจสีเทาของพวกมัน ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าประเวณีเด็ก แรงงานข้ามชาติ แก๊ง Call Center การลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษี หมูเถื่อน วัวเถื่อน น้ำมันเถื่อน บ่อนการพนัน พนัน Online แม้กระทั่งแก๊งขอทาน ในอดีตท่านประธานก็คงจะเห็นว่าหัวหน้าแก๊งเป็นคนไทย ทุกวันนี้ผู้มีอิทธิพลหรือหัวหน้า แก๊งที่เป็นคนไทยยังถูก Disrupt หัวหน้าแก๊งกลายเป็นจีนสีเทาไปแล้ว ท่านประธานทราบ ไหมครับว่าในแต่ละปีมูลค่าการทุจริตคอร์รัปชันนั้นมีมูลค่าที่ถูกประเมินเอาไว้สูงถึง ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งออกเป็น ๒ ส่วนครับท่านประธาน ส่วนแรกมาจากการโกงแผ่นดิน ประเภทนี้ก็คือการเรียกรับเงินทอนจากการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ การฮั้วประมูล การขยาย สัญญาสัมปทานให้เอกชนอย่างไม่เป็นธรรม การรับซื้อไฟฟ้าจากนายทุนโรงไฟฟ้าอย่างเกิน จำเป็น เป็นต้น ส่วนที่ ๒ อีกส่วนหนึ่งครับ อันนี้ร้ายกาจพอสมควร มาจากการรีดไถเก็บส่วย ไม่ว่าจะเป็นส่วยธุรกิจผิดกฎหมาย การซื้อขายตำแหน่ง การรีดไถประชาชนที่มาติดต่อ ราชการ ตอนนี้กรมที่ดินเวลาประชาชนจะไปโอนที่ดินบ่นกันระงม การเรียกรับสินบนในการ ขอใบอนุญาตต่าง ๆ ก่อสร้างบ้าน ต่อเติมอาคาร สถานบันเทิง ก็จะมีพ่อบ้านแม่บ้าน ที่เป็นตำรวจนอกรีตบางคนไปเก็บเงินพวกเขา ป้าย Billboard โรงแรม ศุลกากร เต็มไปด้วย การรีดไถ มูลค่าการทุจริตคอร์รัปชันปีละ ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาทนี่ไม่ใช่น้อย ๆ ท่านประธาน ผมเปรียบเทียบให้ท่านประธานตกใจอย่างนี้ ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เทียบเท่ากับงบประมาณ ของกระทรวงศึกษาธิการ ๑ ปีเลยทีเดียว เป็น ๑๙ เท่าของงบอุดหนุนเด็กแรกเกิด ๒.๓ ล้านคน เป็น ๖ เท่าของงบอุดหนุนการศึกษาสำหรับนักเรียน ๑๑.๕ ล้านคน เป็น ๑๒ เท่า ของงบอาหารกลางวันสำหรับเด็ก ๕.๘ ล้านคน เป็น ๔๐ เท่าของงบกองทุนเพื่อความเสมอ ภาคทางการศึกษาที่ดูแลเด็กยากจนพิเศษ ๑.๒ ล้านคน เป็น ๓ เท่าของงบประมาณเบี้ย ยังชีพผู้สูงอายุ ๑๒.๗ ล้านคน และงบบัตรทองที่ดูแลเรื่องสาธารณสุขของประชาชนคนไทย ทั้งประเทศ ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท คอร์รัปชันที่ว่านี้ก็ยังมากกว่างบบัตรทองถึง ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ดูสิครับ พระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันนี้ ผมเข้าใจว่าเป็นกฎหมายที่ตราไว้เพื่อให้ ฝ่ายบริหารมีหน้าที่และมีความใส่ใจในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กลับพบว่าคำว่า ประพฤติมิชอบในกฎหมายฉบับปัจจุบัน กลับถูกนิยาม ให้ครอบคลุมเพียงแค่การใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในการเก็บ รักษา หรือใช้เงินหรือ ทรัพย์สินของแผ่นดินเท่านั้น และนี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมและพรรคก้าวไกลร่วมกันเสนอ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรการฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติฉบับนี้ เพื่อให้การประพฤติมิชอบครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นการกดขี่ข่มเหงประชาชน กรณีครูลวนลามนักเรียน ผู้บังคับบัญชา ลวนลามผู้ใต้บังคับบัญชา การใช้งานผู้ใต้บังคับบัญชา เบียดบังเวลาหรือเอาทรัพย์สิน ของทางราชการไปใช้งานส่วนตัวหรือไปประกอบกิจการส่วนตัว ก็ย่อมต้องตกอยู่ในอำนาจ ในการไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. และเพื่อให้การดำเนินการของ ป.ป.ท. มีประสิทธิภาพ มีกำหนดการแล้วเสร็จ ที่ชัดเจน ท่านประธานทราบดีครับว่ากระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้านั้นก็ไม่แตกต่างจาก ความอยุติธรรม ดังนั้นในร่างกฎหมายที่ผมและคณะได้เสนอฉบับนี้จึงได้กำหนดให้ ป.ป.ท. ต้องเริ่มไต่สวนภายใน ๖๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเรื่องหรือความปรากฏต่อ ป.ป.ท. แล้วต้อง ไต่สวนและพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับเรื่อง และถ้าต้องการ ขยายเวลารวมเวลาแล้วก็ต้องไม่เกิน ๓ ปี กรณีที่ต้องการไต่สวนหรือขอเอกสารหลักฐาน จากต่างประเทศก็ขยายเวลาออกไปอีกได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน ๔ ปี เพื่อให้ความรวดเร็ว ในกระบวนการยุติธรรมกลายเป็นความยุติธรรมให้ได้ และเนื่องจากการทุจริตครับ ท่านประธาน ท่านประธานทราบดีอยู่พอสมควรจากหน้าสื่อต่าง ๆ การทุจริตเป็นความผิด ที่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากความผิดประเภทอื่น คืออย่างไรครับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ จะค้นหาพยานหลักฐานได้ง่าย ๆ ส่วนใหญ่พยานหลักฐานมักจะอยู่กับตัวผู้กระทำความผิด และผู้กระทำความผิดมักจะชำนาญในเรื่องดังกล่าวดีที่สุด และหลักฐานการประพฤติชั่วอย่างนั้นก็มักจะผุดขึ้นมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว ได้พ้น จากอำนาจหน้าที่ไปแล้วยาวนานสักระยะหนึ่ง ดังนั้นกฎหมายฉบับที่ผมและเพื่อน สส. ได้เสนอจึงกำหนดให้ ป.ป.ท. จะปฏิเสธการรับเรื่องเอาไว้ไม่ได้ แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจาก การเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไปนานเพียงใดก็ตาม เจอเมื่อไรสอยได้เมื่อนั้น ถ้านายจะฮั้ว อั๊วะรู้เมื่อไร ต้องจอด การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าจะปราบท่านประธานก็คงเห็นด้วยกับผมว่า ต้องปราบให้สิ้นซาก และต้องปราบทั้งข้าราชการพลเรือนและข้าราชการทหาร ข้าราชการ คนใดที่ประพฤติตัวไม่ดี โกงแผ่นดินโกงกินภาษีประชาชน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหาร หรือข้าราชการพลเรือนก็ควรได้รับการไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลด้วยกระบวนการที่ เท่าเทียมกัน ดังนั้นในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร และอัยการ ทหารเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง แต่ ป.ป.ท. ยืนยันมีมติยืนยันว่าต้องฟ้อง ร่างแก้ไขฉบับนี้ของผม และพรรคก้าวไกล จึงได้กำหนดให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดวินิจฉัย โดยคำวินิจฉัยของอัยการ สูงสุดให้เป็นที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้การพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันภายใน ค่ายทหารมีความเป็นธรรม ไม่ให้โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ที่จังหวัดนครราชสีมา ผมขออนุญาตไม่พูดถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น ทุกคนทราบดีว่ามีมูลเหตุมาจากการทุจริตคอร์รัปชันรีดไถนายทหารชั้นผู้น้อย ถูกเรียกรับ เงินทอนจากเงินกู้สวัสดิการ กู้ซื้อบ้านของกองทัพบก เราไม่ควรต้องให้เหตุการณ์อย่างนั้น เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก ซึ่งในอนาคตพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ ผมอ่าน พ.ศ. ไม่ผิดครับ ก็ควรได้รับการแก้ไขให้มีกระบวนการยุติธรรมที่ทันต่อยุคสมัย เพราะกระบวนการ ยุติธรรมที่ล้าหลังไม่เป็นสากล ก็คือความอยุติธรรมในอีกรูปแบบหนึ่ง ตราบใดก็ตามที่ ผู้เสียหายถูกบังคับให้ต้องมอบคดีให้กับอัยการทหารเป็นโจทก์ ภายใต้โครงสร้างองค์กรของ กรมพระธรรมนูญ ที่ให้ทั้งทนายทหาร อัยการทหาร ตุลาการพระธรรมนูญ อยู่ภายใต้ การบังคับบัญชาเดียวกัน ความเป็นอิสระของตุลาการทหารย่อมถูกตั้งคำถามจากสังคม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสามารถสาวไปได้ถึงต้นตอ ทลายวงจร การทุจริตได้ทั้งขบวนการสามารถเอาผิดกับตัวใหญ่ได้ ในกรณีกฎหมายฉบับนี้ ร่างกฎหมาย ฉบับนี้ จึงได้กำหนดให้ในกรณีที่หลักฐานการไต่สวนข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอ ร่างกฎหมาย ฉบับนี้จึงได้ให้อำนาจแก่ ป.ป.ท. ครับท่านประธาน พิจารณาคัดเลือกกันผู้ที่ร่วมกันกระทำ ความผิดหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดน้อยที่สุดเอาไว้เป็นพยาน โดยจะได้รับ การพิจารณามาตรการยกเว้นหรือลดหย่อนผ่อนโทษตามสมควร ทั้งหมดนี้คือหลักการ โดยสังเขปของร่างแก้ไขพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตที่ผมและเพื่อน สส. จากพรรคก้าวไกลได้ร่วมกันเสนอ และหวังเป็น อย่างยิ่งว่าสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ จะร่วมกันรับหลักการร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ และ ร่วมกันผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้ได้กลายเป็นกลไกสำคัญของฝ่ายบริหาร ในการกำจัดการ ทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไปจากแผ่นดิน ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผมคงใช้ เวลาไม่มากในการสรุปนะครับ ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกฟากฝ่าย ทั้งฟาก ฝ่ายรัฐบาลแล้วก็ฝ่ายค้านนะครับ ที่วันนี้ผมติดตามฟังการอภิปรายก็เห็นพ้องต้องกันในการ ที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันด้วยกัน ผมยืนยันครับว่าการทุจริตคอร์รัปชัน ในทุกวันนี้ไม่ใช่แค่การที่มีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่ประพฤติมิชอบแล้วเอาเงินเข้าไปสู่กระเป๋า ตัวเอง แต่เงินที่ทุจริตเหล่านั้นหลายครั้งจำนวนไม่น้อยโยงใยกับธุรกิจผิดกฎหมาย ยิ่งการ ทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นมากเท่าไร เท่ากับว่าสังคมนี้กำลังสถาปนาธุรกิจสีเทา โดยเฉพาะ Mafia ข้ามชาติให้ยึดกุมอำนาจ อธิปไตยและกดขี่ข่มเหงคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนไปอย่างเรื่อย ๆ เรื่องนี้ก็เป็น เรื่องที่น่ายินดีที่แห่งนี้สภาแห่งนี้เห็นตรงกันที่จะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที ผมเห็นเพื่อนสมาชิกหลายคนพูดถึงดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันหรือว่า Corruption Perception Index ผมได้พูดคุยเรื่องนี้กับนักวิจัยที่ศึกษาว่าเหตุผลใดที่เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ประเทศไทยมีคะแนนดัชนี CPI ต่ำครับ ปรากฏอย่างนี้ครับ ผมขอนำเรียนไปยัง ท่านรัฐมนตรีผ่านท่านประธานว่า ๒ ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้ CPI ประเทศไทยลดต่ำก็คือ ปัจจัยแรกคือความโปร่งใสและการเข้าถึงข้อมูลจากภาครัฐ ตราบใดก็ตามที่ประชาชนยังคง เข้าถึงข้อมูลจากภาครัฐได้อย่างจำกัดแบบนี้ความโปร่งใสแทบจะหากันไม่ได้แบบนี้ CPI ไม่ได้ ดีขึ้นครับ หนำซ้ำยังมีกฎหมายปิดปากต่าง ๆ ทั้ง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ. ไซเบอร์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยิ่งจะทำให้คะแนน CPI ของประเทศไทยไม่มีวันโงหัวขึ้น

    อ่านในการประชุม

  • อีกประการหนึ่งก็คือ ทุกประเทศมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชันทั้งสิ้น แต่ประเทศ ที่มีคะแนน CPI ดี คือการปฏิบัติการหลังจากที่พบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันที่เขาจัดการ แล้วก็สาวไปถึงต้นตอไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่ากฎหมาย แต่สำหรับประเทศไทยครับ ยกตัวอย่างใกล้ตัวที่ ส่วย Sticker รถบรรทุก ๒๐,๐๐๐ กว่าล้านบาทต่อปี ผลสอบปรากฏว่า จับนายดาบ ๔-๕ คน นี่ยังไม่นับเรื่องการค้าประเวณีเด็กที่คนทั่วโลกรู้ว่าประเทศไทยเป็น Hub ของการค้าบริการเด็ก แต่พอถามตำรวจ ตำรวจตอบว่า ไม่มี ถามใครก็ตอบว่า ไม่มี สลากหรือลอตเตอรี่ไม่มีเลยครับที่ขายราคาเกิน ทุกวันนี้ท่านประธานที่ซื้อ ท่านรัฐมนตรีที่ซื้อ เป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น ถ้าเรายังคงจัดการกับปัญหาคอร์รัปชันแบบลูบหน้าปะจมูกแบบนี้ CPI ไม่มีทางดีขึ้นนะครับ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากฎหมายฉบับนี้จะถูกเอาไปใช้อย่างจริงจัง และประเทศของเราจะจัดการและรับมือ และ Take Action กับการทุจริตได้ดีกว่านี้ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องต่อมาก็คือในมาตรา ๖ ของร่างแก้ไขฉบับนี้ที่พูดถึงมาตรา ๑๗ ที่มีการยกเลิกข้อความเดิมในมาตรา ๑๗ แล้วเขียนใหม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมากครับ เพราะว่า เพื่อนสมาชิกทุกท่านที่อยู่ในกรรมาธิการต่าง ๆ สามารถใช้มาตรา ๑๗ (๒) ที่ระบุไว้ว่า ป.ป.ท. มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอแนะ และให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบาย มาตรการและแผนการพัฒนา รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ หรือมาตรการ ต่าง ๆ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ท่านประธานครับ ผมย้ำตรงนี้ว่า ประเทศไทยมีระเบียบและประกาศอยู่หลายฉบับมาก ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอื้อให้เกิดการ ทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อให้เกิดการฮั้วประมูล ยกตัวอย่าง ๒ ตัวอย่างง่าย ๆ ครับ อย่างกรณี ของการก่อสร้างทางที่ผมได้พูดไป ทุกวันนี้ผู้รับเหมาชั้นหนึ่งมีโอกาสยากมาก ๆ ที่จะขึ้นเป็น ผู้รับเหมาชั้นพิเศษ เพราะประกาศจากคณะกรรมการราคากลางมีการกำหนดเงื่อนไข ที่สูงเกินไปจนมิอาจทำให้ผู้รับเหมาชั้นหนึ่งเลื่อนขึ้นเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษได้ ทำให้ผู้รับเหมา ชั้นพิเศษอยู่ในสภาพกึ่งผูกขาด เอื้อให้เกิดการฮั้วประมูล มาตรา ๑๗ (๒) ป.ป.ท. ก็มีอำนาจ ในการให้ข้อเสนอแนะ และถ้าให้ข้อเสนอแนะแล้วไม่ดำเนินการแก้ไข ก็ร้อง ป.ป.ช. ต่อไป ก็จะเป็นหลักฐานว่าเพิกเฉย ไม่สนใจที่จะจัดการกับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งหมดทั้งมวล ผมหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าในชั้นกรรมาธิการ ผมเข้าใจว่าเพื่อนสมาชิกน่าจะรับทั้ง ๒ ร่าง เพราะปัญหาภัยร้ายของการคอร์รัปชันเป็นสิ่งที่พวกเราทั้งสภาต้องร่วมกันแก้ไข ผมหวัง เป็นอย่างยิ่งว่าในมาตรา ๓๖ และในมาตรา ๔๐ ผมฝากกรรมาธิการได้เข้าไปดูในรายละเอียด เพราะผมเชื่อว่าในมาตรา ๒ มาตรานี้ถ้าไม่ได้รับการออกแบบให้รอบคอบจะกลายเป็นกลไก เครื่องมือในการวิ่งเต้นเพื่อให้ผู้ที่ทำความผิดทุจริต และคอร์รัปชันสามารถวิ่งเอาผลประโยชน์ ไปให้ผู้บังคับบัญชาหรือบางคน บางนาย ใน ป.ป.ท. ในการทำให้ตัวเองพ้นผิดได้ ก็ทั้งหมด ทั้งมวลก็ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านนะครับ ทั้งหมดทั้งมวลก็ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน นะครับ แล้วก็ขอบพระคุณอาจารย์ชูศักดิ์ด้วยขออนุญาตที่เอ่ยนามที่กรุณาชื่นชมผมนะครับ ก็ขอบคุณสภาแห่งนี้ทุกท่าน ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ กระผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ผมขอประท้วงท่านผู้ประท้วงสักนิดหนึ่งครับ คือตามข้อบังคับ ข้อ ๗๑ ก็คือว่า คำวินิจฉัย ของท่านประธานนี้ถือเป็นเด็ดขาดครับ ในเมื่อท่านประธานก็วินิจฉัยแล้วแต่ก็ยังมีพฤติกรรม ดื้อดึง ยกมือขึ้นยกมือลง ไม่จบไม่สิ้น ทำไมครับ ชั้น ๑๔ แตะไม่ได้หรืออย่างไรครับ เดี๋ยวผม จะเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปฝากครับ

    อ่านในการประชุม

  • คืออย่างนี้ครับท่านประธาน จริง ๆ แล้วถ้าเกิดทางท่านผู้ประท้วงเขาไม่พาดพิงผม ผมก็คงจะไม่ขออะไรพาดพิงนะครับ แต่เมื่อสักครู่นี้ คนพูดคำนั้นมันก็ส่อถึงพฤติกรรมอย่างนั้นด้วยตัวเอง ก็ยังยืนยันนะครับว่า ข้อบังคับ ข้อ ๗๑ คำวินิจฉัยของประธานเป็นอันเด็ดขาด ถ้ายังมีพฤติกรรมยกมือขึ้นยกมือลง คำนั้นที่ท่านพูดมันก็จะสะท้อนเข้าตัวท่านเองนะครับ ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ท่านรองนายกรัฐมนตรีจะตอบอย่างไรครับ เพราะยังไม่ได้ถามเลยครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผมว่า การประท้วงยกมือไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ ผมขอให้ท่านประธาน ในเมื่อข้อบังคับ ข้อ ๗๑ คำวินิจฉัยของท่านประธานถือเป็นเด็ดขาดแล้ว แล้วไม่ยอมปฏิบัติตาม แล้วเมื่อสักครู่นี้ยังพูด ถึงท่านผู้นำฝ่ายค้านว่าเลอะเทอะอีก ผมขอให้ถอนครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ กระผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ต้อง ยืนยันกับท่านประธานตรงนี้ว่าธุรกิจกองทัพไม่ใช่หน้าที่ของทหาร และไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง กับความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นกลไกที่ทำให้กองทัพเข้าไปพัวพันกับการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศในลักษณะรัฐซ้อนรัฐ และเป็นแหล่งรายได้นอกระบบของนายพล และเครือข่ายอุปถัมภ์ที่อยู่หลังม่านการเมือง กลายเป็นวัฒนธรรมสกปรกที่ส่งต่อกันจากรุ่น สู่รุ่น ขาดความโปร่งใส แม้แต่องค์กรอิสระอย่าง สตง. หรือ ป.ป.ช. ก็น้ำท่วมปาก มีแต่ข้ออ้าง ที่พูดกันเสมอว่ากองทัพมีกลไกในการตรวจสอบตัวเอง แต่แท้ที่จริงครับท่านประธาน คำว่า ตรวจสอบตัวเอง มันก็คือการทำตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ โดยไม่มีการตรวจสอบอะไรเลย ต่างหาก ทหารมักจะเอาคำว่าความมั่นคงของประเทศมาเป็นข้ออ้าง แต่ถ้าจะให้พูดถึง ความมั่นคงของประเทศก็จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับความมั่นคงในบริบทของโลกใบนี้ ซึ่งผม ยืนยันครับว่าประเทศไทยในปัจจุบันเมื่อเทียบกับโลก เมื่อเทียบกับนานาอารยประเทศเราอยู่ ในสถานะที่ไม่มั่นคงและธุรกิจกองทัพนี่ละครับที่เป็นส่วนหนึ่งที่บ่อนทำลายความมั่นคงของ ประเทศเสียเอง ผมขออนุญาตแนะนำให้ทุก ๆ ท่านรู้จักกับดัชนีสากลตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Government Defence Integrity Index หรือเรียกสั้น ๆ ว่าดัชนี GDI ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดที่ใช้ ประเมินความเสี่ยงต่อการคอร์รัปชันของกองทัพและหน่วยงานความมั่นคง จากผลการ ประเมินล่าสุด เมื่อปี ๒๐๒๐ งามไส้ครับ ประเทศไทยถูกประเมินให้อยู่ในระดับที่เสี่ยงมาก แย่กว่าประเทศในอาเซียนอย่างประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย ดัชนี GDI ท่านประธานครับเขาประเมินอยู่ ๕ มิติด้วยกัน คือด้านการเมือง การเงิน การบริหารกำลังพล ด้านการปฏิบัติการและด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ซึ่งมิติที่ประเทศไทย ได้คะแนนห่วยที่สุด หรือเรียกได้ว่าสอบตกโดยสิ้นเชิงก็คือด้านการเงินและด้านการจัดซื้อ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจกองทัพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ละครับท่านประธาน ที่เป็นตัวทำให้ คะแนนด้านการเงินของประเทศไทยได้แค่ ๑๗ คะแนน ในขณะที่ภาพรวมอยู่ที่ ๔๕ เฉลี่ยภูมิภาคเอเชียอยู่ที่ ๔๗ ดูสิครับท่านประธาน ความมั่นคง ของประเทศเราล้าหลังจากโลกใบนี้ไปเท่าไหนแล้ว ด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ก็งามไส้ไม่แพ้ กันครับ ได้แค่ ๑๖ คะแนน แต่ผมจะพักเอาไว้ก่อน เพราะมันเป็นอีกเรื่องที่ต้องว่ากันยาว และไม่เกี่ยวกับญัตตินี้ แต่งามไส้ไม่แพ้กัน

    อ่านในการประชุม

  • ปัญหาแรก ถ้าอ่านในรายงาน รายงานฉบับนี้ระบุเอาไว้ว่า ปัญหาสำคัญคือ ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญในการใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพ ได้เลย ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ สะท้อนว่าอะไรครับท่านประธาน สะท้อนว่า กองทัพในปัจจุบันขาดสำนึกว่าเงินที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน เอาคำว่าความมั่นคงมาอ้างเพื่อใช้เป็นเกราะกำบังในการตรวจสอบ รายละเอียดของปัญหา ต่อมาก็คือ กองทัพและกระทรวงกลาโหมไม่เคยให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดินและ คณะกรรมาธิการการทหารที่ผมเป็นประธานอยู่ แต่เดี๋ยวท่านประธานจะรู้ว่าประธานที่ชื่อ วิโรจน์จะจัดการกับรัฐมนตรีที่ชื่อสุทินอย่างไร หลายครั้งที่กรรมาธิการขอข้อมูลไปก็ไม่ให้ ดื้อตาใส ผมเรียนท่านประธานผ่านไปยังท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในวันนี้เลยว่า ปัจจุบันคณะกรรมาธิการการทหารที่ผมเป็นประธานเราไม่ยอมแบบนั้น เรามีมติที่จะทำ หนังสือทวงถามจากกระทรวงกลาโหมอย่างน้อย ๓ ครั้ง ครั้งแรกก็คือทำหนังสือไปสอบถาม ข้อมูลจากหน่วยงานโดยตรง หากหน่วยงานไม่ให้ข้อมูล ไม่ให้ความร่วมมือ ครั้งที่ ๒ ก็จะทวงถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สั่งการให้หน่วยงานดังกล่าวนี้ส่งข้อมูล ให้กับคณะกรรมาธิการมีการขีดเส้นตาย หากถึงเวลาเส้นตายครับ ข้อมูลยังมาไม่ถึงมือของ คณะกรรมาธิการก็จะมีหนังสือฉบับที่ ๓ ที่ลงนามโดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธาน คณะกรรมาธิการการทหาร โดยตรงถึงนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าขอให้ท่านเร่งสั่งการให้ส่งข้อมูลมาโดยพลันและมีเส้นตายสุดท้ายจริง ๆ เพื่อยืนยันว่า ถ้ายังไม่ส่งมาก็หมายความว่าไม่ใช่แค่หน่วยงานในสังกัดเท่านั้นที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับ คณะกรรมาธิการการทหาร แม้แต่รัฐมนตรีที่ชื่อสุทิน คลังแสง ผมอ่านชื่อพร้อมนามสกุล ก็มีเจตนาไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งหนังสือทั้ง ๓ ฉบับนี้ไม่ต้องห่วงท่านประธาน นายสุทิน คลังแสง เจอผมอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน แล้วจะเอามาเป็นหลักฐานกลางสภาว่ากี่ครั้ง กี่หนที่ไม่ให้ความร่วมมือ ในรายงานฉบับนี้ยังมีเรื่องงามไส้อีกเยอะ ยังระบุอีกครับว่า มีเงินนอกงบประมาณของกองทัพที่มีมูลค่าสูงถึง ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท สูงถึง ๘ เปอร์เซ็นต์ ของงบกระทรวงกลาโหม ถูกเอาไปใช้อย่างลึกลับดำมืด ไม่มีความโปร่งใส ที่สำคัญคือ ถูกยกเว้นจากการรายงานและการตรวจสอบอย่างที่ควรจะเป็นตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง แตกต่างจากกระทรวง ทบวง กรม อื่น ๆ โอ้โฮ ได้อภิสิทธิ์อีกนะครับ ธุรกิจกองทัพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่หลายท่านอภิปราย สถานีวิทยุโทรทัศน์ สนามม้า สนามมวย สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน โดยเฉพาะที่ราชพัสดุในความดูแลของกองทัพ ประชาชนตาดำ ๆ ที่เป็นเจ้าของเงินภาษี เป็นเจ้าของอธิปไตยของประเทศ ไม่เคยรู้ว่าธุรกิจเหล่านี้มีรายได้เท่าไร มีกำไรมากน้อยขนาดไหน กองทัพเอากำไรสะสมไปปรนเปรอหรือไปทำอะไร มีการปันรายได้ หรือจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ในอัตราเท่าไร สมเหตุสมผลหรือไม่ แพงกว่าค่าเช่าที่ ชาวบ้านต้องเช่ากับกรมธนารักษ์ในโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์หรือไม่ ไม่มีใครรู้ และเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่งก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และยังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เคยทราบหรือเคยใส่ใจ หรือเปล่า หรือพอทราบแล้วก็อุทานว่า ผมรับไม่ได้หรอกครับ ประชาชนเขารับไม่ได้มาตั้ง นานแล้วครับท่านนายกรัฐมนตรี ผมฝากผ่านท่านประธานไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ผมและเพื่อน สส. ของพรรคก้าวไกลได้ยื่นแก้ไข พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังในมาตรา ๖๑ วรรคสอง ที่แต่เดิมเขียนไว้อย่างไม่สมเหตุสมผลเลย เขียนเอาไว้ว่า เงินนอกงบประมาณของ หน่วยงานรัฐให้นำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง เหมือนดีนะครับ เว้นแต่จะมีกฎหมาย กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น สมเหตุสมผล แต่ประโยคนี้ละครับที่เป็นปัญหา หรือได้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลังไว้เป็นอย่างอื่น ซึ่งผมจะขอตัดประโยคหลังออกครับ เพราะมีแค่กองทัพนี่ละครับ ที่ทำเป็นแค่กระดาษ A 4 ไม่กี่แผ่น แผ่นสองแผ่น แล้วก็ตกลงกับกระทรวงการคลัง แล้วก็ไปจัดการเงินนอก งบประมาณด้วยตัวเอง ไปปรนเปรอใคร ไปเข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้ ถ้ากองทัพอยากจะจัด การเงินนอกงบประมาณเอง ก็ต้องมีกฎหมายกำกับ มีระบบตรวจสอบที่โปร่งใส จะให้ทำ เอกสารข้อตกลงเป็น A4 เก่า ๆ ไม่กี่แผ่น แบบที่ทำกันอยู่ในปัจจุบันคงเป็นเรื่องที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างพวกเราทุกพรรครับไม่ได้ ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่า หากร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ก็คือ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังเข้าสู่สภา เพื่อน สส. ทุกคน จากทุกพรรคจะร่วมกันสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ร่วมกัน ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร หลายวันก่อนก็มี นักข่าวถามครับว่า จะไปทำงานร่วมกันกับคุณสุทิน คลังแสง หรือเปล่า ผมก็ตอบนักข่าวว่า ร่วมคงร่วมไม่ได้ แต่ถ้าไปแทนแน่นอน ผมก็บอกไว้ตรงนี้ครับว่า ผมสนับสนุนให้มีการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางในการคืนธุรกิจกองทัพให้แก่รัฐบาล รวมทั้งให้จัด การเงินนอกงบประมาณอย่างโปร่งใส ไม่ปล่อยให้เสนาพาณิชย์กลายเป็นตัวบ่อนทำลาย ความมั่นคงของประเทศ ทำให้ประเทศไทยต้องถูกดัชนี GDI ซึ่งเป็นดัชนีสากลประจานไปยัง ทั่วโลก ในทุก ๆ ๕ ปี และปี ๒๐๒๕ ปีหน้า GDI จะออกมาแล้ว ก็หวังว่าจะดีขึ้น กองทัพครับ จะกล้าพูดคำว่า รักชาติยิ่งชีพ ได้อย่างเต็มปากได้อย่างไร ตราบใดที่ท่านยังรักธุรกิจที่เป็น อู่ข้าวอู่น้ำ คอยส่งเงินนอกระบบเลี้ยงนายพล อดีตนายพลอย่างที่ตรวจสอบไม่ได้อย่างที่ เป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม นี่คือเหตุผลทั้งหมดครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะกรรมาธิการ วิสามัญชุดนี้จะเสนอแนวทาง และร่างกฎหมายที่เป็นรูปธรรมในการคืนธุรกิจกองทัพให้กับ รัฐบาล คืนทุกอย่างให้กับประชาชน ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคก้าวไกล ถ้าท่านประธานติดตามผมก็จะทราบว่าในทุกเวทีนี้ผมย้ำอยู่เสมอว่าโรงเรียนต้องเป็นพื้นที่ ปลอดภัยทั้งกายและใจของทุก ๆ คนที่อยู่ในโรงเรียน ทั้งนักเรียน ครู ผู้ปกครอง บุคลากร ทางการศึกษาและรวมถึงผู้บริหารสถานศึกษาด้วย แต่อย่างไรก็ตามทุกวันนี้เราเกิดอะไร ในโรงเรียน ครูทำร้ายนักเรียน อย่างกรณีล่าสุดใช้เข็มมาเจาะปากนักเรียน ป. ๒ ยกห้อง อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าผีเจาะปาก ครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนผู้อำนวยการ ล่วงละเมิดทางเพศครู นักเรียน Bully กัน กีดกันเพื่อน โดดเดี่ยวเพื่อน ล้อเลียน ด้อยค่าเพื่อน ความรุนแรงภายในโรงเรียนหลายกรณี ปัจจุบันถึงกับมีการใช้อาวุธเข้าประหัตประหารกัน จนถึงขั้นเสียชีวิต ล่าสุดที่หน้าวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่ง ๙ ต่อ ๑ รุมกันจนเสียชีวิต และล่าสุดเหตุเกิดขึ้นที่โรงเรียนในย่านพัฒนาการจนมีนักเรียนถูกเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ใช้อาวุธทำร้ายภายในโรงเรียนจนเสียชีวิตเหมือนกัน เมื่อมีความสูญเสียเกิดขึ้น ผมยืนยันว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนเป็นลำดับแรกก็คือการเยียวยาแล้วก็ดูแลสภาพจิตใจของผู้สูญเสีย และครอบครัวของผู้สูญเสียอย่างทันท่วงที และที่สำคัญที่สุดต้องเร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงสำคัญมากครับ แต่ความเห็นภายใต้ความไม่จริง นี่ครับอันตราย ทุกท่านทราบดี อยู่แล้วว่าประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนแล้วก็เปราะบางมาก ๆ การเผยแพร่ข่าวสารหรือให้ความเห็นในขณะที่ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ ยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริง ส่วนไหนควรเปิดเผย ข้อเท็จจริงส่วนไหนต่อให้จริงก็ควรปิด การแสดงความคิดเห็นและ คาดการณ์ต่าง ๆ มีแต่จะสร้างผลกระทบในเชิงลบต่อสังคมในวงกว้าง ทำให้ผู้ที่ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย อย่างกรณีที่เกิดขึ้นที่ย่านพัฒนาการ ผมไม่สบายใจอย่างมากที่มีการกล่าวถึงเด็กพิเศษ ทั้ง ๆ ที่การสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ยังไม่ปรากฏ ยังไม่มีการสอบปากคำผู้ต้องหา ไม่มีพยานเลยแม้แต่ปากเดียวที่ถูกสอบ อย่างจริงจังตามกระบวนการ เกิดอะไรขึ้นครับ ทำให้เด็กพิเศษ ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครอง ของเด็กพิเศษที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงใด ๆ ถูกเหมารวม ถูกมองจากสังคม ในแง่ที่ไม่ดี ถูกเพื่อนนักเรียน เพื่อนผู้ปกครองตั้งแง่จนเกิดความโกลาหลในหมู่การศึกษา ไปหมด ผมเข้าใจดีจากกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ผมได้ยินเสียงกระแสสังคมมาเยอะกรณีที่ ผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน กระแสสังคมเกิดอะไรขึ้นครับ กระแสสังคมส่วนหนึ่งเรียกร้องให้มี การปรับลดอายุเด็กและเยาวชนในการรับโทษทางอาญา บางคนบอกว่าให้ลงมาเหลือ ๑๒ ขวบบ้าง ต่ำกว่านั้นก็มี ในสภาวะที่อารมณ์ของสังคมเดือดดาล ผมเข้าใจว่าแนวคิด ในลักษณะนี้ย่อมเกิดขึ้นได้ แต่ท่านประธานครับเรื่องนี้สำคัญมาก แต่ถ้าหากเราวางใจ เป็นกลางแล้วดึงสติทบทวนให้ดี แล้วถามตัวเองว่าการปรับลดอายุเด็กและเยาวชนในการ รับโทษจะแก้ไขปัญหานี้ได้จริง ๆ หรือ ในเมื่อผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยก็บอกอยู่เสมอไม่ใช่ หรือครับว่าเด็กที่กระทำผิดจำนวนไม่น้อยหรือส่วนใหญ่ทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วถ้า เชื่อว่าเด็กกระทำความผิดนี้เขาไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำโดยไม่ไตร่ตรอง แล้วการปรับลดอายุ ในการรับโทษลงมามันจะแก้ปัญหาอะไรได้ครับท่านประธาน กระแสการปรับลดอายุในการ รับโทษของเด็กและเยาวชนเกิดขึ้นเพราะอะไร ผมไม่โทษกระแสเหล่านี้ แต่ผมถาม ท่านประธานและอยากจะตอบให้ท่านประธานฟังว่ามันเกิดขึ้น เพราะว่ากระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขและป้องกันปัญหา โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในโรงเรียน ผมเชื่อว่ามาตรการในการป้องกันและการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรมคือคำตอบที่สังคมต้องการมากกว่าการปรับลดอายุในการรับโทษทางอาญา ของเด็กและเยาวชนลงมา ถ้ามีมาตรการที่เป็นรูปธรรม เห็นผลชัดเจน ความรุนแรงลดลง การ Bully ถูกยกเป็นวาระ แห่งชาติ ไม่มีใครที่อยากจะเรียกร้องให้ปรับลดอายุลงมาหรอกครับ แล้วผมยืนยันว่าถ้ายังทำ อย่างนี้ ปรับลดอายุลงมาสุดท้ายเหลือ ๑ ขวบ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการในการทำให้โรงเรียน ปราศจากการ Bully หรือการกลั่นแกล้งรังแก การยกเลิกการใช้อำนาจนิยม อำนาจกดทับ ต่าง ๆ ในโรงเรียนอย่างจริงจัง มีประกาศสิครับ มีมาตรการสิครับ ในการทำงานร่วมกันกับ ผู้ปกครอง และมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องจริงจัง มีนักจิตวิทยา มีจิตแพทย์เข้ามามีส่วนร่วม ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้สิครับ เรายังป้องกันไม่ดีเลย เรายังแก้ไขไม่ดีเลย ประชาชนก็ไม่มี ทางเลือกครับ สุดท้ายผมเข้าใจกระแสว่าทำไมต้องเรียกร้องให้ปรับลดอายุ ก็เพราะรัฐบาล ไม่ทำอะไร ครูประจำชั้นและครูผู้สอนเขาควรได้รับการอบรมทักษะจิตวิทยาเด็กขั้นพื้นฐาน และได้รับการวางบทบาทที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาการ Bully ในโรงเรียน การ Bully ล้อเลียน ด้อยค่า ต้องไม่ใช่การล้อเล่น ไม่ใช่การที่เด็กเล่นกันอีกต่อไปตามที่ สส. สุภกรพูด มีการใช้เวลาในช่วง Homeroom ในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ในทางปฏิบัติ มีการพูดคุยกับ นักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้มีส่วนร่วมในการขจัดการ Bully ให้หมดไปจากสังคมโรงเรียน ให้ได้ การ Bully ไม่ใช่เพียงนักเรียนกับนักเรียนเท่านั้นครับ ครูกับนักเรียนก็ด้วย ครูกับครู ก็ยิ่งตัวดีเลย ผู้บริหารสถานศึกษากับครูก็ต้องไม่มีด้วย โรงเรียนต้องปราศจากการกลั่นแกล้ง รังแกอย่างสมบูรณ์ ทุกคนในโรงเรียนต้องรู้สึกปลอดภัยโดยไม่มีข้อยกเว้น นักเรียนที่มี ข้อสังเกตว่ามีพฤติกรรมรุนแรงหรือมีปัญหาในด้านทักษะสังคม โรงเรียนต้องมีมาตรการ ในการดูแลและติดตามกรณีนี้เป็นการเฉพาะ มีการทำงานร่วมกันกับผู้ปกครอง อย่างจริงจัง มีกลไกในการส่งเคสต่อไปยังนักจิตวิทยาเด็กหรือจิตแพทย์เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้รับการดูแล ตามมาตรฐานทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายดี และในกรณีที่จำเป็นก็อาจจะ มีการให้นักเรียนที่ยังขาดความพร้อมพักการเรียนชั่วคราวเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จนกว่าแพทย์จะมีความเห็นให้กลับเข้าร่วมเรียนกับเพื่อนร่วมชั้นอย่างไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยสรุปครับท่านประธาน สิ่งที่เรายังขาดคือมาตรการในการแก้ไขและป้องกันปัญหา ความรุนแรงการ Bully และการใช้อำนาจนิยมภายในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรมที่ประชาชน ไว้วางใจและเชื่อถือได้ว่าปัญหาเหล่านี้จะถูกคลี่คลายและลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีระเบียบ ปฏิบัติและขั้นตอนต่าง ๆ จนทำให้สังคมทั้งสังคมมีความมั่นใจ มากขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่รัฐบาลควรดำเนินการคือสิ่งเหล่านี้ แล้วกระแส การปรับลดอายุให้เด็กต้องมารับโทษก็จะคลายตัวลงถ้าเห็นความจริงจัง ความจริงใจ ของรัฐบาล ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ขออนุญาตครับ ท่านประธานที่เคารพ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ กฎหมายประมงฉบับนี้สภาชุดที่แล้ว ก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมีรายงานออกมาชัดเจนแล้ว สมัยนี้ก็มีการตั้งวิสามัญอีก ในคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่แล้วและชุดนี้ก็ศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างดี มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาจนได้ข้อสรุปจนตกผลึก ๗ ร่าง ที่เสนอผ่านพรรคการเมือง ทุกพรรค มีความปรารถนาดีต่อพี่น้องชาวประมง มีหลักการสำคัญตรงกัน

    อ่านในการประชุม

  • ผมถามตรง ๆ ครับว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านรัฐมนตรีไม่ได้ชี้แจงเลย และวันก่อน กฤษฎีกาก็มาชี้แจงหลักการเหตุผลของร่างรัฐบาลต่อวิปฝ่ายค้านก็บอกว่าหลักการเหมือนกัน ต้องการพิทักษ์ผลประโยชน์ของพี่น้องชาวประมงเหมือนกัน ที่สำคัญที่สุดปัญหาชาวประมง ท่านรัฐมนตรีฟังผมนะ มีชาวประมงกี่คนที่เขาต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ลูกหลานเขาไม่ได้ เรียนหนังสือ ได้รับทุกข์แสนสาหัส วันนี้ไม่ใช่แค่ชาวประมง แต่ครอบครัวของชาวประมง กี่แสน กี่ล้านชีวิต ที่เขารอกฎหมายฉบับนี้ เพราะความเกียจคร้านของรัฐบาลหรือเขาต้องรออีก ๖๐ วัน ท่านจะตอบแทนชีวิตของชาวประมงที่ล่วงลับไปแล้วและชีวิตของชาวประมง ที่รอกฎหมายฉบับนี้ได้อย่างไร ท่านรัฐมนตรีไปซุบซิบแล้วก็บอกว่าจะขออุ้มอีก ๖๐ วัน ท่านคิดถึงหัวใจชาวประมงไหมแล้วผมมั่นใจด้วยว่าท่านรัฐมนตรีที่มานั่งตรงนี้ไม่ใช่ท่าน แต่เป็น ท่านธรรมนัส พรหมเผ่า เขาจะไม่อุ้มหรอก เพราะเขาเข้าใจถึงหัวใจของชาวประมง เขาเข้าใจว่า ทุกวันนี้ชาวประมงร้องไห้เป็นสายเลือด และชีวิตไม่ได้แขวนไว้บนเส้นด้าย แต่แขวนไว้ บนเส้นอวน ๖๐ วัน ผมไม่ให้อุ้ม เพราะท่านอุ้มชีวิตของชาวประมงพาเขาไปตายมา หลายชีวิตแล้ว ถ้ารัฐบาลจะอุ้มตอบชาวประมงให้ได้ ตอบชาวประมงที่ล่วงลับไปแล้วให้ได้ เพราะความเกียจคร้านของรัฐบาล เพราะความเกียจคร้านของนายเศรษฐา ทวีสิน ใช่ไหม ถึงต้องอุ้มอีก ๖๐ วันขอบพระคุณครับ ผมขอค้านครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผมยืนขึ้น และยกมือครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อครับ ผมขอประท้วง ท่านรัฐมนตรีครับ ผมไต่ถามถึงเหตุผลในการที่จะอุ้มไป ๖๐ วัน ท่านอ้างข้อบังคับ ข้อ ๑๑๗ ไม่ได้ให้เหตุผลเลยครับ พูดจาวนเวียนซ้ำซาก ผมต้องใช้ข้อบังคับ ข้อ ๖๙ ในการประท้วง ผมตั้งคำถามว่า แล้วจะให้เพื่อน สส. ของผม ของทุกพรรค ตอบพี่น้องชาวประมงอย่างไร ผมไม่ได้พูดในฐานะของพรรคก้าวไกลนะท่านประธาน แต่วันนี้ซุบซิบกัน สส. เขาไม่รู้ว่า ถ้าจะปล่อยให้อุ้มไป ๖๐ วัน ด้วยเหตุผลที่ทางท่านรัฐมนตรีตอบว่าข้อบังคับ ข้อ ๑๑๗ มีมติ ครม. แล้วเหตุผลคืออะไร ศึกษาอะไร เร่งรัดอะไร ต้องอุ้มไปอีก ๖๐ วัน เพื่อน สส. จากทุกพรรคกังวลมาก ผมดูสีหน้าไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่รู้ว่าจะไปตอบ พี่น้องชาวประมงที่เขาดูทีวีกันอยู่อย่างนี้ เขารอด้วยความหวังว่าต้องเสียเวลาอีก ๖๐ วัน เพราะความเกียจคร้านของ ครม. หรือ ผมขออนุญาตให้ท่านรัฐมนตรีตอบให้ตรงประเด็น อย่าวนเวียนซ้ำซาก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวผมจะประท้วงอีก ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพครับ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จากกรณีที่เกิดขึ้นกับขบวนเสด็จ ของกรมสมเด็จพระเทพฯ ยังไม่ต้องคิดนะครับว่าเป็นขบวนเสด็จหรือไม่ อย่างไร แต่เราต้อง ยอมรับกันก่อนว่าการดูแลความปลอดภัยและการอารักขาบุคคลสำคัญนี้ ไม่ว่าจะเป็น พระราชอาคันตุกะ ประมุขแห่งรัฐอื่น หรือแขกของรัฐบาลเป็นหน้าที่ของรัฐ รัฐบาล ไม่สามารถปล่อยให้เหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นระหว่างการสัญจรได้ รัฐบาลจึงจำเป็น ต้องมีมาตรการที่เป็นมาตรฐานในการอารักขา และกระบวนการในการถวายอารักขาในการ เสด็จพระราชดำเนินของกรมสมเด็จพระเทพฯ ในครั้งนี้ก็เป็นกระบวนการตามปกติ ดังนั้นการรบกวนมาตรการการอารักขาที่เป็นมาตรฐานและเป็นปกติ ผมจึงต้องยืนยันว่าเป็น เรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักอยู่ในใจ ตนเองเสมอ ก็คือการพยายามทำให้กระบวนการในการอารักขามีประสิทธิภาพสูงที่สุด ส่งผล กระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด เพราะประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าคนที่ต้องไปทำงาน คนที่ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือคนที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนต่าง ๆ เขาก็มีสิทธิ วิพากษ์วิจารณ์ โดยที่ไม่อาจจะรู้ด้วยซ้ำไปว่า ขบวนเสด็จอยู่ข้างหน้า คุณปิดปากประชาชน ไม่ให้พูดไม่ได้ คุณจะบังคับให้ประชาชนไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ได้ ดังนั้นการจะปกป้องสถาบัน พระมหากษัตริย์ จัดการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนที่ดีที่สุด คนที่ต้องทำหน้าที่นั้นก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอารักขา ทางออกที่เป็นรูปธรรมที่สุดครับ ท่านประธาน ก็คือการทบทวนพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเฉพาะในมาตรา ๕ โดยสภาแห่งนี้ควรจะเพิ่มเติมให้การปฏิบัติงานในการถวาย ความปลอดภัย ให้มีการคำนึงถึงประชาชน ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบที่มากเกินควร และมีการเตรียมแผนในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในกรณีที่จำเป็น จึงจะทำให้ การถวายความปลอดภัยและการอารักขามีประสิทธิภาพสอดรับกับยุคสมัย และไม่ส่งผล กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อผมเห็นว่าการรบกวนมาตรการการอารักขาบุคคล สำคัญที่เป็นกระบวนการมาตรฐานเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมก็จำเป็นต้องสะท้อนความคิดเห็น อย่างตรงไปตรงมาโดยที่ไม่มีความเกลียดชังใด ๆ และผมยังเคารพในวิจารณญาณและ ดุลยพินิจของผู้กระทำ ซึ่งเขาอาจจะฟัง ฟังบางส่วน หรือไม่ฟังเลย ผมก็น้อมรับและเคารพ กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กลับมาเช่นกัน ผมคิดว่าคนที่ปรารถนาดีต่อกัน ต้องกล้าที่จะพูดในสิ่ง ที่มีเหตุมีผล แม้จะรู้ว่าสิ่งที่พูดเป็นสิ่งที่บางคนอาจจะไม่อยากฟังก็ตาม คนที่ปรารถนาดี ไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันในทุกเรื่อง การกล้าที่จะแสดงความเห็นต่างให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ให้เขา ได้ไตร่ตรองต่างหากคือความปรารถนาดีที่แท้จริง

    อ่านในการประชุม

  • อีกเรื่องหนึ่งที่ผมจะไม่พูดไม่ได้เลย ก็คือการใช้ความรุนแรงในการทำร้ายผู้อื่น โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำร้ายผู้อื่นเพราะจงรักภักดี นั่นเป็น พฤติกรรมที่อันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สุด หากรัฐปล่อยให้กลุ่มคนที่นิยม ความรุนแรงเหล่านี้ลอยนวล มีอำนาจบาตรใหญ่ อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไปทำร้ายคน ที่คิดต่างอย่างไรก็ได้ โดยที่กฎหมายไม่เคยเอาผิดได้ ในระยะยาวมีแต่จะทำให้สถาบัน พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทำให้ภาพลักษณ์คนที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงสถิตอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ พลอยกลายเป็นเห็นดีเห็นงามกับความ รุนแรงไปด้วย และจะส่งผลในทางลบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนและสถาบัน พระมหากษัตริย์ในที่สุด ผมจึงมีความเห็นว่ารัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายจัดการกับกลุ่มคน เหล่านี้อย่างจริงจัง ไม่ให้มีพฤติกรรมกล้านำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือ ในการทำร้ายผู้คนตามใจชอบอีกต่อไป ท่านประธานลองจินตนาการดูครับ ถ้าเราเชื่อว่า พฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมของคนดี ลองจินตนาการดูครับ ถ้าคนดีแบบนี้เพิ่มขึ้นเป็น ล้าน ๆ คน จะเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จากเดิมที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ท่านทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ต้องถูกนำมาอยู่ใจกลางความขัดแย้งของ ประชาชนที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์จะยั่งยืนสถาพรได้อย่างไร การบังคับใช้กฎหมาย ผมฝากรัฐบาลไว้ตรงนี้ว่าต้องมีความเสมอภาค ไม่ใช่ว่าเอากฎหมายไป เล่นงานอีกฝ่ายหนึ่งแบบจัดหนัก จัดเต็ม แต่อีกฝ่ายอยู่ลอยนวล อยู่เหนือกฎหมาย ความไร้ ขื่อไร้แปและการใช้กฎหมายแบบ ๒ มาตรฐานที่เกี่ยวพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์จะให้ ประชาชนรู้สึกอย่างไร นอกจากนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างให้เกิดขึ้น ก็คือพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยในเรื่องสถานะ ของพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่แค่ในสภาแห่งนี้ครับ แต่หมายรวมถึงเวทีสาธารณะทั่วไป

    อ่านในการประชุม

  • ขอบพระคุณครับ ผมพูดถึง ว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำให้เป็นรูปธรรม ก็คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่แค่ในสภาครับ แต่หมายถึงเวทีสาธารณะทั่วไปด้วย เพื่อให้ การพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเจตนาสุจริต อย่างมีวุฒิภาวะเป็นเรื่องปกติ ไม่มีการ มาจับผิด ไม่มีใครมาแฝงตัว หรือใช้กฎหมายในการกลั่นแกล้งรังแกกัน ท่านประธานครับ หากไม่มีพื้นที่ปลอดภัย แล้วเรายิ่งใช้ความรุนแรง ยิ่งแช่งชักหักกระดูก สร้างความเกลียดชัง ผลักให้คนเห็นต่างเป็นศัตรู ป้ายสีให้พวกเขาเป็นภัยความมั่นคง การแสดงออกในเชิง สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่พวกเราไม่สบายใจก็จะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรัฐบาลจะปล่อยให้สภาวะแบบนี้ เกิดขึ้นไม่ได้ ท่านประธานครับ เราใช้น้ำมันดับไฟไม่ได้ ความรุนแรงไม่เคยแก้ไขความรุนแรง ได้ครับท่านประธาน มีแต่จะยิ่งทำให้บานปลาย ผมขอเวลานิดหนึ่งนะครับ เนื่องจากมี การประท้วง ทุกความขัดแย้งในโลกใบนี้ล้วนแก้ไขด้วยการพูดคุยและพยายามที่จะเข้าใจกัน และในที่สุดก็จะเกิดทางออกที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันอย่างสันติ ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ในปัจจุบัน ในหลายวงสนทนาเวลาที่มีการเอ่ยถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะเอ่ยด้วย ความสุจริตก็ตาม ก็ต้องมีบางคนในวงสนทนามีอากัปกิริยาแบบนี้ครับ จุ๊ ๆ มันสะท้อนว่า อะไรครับ สะท้อนว่าปัจจุบันการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์กำลังกลายเป็นเรื่องต้องห้าม ไปแล้ว ซึ่งหากเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งห่างเหินจาก ประชาชน บั่นทอนแรงยึดเหนี่ยวจิตใจที่สถาบันพระมหากษัตริย์มีต่อประชาชนอย่างที่เคย เป็นมา แล้วเลิกได้แล้วกับการกล่าวหาเลื่อนลอยว่ามีคนนั้นคนนี้อยู่เบื้องหลัง คำกล่าวหาใน ลักษณะนี้เป็นการดูถูกประชาชนอย่างสิ้นเชิง ท่านประธานครับ ทำไมเราไม่ตั้งคำถามกับ กลุ่มที่ใช้ความรุนแรงบ้างล่ะครับ ทำคนมากี่คนแล้ว ก็ไม่เคยถูกกฎหมายเอาผิดได้ อย่างนี้ ต่างหากที่ควรสงสัยว่ามีผู้มีอำนาจที่คอยให้ท้ายช่วยให้คนเหล่านี้กระทำความรุนแรง โดยที่ไม่ต้อง เกรงกลัวกฎหมาย ผมควรตั้งคำถามแบบนี้บ้างหรือไม่ ท่านประธานที่เคารพครับ ผมเชื่อว่าหลายคนประชาชนที่ฟังผมอยู่ทางบ้าน บางท่านอาจจะไม่สบายใจและอาจจะนึก ด่าทอต่อว่าผมอยู่ในใจ ผมน้อมรับครับ แต่ถ้าฟังด้วยใจที่เป็นกลาง ฟังแล้วคิดตามในสิ่งที่ ผมพยายามจะสื่อสารก็จะทราบดีว่าผมมีความปรารถนาดีต่อระบอบประชาธิปไตยและ สถาบันพระมหากษัตริย์ และประสงค์ที่จะให้สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงสถิตสถาพร อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญของประชาชนตราบนิรันดร์ ขอบพระคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานครับ ผม วิโรจน์ครับ ขอประท้วงท่านประธานเพิ่มเติมตามข้อบังคับ ข้อ ๙ อีกนิดหนึ่งครับ แต่ด้วยความเคารพครับท่านประธาน เพื่อคลายความกังวลของเพื่อนสมาชิกของทุกฝ่าย ซึ่งผมเคารพท่านเกชานะครับ แล้วก็เคารพทุกท่านด้วยนะครับ ท่านประธานช่วยขานญัตติ ของท่านจุรินทร์ด้วยดีกว่าไหมครับ เพราะว่าเมื่อสักครู่นี้ท่านประธานก็ขานญัตติของ ท่านเอกนัฏแล้วนะครับ ขออนุญาตที่เอ่ยนามจริง ๆ ถ้าเกิดขานญัตติอีกครั้งหนึ่งของ ท่านจุรินทร์ด้วย ก็จะทำให้เพื่อนสมาชิกเข้าใจ ผมรบกวนจริง ๆ ครับ ขอความกรุณา จากท่านประธานขานญัตติของท่านจุรินทร์ด้วยครับ จะได้คลี่คลายความไม่เข้าใจกัน แล้วการอภิปรายก็จะได้ราบรื่นครับ ขอบพระคุณครับท่านประธาน ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ ขานเลยครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานที่เคารพ ผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ผมขอประท้วงท่านผู้ประท้วงตามข้อบังคับ ข้อ ๗๑ วรรคหนึ่ง ในเมื่อท่านประธาน มีคำวินิจฉัยแล้วคำวินิจฉัยของท่านประธานก็ถือเป็นเด็ดขาดครับ แล้วถ้าเกิดยังไม่ฟัง ยังคงประท้วงวนเวียนซ้ำซากอย่างนี้ ผมขออนุญาตให้ท่านประธานใช้อำนาจเชิญท่านผู้ประท้วง ออกไปข้างนอกครับ จะได้ถามกระทู้กันต่อได้อย่างราบรื่นครับ ขอบพระคุณครับ

    อ่านในการประชุม