กราบเรียนประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉันปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้ดิฉันจะขอพูดรายงานข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว ในฐานะที่ดิฉันทำงานด้านการศึกษาและเป็นครูคนหนึ่ง จากข้อมูลในรายงานที่กระทรวง พม. ส่งมาปี ๒๕๖๓ และปี ๒๕๖๔ โดยเฉพาะปีล่าสุด ปี ๒๕๖๔ นี้ ๔๐ เปอร์เซ็นต์นิด ๆ ของผู้ถูกกระทำความรุนแรงเป็นเด็กและเยาวชน อันนี้แน่นอนเด็กและเยาวชนเหล่านี้ เขาจะต้องมีความสามารถทางการเรียนรู้ หรือผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่ลดลงแน่ แต่เท่าที่ ดิฉันอ่านดูในรายงานของทั้ง ๒ ฉบับก็จะเห็นได้ว่ายังไม่มีข้อมูลที่ทำการศึกษาหรือรายงาน เกี่ยวกับเรื่องว่ามีการวัดติดตามผลว่าเด็กเยาวชนเหล่านี้เมื่อถูกบำบัดแล้วกลับคืนสู่สังคม กลับคืนสู่สถานศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาหรือความสามารถทางการเรียนรู้เป็นอย่างไรบ้าง อยากจะขอกราบเรียนท่านประธานสภาฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในข้อมูลตรงนี้เกี่ยวกับ ผลสัมฤทธิ์การศึกษา แล้วก็ความสามารถทางการรู้มีการติดตามผลอย่างไรบ้าง โดยข้อมูลกว้าง ๆ ของรายงานทั้ง ๒ ฉบับ โดยเฉพาะจากฉบับปีล่าสุดถ้าเราดูกว้าง ๆ ความรุนแรงมีแนวโน้ม คงที่แต่ก็ลดลงไม่มาก ก็จะสะท้อนได้บางอย่างเลยว่าการบริหารจัดการภาครัฐเกี่ยวกับ การจัดการนโยบายด้านนี้ยังขาดการนำไปใช้ การศึกษาจะมีไม่มากพอและขาดรูปธรรม ในการดำเนินการ ดิฉันอยากจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาหลาย ๆ ประเด็นที่จะให้ทาง กระทรวง พม. ทำงานในเชิงรุก ระดมทรัพยากรมาทำงานเรื่องนี้ในเชิงรุกให้มากขึ้น และอยากจะให้ทางกระทรวง พม. เสนอแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมในระดับชุมชน ระดับโรงเรียน ระดับครอบครัว เพราะว่าสถานที่เหล่านี้จะเป็นพื้นที่ที่เด็กและเยาวชนเข้าไป มีส่วนร่วมมาก อยากให้เพิ่มแนวทางในการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมระดับชุมชนและโรงเรียน ให้มากขึ้น แล้วก็บรรจุลงในรายงานที่จะเสนอต่อสาธารณชนด้วยนะคะ ซึ่งความรุนแรง ในครอบครัวจริง ๆ เรารู้กันดีอยู่แล้วมีผลงานการวิจัยมากมายว่าส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก และเยาวชนมากหลายด้าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ แล้วก็พัฒนาการทางสังคม ถ้าการเก็บข้อมูลที่ไม่ดีพอมันจะนำไปสู่การคลำทางที่จะแก้ปัญหาได้ยาก ดิฉันอยากจะฝาก ท่านประธานถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้นำเรียนตรงนี้ แล้วความรุนแรงในครอบครัวต่าง ๆ เหล่านี้ที่มันจะส่งผลต่อความสามารถทางการเรียนรู้ ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ดิฉันเชื่อแน่นอนมันเกี่ยวเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กไทยต้องหลุดออกจากระบบ การศึกษาเข้าสู่โลกของงานเร็วกว่าเวลาอันควร หรือถ้าเลวร้ายไปกว่านั้นเด็กและเยาวชน เหล่านี้อาจจะต้องเข้าสู่เรือนจำหรือสถานพินิจโดยที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย เรื่องเหล่านี้ก็ฝาก ท่านผู้เกี่ยวข้องลองดำเนินการเชิงรุกให้มากกว่านี้ ประเด็นทั้งหมดนี้ทางสังคมควรกลับมา ตั้งคำถามว่าเจ้าหน้าที่รัฐและสังคมเราทุก ๆ คนดูแลเด็กและเยาวชนดีแล้วหรือยัง ถ้าเรายัง เพิกเฉยรายงานฉบับนี้จะเป็นเหมือนเอกสารที่ประจานผู้ใหญ่อย่างพวกเราว่าดำเนินการต่าง ๆ โดยแก้ไขได้ไม่สัมฤทธิผล หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ควรจะแค่รายงานผลแต่จะต้องทำงาน อย่างเป็นระบบบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดิฉันตั้งข้อสงสัยว่า ผลการติดตามเด็กเยาวชนที่ถูกกระทำความรุนแรงเมื่อเข้าสู่สถานศึกษาหรือเข้าสู่โรงเรียน มีความสามารถทางการเรียนรู้มากน้อยแค่ไหนมันไม่มีข้อมูล เพราะฉะนั้นก็อยากให้มี การบูรณาการระหว่างหน่วยงานให้มากขึ้นทั้งกระทรวง พม. และกระทรวงศึกษาธิการ ให้นำทรัพยากรต่าง ๆ มารายงานข้อมูลต่าง ๆ แล้วหาวิธีที่จะยับยั้งความรุนแรง
สุดท้ายนี้ดิฉันอยากให้การทำงานบูรณาการกันแล้วก็ก้าวข้ามระบบราชการ ให้เห็นประโยชน์ของเด็กและเยาวชนแล้วก็สังคมเป็นหลัก อยากจะให้ฝากข้อคิดเห็นอีกอย่างหนึ่งว่า ข้อมูลใน ๒ เล่มที่นำเสนอนี้ทางกระทรวง พม. นำเสนอข้อมูลเป็นเชิงปริมาณด้วยกราฟ แล้วก็แผนภูมิ ถ้าเป็นไปได้อยากรบกวนท่านประธานฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้นำเสนอข้อมูล ในเชิงคุณภาพมิติด้านต่าง ๆ ร่วมด้วย อย่างเช่นผลกระทบที่ตามมาในหลาย ๆ ด้านจากความรุนแรง หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นในหน่วยสังคมต่าง ๆ เช่น ความเสียหายต่อระบบการศึกษา ความเสียหายต่อชุมชน ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ดิฉันเชื่อว่าถ้าทางเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องประกาศข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ออกมาข้าราชการทุกภาคส่วนจะนำผลการวิจัย ผลการรายงานต่าง ๆ เหล่านี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบสังคมให้น่าอยู่ การลดสถานการณ์ ความรุนแรงจะได้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
สุดท้ายความรุนแรงเป็นโรคร้ายแรงชนิดหนึ่งที่เราทุกคนต้องร่วมกันกำจัด ทุกคนต้องไม่เพิกเฉยเพราะแค่ว่ามันยังไม่เกิดขึ้นกับเรา ทุกคนจะต้องมาร่วมกันหาทางแก้ไข ทุกอย่างดิฉันเชื่อว่าแก้ไขได้มีทางออก แก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้ ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนท่านประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลด้านการศึกษานะคะ ดิฉันต้องบอก Background นิดหนึ่งเป็นครูมาทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นวันนี้จะขอมาพูดรายงานด้านการศึกษา ขอ Slide เลยค่ะ
รายงานความคืบหน้าในการ ดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศนะคะ ซึ่งดิฉันเป็นมวยประเภทพูดน้อยต่อยหนัก จะพูดที่ค่าเป้าหมายตามเอกสารที่ท่านเผยแพร่ ซึ่งเอกสารที่ท่านเผยแพร่นี่ก็เป็นอะไรที่ แปลกมาก ในเล่มสีส้มกับใน Website ฉบับปรับปรุงไม่เหมือนกันก็ไม่เข้าใจว่าจะผลิต ออกมาให้คนละส่วน คนละตอนทำไมนะคะ แต่อันนี้ดิฉันจะยืนตามของฉบับปรับปรุง ค่าเป้าหมายที่ท่านกำหนดไว้ว่าให้ลดเด็กที่ออกนอกระบบเหลือร้อยละ ๕ ของจำนวนนักเรียน ในปี ๒๕๖๕ ถ้าเราดูตัวเลขผิวเผินร้อยละ ๕ หรือ ๕ เปอร์เซ็นต์นี่มันน้อยใช่ไหมคะ นักเรียนไทยนับถึงปีปัจจุบันมีจำนวนประมาณ ๗ ล้านคน เอาตัวเลขกลม ๆ ๕ เปอร์เซ็นต์ หรือร้อยละ ๕ ของ ๗ ล้านก็จะตกประมาณ ๓๕๐,๐๐๐ คนนะคะ ถ้ามาเปรียบเทียบกับข้อมูล ที่ดิฉันได้จากงานสัมมนาที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ดิฉันจบมานะคะ ได้มีงานสัมมนาเมื่อ ๒ เดือนที่แล้วได้แจ้งรายงานตัวเลขเด็กที่หลุดจากระบบที่ กระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่ามีสูงถึง ๑๐๐,๐๐๐ คน ท่านตั้งเป้าหมายว่าจะให้มีเด็กหลุดจาก ระบบร้อยละ ๕ จากนักเรียน ๗ ล้านคน คือ ๓๕๐,๐๐๐ คน แต่กระทรวงศึกษาธิการเปิดเผย ว่ามีตัวเลขนักเรียนหลุดระบบ ๑๐๐,๐๐๐ คน ท่านอาจจะมองว่าเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว แต่ดิฉันว่าล้มเหลวเพราะว่าเด็กแค่ ๑ คนก็เป็นชีวิตที่สำคัญที่เราต้องรักษาไว้อยู่ในระบบ ใช่ไหมคะ มีข้อมูลล่าสุดว่าเด็กหลุดจากระบบถึง ๑๐๐,๐๐๐ คน นับว่ามาก การปฏิรูปของ ท่านล้มเหลวโดยสิ้นเชิงล้มเหลว หดหู่ สิ้นหวังนะคะ แต่ถ้าจะพูดกันให้จริง ๆ การจะปฏิรูป การศึกษาไทยให้ประสบความสำเร็จมันปฏิรูปแค่การศึกษาไม่ได้ มันมีมิติอื่นที่เชื่อมโยงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นมันจะต้องทำ ควบคู่ไปด้วยนะคะ
ขอ Slide ถัดไปเลยค่ะ จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่บุรีรัมย์ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นข่าวรายวัน แต่ท่านรัฐบาล รักษาการไม่เคยแก้ไขอะไรได้เลย เกิดขึ้นแทบทุกวัน หดหู่จนดิฉันพูดต่อไม่ไหวแล้ว
ขอ Slide ถัดไปเลยค่ะ ทีนี้จะขอพูดเรื่องเงินอุดหนุนสักนิดหนึ่งนะคะ อันนี้เป็นยอดเงินอุดหนุนที่ปรับเพิ่มแล้วนะคะ ปรับเพิ่มมาแล้วในปีการศึกษา ๒๕๖๖ แต่ถ้าท่านเทียบดู ท่านผู้ชมทางบ้าน หรือท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ เพื่อน ๆ ผู้แทนราษฎร ในที่นี้ก็คงจะเห็นตัวเลขนะคะ ปฐมวัย ๒,๗๐๐ บาทเศษ ๆ ม.ปลาย ๕,๙๐๐ บาทเศษ ๆ แต่ค่าครองชีพปัจจุบันสูงขนาดไหนท่านก็คงจะรู้ เงินแค่นี้ไม่พอนะคะ เงินอุดหนุนรายหัวที่ท่านให้มายังมีปัญหาสืบเนื่องไปอีก เพราะว่ามันทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ซ้อนเหลื่อมล้ำ โรงเรียนขนาดใหญ่จะได้เปรียบโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนขนาดเล็กจะมีแต่ ตาย ๆ ลงไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ นักวิชาการหลายท่านเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการปรับเปลี่ยน วิธีคำนวณเงินอุดหนุนรายหัวจากที่ให้เป็นรายหัวเปลี่ยนมาเป็นระบบที่ธนาคารโลกก็มาทำ วิจัยให้กับเราที่เรียกว่า FSQL ก็ผลปรากฏว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ได้นำพา ยังไม่ได้ นำไปปรับปรุงนำไปใช้ ก็ไม่ทราบว่าจะนำพา ดูตัวเลขอันนี้ เงินอุดหนุนรายหัวจะเป็นเงินที่ส่ง ตรงไปยังโรงเรียน แต่ตัวนักเรียนที่ไปเรียนในแต่ละวัน ท่านทราบไหมคะท่านประธาน ว่าค่าใช้จ่ายได้เรียนในการเรียนสูงที่สุด มากที่สุดจะเป็นตัวเลขค่าใช้จ่ายจากอะไร หลายท่าน อาจจะนึกถึงเสื้อผ้า เครื่องแบบหรือค่าอาหาร แต่จริง ๆ แล้วจากงานวิจัยเป็นตัวเลขที่ คณะที่ดิฉันจบมาคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยข้อมูลจากการสัมมนา ค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดคือค่าเดินทาง เพราะนักเรียนต้องเดินทางไปกลับอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง ค่าเดินทางนี่เป็นรายจ่ายที่สูงสุด และท่านคิดดูเงินอุดหนุนให้แค่นี้ก็ยังไม่พอแล้วนักเรียน ยังต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง และค่ากินค่าอยู่จะเพียงพออะไร ดิฉันจึงขอบอกว่า Big Rock อันที่ ๑ ของผลการปฏิรูปเรื่องการขยายโอกาสทางการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำ ล้มเหลว สิ้นหวัง หดหู่
ขออีกสักนิดหนึ่ง ขอ Slide ต่อไป ดิฉันขอพูด Big Rock ที่ ๓ ขอนิดเดียวสั้น ๆ ขอให้ทุกท่านตามดิฉันมา เนื่องจากดิฉันจบครุศาสตร์ดิฉันผูกพันและรักในอาชีพครูมาก ท่านกำหนดเรื่องเกี่ยวกับการผลิตครู การปฏิรูปกลไกและระบบการผลิตครูนี่ล้มเหลวยิ่งมาก มากกว่ามาก การผลิตครูนี่จริง ๆ เป็นสารตั้งต้นของความล้มเหลวระบบการศึกษาไทยเลย เรารู้กันดีว่าทุกวันนี้วิชาชีพครูไม่สามารถดึงเด็กที่เรียนเก่งมาเรียนได้ เราจะปฏิรูปคลำไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ไม่มีทางจะออกจากหลุมดำของการศึกษาไทย ถ้าเราไม่ดึงคนเก่งมาเป็นครู ขอพูดแถมท้ายอีกนิดเดียว ไม่กี่วันมานี้การสอบครูผู้ช่วยรอบทั่วไปมีปัญหาหนักมาก เมื่อสักครู่เพื่อนสมาชิกของพรรคดิฉันเองก็ได้พูดเรื่องนี้ไปบ้างบางส่วนแล้ว มีประชาชน หลาย ๆ คนพูดเรื่องนี้แล้ว แต่ผลปรากฏว่าผู้บริหาร ผู้อำนวยการเขตพื้นที่หลาย ๆ เขต ที่พบปัญหาเรื่องการสอบครูผู้ช่วยไม่ได้นำพากลับนิ่งเฉย นิ่งเงียบ ขอฝากท่านผู้เกี่ยวข้อง ลงมาลองดูปัญหาเหล่านี้ด้วย ต้องแก้ปัญหาการผลิตครูให้ได้ ต้องดึงคนเก่งมาเป็นครู ไม่อย่างนั้นเราจะวังวนอยู่ในหลุมดำนี้ไปอีกนานค่ะ ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้จะมีเรื่องปรึกษาหารือท่านประธานอยู่ ๒ เรื่องนะคะ
เรื่องแรก เป็นเรื่องเร่งด่วน สด ๆ ร้อน ๆ ไม่กี่วันนี้เองเกี่ยวกับกระทรวง อว. หรือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เกี่ยวกับเรื่องมีข่าวเผยแพร่ กันว่า ให้ข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำ Banner หรือภาพแสดงข้อความต้อนรับ ท่านรัฐมนตรีว่าการ ซึ่งด้วยความเคารพดิฉันต้องขออนุญาตพูดถึงท่านรัฐมนตรีว่าอาจจะ ไม่ทราบเรื่องนี้โดยตรง แต่ว่าเป็นข้าราชการไปสั่งทำหรือเปล่า แต่ผลปรากฏว่าข่าวที่ออกมา ท่านรองปลัดกระทรวงได้ให้ข่าวว่าไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องการให้จัดทำ Banner หรือป้าย Vinyl ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เลยนะคะ ท่านรองปลัด ได้ปฏิเสธแล้วบอกว่า ไม่ทราบรายละเอียด และท่านรองปลัดให้ความเห็นว่าเท่าที่ดูจากข้อความข่าวอาจจะไม่ใช่ เป็นการบังคับมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแต่ละมหาวิทยาลัยอาจจะทำเองนะคะ ดิฉันก็กังวลใจ สรุปว่าไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง แต่ก็รู้สึกขัดใจต่อค่านิยมเช่นนี้ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกแล้ว ในยุคนี้นะคะ ดิฉันได้กลับไปค้นดูในมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา ๒๕๖๓ ให้ข้อความไว้ว่า สถาบันอุดมศึกษาพึงเป็นแบบอย่างแก่สังคมในการอนุรักษ์และฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พึงใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ถ้าข่าวนี้ เป็นจริง การจัดทำ Banner หรือป้าย Vinyl หน้ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่น่าจะเป็นการใช้ ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ น่าจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ไปมากกว่านะคะ และอีกอย่างหนึ่งกระทรวง อว. หรือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นแหล่งรวมของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เป็นแหล่งรวมของปัญญาชน คนรุ่นใหม่ที่จะผลิตบัณฑิตรุ่นใหม่ คิดใหม่ หัวทันสมัย ก้าวเข้าสู่โลกใหม่นะคะ ค่านิยมแบบนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้ว หัวโขนกับหัวคนควรจะแยกออกจากกัน ดิฉันมีความขัดใจกับค่านิยม เหล่านี้ที่ยังคงมีอยู่
เรื่องที่ ๒ นะคะ ที่ดิฉันจะขอหารือท่านประธานเกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการ ดิฉันเคยพูดในสภานี้ไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ไม่ว่าจากสาเหตุ ด้านเศรษฐกิจ ความยากจน หรือจากสาเหตุความแตกต่างทางความเชื่อ ค่านิยม หรือความขัดแย้งทางการเมือง ความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา เด็กต่าง ๆ เหล่านั้น ไม่ควรจะหลุดออกจากระบบการศึกษา จึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงศึกษาธิการ แล้วก็กระทรวง พม. หรือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์โปรดเข้ามา ดูแลเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ไม่ว่าเขาจะหลุดออกไปจากด้วยสาเหตุอะไร ไม่ควรพึงหลุดไป ขอขอบพระคุณค่ะ
กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้จะขอมาพูดเป็นข้อมูลส่วนเสริมฝากท่านประธานไปยัง ผู้บริหาร สสส. ดิฉันในฐานะที่เป็นครู แม้ว่าจะเป็นครูสอนมัธยมศึกษาก็ตามแต่ว่ารากฐาน ของเด็กมัธยมศึกษาแน่นอนก็ต้องเริ่มมาจากเด็กปฐมวัย ดิฉันจะขอพูดเสริมในเรื่องผลงาน เด่นที่ ๒ ของ สสส. ผลงานเด่นที่ ๒ เสริมพลังปัญญา สร้างทักษะเด็กปฐมวัย ซึ่งแน่นอน ดิฉันเข้าใจว่าชื่อผลงานเด่นของท่านเน้นสร้างพลังทางปัญญาหรือทักษะทางปัญญา แต่ดิฉัน เห็นว่าที่ท่านทำไปดีมาก การที่จะส่งเสริมและกระตุ้นการอ่านเพราะการอ่านเป็นรากฐาน สำคัญมากของการเรียนรู้ของเด็กที่จะเติบโตขึ้น รวมไปถึงไม่ว่าเด็กนั้นจะมีพัฒนาการ ที่เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีจะนำไปสู่สังคม Life Long Learning ที่ทั่วโลกก็กำลังให้ความสนใจ หรือจะรวมไปถึงผลสัมฤทธิ์ ไม่ว่าจะวัดกันด้วยองค์กรอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์ ทางการศึกษาในประเทศหรือระดับนานาชาติที่เรียกว่า PISA ก็ตาม ต้องมีรากฐาน จากการอ่าน ซึ่งดิฉันก็ขอชมเชยทาง สสส. ขอชมเชยผ่านไปยังท่านประธานว่าในเรื่องทักษะ การอ่านนี่ท่านทำได้ดีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่ท่านขยายเครือข่าย ในรายงานเล่มนี้ ท่านขยายเครือข่ายร่วมกับภาคประชาสังคมได้ดีมาก ดิฉันขอชื่นชมนะคะ เพราะว่าการให้ ภาคประชาสังคม เครือข่ายต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมเป็นสิ่งที่ดิฉันสนับสนุนตลอด เพราะว่า สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย สอดคล้องกับการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่ดิฉัน จะขอเสริมสักนิดหนึ่งว่าเราคงเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นครู ผู้ปกครองหรือใครก็ตาม ว่าพัฒนาการของเด็กปฐมวัยไม่ได้มีแค่ด้านสติปัญญาใช่ไหมคะ ยังมีอีก ๓ ด้านคือ ด้านกาย ด้านอารมณ์ ด้านจิตใจ แล้วก็ด้านสังคม ดิฉันอยากจะขอเสริม ผ่านท่านประธานไปยังผู้บริหาร สสส. ว่าควรจะไปเสริมเรื่องตรงนี้พัฒนาการทางด้านกายว่า เด็กในวัยปฐมวัยควรจะได้รับการส่งเสริมให้มีพัฒนาการ การขยับกล้ามเนื้อข้อมือ กล้ามเนื้อ มือ นิ้วมือต่าง ๆ การได้มีสถานที่ให้วิ่งเล่นได้กว้างขวาง หรือพัฒนาการทางด้านอารมณ์ และจิตใจ ควรจะส่งเสริมให้ทั้งครูและผู้ปกครองไทยรู้จักที่จะใช้เหตุผล ลดการใช้ ความรุนแรง เหมือนอย่างที่เพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดียวกับดิฉันได้พูดไป วันก่อนเมื่อตอนอภิปรายเรื่องความรุนแรงในครอบครัวว่าผู้ปกครองยุคใหม่ต้องไม่ตีเด็ก อันนี้ดิฉันว่าก็เป็นสิ่งที่ สสส. ควรจะนำมาเสริมในพัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ ให้กับเด็กปฐมวัยได้ ควรจะส่งเสริมเรื่องการพูดคุยอย่างมีเหตุผล รับฟังเด็กปฐมวัย นี่ก็เป็น ทักษะด้านอารมณ์และจิตใจหรือรวมไปถึงทักษะทางด้านสังคม การเข้าสู่สังคม การมีเพื่อน เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเป็นทักษะทั้ง ๔ ที่ดิฉันก็อยากจะเห็น สสส. ได้จัดเครือข่ายที่ สสส. มีเครือข่ายภาคประชาสังคมดี ๆ อยู่แล้ว จัดเสริมเพิ่มอีก ๓ ด้าน นอกเหนือไปจากทักษะทาง สติปัญญาก็คือด้านการอ่านนะคะ อีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันอยากจะเสริมทาง สสส. ในฐานะที่ดิฉัน เป็นครู มีรุ่นพี่รุ่นน้องเป็นครูในกระทรวงศึกษาอยู่มากมาย ก็อยากจะให้ สสส. แนะนำข้อดี ในการที่ สสส. มีเครือข่าย ภาคประชาสังคมหลาย ๆ ด้าน ให้ร่วมเครือข่ายเหล่านี้ และประสานงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับครูผู้สอนในกระทรวง โดยเฉพาะ จากรายงานนี้ทาง สสส. ทำมาได้ดีแล้วเรื่องเกี่ยวกับพัฒนาทักษะการอ่านหรือพัฒนา ด้านสติปัญญา เอาโครงการพัฒนาการอ่านเหล่านี้ไปประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ หรือครูขยายเครือข่ายให้มากขึ้น ให้ครูในกระทรวงต่าง ๆ ได้นำมาใช้กับนักเรียนต่าง ๆ ให้ทั่วถึง โครงการดี ๆ หลาย ๆ โครงการเหล่านี้จะได้ให้นำไปใช้กับเด็กทั่วประเทศ เป็นการบูรณาการทรัพยากร ให้นักเรียนหรือให้เด็กได้เกิดประโยชน์สูงสุด ดิฉันก็ขอฝาก ข้อเสริมตรงนี้กับทาง สสส. ผ่านไปยังท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอบคุณมากค่ะ
กราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอเสนอรายชื่อ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน ๑๕ ท่าน พรรคก้าวไกล จำนวน ๖ ท่าน ๑. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ๒. นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ๓. นางสาวภคมน หนุนอนันต์ ๔. นางปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์ ๕. นายวรายุทธ ทองสุข ๖. นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ สัดส่วนพรรคเพื่อไทย จำนวน ๔ ท่าน ๑. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ๒. นางสาวณัฐจิรา อิ่มวิเศษ ๓. นางสาววิภาณี ภูคำวงศ์ ๔. นางสาวสุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สัดส่วนพรรคภูมิใจไทย จำนวน ๒ ท่าน ๑. นายประดิษฐ์ สังขจาย ๒. นางสาวตวงทิพย์ จินตะเวช สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ จำนวน ๑ ท่าน คือนายวิริยะ ทองผา สัดส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวน ๑ ท่าน คือนายธนกร วังบุญคงชนะ สัดส่วนพรรคประชาชาติ จำนวน ๑ ท่าน คือนายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส ขอผู้รับรองด้วยค่ะ
กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชี รายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอ Slide ด้วยค่ะ
ดิฉันปรึกษาหารือขอให้ กระทรวงศึกษาธิการเร่งแก้ไขกรณีนักเรียนข้ามชาติจำนวน ๒๐ คน ที่จังหวัดเชียงราย สังกัด สพป. หรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาของเชียงราย เขต ๓ นักเรียน ๒๐ คนนี้มีรหัส G แล้วแต่ยังเข้าเรียนไม่ได้ อันนี้สืบเนื่องมาจากกรณีเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ที่มีนักเรียนจำนวน ๑๒๖ คนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร แต่ถูกผลักดันกลับประเทศเพื่อนบ้านอย่างน่า สะเทือนใจ ทุกคนที่ได้ยินข่าวนี้ต่างสะเทือนใจเพราะว่าเด็กเหล่านี้มีตั้งแต่อายุ ๕ ขวบ ที่ต้องถูกผลักดันกลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าอยู่ใน สถานการณ์สู้รบรุนแรง ในเด็กเหล่านี้มีตั้งแต่ ๕-๖ ขวบ เป็นระดับประถมศึกษา แล้วยังมี เด็กผู้หญิงอีกหลายคน แต่ถูกผลักดันกลับไปอยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรง อันนี้ก็เป็น เรื่องน่าสะเทือนใจแล้ว แต่ที่ดิฉันต้องขึ้นมาพูดในวันนี้เพราะว่าเมื่อวันเสาร์ก่อนหน้านี้ ดิฉันไปร่วมเสวนางานเกี่ยวกับการศึกษาของนักเรียนข้ามชาติ นักเรียนชาติพันธุ์ ที่จังหวัดเชียงราย ดิฉันได้รับการร้องเรียนจากภาคประชาสังคมในพื้นที่ว่าตอนนี้มีนักเรียน อยู่ ๒๐ คน พวกเขามีรหัส G แล้ว เรื่องรหัส G ดิฉันพูดในที่ประชุมสภาแห่งนี้หลายครั้งแล้ว รหัส G เป็นรหัสที่กระทรวงศึกษาธิการสร้างขึ้น มันคือ Generate code สร้างขึ้นเพื่อรับรอง สิทธิทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่ไม่มีสถานะบุคคล ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร ดิฉันขอให้ สพป. เชียงราย เขต ๓ เร่งหาที่เรียนให้นักเรียน ๒๐ คนนี้โดยด่วน เพราะว่าภาคประชาสังคม เขากำลังจะช่วยกันเองด้วยการทอดผ้าป่าหาทุนมา ซึ่งดิฉันเป็นครูมา ได้ยินคำว่าทอดผ้าป่า ในวงการการศึกษาแล้วดิฉันสะเทือนใจมาก ทอดกันอยู่ตลอดเวลา ภาครัฐควรต้องเร่งเข้ามา แก้ไข ขอฝากท่านประธานด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอเสนอญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา แนวทางการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย สืบเนื่องมาจากกรณีข่าวเหตุการณ์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๖ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ที่นักเรียนที่ไม่ปรากฏหลักฐานทะเบียนราษฎรถูกส่งต่อผลักดันกลับประเทศจำนวน ๑๒๖ คน ซึ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับหลายฝ่ายในประเทศไทยเป็นข่าวไปเมื่อ ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น แล้วขณะนี้ ผอ. โรงเรียนก็ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ถูกดำเนินคดีอยู่ กรณีของนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรเป็นเรื่องที่ทับซ้อนหลายมิติ และเกี่ยวข้องกับหน่วยราชการหลายหน่วย หลังจากเหตุการณ์นี้เนื่องจากตัวดิฉันเองทำงาน ในประเด็นการศึกษาของพรรคก้าวไกล ได้สนใจประเด็นเรื่องนี้มากและได้ลงพื้นที่ ในหลายจังหวัด ทั้งในภาคเหนือไปมา ๒ ครั้ง ทั้งที่เชียงใหม่ เชียงราย แล้วก็ไปที่คุระบุรี พังงา อันนี้ยังไม่ได้มีโอกาสไปในชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก คือนักเรียนแรงงานข้ามชาติทางฝั่งด่านลาวและกัมพูชา อันนี้อนาคตจะไปอีก ก็ทำให้พบว่า เรื่องราวของนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร นอกจากจำนวนที่หน่วยราชการ แต่ละหน่วยพูดไม่ตรงกัน จำนวนนักเรียนที่ สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการให้ตัวเลขไว้ว่า มีประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน แต่หน่วยงานอื่น ๆ จะให้ไม่ตรงกัน นอกจากนั้นจากกรณีที่ดิฉัน ได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัดก็พบว่ามันมีปัญหาทับซ้อนหลายมิติ ดิฉันได้ลงพื้นที่ไปที่จังหวัด เชียงใหม่ ไปที่อำเภอเชียงดาว ไปพูดคุยกับโรงเรียนในพื้นที่อำเภอเชียงดาว โดยเฉพาะ โรงเรียนอรุโณทัยวิทยาคม
โรงเรียนอรุโณทัยวิทยาคม ได้พบกับท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ท่านได้ให้ข้อมูลว่าจริง ๆ แล้วเรื่องการลงรหัส G รหัส G นี่ประชาชนทางบ้านอาจจะไม่เข้าใจ จริง ๆ ดิฉันได้เคยพูดในที่ประชุมสภานี้ หลายครั้งแล้ว ขอทบทวนเล็กน้อย คือเป็นรหัสที่กระทรวงศึกษาธิการสร้างขึ้นเพื่อใช้ ในการให้สิทธิเข้าถึงการศึกษากับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรได้เข้าเรียนก่อน แล้วก็เพื่อทางสถานศึกษาหรือโรงเรียนจะได้ไปเบิกงบรายหัวมาจัดการศึกษาให้กับ นักเรียนนั้น นักเรียนที่จะได้รหัส G จะเป็นนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร คนทั่วไป บางทีจะเข้าใจผิด จะนึกถึงแต่นักเรียนที่เป็นลูกหลานแรงงานข้ามชาติ แต่จริง ๆ ไม่ใช่ ทั้งหมด นักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรบางส่วนอาจจะเป็นเด็กไทยก็ได้ ก็ได้แก่เด็กที่ ไม่มีตัวตน ไร้รัฐ เด็กเร่ร่อน เด็กไร้บ้าน ซึ่งเขาอาจจะเป็นคนไทยก็ได้ เพราะฉะนั้นกลุ่มของ นักเรียนที่จะเข้าข่ายว่าเป็นนักเรียนไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรมีหลายกลุ่ม จากที่ดิฉัน ไปลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผอ. โรงเรียนได้บอกว่าทางกระทรวงศึกษาได้ออก Generate Code หรือรหัส G ไว้เรียบร้อยแล้วและออกคู่มือด้วย ได้ออกคู่มือ ออก Infographic เพื่อเป็น แนวปฏิบัติให้ครูได้ใช้ในการลงรหัส แต่ผลปรากฏว่าในความเป็นจริงหลาย ๆ โรงเรียน ยังติดขัดไม่สามารถลงได้ ครูหลาย ๆ คนกลัวความผิด ยิ่งเกิดกรณีโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ที่อ่างทองขึ้นมา ครูหลายโรงเรียนไม่กล้าลง ดิฉันได้พูดคุยกับ ผอ. โรงเรียนอรุโณทัยวิทยาคม ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ก็ปรากฏว่าครูก่อนหน้านี้และ ผอ. ก่อนหน้านี้ ไม่กล้าลงรหัส แต่พอ ผอ. ท่านใหม่ท่านมาท่านเห็นแก่สิทธิของเด็กเป็นเบื้องต้น ท่านจัดการ ลงให้ทีเดียวหลายร้อยคน อันนี้จะเห็นได้ว่าแต่ละโรงเรียน ครูแต่ละคนมีวิธีปฏิบัติ ที่ไม่เหมือนกันเลย ทางกระทรวงศึกษาธิการจริง ๆ ก็ต้องชื่นชมที่ได้ทำคู่มือสำหรับ การลงและออกรหัส G ให้กับโรงเรียนแต่ละโรงเรียน แต่ว่าครูแต่ละท่านก็ยังมีความเข้าใจ คลาดเคลื่อนกัน ไม่ตรงกัน นี่เป็นปัญหาที่ ๑ ทีนี้เรื่องรหัส G ไม่ได้เชื่อมโยงเฉพาะ กระทรวงศึกษาธิการ นักเรียนที่ได้รหัส G แล้ว ท่านทราบไหมคะ เขาได้สิทธิทางการศึกษา แต่เขายังขาดสิทธิอีกหลายด้าน ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานในการเป็นมนุษย์ เป็นสิทธิพื้นฐาน ในการดำรงชีวิต นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญมากที่ทำให้ดิฉันเห็นว่าสภาแห่งนี้จำเป็นจะต้อง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาแนวทาง เพราะว่านักเรียนที่ได้รหัส G แล้วนั้น เขาจะยังออกนอกพื้นที่ไม่ได้ เขาจะออกนอกพื้นที่ ออกไปต่างอำเภอ ไปเยี่ยมญาติ หรือไปธุระ หรือแม้แต่ไปสอบ ดิฉันไปเจอนักเรียนบางคนที่เป็นนักเรียน ม. ๖ เตรียมตัว จะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะออกนอกพื้นที่เขาหวั่นเกรงกันมาก แล้วก็มาปรึกษาหาแนวทาง ที่จะไป ออกนอกพื้นที่ไม่ได้ นอกเหนือไปจากนั้นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิการรับบริการสาธารณสุข ก็ไม่ได้ เพราะรหัส G จะให้สิทธิทางการศึกษาเท่านั้นจะเห็นได้ว่าเหล่านี้จริง ๆ เป็นช่องทาง พอนักเรียนเหล่านี้แม้จะได้รหัส G จากกระทรวงศึกษาธิการ แต่ออกนอกพื้นที่ไม่ได้ ก็จะเป็น ช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ และมีนักเรียนผู้หญิงหลายรายถึงขนาด โดนล่วงละเมิดทางเพศด้วย จากการที่เขาถูกกดทับเรื่องออกนอกพื้นที่ไม่ได้ นอกจาก ต้องเสียส่วยใต้โต๊ะ นักเรียนหญิงบางรายโดนล่วงละเมิดทางเพศ เหล่านี้เป็นปัญหา ที่หมักหมมมานาน และยังสิทธิทางด้านสาธารณสุขอย่างที่ดิฉันบอกแล้วว่าแม้จะได้รหัส G แต่สิทธิการรักษาพยาบาล หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเขาก็จะไม่ได้รับ เรื่องนักเรียนรหัส G จึงเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน นอกจากจะเกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ยังเกี่ยวข้อง กับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวง พม. สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจริง ๆ ดิฉันได้พูดคุยกับเพื่อน สส. หลายคน ได้ปรึกษากันมาก่อนว่าจริง ๆ เรื่องนี้จะเอา เข้าคณะกรรมาธิการสามัญได้ไหม คือคณะกรรมาธิการการศึกษา ซึ่งตัวดิฉันเองก็นั่งเป็น กรรมาธิการ แต่จากที่ดิฉันแถลงให้ที่ประชุมสภาที่นี้รับทราบว่ากรณีนักเรียนที่ไม่มีหลักฐาน ทะเบียนราษฎรไม่ได้เป็นแค่เรื่องสิทธิทางการศึกษา และไม่ได้อยู่แค่เนื้องานของ กระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น ยังเกี่ยวพันกับหน่วยงานอื่น เกี่ยวพันกับกฎหมายและกฎ ระเบียบอีกมากมาย จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา เพื่อศึกษาแนวทางการจะจัดการศึกษา แล้วก็จัดรับรองสิทธิด้านอื่น ๆ เพื่อเพิ่มและเสริม เติมความเป็นมนุษย์ที่เขาขาดหายไป จึงไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยท่านประธานคะ ที่สภาแห่งนี้ เราจะไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องนี้ เมื่อตอนที่ดิฉันเริ่มดำเนินการเรื่องนี้ ใหม่ ๆ มีหลายคนมา Comment ใน Social media ใน Facebook page หรือTwitter ของดิฉันในหลายประเด็น เช่น นักเรียนไทยยังไม่ได้รับการศึกษาที่ดีเลย ไม่เสมอภาคเลย ยังขาดตกบกพร่อง ทำไมมาจัดการศึกษามาดูของนักเรียนต่างชาติ อันนี้ดิฉันอยากจะ ขอชี้แจงว่าในกรณีนักเรียนไทยหรือนักเรียนชาติอะไรก็ตาม ดิฉันยินดีที่จะร่วมผลักดัน ให้สิทธิทางการศึกษาที่เสมอภาคแก่ทุกคน เราต้องมองเขาเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ต้องมอง เขาว่าเขาก็เป็นพลเมืองโลกเหมือนเรา และมีบางคนออกมาพูดว่าถ้าให้ดำเนินการ เรื่องขึ้นทะเบียนรหัส G และให้สิทธิอื่น ๆ เพิ่มกับนักเรียนแรงงานข้ามชาติต่าง ๆ เหล่านี้ จะทำให้มากลืนชาติ บางคนคิดไปไกลขนาดนั้น จะมากลืนชาติเราไหม จะเป็นภัยต่อ ความมั่นคงไหม ดิฉันอยากขอนำเรียนท่านประธานว่ายิ่งเราไม่รู้ตัวเลข ไม่สามารถ จัดระเบียบนักเรียนกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ นั่นละค่ะยิ่งเป็นภัยมากกว่า สิ่งอะไรก็ตามถ้ามันอยู่ใน ที่มืด ที่สลัว อยู่ใต้โต๊ะ มันจะยิ่งเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ถ้าเราทำเรื่องนักเรียนแรงงาน ข้ามชาติ นักเรียนลูกหลานชาติพันธุ์ หรือเด็กเร่ร่อน เด็กไร้บ้านหลาย ๆ กลุ่มที่ไม่มีหลักฐาน ทะเบียนราษฎรเหล่านี้เข้ามาอยู่ร่วมกัน จะเป็นผลดีต่อเรื่องความมั่นคงของประเทศ ผลดี มาก ๆ ของการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญในครั้งนี้ มันจะส่งผลต่อเนื่องอีกหลายอย่าง นอกจากคณะกรรมาธิการนี้จะเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งแม้แต่ข้อมูลนักเรียนรหัส G แต่ละหน่วยงานยังพูดไม่ตรงกันเลยค่ะท่านประธาน อย่างที่ดิฉันแจ้ง มันข้ามกระทรวง ข้ามหน่วยงาน ประสานงานกันยุ่งยากมาก ข้าราชการ ครู ปลัดอำเภอที่ดิฉันไปเจอ ก็จะให้ข้อมูลไม่ตรงกัน จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางคือคณะกรรมาธิการวิสามัญนี้ ที่จะเรียกปลัดกระทรวงของทุก ๆ กระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาอยู่ในคณะกรรมาธิการ วิสามัญนี้ แล้วจะได้มาช่วยกันออกแบบวางวิธีที่จะสร้างกลไกที่จะทะลุทะลวงท่อที่ตันอยู่ ในตอนนี้ในการที่จะรับรองสิทธิของนักเรียนเหล่านี้ จึงไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่สภาเราจะไม่ตั้ง จึงอยากวิงวอนถึงเพื่อน สส. ผู้ทรงเกียรติทุก ๆ พรรคขอให้มาร่วมมือกันทำเรื่องนี้ เพราะว่า ประเทศไทยเรา จากผลการรายงานของ NGO หลายหน่วยงานพบว่าประเทศไทยเราติด ๑ ใน Top five หรือ ๑ ใน ๕ ของประเทศที่มีเด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติ หรือเด็กที่ไม่มีสถานะ ทางทะเบียนราษฎรสูงที่สุดในโลก ยิ่งประเทศไทยเราในรอบหลายปีที่ผ่านมา ประเทศ เพื่อนบ้านเรามีสถานการณ์การสู้รบ เพราะฉะนั้นจึงขอให้ทุกท่านมาร่วมกันตั้ง คณะกรรมาธิการนี้แล้วมาช่วยกันทะลุทะลวงท่อที่มันตันเหล่านี้ คืนสิทธิความเป็นคนให้กับ เด็กกลุ่มนี้ทุก ๆ คน ร่วมกันช่วยกันเถอะค่ะ ขอบคุณค่ะท่านประธาน
กราบเรียนท่านประธาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้ดิฉันตั้งใจตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะได้พบท่านรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านเพิ่มพูน ชิดชอบ แต่เอาล่ะในเมื่อท่านไม่มาตอบ ส่งท่าน รัฐมนตรีช่วยมาดิฉันก็ดีใจแล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะขอตั้งข้อสังเกตสักเล็กน้อยว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการท่านไม่ค่อยได้มายังสภาอันทรงเกียรตินี้เลยนะคะ แต่ไม่เป็นไรในเมื่อ วันนี้ท่านอาจจะติดภารกิจท่านเลยไม่ได้มา เราเพิ่งผ่านวันเด็กแล้วก็ผ่านวันครูกันไปหมาด ๆ ในวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมาเราได้ยินคำขวัญวันเด็กสวยหรูแปลกใหม่จากท่านนายกรัฐมนตรี และเราได้ยินนโยบายสำคัญของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่ท่านรับ ตำแหน่งใหม่ ๆ ท่านให้นโยบายสำคัญไว้ว่า เรียนดี มีความสุข ดิฉันฟังแล้วขนลุกเลยค่ะ ฟังแล้วขนลุก แล้วก็มีความหวัง มีความฝัน ฝันอย่างสูงสุด ฝันทุกวันเลยว่าอยากให้เด็กไทย เรียนดี มีความสุข ตามนโยบายที่ท่านประกาศ แต่ดิฉันคิดว่าดิฉันคงฝันค้าง เพราะอะไรหรือคะ ด้วยความเคารพนะคะ จะเรียนดี มีความสุขได้อย่างไรคะ ในเมื่อครูไทย นักเรียนไทย ยัง Pain Point หรือมีความเจ็บปวดในหลายเรื่อง ได้ยินข่าวกันทุกวัน จึงเป็นที่มาที่ดิฉันต้อง ตั้งกระทู้ในวันนี้ค่ะท่านประธาน ไม่กี่วันมานี้เองก็มีข่าวใหญ่ปรากฏเป็นคลิปเด็กนักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๑ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน แชร์ลง Social Media ให้เห็นเมนูอาหารที่แท้จริงของโรงเรียนเขาที่ช่างแตกต่างอย่างมากกับอาหารในวันที่ มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปตรวจเยี่ยม ผักชีเยอะเลยค่ะท่านประธาน แต่ดิฉันไม่ได้หมายถึงผักชีที่ใส่แกงจืดนะคะ แต่หมายถึงผักชีโรยหน้าค่ะ ผักชีโรยหน้า เต็มไปหมด อาหารในวันที่ผู้หลักผู้ใหญ่ไปตรวจเยี่ยมเขาจะแบบหนึ่ง แต่พอไปดูวันจริง ๆ อาหารจริง ๆ ที่เขารับประทานอีกแบบหนึ่ง จึงบอกว่า ผักชีเต็มไปหมด เราทุกคนก็คงเห็น ตามภาพข่าวแล้วที่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๑ แม่ฮ่องสอนแชร์กันมา อาหาร จริง ๆ ที่เขากินแตกต่างจากวันที่ผู้บริหาร ผู้หลักผู้ใหญ่ไปตรวจเยี่ยม อาหารจริง ๆ ที่เขากิน มีแค่ข้าวสวย ๑ ทัพพี มีไข่ต้ม ๑ ฟอง น้ำพริกตาแดง ๑ ถุงพลาสติกเล็ก ๆ แล้วอย่างนี้ เด็กจะเรียนดี มีความสุข ได้ตามนโยบายของท่านเพิ่มพูนได้อย่างไร ด้วยความเคารพนะคะ ดิฉันยิ่งสลดมากขึ้น และคนเป็นครูทั่วประเทศก็คงยิ่งสลด จากการที่นักเรียนโรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ ๒๑ ถ่ายรูปลง Social Media ผลปรากฏว่า ผอ. โรงเรียนนี้แจ้งความ จับลูกศิษย์ตัวเอง คนเป็นครูคงสลดกันถ้วนหน้า แล้ว ผอ. คนดังกล่าวตามข่าวก็ไม่รู้ว่า ย้ายมาดำรงตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างไร ตามประวัติก็มีว่ามีประวัติที่อาจจะไม่ค่อยจะดีนัก จากโรงเรียนเดิม เอาล่ะท่านประธานคะ กรณีโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๑ สุดท้าย เป็นข่าวดัง เพราะได้พลัง Social Media ผู้ใหญ่ในกระทรวงจึงมีคำสั่งย้าย ผอ. ออกนอก พื้นที่เป็นการชั่วคราว แต่ด้วยความเคารพนะคะ ดิฉันอยากจะฝากท่านประธานถามถึง ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า ท่านจะให้ความมั่นใจกับคดีนี้อย่างไร จะให้ ความมั่นใจกับนักเรียน ครู ผู้ปกครองและกับสังคมไทยว่า กรณีนี้จะเป็นกรณีที่ตัดสิน บนความถูกต้อง ไม่ช่วยเหลือกันเองระหว่างข้าราชการด้วยกัน เพราะจริง ๆ แล้วข่าวทุจริต อาหารกลางวันในโรงเรียนจนเด็กทานไม่อิ่มหรืออาหารด้อยคุณภาพ เป็นปัญหาซ้ำซากมาก ก ล้านตัว ได้ยินข่าวกันทุกวัน และพอมีข่าวก็ตั้งกรรมการสอบสวน สอบสวน สอบสวน สอบสวนกันอยู่นั่นล่ะ แต่จริง ๆ แล้วการทุจริตเป็นโทษวินัยร้ายแรงของข้าราชการต้อง ไล่ออกสถานเดียว ขนาดโทษร้ายแรงไล่ออกนะคะ บทลงโทษจะรุนแรงแล้ว แต่ก็ยังมีกรณี ทุจริตเกิดขึ้นทุกวัน เพราะอะไรล่ะคะ ก็เพราะว่าคนที่ทุจริตรอดแทบทุกกรณี แสดงให้เห็นถึง การมีช่องโหว่หรือช่องว่างทางกฎหมายที่เอื้อให้ผู้บริหารและครูที่เขาฮั้วกัน โดยเฉพาะ ถ้า ผอ. กับฝ่ายการเงิน ฝ่ายพัสดุฮั้วกัน จะทุจริตได้เสมอ
กราบขอบพระคุณท่านประธาน ด้วยความเคารพนะคะท่านเพื่อนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ดิฉันใช้เวลาไป ๕ นาที ๗ วินาทีค่ะ และจริง ๆ แล้วในการที่จะตั้งกระทู้ถามมันต้องเล่าเนื้อหาเกริ่นนำ เล่าถึงสถานการณ์ ที่นำไปสู่ปัญหาก่อน ด้วยความเคารพนะคะ แล้วจริง ๆ พอท่านถามขึ้นมาดิฉันสะดุดเลย จริง ๆ ดิฉันกำลังจะเข้าคำถามเมื่อวินาทีนี้แล้ว กำลังจะเข้าเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร ดิฉันจะ ตัดเข้าคำถามที่ ๑ ถามท่านรัฐมนตรีเลยนะคะว่า กรณีโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ รวมถึงโรงเรียน สพฐ. ต่าง ๆ มีปัญหาเรื้อรังเรื่องทุจริตค่าอาหาร ท่านทราบบ้างไหมคะว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น กี่โรงเรียน และตั้งแต่ท่านมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีท่านจะมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไข อย่างไรโดยที่ไม่ใช่การทำแบบวัวหายล้อมคอก แต่อยากให้ท่านแก้ไขปัญหาที่ได้ผลอย่าง ยั่งยืน เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ท่านคะด้วยความเคารพ ฝากท่านประธานถึงท่านรัฐมนตรี ดิฉันขอคำตอบที่เป็นรูปธรรมเนื้อ ๆ เน้น ๆ เลยนะคะท่าน
ฝากขอบคุณท่านรัฐมนตรี ที่ตอบนะคะ ฝากท่านประธานขอบคุณไปด้วย ท่านประธานคะ แต่ว่ากรณีที่ท่านตอบเรื่องว่า ท่านใช้ Application School Lunch คือตัวดิฉันก็เป็นคนส่งเสริมเทคโนโลยีนะคะ ดิฉัน ก็ชื่นชอบแล้วก็เห็นว่าเด็กยุคใหม่ต้องมีการใช้เทคโนโลยี แต่ดิฉันกังวลนะคะท่านประธาน เรื่องความเหลื่อมล้ำ เด็กในหลายโรงเรียนน้ำไฟยังไม่มีเลยค่ะ น้ำไฟยังเข้าไม่ถึงเลย แล้ว Application School Lunch มันจะใช้ได้อย่างไรคะ ฝากข้อสังเกตสักเล็กน้อยนะคะ แล้วชั่วโมงอินเทอร์เน็ตที่ครูจะเอามาใช้ใน Application นี้เพื่อบันทึกภาพอาหารกลางวัน ต่าง ๆ ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ไม่ได้สนับสนุนชั่วโมงอินเทอร์เน็ต อันนี้ฝากเป็นข้อสังเกต ถึงท่านประธานด้วยนะคะ แล้วกรณีเรื่องทุจริตดิฉันดีใจมากที่ท่านรัฐมนตรีตั้งใจจริงที่จะแก้ เพราะว่าเพื่อนสมาชิกดิฉันให้ข้อมูลว่าจากข้อมูล ป.ป.ช. กรณีทุจริตในแวดวงการศึกษา เป็นอันดับ ๒ ของประเทศรองจาก อปท. มีถึง ๕,๐๐๐ กว่าเคสทั่วทุกสังกัดทั่วประเทศ ก็ฝากให้ท่านทำอย่างจริงจังในการจะปราบทุจริตนะคะ
ทีนี้มาถึงคำถามที่ ๒ เกี่ยวเนื่องกับคำถามแรก ดิฉันขอย้อนข่าวที่เก่าไป สักเล็กน้อย กรณีเรื่องราวสะเทือนใจแวดวงการศึกษาอีกแล้วนะคะ แต่เก่ากว่าข่าว ราชประชานุเคราะห์ ๒๑ คือครูท่านหนึ่งในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทุจริตวัตถุดิบอาหารกลางวันจนสำนักงานเขตพื้นที่นี่มีคำสั่งปลดครูท่านนี้ ออกจากราชการ เอาล่ะเรื่องคดีดิฉันจะไม่ก้าวล่วง ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ที่ดิฉันสนใจคือการให้ครูต้องมาตรวจรับวัตถุดิบอาหารกลางวัน ครูมีหน้าที่สอนนะคะ ครูไม่ได้มีความรู้เรื่องวัตถุดิบอาหารกลางวัน อาหารสด อาหารแห้ง และยังเรื่องงานพัสดุ งานจัดซื้อจัดจ้าง งานจัดซื้อจัดจ้างนี่เป็นปัญหามากค่ะท่านประธาน เพราะว่าปัจจุบันนี้กระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะ สพฐ. ใช้ระบบขั้นบันไดใช้เกณฑ์นักเรียน ๔๐ คน แล้วมันเกิดความไม่ยุติกรรมในการคำนวณรายหัวค่าอาหารกลางวัน ดิฉันอยากให้ เปลี่ยนเกณฑ์ตรงนี้ และนอกเหนือจากระบบจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องดึงครูออกจากห้องเรียน ไปรับงานพัสดุ งานจัดซื้อจัดจ้าง แล้วทำให้เกิดเป็นคดีเหมือนครูที่อำเภออมก๋อย เชียงใหม่ ต้องมารับโทษ แต่ครูท่านนี้ไม่ใช่คนแรกและคงจะไม่ใช่คนสุดท้าย อยากจะให้ท่านเร่งแก้ไข แล้วก็ไม่ใช่แก้ด้วยการโยนหน้าที่กลับไปที่ ผอ. เขตพื้นที่ เพราะว่าไม่กี่วันมานี้ สพฐ. ออกคำสั่งให้ ผอ. เขตมีอำนาจในการจัดซื้อจัดจ้างโรงเรียนขนาดเล็ก แต่เป็นแรงกดดันให้ ผอ. เขตอึดอัดมากค่ะ ผอ. เขตอึดอัดบ่นกันมาที่พรรคก้าวไกล และบ่นกันมาที่ตัวดิฉัน เป็นจำนวนมากที่จะต้องมาทำภาระเรื่องงานจัดซื้อจัดจ้าง และบางเขตพื้นที่ก็ให้ครู แต่ละโรงเรียนทำเหมือนเดิมก็ไม่ได้เกิดมรรคผลอะไรขึ้นมาเลย ท่านทราบหรือไหมคะว่า เกิดอะไรกับระบบจัดซื้อจัดจ้างที่มันเละเทะตุ้มเป๊ะเช่นนี้ ดิฉันจึงขอฝากท่านประธานถามไป ยังท่านรัฐมนตรีเป็นคำถามที่ ๒ ว่าการที่ท่านให้ครูมารับผิดชอบตรวจรับและทำระบบจัดซื้อ จัดจ้างวัตถุดิบอาหารกลางวันมันไม่ถูกต้อง ควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายพัสดุโดยตรง โรงเรียนต้อง มีฝ่ายพัสดุ รวมไปถึงฝ่ายธุรการ ฝ่ายการเงิน ปัญหานี้เรื้อรังมานาน อยากจะขอทราบ วิธีแก้ไขที่เป็นรูปธรรมจากท่านรัฐมนตรี ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณนะคะท่านรัฐมนตรี ที่เรื่องเกี่ยวกับอัตรานักการภารโรง ๑๒,๐๐๐ อัตราที่ท่านจะคืนให้กับโรงเรียน แล้วดิฉัน อยากจะขอฝากท่านอีกสักเล็กน้อยว่ายกเลิกเรื่องนอนเวรของครูเถอะค่ะ เพราะว่าครูเขามี ความเจ็บปวดเรื่องนี้กันมาก อาจจะใช้นักการภารโรงร่วมเป็น รปภ. เฝ้าโรงเรียน หรือใช้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น กล้องวงจรปิด หรืออาจจะทำความตกลงกับตำรวจพื้นที่ให้วนเวียน มาดูนะคะ ถ้าท่านเลิกได้จะเป็นการช่วยลดภาระครูอย่างใหญ่หลวงเลยค่ะ ฝากเรื่องนอนเวร ด้วยนะคะ
ทีนี้มาถึงคำถามที่ ๓ ดิฉันขอเกริ่นนำสักเล็กน้อยเป็นข่าวเก่าและไม่นานนี้เอง เกี่ยวกับเรื่อง รอง ผอ. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๕ จังหวัดตาก กระทำการคุกคามทางเพศ ลูกศิษย์ในโรงเรียนตัวเอง ล่อลวงด้วยอำนาจที่เหนือกว่า ทั้งอำนาจในโรงเรียนและอำนาจ เงิน และด้วยตำแหน่งแห่งที่เป็นถึงรอง ผอ. และในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์เป็นโรงเรียน ประจำ นักเรียนโดยส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนชาติพันธุ์ที่เขามีอำนาจต่อรองน้อยกว่าอยู่แล้ว และการที่ ผอ. โรงเรียนที่มีอำนาจเหนือกว่าทำการคุกคามทางเพศเช่นนี้ ทำให้นักเรียน ไม่กล้าแจ้งความ และดิฉันทราบมาว่านักเรียนเขามีหลักฐาน แล้วเขาแจ้งผู้บริหารโรงเรียนไป แต่ผู้บริหารก็ไม่ดำเนินการลงโทษทางวินัย ตั้งใจปล่อยเบลอช่วยเหลือรอง ผอ. คนนั้น เพราะว่าคนนั้นพอได้ยินมาว่ารอง ผอ. คนนี้ทำแบบนี้การเด็กนักเรียนมาหลายปี ไม่มีใคร จัดการ จนกระทั่งนักเรียนช่วยหาหลักฐานที่ชัดเจนเป็นหลักฐาน Chat ทาง LINE ที่ชัดเจน แต่ต่อมาก็โดนครูและผู้บริหารบางคนสั่งให้เงียบอีก ไม่ให้เอาเรื่อง แต่สุดท้ายเรื่องมันแดง เพราะว่า Social Media อีกแล้วค่ะที่ช่วยกันขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วเคสนี้ตอนนี้ก็ย้าย รอง ผอ. ออกนอกพื้นที่เป็นการชั่วคราว ตั้งกรรมการสอบสวนนะคะ แต่ดิฉันก็ขอความมั่นใจ จากท่านประธานฝากไปถึงท่านรัฐมนตรีว่าจะให้ความมั่นใจกับสังคม กับนักเรียน กับครูไทย ได้อย่างไรว่ากรณีนี้จะตัดสินบนความถูกต้อง ไม่ช่วยเหลือกันเองระหว่างข้าราชการด้วยกัน เพราะว่ากรณีราชประชานุเคราะห์ จังหวัดตาก ผู้บริหารโรงเรียนช่วยเหลือปกป้องรอง ผอ. มาก่อนหน้านี้ตลอด แล้วอีกเคสหนึ่งดิฉันไปรับเคสมากับเพื่อน สส. ในพรรคก้าวไกลของดิฉัน เป็นเคสที่จังหวัดนนทบุรี ที่ครูพละคุกคามทางเพศนักเรียนอายุ ๑๔ เท่านั้น ส่งภาพอวัยวะเพศ ให้กับนักเรียน มีหลักฐานทุกอย่างครบ เหมือนเดิม ย้ายครูพละออกนอกพื้นที่และตั้งกรรมการ สอบสวน แต่จนทุกวันนี้ยังไม่เห็นทางกระทรวง และ สพฐ. ดำเนินการอะไรที่เด็ดขาด หรือจะรอให้ข่าวมันเงียบ เพราะคิดว่าคนไทยลืมง่ายนะคะ ก็อยากจะฝากท่านประธานเกี่ยวกับเรื่องกรณีการคุกคามทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดิฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก คนที่เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นนี้ และถ้าเกิดมีขึ้นมาต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ดิฉันจึงขออนุญาตท่านประธาน ฝากถามไปถึงท่านรัฐมนตรีว่า กรณีตัวอย่างกรณีคุกคามทางเพศที่เรื้อรัง ยาวนาน รุนแรง และยาวนาน ท่านจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรที่เป็นรูปธรรม และอีกส่วนหนึ่งในคำถามนี้ดิฉัน ขอจากท่าน ท่านจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านคุกคามทางเพศ ฝากตราบาปไว้กับนักเรียนหญิงเหล่านี้ที่เขาจะมีรอยแผลลึกในใจตลอดต่อไปทั้งชีวิต ท่านจะ รับผิดชอบอย่างไรคะ ขอบคุณค่ะ
ขอเสนอแนะนิดเดียวค่ะ จริง ๆ คำถามที่ ๓ เมื่อสักครู่ดิฉันมีส่วนหนึ่ง ก็คืออยากจะขอการแสดงความรับผิดชอบจากทาง กระทรวงศึกษาธิการต่อบรรดานักเรียนผู้เสียหาย ขอให้ท่านขอโทษอย่างจริงใจต่อนักเรียน และครอบครัวที่เขาจะต้องอยู่กับตราบาปและรอยแผลลึกนี้ไปอีกตลอดชีวิต ดิฉันขอแค่ คำขอโทษอย่างจริงใจจากผู้บริหารกระทรวงที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านกระทำผิดคุกคาม ทางเพศ ดิฉันต้องการแค่นี้ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
กราบเรียนประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล วันนี้จะขอหารือท่านประธานไปถึงยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ๒ เรื่องค่ะ
เรื่องแรก คะแนน PISA ที่เพิ่งออกมาน้อยมาก ๆ น้อยเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยเรานี้ ปัจจุบันไม่ตอบโจทย์แล้วนะคะ ท่านรัฐมนตรีต้องรีบปรับปรุงทันทีมาเน้นการคิดวิเคราะห์นะคะ ดิฉันไม่อยากให้มีการโทษ การท่องจำ เพียงแต่ว่าท่องจำแล้วครูที่สอนจะต้องรู้จักต่อยอดไปสู่การคิดวิเคราะห์ ซึ่งหลักสูตรแกนกลางในปัจจุบันไม่ตอบโจทย์เรื่องนี้แล้วนะคะ ดิฉันขอเรียนนำเสนอ ฝากท่านประธานไปถึงรัฐมนตรีว่าควรปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ มาเน้นใช้หลักสูตรที่นักวิชาการ พูดถึงมานานแล้ว คือหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ไปติดแหง็กอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ อยากให้นำกลับมาใช้ควรใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ ๖ ด้าน คือ ๖ ด้านนี้มันเหมาะกับ การศึกษายุคใหม่หลายประเด็นเลย ดิฉันจะพูดยกตัวอย่างหลักสูตรฐานสมรรถนะ ๖ ด้าน อย่างเช่น สมรรถนะการจัดการตนเอง อันนี้เหมาะมากสำหรับนักเรียนไทยที่จะอยู่ แล้วก็ ปรับตัวให้ทันสมัยในโลกปัจจุบัน หรืออีกอย่างสมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง อันนี้เป็นสมรรถนะที่สำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการควรจะเร่งปรับให้นักเรียนไทย ได้มีสมรรถนะด้านนี้ ดีกว่าที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการออกมาให้ปรับปรุงวิชาหน้าที่พลเมืองกับวิชาประวัติศาสตร์ไทย ไม่นานมานี้ มาใช้เป็นสมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งดีกว่า หรืออย่างสมรรถนะ การคิดขั้นสูง อันนี้ตรงกับ PISA เลย อยากให้ท่านเตรียมปรับหลักสูตรครั้งใหญ่พร้อมกับ Reskill Upskill ครูไทยครั้งใหญ่ไปด้วย
เรื่องที่ ๒ กรณีข่าวครูท่านหนึ่งในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีเรื่อง ทุจริตเกี่ยวกับอาหารกลางวัน ท่านต้องเร่งแก้เรื่องภาระครู ภาระงานครูที่หนักมาก ครูเขา จะตายกันทั่วประเทศแล้วค่ะ อยากให้ท่านแก้เรื่องปัญหาครูธุรการ เมื่อวานนี้ท่านไปประชุม ใช้วิธีบริหารทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งธุรการโรงเรียนร่วมกัน ๔ โรงเรียน เมื่อวานท่านไปนำร่องที่ลำปาง ดิฉันว่ามันยังแก้ไม่ตรงจุด เพราะว่าแบ่งธุรการ ๔ โรงเรียน ร่วมกัน แต่บางโรงเรียนที่ไกลจากเขตพื้นที่ก็ยังยุ่งยากเหมือนกันในการจัดซื้อครุภัณฑ์ ดิฉันว่ายังเป็นการแก้ไม่ตรงจุด มันจะเป็นการเพิ่มภาระให้ครู อยากให้ท่านเร่งแก้เรื่องภาระครู ที่หนักอึ้ง ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ดิฉันขออภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย แพ่งพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... วันนี้ที่ดิฉันลุกขึ้นพูด ดิฉันลุกขึ้นพูดด้วยหัวใจ ด้วยหัวใจของ ดิฉันที่ดิฉันเป็น LGBT คนหนึ่ง แล้วก็เกิดขึ้นมาในยุค ๕๐ ปีที่แล้วที่สังคมยังไม่ได้โอบรับ LGBT เท่าทุกวันนี้ และดิฉันลุกขึ้นพูดด้วยหัวใจแห่งการที่ตัวเองเป็น LGBT แล้วก็เป็นครูด้วย ดิฉันจึงไม่พูดเรื่องการกดทับสิทธิเสรีภาพของ LGBT ในสถานศึกษา ในระบบการศึกษา ในโรงเรียนไม่ได้ ก่อนอื่นที่ดิฉันจะอภิปราย ดิฉันต้องขอขอบคุณพรรคก้าวไกล ขอบคุณครู ธัญวัจน์ ขอบคุณคุณกอล์ฟ ธัญญ์วาริน ขอบคุณคุณเตอร์ณธีภัสร์ และขอบคุณเพื่อน สส. พรรคก้าวไกลทุกคน รวมถึงขอบคุณทุกคนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันผลักดันให้มีประวัติศาสตร์ ของ LGBT ไทยในวันนี้ และก่อนที่ดิฉันจะเข้าประเด็นเรื่องการกดทับ LGBT ในโรงเรียน ดิฉันขอเชิญชวนเพื่อน สส. ทุกท่าน วันนี้ขอให้อยู่จนถึงยกมือโหวต เพราะดิฉันกลัวว่า เนื่องจากมีผู้อภิปรายเป็นจำนวนมาก มันอาจจะเลยไปถึงดึกหน่อย กลัวว่าองค์ประชุม จะไม่ครบ ดิฉันอยากขอฝากคำเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงท่านเพื่อน สส. ทุกพรรคให้มาร่วมแรงร่วมใจ กันในวันนี้ ขอฝากถึงท่านว่าให้ท่านอยู่จนถึงยกมือ เพราะประชาชนทุกคนกำลังจับจ้องท่านอยู่ สิ่งที่ดิฉันจะอภิปรายเน้นในวันนี้ คือเรื่องเกี่ยวกับการกดทับสิทธิเสรีภาพของ LGBT ในสถานศึกษา ระบบการศึกษาไทยเราในปัจจุบันหากดูผิวเผินจะดูเหมือนเปิดกว้างรับ LGBT ในโรงเรียน จะมีครูและนักเรียนเป็น LGBT กันมากขึ้น ดูเหมือนเปิด แต่จริง ๆ แล้วยังเปิด ๆ ปิด ๆ ยังเปิดแบบแง้ม ๆ ไว้ ยังมีครูและนักเรียนอีกมากมายที่ถูกหลายโรงเรียนกดทับ เรื่องนี้ไว้ การพูดของดิฉันและการที่สภาอันทรงเกียรติของเราในวันนี้จะผ่านพระราชบัญญัติ แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วันนี้เป็นแค่บันไดขั้นแรกยังจะต้องมีการทำ ความเข้าใจต่อสังคมและแก้กฎหมายอื่น ๆ ผลักดันกฎหมายอื่น ๆ อีกหลายฉบับตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีสิทธิเสรีภาพของ LGBT ในสถานศึกษา เพราะยังมีครูและนักเรียน อีกมากมายที่เป็น LGBT ที่ถูกกดทับไม่สามารถเลือกทางเดินชีวิต ไม่สามารถเลือกสิทธิ ในการแต่งกายเสื้อผ้าหน้าผมได้ตามเพศสภาพที่เขาต้องการ ดิฉันก่อนหน้านี้ได้เปิด Website ของสภา ดิฉันเห็นความคิดเห็นของประชาชนที่ชื่นชมร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ หลาย ๆ คนชื่นชมแสดงความคิดเห็นไว้มากมายว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ เป็นการประกันศักดิ์ศรี สิทธิเสรีภาพ และประกันความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน แต่กรณีการกดทับ LGBT ในสถานศึกษา หรือในโรงเรียนยังมีอยู่สูง ดิฉันขอเชิญชวนสังคมไทยและผู้เกี่ยวข้องในระบบการศึกษาไทยเข้ามาร่วมกันผลักดันต่อ หยุดอยู่แค่การแก้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ไม่ได้ ดิฉันได้อ่านบทความจาก Website iLaw บทความหนึ่งที่สะเทือนใจมากว่า เพศในสถานศึกษาถูกใช้เป็นอาวุธหนึ่งที่หยิบเอามา ใช้เพื่อกลั่นแกล้ง มีความรุนแรงในสถานศึกษาที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอีกมากมาย ดิฉันขอ เชิญชวนทุกท่านร่วมกันผลักดันไปกับพรรคก้าวไกล ไปกับครูธัญวัจน์และกับดิฉันจาก Website iLaw มีภาพหนึ่งที่สะเทือนใจขอสไลด์ภาพนี้หน่อยค่ะ
คือภาพที่นักเรียน LGBT วาดขึ้นมาเพื่ออธิบายการถูกรังแกจากเพื่อนนักเรียนในโรงเรียน Website iLaw ผู้วิจัย และผู้เขียนบทความนี้ไปสัมภาษณ์นักเรียน LGBT ที่ถูกเหยียดหยามว่าเขาถูกเหยียดหยาม มาทั้งชีวิตไม่ว่าจะเป็นคำ จริง ๆ มีคำบางคำดิฉันเอาออกเพราะว่ามันหยาบเกินที่จะเอามาพูด แต่ดิฉันคิดว่าทุกคนคงเข้าใจได้ จุด จุด จุด ไปตายเสีย จุด จุด จุด เกิดมาเสียชาติเกิด หรือ คำพูดว่าบางทีครูหลาย ๆ คนในโรงเรียนนี้ก็จะเสียดสีนักเรียนที่เป็น LGBT หรือเสียดสีเพื่อน LGBT ด้วยกันเพื่อนครูที่เป็น LGBT ด้วยกันว่าเป็น LGBT สักพักเดี๋ยวก็หายเอง คำเหล่านี้ เป็นคำลดทอนคุณค่าความเป็นคนของเขา คำต่าง ๆ เหล่านี้ที่ดิฉันเอามาจาก Website iLaw ดิฉันบอกได้เลยอย่างหนึ่งว่าคำที่ดิฉันก็ได้ยินมาทั้งชีวิต และดิฉันปรารถนาว่าคงจะไม่มี นักเรียนหรือครู LGBT คนไหนอีกแล้วที่จะได้ยินเช่นนี้ จริง ๆ สิ่งที่ดิฉันเตรียมมาพูดสไลด์ที่ ดิฉันเตรียมมาพูดในวันนี้มีมากมายหลายประเด็น แต่ว่าเนื่องจากเวลาจำกัดดิฉันจึง จำเป็นต้องรวบรัด มีข่าวนักเรียน LGBT หรือครู LGBT ที่ต้องการจะใช้สิทธิแต่งกายตาม เพศสภาพที่เขาต้องการ สิทธิในเสื้อผ้าหน้าผมที่เขาต้องการเขาไม่สามารถทำได้ ดิฉันอยากจะ ขอให้เราทุกคนระลึกถึงบุคคลอีกมากมายที่ตกหล่นข้างทาง เพื่อน ๆ สมาชิกหลายท่าน ได้พูดไปตอนต้นแล้วว่า กว่าที่เราจะมาถึงวันนี้วันที่สภาอันทรงเกียรติของเรากำลังจะรับ หลักการ พ.ร.บ. นี้ วาระที่ ๑ มีคนมากมายต้องตกหล่นอยู่ข้างทางต้องเสียชีวิตสังเวย ไปกับความไม่เข้าใจใน LGBT ดิฉันจึงหวังว่าในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของการที่สังคมไทยเราและวงการศึกษาของเราจะโอบรับทุกความหลากหลาย โอบรับทุกเพศ บนพื้นฐานแนวคิดถึงความเสมอภาคเท่าเทียม ดิฉันขอวิงวอนการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิ เสรีภาพของ LGBT ไม่ได้จบแค่วันนี้ ขอวิงวอนสังคม ขอวิงวอนประชาชนทุกคนจงขับเคลื่อน และมอบความเป็นมนุษย์คืนให้กับ LGBT ทุกคนไปด้วยกัน ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปกติในการอภิปรายในสภาแห่งนี้ ดิฉันเป็นครูทุกครั้งดิฉันจะใช้สไลด์ แต่วันนี้ ดิฉันจะขออภิปรายโดยไม่ใช้สไลด์ และไม่ใช้ Script ดิฉันจะขอใช้ร่างกายของดิฉันเป็นสไลด์ และใช้หัวใจเป็น Script สิ่งที่ดิฉันจะพูดจากนี้จะพูดจากก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณและหัวใจของ ดิฉันที่เป็นหญิงข้ามเพศอายุ ๕๑ ปีคนหนึ่ง ดิฉันเจ็บปวดกับคำนำหน้านามว่านาย นอ อา ยอ นาย มาตลอดชีวิต นี่เป็นความฝันสูงสุดของดิฉันสิ่งหนึ่ง ในการที่จะได้เปลี่ยนคำนำหน้าให้ตรงกับอัตลักษณ์ ทางเพศของดิฉันในปัจจุบัน ดิฉันฝันสิ่งนี้มานาน ความฝันสิ่งหนึ่งของดิฉันคือการได้เป็น ผู้หญิงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งดิฉันได้บรรลุความฝันเป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์ไปหลายสิบปีแล้ว แต่ความฝันที่ ๒ ที่สูงสุดของดิฉันอีกประการหนึ่งคือออกจากความเจ็บปวดที่ดิฉันถูกเรียกว่า นายทุกครั้ง เหมือนกับที่ท่าน สส. กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นชายข้ามเพศ อีกคนหนึ่งได้อภิปรายไปก่อนหน้านี้ ใครไม่เป็นบุคคลข้ามเพศไม่มีทางเข้าใจสิ่งนี้หรอกค่ะ ท่านประธาน ทุก ๆ ครั้งที่เราต้องไปติดต่อสถานที่ราชการ ทุก ๆ ครั้งที่มีการเอ่ยเรียกชื่อ ดิฉันว่า นายปารมี และพอดิฉันออกไปแสดงตัว คนที่เรียกจะถามว่า เรียกนายปารมีนะคะ ดิฉันเจ็บปวดที่จะต้องยืนยันกลับไปว่า นี่ละค่ะ ปารมี ไวจงเจริญ โดยดิฉันไม่เคยทวนคำว่า นายสักครั้ง ดิฉันฝันมาตลอดชีวิตที่จะให้ประเทศนี้และสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้มาร่วมกัน ถกเถียง ปรับแก้ สิ่งใดที่ท่านท้วงติงว่ามันจะต้องมีการแก้ไขและเกี่ยวข้องกับหน่วยราชการ ต่าง ๆ หรือกฎหมายอื่น ๆ เรามาร่วมกันปรับแก้ได้ ดิฉันขอวิงวอนจากหัวใจของหญิงข้ามเพศ ที่รอสิ่งนี้มานานตลอดชีวิต ขอวิงวอนพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกอันทรงเกียรติทุกท่าน ท่านมีข้อท้วงติงและมีข้อสงสัยในบางเรื่อง ข้อกังวลใจในบางเรื่อง เรามาร่วมกันแสดงข้อสงสัย หรือปรับแก้ในขั้นกรรมาธิการแปรญัตติได้ ดิฉันอยากขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่เมื่อวาน ท่านได้ประกาศหลักการสำคัญของพรรคเพื่อไทย ขออนุญาตดิฉันต้องเอ่ยนาม ว่าได้เคย หาเสียงเอาไว้จะสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของ LGBT หญิงข้ามเพศ ชายข้ามเพศ และคนที่มี ความหลากหลายทางเพศอย่างเต็มที่ ดิฉันต้องขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ดิฉันถือว่าสิ่งที่ ท่านได้แถลงข่าวเมื่อวานนี้เป็นสัญญาประชาคมที่ท่านได้ให้ไว้กับดิฉันและกลุ่มคนข้ามเพศ และกับประชาชนชาวไทย ดิฉันขอให้พรรคร่วมรัฐบาลได้โปรดเปลี่ยนใจทำตามนโยบายของ ท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้ให้สัญญาประชาคมว่าจะผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่ สิ่งนี้ไม่ว่าท่านมี ข้อกังวลใจในเรื่องว่าคำนำหน้านามที่อาจจะเกี่ยวกับกระทรวงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง สาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย หรือกังวลในเรื่องใบสูติบัตรก็ตาม หรือเอกสารทางราชการต่าง ๆ ดิฉันว่าปัจจุบันระบบทะเบียนราษฎรในไทยเป็นระบบ Online แล้ว สิ่งเหล่านี้เราน่าจะหากลไกที่จะป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดข้อบกพร่องได้ เพียงแต่ว่าขอความจริงใจและจริงจังจากพรรคร่วมรัฐบาลที่เราจะมาทำสิ่งนี้ ทำสิทธิเสรีภาพ ให้เต็มที่ คืนสิทธิเสรีภาพ คืนศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนให้กับบุคคลข้ามเพศทุก ๆ ประเภท ดิฉันยังมีความหวังอยู่ว่าไม่กี่นาทีหลังจากนี้พรรคร่วมรัฐบาลหลังจากได้ยินคำอภิปรายของ เพื่อนสมาชิกหลาย ๆ ท่านคงจะไปทบทวนดู อยากให้ทุกท่านมาร่วมกันเปิดประตูแห่งสิทธิ เสรีภาพคืนให้กับบุคคลข้ามเพศทุก ๆ กลุ่ม เพื่อเติมความฝันทั้งของคนข้ามเพศทุก ๆ กลุ่ม เติมความฝันของตัวดิฉันด้วย อย่าให้ดิฉันต้องเจ็บปวดกับคำนำหน้านามที่ดิฉันไม่ได้เลือก ขอวิงวอนทุกท่านมาร่วมมือกับพรรคก้าวไกล ร่วมมือกับดิฉันทำสิ่งนี้ ปรับแก้ตรงไหนได้ เรามาปรับแก้กัน ดิฉันขอวิงวอนเลยค่ะ ขอขอบคุณท่านประธานมากค่ะ
กราบเรียนประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะขออนุญาตปรึกษาหารือท่านประธานกรณีอำนาจนิยมและความรุนแรง ที่เกิดขึ้นติด ๆ กันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อย่างวันก่อนก็กรณีนักเรียนถูกแทงเสียชีวิต ในโรงเรียนย่านถนนพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร หรือเก่าไปกว่านั้นก็คือกรณีครูนำเข็ม ไปจิ้มปากนักเรียนถึง ๓๖ คนในจังหวัดสมุทรปราการ หรือในช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็มี นักศึกษามหาวิทยาลัยบางแห่งย่านสยามสแควร์ถูกแทงเสียชีวิต เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนถึง ปัญหาอำนาจนิยมและความรุนแรงในสถานศึกษา ซึ่งดิฉันเห็นว่าทางรัฐบาลโดยเฉพาะ ท่านนายกรัฐมนตรีควรจะใช้โอกาสนี้ตั้งเป็นวาระแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาอำนาจนิยมและ ความรุนแรงในสถานศึกษาได้แล้ว ปัญหาอำนาจนิยมและความรุนแรงในสถานศึกษา หมักหมมและเรื้อรังมานาน เกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ใช่สาเหตุใดเพียงสาเหตุหนึ่ง ดิฉัน ขอหารือท่านประธานว่าต้องมีการบูรณาการความร่วมมือกันหลายหน่วยงาน ทั้งกรุงเทพมหานคร ทั้งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกระทรวงศึกษาธิการที่ดูแล เรื่องการศึกษาของชาติโดยตรง หรือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือกระทรวงสาธารณสุขต้องมาบูรณาการร่วมกัน เราต้องสร้างสถานศึกษาปลอดภัยทั้งกาย และใจ หรือโรงเรียนปลอดภัยทั้งกายและใจให้เป็นจริงได้แล้วค่ะ และต้องถอดบทเรียน และหากลไกป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัยภายในสถานศึกษา ระบบการสอดส่องดูแลพฤติกรรมนักเรียน ซึ่งครู นักเรียน และผู้ปกครองต้องสอดประสานกัน อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะครู ผู้ปกครอง และเพื่อนนักเรียนทุกคนต้องใส่ใจ และจับสัญญาณ เตือนให้ได้ว่าเพื่อนของเราหรือบุตรหลานของเรามีสัญญาณที่จะก่อเหตุความรุนแรงหรือไม่ รวมถึงปรับวิชาที่เรียนให้นักเรียนและครูต้องมีความรู้และมีทักษะในการบริหารจัดการ ตนเองและจัดการผู้อื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดิฉันขอวิงวอนท่านประธานไปถึงรัฐบาลด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ ผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ดิฉันขอร่วมอภิปรายสนับสนุนญัตติด่วนด้วยวาจาของคุณสุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๒๒ พรรคก้าวไกล จากกรณีนักเรียนถูกแทง เสียชีวิตในโรงเรียนย่านพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร เหตุการณ์นี้สะเทือนใจทุกท่าน ในสังคมไทยเป็นอย่างมาก และสะท้อนถึงปัญหาความรุนแรงในสถานศึกษา ซึ่งจริง ๆ แล้ว เหตุการณ์ความรุนแรงในสถานศึกษาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด หมักหมมและเรื้อรัง มาอย่างยาวนาน ท่านประธานคะ เหตุการณ์ความรุนแรงในสถานศึกษานั้นไม่ได้เกิดจาก สาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง แต่เกิดจากสาเหตุหลายสาเหตุ การป้องกันและแก้ไขเราจะมาคิด แยกส่วนไม่ได้ค่ะท่านประธาน จำเป็นต้องคิดอย่างเป็นระบบ ต้องครอบคลุมทุกด้าน และถ้า จะพูดกันจริง ๆ แล้ว เราทุกคนล้วนเป็นหนึ่งในสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยนี้ ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นตัวเราเอง รวมถึงครอบครัว ชุมชน และสังคมไทยทั้งหมดต้องตั้ง สติในเรื่องนี้ และร่วมพูดคุยกันด้วยเหตุผล ความรุนแรงในเด็กหรือการที่เด็กคนหนึ่ง จะกลายเป็นอาชญากร เขาเป็นเองไม่ได้ค่ะ แต่ทว่ามาจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึก ไม่เคยถูกแก้ไขอย่างแท้จริง มีแต่ถูกมองข้ามหรือซุกเอาไว้ใต้พรม ระบบนิเวศทางสังคมหรือ ทุกองค์ประกอบของสังคมเรานี้ที่มีส่วนสร้างความรุนแรงในเด็ก ทุก ๆ ความรุนแรง ทุก ๆ อาชญากรรมที่พาเด็กมาถึงจุดนี้มาจากระบบโครงสร้างที่บิดเบี้ยวที่มีต้นตอมาจากระบบ อำนาจนิยมที่ส่งต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน จนปลายทางนำไปสู่ความรุนแรงในสถานศึกษา อย่างที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นการ Bully กลั่นแกล้ง ดูถูกเหยียดหยามกันที่เราเห็นในทุกวันนี้ การจะป้องกันและแก้ไขความรุนแรงในสถานศึกษาต้องใช้หลายกลไก แต่เท่าที่เวลามีจำกัด ดิฉันขอเสนอว่าเราต้องสร้างโรงเรียนปลอดภัยทั้งกายและใจให้กับนักเรียนให้ได้ ต้องเป็น โรงเรียนที่ทำให้นักเรียนเกิดความรู้สึกอบอุ่นและความมั่นคงทางจิตใจให้ได้ โรงเรียนต้องเป็น พื้นที่แห่งความไว้วางใจของนักเรียนที่ทำให้ตัวนักเรียนเขาไว้ใจครู รวมถึงตัวนักเรียนไว้ใจ ในเพื่อนด้วยกันเอง ความไว้ใจนี่ล่ะที่ต้องสร้างให้ได้และจะช่วยแก้ปัญหาความรุนแรง ในสถานศึกษา และการจะไปถึงจุดที่ครูเป็นที่เชื่อใจ เป็นที่ไว้ใจให้กับนักเรียนทุกคนได้นั้น ก็จำเป็นมาก ๆ ที่เราต้องทำให้ครูได้มีเวลาอยู่กับนักเรียน ต้องคืนครูสู่นักเรียนค่ะ และนี่ นำไปสู่รูปธรรมที่ดิฉันจะขอนำเสนอสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ ไม่มีรูปธรรมที่จะแก้ปัญหา ความรุนแรงในสถานศึกษามากยิ่งไปกว่านี้แล้ว ดิฉันขอเสนอรูปธรรม ๕ อย่าง
รูปธรรมที่ ๑ ต้องคืนครูสู่นักเรียนให้ได้ เพื่อที่ครูจะได้สอดส่องพฤติกรรม ทุกอย่างของนักเรียน เมื่อมีสัญญาณแห่งความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นมาครูจะได้จับสัญญาณนั้น และวางแนวทางป้องกันได้อย่างแม่นยำ
รูปธรรมที่ ๒ เราต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในโรงเรียน ให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูทุกคนในโรงเรียนต้องเป็นครูมืออาชีพ เราต้องสร้างโรงเรียน ให้เป็นชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หรือ PLC ที่แท้จริงให้ได้ ต้องเป็น PLC จริง ๆ ด้วย ไม่ใช่ PLC ปลอม ๆ หลอก ๆ อย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพียงแค่เอาครูไปอบรม เซ็นชื่อ ถ่ายรูป แค่นั้นไม่ได้ ต้องไป PLC จริง ๆ และ PLC นี่ล่ะที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยป้องกัน ความรุนแรงในสถานศึกษาได้ เราต้องช่วยกันสร้าง ช่วยกันรวมตัว รวมใจ รวมพลัง ร่วมมือกัน ของครูผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษาทุกคนสร้าง PLC ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ แต่การจะสร้าง ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเรียนรู้หรือการสร้างชุมชนแห่งการรู้วิชาชีพ หรือ PLC ขึ้นมาให้ได้ จริง ๆ นั้นจำเป็นต้องคืนครูสู่นักเรียนให้ได้อย่างแท้จริง งานสอนนอกห้องเรียนต้องหมดไป ครูต้องเป็นครู ครูต้องสอน ครูต้องได้อยู่กับนักเรียน ไม่ใช่ให้ครูไปทำงานพัสดุ การเงิน ตรวจรับวัตถุดิบอาหาร นอกจากการคืนครูสู่ห้องเรียนจะทำให้เกิดความใกล้ชิดกัน พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แลกเปลี่ยนพฤติกรรมของนักเรียนระหว่างครูด้วยกันในโรงเรียน ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับบ้าน หรือโรงเรียนกับครอบครัวก็สำคัญมาก ครูและ ครอบครัวต้องพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ใส่ใจ และหมั่นจับสัญญาณเตือนถึงความรุนแรงของ นักเรียนและบุตรหลานของท่าน
รูปธรรมที่ ๓ ที่จะแก้ความรุนแรงในสถานศึกษาได้ โครงสร้างทางกายภาพ โรงเรียนต้องเอื้ออำนวยด้วยค่ะ โรงเรียนนั้นจำเป็นต้องมีโครงสร้างทางกายภาพที่ต้องมี รปภ. มืออาชีพที่มีทักษะในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือจำเป็นต้องติดกล้องวงจรปิด ซึ่งปัจจุบันนี้กล้องวงจรปิดก็ราคาถูกลงมากและมีประโยชน์หลายด้าน ต้องติดเสียเถอะค่ะ
รูปธรรมที่ ๔ กลับมาที่หลักสูตร ดิฉันพูดหลายครั้งแล้ว หลักสูตรปัจจุบัน ที่ใช้อยู่ไม่ทันยุคสมัย ความรู้และทักษะของนักเรียนและครูตามหลักสูตรปัจจุบันใช้ไม่ได้ ยิ่งเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินยิ่งใช้ไม่ได้ เราต้องมาสร้างทักษะ สร้างความรู้ ทั้งนักเรียนและครู ในการบริหารจัดการ ทั้งจัดการตัวเองและจัดการผู้อื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน อันนี้เป็น สิ่งสำคัญมาก เราต้องเร่งลงไปในหลักสูตรใหม่ และอบรมให้กับครูกับบุคลากรทางการศึกษา ทุกคน ซึ่งดิฉันพูดหลายครั้งแล้ว หลักสูตรแกนกลางปัจจุบันต้องเปลี่ยนเป็นหลักสูตร ฐานสมรรถนะได้แล้วเพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่ให้มีสมรรถนะและทักษะที่เหมาะกับโลกยุคใหม่ ดิฉันขอเรียนเชิญเพื่อนสมาชิกทุกท่านมาร่วมกับดิฉันในการสร้างหลักสูตรใหม่
รูปธรรมที่ ๕ ต้องเพิ่มระบบจิตวิทยาบำบัดที่จะสังเกตนักเรียนที่จะมีปัญหา ความรุนแรง หรือปัญหาภาวะซึมเศร้า หรือปัญหาสุขภาวะทางจิตอื่น ๆ ระบบจิตวิทยาบำบัด หรือนักจิตวิทยา หรือครูแนะแนวในไทยปัจจุบันล้มเหลวสิ้นเชิง ต้องสร้างกันใหม่ อันนี้ ต้องทำอย่างจริงจัง ๕ อย่างนี้เป็นรูปธรรมที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมไปกว่าแล้ว และนอกจากนี้ถ้าการแก้ปัญหาระยะยาวเราจำเป็นต้องแก้โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ เหลื่อมล้ำต้องลดและกระจายอำนาจ ลดปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เหลื่อมล้ำ ลดความ ยากจน ต้องทำให้ได้ ร่วมไปกับสร้างหลักการประชาธิปไตยที่แท้จริง การเคารพในสิทธิเด็ก รับฟังเด็ก ต้องสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในโรงเรียนจึงจะช่วยได้ เหล่านี้จึงเป็น ความเห็นที่ดิฉันว่าท่านนายกรัฐมนตรีควรจะประกาศเรื่องการแก้ปัญหาความรุนแรงให้เป็น วาระของชาติได้แล้ว ฝากนำเสนอท่านประธานไปสู่ท่านนายกรัฐมนตรีและทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ดิฉันขออนุญาตอภิปรายญัตติสร้างคนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ ดิฉันเห็นด้วยในหลักการบางประการ แต่ดิฉันไม่เห็นด้วยที่จะตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพราะมันซ้ำซ้อนโดยใช่เหตุ ดิฉันเห็นว่าควรมอบหมายให้คณะกรรมาธิการการพัฒนา การเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน นำไปศึกษาจะดีกว่า จะตรงกว่า นะคะ ขอสไลด์ด้วยค่ะ
เพราะว่าหัวใจสำคัญของ การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศคือการมีส่วนร่วมของพลเมือง เพราะการมีส่วนร่วม คือช่องทางสำคัญที่พลเมืองเขาจะออกแบบประเทศในฝันที่เขาอยากได้ด้วยตัวของเขาเอง การมีส่วนร่วมคือช่องทางสำคัญที่พลเมืองเขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของประเทศนี้ได้จริง ๆ การรู้สึกว่าพลเมืองเขาเป็นเจ้าของประเทศนี้ได้จริง ๆ สำคัญมากนะคะ เพราะว่าถ้าเขามี ความรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของประเทศนี้จริง ๆ เขาจะเกิดความรัก ความหวงแหนประเทศ เกิดความปรารถนาที่จะพัฒนาตัวเองให้มีคุณภาพ เพื่อจะได้นำคุณภาพตัวเองไปร่วมพัฒนา ประเทศที่เขาเป็นเจ้าของให้มีคุณภาพตามตัวเขาไปด้วย แต่ด้วยความเคารพค่ะท่านประธาน ปัญหาในประเทศเราทุกวันนี้ดิฉันคิดว่ามาจากพลเมืองเขายังไม่รู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของ ประเทศนี้จริง ๆ ทีนี้ถ้าด้วยตามหลักการที่ท่านเขียนมาในเล่มนี้เสียยืดยาว ท่านเขียนดีมาก ในเอกสารประกอบญัตติ ดิฉันเห็นด้วยกับแนวคิดการสร้างคนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของ ประเทศ เพราะคนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุก ๆ มิติ แต่ในเอกสารประกอบการพิจารณาเสนอญัตติของท่านในช่วงต้น ๆ หน้า ก หน้าต้น ๆ เลย ท่านเขียนมาว่า โดยในสังคมยุคใหม่มักมีแนวคิดอิงไปกับแนวคิดสังคมตะวันตก ซึ่งไม่สอดคล้อง กับวิถีความเป็นคนไทยหรือพฤติกรรมคนไทย ดิฉันว่าคำเริ่มต้นก็มีปัญหาแล้ว แนวคิด ประชาธิปไตยไม่มีตะวันตก ไม่มีไทยค่ะ ประชาธิปไตยมันมีหัวใจคือพลเมืองหรือประชาชน เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุด ท่านปรารถนาจะสร้างคนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ ท่านยิ่งต้องสร้างความตระหนักรู้ในการให้เป็นพลเมืองโลก ทุกอย่างในโลกเดี๋ยวนี้มันเชื่อมโยง กันหมดค่ะท่าน ต้องก้าวข้ามเขตแดนประเทศ เราต้องสร้างพลเมืองของประเทศเราให้เป็น พลเมืองโลกให้ได้ เป็นพลเมืองโลกที่ใส่ใจในคุณค่าที่โลกเขาให้คุณค่ากัน ทั้งเรื่องการมีส่วนร่วม ความเสมอภาค สิทธิมนุษยชน การเคารพความแตกต่างหลากหลาย หรือแม้แต่เรื่องสิ่งแวดล้อม ที่กระทบกันไปทั้งโลก ปัจจุบันเราอยู่ในยุค BANI ตามทฤษฎีของ Jamais Cascio นักวิชาการ ด้านอนาคตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์ ซึ่งสรุปคำว่าโลกยุค BANI เป็นคำสั้น ๆ ได้ว่าเป็นยุค แห่งความเปราะบางและเปลี่ยนแปลงง่าย ท่านคะ คุณค่าและชุดความคิดต่าง ๆ มันหยุดนิ่ง อยู่กับที่ไม่ได้ มันต้องเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ท่านจำเป็นต้องปลูกฝังให้พลเมืองที่มีคุณภาพตามญัตติที่ท่านปรารถนานี้คือความใฝ่รู้ พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ และต่อเนื่องไปอีกก็คือการจะทำให้พลเมืองที่มีคุณภาพ เกิดความใฝ่รู้ ท่านและผู้มีอำนาจรัฐต้องสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ให้กับพลเมืองทุกคน แต่ ณ วันนี้ดิฉันยังไม่เห็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ที่ท่านจะนำเสนอเลยค่ะ
ประเด็นต่อมาที่ดิฉันพูดไม่ได้ เพราะในฐานะที่ดิฉันเป็นครูสอนสังคมศึกษา คนหนึ่ง ท่านพูดถึงการสอบ PISA ว่าผลสอบนั้นประเทศเรามีคะแนนเฉลี่ยที่ตกต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยในทุก ๆ ด้าน ซึ่งแสดงถึงสภาพการศึกษายังไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ แต่ถามท่าน จริง ๆ เถอะค่ะ ท่านเคยเห็นข้อสอบ PISA จริง ๆ ไหมคะ ดิฉันขอนำเสนอบางส่วนของ ข้อสอบ PISA อันนี้เป็นวิชาการอ่านนะคะ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ แล้วท่านเคย เห็นหลักสูตรที่เด็กไทยเรียนกันตอนนี้ไหม ท่านเคยเห็นแบบเรียน ตำราเรียนของเด็กไทยไหม ที่สำคัญข้อสอบ PISA ไม่มีความเป็นไทยอย่างที่ท่านมุ่งหวังจะปลูกฝัง แบบที่เขียนไว้ใน เอกสารประกอบญัตติของท่านเลย ข้อสอบ PISA เป็นข้อสอบแนว Literacy หรือวัดความ ฉลาดรู้ ซึ่งจะฉลาดรู้ได้นั้นต้องรู้จักวิเคราะห์อย่างรอบด้านในทุกแง่มุม ซึ่งการศึกษา ในปัจจุบันหรือหลักสูตรไทยในปัจจุบันยังไม่เป็นแบบนั้น ดิฉันขอเสนอแนะท่านเลยนะคะ ถ้าท่านปรารถนาให้เด็กไทยได้คะแนน PISA ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงตามญัตติของ ท่านที่ว่าสร้างคนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ ท่านต้องมาร่วมกับดิฉันและ พรรคก้าวไกลในการเปลี่ยนหลักสูตรแกนกลางไปเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะค่ะ เพราะ หลักสูตรฐานสมรรถนะที่จะรองรับสมรรถนะและทักษะที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ เพื่อการเป็น พลเมืองโลกที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน ในหลักสูตรฐานสมรรถนะจะมีสมรรถนะที่สำคัญ จะมี ๖ สมรรถนะที่จำเป็นต่อพลเมืองในโลกยุคใหม่ แต่จะมีอยู่ ๑ สมรรถนะที่ตรงตามญัตติของ ท่านเลยค่ะ คือสมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง Civic Literacy เป็นพลเมืองโลกที่มี ความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น เคารพกติกา และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจสาธารณะ อย่างมีวิจารณญาณ เคารพในความเท่าเทียม และยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย อันนี้ สำคัญมากนะคะ สมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งต้องเป็นไปแบบนี้ถึงจะเป็นพลเมืองที่มี คุณภาพของประเทศในโลกยุคใหม่
ประเด็นต่อมาในเอกสารประกอบญัตติ ท่านพูดถึงการปฏิรูปวิชาสังคมศึกษา ซึ่งโดนใจดิฉันมาก เพราะดิฉันเป็นครูสอนสังคมศึกษาคนหนึ่ง ดิฉันเห็นด้วยเลยค่ะ ปฏิรูปเลย โดยเฉพาะโครงสร้างวิชาสังคมศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางปี ๒๕๕๑ มันพ้นยุคสมัยแล้วค่ะ ไปดูได้เลยค่ะท่าน ตัวชี้วัดเยอะมาก ตัวชี้วัดวิชาสังคมตั้งแต่ ป.๑ ถึง ม.๖ มี ๔๐๐ กว่าตัวชี้วัด มันเยอะเกิน มีแต่อัด อัด อัด ให้เด็กเรียน แล้ววิชาที่เรียนส่วนใหญ่ก็ใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ สังคมศึกษาต้องปฏิรูป ต้องเป็นแบบใหม่แบบสับ เราต้องเรียนวิชาสมัยใหม่ วิชาแบบใหม่ ดิฉันขออนุญาตนำมาจาก Page โรงเรียนสาธิตจุฬา นี่เป็นตัวอย่างวิชาที่เราควรปฏิรูป วิชา สังคมศึกษาที่เราควรปฏิรูปให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียน โดยเฉพาะวิชานี้พลเมืองในวิถีประชาธิปไตย ตรงกับญัตติของท่านเลยนะคะ ชื่อวิชานี้พลเมืองในวิถีประชาธิปไตย แต่ชื่อยังไม่สำคัญ เท่าเนื้อใน ชื่อยังไม่สำคัญเท่ากับกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน ที่ต้องเปิดโอกาสให้ ทั้งครูและนักเรียนมีจินตนาการใหม่ ๆ ในการออกแบบการเรียนรู้ ครูให้นักเรียนแบ่งงาน สืบค้นสภาพของปัญหาแล้วเอามาพูดคุยกัน ถกเถียงกันในห้อง ช่วยกันออกแบบการเรียนรู้ จนตกผลึกออกมาเป็นปัญหา ต้องมีการแบ่งงานกัน ร่วมงานกัน พูดคุยกันต่อเนื่องระหว่างครู กับนักเรียนเพื่อออกแบบการเรียนรู้แนวใหม่ และจากเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ ที่เกิดความ รุนแรงในสถานศึกษา กรณีนักเรียนถูกแทงเสียชีวิตในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านถนนพัฒนาการ ในกรุงเทพฯ สะท้อนถึงความรุนแรงที่สูงมากในประเทศไทย และยิ่งสะท้อนถึงองค์ความรู้ และทักษะในการจัดการตัวเองในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งสำคัญมากในโลกยุคใหม่ ซึ่งหลักสูตร แกนกลางปี ๒๕๕๑ ที่เราใช้อยู่ปัจจุบันไม่ตอบโจทย์เรื่องนี้ โรงเรียนสาธิตจุฬาดิฉันชื่นชมมาก ต้องขออนุญาตนำมาอีก ขอพูดถึงนะคะ มีวิชาที่เหมาะกับเหตุการณ์ล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ ชื่อวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ฟังผิวเผินจะดูเหมือนว่ามาจากภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ไม่ใช่ วิชานี้จะส่งเสริมสมรรถนะการจัดการตนเองและการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งในมิติ แห่งความเท่าเทียมและเป็นธรรม วัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนอยู่ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แปรปรวน ไม่เอาความรู้ที่นักเรียนมีไปเอาเปรียบผู้อื่น ไม่ตกเป็นเหยื่อของอารมณ์และความเครียดของ ตนเองและของผู้อื่น นักเรียนที่เรียนวิชานี้จะได้รู้จักวิธีการปฏิเสธและการป้องกันตนเองจาก การถูกกลั่นแกล้งและถูกคุกคามในทุกรูปแบบ อันนี้นี่เลยค่ะเป็นวิชาที่เราควรจะส่งเสริมให้ เรียนกัน ซึ่งหลักสูตรแกนกลางปี ๒๕๕๑ ที่นักเรียนเรียนในปัจจุบันนี้ไม่ตอบโจทย์เรื่องเหล่านี้ เพราะฉะนั้นดิฉันกำลังผลักดันหลักสูตรใหม่คือหลักสูตรฐานสมรรถนะ เพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่ ให้มีสมรรถนะและทักษะ เรียนเชิญท่านมาร่วมกับดิฉันในการออกแบบหลักสูตรใหม่ เพราะการที่ท่านจะสร้างคนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศต้องเริ่มจากโรงเรียนค่ะ และโรงเรียนต้องปลอดภัยทั้งกายและใจ ดิฉันยินดีมากที่ท่านจะปฏิรูปวิชาสังคมศึกษา รวมไปถึงปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งหมด เพียงแต่ว่าท่านต้องคิดใหม่ ทำใหม่ คิดนอกกรอบ
จะจบแล้วค่ะ ขออีกนิดเดียว คำว่าคิดนอกกรอบนี้เราพูดกันเยอะมาก เราต้องสนับสนุนให้เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่กล้าคิด กล้าทำ กล้าฝัน กล้าคิดนอกกรอบ ดิฉันวิงวอนเลยนะคะ คิดนอกกรอบนี้อยากให้เริ่มที่ ตัวท่านเลย สุดท้ายดิฉันเสนอหลักการมาดิฉันอยากจะขอให้ท่านส่งไปให้กรรมาธิการ พัฒนาการเมืองทำเรื่องนี้จะถูกต้องตรงกว่า ขอบคุณค่ะท่านประธาน
กราบเรียนประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะขออนุญาตปรึกษาหารือท่านประธานถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งชนนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะที่นักเรียนกำลังเข้าค่ายฐานปฏิบัติการลูกเสือ เรื่องนี้เศร้าสลดมาก เพราะว่าทำให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาเสียชีวิตถึง ๓ ราย และยังมีนักเรียนและครู บาดเจ็บสาหัสอีกกว่า ๑๕ คน เหตุน่าจะมาจากคนขับรถขับเร็วมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นเขตชุมชน และเป็นฐานปฏิบัติการลูกเสือ แต่ก็ยังคงขับเร็วและอาจจะมีการดื่มแอลกอฮอล์หรือมี สารเสพติดในร่างกาย ซึ่งขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดคดีต่อไป ดิฉันขอยืนยันในหลักการว่า โรงเรียนและนักเรียนต้องปลอดภัยทั้งกายและใจ แต่ขณะนี้สังคมไทยเรายังทำเรื่องโรงเรียน ปลอดภัยไม่ได้ อยากจะขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ หรือกระทรวงคมนาคม หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสร้างโรงเรียนปลอดภัย และนักเรียนปลอดภัยให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย เพราะว่าในรอบ ๓ เดือนที่ผ่านมา ดิฉันไปดู สถิติย้อนหลังนะคะท่านประธาน มีอุบัติเหตุของนักเรียนที่เกี่ยวกับรถเกิดขึ้นเกือบทุกอาทิตย์ ทั้งรถตู้รับส่งนักเรียนหรือในเคสนี้ที่เป็นรถกระบะขับรถเร็ว ดิฉันอยากจะให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการกัน เพื่อสร้างโรงเรียนปลอดภัยหรือนักเรียนปลอดภัยให้เกิดขึ้นจริง อยากให้ทุก หน่วยงานทั้งกระทรวงศึกษาธิการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงคมนาคม ตำรวจและหน่วยงานอื่น ๆ ตรวจจับความเร็วรถยนต์ในเขตชุมชนหรือในเขตโรงเรียน และตรวจสภาพรถตู้ที่ไม่ได้มาตรฐานทั้งตัวรถและคนขับ และนอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่อง คนขับรถตู้คุกคามทางเพศนักเรียนอยู่บ่อย ๆ อยากจะให้วางระบบเหล่านี้ให้มีมาตรฐาน ระบบจัดรถรับส่งนักเรียน รถตู้ต่าง ๆ ต้องวางระบบให้มีมาตรฐานครบวงจร ให้หน่วยงานทุก หน่วยงานบูรณาการร่วมมือกัน ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนประธานสภา ผู้แทนราษฎรที่เคารพ ดิฉัน ปารมี ไวจงเจริญ สมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้ดิฉันขอลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนรายงานผลการพิจารณาศึกษาบำนาญ ของคณะอนุกรรมาธิการที่มีคุณวรรณวิภา ไม้สน เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ ซึ่งได้ ทำการศึกษาอย่างครบถ้วนและรอบด้าน ดิฉันขออภิปรายพูดสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะว่าเป็น เรื่องใกล้ตัวดิฉัน เนื่องจากวัยของดิฉันอีกไม่กี่ปีก็จะได้รับบำนาญแล้ว ซึ่งถ้าระบบบำนาญ ประเทศไทยปัจจุบันยังเป็นแบบเดิมที่เริ่มต้นที่ ๖๐๐ บาท ดิฉันก็คิดว่าดิฉันคงใช้ไม่พอ ดิฉัน เป็นครูพิเศษ ไม่ได้อยู่ในระบบราชการ ไม่ได้มีสวัสดิการใด ๆ เพราะฉะนั้นดิฉันจึงเห็นด้วย เป็นอย่างยิ่งกับผลการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการคณะนี้ที่เราจะต้องปรับระบบบำนาญ ปัจจุบันให้เป็นระบบสวัสดิการถ้วนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอเน้นย้ำขีดเส้นใต้คำว่า ถ้วนหน้า เพราะว่ามันคือพื้นฐานเดียวกับเรื่องความเสมอภาค และระบบสวัสดิการไม่ใช่สิ่งที่ ประชาชนได้รับการหยิบยื่นจากรัฐ แต่เป็นสิ่งที่รัฐต้องให้ประชาชน ไม่ใช่ระบบสงเคราะห์ แบบที่มีมาก่อน จากที่ดิฉันได้อ่านรายงานในเล่มนี้ของคณะอนุกรรมาธิการ ดิฉันเห็น ข้อสังเกตบางอย่างที่จะขอสรุป และนำมาอภิปรายในที่นี้สักเล็กน้อย ขอสไลด์ด้วยค่ะ
ข้อสังเกตที่ ๑ จากเล่มรายงาน ปัจจุบันนี้ดิฉันเห็นว่ารัฐบาลของเรายังมีระบบการจัดการดูแลเงินผู้สูงวัยเป็นแบบเชิงรับ จากรายงานการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการ เราควรปรับการใช้เงินดูแลผู้สูงวัย เป็นกระบวนการเชิงรุก เนื่องจากประเทศไทยเรากำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ เราจะต้องปรับมาเป็นกระบวนการเชิงรุก ต้องให้ผู้สูงวัยมีบำนาญที่เอาไปใช้ชีวิตอย่าง เพียงพอ เพื่อเน้นความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ เพื่อผู้สูงวัยจะได้มีสุขภาวะที่ดีทั้งด้าน ร่างกายและจิตใจ
ข้อสังเกตที่ ๒ ดิฉันเห็นว่ากระบวนการจ่ายเงินต้องเทียบเคียงกับอัตราเงินเฟ้อ แล้วก็ค่าเงินของประเทศ เพราะว่าอัตราเงินเฟ้อของเราเพิ่มขึ้นทุกปี ตามระบบแบบเดิมที่อายุ ๙๐ ปีขึ้นไปจะได้ ๑,๐๐๐ บาทนี้มันไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ
ข้อสังเกตที่ ๓ เบี้ยผู้สูงวัยปัจจุบันที่รัฐให้เดือนละ ๖๐๐ บาท พบว่าเฉลี่ยแล้ว จะมีเงินรับประทานอาหารวันละ ๒๐ บาท เอาไปเทียบกับกระทรวงศึกษาธิการที่ดิฉันทำงาน ในประเด็นด้านการศึกษา นักเรียนยังได้อาหารกลางวัน ๒๒-๒๖ บาท แต่เบี้ยผู้สูงวัย ตกวันละ ๒๐ บาท ซึ่งน้อยมาก ไม่มีทางเพียงพอ ฉะนั้นแสดงว่าผู้สูงวัยจะต้องมีอัตรา การรับประทานอาหารที่ลดลงเมื่อเทียบกับวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว แต่วัยของผู้สูงวัย ร่างกายจริง ๆ ก็จะต้องการอาหารที่มีคุณภาพและได้รับการใส่ใจมากขึ้น อันนี้มันเป็นไป ไม่ได้เลย
ข้อสังเกตที่ ๔ การเพิ่มรายได้ให้ผู้สูงวัยแบบถ้วนหน้าตามข้อเสนอของ คณะอนุกรรมาธิการ จะทำให้ผู้สูงวัยที่อยู่ตามต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่ห่างไกลได้รับ การดูแลจากรัฐ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการส่งเสริมให้ลูกหลานไม่ทิ้งถิ่นฐานไปทำงาน ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ เพราะว่าจะทำให้เกิดการสร้างความสัมพันธ์ในทางอ้อม ต่อไปด้วย และยังสร้างรายได้ให้กับชุมชน เพราะว่าถ้าผู้สูงวัยในแต่ละชุมชนได้รับการดูแล ที่ดีขึ้น ได้รับสวัสดิการถ้วนหน้า รายได้ก็จะหมุนกระจายไปสู่ชุมชนด้วย การเพิ่มรายได้อันนี้ ก็จะหมุนเงินเข้าสู่ชุมชนเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน
ข้อสังเกตที่ ๕ ถ้าเราใช้ระบบบำนาญแบบถ้วนหน้าจะเป็นการลดภาระ การสร้างและรับย้ายของบ้านพักคนชรา ดิฉันขอเสนอตรงนี้เพิ่มเติมสักนิดหนึ่งในเรื่อง เกี่ยวกับการลดภาระการสร้างและรับย้ายของบ้านพักคนชรา โดยปัจจุบันบ้านพักคนชรา ของรัฐที่ให้ผู้สูงวัยได้อยู่ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย มีเพียง ๕ แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้สูงอายุที่ไร้ที่พึ่งพิง ไม่มีเงินดูแล เพราะฉะนั้นการปรับเงินบำนาญ ให้กับผู้สูงวัยจะช่วยทำให้รัฐลดภาระในการจัดหาสถานที่พักให้กับคนชราที่ช่วยเหลือตัวเอง ไม่ได้
ข้อสังเกตที่ ๖ เรื่องการเพิ่มอัตราภาษี เรื่องนี้ดิฉันเชื่อว่าเราคุยกันได้ พอพูด เรื่องการเพิ่มภาษีดิฉันเชื่อว่านักลงทุนและประชาชนทั่วไปอาจจะเกรงกลัว ไม่ว่าจะเป็นเงิน ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีต่าง ๆ อันนี้เรามาออกแบบกันได้ว่าจะเพิ่มเป็นจำนวนเท่าไร การเพิ่มภาษีมันมีข้อดี เพราะว่าทำให้เรานำส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาชดเชยและดูแลผู้สูงวัย อันนี้ เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะอย่าลืมว่าผู้สูงวัยทุกคนก็เป็นพลเมืองของประเทศและจ่ายภาษีมา ตลอดชีวิต เขาเลี้ยงรัฐมาก่อนรัฐก็ควรเลี้ยงเขาตอบแทนนะคะ
ข้อสังเกตที่ ๗ การแปลงทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของภาครัฐ เช่น ที่ดินรกร้างมาทำเป็นสินทรัพย์ อันนี้ดิฉันเห็นด้วย เพราะว่าการแปลงทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้นี้จะเป็นสินทรัพย์ที่เกิดรายได้เพิ่มขึ้น และนำรายได้นั้นมาเข้าสู่คนชราโดยตรง นี่เป็นข้อสังเกต ๗ ประการ ที่ดิฉันอ่านจากรายงานการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการคณะนี้ และดิฉันเห็นด้วย และขอให้ทางภาครัฐนำผลรายงานการศึกษาของคณะอนุกรรมาธิการ คณะนี้นำไปปฏิบัติ เพื่อสวัสดิการที่ดีถ้วนหน้า เพื่อความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยต่อไป ขอบคุณค่ะ