นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์

  • ท่านประธานคะ ดิฉัน ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล และคุณแม่ลูกสองที่อยากส่งต่อสังคมที่ดีให้กับลูก ๆ และเด็ก ๆ อีกหลายคน ในอนาคต จากรายงานของผู้ชี้แจงที่บอกว่าในปี ๒๕๖๓ ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรง ในครอบครัวจากหน่วยงานทั่วประเทศมีผู้ได้รับความรุนแรง ๔๖ รายต่อวัน แล้วก็ข้อมูล ความรุนแรงในครอบครัวจำนวน ๑,๗๘๙ เหตุการณ์เป็น Case ที่เป็นความรุนแรงระหว่าง บิดามารดากระทำต่อบุตรมากถึง ๔๗๘ เคส ซึ่งในปี ๒๕๖๔ ก็จะมีจำนวนที่ไม่แตกต่างกัน ถ้าอ้างอิงข้อมูลที่เพื่อนสมาชิกพูดเมื่อสักครู่ก็ประมาณ ๑๗,๐๐๐ กว่า Case เฉลี่ย ๕ ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังมีสำนักงานสถิติแห่งชาติ โครงการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่มีงานวิจัยเด็กว่าเด็กไทยอายุระหว่าง ๑-๑๔ ปี จาก ๒๒,๔๑๖ ตัวอย่าง พบว่า กว่า ๕๓.๘ เปอร์เซ็นต์ได้รับวิธีการอบรมด้วยการลงโทษทางร่างกายหรือจิตใจอย่างรุนแรง ภายในบ้าน เช่น การถูกตีหรือตบใบหน้า ศีรษะ หรือหู ถูกตีแล้วตีอีก ตะโกน ตะคอก ตวาด แผดเสียง หรือว่ากรีดร้องใส่หน้าเด็ก ๆ ซึ่งผลความรุนแรงเหล่านี้ด้วยการทำร้ายร่างกาย ในครอบครัวส่งผลให้เด็กมีปัญหาทางด้านพฤติกรรมและอารมณ์ เด็กไทยจำนวนมากเผชิญกับ ความรุนแรง ความหวาดกลัว และไม่ได้รับความเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยพ่อแม่ และผู้ดูแลของตนเอง ซึ่งควรจะเป็นบุคคลที่พวกเขาควรจะเชื่อมั่นมากที่สุด ควรจะเป็น กลุ่มบุคคลที่จะได้รับความไว้วางใจ ความเชื่อใจจากเขามากที่สุด และพ่อแม่ผู้ดูแลเหล่านี้ ก็ยังขาดความรู้และทักษะในการเลี้ยงดูลูกโดยไม่ใช้ความรุนแรง มีผลการศึกษามากมายเกี่ยวข้อง กับความรุนแรงของเด็กในประเทศไทย ในฉบับหนึ่งเปิดเผยว่า ๗๗.๓ เปอร์เซ็นต์ของเด็กไทย มีประสบการณ์ถูกลงโทษทางกาย หรือกระทำด้วยวิธีที่รุนแรงต่อสภาพจิตใจเพื่อสร้างวินัย ในบ้าน ในโรงเรียน การลงโทษทางกายทำให้เด็กเกิดความสับสนระหว่างความรักและความรุนแรง สำหรับเด็ก ในขณะที่พวกเขากำลังเรียนรู้วิธีการปฏิบัติต่อผู้อื่น ในขณะที่เรากำลังสอนเขาว่า การทำร้ายกันมันไม่ดีนะลูก การตีกันมันไม่ดีนะลูก แต่เราก็ยังตีเขา แล้วก็บอกว่าแม่ตี เพราะรักนะลูกกันอยู่เลย ท่านประธานคะดิฉันเห็นว่าสังคมไทยเราต้องเลิกการ Romanticize ความรุนแรงในนามของความรักก่อนเลยค่ะ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่หลาย ๆ ท่าน พูดไป จากยาเสพติดก็ตาม หึงหวงก็ตาม จากความมึนเมาอะไรก็ตามมันเกิดจากจิตใต้สำนึก จิตใต้สำนึกนี้ถ้าเราได้อ่านศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาเด็ก มันก็เริ่มก่อร่างสะสมมาตั้งแต่ก่อนที่เรา จะ ๗ ขวบแรกด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงลูกในช่วง ๗ ขวบแรกจึงมีความสำคัญมาก ๆ การเลิก Romanticize เราต้องบอกก่อนว่าการตีคือความรุนแรงทุกกรณี การทำร้ายกัน คือความรุนแรง การด่าทอหยาบคายคือความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ซึ่ง ๐-๑๒ ปีแรกเป็นการสร้างความไว้วางใจระหว่างเด็กกับพ่อแม่และผู้ดูแล การสร้างสายสัมพันธ์ หรือ ๒-๓ ขวบนะคะ ซึ่งมีงานวิจัยบอกว่ากลุ่มอายุที่มีการถูกลงโทษ ทางร่างกายมากพบในช่วง ๒-๔ ปีที่เขาเรียกว่า Terrible Twos ๒-๔ ปีเป็นช่วงเวลาของ การสร้างตัวตนของเด็กเล็ก แต่เรากลับทำร้ายเขาด้วยการตี ด้วยการด่าทอหยาบคายต่าง ๆ ๔-๖ ขวบเป็นการที่เด็กจะริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ เราถูกตีเราจะไปกล้าริเริ่มอะไรใหม่ ๆ ได้คะ แม่ตั้งครรภ์ควรจะมีโอกาสสร้างสุขภาพจิตที่ดี เข้าถึงโภชนาการที่ดีเพื่อสร้างทารกให้แข็งแรง ๖ เดือนแรก เราสร้างสายสัมพันธ์ใน ๖ เดือนแรก แต่เรายังลาคลอดแค่ ๓ เดือนอยู่เลย การเรียนรู้ว่ามีแม่ที่มีอยู่จริงก็เรียนรู้ในช่วงเกิดจนถึง ๗ ขวบเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในช่วง ๗ ขวบแรกนี้จะหล่อหลอม Behavior หรือว่าหล่อหลอมพฤติกรรมของคนเมื่อเขาเติบโต มาเป็นผู้ใหญ่ แต่เด็กกลุ่มนี้กลับถูกเพิกเฉยถูกละเลยมาตลอด การบ่มเพาะความรุนแรงต่าง ๆ ไม่ว่าเราจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกผิดด้วยการบอกว่าเรารักเขา เราฝึกวินัย ด้วยความรักใด ๆ ก็ตาม เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการบ่มเพาะความเพิกเฉยต่อความรุนแรง การสร้างจิตสำนึกว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติถ้าทำเพราะความรัก เด็กทำผิดถูกตี การตี เป็นการหยุดพฤติกรรมเด็กได้ไวที่สุด และพ่อแม่เหนื่อยน้อยที่สุดแล้ว ดื้อปุ๊บตีโป้งหยุดเลย แต่เราใช้จิตวิทยาน้อยไป เราใช้ความคิดน้อยไป เด็กไม่กล้าทำอีกเพราะว่าอะไรคะ เพราะเขากลัวถูกตี เรากำลังบ่มเพาะปลูกฝังความกลัวในเด็กในวัยที่เขาไม่ควรจะต้องถูกปกปิด จินตนาการใด ๆ เพราะความกลัว ท่านประธานคะ ได้ดีเพราะถูกตีไม่มีอยู่จริงนะคะ ทำไมเราถึงดูถูกศักยภาพในการประสบความสำเร็จของเราด้วยการบอกว่าขอบคุณไม้เรียวล่ะคะ เราไม่ได้เก่งเพราะเรื่องอื่นหรือคะ อันนี้ดิฉันสงสัยในแนวคิดนี้

    อ่านในการประชุม

  • สุดท้ายนี้ดิฉันอยากฝากท่านประธานไปยังผู้ชี้แจงและหลาย ๆ คนว่า เราต้องไม่ตีเด็ก ประเทศนี้ต้องไม่ตีเด็ก หยุดส่งต่อความรุนแรงในนามของความรัก หันมาใช้ เหตุและผล ใช้จิตวิทยาในการสร้างเด็ก ๆ เหล่านี้เพื่อสร้างสังคมที่ดีให้กับลูกหลานของเรา และเร็ว ๆ นี้พรรคก้าวไกลเราจะมีร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖๗ (๒) ที่เป็นกฎหมายสำคัญในการปกป้องคุ้มครอง สิทธิเด็กตามหลักสากล ฝากเพื่อนสมาชิกทุกท่านและผู้ชี้แจงด้วยนะคะ เรามาช่วยกัน สร้างสังคมของเด็กทุกคนด้วยการผ่านกฎหมายฉบับนี้ด้วยกันค่ะ ขอบคุณท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล ดิฉันมีประเด็นหารือเกี่ยวกับปัญหาของพี่น้องประชาชนในเขตสายไหม เขตที่มีประชากร ๒๐๐,๐๐๐ กว่าคน มีความหนาแน่นของประชากรสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร ปัญหาเรื่องร้องเรียนอันดับแรก ๆ เป็นปัญหาของระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่สอดคล้อง กับจำนวนประชากร ๒๐๐,๐๐๐ กว่าคนนี้ เรามีรถเมล์เพียงแค่สายเดียวนะคะ ๑๐๐๙ เป็นรถเมล์เอกชน และดิฉันได้ค้นพบข้อมูลว่าเมื่อ ๒ ปีที่แล้วมีการประกาศของ คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางให้มีการเปิดสายรถเมล์เพิ่มอีก ๓ สาย คือสาย ๑-๒๖ วงกลมสายไหม-เทพรักษ์ สาย ๑-๒๙๘ รังสิต-ถนนสายไหม-บางเขน และสาย ๑-๕๑ แยกลำลูกกา-มีนบุรี แต่ผ่านมา ๒ ปีก็ยังไม่ได้มีรถเมล์ทั้ง ๓ สาย ไม่มีการเปิดประมูลแต่อย่างใดนะคะ นอกจากนั้น ในเรื่องของจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบริเวณ BTS คูคต ประชากรชาวสายไหมต้องเดินอ้อม สภ. คูคต เพื่อมาขึ้นรถไฟฟ้า อยากเรียนไปยังหน่วยงานรถไฟฟ้ามหานครให้มีการเปิด ทางเข้า-ออกทางด้านหลัง เพื่อให้ประชากรคนสายไหมสามารถเดินขึ้นรถไฟฟ้าได้สะดวก มากยิ่งขึ้นนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๒ เป็นเรื่องที่ยืดเยื้อยาวนานในเรื่องของไฟฟ้า ปัญหาไฟฟ้า ในเขตสายไหม ติด ๆ ดับ ๆ เกิดอุบัติเหตุ แล้วก็อาชญากรรมอยู่บ่อยครั้งนะคะ เมื่อ ๒ วันก่อน ก็มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เรื่องนี้ได้สอบถามไปยัง กฟน. บางเขนเลยทราบว่าโดยปกติแล้ว สถานีไฟฟ้าย่อยจะมีแขวงละ ๑ จุด แต่สายไหมนี่มี ๓ แขวงแต่มีสถานีไฟฟ้าย่อยอยู่แค่ แห่งเดียว ทำให้ไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากร แล้วก็จำนวนหมู่บ้านที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดนะคะ และถนนสุขาภิบาล ๕ เช่นเดียวกันนี้ก็มีปัญหาร่วมอีก ๒ ปัญหา คือเรื่องของ รถขยะ น้ำจากรถขยะที่เปียกบนพื้นถนนทำให้เกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ เสียชีวิตบ่อยครั้งนะคะ แล้วก็เรื่องของรถขนดิน รถบรรทุกขนดินต่าง ๆ รถสิบล้อ รถพ่วงที่วิ่งตามถนนเส้นต่าง ๆ ก็เกิดปัญหาทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกเช่นเดียวกัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขัน ในเรื่องของการดำเนินคดีรถสิบล้อ รถบรรทุกต่าง ๆ อันนี้เป็นปัญหาร่วมกันของหลาย ๆ เขต ในกรุงเทพมหานครเลยด้วย อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนะคะ แล้วก็เวลา เหลือนิดหนึ่งอยากเสริมในเรื่องของถังดับเพลิงนะคะ ตั้งแต่มีเหตุถังดับเพลิงระเบิด ประชาชนกลัวกันมากก็กรูกันเอาถังดับเพลิงไปคืนสำนักงานเขตต่าง ๆ จนบางทีเกิดเหตุ ไฟไหม้ก็ไม่สามารถเข้าระงับเหตุได้ทันเวลา เลยฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนะคะว่าจะมี การดำเนินการนำถังดับเพลิงมาให้ประชาชนต่อไปอย่างไรประมาณนี้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล หลายประเด็นเพื่อนสมาชิกก็ได้พูดกันไปแล้วนะคะ เดี๋ยวขออ้างอิงจาก ท่านเมื่อสักครู่เลยแล้วกันนะคะว่า ถึงแม้ในมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ ได้กำหนด บทลงโทษสำหรับการเปิดบัญชีม้า SIM ม้านะคะ การซื้อขายหรือให้เช่าบัญชีม้า SIM ม้า เอาไว้แล้วนี่ค่ะ แต่ก็มีคำถามอีกว่าหลังจากที่ พ.ร.ก. นี้ออกมากลับทำให้โจร Stock บัญชีม้า เยอะขึ้นเท่าที่ได้รับข้อมูลมาเบื้องต้นนะคะท่าน บัญชีม้าเพิ่มขึ้น ๒-๓ เท่าเลย แล้วก็ค่าจ้าง ในการเปิดบัญชีม้าก็เพิ่มจาก ๓๐๐-๔๐๐ บาท เป็น ๖๐๐-๗๐๐ บาทต่อบัญชีเลย ก็อยากตั้งคำถามไปว่าตั้งแต่มีการออก พ.ร.ก. ฉบับนี้มา จำนวน SIM ม้า บัญชีม้าลดลง หรือไม่ เป็นจำนวนเท่าไรนะคะ แล้วก็มีการดำเนินการในคดีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า SIM ม้า ไปทั้งหมดกี่คดี และทาง กสทช. มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไรนะคะ ขออนุญาต Slide ด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เดี๋ยวข้ามไปเลย แล้วกันค่ะ เป็น Slide วิธีการแก้ไข เพราะพูดกันไปแล้ว Slide ที่ ๔ เป็นการถอดบทเรียน จากเพื่อนตำรวจที่ฝากมาแล้วกัน เกี่ยวกับเรื่องบัญชีม้าแล้วก็ความล่าช้าของการดำเนินการ ต่าง ๆ เขาบอกว่าปัญหาหลักที่เกิดขึ้นของบัญชีม้าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการประสานงาน ที่ล่าช้า การดำเนินงานเกิดจากการที่ตำรวจกับธนาคารมีการประสานงานกัน เพราะว่า เวลาที่มันเกิดเหตุการโอนเงินขึ้นนี่มันเป็นการโอนวินาทีต่อวินาที แต่เวลาเราจะต้อง ขอเอกสาร ทางตำรวจบอกว่าต้องขอธนาคาร ต้องมีการทำหนังสือ กว่าหนังสือจะถึง กว่าจะตอบรับไปรษณีย์ กว่าจะกลับมาบางทีโอนไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่ทันนะคะ แล้วก็ ธนาคารแต่ละธนาคารไม่ได้มีการแชร์ข้อมูลกันในส่วนของบัญชีม้าหรือบัญชีฉ้อโกง บางทีอาจจะอายัดบัญชีหนึ่งไปแล้วก็มาโกงอีกบัญชีหนึ่งต่อนะคะ แล้วก็เมื่อสักครู่ มีท่านสมาชิกพูดไปแล้วคือเรื่องของไม่มีมาตรการในการควบคุมการเปิดบัญชี การเปิดบัญชี ของธนาคารถ้าทาง Online ก็ใช้ข้อมูลน้อย ดิฉันเคยเปิดบัญชีใช้เวลาไม่ถึง ๕ นาทีไวมาก ๆ นะคะ แล้วก็การสร้างบัญชีปลอมสำหรับการฉ้อโกงก็ง่ายมาก ๆ ข้อเสนอแนะ Slide ถัดไปค่ะ ข้อเสนอแนะอันนี้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อน ๆ แจ้งกันมาว่าถ้าหากพบพฤติกรรม การนำบัญชีธนาคารไปฉ้อโกงให้ยึดจากเลขบัตรประชาชนสามารถอายัดบัญชีภายใต้ เลขบัตรประชาชนนั้นได้ แล้วก็ถ้าต้องการจะเปิดก็คือสามารถมาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อเปิดบัญชีได้ แล้วก็ใครมีหมายจับคดีฉ้อโกงอาจจะต้องพิจารณาในเรื่องของ การดำเนินการอายัดบัญชี มีการตรวจสอบประวัติก่อนการเปิดบัญชีธนาคาร แล้วก็บัญชีไหน ถูกอายัดบ่อย ๆ มีความถี่มากขึ้นอาจจะต้องมีการดำเนินการตรวจสอบเข้มข้นขึ้นนะคะ Slide ถัดไปค่ะ อันนี้พอดีเห็นในทาง LINE ของสายไหมเขาก็เริ่มมีการประชาสัมพันธ์ ของทางตำรวจให้ทำแบบทดสอบวัคซีน Cyber ๔๐ ข้อ ในนี้ไม่รู้มีใครได้ทำหรือยัง ดิฉันก็แอบสมัครไปแล้วก็ทำไปนะคะ ปรากฏว่า ๔๐ ข้อ บางทีชาวบ้านถึงข้อที่ ๒ ก็ขี้เกียจอ่านแล้วนะคะ เพราะว่ามันยาวมาก ๆ แล้วก็ Website ที่เข้าไปนี่เข้าไปเข้ามา คิดว่าเป็น Scammer ด้วย Front เอย ด้วยสีสัน ด้วยรูปลักษณ์ต่าง ๆ Check อยู่ นานเหมือนกันว่าจะให้ข้อมูลดีไหม แต่ก็เข้าไปแล้วก็ OK ถือว่ามีเจตนาที่ดีของตำรวจ ที่อยากให้เราได้ข้อมูล ให้เราได้ความรู้นะคะ มีการรณรงค์ในสายไหม ผู้กำกับก็เดินตลาด ให้ประชาชน Scan ประชาชนก็ไม่กล้า Scan ต่อให้อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนี่ยิ่งกลัวกว่าเดิม เพราะว่าพอเป็นตำรวจ โดนตำรวจบัญชีม้าบ่อย ๆ เหมือนกันนะคะ ต่อไปเดี๋ยวให้ดู ตัวอย่างค่ะ เข้าไปมีการให้ยืนยัน Application ID ด้วย อันนี้แก้ไขให้ก็คือว่าถ้าจะยืนยันตัวตนด้วย Application ID หรือว่าบัตรประชาชนก็คือกรณี ที่เราต้องการจะชิง iPhone นะคะ ใครอยากได้ iPhone ก็ต้องมีการแจ้งข้อมูล แต่เราไม่เป็นไร เราทำเฉย ๆ ก็เลยไม่ได้แจ้งข้อมูลไป ก็สามารถ Click ทำได้เลยนะคะ แล้วดูหน้าตา Website ดิฉันเห็นเองก็กังวลใจเหมือนกันว่าจะทำ ๔๐ ข้อนี้ดีไหม OK ไปต่อเลยนะคะ เดี๋ยวให้ดู ตัวอย่าง ๔๐ ข้อดิฉันได้ ๔๐ เต็ม ๔๐ นะคะ ดูข้อมูลต่าง ๆ คือแบบโจทย์ก็ยาว แล้วก็ ก ข ค ง บอกเลยว่า ๔๐ ข้อโจทย์ยาวทุกข้อ Choice ยาวทุกข้อ ถ้าจะแนะนำทำเป็นรูปภาพดีกว่า รูปภาพว่าแบบนี้ห้าม Click แบบนี้หลอก แบบนี้ไม่หลอก อันนี้ง่ายกว่า พอ ๔๐ ข้อ ทุกข้อเป็นข้อความยาว ๆ พรืด ๆ นี่โดยธรรมชาติของมนุษย์เราเวลาเห็น Post ยาว ๆ เราก็ไม่ค่อยอ่านอยู่แล้วนะคะท่าน พอเห็นอย่างนี้ก็อ่านไม่ไหว อันนี้ก็ฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไว้ด้วยแล้วกันนะคะ จริง ๆ เข้าใจเจตนาดีมาก ๆ แล้วก็เป็นการเผยแพร่ที่ดี แต่ถ้ามี การปรับปรุงให้มันง่ายขึ้นให้ประชาชนไว้ใจเชื่อใจได้ดีขึ้นก็จะดีกว่านี้นะคะ ขอฝากไว้ ประมาณนี้ ท่านประธานคะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล หรือทนายแจม ขออนุญาต Slide นิดหนึ่งนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ก็พูดเกี่ยวกับ แผนปฏิรูปกระบวนการด้านยุติธรรมนะคะ ที่อยู่ในแผนปฏิรูปประเทศ ในหมวดด้าน กระบวนการยุติธรรม ในแผนปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมได้ดูหนังสือเล่มนี้ ก็จะมีในหมวดของกระบวนการยุติธรรม มีในส่วนหัวข้อการดำเนินการที่บอกว่าจะมี การส่งเสริมการนำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์พร้อมระบบการตรวจสอบ หรือจำกัดการเดินทาง ของบุคคลมาใช้ในการปล่อยตัวชั่วคราว หรือที่เราเรียกกันว่า EM นะคะ EM ก็จะมีลักษณะ คล้าย ๆ Apple Watch แต่อยู่ที่ขา ก็จะเป็นตัวที่จะติดตัวไปกับผู้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่ามีนักกิจกรรมการเมืองอย่างน้อย ๘๐ คนที่ถูกสั่งให้ติดกำไล EM ซึ่งในจำนวนนี้มีคนที่ถูกติดนานที่สุดคือ ๔ ปีนะคะ และสถิติ จาก Slide เมื่อสักครู่มีข้อมูลต่อมาอีกว่าระหว่างเดือนมีนาคม ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๖ มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุม จากการแสดงความคิดเห็นจนต้องถูกสั่งติดกำไล EM จำนวน ๙๔ คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ได้รับการปลดไปแล้ว ๗๕ คน แม้การดำเนินคดี จะยังไม่เสร็จสิ้นตามกระบวนการก็ตาม และยังมีนักกิจกรรมกว่าอีก ๑๙ คนที่ยังต้องทนทุกข์ ทรมานจากการติดอุปกรณ์ EM ที่ข้อเท้าในระหว่างการต่อสู้คดีค่ะ โดยในคดีที่ผู้ต้องหา ติดกำไล EM ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคดีในมาตรา ๑๑๒ คดีการแสดงความคิดเห็น การปราศรัย การ Post บนโลก Online หรือการที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงการชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองอื่น ๆ ด้วย ขออนุญาตโชว์รูปภาพของ ลูกความท่านหนึ่งของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ได้รับบาดเจ็บจากการติด กำไลข้อเท้าหรือกำไล EM ที่เราเห็นอยู่ในภาพ ซึ่งลูกความท่านนี้ใช้เวลา ๕ ครั้ง ที่จะขออนุญาตศาลปลดกำไลข้อเท้า ในแต่ละครั้งก็ต้องอ้างเหตุผลต่าง ๆ นะคะ หนึ่งในเหตุผลที่อ้างก็คือในเรื่องของอาการบาดเจ็บที่มันบาดลึกไปจนถึงบริเวณข้อเท้า ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการ ทำอาชีพอะไรได้ตามปกติ ซึ่งเอกสารที่ใช้ในการปลดได้ใน ครั้งสุดท้ายคือใบรับรองแพทย์ แล้วก็ต้องหาใบรับรองความประพฤติด้วยนะคะ Slide ถัดไปนะคะ ซึ่งจะแตกต่างจากคดีเหล่านี้ที่เราอาจจะได้ยินกันตามข่าวต่าง ๆ เช่น คดีล่วงละเมิดทางเพศของนักการเมืองรายหนึ่งที่มีตำแหน่งเป็นถึงท่านรองหัวหน้าพรรค ผู้ต้องหารายนี้มีประวัติยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานด้วยและถูกแจ้งความดำเนินคดีเดียวกัน อันนี้ก็ไม่ต้องติดกำลัง EM และผู้ต้องหากลุ่มทุนจีนสีเทาก็ไม่ได้ถูกถอนประกัน แม้จะระบุว่า มีพฤติการณ์ข่มขู่พยานหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานก็ตาม อันนี้ก็ไม่ต้องติดนะคะ แล้วก็หรือนักแสดงท่านหนึ่งที่ถูกข้อหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงต่าง ๆ ก็สามารถขอปลดกำไล EM ได้โดยใช้เหตุผลว่าอาจจะสร้างปัญหาให้กับการแสดง การเดินทาง หรือการประกอบอาชีพ ต่าง ๆ นะคะ เพราะฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นกับกำไล EM ก็คือคำถามที่ว่ากำไล EM ยังจำเป็น หรือเฉพาะกับนักโทษคดีการเมืองหรือเปล่า ดิฉันก็ได้ไปค้นข้อมูลตามรายงานของ แผนปฏิรูปประเทศ ก็เลยพบว่าข้อมูลกำไล EM เป็นเพียงการจัดซื้อจัดหา แล้วก็ได้ข้อมูล ประมาณ ๔๐๐ กว่าล้านบาท แล้วก็เอกสารทั่วไปก็ไม่ได้มีเอกสารที่ระบุมีข้อมูลระบุชัดเจน ว่าเป้าหมายคืออะไร ตัวชี้วัดคืออะไร

    อ่านในการประชุม

  • ในประเด็นที่ ๑ เอกสารที่รายงานมาไม่ครบถ้วน

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ อยากให้ในรายงานเอกสารมีการระบุงบประมาณและรายจ่าย ให้ชัดเจนกว่านี้ ว่ากระทรวงไหนเป็นผู้รับผิดชอบนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๓ คือในเอกสารราชการนี่เนื้อหาสำคัญไม่ควรจะหายไปแบบ ง่าย ๆ แบบนั้นนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • แล้วก็สรุปก็คือว่าในการยื่นขอถอดกำไล EM แต่ละครั้ง นักกิจกรรมทาง การเมืองหลายคนเป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่งกว่าคดีอาชญากรรมหลายคดีอีกนะคะ ท่านประธาน ที่ผ่านมาเราพบการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนหลายครั้ง โดยรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เรากลับยังคงใช้กำไล EM กับนักกิจกรรม เหล่านั้น อย่าลืมนะคะว่าการถอดกำไล EM แต่ละครั้งเราต้องแลกมาด้วยการอดอาหาร อดน้ำ อดนอน หลายคนเป็นเยาวชน หลายคนเป็นนักศึกษา เป็นคนในอนาคตจะมีศักยภาพ ที่ดีให้กับประเทศของเราในอนาคตค่ะท่านประธาน ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ขออนุญาตนิดหนึ่งค่ะ ขออนุญาตหารือไม่เกิน ๑ นาที ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิก ผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล มีประเด็นหารือเรื่องตู้ Container พอดีเมื่อวานนี้ท่านวันมูหะมัดนอร์ได้แจ้งกับที่ประชุมว่าจะดำเนินการนำตู้ Container บริเวณรอบสภาออกไปตั้งแต่ ๔ ทุ่มเมื่อวานนี้ค่ะ เมื่อเช้าเดินทางมายังเห็นว่าตู้ Container ยังคงวางอยู่ในตำแหน่งเดิม ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรียนท่านประธานค่ะ ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ เขตสายไหม พรรคก้าวไกล ขอมีส่วนร่วมในการอภิปรายญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาผลประโยชน์ของการมีกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ดิฉันเห็นด้วยที่จะมี การตั้งคณะกรรมาธิการนี้มาเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของการที่จะให้มีบุหรี่ไฟฟ้า ถูกกฎหมายในประเทศไทย เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าในปัจจุบันก็มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้า กันเยอะอยู่แล้วนะคะ หรือไม่ท่านลองไปดูตรงบริเวณก่อนเข้าห้องอาหาร ไป Check ได้เลย ว่าสูบอะไรกันอยู่บ้าง ก็มีการสูบเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ แต่อยากจะตั้งข้อสังเกตอยากจะตั้ง ข้อกังวลในมุมที่เป็นคุณแม่ที่มีลูก ๒ คน ก็อยากให้คณะกรรมการวิสามัญชุดนี้มีการพิจารณา ในเรื่องของการควบคุมให้ละเอียดรอบคอบ รวมถึงการควบคุมในเรื่องของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ในที่สาธารณะหรือในที่ ๆ อาจจะเป็นที่ปิดอับหรืออันตราย อย่างเช่นบริเวณก่อนถึง ห้องอาหารของสภาผู้แทนราษฎรเรานะคะ เวลาเดินผ่านทุกครั้งเราก็ต้องสูดควันเหล่านั้น ไปด้วย หรือบริเวณที่เราจะต้องเข้าห้องน้ำเราก็ต้องสูดควันเหล่านั้นไปด้วย ดิฉันก็เป็น อีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มีปัญหากับการสูบบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่แบบไหนก็ตาม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือไม่ต้องการจะรับควันมือสองที่อันตรายจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของบุคคลท่านอื่น อยากฝากเป็นข้อสังเกตเอาไว้ ถ้ามีการตั้งคณะกรรมาธิการนี้ให้พิจารณาถึงเรื่องของ การควบคุมและป้องกันในกรณีสาธารณะด้วย ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานสภา ที่เคารพคะ ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร คนสายไหม พรรคก้าวไกล วันนี้มีเรื่องหารือจำนวน ๕ เรื่องด้วยกัน

    อ่านในการประชุม

  • ปัญหาแรก เรื่องถนนพัง ในซอยจีระมะกร ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่พี่น้องประชาชนใช้เดินทางสัญจรเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นทางลัดจากถนนเส้นวัดเกาะไปยังถนนสายไหม มีชุมชนบ้านมั่นคงกว่า ๒๐๐ หลังคาเรือน ในช่วง ๓-๔ เดือนที่ผ่านมามีรถบรรทุกขนดินของเอกชนวิ่งผ่านเข้าออก ทำให้ถนนพังเสียหาย พังแล้ว พังอยู่ พังต่อ เจ้าของโครงการมีการทำบันทึกข้อตกลง เพื่อให้ซ่อมแซม แต่สุดท้ายแล้วก็เงียบหาย ฝ่ายโยธาได้นำหินคลุกมาลง ลงแล้วก็พัง ลงแล้ว ก็พังอีก อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานเขตสายไหมตรวจสอบ แก้ไข ติดตาม ให้บริษัทเอกชนเข้ามาปรับปรุงถนนตามบันทึกข้อตกลงด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๒ ปัญหาเรื่องน้ำท่วมบริเวณซอยเพิ่มสิน ๒๕ เป็นหมู่บ้านจัดสรร มีบ้านพักอาศัยประมาณ ๓๐ หลังคาเรือน มีปัญหาน้ำท่วมทุกฤดูฝน มีการพยายามจัดตั้ง นิติบุคคลแล้วก็ทำการยื่นขอเป็นสาธารณประโยชน์แล้ว อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างที่รอให้เอาเครื่องสูบน้ำมาวางไว้บริเวณปากซอยเพิ่มสิน ๒๕ เพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๓ เรื่องการปรับปรุงป้ายรถเมล์บริเวณถนนจันทรุเบกษาหรือแยก คปอ. เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างสายไหมกับพหลโยธิน อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า คปอ. มีป้าย รถเมล์เล็กมาก ๆ ประชาชนเข้าไปนั่งได้แค่นิดเดียวเท่านั้น ไม่มีหลอดไฟ มืด อันตรายมาก ๆ อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงติดตั้งหลอดไฟเพิ่มความสว่างให้ด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๔ ปัญหาเรื่องกลิ่นขยะ สายไหมมีโรงขยะเป็นศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย กลิ่นแรงมาก ๆ สาเหตุหลักมาจากปริมาณขยะที่มีจำนวนมาก ๓,๕๐๐ ตันต่อวัน จากเดิม ที่มีปริมาณแค่ ๒,๐๐๐ ตันเท่านั้น อยากฝากสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ช่วยจัดการเพื่อให้ ศูนย์สายไหมไม่มีขยะตกค้างระหว่างวันมากเกินไป

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๕ ปัญหาเรื่องความยุ่งเหยิงของสายไฟและสายสื่อสาร เรื่องนี้ เป็นปัญหาที่มีในหลาย ๆ เขต ในสายไหมจุดสำคัญบริเวณหน้าซอยเพิ่มสิน ๑๕ บริเวณ ปากซอยทองงอกมีสายสื่อสารมาปิดทางเข้าออกของประชาชน

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๖ สุดท้าย ฝากนิดหนึ่งเรื่องการกำหนดข้อบังคับจราจรบนถนนเพิ่มสิน ทางสารวัตรจราจรสายไหมแจ้งว่าเพิ่มสินไม่มีการกำหนดข้อบังคับจราจร อยากให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดการกำหนดข้อบังคับจราจรให้ชัดเจนบนถนนเพิ่มสินด้วย ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ขอบคุณมากค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานค่ะ ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล เขตสายไหม ทนายความแม่ลูกสอง และภรรยาของนายตำรวจที่ถูกธำรงวินัย สามีกำมือ แล้วหนึ่งนะคะตอนนี้ ท่านประธานคะดิฉันขออภิปรายสนับสนุนคุณรังสิมันต์ โรม ในการ เสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ภาพลักษณ์ตำรวจกำลังเป็น ประเด็นที่ประชาชนตั้งคำถามกันอย่างมาก ที่ผ่านมาเราเห็นตำรวจมากมายใช้อำนาจ เกินขอบเขต ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้องตัวเอง ซึ่งกรณีล่าสุดดิฉันดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ มีนายตำรวจยศใหญ่ท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ผมจะไม่เอาคืนแต่มีข้อมูลอยู่มากถ้าเปิดเผยเมื่อไรก็ตายกันทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถามว่าเราเห็นอะไร สัญญาณอะไรในข้อความนี้ แปลว่าในสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเรา มีการทุจริตคอร์รัปชันอยู่จริงใช่หรือเปล่าคะ หรือในขณะที่นายตำรวจยศพลตำรวจเอก อ้างว่ามีข้อมูลในมืออยู่มากแต่ยังไม่ทำอะไร ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ส่งหลักฐานให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ นิ่งเฉยต่อความเลวร้าย หรือการทุจริตที่เกิดขึ้นใน สตช. สุดท้ายข้อมูลเหล่านี้กลายเป็นข้อมูลที่เอาไว้ต่อรองเพื่อผลประโยชน์หรือเปล่า ประเทศเรา เสียโอกาสในการกำจัดการคอร์รัปชัน ประชาชนสิ้นหวังต่อระบบราชการของตำรวจ ในมุมมองของกระบวนการยุติธรรมตำรวจที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่แบบนี้มีส่วนรู้เห็น กับทุนสีเทาต่าง ๆ การใช้อำนาจตำรวจรับส่วย เอื้อประโยชน์สถานบันเทิง มีส่วนรู้เห็นกับ การค้ามนุษย์ก็ตาม รวมไปถึงการฟอกเงิน เป็นการละเว้นสามารถแจ้งมาตรา ๑๕๗ ได้นะคะ ซึ่งคดีพวกนี้อาจจะไปถึงศาลอาญา แล้วก็ได้รับการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. ได้ สุดท้าย การจะดำเนินการอะไรสักอย่างเราก็ต้องไปดูก่อนว่าเป็นเด็กใคร เส้นไหน สายไหน ระบบ อุปถัมภ์แบบนี้เราจะคาดหวังให้ความยุติธรรมเติบโตโดยไม่มีการตรวจสอบผ้าที่สกปรก ให้กลายเป็นผ้าขาวโดยไม่ผ่านการซักไม่ได้ เป็นตำรวจต้องขาแข็งมาก ๆ ด้วย เพราะว่า ช่วงแต่งตั้งนี่ต้องวิ่งกันตั้งแต่เช้ามืดค่ะ ช่วงแต่งตั้งถ้าแต่งตั้งตุลาคม สิงหาคม กันยายน ไป สน. แทบไม่เจอใครแล้วไปวิ่งกันอยู่ ใครถือตั๋วก็ต้องเปิดบ้านบ่อยหน่อย หน้าแข้งก็จะ เปียกหน่อย ๆ รองเท้าโชกนิด ๆ มีคำถามที่สังคมตั้งคำถามในหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ ข้อร้องเรียนต่าง ๆ ของประชาชนที่ไม่ได้มีโอกาสได้นำเสนอบนหน้าสื่อ หรือเรื่องการที่ ตำรวจมีเงิน ลูกคนรวยขับรถชนคนตาย ประชาชนทั่วไปเสียชีวิต พยาบาลเสียชีวิต ตำรวจ ชั้นผู้น้อยเสียชีวิต เขาเหล่านี้กับตายฟรีทั้งนั้น หรือเรื่องการที่ประชาชนไปตามสถานีตำรวจ ต่าง ๆ ต้องไปหากล้องเอง ในพื้นที่สายไหมได้รับเรื่องร้องเรียนเยอะเหมือนกัน หรือพื้นที่ อื่น ๆ เช่นเดียวกันว่าเวลามีเหตุอะไรขึ้นมาก็ต้องไปหากล้องเอง แต่ถ้าเป็นคดีการเมือง เป็นคดี Mob เป็นนักกิจกรรมก็ไม่ต้องทำอะไรแผล็บเดียวหากล้องได้แล้ว แผล็บเดียวจับได้ แล้ว จับไว้มาก ถ้าเรายังปล่อยโอกาสแบบนี้ไว้ประเทศจะยิ่งเสียโอกาส ประชาชนจะขาด ความเชื่อมั่นตำรวจน้ำดีที่เป็นส่วนน้อยของวงการตำรวจที่อยู่ไม่ได้ แล้วก็ถูกบีบบังคับ ให้ลาออก เช่น การธำรงวินัยต่าง ๆ ตำรวจรุ่นใหม่ก็อาจจะต้องเสี่ยงต่อการถูกธำรงวินัย เหมือนกัน ถ้าทนไม่ได้ก็จะมีผู้ใหญ่บางคน ผู้ใหญ่บางคนก็จะบอกว่าทนไม่ได้ก็ลาออกไป แล้วดิฉันเชื่อว่าเงามืดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยังคงมีอยู่จริงจากประสบการณ์ส่วนตัว โรนิน ๕๐๗ ตำรวจล่ามมาอยู่กับพี่นะ โอนย้ายไปเป็นข้าราชบริพารต่าง ๆ มีคำบอกว่า เมียทหารนับขวด เมียตำรวจนับแบงก์ ส่วนดิฉันนั่งนับวันคอยว่าเมื่อไรจะได้รับความยุติธรรม กับนายตำรวจที่ถูกธำรงวินัย และไม่ได้รับการเยียวยาแต่อย่างใด ทุกวันนี้ประชาชน ตั้งคำถามกันเยอะมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับวงการตำรวจ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ควรจะเชื่อมั่นได้ แต่กลับทำสิ่งเลวร้ายเหล่านั้นเสียเอง เราจะยังทำตัวเมินเฉยต่อเรื่องราวเหล่านี้ให้ตำรวจ ตรวจสอบกันเองไม่ได้แล้วนะคะ ที่ผ่านมาเวลาถูกสื่อหรือประชาชนตั้งคำถาม เราถูกตำรวจ ขู่กลับตลอด ตั้งคำถามกับตำรวจเมื่อไรก็จะถูกตำรวจขู่กลับ ยิ่งกว่านั้นในคดีที่ล่าสุด คดีกำนันนกตำรวจด้วยซ้ำเองที่เป็นคนทำลายหลักฐานแล้วก็ให้การเท็จ ที่สำคัญตำรวจ เป็นตำรวจที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิตด้วย ตำรวจไทยทำตามคำสั่ง ทำตามผู้ใหญ่สั่ง จนไม่กล้าที่จะทำงานในหน้าที่ของตัวเอง อย่าลืมว่ามนุษย์ไม่ได้ดีด้วยตัวเองนะคะ ทุกอำนาจ ที่ขาดการตรวจสอบมักจะนำไปสู่สิ่งชั่วร้ายเสมอ เช่นที่เราเจอในหน้าข่าวประมาณเดือนหนึ่ง ที่ผ่านมาเราเห็นความชั่วร้ายจำนวนมาก อยากให้รัฐบาลของท่านนายกรัฐมนตรีใช้โอกาสนี้ ในการปฏิรูปตำรวจให้องค์กรอื่นได้ตรวจสอบการทำงานให้เข้ารูปเข้ารอย ดิฉันเชื่อว่าตำรวจ น้ำดียังมีอยู่มากนะคะ ตำรวจที่ไม่ลู่ตามลม ไม่ไหลตามน้ำ เชื่อว่าการปฏิรูปตำรวจจริง ๆ จะทำได้ไม่ใช่เป็นการพูดต่อ ๆ กัน รัฐบาลไหนก็ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปตำรวจอย่างเดียวนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • อีกเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ก่อนจะจบก็คือว่าอยากให้มีการดูแลเรื่องชีวิต และสวัสดิการของครอบครัวตำรวจด้วย แฟลตข้าราชการตำรวจ หรือว่าพื้นที่สำหรับ ลูกหลานตำรวจที่จะได้ใช้พื้นที่ ให้ตำรวจได้มีแรงในการทำงาน ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพิงการคอร์รัปชันอีกต่อไป นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศชาติของเราต่อตำรวจ น้ำดีที่ยังมีอยู่ และเชื่อมั่นในอาชีพตำรวจและต่อประชาชน ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานค่ะ ดิฉันทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล เรื่องที่จะมาอภิปรายวันนี้เป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับงบการเงินของสำนักงาน ศาลยุติธรรม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะว่าเมื่อปี ๒๕๖๑ อาจารย์ปิยบุตรก็เคยอภิปราย ไปแล้วก่อนจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง ดิฉันคิดว่าทุกคนในสภาแห่งนี้ได้อ่านรายงาน งบการเงินของสำนักงานศาลยุติธรรมแล้วจะมีคำหนึ่งที่เขียนว่าค่าใช้จ่ายในการประชุม ในรายงานเล่มนี้มีระบุเอาไว้ในหมวดค่าใช้สอยว่ามีงบการใช้จ่ายในการประชุมเพิ่มขึ้น ในปี ๒๕๖๔ ๑๑๙ ล้านกว่าบาท ในปี ๒๕๖๕ ค่าในการประชุมในเพิ่มขึ้นเป็น ๓๑๙ ล้านกว่าบาท ตัวเลขส่วนต่างจำนวนนี้เห็นแล้วก็ตกใจ แล้วก็ไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ ก็ได้ทราบว่าค่าใช้จ่ายในการจ่ายเบี้ยประชุมของศาลต่อปี มีคนคำนวณไว้ว่าจะตกอยู่ที่ ประมาณปีละ ๒๐๗,๓๖๐,๐๐๐ ล้านบาท คาดว่าใน ๕ ปีแรกจะแตะ ๑,๑๐๐ ล้านบาท ตัวเลขนี้ก็ถือว่าเยอะมาก ๆ เลย ดิฉันทราบดีว่า พ.ร.บ. การจ่ายเบี้ยประชุมมีผ่านไปแล้ว โดยให้เหตุผลในการอนุมัติเบิกจ่ายว่าเพื่อให้การประชุมนั้นมีความเที่ยงธรรม เป็นประโยชน์ ในการพิจารณาพิพากษาให้รอบคอบยิ่งขึ้น เป็นหลักประกันแก่ประชาชนว่าข้าราชการศาล จะอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน สำหรับงบประมาณในการจ่ายเบี้ยจาก พ.ร.บ. ดังกล่าว ดู Slide ถัดไป เบี้ยประชุมรายครั้งของประธานอยู่ที่ประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาทต่อครั้ง เพื่อความยุติธรรม องค์ประชุมคนละ ๘,๐๐๐ บาท ผู้เข้าร่วมประชุม ๘,๐๐๐ บาท แล้วก็ผู้เข้าร่วมประชุมและเลขานุการก็ประมาณ ๖,๐๐๐ บาท แม้จะมีการกำหนดกรอบ เบี้ยประชุมเอาไว้แล้ว แต่ดิฉันอยากจะบอกว่าตัวเลข ๓๑๙ ล้านกว่าบาทนี้ประชาชน หลายคนก็ยังไม่ทราบว่าเป็นการจ่ายเพื่อให้ศาลมีความเที่ยงธรรม ยุติธรรม แล้วก็ผดุง ความยุติธรรมวันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทบทวนว่าปี ๒๕๖๕ นี้ค่าใช้จ่ายในการประชุม จะแตะอยู่ที่เท่าไร ดิฉันขอแสดงความเป็นห่วงเล็กน้อยแล้วกันถึงตัวเลขนี้ อาจจะแบบว่า จะพอหรือเปล่าสำหรับความยุติธรรมหรือว่าในฐานะที่เราใช้อำนาจนิติบัญญัติเหมือนกัน ดิฉันเองก็ไม่อยากได้ยินคำครหาว่าประเทศนี้ ความยุติธรรมนั้นช่างราคาแพงเหลือเกิน เงินเดือนดี มีเบี้ยประชุม สวัสดิการก็ดี การแข่งขันก็ย่อมต้องสูงเป็นธรรมดาเลย ขอเข้าในประเด็นที่ ๒

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ เป็นประเด็นที่อยากจะพูดถึงการคัดสรร กระบวนการจัดสรร เป็นความเหลื่อมล้ำของการสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา หลาย ๆ คนทราบกันดีเด็กนิติศาสตร์ ทุกคนจะทราบกันดีว่าการจะเป็นผู้พิพากษาจะมีสนามการแข่งขันอยู่ประมาณ ๓ สนาม ด้วยกัน สนามแรกเรียกว่าสนามใหญ่ สนามใหญ่นี้ก็จะมีวุฒิการศึกษาต้องสอบผ่าน เนติบัณฑิต จบปริญญาตรีด้านกฎหมายประกอบอาชีพด้านกฎหมาย ๒ ปี แต่ถ้าสนามเล็ก ก็สอบผ่านเนติบัณฑิต หรือว่าจบปริญญาโทกฎหมายเราจะเรียกว่า ถ้าอยากจะสอบ สนามเล็กไปเรียนปริญญาโทมาถูกไหมคะ จะได้จบสอบสนามเล็กได้นะคะ อีกสนามหนึ่ง ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยรู้ถ้าคนที่อยู่นอกวงการก็อาจจะไม่ทราบ คือมีคำว่าสนามจิ๋วด้วย สนามจิ๋วจะต้องสอบผ่านเนติบัณฑิต แล้วก็จบปริญญาตรีกฎหมายจากต่างประเทศ หลักสูตร ไม่น้อยกว่า ๒ ปี หรือว่าจบปริญญาโท ด้านกฎหมายต่างประเทศ หลักสูตรไม่น้อยกว่า ๓ ปี หรือจบปริญญาเอกมหาวิทยาลัยในไทย ถ้าสนามใหญ่และสนามจิ๋วเปิดสอบ คนละรอบสามารถใช้วุฒิปริญญาตรีไปสอบสนามใหญ่ได้อีก หมายความว่าถ้าเราจบ เนติบัณฑิต จบปริญญาโทกฎหมายต่างประเทศตามเงื่อนไขนี้นะคะ เราจะมีสิทธิสอบได้ ๓ สนามเลย แต่ถ้าใครที่จบ ป. โท ประเทศไทยก็จะสอบได้ ๒ สนาม สำหรับคนเบี้ยน้อย หอยน้อยเรียนได้แค่ประเทศไทยก็อาจจะสอบได้แค่สนามใหญ่ สนามเดียวเท่านั้น ยิ่งไม่นานมานี้มีการแชร์ผ่านโลก Social ว่าผู้ที่สอบผ่านข้อเขียนสนามจิ๋วแต่ละตำแหน่ง ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาในปี ๒๕๕๑ มีจำนวน ๒๑ คนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพ เมื่อไม่นานมานี้มีการใช้แชร์โลก Social ตามภาพนี้เลยว่าในสนามจิ๋ว ปี ๒๕๖๑ มีจำนวน ๒๑ คนที่สอบสนามจิ๋วแล้วก็ไม่ได้ประกอบอาชีพ อาจจะตีความได้ว่าพอเรียนจบปุ๊บ ก็อาจจะเรียนจบเข้าสู่สนามสอบทันที หลาย ๆ คนก็รู้กันว่าเอ๊ะถ้าเราเรียนจบปุ๊บเราจะใช้ ช่องทางเข้า เขาเรียกช่องทางแบบ Fast Track ในการที่จะไปเรียนต่างประเทศเพื่อจะ กลับมาแล้วก็มาอ่านหนังสือสอบเพื่อสอบผู้พิพากษาสนามจิ๋วได้เลย เมื่อพิจารณาถึง คะแนนสอบแต่ละสนามจะเห็นว่าคะแนนสอบก็จะค่อนข้างต่างกัน สนามจิ๋วจะให้น้ำหนัก กับการสอบภาษามากกว่าการสอบประเภทอื่น ๆ แต่ถ้าสัดส่วนคะแนนวิชากฎหมาย จะน้อยกว่า แต่ถ้าสนามใหญ่เราจะเน้นที่กฎหมายมากที่สุด ในปี ๒๕๖๐ การสอบสนามใหญ่ มีผู้ผ่านการคัดเลือก ๓๓ คน จาก ๗,๐๐๐ กว่าคน ถือเป็น ๐.๔๗ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ของผู้สมัครทั้งหมด ในขณะที่สนามจิ๋วในปีเดียวกันมีผู้ผ่านการคัดเลือก ๑๑๖ คน จากผู้สมัคร ๓๔๘ คน ถือเป็น ๓๓.๓๓ เปอร์เซ็นต์ของผู้สมัครทั้งหมดในการเป็นผู้พิพากษา หรือแม้กระทั่ง ในปี ๒๕๖๑ อัตราการสอบผ่านสนามใหญ่อยู่ที่ ๑.๗๖ เปอร์เซ็นต์ สนามเล็ก ๑.๔๐ สนามจิ๋ว ก็ผ่านประมาณ ๒๒.๑๘ เปอร์เซ็นต์ จากสถิติก็จะเห็นได้ว่าความเหลื่อมล้ำในการสอบ คัดเลือกผู้ช่วยผู้พิพากษาในสนามจิ๋วมีโอกาสมากกว่า ๑๐ เท่าเป็นอย่างน้อย เมื่อคิดเป็น อัตราผู้สอบผ่านทั้งหมดก็ประมาณ ๑ ต่อ ๖ สนามใหญ่ ๑ ต่อ ๓๗ คน เราก็จะเห็นว่า มีความเหลื่อมล้ำในสนามสอบทั้ง ๓ สนาม อยากจะฝากท่านผู้ชี้แจงด้วยว่าถ้ามีการพิจารณา ในเรื่องนี้จะมีการพิจารณาอย่างไร หรือแม้กระทั่งการเก็บคดี อีกอันหนึ่งที่สำคัญ การเก็บคดี ก็มีการไปขอเก็บคดีเหมือนกัน แจมคิดว่าในวงการนักศึกษากฎหมายเรารู้สิ่งนี้เป็นอย่างดี แต่ประชาชนหลาย ๆ คนไม่ทราบเรื่องนี้ว่าพอจบมาปุ๊บไม่ได้ว่าความจริงก็มี มาขอเก็บคดี ตามศาลเพื่อให้ได้คดีตามจำนวนที่จะสอบผู้พิพากษาได้ แล้วก็เอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบ แล้วก็ไปเป็นผู้พิพากษาที่มานั่งตัดสินชะตาชีวิตพวกเราอยู่ทุกวันนี้ค่ะ ด้วยความเหลื่อมล้ำ ของกระบวนการสอบผู้พิพากษา การเก็บคดี หรือว่าเบี้ยประชุม หรือแม้กระทั่งสวัสดิการ ที่มีท่านสมาชิกพูดไปแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือเวลามีการตัดสินต่าง ๆ ด้วยความเหลื่อมล้ำในการคัดเลือกผู้พิพากษา ด้วยสวัสดิการต่าง ๆ นานา สิ่งที่เราได้คืออะไร สิ่งที่เราได้ก็คือความเหลื่อมล้ำในการตัดสิน ในการให้ดุลยพินิจ ในการประกันตัวในแต่ละคดี ทนายอานนท์ นำภา มาตรา ๑๑๒ จำคุก ๔ ปี ไม่รอลงอาญา ไม่ให้ประกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคย หลบหนีไปไหน เลี้ยงลูกอยู่บ้าน คุณวารุณี จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ไม่ให้ประกัน บอกว่าเชื่อว่า จะหลบหนีทั้ง ๆ ที่ไม่เคยหลบหนี ในขณะเดียวกันคุณอิทธิพล คุณปลื้ม กลับให้ประกัน ทั้ง ๆ ที่มีประวัติหลบหนี หรือแม้กระทั่งคดีของคุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ยกฟ้องคดี ฆาตกรรม ชี้หลักฐานไม่เพียงพอ อยากจะให้เห็นว่าด้วยกระบวนการคัดเลือกผู้พิพากษา ด้วยการใช้งบประมาณต่าง ๆ สิ่งที่ประชาชนได้มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ประชาชนเสียหรือไม่ อยากฝากไว้เท่านี้ค่ะ ขอบคุณท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ดิฉัน ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล วันนี้จะมาขอร่วมอภิปรายสนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนของท่านอนุชา แล้วก็ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาและแนวทางการแก้ไขการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการแก้ไขหนี้สินครัวเรือน อย่างยั่งยืนของท่านชัยวัฒน์ แล้วก็ญัตติของท่านเอกราช อุดมอำนวย แล้วก็ของท่านวิทยา แก้วภราดัย ท่านประธานที่เคารพคะ วันนี้ดิฉันอยากจะนำเสนอขอ Slide ด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ปัญหาหนี้สินครัวเรือน เป็นปัญหาใหญ่ของหลายครอบครัวมาก ๆ และวิกฤตินี้เองทำให้หลาย ๆ คนไม่อยาก มีลูก เพราะอะไร เพราะว่าการเลี้ยงลูก ๑ คน ต้องใช้จำนวนเงินมหาศาลมาก ๆ ในขณะที่ เด็กเกิดใหม่เราลดลงโดยเฉลี่ย ๒๘๐,๐๐๐ ราย และสำนักงานสถิติแห่งชาติประเมินเอาไว้ว่า ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก ๑ คน เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเดือนละ ๒๗,๓๕๒ บาทต่อเดือน ในขณะที่เรามีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ บาทต่อเดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นดิฉัน เห็นว่าพ่อแม่ที่มีรายได้ขั้นต่ำและมีหนี้สินครัวเรือนสูง ค่าครองชีพสูงเป็นวิกฤติที่พ่อแม่ ที่จะเลี่ยงเผชิญไม่ได้เมื่อต้องเลี้ยงลูกเพื่อให้อยู่รอด เพื่อให้อยู่ดีกินดีในมุมของผู้เป็นพ่อ เป็นแม่แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เรากังวลมาก ๆ เพราะว่าการที่เรามีค่าแรงขั้นต่ำที่น้อย การที่เรามีหนี้สินครัวเรือนที่สูง และค่าครองชีพที่สูง หมายถึงโอกาสในการเสริมสร้าง พัฒนาการของเขาก็จะหายไปด้วย เหมือนที่ท่านสมาชิกได้พูดไปเมื่อสักครู่ การที่พ่อแม่ ต้องทำงานหนักเพื่อจ่ายหนี้ใช้จ่ายภายในครัวเรือนทำให้โอกาสในการเข้าถึงโภชนาการที่ดี ของเด็ก ๆ ลดลง และส่งผลต่ออารมณ์ของเด็ก เมื่อผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองต้องมีภาวะ ความเครียด พ่อแม่เราต้องดิ้นรนกันเองมาก ๆ เพราะว่าเราต้องพยายามหาเงินหาทอง นอกจากจะต้องเสียค่าอาหารการกินของลูกเราแล้วและเสียค่าเรียนเสริมพัฒนาการนั่นนี่ หรือว่าซื้ออุปกรณ์ ซื้อของเล่นเสริมพัฒนาการด้วยตัวเอง เพราะว่ารัฐไม่ได้ Support และตลกร้ายก็คือว่าต่อให้ของเล่นมีเสริมพัฒนาการมีเยอะขนาดไหน ไม่ต้องใช้ทุนทรัพย์ เลยก็ได้แต่ต้องใช้เวลา ซึ่งเรื่องเวลาก็เป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกันเพราะว่าปัจจุบัน เราลาคลอดได้แค่ ๓ เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นการที่เราจะมีในเรื่องของเบี้ยเด็กเล็กก็ตาม แล้วก็เรื่องลาคลอด ๑๘๐ วันก็ตาม จะชดเชยแล้วก็เพิ่มโอกาสในการเสริมสร้างพัฒนาการ ด้านอารมณ์และการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว มีงานวิจัยบอกมากมายว่า เด็กที่ได้กินนมแม่ในช่วง ๖ เดือนแรกจะมีพัฒนาการที่ดี ซึ่งประเทศไทยเรามีสถิติการให้นมลูก ด้วยนมแม่ ๑๒ เปอร์เซ็นต์ จากภาพจะเห็นว่าประเทศอื่นมีหลายเปอร์เซ็นต์มาก ๆ สามารถ ให้นมแม่ได้เกินขั้นต่ำคือ ๖ เดือน ในประเทศไทยแค่ ๑๒ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เด็กไทย กินนมแม่น้อยต่ำมาก ๆ ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยของการคลอดแล้วก็ต้องรีบกลับไปทำงาน หรือคลอดแล้วไม่มีน้ำนม ทำให้ต้องใช้นมผงเป็นตัวแรกทันทีหลังคลอด แล้วก็การที่เราจะให้นมแม่ จะช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงในเรื่องของนมผงด้วย นมผงกลายเป็นค่าใช้จ่าย ที่ทั้งจำเป็นและไม่จำเป็นของคนเป็นแม่ ซึ่งถ้าใครที่เลี้ยงลูกจะรู้ดีว่าแค่มีลูก ๑ คน ค่าใช้จ่าย ในเรื่องของนมผงก็ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาทแล้ว ยังไม่รวม Pampers เดือนหนึ่ง ก็ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาทเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการที่เราจะให้สิทธิแม่ได้กลับไปเลี้ยงลูก ในแบบที่ได้รับค่าชดเชย จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของนมผงไปได้มาก ๆ แล้วก็ค่าใช้จ่าย เรื่องนมผงเขาบอกว่าประมาณปีหนึ่ง ๔๘,๐๐๐ บาทต่อปี นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยง เรื่องมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่เหมือนที่คุณหมอชลน่านได้พูดเอาไว้ด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าเราจะสนับสนุนให้คนมีลูกมากขึ้น เราก็ต้องมีการสนับสนุนให้มีการลาคลอด ๑๘๐ วันด้วยนะคะ แล้วยิ่งถ้าพ่อแม่สามารถแบ่งวันลาคลอดกันได้ก็จะช่วยลดปัจจัย ความเสี่ยงในการเป็นซึมเศร้าหลังคลอดด้วย ไม่ต้องรู้สึกว่าแบกภาระไว้คนเดียว แล้วนี่เป็น การจ่ายค่าเวลาที่ดีที่สุดถ้าจะทำได้ อันนี้เป็นเรื่องของสูตรนมแม่ ๑ ชั่วโมงทันทีหลังคลอด แล้วก็ ๖ เดือนต้องได้นมแม่อย่างน้อย ๆ ๖ เดือน แล้วหลังจากนั้นก็กินนมแม่เสริมร่วมกับ อาหารปกติ ซึ่งอันนี้ที่ทำให้แม่ ๆ หลายคนไม่สามารถให้นมแม่ได้ถึง ๖ เดือน หรือบางคน ก็มีน้ำนมไม่พอ เหตุเพราะเรื่องข้อแรกเลย เรื่องการที่จะต้องให้น้ำนมใน ๑ ชั่วโมงแรก หลังคลอดยังไม่ได้กำหนดเป็นข้อบังคับของกระทรวงสาธารณสุข อันนี้อยากฝากกระทรวง สาธารณสุขด้วยนะคะ แล้วก็ประเทศที่ให้ความสำคัญกับเด็กมีแนวโน้มว่าประเทศนั้น จะเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้า มีคุณภาพแรงงานที่ดี อาชญากรลดลง เพราะฉะนั้น เราจะต้องเอาใจใส่ตั้งแต่พัฒนาการ กระบวนการแรกของการเติบโต กระบวนการพัฒนา เด็กเล็กให้เติบโตอย่างดีและมีความพร้อมในการพัฒนาการด้านอื่น ๆ ได้อย่างดีที่สุด เมื่อสังคมเริ่มตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำและการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว พวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับกระบวนการตีตราความยากจนสิ่งที่เกิดมา สิ่งที่เกิดตามขึ้นมาก็คือ การปฏิเสธความช่วยเหลือจากรัฐบาล การมีลูกจึงเหมือนการใช้เงินออมก้อนใหญ่ และเป็นการลงทุนมหาศาลเพราะต้องสู้กับเศรษฐกิจที่แย่ลง เงินเดือนที่ไม่สูง และการจ่าย หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และมองว่าการเลี้ยงเด็กอีกคนนั้นเป็นเรื่องที่เกินกำลังเกินไป เร็ว ๆ นี้ พรรคก้าวไกลของเราในปีกแรงงาน เราได้นำเสนอร่างไปเกี่ยวกับเรื่องการลาคลอด ๑๘๐ วัน เกี่ยวกับเรื่องห้องให้นม ต่าง ๆ เราก็รอท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะพิจารณา รับรองด้วย อันนี้ฝากไว้ด้วย Slide ถัดไป สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยในปัจจุบัน สูงอันดับ ๗ ของโลก และสูงพอ ๆ กับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเนเธอร์แลนด์ นี่เป็นปัจจัย หลักสำคัญที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก และพฤติกรรมการกู้ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาระดับ รัฐบาล หลายคนมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เหมือนที่ท่านผู้เสนอญัตติหลายท่านได้พูดออกไป ว่ามีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนมาก หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้การศึกษา และสารพัดค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ กว่าสังคมไทยจะเป็นคนไทยไร้จนในปี ๒๕๗๐ เด็กที่เกิดมาแล้วก็อาจจะพลาดโอกาส ที่ดีในการที่เขาจะได้พัฒนาตัวเองก็เป็นได้ ข้อเสนอเสนอแนะจึงไม่ได้เป็นแค่ในการแก้ปัญหา เรื่องการไม่ยอมมีลูกอย่างเดียว หรือแก้ไขปัญหาในเรื่องของหนี้สินอย่างเดียว แต่ก็อยากให้ การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญครั้งนี้ได้ตระหนักแล้วก็นึกถึงครอบครัวของคนที่มีลูกด้วย เพราะว่าใน ๑ วันที่เราเดินช้าลงและละเลย เราอาจจะสูญเสียอัจฉริยะตัวน้อยที่กำลังเติบโต และจะเก่งกว่าพวกเราอย่างแน่นอนในอนาคต ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล เขตสายไหม วันนี้มีเรื่องมาหารือท่านประธานทั้งหมด ๓ เรื่อง ขอสไลด์ด้วย นะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องแรก เป็นเรื่อง เกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่รัฐมีการนำแท่งปูนมาวางขวางบริเวณจุดทางลาดสำหรับรถเข็น Wheelchair บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้าใกล้ ๆ ซอยพหลโยธิน ๕๔/๓ ก่อนถึงประตู กรุงเทพฯ จริง ๆ เขาเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้รถมอเตอร์ไซค์ขี่บนทางเท้า แต่การแก้ปัญหา แบบนี้เป็นการแก้ปัญหาโดยการสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่ อยากเรียนไปถึงทางกรมทางหลวง ให้ดำเนินการเอาแท่งปูนเหล่านี้ออกไปด้วยเพื่อความสะดวกต่อการสัญจรของผู้เปราะบาง ด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๒ เป็นเรื่องของรถบรรทุก รถพ่วง รถขนดิน อันนี้พูดมาตั้งแต่ สมัยที่แล้วว่าในพื้นที่เขตสายไหมนอกจากปัญหาเรื่องส่วย ซิ่ง วิ่งนอกเขต เศษดินหล่น ทำถนนพัง ยังมีปัญหาเรื่องการไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร จากคลิปจะเห็นได้ว่ามีความเสี่ยง ต่อการเกิดอุบัติเหตุมาก ๆ แล้วถ้าดูจากคลิปมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านไปก็คือมอเตอร์ไซค์ ของตำรวจ ไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอยากเรียนไปถึง สน. คันนายาว สน. สายไหม สน. บางเขน ให้กวดขันเรื่องการบังคับใช้กฎหมายด้วย

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่อง PM2.5 เรื่องนี้ไม่พูดไม่ได้ เพราะว่าเราก็ผจญกันมา หลายวัน ทาง สส. กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ได้ไปเข้าพบ ผอ. สำนักสิ่งแวดล้อม เราเลยพบว่าแหล่งกำเนิดฝุ่นในกรุงเทพมหานครประมาณ ๔๕ เปอร์เซ็นต์มาจากรถบรรทุก เป็นปัจจัยหลัก และเชื่อมไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ในประเทศไทยที่มีการก่อสร้าง ในปัจจุบัน จึงอยากเรียนท่านประธานฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการเร่งด่วน ในการจัดการกับปัญหาฝุ่นควัน ก่อนที่วัน Christmas นี้ Santa Claus จะไม่มา จะเป็น มะเร็งปอด Is Coming to Town แทนนะคะท่านประธาน ฝากด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ขอบคุณค่ะ ท่านประธาน ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ เขตสายไหม พรรคก้าวไกลค่ะ วันนี้ดิฉันจะขออภิปรายสนับสนุนร่างแก้ไขเพิ่มเติม ข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎรหรือร่างข้อบังคับสภาก้าวหน้าที่คุณไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ ท่านประธานค่ะ ดิฉันเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ในสภาแห่งนี้ที่ถูกเลือกมาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตสายไหม ดิฉันยังจำวันที่ประชาชน ไปเลือกตั้งได้ แต่งตัวใส่เสื้อผ้าหยิบปากกาไปลงคะแนนด้วยความหวัง ความหวังที่เคยเกือบจะมอดหมดไปแล้วในรัฐบาลที่แล้ว เป็นเวลากว่า ๙ ปีที่การรัฐประหาร แช่แข็งประเทศไทย ไม่ให้ผลิดอกงอกงามมาโดยตลอด นี่เป็นอีก ๑ เหตุผลที่ดิฉันจะลุกขึ้น อภิปรายสนับสนุนร่างแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของท่าน สส. พริษฐ์ วัชรสินธุ ในวันนี้ค่ะ ท่านประธานคะ การใช้อำนาจนิติบัญญัติคือ หน้าที่หลักและอำนาจอันชอบธรรมที่ทำให้สภาแห่งนี้ยังคงอยู่ และยังเป็นเหตุผลที่ ประชาชนออกไปเลือกตั้งเพื่อให้พวกเราเข้ามาเป็นตัวแทนในการใช้อำนาจนี้ ร่างข้อบังคับ สภาผู้แทนราษฎรฉบับนี้จะทำให้การทำงานในหน้าที่ผู้แทนราษฎรของพวกเรามีประสิทธิภาพ มากขึ้น และเป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจที่เราตอบแทนให้กับประชาชนที่เลือกพวกเรา เข้ามาทำงานค่ะ ดิฉันจึงมีความเห็นว่าการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น นอกจากจะเป็น การตอบสนองความคาดหวังของประชาชนแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นเรียกคืน ความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนให้กับระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ดิฉัน ขอยกตัวอย่าง ๒ ข้อเพื่อเป็นการรักษาเวลานะคะ ๑. ในปัจจุบันร่างที่ประชาชนเสนอเข้ามา ในสภามากขึ้น การลดข้อจำกัดบางประการเพื่อเปิดช่องว่างให้ประชาชนสามารถเสนอ ร่างกฎหมายเพื่อให้สภาแห่งนี้พิจารณามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการพิจารณาญัตติอื่น ๆ เพราะฉะนั้นการใช้ระบบ Auto Approve โดยการวางกรอบระยะเวลา ๓๐ วันให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาก่อนจะถูกส่งต่อมาสภา สิ่งนี้คือเบาะรองรับไม่ให้ร่างกฎหมายของประชาชน ถูกดองไว้โดยไม่จำเป็นค่ะท่านประธาน เนื่องจากสมัยที่ผ่านมามีร่างกฎหมายไม่น้อยที่ถูก ตีตกไป เพราะว่าเห็นว่าเป็นร่างเกี่ยวกับการเงิน ทำให้ร่างกฎหมายเหล่านี้ไม่ได้มีโอกาส ผ่านสายตาของผู้แทนราษฎรเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจะดีหรือไม่หากอำนาจในการรับรอง กฎหมายที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวกับร่างการเงินนั้นอยู่ในมือของสภาผู้แทนราษฎรภายใต้กรอบ ระยะเวลา ๓๐ วันที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจพิจารณาได้ ท่านประธานคะ ในสมัยที่แล้ว ดิฉันเองก็เป็นหนึ่งในประชาชนที่ดูการประชุมสภาผ่านหน้าจอ แล้วก็ตั้งตารอตลอดเวลา ว่านายกรัฐมนตรีมาตอบคำถามเมื่อไร ตั้งตารอวาระสำคัญ ๆ ทุกครั้ง บางครั้งก็ตั้งนาฬิกา ไว้เลยนะคะ ท่านกลัวจะพลาดในการประชุมสภา ซึ่งในสมัยนั้นเรานับครั้งได้เลยว่า นายกรัฐมนตรีจะเข้ามาฟังและตอบคำถามด้วยตัวเองกี่ครั้ง ดิฉันเพิ่งเป็น สส. สมัยแรก ก็เข้าใจดีว่าเรื่องความกังวลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหากท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบ คำถามเอง แต่หากพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประชาชนแล้ว นี่ไม่ใช่การบีบคอฝ่ายบริหาร นะคะท่านประธาน แต่เป็นการเปิดให้สภาแห่งนี้ได้ทำหน้าที่สื่อสารและไขความกระจ่าง ให้กับพี่น้องประชาชน และเพื่อไม่ให้สภาอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่เพื่อน ๆ สมาชิกหลายคนพูดถึง อยู่ในภาวะที่เรียกว่าลงเรือลำเดียวกัน การที่แก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ให้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามของผู้แทนราษฎรทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านในสภาแห่งนี้ จะเป็นเครื่อง Guarantee คำพูดที่น่าเชื่อถือ การแสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศและการ ทำให้ประชาชนนี้ให้ความไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ท่านประธานคะ ดิฉันคิดว่าการทำงาน ของพวกเรานี้จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับ การถ่วงดุลอำนาจ การลด ขั้นตอนบางอย่างลงและการเปิดโอกาสให้สภาได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ การให้ผ่าน ร่างแก้ไขข้อบังคับประชุมสภาผู้แทนราษฎรฉบับนี้จะเป็นการเรียกคืนความเชื่อมั่นต่อสถาบัน การเมืองของพวกเราเอง

    อ่านในการประชุม

  • สุดท้าย ดิฉันอยากฝากเพื่อนสมาชิกทุกท่านในที่ประชุมสภาแห่งนี้ว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของท่าน สส. พริษฐ์ล้วนมีประโยชน์ ต่อประชาชนทั้งสิ้น ถ้าเราเอาสมการประชาชนเป็นตัวตั้งร่างข้อบังคับฉบับนี้มีความสำคัญมาก และเป็นการยกระดับการทำงานของผู้แทนราษฎรให้ได้ทำหน้าที่นิติบัญญัติ ยกระดับสภา แห่งนี้ให้ได้ทำหน้าที่อันทรงเกียรติโดยมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ ฉับไว โปร่งใส เข้มแข็ง เสมอภาค เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างแน่นอน ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ เขตสายไหม พรรคก้าวไกล รอ Slide นะคะ

    อ่านในการประชุม

  • หัวข้อที่จะมาพูด ในวันนี้เป็นในเรื่องของกองทุนวิจัย กทปส. ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้การดูแลของหน่วยงาน กสทช.

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นแรก อันนี้ข้ามไปเลยก็ได้เพราะว่ามีผู้อภิปรายหลายท่านพูดไปแล้ว ในเรื่องของโครงสร้างของกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนา แล้วก็ที่มาของแหล่งทุน

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ ดิฉันอภิปรายเรื่องของการใช้งบผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งจริง ๆ เราจะไม่แปลกใจเลยถ้าเราได้ย้อนกลับไปดู Board บริหารของกองทุน ซึ่งมีองค์กร ต่าง ๆ เข้ามาบริหารกองทุน

    อ่านในการประชุม

  • ทีนี้ประเด็นที่ ๒ ดิฉันมีคำถามต่อไปว่า กทปส. ได้ดำเนินการตามพันธกิจ หรือไม่ หรือว่าสนใจแค่ว่าใคร หรือหน่วยงานใดเป็นผู้ขอกองทุน ก็เลยแบบว่าสนแค่ว่าใคร หรือเปล่า เป็นการของบกองทุน เช่นกรณีนี้ กรณีการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อความมั่นคง ของกองทัพบก โดยกรมการทหารสื่อสาร โดยมีการขอกรอบงบประมาณที่ ๓๐ ล้านบาท และ กทปส. ได้มีการปรับลดลงเหลือ ๑๘ ล้านบาท โดยโครงการนี้ให้หลักการและเหตุผลว่า เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับ ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสร็จแล้วก็มีห้อยท้ายว่า รวมถึงผู้ด้อยโอกาส และคนพิการตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ในยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ที่มีห้อยท้ายเอาไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในมาตรา ๕๒ (๑) เพราะเป็นการสร้าง ความเท่าเทียมในการเข้าถึงข่าวสารด้านความมั่นคงให้กับผู้ด้อยโอกาสและคนพิการ ซึ่งดิฉัน ขอตั้งข้อสังเกตไปยังผู้ชี้แจงว่าการอ้างอิงถึงการสอดคล้องกับโครงการกับวัตถุประสงค์ มาตรา ๕๒ (๑) นั้น เป็นจริงหรือไม่ และเหตุใดกองทัพบกถึงไม่ได้ใช้งบประมาณขององค์กร ตัวเองผ่านกระบวนการรัฐสภาเพื่อขออนุมัติงบ PR กองทัพตัวเอง ทั้งนี้ในส่วนของ กองทัพบกเองก็มีสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไป เสียงบประมาณ ถ้าในตารางจะมีงบประมาณที่เขียนว่าถ้าออกอากาศ ๙ ล้านกว่าบาท ทั้งที่ได้รับใบอนุญาตประเภทกิจการสาธารณะโดยไม่ต้องเสียค่าใบอนุญาตก็ได้ ซึ่งตรงนี้ ทางกองทุนเองก็ได้ให้เหตุผลในการอนุมัติงบนี้ไว้ว่า เนื่องจากหน่วยงานผู้ขอรับการส่งเสริม สนับสนุนเป็นกรมการทหารสื่อสาร ไม่ใช่วิทยุโทรทัศน์กองทัพบก จึงพิจารณาสนับสนุน ค่าใช้จ่ายในการออกอากาศตามมติของผู้บริหารกองทุน ก็อยากฝากทุกท่านย้อนกลับไปดูว่า Board ของผู้บริหารกองทุนเป็นใครบ้าง นอกจากนั้นยังมีการสนับสนุนค่าใช้จ่าย ด้านเทคโนโลยีสารสนเทส โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร มูลนิธิโครงการหลวง ด้วยงบประมาณ ๒๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท โดยอ้างวัตถุประสงค์ ตามมาตรา ๕๒ (๑) เช่นเดียวกัน ซึ่งโครงการนี้เป็นการให้ทุนสำหรับงบประมาณการก่อสร้าง มูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๕๒ (๑) ที่เป็นการให้บริการ อย่างทั่วถึง จึงชวนตั้งคำถามว่า กสทช. เหตุใดจึงต้องประกาศให้ทุนตามโครงการนี้ด้วย

    อ่านในการประชุม

  • แล้วยังมีอีกโครงการหนึ่ง เป็นประเด็นที่ ๓ เรื่องความคลุมเครือของการใช้ ภาษาใน TOR กทปส. ให้งบพัฒนารถปฏิบัติการสื่อสารเพื่อบูรณาการระบบสื่อสารของ กระทรวงกลาโหม เป็นรถปฏิบัติการสื่อสาร ก็ตั้งข้อสังเกตว่ามีจุดประสงค์เป็นไปตามแผน ยุทธศาสตร์ปี ๒๕๖๐-๒๕๘๐ และใช้เพื่อการปฏิบัติการการชุมนุมทางการเมืองจริงหรือไม่ โครงการนี้ใช้งบประมาณด้วยกรอบงบประมาณ ๔๓,๙๓๙,๐๐๐ บาท โดยให้เหตุผลว่า เป็นการบูรณาการการใช้งานข้อมูลสื่อผสม ข้อมูลภูมิศาสตร์สารสนเทศ โสตทัศนูปกรณ์ และระบบการสื่อสารของกระทรวงกลาโหม ในการติดตามสถานการณ์และสนับสนุนภารกิจ ของรัฐบาล ซึ่งนอกจากจะไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์แล้ว โครงการนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนาและการวิจัยซึ่งเป็นพันธกิจหลักของกองทุน กทปส. มีการยื่นประมูลโดยเจ้าเดียว ด้วย นอกจากนั้นยังมีกองทุน กทปส. ยังอนุมัติงบโครงการในการจัดทำสื่อสาธารณะ อีกหลายอย่าง อันนี้เป็นรายการที่ได้รับทุนจากกองทุน กทปส. ในปี ๒๕๖๓ ก็จะมีรายการ ตามนั้นเลยค่ะ ขออนุญาตหยิบมา ๑ ในโครงการที่ได้รับทุน คือเรื่องโครงการใบบุญ เณรน้อย โครงการนี้ได้รับทุนไปประมาณ ๔,๙๔๔,๔๗๐ บาท ดิฉันได้เข้าไปตามดู ก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนกัน ใบบุญเณรน้อย วันนี้ก็ถือ โอกาสประชาสัมพันธ์เลยแล้วกันนะคะ ช่วยเข้าไปดูกัน จะได้คุ้มกับงบประมาณนิดหนึ่ง มีทั้งหมด ๔๐ ตอน งบประมาณตอนละ ๑๒๓,๖๑๑.๗๕ บาท หารเฉลี่ยมาให้ ซึ่งก็ได้เข้าไป ดูว่าการแบ่งเป็น Clip ๔๐ ตอน แล้วก็มี Clip ลงซ้ำด้วย เพื่อสำหรับเพิ่มยอด View อีกกว่า ๑,๐๓๒ ตอน แบ่งยอด View ก็คือที่มียอด View ประมาณ ๑๐,๐๐๐-๖๔,๐๐๐ View ประมาณ ๑๒ Clip นะคะ แล้วก็มี ๐-๑๐๐ View ประมาณ ๑๙ Clip เลยนะคะ แล้วมีอีก โครงการหนึ่งนะคะ โครงการรายการ ๕ หมู่ของหนู ชื่อน่ารักมาก ๆ คิดถึงลูกที่บ้าน ช่วยไปดู กันด้วยนะคะ ๕ หมู่ของหนู มีทั้งหมด ๔๐ ตอน งบประมาณตอนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท เช่นเดียวกัน

    อ่านในการประชุม

  • ก็เกิดประเด็นคำถามนะคะว่า กทปส. เป็นองค์กรภายใต้การดูแลของรัฐ โดยมีส่วนร่วมในการได้รับงบประมาณและรายได้จาก กสทช. ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สำหรับ กสทช. ถือว่า กทปส. ทำได้ดีตามพันธกิจหรือจุดประสงค์ของกองทุนหรือไม่ หาก กสทช. ยังปล่อยให้ กทปส. อนุมัติงบสำหรับกองทัพ โดยมี Board บริหารเป็นผู้นำทาง การทหารแบบนี้ต่อไปจะถือเป็นประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ขอฝากไว้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ ท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล วันนี้ดิฉันมาอภิปรายเพื่อสนับสนุนญัตติของคุณปิยรัฐ เรื่อง ขอให้ สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการควบคุมฝูงชน และแสวงหาข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุม อันเนื่องมาจากเหตุการณ์การชุมนุมของเยาวชน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๕

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ดิฉันอยากกราบเรียนถึงเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่กำลังอยู่ใน ที่นี้ว่าจริง ๆ แล้วเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี ๒๕๖๓ ถึงปี ๒๕๖๕ มีจำนวนหลายครั้งมาก ๆ และไม่ใช่ทุกครั้งที่มีการปะทะกันเสมอไป เพื่อนสมาชิกอาจจะได้ไปตามชุมนุมแต่อาจจะ ไม่ได้ทุกครั้ง แต่ดิฉันเองติดตามแทบทุกครั้งจริง ๆ แล้วพบว่าหลายครั้งที่ Mob หรือว่า ผู้ชุมนุมมีการตอบโต้ ส่วนหนึ่งเองก็มาจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือตำรวจควบคุมฝูงชน มีการปรากฏกาย การปรากฏกายของตำรวจควบคุมฝูงชนเป็นหนึ่งในขั้นตอนการสลาย การชุมนุมแล้ว อันนี้ตามหลักการทั่ว ๆ ไปสามารถเปิดใน Google ได้ การปรากฏกาย ด้วยเครื่องแบบและอาวุธครบมือคือการเริ่มต้นของการสลายการชุมนุมแล้วเป็นหนึ่ง ในขั้นตอนนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นหลายครั้งที่มีการชุมนุมถ้าเราจำกันได้ เราจะมีคำพูดเล่น ๆ คำหนึ่งว่าถ้าไม่มีตำรวจมาตั้งเดี๋ยว Mob ก็จะสงบแล้วก็แยกย้ายกันไป แต่ทุกครั้งที่มี ตำรวจควบคุมฝูงชนแต่งกาย ใส่หมวก มีกระบอง มีโล่ ตั้งทีไรเดี๋ยวมีเหตุวุ่นวายทุกที อันนี้ ก็ไม่ทราบว่าทุกครั้งที่มีการสลายการชุมนุมหรือมีการปรากฏกายเพราะเหตุอะไร และนี่ก็เป็น อีกเหตุผลหนึ่งเหมือนกันที่เราจำเป็นจะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ เพราะเราเองก็ยังเถียงกันเรื่องนี้อยู่เลยนะคะท่านจำลอง เมื่อสักครู่ที่ท่านพูดว่าไม่เห็นด้วย กับการตั้ง ดิฉันกลับมองว่าการที่เรามีความคิดเห็นแตกต่างกันแบบนี้สมควรที่เราจะต้อง มานั่งตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อจะดูว่าข้อเท็จจริง จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไร อาจจะมี ข้อเท็จจริงมากไปกว่าที่เราเห็นจากข่าวก็ได้ ดิฉันเองก็เป็นทนายความให้กับผู้ชุมนุม ในหลาย ๆ คดี หลาย ๆ ครั้งที่เราก็เห็นว่าในภาพข่าวกับสิ่งที่เราเจอในห้องพิจารณา หรือว่าในห้องสอบสวนมันแตกต่างกัน ไม่รู้ท่านยังจำได้หรือไม่ มี ๑ คดี คดีที่เราเรียกกันตาม Hashtag ของ Twitter ว่าตำรวจกระทืบหมอ Case นั้นมีความพยายามสร้างข้อมูลข่าวสารของฝ่ายรัฐเยอะมากว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจาก ผู้ที่ถูกตำรวจ คฝ. กระทืบไปปาระเบิดก่อน มีการพยายามตัดต่อ Clip ให้คนเข้าใจว่า น้องที่เป็นอาสาแพทย์คนนั้นมีการไปปาระเบิดก่อนถึงโดนกระทืบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ. แต่เมื่อดิฉันได้เข้าไปสอบถาม ได้เข้าไปในบริเวณห้องสอบสวน ได้พูดคุย จริง ๆ แล้ว เป็นการกระทืบผิดคนค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรรู้ไหมคะ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บางนาย ๑-๓ นายโทรศัพท์มาและขอว่าอย่าเอาเรื่องเขาเลย แล้วเดี๋ยวอย่างไรเราค่อยว่ากัน ทีหลังนั่นนี่ แล้วสุดท้ายอาสาแพทย์คนนี้ไม่ยอม เรื่องอะไรจะยอมใช่ไหมคะ เราโดนกระทืบ โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ เราเป็นอาสาแพทย์ด้วยซ้ำ สุดท้ายถูกตั้งข้อหา ดำเนินคดีด้วยเพราะว่าเหตุที่ไม่ยอม Case นี้ลองติดตามกันได้เคยมีข่าวอยู่ ดิฉันก็เป็นหนึ่ง ในผู้ให้ข้อมูลเรื่องนี้ด้วย นี่เป็นอีก ๑ ข้อมูลที่ไม่ตรงความเป็นจริงที่เราต้องค้นหาข้อเท็จจริง จากการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • นอกเหนือจากเรื่องการสลายการชุมนุม ซึ่งเพื่อนหลาย ๆ คนได้พูดไปแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ควรจะตั้งในคณะกรรมาธิการชุดนี้ ในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง หนึ่งในนั้นคือเรื่องของการเบิกกระสุนยางจำนวนมหาศาลในช่วงเวลาดังกล่าว เราสูญเสีย งบประมาณไปจำนวนมากกับการใช้กระสุนยางกับผู้ชุมนุมประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ กว่านัด จำนวนกระสุนยางมากมายขนาดนี้ถูกนำมาใช้กับลูกหลานของเราเองนี่ละค่ะ อยากฝากถึง เพื่อนสมาชิกทุกท่านเองที่ก็มีลูกมีหลาน ลองคิดดูว่าถ้าเราปล่อยให้มีพฤติกรรม หรือว่า การลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ในอนาคตคนที่ถูกละเมิดก็อาจจะ เป็นลูกหลานของเราก็ได้ อยากชวนเพื่อนสมาชิกช่วยกันเสนอให้มีการเห็นด้วยกับการตั้ง คณะกรรมาธิการชุดนี้เพื่อให้มีการค้นหาความจริงในเรื่องนี้

    อ่านในการประชุม

  • นอกจากเรื่องกระสุนยาง ในเรื่องของตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เหมือนกัน ในช่วงเวลาที่มีการชุมนุม ก็มีข้อเท็จจริง มีข่าว มีนั่นนี่มากมายว่าเอ๊ะ มันมีการเบิกเบี้ยเลี้ยง กันไปขนาดไหน ได้รับเบี้ยเลี้ยงกันเพียงพอหรือเปล่า เพราะฉะนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการ ชุดนี้ นอกเหนือจากเรื่องของการค้นคว้าหาความจริงในเรื่องของการสลายการชุมนุมแล้ว ในเรื่องของการให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาเองก็สำคัญเช่นกัน สวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ เบี้ยเลี้ยง อาหารการกิน นอนกลางดินกินกลางทราย นอนตามวัด ตามข้างทาง หากเรามีการเซตมาตรฐานในการควบคุมฝูงชนที่เป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้นก็จะเป็นผลดี กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเช่นเดียวกัน อยากชวนทุกท่านให้เห็นด้วยกับการตั้ง คณะกรรมาธิการชุดนี้ มาช่วยกันสืบหาความเป็นจริง ค้นหาความเป็นจริงด้วยกัน เพราะปัจจุบันไม่เคยมีปรากฏเลยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐหรือเจ้าหน้าที่ คฝ. คนไหนถูกดำเนินคดี จากการสลายการชุมนุมที่มีผู้บาดเจ็บหรือว่าเกินกว่าเหตุเลย ก็อยากฝากท่านประธาน ไปด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรียนท่านประธานค่ะ ดิฉันทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ เขตสายไหม พรรคก้าวไกล แม่ลูกสองที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านการเมืองค่ะ วันนี้ ขอมีส่วนร่วมในการอภิปรายการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพราะว่านอกจากบทบาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดิฉันยังเป็นคุณแม่ของลูกอีก ๒ คนค่ะ เพื่อนสมาชิกคะ มีสถิติ บอกเอาไว้ว่า ๑ ใน ๓ ของเด็กไทยที่เป็น LGBTQ ถูกทำร้ายร่างกายเพราะตัวตนทางเพศ ร้อยละ ๓๑ บอกว่าเคยมีประสบการณ์ถูกทำร้ายร่างกาย ๒๙ เปอร์เซ็นต์ ถูกทำร้ายจิตใจ ๓๖ เปอร์เซ็นต์ ถูกกระทำทางสังคม และที่น่าตกใจก็คือว่าผลวิจัยบอกไว้ในเชิงลึกว่า LGBTQ ที่เป็นนักเรียนที่ถูกรังแกร้อยละ ๗ นี้เคยพยายามฆ่าตัวตายเพราะการกระทำดังกล่าวค่ะ ท่านประธานคะ ลูกชายคนโตของดิฉันอายุ ๗ ขวบ ลูกสาวอายุ ๕ ขวบ โดยเพศสภาพ ชายหญิงในวันนี้ แต่ในอนาคตดิฉันไม่สามารถทราบได้เลยว่าลูกทั้งสองจะเลือกเพศอะไร ในอนาคตค่ะ ในความเป็นแม่ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลูกเกิดมาลูกคือของขวัญ ลูกคือความรัก คือความสุข คือสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เราอยากจะประคับประคอง อยากดูแลเขาให้ดีที่สุด เราไม่มี บุญคุณต่อกัน ลูกเกิดมาเพราะความต้องการของพ่อแม่ เราจึงมีหน้าที่ในการปกป้องดูแลเขา ให้ดีที่สุด แต่เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเราไม่สามารถปกป้องและดูแลลูกของเราไปได้ตลอดชีวิต ทุกท่านคะ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากเห็นลูกของตัวเองถูกรังแกหรือถูกมองว่าแปลกแยก จากคนอื่น หรือถูกตีตราจากสังคม หรือถูกทำร้ายเพียงเพราะเขามีตัวตนทางเพศที่ไม่เหมือน คนอื่น หรือต้องมีความรักที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่สามารถใช้ชีวิตกับคนรักอย่างถูกกฎหมายได้ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในบ้านสำคัญค่ะ เพราะไม่ว่าลูกจะเป็นเพศไหน การได้รับการยอมรับ ความเข้าใจจากคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่ลูกต้องการมากที่สุด แต่ทุกท่านคะ การสร้างสังคม ที่โอบรับทุกความแตกต่างทั้งนอกบ้านก็สำคัญไม่ต่างกัน เพราะว่าต่อให้เราจะดูแลลูก เราดีขนาดไหน เข้าใจลูกเราขนาดไหน แต่ถ้าเขาออกไปข้างนอกเขาต้องไปเผชิญสังคม ที่แท้จริงอยู่ดี เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมตั้งแต่ตอนนี้สำคัญกับเด็ก ๆ ที่มีความหลากหลายทางเพศที่กำลังเติบโต เราจะไม่วางลวดหนามในอนาคตของพวกเขาค่ะ แต่เราจะโปรยกระดาษสีรุ้งและเฉลิมฉลอง Pride Always เพื่อพวกเขาแทน เพราะวัน ข้างหน้าหากลูกของดิฉันทั้ง ๒ คนเติบโต บทบาทความเป็นแม่ของเราก็จะเหลือแต่ว่าสอนให้ เขาใจดีกับคนอื่น สอนให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากจะเป็น เขาจะเติบโตมาด้วยความกล้า ที่จะรัก กล้าที่จะแสดงออกว่ารัก และใช้สิทธิของเขาได้อย่างเต็มที่ในการตัดสินใจที่จะเลือก คู่ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลเลยว่าจะถูกกีดกันทางกฎหมายอย่างไร ในนามของสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรกฎหมายฉบับนี้อาจจะช้าเกินไปสำหรับบางคน หลายคนอาจจะเสียโอกาสอะไร หลายอย่างในชีวิตไป แต่วันนี้ดิฉันจะขอทำหน้าที่สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้อย่างเต็มที่ และในนามของความเป็นแม่ ผู้ใหญ่ทุกคนในวันนี้ล้วนผ่านการเป็นเด็กมาก่อนค่ะ ดิฉันหวังว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะสามารถ โอบกอดเด็กคนนั้นที่เติบโตมาด้วยความไม่เข้าใจของสังคมในครอบครัวและยืนหยัดในตัวตน ด้วยความกล้าหาญจนมีกฎหมายฉบับนี้เข้ามาในสภาแห่งนี้ค่ะ ท่านประธานคะ พวกเขา ต่างหากที่ปลดล็อกสังคมเราจากอคติทางเพศ และพวกเราต่างหากที่กำลังเดินช้าเกินไป ความรักเกิดขึ้นไปแล้วโดยไม่สนรูปแบบและเพศสภาพ ดิฉันหวังว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะเป็น ดอกไม้ที่โปรยตามทางขณะเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ของคู่สมรสทุกคู่ในอนาคต ท่านประธานคะ การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้จะเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่เราจะสร้างสังคม ที่โอบรับความหลากหลาย เพื่อให้ลูก ๆ ของดิฉันทั้ง ๒ คนและเด็ก ๆ ทุกคนที่จะเติบโต ขึ้นมาในประเทศนี้มีพื้นที่ปลอดภัยให้กับพวกเขา วันหนึ่งที่เขาเติบโตขึ้นไม่ว่าเขาจะมี ความรักในรูปแบบใด ๆ ก็ตาม ความรักไม่มีเงื่อนไข ความรักไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ดิฉันสอน ลูกดิฉันเสมอนะคะ และเขาจะต้องไม่เจ็บปวดที่จะไม่สามารถแต่งงานกับคนที่เขารักได้ ในอนาคต เขาจะต้องไม่เจ็บปวดกับการถูกตีตราในสังคมเมื่อเขาโตขึ้น ในความเป็นแม่ ความเป็น Mum ความเป็นมารดา การคลอดบุตรของดิฉันจะขอปกป้องลูก ๆ และเด็ก ๆ อีกหลายคนในประเทศนี้ด้วยการสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ในทุก ๆ ร่าง เพื่อสร้างสังคม ที่รองรับในทุก ๆ การเติบโต ทุก ๆ ความหลากหลาย และทุกความรักที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของ พวกเขา ดิฉันขอใช้พื้นที่ในสภาแห่งนี้ขอบคุณทุกการต่อสู้ของประชาชนค่ะ ขอบคุณทุกท่าน จริง ๆ แล้วก็ขอบคุณที่ทำให้กฎหมายฉบับนี้ได้มาอยู่ในสภาได้มาพูดคุยกันในวันนี้ ขอบคุณ รัฐบาลที่เห็นความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ และขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่เราจะร่วม ผ่านกฎหมายฉบับนี้ไปด้วยกัน ขอบคุณท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายแจมค่ะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกลค่ะ ปัญหา เดียวกันค่ะ อยู่เขตสายไหมส่งต่อกันเลยนะคะ ท่านประธานคะ อยากขออภิปรายร่วม ในญัตตินี้ค่ะ เพราะว่าถ้าเราพูดถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เขตสายไหมแล้ว ถ้าไม่พูดตอนนี้ไม่รู้จะพูดตอนไหนค่ะ ท่านประธานคะ ประชาชนของดิฉันที่ใช้ถนนเส้น สุขาภิบาล ๕ กำลังใช้ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย ขออนุญาตเปิดคลิปวิดีโอด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เพราะว่าการใช้รถใช้ ถนนนอกจากจะต้องระวังอุบัติเหตุจากรถแล้ว ยังคงต้องระวังเรื่องของน้ำขยะที่ไหลออกมา จากรถขยะด้วยค่ะ นี่คือภาพที่บริเวณถนนสุขาภิบาล ๕ ภาพนี้ไม่ได้เกิดขึ้นวันเว้นวัน แต่เกิดขึ้นทุกวัน หลาย ๆ ครั้งแค่ไปยืนอยู่แป๊บเดียวล้มคัน ๒ คัน ๓ คัน เป็นอย่างนี้ทุกวัน ได้รับเรื่องร้องเรียนทุกวันเหมือนกันค่ะ สาเหตุก็จะเป็นเหมือนที่พี่โบ้ภูริวรรธก์เมื่อสักครู่นี้พูด สส. จากเขตสายไหมเหมือนกันได้แจ้งว่าเกิดจากการที่มีการปล่อยน้ำขยะลงบนท้องถนน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องประสบอุบัติเหตุเพราะน้ำขยะ เจ็บตัวไม่พอ รถก็พัง แล้วไปถามหา ความรับผิดชอบก็เหมือนที่ท่านภูริวรรธก์บอกเมื่อสักครู่นี้เลยว่าทางรัฐก็จะบอกว่ามี สวัสดิการรักษาพยาบาล แต่การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุยังไม่เกิดขึ้น ดิฉันก็เลยอยากขอเสนอ ไปว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ การจัดการขยะที่ดีนี้ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุด้วย ซึ่งเราเป็น ประเทศที่มีอุบัติเหตุทางท้องถนนอันดับหนึ่งของโลกค่ะ บนถนนที่ใช้ร่วมกันเราจะต้องลด ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด เพราะว่าใคร ๆ ก็อยากจะถึงบ้านถึงโรงเรียน และถึงที่ทำงานโดยสวัสดิภาพ ถึงแม้เราจะเห็นความพยายามในการฉีดล้างถนน อย่างที่ เมื่อสักครู่นี้ได้ฟังเลยว่าสุดท้ายมันก็ไม่ได้แก้ปัญหาที่ตรงจุดเสียทีเดียว นอกจากเรื่องปัญหา เรื่องรถขยะเรื่องน้ำขยะ ยังมีปัญหาเรื่องของการต้องจัดการขยะที่ต้นทาง ที่เขตสายไหมดิฉัน ลงพื้นที่กับทีมงานหลายครั้งเราจะพบว่ามีถังขยะวางอยู่ แต่เขตเรามีความพิเศษ เราไม่ได้วางแบบเขียว แดง เหลือง แต่ชุมชนนี้แดงทั้งชุมชน ดิฉันก็สงสัยว่าทำไมถึงเป็นสีแดง ชุมชนนี้มีขยะอันตรายหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่ค่ะ เขตให้สีแดงมา เลยกลายเป็นว่าชุมชนนี้ สีแดงหมดเลย อีกชุมชนหนึ่งก็สีเขียวหมดเลย อีกชุมชนหนึ่งก็สีเหลืองหมดเลย เราจะมีถัง ขยะหลายสีไปทำไม ถ้าเราไม่ได้แยกการทิ้งขยะอย่างถูกต้องค่ะ โดยเฉพาะในชุมชนที่มีเด็กเล็ก อันนี้อันตรายเพราะว่ากลิ่นขยะต่าง ๆ มันก็ไม่เป็นผลดีกับการเจริญเติบโตของเด็ก ถ้าพูดถึงการแยกขยะที่ต้นทางเมื่อสักครู่เพื่อนสมาชิก สส. ทวิวงศ์ ก็ได้แจ้งไปแล้วว่า การแก้ไขปัญหาขยะการจัดการขยะที่ต้นทางสำคัญ เราต้องเริ่มตั้งแต่การสร้างวินัยในการ คัดแยกขยะแล้วก็ต้องเริ่มที่เด็กเล็ก

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องการจัดการขยะเราไม่พูดถึงเรื่องการใช้ EF ในการสอน ในการอยู่ใน หลักสูตรการศึกษาของเด็กไม่ได้ เพราะว่าการเลี้ยงเด็กหรือว่าการออกแบบหลักสูตร การศึกษาโดยใช้ Executive Function หรือว่า EF นี้ จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะ การปฏิบัติ การกำกับตัวเอง การควบคุมตัวเอง เรียนรู้ว่าเรื่องไหนผิด เรื่องไหนถูก เพราะฉะนั้นถ้าเราจะสอนเรื่องการคัดแยกขยะ สอนเรื่องวินัยในการจัดการขยะเราต้องเริ่ม ตั้งแต่ที่บ้าน เริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก ตั้งแต่อนุบาล ที่ประเทศไต้หวันแต่ก่อนเขาใช้ชื่อว่าเป็นเกาะ แห่งขยะ เกาะแห่งขยะหมายความว่าอย่างไร แต่ก่อนประเทศไต้หวันทั้งเกาะมีขยะเต็มไป หมดเลยค่ะ แต่ปัจจุบันประเทศไต้หวันสะอาดมาก เขามีวิธีการจัดการอย่างไร อันดับต้นเขา มีการบรรจุเรื่องเกี่ยวกับ Waste Management หรือว่าการจัดการขยะไปในเด็กตั้งแต่ อนุบาลค่ะ กิจกรรมเขาไม่ต้องใช้อะไรมาก เอาขยะมาแยก สอนเด็กแยกขยะ นอกจากนั้นยัง มีในเรื่องของถุงขยะด้วยว่าของประเทศไต้หวันนี้อาจจะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ แต่ใช้วิธีการโดยการที่เราจะต้องไปซื้อถุง ซึ่งถุงขยะของรัฐซื้อได้ตามเซเว่นอีเลฟเว่น ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อได้ ซึ่งในถุงจะมี Bar Code ที่เอาไว้ยิงด้วย ยิงเพื่อเก็บข้อมูลว่า แต่ละบ้านนี้มีการจัดการขยะอย่างไร หรือว่าอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือว่าเขาใช้วิธีว่า ถ้าไม่แยกขยะ รถขยะไม่เก็บ ต้องมีการแยกขยะ ต้องมีการแยกสี แล้วก็จะไม่มีการวางขยะ เอาไว้ที่หน้าบ้าน จะใช้วิธีว่าจะมีรถขยะวิ่งมา วิ่งมาก็จะมีเสียงเพลงเหมือนเสียงเพลง รถไอติมอะไรอย่างนี้ แต่ทุกคนจะรู้ว่าเสียงเพลงนี้มาทุกคนจะต้องวิ่งเอาถุงขยะเพื่อมาทิ้งที่รถ คันนี้ เป็นการจัดการขยะที่ดูไม่ได้ยาก ไม่ได้ใช้งบประมาณเยอะ แต่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไต้หวันเป็นที่ที่ใช้การจัดการขยะได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

    อ่านในการประชุม

  • นอกจากนั้นอย่างรัฐฟลอริด้าก็จะมีในเรื่องของการจัดการขยะได้เด็กตั้งแต่ อนุบาลเช่นกัน มีการตั้งเขาเรียกว่า Garden Of The Development อันนี้เราจะนึกถึงสมัย เราเด็ก ๆ ก็คือเรื่อง ตาวิเศษนะ คล้าย ๆ แบบนั้น เป็นเหมือนแบบเด็ก ๆ มาช่วยกันปกป้อง ทรัพยากรต่าง ๆ แล้วก็มีการบรรจุตั้งแต่อนุบาล อนุบาลก็จะมีการสอน Basic ของการ Recycle เลยนะคะ มีการบอกว่าทำไมถึงต้อง Recycle Recycle ดีอย่างไร แล้วมันจะช่วย โลกอย่างไรบ้าง ไม่ได้แค่อนุบาล สอนต่อค่ะ คือ ป.๑ ถึง ป.๖ จะมีบรรจุในหลักสูตรทั้งหมด ป.๑ ก็เริ่ม Identify เริ่มรู้แล้วว่าเราจะแยกขยะอย่างไร ขยะมีกี่ชนิด เริ่มจะบอกได้ว่าการ Recycle มันมีขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้เด็กมีจิตสำนึกร่วมกัน Garde 2 ก็ยังคงอยู่ในเรื่องขยะ จริง ๆ แล้วมีถึง ป.๖ เลย เริ่มมีการสอนในเรื่องของจิตสำนึก ขยะมีการแยกที่มันละเอียด มากขึ้นเพื่อให้เด็กเห็นว่าการจัดการขยะในสำคัญ แต่มาดูของประเทศไทยค่ะ ประเทศไทย ก็เลยไปดูว่าปฐมวัยมีหลักสูตรการศึกษาแบบไหน มีเรื่องของการเรียนรู้เรื่องร่างกาย การเจริญเติบโต สุขภาพจิต มีความสุข คุณธรรมจริยธรรม เรียนรู้เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง เรียนรู้เรื่องอยู่ร่วมกับผู้อื่นยังมีความสุข ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรียนรู้เรื่องการใช้ภาษา อย่างเหมาะสม ความสามารถในแนวคิด คือเราเรียนเรื่องเยอะมาก แต่เรื่องเกี่ยวกับ การจัดการขยะ เรื่องเกี่ยวกับวินัยจราจร เรื่องเกี่ยวกับการเรียนรู้กับเพื่อนผู้อื่น เรื่องเกี่ยวกับ การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ได้ถูกบรรจุในหลักสูตรของเด็กปฐมวัย เพราะฉะนั้นดิฉัน จึงเห็นด้วยกับเพื่อนสมาชิกที่บอกว่าเหตุผลที่จำเป็นจะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพราะว่าเรื่องการจัดการขยะไม่ได้เป็นเรื่องของแค่คณะกรรมาธิการใดคณะกรรมาธิการหนึ่ง ไม่ได้เป็นเรื่องของแค่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่ต้องเป็นการบูรณาการอย่างถูกต้อง กระทรวงศึกษาธิการ อปท. กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงหลาย ๆ กระทรวงจะต้องมา ดูแลเรื่องนี้ร่วมกัน ทำอย่างเป็นระบบแล้วถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องขยะได้อย่างถูกต้อง ขอบคุณท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ขอบคุณค่ะ ท่านประธาน ดิฉัน ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ เขตสายไหม พรรคก้าวไกลค่ะ สำหรับปัญหาวันนี้ที่จะมาพูดคุย ในเรื่องของ พ.ร.บ. ฉบับนี้ก็หลาย ๆ ท่านได้พูดไปแล้วค่ะท่านก็เกี่ยวกับปัญหาว่าทำไมเรา ต้องมาแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ด้วยกัน แล้วก็น่าเสียดายมาก ๆ ที่เราไม่ได้มีการรวมทั้ง ๒ เรื่อง เข้าด้วยกัน เพราะว่าเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังจะเห็นเลยว่าปัญหามันเป็นปัญหาที่มันใกล้เคียงกัน แล้วก็คล้าย ๆ กันมาก ๆ ก็ขออนุญาตขอสไลด์ขึ้นด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ขออนุญาตพูดปัญหา ของเขตสายไหมค่ะ แขวงคลองถนน แขวงออเงินด้วยก็ตามมีหมู่บ้านจำนวนมากนะคะ เป็นหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้างไว้นาน แล้วก็ไม่สามารถจดตั้งนิติบุคคลได้ รวมไปถึงที่ดินเอกชน หลายที่มาก ๆ ที่มีปัญหาเรื่องของถนน สาธารณูปโภคทำให้ไม่สามารถเข้าไปซ่อมแซมได้ ทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมในช่วงหน้าฝนเขตสายไหมบางซอย คือเข้าไม่ได้เลยก็มี ต้องลุยน้ำเข้าไปก็หลายที่มาก ๆ ปัญหาก็จะคล้าย ๆ กับที่เพื่อนสมาชิกหลาย ๆ คนพูดไป ก็คือการที่ที่ดินเป็นเอกชน แล้วก็บางทีก็ไม่สามารถที่จะค้นหาได้ด้วยว่าใครเป็นเจ้าของที่ อะไรอย่างนี้ เป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชนมาก ๆ ค่ะ สำหรับชุมชนเขตสายไหมที่ดิฉัน ได้ลงพื้นที่ไป แล้วก็เจอกับปัญหาก็จะเป็นชุมชนตามหน้าจอนี้เลย แล้วก็เดี๋ยวขออนุญาต ยกตัวอย่างสัก ๒-๓ ชุมชนแล้วกันนะคะ ที่มีภาพให้ดูประกอบค่ะ ชุมชนธาราทิพย์พัฒนา อันนี้มีปัญหาหลายซอยเหมือนกัน อันนี้คือช่วงที่น้ำลงแล้ว ซอยนี้ถ้าเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก ๆ ก็คือบางทีต้องลุยน้ำเข้าไปหรือบางทีก็ต้องถกกางเกงเดินเข้าเลยนะคะ แล้วก็เป็นปัญหาที่มี เจอกันทุกปีค่ะ แล้วก็หินคลุกแล้วคลุกอีก ชาวบ้านก็รวมเงินกันมาคลุกหินแล้วหลายครั้ง สุดท้ายก็ยังเป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนเดิม ชุมชนนี้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม หน้าฝนทุกปี เพราะว่าเป็นซอยที่เจ้าของที่ดินเองก็ยังไม่ได้ยกเป็นที่สาธารณะ แม้ประชาชน จะใช้สัญจรมากว่า ๔๐ ปีแล้วก็ตาม ประธานชุมชนก็แจ้งว่าซอย ๕ ซอย ๗ เป็นซอยที่มีคน อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดิฉันก็ได้เดินไปจนสุดทางก็เห็นว่ามีหมู่บ้าน มีประชาชนอาศัยอยู่ อีกหลายครัวเรือนมาก ๆ ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถ้าเราสามารถแก้กฎหมายตรงนี้ได้ ก็จะเป็นผลประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างมากนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • สไลด์ถัดไปหมู่บ้านอรุณนิเวศน์ค่ะ อันนี้เป็นที่ดินส่วนกลางในชุมชนมีเนื้อที่ ประมาณ ๑ ไร่เศษ เนื่องจากเจ้าของโครงการได้ทิ้งร้างไปเช่นกัน แล้วก็ไม่ได้ยกเป็น ที่สาธารณะค่ะ แม้ในปัจจุบันคณะกรรมการชุมชนได้ใช้พื้นที่ทำกิจกรรม เช่น ทำแปลงผัก ชุมชนอันนี้น่ารักมาก ๆ ชาวบ้านก็ปลูกผักรับประทานกันบ้าง แล้วก็ทำเอาไปขายบ้าง นำเงิน มาใช้จ่ายในชุมชน ทำสนามฟุตซอลให้เด็ก ๆ ในชุมชนเล่นนะคะ แล้วก็กำลังจะมีโครงการ ที่จะนำเครื่องเล่นเด็กมาติดตั้ง แต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะว่าติดปัญหาเรื่องที่ดิน ทำให้การมาใช้ กิจกรรมกว่า ๑๒ ปีแล้วก็ยังไม่สามารถที่จะใช้พื้นที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ หมู่บ้านที่ ๓ หมู่บ้านเทพทิพย์นิเวศน์ หมู่บ้านนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๒๒ เจ้าของหมู่บ้านได้นำพื้นที่ไปจำนอง กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ จากนั้นก็มีการซื้อขายเพราะเจ้าของคนแรกล้มละลาย คนที่มา ซื้อต่อลำดับที่ ๒ ก็ถูกฟ้องล้มละลายเช่นกัน ขายต่อมาให้อันดับที่ ๓ ก็ล้มละลายอีกอาถรรพ์ น่าดูเลยนะคะ จนปัจจุบันทางชุมชนก็มีคดีฟ้องร้องกับธนาคาร ส่วนปัญหาสำคัญตอนนี้ก็คือ ว่าถนนในหมู่บ้านและพื้นที่ออกกำลังกายในสนามเด็กเล่นต่าง ๆ ยังคงเป็นของเอกชนอยู่ แล้วก็บ้านอีกหลายหลังก็ยังโอนไม่ได้ เพราะว่าติดปัญหาเรื่องการฟ้องร้อง ทางชุมชนก็เลย คิดว่าถ้ากฎหมายนี้ผ่านได้อาจจะช่วยปลดล็อกปัญหาตรงนี้ แล้วก็เรื่องถนนให้มันซ่อมแซม ไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ แล้วก็พื้นที่ออกกำลังกายก็จะเป็นพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนสามารถ เข้ามาใช้ได้ สามารถซ่อมแซมได้ถูกต้องตามกฎหมาย ชุมชนสุดท้ายค่ะ อันนี้ชุมชนหมู่บ้าน อัมรินทร์ ๓ ผัง ๒ อันนี้ก็ลงพื้นที่หลายครั้งมาก ๆ ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่ข้างในได้ยกเป็น สาธารณะแล้วค่ะ แต่ยังติดปัญหาตรงที่ดินส่วนกลาง นี่เป็นพื้นที่สนามเด็กเล่นที่ยังไม่ได้ยก เป็นสาธารณะ เนื่องจากเจ้าของที่ดินเสียชีวิต แล้วก็ทางราชการไม่สามารถอนุญาตให้ค้นได้ ว่าผู้สืบมรดกเป็นใคร ทางสำนักที่ดินก็ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นค้นเรื่องที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเรื่อง ส่วนบุคคล ทางชุมชนก็เลยไม่สามารถนำที่อันนี้มาใช้สาธารณะประโยชน์ได้อย่างถูกต้องตาม กฎหมาย ก็อยากสนับสนุนญัตตินี้ แล้วก็อยากให้ช่วยกันแก้ปัญหา แล้วก็เพื่อให้การแก้ไข ปัญหาของเรามันจะได้หลุดพ้นวงโคจรที่ว่าต้องใช้ควักเงินส่วนตัวในการซ่อม แล้วก็ติดป้าย ต่าง ๆ เปลี่ยนเป็นให้มีการซ่อมอย่างถูกต้องโดยรัฐ ก็ขอขอบคุณท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ขอบคุณ ท่านประธาน ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกลค่ะ ก่อนอื่นดิฉันขอใช้พื้นที่ตรงนี้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับทุก ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยนะคะ และทุกครั้งที่มีปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนเราก็มักจะหา คนผิดกันอยู่เสมอ พยายามจะโทษคนนั้นโทษคนนี้ โทษหน่วยงาน โทษทุกอย่าง หรือมักง่าย ที่สุดก็คือการโทษไปที่พ่อและแม่ของเด็กคนนั้น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ปัจจัยในการสร้างอาชญากรเด็ก มีมากกว่านั้นค่ะ เราหลงลืมกันไปแล้วว่า It Takes a Village to Raise a Child มันต้องใช้ สังคมในการที่เราจะสร้างคุณภาพของเด็กคนหนึ่งขึ้นมา และหากมีอาชญากรเด็กเกิดขึ้น ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ยิ่งเฉพาะในห้องนี้เราต่างก็มีส่วนในการสร้างอาชญากรขึ้นมา ทั้งสิ้น สังคมไทยตอนนี้ค่ะท่านประธาน เรากำลังเซาะกร่อนบ่อนทำลายอนาคตของเด็กและ การเติบโตของเด็ก เราเซาะกร่อนบ่อนทำลายด้วยการสร้างกรอบศีลธรรมเรื่องการยุติ การตั้งครรภ์เมื่อท้องไม่พร้อม เรากำลังเซาะกร่อนบ่อนทำลายด้วยการไม่ให้ความสำคัญ กับเด็กที่เป็นอนาคตของประเทศด้วยการจัดสรรงบประมาณ การที่เราจัดสรรงบประมาณ ที่ไม่สอดคล้องต่อการพัฒนาชีวิต งบกระทรวง พม. ที่น้อยนิด งบกรมอนามัยที่นิดหน่อย ในขณะที่งบกลาโหมมหาศาล งบ กอ.รมน. บานตะไท เรากำลังเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ด้วยการเฆี่ยนตีเด็ก ใช้ความรุนแรงในนามของความรักตั้งแต่ในบ้าน หรือการหยอกล้อจาก ญาติพี่น้องโดยใช้คำว่า เอ็นดู ก็เล่นเฉย ๆ นั่นคือพฤติกรรมที่เด็กจำมาตลอดตั้งแต่ในบ้าน ญาติพี่น้อง จนมาถึงในโรงเรียน การตีที่บอกว่าเป็นการตีเพราะความรัก เพราะความหวังดี เพราะอยากให้เป็นคนดี สิ่งเหล่านี้คือการบ่มเพาะความรุนแรงโดยที่เราไม่รู้ตัวทั้งสิ้น เรากำลังเซาะกร่อนบ่อนทำลายด้วยการศึกษาที่เร่งรัดให้เด็กแข่งขัน การสอบเข้า ป. ๑ แต่เรากลับเพิกเฉยกับการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนเสมอมา เรากำลังเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ด้วยการกดเด็กให้จมเมื่อเขาทำผิด แทนที่เราจะยื่นมือเข้ามาช่วยและโอบกอดเขาด้วย ความเข้าใจ เรากำลังเซาะกร่อนบ่อนทำลายด้วยการเมืองที่ไร้ซึ่งความหวัง สิ่งเหล่านี้ต่างหาก ที่เรากำลังบ่มเพาะสังคมให้ไม่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของเด็กเลย ความอยุติธรรมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าเรื่องนี้ต่างหากที่ทำให้คนยุคนี้สิ้นหวัง ท่านประธานคะ ในห้องกรรมาธิการเมื่อเช้าวันนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการที่เรากำลังพูดคุยกันเพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ความรุนแรง ในโรงเรียน การฆาตกรรม การอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเด็ก สิ่งสำคัญเราต้องค้นหาความจริงว่า อะไรที่บ่มเพาะเด็กคนหนึ่งให้มาเป็นฆาตกรได้ กระทรวง พม. ได้มาเล่าให้ฟังในห้องกรรมาธิการ อยากให้ทุกท่านได้ฟังเหลือเกินค่ะ ดิฉัน ไม่ระบุว่าเป็นคดีไหนนะคะ หนึ่งในฆาตกรเด็กบอกว่าพ่อแม่หย่าร้างมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ส่งไปให้ ตากับยายเลี้ยง ด้วยความไม่เข้าใจ ด้วย Generation ที่มันต่างกัน ตากับยายก็เลี้ยง ด้วยการตี ดุด่าว่ากล่าว จนสุดท้ายเด็กก็หนีออกจากบ้านไปคบกับเพื่อน ไปอยู่กับแก๊งเพื่อน สิ่งหนึ่งที่เด็กได้ให้การกับนักจิตวิทยาแล้วก็กับกระทรวง คือบอกว่าเขาไม่เคยโดนพ่อกอดเลย แม้แต่ครั้งเดียว และในวันต่อ ๆ มาเขาให้พ่อมาหา พอพ่อกอดปุ๊บเด็กร้องไห้ทรุดลงกับพื้น นี่คือสิ่งที่เรากำลังไปผิดทางค่ะ เรากำลังจะแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มอายุ แก้ปัญหาด้วยการ โทษเด็ก โทษเยาวชน โทษว่ายุคนี้เด็กมันดื้อด้าน สอนยากสอนเย็น เด็กยุคนี้มัน Social ชี้นำ อะไรก็ตาม แต่เราลืมไปว่าสุดท้ายเราต้องแก้ปัญหา ขอสไลด์ขึ้นด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ดิฉันขออนุญาต เสนอการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีบันไดแบบ ๖ ขั้น ๑. เราจะแก้ไขปัญหาอย่างไรให้เด็กเติบโตมา อย่างมีคุณภาพ เติบโต ๆ มาด้วยสมองที่พัฒนาอย่างเต็มที่ สำคัญอันดับแรก เรื่องยุติ การตั้งครรภ์ก่อน ถ้าไม่พร้อมต้องให้ยุติการตั้งครรภ์ได้ง่าย ๒. ถ้าเขาพร้อมจะมีลูกแล้ว ต้องให้มีการลาคลอด ๑๘๐ วัน พ่อแม่แบ่งกันได้ เพราะว่าสังคมครอบครัวสำคัญมาก ในบ้านสำคัญมาก การลาคลอด สิทธิลาคลอดจึงสำคัญเพื่อให้เขาได้บ่มเพาะลูกเขา ในช่วงเวลาที่ลูกต้องการพ่อกับแม่มากที่สุดค่ะ นอกจากนั้นเป็นเรื่องของศูนย์เด็กเล็กใกล้บ้าน เพื่ออะไรคะ จะได้ไม่ส่งไปต่างจังหวัดค่ะ เราให้ลาคลอดได้ ๓ เดือน แต่หลังจาก ๓ เดือน จนถึง ๓ ขวบก่อนเข้าโรงเรียนไม่มีพื้นที่ให้เด็กเลย นอกจากนั้นเป็นในเรื่องของเงินอุดหนุน เด็กแรกเกิด อย่างน้อย ๆ ถ้าเพิ่มจำนวนยาก ขอให้ถ้วนหน้าก่อนก็ได้ กระทรวง พม. พยายามแล้วก็เข้าใจแต่สุดท้ายก็โดนปัดตกโดยมติของ ครม. ต่อจากนั้นในเรื่องของโรงเรียน พ่อแม่ โภชนาการที่ดีเมื่อท้องแล้วต้องมีการให้ความรู้พ่อแม่เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างไร โดยไม่ต้องตีลูก พูดจาอย่างไร หรือโภชนาการที่ดี เราต้องจัดสรรงบประมาณในเรื่องของ โภชนาการของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดาให้ได้ดีกว่านี้ มากกว่านี้ เรื่องการปฏิวัติ การศึกษา ทำโรงเรียนให้ปลอดภัย หลาย ๆ คนพูดถึงแล้ว การจัดการความรุนแรง ในโรงเรียนหรือการลดอำนาจนิยมในโรงเรียน และสุดท้ายคือเรื่องของการปรับหลักสูตร การศึกษา มีคนบอกว่าเด็กรุ่นนี้เรียนคุณธรรมน้อยไป ไปดูหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้เลยนะคะ เรียนตั้งแต่อนุบาลค่ะ คุณธรรม จริยธรรม แต่สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานไม่มี อันนี้สำคัญที่สุด ต้องมีการสอนเรื่อง Human Rights ในโรงเรียนตั้งแต่เด็กเล็กเลย อนุบาล ประถมต้น สอนเรื่องวินัยจราจร เรื่องการจัดการขยะ สิ่งเหล่านี้ต้องรวมกัน หลายกระทรวงร่วมกันค่ะ เราจะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนต้องเริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ๐-๖ ขวบ และ เกี่ยวเนื่องกันหลายกระทรวงมาก ๆ จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องแก้ไขแบบบูรณาการ เวลาเห็นอ่านงบประมาณในห้องงบประมาณ มีงบบูรณาการ บูรณาการ บูรณาการ อยากเห็น การบูรณาการเรื่องการแก้ไขปัญหาเด็กบ้างค่ะ แล้วก็อยากให้รัฐบาลลงไปนโยบาย ๑๔๐ นโยบาย เพิ่มไปเรื่องเด็กหน่อยก็ได้ค่ะ ของกระทรวง พม. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง สาธารณสุข ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเด็กมากกว่านี้ ก็อยากฝากรัฐบาลค่ะ ถ้าอยากจะแก้ไขปัญหา เรื่องเด็กจริง ๆ กระซิบมาบอกกันได้ ยินดีที่จะพร้อมมีข้อเสนอให้กับท่านเสมอ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ขอบคุณท่านประธานค่ะ ดิฉันศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายแจม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล ท่านประธานคะก่อนดิฉันจะเข้าสู่การอภิปรายสนับสนุนการจัดตั้ง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ในวันนี้ขออนุญาตเท้าความสั้น ๆ ทนายแจมหลายคนรู้จักดิฉันในฐานะของ ทนายความสิทธิมนุษยชน ในระหว่างหลังการรัฐประหารปี ๒๕๕๗ ดิฉันเป็นทนายความคนแรก ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนที่ก่อตั้งหลังการรัฐประหารเพียงแค่ ๒ วันค่ะ และหลาย ๆ ท่านในสภาแห่งนี้อาจไม่เคยทราบว่าก่อนหน้านั้นดิฉันเองก็เป็นนักเคลื่อนไหว เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองมาก่อน เคยเข้าร่วมการชุมนุมกับพี่น้องเสื้อแดงหลายครั้ง หลังการรัฐประหารปี ๒๕๔๙ ตอนนั้นดิฉันอายุเพียงแค่ ๑๗ ปีเท่านั้นค่ะ ๑๗ ปีผ่านมา ปัจจุบันคำนำหน้าของดิฉันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ จากแจมมาเป็นทนายแจม จากทนายแจม ปัจจุบันเป็น สส. ทนายแจม หรือ สส. แจม ดิฉันเชื่อเสมอว่าทุกความเห็นต่างจะมีความหวังดี ต่อประเทศเสมอไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็ตาม แม้จะมองคนละมุมเห็นคนละอย่าง แต่ปฏิเสธ ไม่ได้เลยค่ะว่าทุกคนต่างหวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น ท่านประธานคะ การทำหน้าที่ทนายความให้กับผู้ชุมนุมมาตลอดกว่าสิบปีนี้ได้ทำคดีการเมืองหลายสิบคดี ทำให้ดิฉันเห็นพลวัตรของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ชัดขึ้น ชัดขึ้น ชัดขึ้น ดิฉันสัมผัส มาแล้วทั้งสิ้นค่ะท่านประธาน ทั้งความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับนักโทษคดีการเมือง อภินิหาร ทางกฎหมายต่าง ๆ การละเมิดสิทธิประชาชนโดยรัฐ ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างรัฐผู้มีอำนาจ และประชาชนทั่วไป ในปี ๒๕๕๗ ดิฉันวิ่งไปมาหลายที่ ไปศาล ไปสถานีตำรวจ ไปเรือนจำ ไปศาลทหาร ดิฉันเจอท่านจาตุรนต์ครั้งแรกที่นั่นนะคะขออภัยที่เอ่ยนาม ดิฉันไปเยี่ยม ลูกความของดิฉันหลายครั้งค่ะ ไปเรือนจำมาก็หลายรุ่น จากรุ่นปี ๒๕๕๗ คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา จนปีประมาณ ๒๕๖๓ สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไปจากทนายแจม เริ่มมาเป็น พี่ทนายแจม เริ่มมาเป็นทนายแม่ก็มีค่ะ ดิฉันจึงเริ่มเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าไม่ช้าหรือเร็ว ความเปลี่ยนแปลงมาถึงแน่นอน นักโทษคดีการเมืองแต่ละคนดิฉันสบตามาแล้วไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ คู่ ดิฉันนั่งกับพวกเขาข้าง ๆ ในบทบาทของทนายความมาไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ครั้ง ดิฉัน เป็นทนายความร่วมกับทนายอานนท์ นำภา มาหลายคดี พวกเขาเหล่านี้คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องทางการเมือง เพียงแค่หวังว่า ประเทศนี้จะเปลี่ยนแปลงได้ ยุคทมิฬแห่งการรัฐประหารผ่านไปแล้วค่ะ แต่ยังมีผู้ต้องหาคดี ทางการเมืองจำนวนไม่น้อยที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในเรือนจำและบางคนกำลังรอการตัดสินนับถอยหลัง ที่จะเข้าเรือนจำไปทีละคน ทีละคน หากถูกตัดสินว่าผิดบางคนหลายคดีรวมกันแล้วต้องถูก จำคุกไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ปี ท่านประธานคะต่อหน้าสภาอันทรงเกียรตินี้ดิฉันในฐานะของ ทนายความของพวกเขาไม่สามารถทอดทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังได้แม้แต่คนเดียว ลูกความ คนหนึ่งของดิฉันเคยบอกกับดิฉันว่าถ้าวันนี้ไม่กล้าฝันเราจะคิดถึงอนาคตวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร ปี ๒๕๖๔ ดิฉันเคยไปเยี่ยมลูกความคนหนึ่งค่ะ ตอนนั้นเขาเป็นเด็กและเยาวชนเช่นกัน น้องผู้หญิงคนนี้บอกกับดิฉันว่า พี่คะหนูไม่เคยคิดเลยว่าผู้ใหญ่ในประเทศนี้จะใจร้ายกับพวกเขา ได้ขนาดนี้ เพียงเพราะพวกเขามีความเชื่อความฝันว่าประเทศเปลี่ยนแปลงได้ ใช่ค่ะ เพียงเพราะเขาเชื่อและฝันว่าประเทศเปลี่ยนแปลงได้ จึงถูกสิ่งที่เรียกว่าอำนาจในประเทศนี้ เฆี่ยนตี ถูกอดีตที่กลัวการมายืนของอนาคตล่ามโซ่เอาไว้ หวังว่าจะต่อเวลาชีวิตของพวกเขา อีกสักนิดไม่ให้เวลาเดินไปถึงวันพรุ่งนี้ แต่ท่านประธานคะ วันพรุ่งนี้ต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ หากยัง มีชีวิต หากยังมีคนที่เชื่อในแบบเดียวกันค่ะ การอภิปรายในวันนี้ดิฉันต้องการจะยืนยัน ในหลักการอย่างหนักแน่นว่าการนิรโทษกรรมครั้งนี้ไม่ใช่การช่วยเหลือคนที่ทำผิด ไม่ใช่ การทำผิดให้เป็นถูก แต่เป็นการคืนความยุติธรรม คืนความปกติให้กับสังคม ให้กับประเทศ ของเรา ให้แก่ผู้ที่แสดงความเห็นทางการเมืองไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม ให้พวกเขาได้กลับมา ใช้ชีวิตในฐานะประชาชนคนหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขอย่างที่ควรจะเป็น นี่คือสิ่งที่พวกเราทุกคนในที่นี้ในฐานะนักการเมืองพึงกระทำ พึงปฏิบัติ โดยไม่ควรต้องคำนึงถึงข้อหาใด ๆ เพราะหากเราไม่ปิดตาข้างหนึ่ง เราก็จะรู้ว่า การยัดเยียดข้อหากล่าวหาต่าง ๆ เป็นการสร้างภาระในคดีเพื่อให้เขาหยุดเคลื่อนไหว ปิดปาก ประชาชน มูลเหตุจูงใจทางการเมืองจึงเป็นหลักการสำคัญในการพิจารณาเพื่อนำคดีเข้าสู่ คณะกรรมการตาม พ.ร.บ. ในฉบับของพรรคก้าวไกล ท่านประธานคะดิฉันอยากฝากไปยัง เพื่อนสมาชิกทุกคนในสภาแห่งนี้ ซึ่งหลาย ๆ คนในนี้เคยเป็นแรงบันดาลใจของดิฉันมาก่อน บางคนตอนนี้ก็อายุเท่าคุณปู่คุณย่า อายุเท่าคุณตาคุณยาย คุณลุงคุณป้า คุณน้าคุณอา ดิฉัน ให้ความเคารพทุกท่านจากใจ และด้วยเหตุนี้จึงอยากชวนทุกท่านค่ะ อยากชวนทุกท่านให้มอง กลับไปยังประชาชนโดยไม่ต้องแปะป้ายว่าพวกเขาใส่เสื้อสีอะไร เลือกพรรคอะไร มีความคิด การเมืองแบบไหน ต่อสู้เรื่องอะไร แต่เขาเหล่านั้นคือประชาชนที่มีความเชื่อ ความกล้าที่จะพูด และมีความเชื่อว่าประเทศเราเปลี่ยนแปลงได้ นำเสนอแนวคิดทางการเมืองด้วยความกล้าหาญ แลกมาด้วยอิสรภาพและชีวิตของพวกเขา เพราะนี่คือเหตุผลที่ทำให้พวกเรามีที่ยืนในสภา อันทรงเกียรติแห่งนี้ ทำให้สภาเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาทุกอย่าง ดิฉันในนามของ พรรคก้าวไกลจึงขอร่วมสนับสนุนญัตตินี้ เพราะหลังจากการอภิปรายครั้งนี้ดิฉันยังอยาก กลับไปสบตาประชาชนได้อย่างไม่ละอายแก่ใจ สภาอันทรงเกียรตินี้ไม่ได้วัดว่าเราใส่รองเท้า อะไร แต่งตัวแบบไหน แต่ดูว่าเราได้ใช้สภาแห่งนี้พูดแทนประชาชน ทำเพื่อประชาชน และ ให้เกียรติประชาชนอย่างไร การขยับเรื่องนิรโทษกรรมของสภาในครั้งนี้จะเป็นการชำระ ประวัติศาสตร์ทางการเมือง ทำลายปีศาจในโลกยุคเก่าและเดินหน้าเข้าสู่อนาคตด้วยกัน และการอภิปรายครั้งนี้ของทุกท่านจะเป็นเหมือน Digital Footprint ที่อนาคตขอให้พวก ท่านทุกคนกลับมาดูได้อย่างไม่ละอายตัวเอง ขอบคุณครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม

  • ท่านประธานคะ ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล อาจจะเห็นหน้ากันบ่อยหน่อย เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ไม่พูดไม่ได้นะคะ สมัยเด็กก็เป็นหัวหน้าห้องเหมือนกันค่ะ อาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าประธานนักเรียน แต่ก็เคยเป็น หัวหน้าห้องมาก่อน แต่อาจจะแตกต่างกันที่ว่าดิฉันมีลูก ๒ คน แล้วก็เลี้ยงลูกเอง ทุกครั้งที่ เวลาดิฉันเห็นญัตติฉบับนี้ที่คุณพิมพ์กาญจน์เขียนเมื่อสักครู่นี้ เรื่องราษฎรเอย การโทษ ประชาชน โทษนั่นโทษนี่ ตั้งแต่มีลูกเอาจริง ๆ นะคะ ตั้งแต่มีลูกดิฉันมองคนเปลี่ยนไปเลยค่ะ ดิฉันใจเย็นกับคนมากขึ้น เข้าใจมนุษย์มากขึ้น เพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะว่าการสอนลูก การจะทำให้ลูกเป็นแบบไหนเราทำเป็นแบบอย่างให้เห็นได้ง่ายมาก ในนี้มีลูกเล็กวัยเดียวกัน หลายคนอยู่นะคะ เวลาเจอคนที่เอะอะก็เอาแต่โทษคนอื่น โทษนั่นโทษนี่ หรือว่าสังคมไม่ดี ก็โทษเด็ก โทษว่าพ่อแม่สอนไม่ดีบ้าง เขาอาจจะเติบโตมาแบบสมัยเด็กพ่อแม่สอนอย่างไร รู้ไหมคะ เดินเตะโต๊ะทำอย่างไรคะ โต๊ะนี่มันไม่ดีจริง ๆ มาทำลูกฉันทำไม เดินเตะเก้าอี้ ทำอย่างไรคะ เก้าอี้นี่มันมาทำลูกฉันทำไม การสอนแบบนี้มันทำให้เด็กคนนั้นเติบโตมาเป็น คนที่ไม่โทษอะไร นอกจากโทษคนอื่น แล้วดิฉันสอนลูกอย่างไรหรือคะ เวลาลูกดิฉันเดิน เตะโต๊ะดิฉันจะบอกเขาว่าเจ็บไหมลูก เจ็บเพราะอะไร เจ็บเพราะว่าหนูไม่ระวังใช่ไหม เพราะหนูไม่ระวังหนูก็เลยเดินเตะโต๊ะ เพราะฉะนั้นครั้งหน้าหนูระวังมากกว่านี้นะลูก การสอนลูก การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนมันไม่ยากเลยค่ะ เวลาที่เราเห็น ปัญหาในสังคมทุกวันนี้ดิฉันไม่ได้โทษพ่อแม่หรอกค่ะ แค่ทุกวันนี้พ่อแม่ทำมาหากินก็ลำบาก มากเกินพออยู่แล้ว แต่การที่เด็ก เยาวชน คนจำนวนมากมีปัญหาในทิศทางเดียวกันแสดงว่า ผู้มีอำนาจในสังคม ผู้นำในสังคมมีปัญหา ทำอย่างไรให้เด็กรู้สึกไม่เกรงกลัว ทำอย่างไรให้เด็กถึงไม่ได้มีจิตสำนึก เพราะว่าเขาเห็น ผู้มีอำนาจในสังคม เห็นนักการเมืองไม่มีจิตสำนึกหรือเปล่า ดิฉันเห็นด้วยกับท่านสมาชิก เมื่อสักครู่ที่บอกว่าเมืองไทยน่าอยู่ที่สุดในโลก จริงค่ะ เมืองไทยจะน่าอยู่ที่สุดในโลกถ้ามีเงิน ทุกคนอยากมาตายที่เมืองไทย ไม่ต้องอยากมาตายหรอก ประเทศไทยปัจจุบันตายอันดับหนึ่ง ของโลกอยู่แล้วค่ะ ขนาดนักปั่นจักรยานทั่วโลกยังมาตายที่ประเทศไทยเลยค่ะ เราควรภูมิใจ เรื่องนี้หรือคะ พูดถึงเรื่องการสอนลูกต่อดีกว่า ดิฉันเองก็ช่วงนี้สนุกกับการสอนลูกเพราะรู้สึก ว่าการมีลูก การบ่มเพาะเด็กมันง่ายมากแค่ว่าเราอยากจะให้ลูกเป็นอย่างไรเราทำแบบนั้น เช่น เวลาน้ำหกทำอย่างไรคะ แต่ก่อนเวลาน้ำหกเราก็จะตีเขาก่อน แล้วบอกว่าเดินอย่างไร ให้น้ำหก ถืออย่างไรให้น้ำหก ทุกวันนี้ดิฉันสอนลูกอย่างไรคะ น้ำหกปุ๊บดิฉันก็บอกว่าน้ำหก แล้วเราทำอย่างไรกันดีครับลูก ลูกดิฉันก็บอกว่าน้ำหกก็เช็ดครับมามี๊ เรา ๒ คนก็ไปหยิบผ้า มาช่วยกันเช็ด เราใช้สถานการณ์ที่มันเป็นสถานการณ์วิกฤติในการสอนเขาได้ ในสังคม ก็เช่นเดียวกันค่ะ ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติ ทุกครั้งที่เกิดปัญหา เราต้องใช้สถานการณ์นั้นในการ สอนหรือว่าให้ความรู้คนในสังคมไปพร้อม ๆ กัน มีเยาวชนทำความผิด แทนที่เราจะมานั่ง จับผิดกันว่าพ่อแม่สอนมาอย่างไร ตำรวจทำอย่างไรถึงจับคนนั้นผิด อย่างนั้นอย่างไร ทำไม เราไม่มาหาเหตุผลว่าอะไรกันที่ทำให้เด็กกลายเป็นฆาตกร สังคมแบบไหนกันที่หล่อหลอม เยาวชนแบบนั้นมา ไม่ใช่พวกเราที่นั่งอยู่ในนี้กันทุกคนหรือคะ เราทุกคนในนี้ต่างมีส่วนร่วม ในการสร้างมนุษย์ขึ้นมาทั้งนั้น การสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศไทย พลเมืองที่มี คุณภาพของประเทศ ดิฉันอ่านญัตติแล้วก็แอบเปิดดูในโทรศัพท์มือถือว่าตอนนี้เราอยู่ยุคไหน กันแล้ว ยุคนี้เขาพูดถึงพลเมืองโลกแล้ว เราจะทำอย่างไรให้เด็กไทยเติบโตไปเป็นพลเมืองโลก ที่ดี ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยพยายามจะให้ลูกเรียนในหลักสูตรธรรมดาของประเทศไทยเพื่อคิดว่า จะได้รู้กันไปว่าหลักสูตรไทยมันเป็นอย่างไร เชื่อไหมคะ เอาเข้าไป ๒ อาทิตย์เอาลูกออกเลย แล้วกลับเข้าสู่โรงเรียนเอกชนเหมือนเดิม เพราะอะไร เพราะเห็นหลักสูตรที่ลูกเรียนแล้ว เห็นหนังสือที่ลูกเรียนแล้วท้อใจ แล้วก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเขาจะเรียนรู้อะไรจากหนังสือ เหล่านี้ แล้วสิ่งเหล่านี้มันเกิดมาได้อย่างไร ก็ไม่ได้เกิดจากนักการเมืองหรือคะที่เราผัน งบประมาณกัน ผ่านงบประมาณกัน หรือเข้าไปนั่งในกระทรวงศึกษาธิการแก้ไขหลักสูตร การศึกษา สุดท้ายสังคมที่มันเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะพวกเราที่นั่งในนี้ด้วยกันทั้งหมดหรือคะ ดิฉันคงเข้ามาช้าไปหน่อยเป็น สส. สมัยแรก แต่อ่านงบประมาณทีไรก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจทุกที อยู่มา ๓๕ ปีไม่เคยคิดเลยว่าประเทศเราเอาเงินไปใช้กับอะไรขนาดนี้ เราอยากให้มีพลเมือง ที่มีคุณภาพ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยค่ะ เหตุการณ์เมื่อวานมันมี Hashtag หนึ่งขึ้นมาว่า ไม่อยากท้องในประเทศนี้ อย่าว่าแต่คุณภาพเลยค่ะ ทุกครั้งที่เหตุการณ์ทางการเมืองมัน อย่างนั้นล่ะค่ะ คนก็จะพูดตลอดว่าไม่อยากจะมีลูก ไม่มีลูกดีกว่า กลายเป็นว่าเหตุการณ์ ทางการเมืองแต่ละครั้งเหมือนยาคุมกำเนิดประชาชนโดยอัตโนมัติเลยค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้สังคมไทยสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพอย่างไร เรานี่ล่ะค่ะ นักการเมืองอย่างเรา ๆ นี่ล่ะค่ะที่จะต้องเป็นตัวอย่างให้กับทุกคน ดิฉันไปงานวันเด็กในชุมชน แต่ก่อนเวลาคนถามว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เราจะได้ยินแต่ว่าอยากเป็นตำรวจ ทหาร คุณครู นั่นนี่ เชื่อไหมคะว่า ล่าสุดมีคนบอกว่าอยากเป็นนักการเมือง อยากเป็น สส. เรากำลังทำให้ภาพของนักการเมือง ภาพของ สส. ที่ในอดีตมันดูแบบไม่อยากเป็น ทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นได้ ทุกคนเป็น สส. ได้ ทุกคนเป็นนักการเมืองได้ นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่เราจะสร้างพลเมืองได้ สุดท้ายเราอยากให้สังคม เป็นแบบไหนเราต้องเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น ผู้ใหญ่แบบหนึ่งที่น่านับถือมากค่ะ คือผู้ใหญ่ที่ เอาชนะอัตตา เอาชนะ Ego ของตัวเองสามารถฟังความคิดเห็นต่างของผู้ที่มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ น้อยกว่าตัวเองได้อย่างสงบ ใจกว้างและสง่างาม น่าเสียดายที่ผู้ใหญ่บางคนไม่ได้เติบโต มาเป็นบุคคลเช่นนั้น แต่ดิฉันหวังว่าจะไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ในสภาแห่งนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ขอบคุณท่านประธาน ค่ะดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกลค่ะ ดิฉันขอมีส่วนร่วมในการอภิปรายในญัตตินี้เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยทั้งใน สภาและพื้นที่ปลอดภัยทั้งข้างนอกสภา จากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาจจะทำให้สังคมเกิดการถกเถียงกันอย่างมาก ดิฉันขออนุญาตอยากชวนลองมองเรื่องนี้ ในอีกมุมที่ต่างออกไปค่ะ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาสังคมอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน สิ่งที่เราทำเป็นอย่างแรกคือการลงโทษ เพราะคิดว่าตีก่อน ตีให้เจ็บ เจ็บมาก ๆ เดี๋ยวก็ไม่กล้า ทำเองแต่ท่านประธานคะ ไม้เรียวไม่เคยสร้างคนค่ะ แต่สร้างความกลัว และอาจจะสร้าง ผู้ใหญ่แบบที่เราไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง เพราะการก้าวเท้าไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยนั้น ทำให้ความรู้สึกเดิม ๆ ตอนถูกตีย้อนกลับมา ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคน ในสังคมต้องรับผิดชอบร่วมกัน พูดแบบนี้เพื่อนสมาชิกหลายท่านอาจจะส่ายหน้า แล้วก็ ไม่เห็นด้วย แต่เราทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่า It Takes a Village to Raise a Child การเลี้ยงเด็ก คนหนึ่งต้องใช้คนทั้งสังคมร่วมกัน ท่านประธานคะ หลังจากที่ดิฉันได้มีโอกาสเป็นแม่ค่ะ ได้เข้ามาต่อสู้ในสภาเพื่อเด็ก ๆ หลายคน ดิฉันได้เรียนรู้เรื่องหนึ่ง นั่นคือการมองให้กว้าง กว่าเลนส์ที่เราเคยมอง จากที่เคยคิดว่าหากเป็นแม่ของเด็กคนหนึ่งนี้อาจจะเข้าใจเด็กคนอื่น ได้เด็กแต่ละคนก็เหมือน ๆ กันหมด เด็กก็คือเด็ก แต่ลูกของดิฉัน ๒ คน ทำให้ดิฉันเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วเด็กฉลาดมากค่ะ หากเขาได้พัฒนาไปตามช่วงวัยอย่างมีคุณภาพ ได้รับ การสนับสนุนจากผู้ใหญ่เป็นอย่างดี และมีพื้นที่ปลอดภัยมากพอในการพูดคุยและรับฟัง พวกเขาอย่างจริงใจ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นเราทุกคนไม่ควรด่วนสรุปและรีบหาคนผิด ในทุกเหตุการณ์ แต่สิ่งที่เราทำ ควรทำเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการค้นหาว่าต้นตอ ของปัญหาคืออะไร และไม่แก้ปัญหาด้วยการใช้อารมณ์ ถ้าเราบอกเด็กว่าเด็กก้าวร้าว การที่ผู้ใหญ่อย่างเราทำตัวก้าวร้าวกว่า ๒ คนนี้ก็จะไม่ต่างกันเลยแม้กระทั่งอายุต่างกันมาก ก็ตามเมื่อสักครู่ท่านประธาน เด็กเยาวชนจำนวนมากนั่งฟังอยู่ข้างบนค่ะ ดิฉันเจ็บปวดแทน ละอายใจแทนเหลือเกิน เด็กเล็กนะคะที่ขึ้นมาเมื่อสักครู่ ที่เห็นผู้ใหญ่เรามัวแต่เถียงกัน ใช้คำหยาบคาย ในสภาแห่งนี้ดิฉันขอแบ่งเป็น ๒ ประเด็น เพื่อพูดต่อค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ๑. คือนักการเมือง เราควรจะมองประชาชนทุกคนด้วยเลนส์ที่ไม่แบ่งแยก ไม่แบ่งสี ไม่อคติ ในเรื่องขบวนเสด็จก็เช่นเดียวกัน ความเหมาะสมเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ความได้ สัดส่วนของความผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงเช่นกัน การตั้งข้อหาที่รุนแรง ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา แต่เป็นการสร้างความกลัวและยังทำให้กระบวนการยุติธรรม กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านประธานคะ ดิฉันไม่เชื่อเลย เรื่องไม้เรียวสร้างเด็ก ตอนนี้เป็นปี ๒๐๒๓ แล้ว การตีเด็กเป็นการแสดงออกถึงความรัก จริง ๆ มันคือความรุนแรงทุกกรณี และถ้าจะหยุดวงจรเรื่องความรุนแรงได้ต้องเริ่มจาก การไม่ตีเด็ก เราไม่สามารถสร้างคนให้สร้างสรรค์หรือพัฒนาตัวเองได้ พัฒนากรอบตัวเอง ไปไกลได้ ถ้าเขายังอยู่ในกรอบของความกลัว การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเกินไป หรือเกินสัดส่วนก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้เฉกเช่นเดียวกัน

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องต่อมา สิ่งที่นักการเมืองอย่างเรา ๆ ทำได้ คือเราต้องไม่ออกใบอนุญาต ให้คนทำร้ายกันหรือฆ่ากัน หรือ License to Kill ด้วยการเพิกเฉยต่อความรุนแรง เหตุการณ์ ของประชาชนส่วนหนึ่งที่ห้างสยามพารากอน คือสิ่งที่สังคมเราต้องเรียนรู้ร่วมกันว่าความ รุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา Shape สังคมด้วยกัน ช่วยกันเลี้ยงเด็กในสังคมนี้ด้วยกันเถอะค่ะ ไม่ใช่แนวทางของการเปลี่ยนแปลง การสร้างบรรยากาศเพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน คือปัจจัย ที่สำคัญที่สุดที่เราจะหลุดพ้นวงจรความขัดแย้งในรอบ ๑๗ ปีที่ผ่านมานี้ ไม่ใช่การผลักให้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปยืนตรงหน้าผา แล้วบีบให้เขาต้องกระโดดลงไปเอง จนต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อความอยู่รอดตามสัญชาตญาณของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม แม้เราจะมองว่าสิ่งนั้นเหมาะสม ไม่เหมาะสม และไม่ได้สนับสนุนการกระทำก็ตาม การที่เราไม่สนับสนุนก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเหยียบย่ำซ้ำเติม หรือผลักคนนั้นให้ตกลงไปที่ก้นเหว นั่นไม่ใช่วิถีทางที่เราจะสร้าง สังคมให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ หรือการสร้างบรรยากาศให้เหมาะแก่การเรียนรู้และการเติบโต ของเด็กและเยาวชน และแน่นอนว่าการที่เราไม่ดุ ไม่ด่า ไม่ตี ไม่ได้หมายความว่าเราให้ท้ายค่ะ แต่เป็นหน้าที่ที่เรา ต้องสร้างสมดุลทางอำนาจระหว่างประชาชนกับรัฐผ่านการตรวจสอบถ่วงดุลผ่านรัฐสภา และหน้าที่ของผู้แทนอย่างเราในการใช้สภาแห่งนี้ คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายได้ แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น ได้ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสันติ และควรมีส่วนร่วมใน การยุติการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ หน้าที่ของผู้แทนราษฎรมิใช่การพิพากษาตัดสิน ด่วนสรุป หรือชี้ถูกชี้ผิดค่ะ เราไม่จำเป็นต้องวิ่งไปซ้ายสุดด้วยกัน หรือวิ่งไปขวาสุดด้วยกัน แต่เราโอบกอดกันระหว่างทางได้ สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับทุกคนได้ ในสภาแห่งนี้จึงควรเป็น เสมือนบ้านที่มีประตูทางออกสำหรับทุก ๆ ปัญหา รับฟังทุกความเห็นต่างบนวิถีทาง ประชาธิปไตย ดิฉันขอวิงวอนเพื่อนสมาชิก อย่าเพิ่งปิดประตูการนิรโทษกรรมคดี มาตรา ๑๑๒ โดยไม่ได้ฟังประชาชนเลยค่ะ วันนี้วันแห่งความรัก ประชาชนจำนวนหนึ่งก็รอ เราอยู่ข้างนอกสภา อยากชวนทุกท่านมาแง้มประตูชะโงกหน้าไปฟังพวกเขาก่อน อย่าเพิ่ง ตัดปัญหาด้วยการปิดประตูบานนั้นเลย ขอบคุณท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • เรียนท่านประธานค่ะ ทนายแจม ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกลค่ะ ขออนุญาตนำสไลด์ขึ้นด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • วันนี้ดิฉันมีเรื่อง ปรึกษาหารือท่านประธาน จากเรื่องร้องเรียนของประชาชนพื้นที่แจ้งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ในช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมา

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องแรก เป็นเรื่องของรถบรรทุก รถขนดิน ที่วิ่งเข้ามาในพื้นที่เขตสายไหม และเขตบางเขนบางส่วน บนถนนเทพรักษ์ บนถนนสุขาภิบาล ๕ และถนนสายไหม โดยปัญหา จากรถบรรทุกรถขนดินหลัก ๆ อยู่ ๔ ประเด็นด้วยกันค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นแรก เรื่องรถบรรทุกวิ่งนอกเวลาที่กฎหมายอนุญาตในชั่วโมงเร่งด่วน ทั้งในช่วงเช้าและเย็น ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นจำนวนมาก

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ เรื่องรถขนดินหลายคันทำดินตกหล่นระหว่างทาง สร้างความ เดือดร้อนให้กับผู้ใช้ถนนเป็นจำนวนมาก แล้วก็สุ่มเสี่ยงในการที่จะเกิดอุบัติเหตุด้วย

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๓ รถบรรทุกจำนวนมากขับรถเร็วมาก ๆ สร้างความรู้สึก ไม่ปลอดภัยให้กับประชาชน มีประชาชนร้องเรียนมาใน Page ทนายแจม Page ก้าวไกล สายไหม หรือว่า Page สะพานใหม่จำนวนมากกว่ามีรถบรรทุกขับรถเร็ว อันตราย ก็อยากให้ แก้ไขปัญหาด้วย

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นสุดท้าย เนื่องจากบริเวณถนนเส้นเทพรักษ์ยังไม่มีข้อบังคับจราจร ทำให้หลายครั้งที่รถบรรทุก รถบัส รถโดยสารจอดริมถนนอย่างภาพเมื่อสักครู่ ทำให้กีดขวาง ทางเข้าออกของผู้อาศัยอยู่บริเวณนั้น แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้งมาก ๆ ดิฉันจึงขอหารือ ท่านประธานผ่านไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบค่ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล สายไหม เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลคันนายาว ให้ช่วย เข้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนด้วยค่ะ ขอบคุณ ท่านประธานค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • กราบเรียนท่านประธานค่ะ ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายแจม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ เขตสายไหม แขวงคลองถนน แขวงสายไหม พรรคก้าวไกล ก่อนอื่นขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีค่ะ ดีใจที่ท่านมาตอบด้วยตัวเองเลยนะคะ ให้เกียรติพวกเรามาก ๆ ก็ได้พาประชาชนในพื้นที่ มาด้วยค่ะ ปัญหาสะพานไม้สีส้ม ขอสไลด์ด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • เป็นปัญหาที่มีมายาวนาน เพราะว่าสะพานไม้นี้มีการสร้างมากว่า ๓๐ ปีแล้วค่ะ ดิฉันก็เพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่ได้ไปเข้าพบกรมชลประทาน ตอนที่ไปขอเรื่องให้เอาผักตบชวาออก ก็เพิ่งทราบว่า มันเป็นการสร้างโดยที่ไม่ได้มีการขออนุญาต แต่เป็นการสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ ประชาชนในการเดินข้ามไปขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งต้องบอกตามตรงค่ะท่านประธาน ก็คือว่า ในเขตสายไหมประชากรเรา ๒๐๐,๐๐๐ กว่าคน เรามีรถเมล์เพียงแค่สายเดียว ทีนี้พอมันมี รถไฟฟ้าเข้ามาถึง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นทางหลักของประชาชนที่เขาจะใช้โดยสารเข้าสู่ กรุงเทพมหานคร เพราะเขตสายไหมเป็นเขตที่อยู่ติดกับจังหวัดปทุมธานีเลย ก็ต้องใช้ รถไฟฟ้าในการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครมีประชาชนจำนวนมาก ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่และ ผู้สูงอายุ ช่วงที่เดินทางหาเสียงวันนั้นลงพื้นที่กับคุณเชตวัน สส. เขตปทุมธานี ก็เลยเห็นว่า ประชาชนใช้ตรงนี้กันเยอะมาก อันนี้คือช่วงเวลาปกติ แต่ถ้าช่วง Prime Time ช่วงเดินทาง ไปทำงานหรือช่วงกลับจากทำงาน เดินเบียดกันจนบางทีเป็นอย่างนี้ คือกลัวจะตกมาก ๆ ค่ะ ถ้าช่วงที่มีน้ำเยอะ ๆ ก็จะมีต้นไม้ บางทีบังมาจนถึงทางเดินต้องแหวกหญ้าเดินกันนะคะ เคยลงพื้นที่ครั้งหนึ่งก็เจอประชาชนผู้สูงอายุยืนอยู่ตรงทาง สภ. คูคต นานมาก ก็ถามว่า คุณยายยืนรออะไร คุณยายบอกว่าคุณยายปวดเข่าลงไม่ไหว ก็เลยต้องพาแกลงมา แกก็บอกว่า ถ้าอนาคตตรงนี้มันสามารถปรับปรุงได้จะดีมากเลยนะทนาย เพราะว่าการเดินทางของ ประชาชนก็จะสะดวกขึ้น ทีนี้นอกจากการเดินทางแล้ว ในปัจจุบันที่บอกว่าตรงนี้ทางมัน แคบมาก ๆ จุดหนึ่ง แล้วก็นอกจากนั้นยังมีในเรื่องของสะพานไม้ชำรุดบ่อยมาก ตรงนี้ก็คือ ตั้งแต่เป็น สส. มานี้ แจ้งซ่อมแทบทุกเดือนเลยค่ะ ผ่านทาง Traffy Fondue พังบ่อยมาก ๆ ประชาชนบอกว่าบางทีรองเท้าไปติด บางทีโทรศัพท์มือถือร่วง เคยใช้หรือเปล่าคะ เห็นพยักหน้า มีการแบบของหล่นบ่อยมาก แล้วก็มีโอกาสที่จะตกลงไปค่อนข้างสูงค่ะ แล้วก็เท้าไปติดบ่อย ดิฉันเองก็รองเท้าติดบ่อยเหมือนกัน ก็แบบซ่อมแซมบ่อย ถ้ามีการ ปรับปรุงอย่างถูกต้อง มีการขออนุญาตคุยกันอย่างถูกต้องจะช่วยแก้ปัญหา แล้วก็ช่วยทำให้ คนใช้รถขนส่งสาธารณะกันได้มากขึ้นจริง ๆ นะคะ

    อ่านในการประชุม

  • คำถามแรก ถามไปยังกรมชลประทานและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลคลองหกวาสายล่างนะคะว่า ถึงแม้จะไม่ได้เป็นผู้อนุมัติในการสร้าง สะพานแห่งนี้ แต่เนื่องจากว่าสะพานสร้างมา ๓๐ ปีแล้ว ประชาชนใช้สัญจรจำนวนมาก ทางกรมชลประทานมีแนวทางอย่างไร ในการที่จะอนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งแนวทางปรับปรุง แล้วก็สร้างใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม ขอรายละเอียดด้วยนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • นอกจากนั้นเรื่องถัดมา นอกจากสะพานไม้แล้ว บริเวณคลองหกวาสายล่าง ห่างจากสะพานไม้ประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร มีสะพานปูนข้ามฝั่งตรงวัดสายไหม ตรงนี้วัดสายไหม เป็นวัดที่นักการเมืองไปกันบ่อยมากเลยนะคะ เป็นวัดหลวงพ่ออ๊อด ก็มีการใช้สะพานปูน กว้าง ๓ เมตร มีความมั่นคงแข็งแรง มีหลังคาช่วยบังแดด บังฝนให้กับประชาชนได้ค่ะ ก็อาจจะใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงสะพานไม้สีส้มในอนาคตก็ได้นะคะ แล้วทุกวันนี้ นอกจากนั้นอันนี้จะเห็นความตลกอย่างหนึ่งก็คือว่า พอลงสะพานปุ๊บ แทนที่จะสามารถ ขึ้นรถไฟฟ้าได้เลย ก็จะเจอกำแพงแบบนี้ต้องอ้อม เคยนั่งจับประมาณ ๗๐๐-๘๐๐ เมตร เพื่อจะเดินขึ้นทางรถไฟฟ้า ประชาชนบางคนเดินกลับบ้าน คนสูงอายุต้องเดินแบกของ แล้วก็ต้องเดินอ้อม สภ. คูคต ซึ่งนอกจากทางจะยาวแล้ว สภ. คูคตก็จะมีแก๊งน้องหมา ที่ยืนตระหง่านกันอยู่ ๔-๕ ตัว โดนกัดกันก็หลายคน ก็มาแจ้งว่าโดนกัด เพราะว่าต้องเดินอ้อม อนาคตถ้าสามารถประสานกับทางกระทรวงคมนาคมได้ สามารถเปิดทาง เข้าออกตรงนี้ได้ด้วย ก็จะช่วยให้ประชาชนสัญจรได้สะดวกขึ้น ซึ่งดิฉันได้ถามไปในห้องงบประมาณบางส่วนแล้ว ทางกระทรวงคมนาคม ทางรถไฟฟ้ามหานคร ก็บอกว่าอยู่ในแผนเหมือนกัน ที่เขาก็อยากจะ เปิดตรงนี้ให้ได้ใช้เหมือนกันค่ะ ก็เลยมีการตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เพราะว่ามันมี หลายกระทรวงที่ทำงานร่วมกัน มันต้องแก้ปัญหาร่วมกันหลายกระทรวง ก็เลยอยากถาม กระทรวงคมนาคมนะคะ ถึงแม้จะไม่ได้มาก็ฝากท่านธรรมนัสไปนะคะว่ามีแนวทางในการ ช่วยเหลือให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกปลอดภัยขึ้น โดยทำทางเชื่อมผ่านไปยังอาคาร จอดแล้วจร สถานีคูคตได้หรือไม่ อย่างไร ประมาณนี้ ขอบคุณมากค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • หมดคำถามแล้วค่ะ ก็ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ จริง ๆ ก็รอมาตั้งแต่ตอนหาเสียงแรก ๆ เพราะว่าดิฉันเองตอนช่วงที่หาเสียง มีช่วงหนึ่งที่รถพังแล้วก็ไม่มีรถใช้ ก็เลยได้นั่งขนส่งสาธารณะบ่อย ก็เลยได้ทราบปัญหา แล้วก็ ได้ประสบปัญหาด้วยตัวเองด้วยค่ะ ก็ขอบคุณท่านรัฐมนตรีมาก ๆ ที่มาตอบด้วยตัวเอง แล้วก็ รับปากในเรื่องนี้ค่ะ จะเอาไปบอกพี่น้องประชาชนเขตสายไหมทุกท่าน ประมาณนี้นะคะ ขอบคุณนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ขอบคุณท่านประธานค่ะ ดิฉัน ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๑ พรรคก้าวไกล วันนี้มีคำถามมาถามท่านทางการพิเศษ ขออนุญาตเท้าความก่อนด้วยสไลด์นะคะ

    อ่านในการประชุม

  • อันนี้จะเป็นปัญหา ที่เกิดมายาวนานเป็นสิบกว่าปีแล้ว ก็คือเมื่อประมาณปี ๒๕๕๑ ทางการทางพิเศษได้มีการ เวนคืนพื้นที่เพื่อทำทางพิเศษฉลองรัช บริเวณทางลงสุขาภิบาล ๕ ทำให้หมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ชื่อหมู่บ้านจิรทิพย์ หมู่บ้านนี้ปกติเป็นหมู่บ้านใหญ่ แล้วก็คนมาซื้อเพราะว่าทางเข้า-ออก สะดวกมาก เสร็จแล้วพอมีการเวนคืนทำให้มีการตัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่ง ๑๕ หลัง ยังคงเข้าออกสะดวกเหมือนเดิม แต่ส่วนที่ ๒ ประมาณ ๒๐๐ กว่าหลังคาเรือน การทางได้มีการตัดทางเข้าออก ทำให้การเดินทางลำบากกว่าเดิม โดยการทางได้มีการทำ Service Road สำหรับเข้าออกให้ใต้ทางด่วนแต่ค่อนข้างจะไกลมาก ๆ ทำให้หมู่บ้านในส่วนนี้ ต้องเดินทางไกลขึ้น และในชั่วโมงเร่งด่วนการจราจรติดขัด บางทีใช้เวลานานมาก เกือบชั่วโมงในการเดินทางเพื่อจะอ้อมเข้ามาสู่ทางเข้า-ออกหมู่บ้าน รูปซ้ายมือจะเป็น ทางเข้าออกหมู่บ้าน จะเห็นเลยว่ายิ่งกลางคืนเป็นแดนสนธยา สาว ๆ ไม่กล้าเดินเข้า-ออก ตรงนี้ต้องมีรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ก็อันตราย มืดด้วย แล้วก็ต้นไม้ที่มันปกคลุม กลางค่ำ กลางคืนจะมีมั่วสุมตลอด หรือมีคนเอาขยะมาทิ้ง ทางชาวบ้านแจ้งว่าเคยพยายาม จะไปติดต่อทางเขตให้มาจัดการ เขตบอกว่าเป็นพื้นที่ของการทางก็เลยมาทำอะไรให้ไม่ได้ เลยกลายเป็นแดนสนธยาต้องเข้าออกลึกมาก ช่วงน้ำท่วมก็คือหมู่บ้านนี้ถูกตัดขาดจาก โลกภายนอกไปเลย ตอนปี ๒๕๕๔ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าในนี้มีหมู่บ้านอยู่ ก็ทำให้ไม่ได้รับ ความช่วยเหลือใด ๆ จากทางรัฐ เพราะมันเข้าลำบากมาก ๆ แล้วก็นอกจากนั้นเราได้มี การลงพื้นที่รับฟัง จริง ๆ หลังจากได้ตำแหน่งก็มีการประสานมาเลยได้ไปนั่งฟังแล้วก็เดินลง พื้นที่ด้วยกัน ทางชุมชนบอกว่าเคยพยายามแจ้งกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแล้ว แล้วการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจค่ะ ทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ก็มีการลงพื้นที่ไปสำรวจแล้วเหมือนกัน แต่ทางชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าแล้วจะมี React หรือมี Feedback กลับมาอย่างไร ว่าถ้าจะทำทางลงจุดทางด่วนให้สะดวกขึ้นเพื่อร่นระยะทางจะมี ความคืบหน้าอย่างไรก็ไม่ได้ทราบ ประกอบกับช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา ถนนใต้ทางด่วนอย่างที่ บอกว่ามีทรุดโทรมมาก ๆ มีความไม่ปลอดภัยในการสัญจรค่ะ ทำให้สมาชิกเดือดร้อนมาก ๆ ก็เลยมีคำถามแรกค่ะท่านประธาน คำถามแรก อยากถามว่าทางการทางการทางพิเศษ แห่งประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม มีมาตรการในการแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนให้กับหมู่บ้านจิรทิพย์กว่า ๒๐๐ หลังคาเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากการ เวนคืนที่ดินอย่างไรบ้าง มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำทางเข้าหมู่บ้านจากจุดลงทางด่วน เพื่อร่นระยะทางเพื่อบรรเทาการติดขัดจากการจราจรบนถนนสุขาภิบาล ๕ คำถามแรก ค่ะท่าน ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • กำลังฟังเพลิน ๆ อันนี้ ตอบแล้วใช่ไหมคะ พอดีเพราะว่าเมื่อสักครู่เท่าที่ฟังท่านรัฐมนตรีตอบจะเป็นในเรื่องว่าในเขต อื่น ๆ มีการปรับปรุงภูมิทัศน์อย่างไรค่ะ แต่อย่างของเขตสายไหม ตรงที่เราโชว์ภาพ ของเรา ยังไม่ได้มีการปรับปรุงค่ะ แล้วก็จริง ๆ แล้วคำถามที่ถามก็คือว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะทำ ทางเข้าหมู่บ้านที่จะเป็นทางจุด รูปนี้ค่ะ คือปกติชาวบ้านจะต้องใช้เวลาในการเดินทางอ้อม เห็นไหมคะ อ้อม Move On เป็นวงกลม อันนี้เมื่อก่อนเป็นสามเหลี่ยมนะคะ คือไปไกลมาก ๆ แต่ถ้ามีการทำทางตรงเส้นสีแดง คือมันจะลงแล้วก็สามารถเข้าถึงหมู่บ้านได้เลย ซึ่งอาจจะทำ ให้สะดวกกว่า อันนั้นคือคำถามแรกที่ถามไปนะคะ

    อ่านในการประชุม

  • ส่วนคำถามที่ ๒ เมื่อสักครู่เหมือนที่ท่านตอบมาเป็นเรื่องของช่อง Service Road ใช่ไหมคะที่มันมีอยู่ ถ้าตอนนี้สถานที่จริงตอนนี้จะไม่ได้เป็นรูปเหมือนที่ท่านเอามาให้ดู ภาพจริงตอนนี้คือมันจะทรุดโทรมมาก ๆ แล้วก็อย่างที่บอกว่ามันมืด แล้วใต้ทางด่วนมีต้นไม้ เต็มไปหมด แล้วก็จะมีการมามั่วสุมของวัยรุ่นเยอะมาก แต่จริง ๆ ถ้ามีโอกาสในอนาคต เป็นคำถามที่ ๒ เพิ่มเติมก็แล้วกันค่ะ ว่าจะมีแนวทางในการปรับปรุงภูมิทัศน์ใต้ทางด่วนของ บริเวณทางลงสุขาภิบาล ๕ ตรงนี้หรือไม่ เพราะว่าต้องบอกว่าสายไหมเป็นเขตที่มีประชากร อันดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร จริง ๆ เราครองอันดับ ๑ มาหลายปี ซึ่งโดนแซงไป ประมาณ ๒๐๐ กว่าคนจากเขตคลองสามวา แต่จริง ๆ เราก็ยังคงมีความแออัดมาก ๆ อยู่ ถ้ามีสวนสาธารณะเพิ่มเติมได้ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าสายไหมเราไม่มีสวนสาธารณะ ขนาดใหญ่ของตัวเองเลยนะคะ เราต้องไปใช้กับ ทอ. ซึ่งทางกองทัพอากาศก็มีการเปิดปิด เป็นเวลา ถ้าอนาคตสามารถมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ได้ก็จะเป็นประโยชน์ให้กับประชาชน ๒๐๐,๐๐๐ กว่าคนในเขตสายไหม แล้วก็จะให้หมู่บ้านมีทางเข้าออกสบายขึ้น อาจจะช่วยลด ความกังวลใจของประชาชนได้ แต่อย่างไรอยากได้คำตอบคำตอบแรกก่อนที่ว่ามีโอกาสไหม ที่จะเปิดทางให้สะดวกขึ้น และคำถามที่ ๒ คือว่าจะมีแนวทางในการปรับปรุงภูมิทัศน์ ใต้ทางด่วนบริเวณทางเข้าหมู่บ้านจิรทิพย์หรือไม่ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ขอบคุณค่ะ ก็เป็น คำตอบที่เดี๋ยวจะเอาไปตอบกับพี่น้องประชาชนต่อไป ขอบคุณท่านรัฐมนตรีด้วยนะคะ แต่ทีนี้ทางชาวบ้านก็ได้มีข้อเสนอเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าเป็นไปได้ในเรื่องของการทำทางเชื่อมต่อ อื่น ๆ ที่จะสามารถทำให้ร่นระยะเวลาในการเข้าสู่หมู่บ้านได้ อยากชวนทางท่านรัฐมนตรี หรือว่าทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทยลงไปสำรวจกันอีกรอบหนึ่ง อยากให้ลองไปสำรวจ เขาบอกว่าอาจจะมีวิธีในการที่อาจจะไม่ได้ลงเลย แต่อาจจะต้องลงแล้วไปวนอีกรอบหนึ่ง ได้ไหม เพราะคิดว่าจะช่วยลดความแออัดของเส้นนั้นไปได้มาก ถ้าท่านเคยไปตรงเส้นจตุโชติ บางวันติดมาก ลงด่วนมาแล้วก็ติดตรงนั้นเป็นชั่วโมงเลยก็มีเหมือนกัน ถ้ามันสามารถมีทาง ที่กระจายปริมาณรถออกไปด้วย นอกจากทางหมู่บ้าน ชุมชนอาจะได้ความสะดวกแล้ว ส่วนหนึ่ง แต่คนอื่น ๆ ที่เขาต้องผ่านทางเข้าสู่เส้นสุขาภิบาล ๕ อาจจะทำให้ลดปริมาณรถ ได้ด้วยเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสอยากชวนท่านลงไปพื้นที่ด้วยกันเพื่อดูแนวทางการแก้ไขปัญหา อีกครั้งหนึ่งค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ส่วนในเรื่องของการปรับปรุงภูมิทัศน์ ถ้าเป็นไปได้มีกรอบระยะเวลาให้ดิฉัน หน่อย จะได้ไปตอบได้เหมือนกันว่าอาจจะมีสวนสาธารณะมาทำประมาณภายในระยะเวลา เท่าไร เมื่อไร หรือประมาณภายในปีนี้ จะได้เป็นความสบายใจของพี่น้องประชาชนว่าเรา จะมีสวนสาธารณะเพิ่มขึ้นอีก ๑ แห่ง ถ้าเพิ่มเติมเป็นแบบเป็น Dog Park ให้กับสุนัขมาเดิน วิ่งเล่นได้ด้วยก็จะดีมาก ๆ อันนี้เป็นข้อเสนอแนะนะคะ อย่างไรก็อยากฝากด้วย ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ได้ค่ะ

    อ่านในการประชุม

  • ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม