ท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม ทางนี้ครับท่านประธาน
ท่านประธานครับ เรียนด้วย ความเคารพครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในการเสนอญัตตินี้นะครับ ที่เปลี่ยนแปลงระเบียบวาระของคุณพริษฐ์ ต้องเรียนด้วยความ เคารพว่าเราเสนอเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ทีนี้ในเมื่อท่านอรรถกรได้เสนอญัตติคัดค้าน การเปลี่ยนแปลงญัตติ ถึงแม้จะเน้นย้ำถึงความสำคัญของพรรคก้าวไกลที่เราก็เห็นด้วย ในเรื่องของปัญหาราคากุ้งตกต่ำซึ่งมีมาโดยตลอด แล้วเราก็เริ่มปฏิบัติโดยที่แม้เราจะไม่อยู่ ในสภา ในความเป็นจริงแล้วผมทราบมาว่าในวันพรุ่งนี้เพื่อนสมาชิกจากพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทยก็จะเอาญัตติในเรื่องของปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในการที่จะเสนอ เหมือนกัน ซึ่งดูไปดูมาก็คงจะแซงในเรื่องที่ท่านอรรถกรได้เสนอ ดังนั้นพวกเรายินดีอย่างมาก ถ้าสุดท้ายท่านจะหยิบในเรื่องของราคากุ้งมาพิจารณาวันนี้ แล้วรับประกัน ท่านบอกเองว่า ท่านไม่เห็นคัดค้านกับเรื่องของการทำประชามติที่ให้สภามีมติ ดังนั้นถ้าท่านสัญญาว่า วันพรุ่งนี้ท่านจะยอมให้เราเอาเรื่องนี้เข้า แล้วจะลงมติให้ ทางพวกผมก็พร้อมที่จะถอนญัตตินี้ แล้วให้สภาเดินหน้าตามระเบียบวาระและจะเอาเรื่องกุ้งมาก็ได้ แต่วันพรุ่งนี้ต้องมี การพิจารณาในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงวาระและพิจารณาตามญัตติที่ท่านพริษฐ์ ได้เสนอมา ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แค่ต้องการชัดเจนครับ ท่านประธาน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ซึ่งท่านประธานจะต้องวินิจฉัยครับว่าในการเขียนชื่อ แม้ว่าจะสะกดอาจจะไม่ตรงตามที่มีการขึ้นในหน้าจอ แต่ถ้าเกิดมันอ่านได้ใจความอย่างนั้น เช่น อ่านว่า ปดิพัทธ์ สันติภาดา แม้จะสะกดอาจจะตัวอักษรแตกต่างกันก็ควรจะเข้าใจ ตรงกันว่าหมายถึงปดิพัทธ์ สันติภาดา อยากให้ท่านประธานวินิจฉัยเพื่อที่เราจะได้เริ่มต้น กระบวนการในการที่จะลงมติต่อไป ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ขออนุญาตท่านประธาน เพื่อความชัดเจนนะครับ แล้วก็รวมถึงจากที่มีการหารือกัน สำหรับวันพุธและวันพฤหัสบดี ขอให้เป็นการเริ่มการประชุมเวลา ๙ โมงตรงเป็นต้นไป ในส่วนของการหารือขอเป็น ๓๐ คน ต่อวัน แล้วก็เพิ่มเวลาเป็นคนละ ๒ นาที ๓๐ วินาที เพื่อให้ประเด็นการหารือที่เป็นปัญหา ของพี่น้องประชาชนสามารถหารือได้เพิ่มขึ้นเพื่อจะได้นำสู่การแก้ปัญหาต่อไป ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ต้องเรียนท่านประธานอย่างนี้ เดิมที่ผมเสนอไปนะครับ
ประการแรก ก็คือว่าเวลาในการเริ่มประชุมคือ ๐๙.๐๐ นาฬิกา ซึ่งเรื่องนี้ เท่าที่รับฟังเพื่อนสมาชิกก็น่าจะไม่มีประเด็นปัญหาที่เป็นข้อขัดแย้งในเรื่องเวลาเริ่มต้น
ในส่วนที่ ๒ ที่ผมเสนอก็คือจะเป็นในเรื่องของการหารือที่เดิมทีผมเสนอ ๓๐ คน เป็นคนละ ๒ นาที ๓๐ วินาที ซึ่งจริง ๆ ต้องเรียนท่านประธานแล้วก็ขอชี้แจงนิดเดียว ในส่วนประเด็นนี้ว่าสาเหตุที่มีการเสนอในลักษณะนี้ พอดีเมื่อวานได้มีการประชุมกันแล้วก็ได้ ข้อสรุปเป็นแบบนี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนต้นผมเองถึงเสนอ ๓๐ คน คนละ ๒ นาที ๓๐ วินาที แต่เมื่อเสนอไปแล้วเพื่อนสมาชิกทั้งหลายมีความเห็นว่า ๒ นาที ๓๐ วินาที มันไม่เพียงพอ อยากจะขยายเวลาเป็น ๓ นาที ด้วยเหตุผลว่าอยากจะนำเสนอประเด็น ปัญหาในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นพื้นที่ของการแก้ไขปัญหาในสภาต่อไป ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการหารือก็ดี การเข้าสู่ระเบียบวาระต่าง ๆ ความจริงแล้วมันก็เป็นการทำงาน เพื่อประเทศชาติทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตามถ้าเราอยากจะให้น้ำหนักในเรื่องของการหารือที่เพิ่มขึ้นมาอีก ๓๐ วินาที จากที่ทางผมได้เสนอไปทางพรรคก้าวไกลเราก็ยินดีนะครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็น ๓๐ คน ของวันพุธและของวันพฤหัสบดีคนละ ๓ นาที รวมเวลาถ้าเราเริ่มต้น ๐๙.๐๐ นาฬิกา เราก็จะเสร็จในช่วงของการหารือคือ ๑๐ โมงครึ่ง ถ้าเป็นแบบนี้ก็คิดว่าน่าจะเดินต่อกันได้ แล้วก็จะได้มีเวลา มีพื้นที่ในการหารือต่อไปนะครับ ก็เรียนท่านประธานครับ ขอบคุณครับ
ต่อไปก็คือจะเป็นการกำหนดวันที่เปิดสมัยประชุม ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ได้กำหนดว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้นกำหนดเป็น ๒ สมัยประชุม สมัยประชุมละ ๑๒๐ วัน ก็ประมาณ ๔ เดือน ทีนี้สำหรับสมัยประชุมของสภาของพวกเราชุดที่ ๒๖ นี้ สมัยแรกได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาแล้วนะครับ คือวันที่เปิดประชุมวันแรกที่มี พระราชกฤษฎีกาคือวันที่ ๓ กรกฎาคม วันที่ ๓ กรกฎาคมก็เปิดเป็นวันแรก จะสิ้นสุดลง ในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ก็ ๑๒๐ วันพอดี ทีนี้เราจะมาหารือกันว่าสมัยที่สองนี้ซึ่งต้องใช้เวลา ๑๒๐ วันเช่นเดียวกันนั้นเราจะเริ่มวันไหนดี เพราะว่าท่านอาจจะนึกตารางวันที่ยังไม่ออกดี ผมขอนำตุ๊กตาก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องเอาตามนี้ เราเปิดประชุมวันที่ ๓ กรกฎาคม ครบที่ต้อง ปิดสมัยประชุมวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ก็จะมีเวลาภายในปีนี้นะครับ แล้วก็ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม อันนี้ทางฝ่ายสำนักงานก็เสนอมาหลายวัน แต่ผมจะลองดูว่าท่านจะ เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าสมัยที่สองเราเริ่มวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๗ มันจะครบ ๑๒๐ วัน คือวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ที่เป็นวันที่ ๑๕ มกราคมที่เราไม่เริ่มก่อน ความจริงเริ่มก่อนก็ได้ เพราะว่าต้องได้เวลาประชุม ๘ เดือนเท่านั้นนะครับ ทีนี้สำหรับเราจะหยุดกี่วันนั้นก็เป็นเรื่อง จังหวะของเรา ถ้าเอาวันที่ ๑๕ มกราคมนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงว่าอย่างไร ๆ ปีใหม่ วันที่ ๑ ถึงวันที่ ๓ วันที่ ๔ มันก็เป็นวันหยุด แล้วเราก็อยากจะใช้เวลากับประชาชนมาก ถ้าเป็น วันที่ ๑๕ มกราคมมันก็จะเลยวันปีใหม่ และอีกวันหนึ่งพวกเรามักจะขาดประชุมไปก็คือ วันเด็ก วันเด็กน่าจะอยู่ในช่วงวันเสาร์แรกหรือวันเสาร์ที่สอง วันเด็กพวกเราก็ต้องไปร่วมงาน กับเขาบางทีนะครับ แล้วก็จะมาครบเอาวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ มีเวลาที่พักประชุม ๕๐ วันใช่ไหมครับ อันนี้เป็น Choice ที่เสนอในกระดานแล้ว เสนอใน Board แล้วมีทั้งหมด ๕ ตารางเวลา ท่านจะเลือกเสนอได้ตามความเหมาะสม ต้องขออภัยด้วย ผมเสนอเอาสุดท้าย ขึ้นมาก่อนที่ว่าสมัยที่สองเริ่มวันที่ ๑๕ มกราคม แต่ท่านจะไปเริ่มวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน วันที่ ๑ ธันวาคม วันที่ ๑๕ ธันวาคม วันที่ ๑ มกราคม ก็ได้ทั้งนั้นครับ เราหารือจากเหตุผล ของท่าน เชิญครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขออภิปรายต่อ พ.ร.ก. มาตรการ ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดังนี้ ก่อนอื่นครับท่านประธาน ผมต้อง ขออนุญาตท่านประธานว่าเวลาเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้คือ ๗ นาที ต้องเรียนกับท่านประธานว่า ที่ผมเตรียมมามันอาจจะใช้เวลาประมาณนั้น ดังนั้นขอให้ท่านประธานลองใช้ดุลยพินิจ ในการพิจารณานะครับ เพราะว่าเนื้อหาน่าจะแตกต่างกับท่านอื่น ๆ
ประการแรก ผมต้องเรียนตามตรงว่าตัว พ.ร.ก. ฉบับนี้มีสาระรายละเอียด หลายประการที่มีความกังวล ตรงไปตรงมานะครับ ผมมีความกังวลว่ามันจะกระทบต่อการใช้ สิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ผมก็เข้าใจว่าสถานการณ์ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจากการใช้ อาชญากรรมทางเทคโนโลยีในการที่จะแสวงหาประโยชน์ต่าง ๆ มันเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และทำให้สุดท้ายเราก็มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการบางอย่าง แต่ก็ต้อง เรียนตามตรงครับว่าพวกท่านมีเวลาอย่างเนิ่นนานในการที่จะเตรียมการเพื่อแก้ปัญหา ดังกล่าว แต่ว่าสุดท้ายเครื่องมือปฏิบัติจริง ๆ กลับเพิ่งออกมา และออกมาในรูปแบบ ของ พ.ร.ก. ที่ไม่ได้มีการพิจารณาอย่างรอบด้าน อย่างไรก็ตามนะครับ พูดให้ท่านสบายใจ ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ยกมือเพื่อสนับสนุน พ.ร.ก. ฉบับนี้เพราะสถานการณ์ที่เร่งด่วน แต่ต้องบอกว่าเนื้อหาสาระของ พ.ร.ก. ฉบับนี้ไม่ใช่เนื้อหาสาระที่ควรจะเป็นทั้งหมด ทีนี้ท่านประธานครับ ต้องเรียนอย่างนี้นะครับว่าเนื่องจากว่ามันมีเหยื่อที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ค่อนข้างมาก แล้วถ้าเรียนกันตรงไปตรงมาเราจะพบว่าปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเกี่ยวพันกับในเรื่องของบัญชีม้าอะไรต่าง ๆ มันมีปัญหาทางมูลฐานอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่ ยกตัวอย่าง เช่นเรื่องของยาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกว่าผมมีความสนใจ แล้วผมก็ทราบว่า มีผู้ชี้แจงจาก ปปง. มาด้วย ก็ถือว่าน่าสนใจครับ เพราะถ้าเราไปพิจารณาการอภิปราย ของสภาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่อภิปรายว่ามันมีการใช้ในเรื่องของ การซื้อขายยาเสพติดแล้วใช้บัญชีม้าเป็นเครืองมือ ซึ่งวันนั้นในการอภิปรายของสภา ก็มีการชี้เป้าว่ามีนักการเมือง มีเครือข่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน กับการใช้เงิน ผ่านบัญชีม้าอย่างไร คำถามที่สำคัญเลย คือผมสนับสนุนพวกท่านให้พวกท่านมีเครื่องมือ แต่พวกท่านต้องให้ความมั่นใจกับสภา ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าท่านจะใช้เครื่องมือ ดังกล่าวที่มันเป็นประโยชน์จริง ๆ ได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาถ้าเราไปติดตามนะครับ อย่างกรณีที่มี สว. คนดังคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด มีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องของการฟอกเงินไปแล้ว จนถึงวันนี้ ปปง. อายัด หรือยังครับ บัญชีทรัพย์สินต่าง ๆ นะครับ แล้วเข้าใจว่าบัญชีทรัพย์สินของเขานี่ทรัพย์สิน บางอย่างเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองบางพรรคด้วย หรือว่าสุดท้ายไม่ต้องทำอะไรกันหรือครับ อันนี้คือประเด็นที่ ๑ ที่ผมอยากจะขอความมั่นใจว่าพวกท่านในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจ ที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายนี้จะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อประชาชนว่าอาชญากรรม ทาง Cyber ไม่ว่าจะบัญชีม้าอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมันมีความผิดมูลฐานอื่นนี่ประชาชนจะได้รับ ประโยชน์จริง ๆ ครับ
อันที่ ๒ เวลาเราพูดถึงอาชญากรรมพวกนี้มันมีที่มาที่ไป OK มันมีความผิดมูลฐาน แต่มันมีประเด็นปัญหาที่มันอาจจะเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเราทราบครับว่า อาชญากรรมพวกนี้มีการตั้งธุรกิจจำนวนมากอยู่ในตามตะเข็บชายแดน นั่นหมายความว่า กระบวนการในการแก้ปัญหาอาชญากรรม Cyber นี่ท่านจะต้องทำหน้าที่ในการที่จะทำงาน ควบคู่กับประเทศเพื่อนบ้านไปด้วย ซึ่งมีตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นคือกรณีที่รัฐบาลจีน เท่าที่ผมทราบนะครับ มีการพูดคุยกับรัฐบาลเมียนมา แล้วสุดท้ายถ้าผมจำไม่ผิดคือกรณี ของชเว โก๊กโก่นี่ไม่มีการต่อสัญญาซึ่งนำไปสู่การที่เราไม่ต้องส่งไฟต่อไป และจะเป็นอุปสรรค ต่อบรรดาธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ ประเด็นก็คือว่าพื้นที่ที่มันเป็นพื้นที่ของการทำ อาชญากรรม Cyber ไม่ได้มีแค่ตรงนี้ คำถามก็คือว่าเราในฐานะประเทศไทยนี่เราเป็นแหล่ง สำคัญไม่ใช่เป็นแค่เหยื่อนะครับ แต่เราเป็นแหล่งสำคัญที่ป้อนพลังงานไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า Internet ให้กับบรรดาธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดน คำถามก็คือ ท่านจะใช้เครื่องมือนี้อย่างไรที่จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าท่านอย่างเช่น ตัดไฟ ตัด Internet เพื่อไม่ให้อาชญากรรมทาง Cyber เหล่านี้มีการขยายผลต่อไป นี่คือสิ่งที่ท่านต้องตอบ ต่อสภาว่าเครื่องมือเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แบบนั้นได้อย่างไร มากไปกว่านั้นผมกลับมา ในเรื่องที่เป็นปัจจัยที่เราควบคุมได้ มีนักการเมืองบางท่านเข้าใจว่าอยู่พรรคเดียวกัน กับท่านรัฐมนตรีรักษาการนี่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทา เอ่ยชื่อได้ครับชื่อ จาง เจียน ฟู่ เกี่ยวข้องกับ Call center ครับ ผมอภิปรายไปแล้วในสภารอบที่ผ่านมา ท่านมีการขยายผล อย่างไรเพื่อดำเนินการ ทั้งหมดที่ผมพูดมาผมเข้าใจว่าท่านต้องการอำนาจ ต้องการเครื่องมือ ในการที่จะปราบปรามอาชญากรรมทาง Cyber แต่ถ้าตราบใดปลาตัวใหญ่คนที่มันเป็นผู้บงการ ซึ่งอยู่ในสายสัมพันธ์ของนักการเมืองอยู่ในระดับบนมันไม่ถูกจัดการหรอกครับ สิ่งที่ท่านทำ สุดท้ายมันคือการจับปลาเล็กปลาน้อย มันไม่ได้เป็นการทะลายโครงสร้างเครือข่าย อาชญากรรม วันนี้เราพอเห็นตัวเห็นคนที่เกี่ยวข้องแล้ว สิ่งที่ท่านต้องตอบผ่านมาหลายเดือน แล้วนะครับ อย่างกรณี สว. คนดังนี่เขาถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินแล้วนะครับ ปปง. อยู่ไหนครับ ปปง. ทำอะไรครับ ดังนั้นช่วยสร้างความมั่นใจต่อพวกเราหน่อยว่าท่านจะใช้กฎหมาย ใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนจริง ๆ ไม่ใช่กลายเป็นเครื่องมือที่เอาไว้ ปกป้องอาชญากรรมตัวบักเอ้บ ตัวร้าย ตัวใหญ่ทั้งหลาย ขอบคุณครับ ท่านประธานครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ฟังคำชี้แจงของท่านรัฐมนตรี เข้าใจว่าท่านต้องชี้แจงเป็นภาพรวมอันนี้ก็ไม่ติดใจ แต่ก็จะมีประเด็นจริง ๆ ซึ่งหน่วยงาน อย่าง ปปง. ที่ผมตั้งคำถามว่ามันมีกรณีที่ชัดเจน คืออันนี้เป็นการขอความมั่นใจท่านว่า จะมีการบังคับใช้กฎหมายที่มันเป็นรูปธรรมและเชื่อถือได้ เพราะว่ากฎหมายที่ท่านเอาเข้า สู่สภาอย่าง พ.ร.ก. นี่มันให้อำนาจท่านอย่างกว้างขวาง ปัญหาก็คือว่าเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เครื่องมืออันนี้มันจะตกอยู่ในมือของผู้ที่ต้องการที่จะรักษากฎหมายจริง ๆ ซึ่งอย่างกรณี ที่ผมยกตัวอย่าง สว. คนดังถูกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งท่านทราบแน่นอนว่าถูกเรื่องของฟอกเงิน ไปแล้ว คำถามง่าย ๆ เลยเพื่อให้สภามั่นใจทำไมถึงไม่มีการอายัดทรัพย์สินครับ อันนี้เป็นหน้าที่ของ ปปง. อยากจะฟังท่านชี้แจงนิดหนึ่ง ขอบคุณครับ
ขออนุญาตท่านประธานต่อเนื่อง นิดเดียวครับ คือในกรณีที่ผมพูดถึงท่านอาจจะไม่ได้ตามข่าวโดยละเอียด เพื่อความเป็นธรรม กับท่าน สว. ด้วยนะครับ ท่าน สว. เขายังไม่โดนแจ้งข้อกล่าวหาสมคบยาเสพติด ข้อกล่าวหา ที่โดนก็คือเป็นกรณีในฐานะฐานความผิดสมาชิกวุฒิสภาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มี การสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้อง กับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ กรณีนี้ขอความกระจ่างนิดหนึ่ง ปปง. ไม่ต้องอายัดทรัพย์ หรืออะไรหรือครับ
ท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม แสดงตนครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ สิ่งที่เราคาดหวังจาก ศาลรัฐธรรมนูญ คือศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นองค์กรที่คอยพิทักษ์รักษาหลักการ ประชาธิปไตย สิทธิและเสรีภาพอันถูกรับรองและคุ้มครองเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้แสดงผลงานในการยุบพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง ถอดถอนนักการเมือง ที่ได้รับความนิยมจากประชาชน ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย การกระทำดังกล่าวล้วนถูกตั้งคำถามในสังคมว่า เป็นการใช้อำนาจที่เป็นการสนองต่อวาระ ของผู้มีอำนาจที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับพี่น้องประชาชนและผู้แทนของประชาชน ไม่ได้ เป็นการใช้อำนาจพิจารณาวินิจฉัยรัฐธรรมนูญที่เป็นการปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปกป้องสิทธิเสรีภาพและอำนาจของประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น
ท่านประธานครับ แม้กระทั่งในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ตามรายงานฉบับนี้ ผมขอยก ๒ คำวินิจฉัย แรกสุดครับ คำวินิจฉัยที่ ๖/๒๕๖๕ วินิจฉัยว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่ให้ อำนาจรัฐบาลออกข้อกำหนดห้ามการชุมนุม หรือสั่งห้ามการกระทำใด ๆ เพื่อรักษา ความมั่นคงของรัฐนั้น ไม่เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญในส่วนของการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนี้ในขณะที่สิ่งที่เกิดขึ้น คือรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ปราบปราม ผู้ชุมนุมที่ชุมนุมอย่างสันติ โดยเฉพาะเป็นการประกาศขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครตรวจสอบ หรือทัดทานได้เลย ซึ่งขณะนั้นมีเหตุการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงหรือไม่ อย่างไร ไม่มีใครตรวจสอบได้ ปรากฏต่อไปว่ามีการระดมสรรพกำลัง อาวุธ แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำแรงดันสูง กระสุนยาง ทั้งหมดนี้กระหน่ำใส่พี่น้องประชาชน นี่คือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายล้าง ผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็มีส่วนในการรับรองการกระทำนี้ของ รัฐบาลด้วย ไม่ทราบว่าสอดคล้องอย่างไรกับค่านิยมของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุเอาไว้ว่า ยึดหลักนิติธรรม ค้ำจุนประชาธิปไตย ห่วงใยสิทธิเสรีภาพของประชาชน ชี้แจงหน่อยสิครับ
เรื่องที่ ๒ ที่เป็นคำวินิจฉัย คือคำวินิจฉัยที่ ๑๙/๒๕๖๔ ทำให้การชุมนุมของ ประชาชนที่เรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ธำรงอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ ยั่งยืนสถาพร กลับกลายเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ศาลรัฐธรรมนูญสถาปนาตัวเองเป็นผู้ผูกขาด ทั้งประวัติศาสตร์และหลักการปกครอง ซึ่งสมควรที่จะถูกถกเถียงและทบทวนได้ แล้วนำสิ่งที่ ตนผูกขาดนั้นกลับมากดทับความสามารถในการแสดงเจตจำนงของประชาชนให้ ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทำให้เรื่องทางการเมืองที่ควรเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึง และปรับปรุง ให้เหมาะสมต่อกาลสมัยที่แปรเปลี่ยน กลายเป็นแดนต้องห้ามที่ซุกซ่อนปัญหาสำคัญเอาไว้ ใต้พรมและซ่องสุมพวกเหลือบไรที่จ้องจะสูบกินจากปัญหาเหล่านี้ และยินดีปรีดาที่ปัญหา เหล่านี้ยังคงอยู่ต่อไป ถามกันตรง ๆ ศาลรัฐธรรมนูญ การปฏิบัติทั้งหลายสอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ของศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นสถาบันที่จะพิทักษ์รัฐธรรมนูญในระดับสากลอย่างไร คำวินิจฉัยแบบนี้มันสากลอย่างไร ท่านประธานที่เคารพครับ นอกจากประเด็น ที่ผมวิพากษ์วิจารณ์ต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผมเห็นว่าแม้กระทั่งปัญหาเรื่องของ งบประมาณของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับในปี ๒๕๖๕ ซึ่งมีกว่า ๓๖๑ ล้านบาท ปรากฏว่า ตลอดปี ๒๕๖๕ ศาลรัฐธรรมนูญสามารถมีคำวินิจฉัยออกมา ๒๔ เรื่อง เป็นคำสั่ง ๘๐ เรื่อง รวมแล้ว ๑๐๔ เรื่อง หมายความว่างบประมาณถัวเฉลี่ยทั้งหมดคิดทุกอย่างเป็นต้นทุน คำวินิจฉัย คำสั่งก็แล้วแต่จะเรียกประเภทอะไร ๑ เรื่องคิดออกมาเป็นเงิน ๓.๔ ล้านบาท ดังนั้นทุกครั้งที่มีอะไรออกมาจากศาลสักเรื่องหนึ่งเราต้องตระหนักว่าเงินภาษีของ พี่น้องประชาชนถูกใช้ไปแล้ว ๓.๔ ล้านบาท วินิจฉัยเรื่อง พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่นำไปสู่การใช้กำลัง ปราบปรามพี่น้องประชาชน คำวินิจฉัยนั้นราคา ๓.๔ ล้านบาท วินิจฉัยเรื่องล้มล้าง การปกครองราคา ๓.๔ ล้านบาท มันคุ้มค่ากับภาษีประชาชนหรือครับ แล้วผมมีคำถาม อย่างนี้ครับท่านประธาน ท่านได้มีการใช้เงินงบประมาณ ๕.๗ ล้านบาท ไปกับโครงการจัดทำ ฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมายมหาชน ถามกันตรง ๆ ครับ ทำอะไร ชี้แจงหน่อยให้ตัวแทนของประชาชนได้ทราบ หรือโครงการจัดทำบรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาล รัฐธรรมนูญ เงิน ๖ ล้านบาท ท่านทำอะไร โปร่งใสหน่อย หรือท่านชอบเหลือเกิน กับเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ใช้งบรวมกันเกือบ ๗๕ ล้านบาท กับครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ ท่านทำอะไรนักหนา ผมจำได้ว่าตอนที่ท่านเคยมาชี้แจง ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ประมาณนี้ก็ยุ่งอยู่กับเรื่องคอมพิวเตอร์แบบนี้ ทำอะไร ซื้อ iPhone แจกกันหรือเปล่า เล่าให้พวกเราตัวแทนประชาชนฟังหน่อย
และสุดท้ายท่านประธานอันนี้เป็นข้อเสนอ เพราะมิเช่นนั้นสังคมเขาจะ เข้าใจผิดว่าศาลรัฐธรรมนูญงานการไม่ทำดีแต่ผลาญงบ เพราะอย่างโครงการสัมมนาพัฒนา บุคลากรศาลรัฐธรรมนูญตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เอาว่าผมไม่ต้องพูดยาวหมด ไปกันตอนช่วงใกล้หมดปีงบประมาณในรายงานเล่มนี้บอกว่า เป็นการส่งเสริมให้บุคลากรศาลรัฐธรรมนูญมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการ อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญน้อมนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับการดำรงชีวิต และสร้างความเป็นธรรมสู่ประชาชน ทำอะไรท่านประธานครับ ปลูกป่าครับ ปล่อยพันธุ์ปลาครับ ท่านประธาน ดูงาน ทำเกษตร ทั้งหมดนี้ผมไม่ทราบว่าท่านใช้งบไปเท่าไร แต่มันใกล้หมด ปีงบประมาณเลยต้องใช้หรือเปล่าไม่รู้ แล้วจะน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงต้องไปน้อม นำกันที่กาญจนบุรีท่านประธาน ไปกัน ๓ วัน ๒ คืน เผลอ ๆ นี่ไม่รู้ว่าไปล่องแพ กันด้วยไหม ทั้งศาลรัฐธรรมนูญมีบุคลากร ๒๒๓ คน ไปกันทั้งสิ้น ๒๒๒ คน ๑ คนไม่ได้ไป น่าสงสารเขานะครับ
สุดท้ายนี้ท่านประธาน สังคมไทยเรานี่เราไม่ได้คาดหวังอะไรไปมากกว่า การที่เราจะมีศาลดี ๆ สักศาลหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน เคารพการตัดสินใจของประชาชน ไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจที่ลุแก่อำนาจ หรือใช้อำนาจนั้น เพื่อทำลายตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่เขาไว้ใจ มิเช่นนั้นประชาชนเขาจะว่าได้ ว่าเราจะมีศาลรัฐธรรมนูญไปทำไม ขอบคุณท่านประธานครับ
ท่านประธานครับ ขออนุญาตครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอใช้เวลาสั้น ๆ นิดเดียวครับ เพื่อให้เกิดความกระจ่างและเป็นประโยชน์สูงสุดในการที่เราจะได้อภิปราย และพูดคุยกันนะครับ
ประการแรก ในเรื่องของระบบ IT นะครับ ผมทราบครับว่าศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความสำคัญในเรื่องของระบบ IT แต่อยากจะลงรายละเอียดนิดเดียว มีการแจกโทรศัพท์ ให้กับตุลาการทุกท่านไหมครับ แล้วก็รวมไปถึงผู้บริหารของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ อันนี้ขอตอบสั้น ๆ นะครับ
ประการที่ ๒ ในเรื่องของโครงการจัดทำฐานข้อมูลที่ใช้งบประมาณ ๕.๗ ล้านบาท อยากให้ท่านลงรายละเอียดนิดหนึ่งว่า ใครได้โครงการนี้ไปนะครับ เป็นบริษัท ชื่อว่าบริษัทอะไร แล้วก็รวมไปถึงการทำบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ ใครได้โครงการนี้ไป คือด้วยศาลธรรมนูญปกติแล้วมีคำวินิจฉัยไม่เยอะครับ ท่านประธาน การที่มีคำวินิจฉัยไม่เยอะ แต่ใช้งบประมาณถึง ๖ ล้านบาท ประชาชนสงสัยอยู่ แล้วครับ ผมอยากให้ท่านใช้โอกาสนี้ในการสร้างความกระจ่างให้กับพี่น้องประชาชน
แล้วก็ในเรื่องของ Cost หรือต้นทุนของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาเป็น คำวินิจฉัยแต่ละครั้งอยู่ที่ ๓.๔ ล้านบาท คือมันอาจจะคุ้มค่าก็ได้ครับ แต่เอาเป็นว่าผมไม่เอา ในเรื่องของวิพากษ์วิจารณ์ แต่ท่านสามารถทำให้ต้นทุนตรงนี้มันถูกลงได้ แน่นอนนะครับ สภาของเรานี่เราอนุมัติงบประมาณไป แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วถ้าเกิดว่าท่านขอมาน้อยลง เรามีปัญหาตลอดครับในการที่จะไปตัดลดงบประมาณของบรรดาองค์กรอิสระ หรือรวมไปถึง ศาลรัฐธรรมนูญนะครับ ซึ่งมันก็มีข้อจำกัดเรื่องธรรมนูญอยู่ ดังนั้นอยากให้ท่านทำให้ต้นทุน ของศาลรัฐธรรมนูญมันน้อยลง
แล้วก็สุดท้ายครับ เรื่องสัมมนา สัมมนามี ๒ ประเด็นนะครับ
อย่างแรกเลย ผมอยากจะฝากไปถึงท่านว่าอย่าใช้ชื่อนี้เลยครับ คือใช้ชื่อนี้ไป ถึงที่สุดถ้ามันไปทำอะไรที่มันไม่ถูกต้อง ไม่ดีมันจะทำให้ส่งผลเสีย ดังนั้นถ้าเกิดว่าท่านจะไป สัมมนา ไปอะไรต่าง ๆ เรื่องหนึ่งก็เข้าใจ แต่อย่าใช้ชื่อเรื่องพอเพียง เรื่องอะไรแบบนี้เลย มันไม่ควรครับ
แล้วก็ประเด็นที่ ๒ คือถ้าเกิดว่าท่านอยากจะสนับสนุนในเรื่องของปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ท่านอย่าทำโครงการนี้ เพราะว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทำโครงการ แบบนี้มันไม่พอเพียงครับ ขอบคุณท่านประธานครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้มีเรื่องหารือท่านประธานดังนี้ครับ
๑. บริเวณทางกลับรถใต้สะพาน หน้าหมู่บ้านมอตโต้ กาญจนาภิเษก-พระราม ๒ มีขยะที่ถูกนำมากองทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก กลัวว่าจะก่อให้เกิดอัคคีภัยลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไป ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขด้วยครับ
๒. บนถนนคู่ขนานเส้นกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอก บริเวณตั้งแต่ จุดตัดกับเส้นเพชรเกษมไปจนถึงจุดตัดเส้นพระราม ๒ มีสภาพทรุดโทรม ถนนในบริเวณ คอสะพานข้ามคลองหลายจุดเกิดการทรุดตัวจนทำให้เกิดลาดชัน ทำให้การสัญจรยากลำบาก เป็นอันตรายต่อรถเล็ก รถมอเตอร์ไซค์ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปซ่อมแซมถนนด้วยครับ
๓. ผม สส. เฉลิมพงศ์ และ สส. ฐิติกันต์ลงพื้นที่ชุมชนโคกโตนด และชุมชน เฉลิมพระเกียรติ ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ประชาชนในพื้นที่ต้องต่อพ่วงไฟ กันเองแบกรับค่าไฟแสนแพง อยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลองพิจารณาข้อเสนอของ ชาวบ้านที่ให้ปักเสาไฟในพื้นที่ลำรางสาธารณะเพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้ไฟได้ นอกจากนี้ อยากขอให้รัฐบาลพิจารณานำปัญหาของพี่น้องเข้าสู่กระบวนการของรัฐบาลเพื่อให้พี่น้อง ประชาชนมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเองด้วยครับ
๔. เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมได้ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชรับเรื่องร้องเรียน จากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะและโคเนื้อตอนนี้กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ พี่น้อง เกษตรกรได้ฝากมาทวงถามความคืบหน้าในการสร้างตลาดการค้าเนื้อตามชายแดนไทย มาเลเซีย จึงขอหารือไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ช่วยด้วยครับ
เรื่องสุดท้าย เรื่องที่ ๕ ท่านประธานครับ พี่น้องชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝากมานำเรียนว่าช่วงนี้มีงานหรอย ๑๐๐ ปี สารทเดือนสิบที่เมืองคอน งานมีตั้งแต่ วันนี้ถึงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ปีนี้จัดกัน ๖ จุด ทั้งที่ทุ่งท่าลาด บวรนคร หรือบวรบาซาร์ สนามหน้าเมือง สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช ศาลากลางจังหวัด และที่วัดหน้า พระบรมธาตุ คนนครเขาฝากหารือไปถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาช่วยเปลี่ยน เมืองคอนจากเมืองรองให้เป็นเมืองต้องลองให้งานสารทเดือนสิบเป็นหนึ่งใน Soft Power ของประเทศไทยในปีต่อไปด้วยครับ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก่อนอื่นต้อง เรียนกับท่านประธานตามตรงว่าวันนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันที่ ครม. ทราบอยู่แล้วว่า จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และในวันนี้ก็จะเป็นวันที่จะต้องมีการตั้งกระทู้ถามสด ซึ่งตามข้อบังคับการประชุม ข้อ ๑๕๑ ซึ่งอยู่ในหมวด ๘ ในส่วนที่เป็นบททั่วไป ได้กำหนด เอาไว้ว่านายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่ถูกตั้งกระทู้ถาม ต้องเข้าร่วมประชุมสภาเพื่อตอบ กระทู้ถามในเรื่องนั้นด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นนะครับ ทีนี้ถ้าเกิดสมมุติว่ามีเหตุจำเป็น ก็ต้องมีการแจ้งเป็นหนังสือ ซึ่งผมได้รับเป็นหนังสือครับท่านประธาน โดยในหนังสือก็ได้พูด ถึงสาระว่ามีเหตุจำเป็นคือเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจริง ๆ เรื่องนี้นะครับท่านประธาน ผมพอจะเข้าใจได้ว่าท่านอาจจะมีภารกิจล่วงหน้า และอาจจะยังต้องปรับ Tune กับการทำหน้าที่ในสภาเสียก่อน แต่ข้อบังคับการประชุมของเราก็ได้กำหนดต่อไปว่าการที่จะไม่มาตอบกระทู้ ในท้ายที่สุด ก็จะต้องบอกกับสมาชิก บอกกับสภาว่าสุดท้ายจะมาตอบเมื่อใด ซึ่งในหนังสือที่ผมได้รับ ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการเขียนลงไปในรายละเอียดว่าตกลงแล้วกระทู้ที่ผมถามในเรื่อง ของตำรวจ ท่านนายกรัฐมนตรีจะมาตอบคำถามนี้ กระทู้นี้เมื่อไร ผิดข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ อย่างชัดเจน นี่คือประเด็นที่ ๑ ที่ผมต้องการคำอธิบาย คำตอบว่าเพราะเหตุใดหนังสือที่ผม ได้รับถึงไม่มีการลงรายละเอียดและผิดข้อบังคับการประชุมแบบนี้
ประการที่ ๒ ท่านประธานครับ ในเรื่องของตำรวจ เมื่อวานท่านมีการแต่งตั้ง ทั้งท่านนายกและ ก.ตร. แต่งตั้ง ผบ.ตร. ซึ่งเราไม่ทราบเหตุผลเลยว่าการแต่งตั้งดังกล่าว ในท้ายที่สุดท่านมีหลักเกณฑ์ มีวิธีในการพิจารณาอะไร มีวิสัยทัศน์อะไร มีเหตุผลอะไร อันนี้ผมไม่ได้ลงในคำถามนะครับ
ไม่เป็นคำถามแน่นอนครับ ท่านประธาน ผมแค่ต้องการจะชี้แจงว่าเรื่องที่ผมถามมันเป็นเรื่องที่มันมีความจำเป็นเร่งด่วน และเนื่องจากเรื่องที่ผมถามมันเป็นเรื่องตำรวจครับ ซึ่งโดยหลักการผมเข้าใจดีมันมีความยาก มันไม่มีกระทรวงอื่นดูแลเป็นการเฉพาะ แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นเป็นประเด็น ในสังคม ผมก็เชื่อว่าท่านนายกรัฐมนตรีพอคาดหมายได้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะถูกถาม ในที่ประชุม แล้วก็น่าจะสามารถ Brief หรือมอบหมายให้กับรัฐมนตรีบางท่าน อาจจะเป็น รัฐมนตรีสมศักดิ์ก็ได้ครับ ให้มาตอบคำถามของผมก็ได้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเขาได้สบายใจ ให้เขาได้รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ องค์กรซึ่งมีตำรวจกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน และยังมีครอบครัวของเขารวม ๆ กันเป็นล้านคน แต่ท่านนายกรัฐมนตรีไม่มาตอบ แล้วก็ไม่ บอกด้วยครับว่าตกลงแล้วจะมาตอบเมื่อไร ผิดทั้งข้อบังคับและสร้างความรู้สึกต่อพี่น้องตำรวจ และต่อสภาแห่งนี้ว่าท่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาของตำรวจเลย นี่ยังไม่นับว่าตอนที่นักข่าว ถามท่านเรื่องสังคายนาตำรวจ ท่านเองก็ตอบในลักษณะที่ว่าจะไปสังคายนาทำไม เท่ากับท่าน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ดังนั้นท่านประธานครับ ผมขอถาม ท่านประธานแล้วกัน ไม่ได้ถามในเนื้อหาสาระที่จัดเตรียมมา แต่ผมถามเรื่องข้อบังคับครับ ท่านประธาน
ว่าตกลงแล้วในข้อ ๑๕๑ ที่มีการกำหนดให้นายกรัฐมนตรี ในการที่จะต้องระบุวันหรือช่วงเวลาที่จะมาตอบคำถาม ไม่ทราบว่าผมจะได้รับคำตอบในเรื่องนี้อย่างไร เรียนท่านประธานครับ
ขออนุญาตท่านประธาน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน แล้วก็เข้าใจอันดีนะครับ ผมแค่อยากจะได้ความชัดเจนว่า ความหมายของท่านประธานก็คือหลังจากนี้ท่านประธานจะประสานไปที่นายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีตอบกลับมาที่สภาว่าพร้อมที่จะมาตอบเรื่องตำรวจ ซึ่งผมได้ตั้ง กระทู้ถามสดในวันนี้เอาไว้เมื่อไร ถูกต้องใช่ไหมครับ ผมเข้าใจแบบนี้ถูกต้องใช่ไหมครับ
เรียนท่านประธานครับ ยังไม่เคยได้คุยเวลา เนื่องจากเข้าใจว่าตามข้อบังคับเราก็ไม่ได้มีการกำหนดเวลาในส่วนของผู้เสนอนั้น ก็ขออนุญาตใช้สิทธิของผู้เสนอครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้ขออนุญาตเสนอญัตติด่วน ด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งความเห็นและข้อร้องเรียนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อให้นำไปสู่การปฏิรูปตำรวจต่อไป ซึ่งสาเหตุอธิบายสั้น ๆ ก่อนที่จะ มีการขอผู้รับรองนะครับท่านประธาน เนื่องด้วยการปรากฏต่อข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ไล่เลียงกัน ๒ กรณี ได้แก่ การยิ่งตำรวจที่เสียชีวิต เนื่องจากการพยายามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ในกองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งต่อไปขอเรียกว่าคดีกำนันนก และการส่ง หน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อดำเนินการจับกุมคณะทำงานของรอง ผบ.ตร. ซึ่งต่อไปขอเรียกว่า การบุกค้นบ้านพักรอง ผบ.ตร. ซึ่งความเห็นจากอดีตตำรวจหลายนายว่าเป็นการกระทำ ที่เกินกว่าเหตุและคาดว่าน่าจะมีเหตุผลพิเศษ ที่นอกจากการทำหน้าที่ตามวิสัยของตำรวจทั่วไป โดยที่ทั้ง ๒ กรณีนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่มีต่อหน่วยงานตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในฐานะผู้รักษาสันติราษฎร์ รวมทั้งยังขาดความเชื่อมั่นในเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นในช่วงของการเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ ทำให้ความวุ่นวาย ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจเป็นการทำไปเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. ระหว่าง คนในวงการตำรวจด้วยกันเองและอาจถูกมองว่าเป็นการตัดตอนตำรวจที่ทำคดีกำนันนก ให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งทั้ง ๒ ส่วนล้วนกระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ที่มีต่อตำรวจทั้งสิ้น ดังนั้นจึงอาศัยข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาถึงปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์ทั้ง ๒ กรณีและปัญหาอื่นที่เกี่ยวข้อง และส่งผลการพิจารณาให้รัฐบาล รับไปดำเนินการเพื่อปฏิรูปตำรวจต่อไป ส่วนเหตุผลและรายละเอียดผมจะชี้แจงต่อไป หลังจากนี้ ในโอกาสนี้ขออนุญาตรับรองเพื่อให้ญัตติชอบด้วยข้อบังคับก่อนครับ ขออนุญาต ขอผู้รับรองครับ
เรียนท่านประธานครับ สืบเนื่อง ตามที่ผมได้อภิปรายไปแล้วนะครับ ไล่เลียงมาตั้งแต่การยิงตำรวจเสียชีวิตของกรณีกำนันนก ไปจนถึงการบุกค้นบ้านของรอง ผบ.ตร. สิ่งที่ต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ในองค์กรตำรวจวันนี้ความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนนั้นถูกทำลาย อย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่ต่อพี่น้องประชาชนที่มีต่อองค์กรตำรวจเท่านั้น แต่แม้แต่ตำรวจ ด้วยกันเองที่มองไปยังองค์กรของตัวเองก็ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าความน่าเชื่อถือ ขององค์กรตำรวจนั้นถูกทำลายจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ล่าสุดที่มีการไปตรวจค้นบ้าน ของรอง ผบ.ตร. และนำไปสู่การจับกุมนายตำรวจคนหนึ่งที่มีการขอหมายจับจากศาล โดยที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการขอหมายจับนั้นไม่มีการระบุอาชีพของคนที่ถูกออกหมายจับ สมัยก่อนพวกผมเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกออกหมายจับ อย่างน้อยยังมีการระบุ ว่าอาชีพอะไร ทำงานอะไร แต่วันนี้ตำรวจบุกจับตำรวจไม่ใส่ยศนำหน้า ไม่มีการระบุอาชีพ บางคนแว่วมาว่าถูกระบุอาชีพเป็นอาชีพรับจ้างก็มี ทั้งหมดนี้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในองค์กร ตำรวจเวลานี้มันทำให้พี่น้องประชาชนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ และเมื่อพิจารณาต่อไปถึงกรณีที่มีการยิงตำรวจเสียชีวิตภายใต้ผู้มีอิทธิพล คำถามสำคัญก็คือว่า พี่น้องประชาชนเขาจะรู้สึกปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของเขาได้อย่างไร ท่านประธานครับ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งของตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะ เป็นเรื่องที่ไม่ดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ เราต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วในสังคมตำรวจและสังคมไทย สิ่งที่เกิดขึ้นทั้ง ๒ กรณีถ้าเราย้อนดูในช่วงเวลาเกิดขึ้นในเดือนกันยายน แต่ถ้าเราย้อนไป มากกว่านั้น เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖ มีตำรวจหญิงบางคนที่ผ่านหลักสูตรสำคัญอย่าง กอส. ได้รับการ Promote เติบโตอย่างรวดเร็วจนถูกเพื่อน ๆ ตำรวจที่เขาทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา รู้สึกว่าทำไมตำรวจบางคนที่วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยถึงเติบโตได้ขนาดนั้น หรือเพราะเขามีตั๋ว หรือเพราะเขามีเส้นสายที่ใหญ่มาก ๆ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ สส. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เปิดโปงเรื่องส่วยทางหลวง ซึ่งจนถึงวันนี้จากเดือนพฤษภาคมจนถึงวันนี้ ผมไม่อาจทราบได้จริง ๆ ว่ามีตำรวจกี่คนที่ถูกจับดำเนินคดีไปแล้วในเรื่องของส่วยทางหลวง ที่แว่วมาว่ามีการจ่ายส่วย แต่ละเดือนเป็นหมื่นล้านบาท คำถามสำคัญก็คือว่าแม้จะมีการเปิดโปง แต่สุดท้ายมันก็จบ ที่ความเงียบงัน ปีที่แล้วบ้างเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ เกิดเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู มีเด็กจำนวนมากเสียชีวิต วันนั้นทุกหน่วยทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานตำรวจบอกว่า อยากจะปรับปรุงองค์กรตำรวจให้ดีขึ้นพยายามสำรวจแก้ไขเพื่อป้องกันเหตุที่เป็น โศกนาฏกรรมแบบนี้ไม่ให้เกิดซ้ำอีก จนถึงวันนี้เรายังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายการแก้ไข การปฏิรูป ที่จะไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำจะมีจริง ๆ หรือไม่ มีการปฏิรูปหรือเปล่า สิงหาคม ๒๕๖๕ เกิดเหตุกรณีเมีย สว. ซึ่งเป็น สิบตำรวจโทหญิง ปรากฏว่าเป็นสิบตำรวจโทหญิง ที่ไม่ต้องทำงานอะไร แถมยังมีทหารรับใช้มาทำงานภายในบ้าน ก็ไปก่อเหตุรังแกเขา สืบค้นข้อมูลกันไปปรากฏว่าสิบตำรวจโทหญิงคนนี้ไปเป็นตำรวจผีอยู่ที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับเงินเดือนเป็น Passive Income ไม่ต้องทำอะไร การทุจริตที่ฉาวโฉ่ทั้งหมดจริง ๆ แล้ว ยังมีให้ไล่เลียงอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ตำรวจเข้าไปรีดไถนักท่องเที่ยวไต้หวัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เมื่อต้นปี หรือในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ก็ปรากฏว่าตำรวจ ที่ทำคดียาเสพติดซึ่งนำไปสู่การจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวเมียนมาอย่างตุน มิน ลัต ซึ่งเชื่อมโยงกับ สว. คนดังทรง A เชื่อมโยงกับทุนจีนสีเทา สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ยังมีตำรวจที่เชื่อมโยงกับคดีตู้ห่าว ทั้งหมดที่ผมไล่เลียงเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งที่แสดงให้เห็นว่า องค์กรตำรวจวันนี้ เราต้องยอมรับได้แล้วว่าถึงเวลา และถึงเวลามานานแล้วที่องค์กรนี้ ต้องได้รับการปฏิรูป
ท่านประธานที่เคารพครับ ผมเองก็มีโอกาสติดตามการให้สัมภาษณ์ ของท่านนายกรัฐมนตรี ท่านนายกรัฐมนตรีถูกนักข่าวถามว่า ตกลงแล้วจะสังคายนาตำรวจไหม ท่านนายกรัฐมนตรีตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า อย่าไปใช้คำว่าสังคายนา มันเป็นการทำลาย เกียรติของตำรวจ คำอาจจะไม่เป๊ะ แต่ความเข้าใจของสังคมเมื่อได้ฟังมันเป็นแบบนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐาไม่ได้มีความจริงใจต่อการปฏิรูปตำรวจ ใช่หรือไม่ ทั้ง ๆ ที่มันก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามันมีการทุจริตคอร์รัปชัน มีความเชื่อมโยง ของเครือข่ายทุนสีเทาทั้งหลายที่เข้าไปถึงตำรวจ ท่านประธานครับ ผมทราบดีว่าการปฏิรูปตำรวจ เป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะไหนต้องเจอกับตั๋วช้าง ไหนคนของท่านเองก็เป็นตัวประกัน ถึงแม้จะได้เป็นตั๋วแมมมอธ แต่แมมมอธมันก็สูญพันธุ์ได้ วันนี้เลยเป็นตัวประกัน จะทำอะไร มันก็ยากลำบากอันนี้เข้าใจ แต่ถ้าท่านไม่ลงมือทำอะไรเลยองค์กรตำรวจมันก็จะอยู่ ในสภาพนี้ต่อไป วันนี้เดือนกันยายนรอง ผบ.ตร. โดนค้นบ้าน ตำรวจยิงตัวตาย มีตำรวจถูกฆ่าตาย ด้วยผู้มีอิทธิพล คำถามก็คือเดือนหน้าจะเกิดอะไรอีกครับ แล้วเดือนถัดไปจะเกิดอะไรอีกครับ ท่านนายกรัฐมนตรีไม่เห็นถึงความสำคัญของตำรวจ ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของท่านถึง ๒๐๐,๐๐๐ กว่าคนเชียวหรือครับ ยังไม่นับว่าครอบครัวของเขาอีกตั้งเท่าไร ถ้าท่านไม่เข้าใจ ไม่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของประชาชนธรรมดาตาดำ ๆ อย่างพวกเรา ก็ช่วยรู้สึกไปถึง ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านที่อยู่อย่างยากลำบาก อยู่อย่างไม่เป็นธรรม คนที่มีตั๋วมันอาจจะ มีชีวิตที่สุขสบาย แต่คนธรรมดา ตำรวจธรรมดาเขาไม่เคยได้อะไรครับ ไม่แม้แต่จะมีที่ยืน
ดังนั้นครับท่านประธาน การอภิปรายครั้งนี้ผมไม่ได้ต้องการที่จะให้ นายกรัฐมนตรีมาเชื่อพวกผมทุกเรื่องหรอกครับ สิ่งที่ผมต้องการมันมีแค่ข้อเดียวท่านประธาน ซึ่งจริง ๆ ผมเตรียมมาหลายอย่างเดี๋ยวก็คงจะเสนอไป แต่ข้อเดียวที่เป็นหัวใจสำคัญของ การปฏิรูปตำรวจ ท่านช่วยมีความกล้าหาญหน่อยได้ไหม กล้าที่จะทำ กล้าที่จะปฏิรูป ให้ตำรวจดี ๆ เขาได้มีที่ยืนอยู่บ้าง ดังนั้นครับท่านประธาน ในส่วนของวิธีการซึ่งจะนำไปสู่ การปฏิรูปตำรวจ ถ้าท่านมีหัวใจที่กล้าหาญ กระดุมทั้ง ๕ เม็ดที่ผมจะอภิปรายต่อจากนี้ จะเป็น Guideline ให้กับท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปตำรวจต่อไป
กระดุมเม็ดที่ ๑ เม็ดแรก ต้องทำให้การเลือก ผบ.ตร. เป็นการเลือก จากความสามารถครับ เป็นการเลือกที่มีการใช้เหตุผลที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ องค์กรตำรวจและประชาชน การเลือกใครไม่สำคัญเท่ากับว่าเลือกด้วยวิธีการใด ซึ่งพรรคก้าวไกลเราเสนอการเลือก ผบ.ตร. ด้วย ๓ ขั้นตอน ซึ่งผมต้องขอย้ำว่าทั้ง ๓ ขั้นตอนนี้ สามารถทำได้โดยอาศัย พ.ร.บ. ตำรวจฉบับปัจจุบันได้เลย
ขั้นตอนที่ ๑ ท่านต้องเปิดให้รอง ผบ.ตร. ที่ต้องการเป็น ผบ.ตร. สมัครเข้ามาพร้อมแฟ้มผลงานเลยครับ ผลงานที่ผ่านมามีอะไร เอามาจัดแสดงเลยครับ เพื่อให้กรรมการที่กลั่นกรองของท่านได้ใช้ดุลยพินิจและให้ความเห็นได้ว่าผลงานแบบนี้ เยี่ยมมาก เก่งจังเลย คนนี้ต้องได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
นอกจากนั้นมาสู่ขั้นตอนที่ ๒ มีแฟ้มผลงานมาสมัครแล้วไม่พอ สิ่งที่ต้องทำ ต่อไปทำเหมือนที่ท่านประธานทำคือการแสดงวิสัยทัศน์ครับ ตอบให้สังคม ให้ประชาชน ให้พี่น้องตำรวจได้เข้าใจว่าการที่ท่านจะสมัครเข้ามาเป็น ผบ.ตร. ท่านสมัครเข้ามา ท่านมีวิสัยทัศน์อะไร ท่านจะนำพาให้องค์กรตำรวจเปลี่ยนแปลงอย่างไร ท่านจะทำให้ ชีวิตของตำรวจชั้นผู้น้อยดีขึ้นอย่างไร ท่านจะทำอย่างไรให้คนที่เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย ที่อาจจะเป็นสายตรวจต่าง ๆ ไม่ต้องไปควักเงินส่วนตัวเพื่อเติมน้ำมันอีกแล้ว โชว์วิสัยทัศน์ ให้สังคมเห็นครับ ให้สังคมได้แสดงความคิดเห็นต่อท่าน นี่คือขั้นตอนที่ ๒ ที่สามารถทำได้
ขั้นตอนที่ ๓ เรื่องนี้ถ้าท่านไม่มีคนทำ ปรึกษา สส. เท้งได้เลยครับ ทำ Platform Online ให้ตำรวจเขาเข้ามาสมัครใช้บริการเพื่อโหวตเลือกเลยว่าเขาอยากให้ รอง ผบ.ตร. คนไหน เป็น ผบ.ตร. ไม่ต้องถึงขนาดให้ตำรวจหรือการลงโหวตเป็นตัวชี้วัดก็ได้ แต่อย่างน้อยเป็นการซาวเสียงสำหรับตำรวจชั้นผู้น้อยต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อที่นายกรัฐมนตรี จะได้มีข้อมูลต่าง ๆ แล้วสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะเอาใครเป็น ผบ.ตร. ๓ ขั้นตอนนี้ ถ้าท่านทำได้ท่านจะหมดข้อครหาเรื่องตั๋ว ท่านจะหมดข้อครหาเรื่องเส้นสาย ท่านจะหมด ข้อครหาของการเลือกคนที่มาเป็น ผบ.ตร. ที่ไม่ชอบธรรม
กระดุมเม็ดที่ ๒ ท่านต้องแก้ไข พ.ร.บ. ตำรวจเสียใหม่ กระจายอำนาจตำรวจ เพื่อให้จังหวัดและประชาชนภายในจังหวัดได้เข้ามามีบทบาท ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ตำรวจ ที่มีประวัติไม่ดีถูกย้ายไปที่นั่นบ้าง ถูกย้ายไปที่นี่บ้าง ราวกับว่าจังหวัดนั้นเป็นกระโถน เขาสามารถที่จะปฏิเสธได้ ถ้าท่านส่งคนที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาเป็นผู้การจังหวัดนี้เขาปฏิเสธได้ นอกจากนั้นให้เขาได้มีโอกาสได้กำหนดทิศทางของการแก้ไขปราบปรามอาชญากรรม เพราะในแต่ละพื้นที่อาชญากรรมบางครั้งมันไม่เหมือนกัน ให้ประชาชนเขาได้มีส่วนตรงนี้ นอกจากนั้นในการแต่งตั้งโยกย้าย ท่านไม่ควรที่จะให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้มีดุลยพินิจ ในการแต่งตั้งโยกย้ายเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะเปิดให้เพื่อนร่วมงานได้ประเมินท่าน เปิดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ประเมินท่าน เปิดให้ประชาชนที่เขาใช้บริการได้ประเมินท่าน แล้วรับรองถ้าเราทำแบบนี้ได้การวิ่งตั๋วหมดครับ เพราะไม่รู้จะไปวิ่งกับใคร สุดท้ายการทำผลงาน ให้ดีที่สุด การทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตจะเป็นเกราะคุ้มกันและส่งเสริมให้ท่านได้รับ การแต่งตั้งในระดับสูงต่อไปนี่คือกระดุมเม็ดที่ ๒
กระดุมเม็ดที่ ๓ ท่านนายกรัฐมนตรีต้องอย่าทำให้ตำรวจหิวครับ อย่าทำให้ ตำรวจต้องไปหาเงินเองเพื่อความอิ่มท้องและความสุขสบายของครอบครัว จากการศึกษา ในต่างประเทศ หากเราต้องการแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตของตำรวจ เราไม่สามารถ ทำให้ตำรวจระดับล่าง ๆ โดยเฉพาะระดับล่าง ๆ ที่มีเงินเดือนน้อย โดยที่เขาไม่รับเงินทุจริตได้เลย เพราะเงินเดือนของเขามันไม่พอ ผมคิดว่าเราต้องกลับมาคุยกันได้แล้วว่าสายงาน ด้านยุติธรรมทั้งหมด เงินเดือนที่เหมาะสมของทุกตำแหน่งซึ่งควรจะมีความเป็นเหตุเป็นผล และสัมพันธ์กันมันคือเท่าไร ถ้าเราไม่มีกระบวนการแบบนี้เราไม่มีทางที่จะทำให้ตำรวจ เลิกรับส่วย เลิกรับสินบน แต่ขั้นต่ำที่สุดของการแก้ปัญหาความหิวของตำรวจที่สามารถ ทำได้ทันทีคือการทำให้ตำรวจต้องไม่ควักเงินส่วนตัวในการทำงาน สายตรวจค่าน้ำมันเท่าไร ท่านประธานครับ ถามทุกโรงพักเขารู้ครับว่ามันต้องใช้เท่าไร พนักงานสอบสวน กระดาษ น้ำหมึกต้องใช้เท่าไรเขารู้ครับ สิ่งที่ท่านต้องทำคือเปลี่ยนเงินที่ใช้กับการเช่ารถหรู ที่ได้ประโยชน์กันอยู่ไม่กี่คนไปสู่ตำรวจระดับล่างที่อยู่ตาม สน. ตาม สภ. ต่าง ๆ ให้พวกเขา ได้สามารถทำงานอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องควักเงินในกระเป๋าของตัวเองหรือไม่ แล้วถ้าตำรวจเหล่านี้อยู่ได้อย่างมีคุณภาพปัญหาทุจริตต่าง ๆ จะค่อย ๆ หายไป นี่คือกระดุมเม็ดที่ ๓
กระดุมเม็ดที่ ๔ รัฐบาลควรส่งเสริมให้ตำรวจชั้นประทวนได้มีโอกาส ในการเติบโตที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ตำรวจชั้นประทวนที่ยังไม่จบปริญญาตรี ได้เข้าถึงการศึกษาชั้น ป. ตรีต่อไป ตำรวจคนไหนที่มีวุฒิการศึกษา ป. ตรีอยู่แล้ว ก็ควรส่งเสริมให้เขามีหน้าที่การงานที่สูงขึ้นได้ในอนาคต ปัญหาที่เรากำลังเจอได้ตอนนี้ ท่านรับบุคคลภายนอกที่จบ ป. ตรี ซึ่งหลายครั้งท่านบอกว่าเป็นกลุ่มคุณวุฒิที่ขาดแคลน แต่แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ท่านขาดแคลนคือนามสกุลดัง เพราะสุดท้ายคุณวุฒิที่รับมาจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไรเอาชั้นประทวนก็ได้ แต่กลายเป็นว่าชั้นประทวนเหล่านี้ ต้องไปรอจนถึงอายุ ๕๓ ปีถึงจะขึ้นเป็นสัญญาบัตรได้ เราต้องกลับมาทบทวนเรื่อง Career Path ใหม่ การเติบโตใหม่ ส่งเสริมพวกเขาให้พวกเขาได้มีสิทธิบางอย่างก่อน เพราะอย่างน้อยที่สุดเขาอยู่องค์กรตำรวจมาแล้ว เขารู้ Culture รู้วัฒนธรรม รู้ว่างานตำรวจ เป็นอย่างไร ไม่ต้องไปฝึกงานเพิ่ม ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีช่วยพิจารณาพวกเขาด้วยครับ
กระดุมเม็ดสุดท้าย กระดุมเม็ดที่ ๕ รัฐบาลต้องเลิกสิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งหลาย ที่ตำรวจต้องทำไม่ว่าจะเป็นการติดตามผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชา ๑ คน ตำรวจนับสิบคน ไปกันทำไมครับ พวกเราอยู่ในคณะกรรมาธิการก่อนหน้านี้ครับท่านประธาน เราก็เห็นว่า ตำรวจเวลามาชี้แจงมากันเป็นคณะใหญ่ ไม่มีความจำเป็นครับ มากไปกว่านั้นโครงการ ที่ไม่จำเป็นทั้งหลายที่งานตำรวจต้องไปรับผิดชอบ เช่น โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ตำรวจต้องไปยุ่งถึงขนาดพันธุกรรมพืชหรือครับ กลัวพืชสูญหายหรือต้องมายุ่งเกี่ยวกับ โครงการแบบนี้ หรือกระทั่งท่านประธานเรื่องนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณเลย ขอแค่ยกเลิก ระเบียบอันเดียว ท่านจะไปบังคับให้ตำรวจเขาตัดผมขาว ๓ ด้านทำไม ยกเลิกการบังคับทรงผม ที่เป็นอยู่ในตอนนี้กลับไปก่อนที่จะมีการบังคับแบบนี้ นี่คือการเคารพต่อหัวของเขาอย่างที่สุดแล้ว มันคือการคืนความเป็นธรรมในเรื่องของสิทธิเนื้อตัว ร่างกายของตำรวจ แล้วพูดกันตรง ๆ ผมขาว ๓ ด้านเดินไปไหนมันก็รู้ว่าเป็นตำรวจ หลายครั้งส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ ของตำรวจด้วยซ้ำ เพราะเห็นมาแต่ไกลรู้แล้วว่าตำรวจ ถามว่ามันมีประโยชน์อย่างไร ทั้งหมดที่ผมพูดมาคือกระดุม ๕ เม็ดที่ผมอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ซึ่งวันนี้ ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ผบ.ตร. เป็นเหมือนผู้ช่วยของท่าน ท่านสามารถ ที่จะเอาทั้ง ๕ ข้อนี้ไปใช้ ไปใช้บางข้อก็ได้ แล้วผมเชื่อว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การปฏิรูปตำรวจ แล้วทำให้องค์กรตำรวจดีขึ้น ไม่อยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ต่อไป แต่สุดท้าย ที่ต้องย้ำกัน ๕ ข้อนี้จะปฏิบัติได้ ๕ ข้อนี้จะทำสำเร็จ เราต้องการความกล้าหาญของชายที่ชื่อว่า เศรษฐา ทวีสิน ขอบคุณครับท่านประธาน
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต้องเรียนต่อท่านประธาน ด้วยความเคารพนะครับ เดิมทีตอนแรกก็จะไม่สรุป แต่เนื่องจากฟังท่านครูมานิตย์อภิปราย เลยต้องขออนุญาตใช้เวลาของสภาแห่งนี้ในการสรุปเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน แต่ก่อน ที่จะไปสู่เนื้อหาสรุปผมเองก็อยากจะขอร้องต่อท่านประธาน พวกเราเข้าใจดีว่าสมาชิก ส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกลเราอายุน้อย เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่หลาย ๆ คนก็เข้ามาทำหน้าที่ ในการเมืองครั้งนี้สมัยแรก การที่เราจะพูดจาปราศรัยกันข้างนอก เรียกพี่เรียกน้องพวกเรา ไม่ได้ติดใจหรือมีปัญหาอะไรก็ดีเสียอีกเป็นการสร้างความสนิทสนมคุ้นเคย แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ แต่บางครั้งในการอภิปรายกันในสภาเรียกน้อง เรียกพี่ บางทีผมก็คิดว่าเราเอง ก็ไม่ควรที่จะใช้ถ้อยคำแบบนั้น ก็หวังว่าในอนาคตถ้าท่านประธานปฏิบัติหน้าที่ก็อยากให้ ย้ำเตือนต่อสมาชิกว่าเรามีคำที่เป็นทางการที่ถูกต้อง ปฏิบัติกันเป็นธรรมเนียมมาโดยตลอด ผมเองก็อยากให้เราใช้คำในลักษณะแบบนั้น
ทีนี้มาสู่ในเนื้อหาของการสรุปบ้าง ต้องเรียนต่อท่านประธานว่าถ้าเราฟัง เนื้อหาสาระของการอภิปราย เราก็จะพบว่าสมาชิกส่วนใหญ่ที่ลุกขึ้นอภิปรายก็ชี้ชัดตรงกันว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นใน ตร. ในองค์กรตำรวจมันมีปัญหาจริง ๆ แล้วปัญหานี้มันก็เกิดขึ้น ผ่านข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นข่าวก็ดี ไม่ว่าจะเป็นการผ่านการอภิปรายในสภาแห่งนี้ ซึ่งในช่วงเวลา ๔ ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายของผมเองที่อภิปรายในเรื่องตั๋วช้าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการค้ามนุษย์ ซึ่ง ณ วันนั้นพวกเราเองก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกับ พรรคการเมือง ต้องขออนุญาต ไม่ได้เสียหายอะไรนะครับอย่างพรรคเพื่อไทย ในวันนั้นเราก็ เห็นตรงกัน ผมยังจำได้ว่าท่านสุทิน คลังแสง ซึ่งเป็นประธาน Whip ของฝ่ายค้านในเวลานั้น ก็อภิปรายสรุปโดยยกเนื้อหาสาระในการอภิปรายของผมที่ย้ำเตือนว่าองค์กรตำรวจมันมี ปัญหาจริง ๆ ซึ่งปัญหาดังกล่าวในเวลานั้นเราก็ตั้งความหวังว่าเราอยากจะแก้ปัญหา ผมเอง จึงมีความคาดหวัง ถึงแม้ว่าจะเห็นเพื่อนสมาชิกจากพรรคเพื่อไทยประมาณ ๒ ท่าน ลุกอภิปราย แต่ก็ดีใจว่าที่ท่านประธาน Whip คนปัจจุบันนำเสนอญัตตินี้ ฟังดูแล้วก็เห็นว่า เป็นปัญหาที่ควรจะได้รับการแก้ไขจริง ๆ ดังนั้นถ้าเกิดท่านนายกรัฐมนตรีรวบรวม ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของสมาชิกไปปรับปรุงแก้ไข แล้วเห็นว่าเป็นวาระที่เป็นเรื่องด่วน เรื่องสำคัญที่สภาแห่งนี้ทั้ง ๒ พรรคการเมืองขนาดใหญ่อันดับ ๑ และอันดับ ๒ เห็นต้องตรงกันว่าควรจะได้รับการแก้ ผมคิดว่านี่คือวาระร่วมทั้งของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ผมคิดว่านายกรัฐมนตรีควรจะนำพาไปปฏิบัติ และนำไปปรับปรุงเพื่อปฏิรูปตำรวจ ท่านจะ ใช้คำว่า สังคายนา ท่านจะใช้คำว่า ปฏิรูป จะใช้คำไหนก็ได้ผมไม่ได้ติดใจอะไร แต่เราก็ หวังว่าหลังจากที่เราอภิปรายไปแล้วเราจะได้รับการรายงานกลับมา เราจะได้รับการแจ้ง กลับมาว่าสิ่งที่เราอภิปรายไปแล้วรัฐบาลนำพาอย่างไรไปบ้าง มิเช่นนั้นนะครับท่านประธาน การอภิปรายที่เกิดขึ้นนอกจากพี่น้องประชาชนฟัง ผู้สื่อข่าวเอาไปรายงานข่าวต่อไปแล้ว แต่สุดท้ายถ้าเกิดรัฐบาลไม่นำพาอะไรเลยมันก็เป็นการทำให้การอภิปรายครั้งนี้ของสมาชิก ที่เป็นการเห็นร่วมกันของ ๒ พรรคใหญ่ สุดท้ายเสียของครับ ดังนั้นก็คงต้องรบกวน ท่านประธานว่าหลังจากเอาความเห็นของสมาชิกส่งไปยังนายกรัฐมนตรีแล้วเราก็รอคอยว่า การปฏิรูปตำรวจจะไปถึงไหน พวกเราก็พร้อมที่จะใช้กลไกของคณะกรรมาธิการทุกกลไกที่มี จะเป็นไปได้ในการตรวจสอบเรื่องนี้ จะใช้การตรวจสอบของสภาเพื่อให้แน่ใจว่าองค์กร ตำรวจจะถูกปฏิรูป ไม่ใช่แค่เพื่อตำรวจบางคน ไม่ใช่แค่เพื่อให้ใครขึ้นมาเป็นใหญ่ในองค์กร ตำรวจ แต่เพื่อให้ตำรวจน้ำดีเขามีที่ยืนที่อยู่ต่อไป ขอบคุณท่านประธานครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอร่วมอภิปรายต่อญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิง แบบครบวงจร หรือ Entertainment Complex ที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญกับปัญหา อาชญากรรมอยู่หลายประเภท ทั้งที่เกิดในประเทศไทยและนอกประเทศไทย อาชญากรรม แต่ละอย่างไม่ว่าจะเป็นการพนัน ยาเสพติด ค้ามนุษย์ สิ่งเหล่านี้มันพัวพันกัน ยากที่จะ แยกออกจากกันได้ ผมเองปัจจุบันทำหน้าที่ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ แม้ว่าจะทำภารกิจนี้ได้ ไม่นานแต่ก็พบว่าบริเวณพื้นที่ชายแดนของเรามีปัญหากิจกรรมที่ผิดกฎหมายมากจริง ๆ ดังนั้นถ้าเราไปลงในรายละเอียดอย่างบางธุรกิจ อย่างเช่นบ่อนการพนัน อย่างเช่นบ่อน ที่เป็นโรงแรม อ ซึ่งเป็นของนาย อ เราก็จะพบว่าขณะที่นาย อ เป็นเจ้าของโรงแรมก็มี ความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความผิดฐานฟอกเงิน และยาเสพติด การดำเนินธุรกิจของบ่อน อ ที่ผมว่าเป็นตัวอย่าง ท่านประธานทราบไหมครับว่า ๖ เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของบ่อนแบบนี้มันเข้าไปสู่รัฐบาลทหารเมียนมา แล้วรัฐบาลทหาร ก็ใช้เงินดังกล่าวในการไปซื้ออาวุธและปราบปรามชนกลุ่มน้อยนำไปสู่เกิดสงครามกลางเมือง แล้วนำไปสู่ผู้ลี้ภัยที่เข้ามาฝั่งไทยกลายเป็นว่ามีการค้ามนุษย์ มีสิ่งที่ผิดกฎหมายใหญ่โตไปอีก สุดท้ายเราเองก็ต้องใช้เงินภาษีของประชาชนในการดูแลผู้ลี้ภัยที่เข้ามาในประเทศไทย มากไปกว่านั้นถ้าเราไปลงรายละเอียดเราก็จะเห็นว่าบ่อนการพนันเหล่านี้อย่างที่ ผมยกตัวอย่าง ก็จะไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มว้าแดงซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดระดับโลก เครือข่าย ยาเสพติดนี้ก็จะส่งยาเข้ามาที่ประเทศไทย เราซึ่งเป็นคนไทยไปเล่นการพนันที่บริเวณ ชายแดน ยาเสพติดก็มาขายคนไทยสุดท้ายประเทศไทยของเรารับกรรมในทุกรูปแบบ
ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เมื่อปัญหา มันลุกลามแบบนี้ สิ่งที่เราต้องทำครับ เราต้องแก้ปัญหาที่มีอยู่ การที่กฎหมายของเราทำให้ บ่อนกาสิโนต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการของลูกค้าชาวไทยผิดกฎหมายแบบนี้ เราต้องยอมรับ ความเป็นจริงว่าสุดท้ายมันไม่สอดคล้อง สอดรับกับธรรมชาติของคนไทย แล้วเมื่อเราปล่อย ให้ไปอยู่พื้นที่ชายแดนกฎหมายเข้าไปถึงไม่ได้ บรรดานายทุนต่าง ๆ ที่ไปสร้างบ่อน ตามชายแดนจำนวนมากก็จะไปจ้างบรรดาชนกลุ่มน้อยขอเช่าที่ ขอเช่าต่าง ๆ สุดท้าย เกิดเป็นแก๊ง Call Center เป็นธุรกิจผิดกฎหมายจำนวนมาก ทำร้ายประเทศไทย อย่างรุนแรง
ดังนั้นผมคิดว่าเราจำเป็นต้องมีการทบทวนในเรื่องของจุดยืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามถ้าเราพิจารณากันอย่างรอบคอบ สภาชุดที่แล้วเคยมีการตั้งคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาเรื่อง Entertainment Complex แต่ก็มีข้อครหามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ข้อครหาว่ามีการให้กลุ่มทุนหรือคนที่มีความเกี่ยวข้องกับกาสิโนมา Present งาน ในคณะกรรมาธิการดังกล่าว เมื่อมีการ Present กันเสร็จก็อาจมีการนำรูปภาพที่ถ่ายกับ คณะกรรมาธิการไปลอกคนต่างชาติเพื่อระดมเงินให้มากขึ้น ด้วยการหลอกว่ากำลังจะมี การตั้งกาสิโนในประเทศไทย แล้วนำมาสู่จีนหลอกจีน โดยใช้คณะกรรมาธิการของพวกเรา เป็นเครื่องมือ ผมได้ยินแว่ว ๆ มาว่าการที่คนเหล่านี้เข้ามา Present งาน เผลอ ๆ ไม่ได้มาฟรี ๆ มีการจ่ายเงินให้กับนักการเมืองบางท่านเพื่อให้สามารถมา Present งานได้ นี่คือสิ่งที่ คณะกรรมาธิการชุดนี้ที่กำลังจะตั้งต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม มันมีบริษัทหนึ่งครับ ผมต้อง Highlight เพราะบริษัทนี้เคยมา พิจารณาในการ Present งานที่คณะกรรมาธิการชุดนี้ บริษัทนี้ชื่อบริษัท หย่าไท่ เป็นเจ้าของโครงการชเว โก๊กโก่ที่อยู่ชายแดนติดกับจังหวัดตาก บริษัทนี้เกี่ยวข้องกับ การค้ามนุษย์และค้าอวัยวะ เจ้าของบริษัทชื่อ เสอ จื้อเจียง ถูกจับวันนี้ ติดคุกในเมืองไทย สุดท้ายบริษัทนี้มา Present งานในคณะกรรมาธิการของสภาเรา เป็นไปได้อย่างไรครับ ดังนั้น ถ้าเราปล่อยไม่มีการควบคุมอะไรเลยสุดท้ายพวกเราจะตกเป็นเครื่องมือ ของการเข้าไป เกี่ยวข้องกับไม่ใช่แค่ธุรกิจอย่างบ่อนการพนัน มันอาจจะกลายเป็นการค้าอวัยวะ มันอาจจะ กลายเป็นยาเสพติด มันอาจจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในรูปแบบต่าง ๆ ดังนั้นผมอยากขอร้อง ท่านประธานอย่างนี้ว่าในเมื่อเราต้องตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ซึ่งผมคิดว่ามีความจำเป็น แต่เราจำเป็นต้องมีการกลั่นกรองผู้ชี้แจง ผู้ที่จะมานั่งเป็นที่ปรึกษา ผมคิดว่ามีความจำเป็น อย่างยิ่งที่เราจะต้องได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรองต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ซ้ำรอยแบบคราวที่แล้วอีก ทั้งหมดทั้งมวลด้วยเวลาอันจำกัด ผมก็หวังว่า คณะกรรมาธิการของเราที่จะตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การศึกษาเพื่อเปิดโอกาสและสร้างโอกาส ทางธุรกิจใหม่จริง ๆ ไม่ใช่ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตัวเองและผลประโยชน์ ของรัฐ ผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงจุดยืนในเรื่องของกาสิโน เช่นให้ประเทศไทยของเรามีได้ มันจะนำไปสู่การล่มสลายของบรรดาบ่อนการพนัน และธุรกิจกาสิโนที่อยู่รอบประเทศไทย แล้วนั่นหมายความว่าเงินของคนไทยจะเข้าสู่รัฐบาลไทย และใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป ขอบคุณครับท่านประธาน
ท่านประธานขออนุญาตครับ สั้น ๆ นิดเดียวครับท่านประธาน
ท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่อยากจะหารือในระหว่าง รอเพื่อนสมาชิกสั้น ๆ ครับ
แล้วก็เกี่ยวข้องกับแนวทาง แนวนโยบายของท่านประธาน เนื่องจากว่าวันที่ผมในฐานะเป็นประธานคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ แล้วก็ได้มีการพูดคุยกัน จำได้ว่าตอนนั้นเป็นเรื่องของการที่เราจะต้อง เลือกกรรมการที่จะไปนั่งในสถาบันพระปกเกล้า ประเด็นหนึ่งที่เรามีการหารือก็คือว่า เมื่อเรื่องไหนก็ตามที่ถูกส่งไปที่คณะกรรมาธิการสามัญเราก็จะอนุญาตให้มีการตั้ง คณะอนุกรรมาธิการเพิ่ม ปกติแล้วเราจะตั้งคณะอนุกรรมาธิการในกรรมาธิการสามัญแค่ ๒ คณะอนุกรรมาธิการ แต่ถ้าเรื่องไหนก็ตามที่ถูกส่งจากห้องประชุมใหญ่ของพวกเรา ไปที่คณะกรรมาธิการสามัญจะสามารถตั้งเพิ่มได้อีก ๑ คณะอนุกรรมาธิการ อันนี้เป็น แนวนโยบายและผมก็ทราบว่าได้มีการแจ้งให้ทราบไปยังทุกคณะกรรมาธิการแล้ว แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ครับท่านประธาน เพื่อไม่ให้แนวทางของท่านประธานสูญสิ้น ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นมันจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย ปรากฏว่ามันมีข้อเท็จจริง คือมีบางคณะกรรมาธิการที่พอมีการส่งเรื่องจากห้องใหญ่ไม่เอาไปตั้งคณะอนุกรรมาธิการ แต่ไปตั้งเป็นคณะทำงาน ซึ่งถ้าเกิดว่าทำกันแบบนี้ที่เรามีการตกลงและพูดคุยกันมันก็จะ เปล่าประโยชน์ครับท่านประธาน ไม่ว่าวันนี้ผลของการลงมติเป็นอย่างไรผมอยากจะขอหารือ กับท่านประธานว่าสมควรอย่างยิ่งว่าเมื่อผลออกมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรควรจะมีการเรียกคุยกัน ทุกประธานของคณะกรรมาธิการสามัญทั้งหมด เพื่อให้ข้อตกลงนี้ที่เราตกลงกัน และไม่มีใคร เห็นแย้ง สามารถบังคับใช้ได้จริง มิเช่นนั้นมันก็จะเสียประโยชน์กันแบบนี้ต่อไป เรารู้กันดีว่า คณะอนุกรรมาธิการกับคณะทำงานมันคนละอย่างกันเลย ดังนั้นขอเรียนด้วยความเคารพ ต่อท่านประธานว่าหลังจากนี้อยากให้มีการหารือพูดคุยเรื่องนี้เพื่อให้มันเกิดประสิทธิภาพ ในการทำงานต่อไป ขอบคุณครับท่านประธาน
๒ คณะครับท่านประธาน แล้วก็ เพิ่มได้อีก ๑ คณะ ถ้าเป็นห้องใหญ่
เรียนท่านประธานครับ ผมอาจจะมี ๒ ประเด็นสั้น ๆ ประเด็นที่ ๑ ครับท่านประธาน คือถ้าเกิดว่ากรรมาธิการไหน นโยบาย ที่ผ่านมาเราตั้งอนุกรรมาธิการได้ ๒ แล้วก็ถ้าส่งจากห้องใหญ่ที่เราคุยกันก็อยากให้เป็น อนุกรรมาธิการที่ ๓ เรียกว่าเปิดช่องเอาไว้ อนุกรรมาธิการที่ ๓ มีเอาไว้สำหรับกรณีที่เรา ส่งจากห้องใหญ่ ซึ่งปัญหาเป็นอย่างนี้ครับท่านประธาน คือมันมีหลายกรรมาธิการที่ยัง ตั้งอนุกรรมาธิการไม่ได้ถึง ๓ แล้วพอส่งจากห้องใหญ่ไปจริง ๆ ก็ตั้งอนุกรรมาธิการเพิ่มอีก ๑ อนุกรรมาธิการได้ มันก็ไม่ได้เกินโควตาอะไร แล้วก็ไม่ได้เยอะเกินไป แต่ปัญหาก็คือ บางกรรมาธิการก็ดันไปทำเป็นคณะทำงาน ซึ่งเมื่อตั้งเป็นคณะทำงานครับท่านประธาน เรื่องดังกล่าวบางครั้งต้องยอมรับว่าคณะทำงานที่ทำงานออกมาแล้วประสบความสำเร็จ มีผลงานที่เป็นรูปธรรมมันมีความยากกว่าเนื่องจากการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มันมี ความยากกว่ามาก ดังนั้นผมอยากจะขอร้องอย่างนี้ ท่านประธานครับเพื่อให้มันมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน คืออยากให้ ๑. ท่านประธานเรียกประชุมประธานกรรมาธิการเพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ ๒. คือเข้าใจว่า ถ้าเกิดมันเต็มจริง ๆ แล้ว อย่างเช่นครบ ๓ อนุกรรมาธิการ อาจจะตั้งเป็นคณะทำงานเพิ่ม หลังจากนั้น อันนี้เข้าใจกันได้ อันนี้อยากจะฝากท่านประธานไว้
ประเด็นที่ ๒ เมื่อสักครู่ที่อาจจะมีการพูดคุยกันว่าการตั้ง อนุกรรมาธิการ มันอาจจะนำไปสู่การใช้จ่ายงบประมาณที่มากเกินไป ผมอยากจะตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ครับว่า การตั้งอนุกรรมาธิการหรือตั้งกรรมาธิการก็ดี ที่มีปัญหาในเรื่องของใช้เงินงบประมาณ ทั้งหลายนี้ แล้วก็อาจจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ผมคิดว่าสาระสำคัญมันอยู่ตรงนี้ มันอยู่ที่ว่าการประชุมกรรมาธิการก็ดี จะวิสามัญ หรือสามัญ หรืออนุกรรมาธิการ บางครั้ง มันไม่มีประสิทธิภาพ มันก็คุยวนไปวนมา คุยซ้ำไปซ้ำมา แบบนี้ต่างหากที่มันน่ากลัว ถ้าเกิดว่า เราเข้ามายืนอยู่ตรงนี้แน่นอนมันมีราคาที่ต้องจ่ายผ่านเงินภาษีของประชาชน แต่ถ้าเรา ประชุมกันอย่างไม่มีประสิทธิภาพ สุดท้ายตรงนี้ต่างหากที่มันทำให้การใช้จ่ายเงินภาษี ของประชาชนเสียเปล่าไป ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่แน่ใจว่ามีกรรมาธิการวิสามัญ กรรมาธิการไหนบ้าง ที่ฝ่ายค้านได้เป็นประธานกรรมาธิการ ดังนั้นถ้าเกิดว่าท่านกังวลว่ากรรมาธิการที่ผ่านมา มันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ มีการใช้จ่ายเงินภาษีที่ไม่คุ้มค่าก็คงต้องไปดูว่าประธานกรรมาธิการ ที่ผ่านมามาจากพรรคใด ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขออภิปรายสนับสนุน ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการให้มีการออกเสียง ประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เสนอโดย ท่านพริษฐ์นะครับ ก่อนที่จะไปลงในรายละเอียดผมคิดว่าอยากจะแย้งในการอภิปราย ของเพื่อนสมาชิกบางท่านในประเด็นต่าง ๆ บางส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนแรกในเรื่องของ หมวด ๑ หมวด ๒ ที่เป็นข้อกังวลของเพื่อนสมาชิกหลาย ๆ ท่านว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับจะนำไปสู่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงในเรื่องหมวด ๑ หมวด ๒ สร้างจินตนาการสะกดจิตตัวเอง ราวกับว่าเราจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ หรือรูปแบบการปกครอง ท่านประธานครับ เราผ่านการรัฐประหารมาหลายครั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายฉบับ จัดทำรัฐธรรมนูญตั้งแต่มาตรา ๑ ไปจนถึงมาตราสุดท้าย มาแล้วหลายครั้ง ปรากฏว่าไม่เห็นมีปัญหาเลย ทำไมทหารทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ แต่คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่สามารถทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ เรื่องนี้ผมว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจถ้าเรามีวิธีคิดแบบนี้ โดยเฉพาะถ้าวิธีคิดแบบนี้เกิดขึ้นจากผู้ที่มาจากการ เลือกตั้ง
ในประเด็นที่ ๒ ผมคิดว่าที่น่าตกใจต่อไป เมื่อลงไปดูรายละเอียดจาก คำอภิปราย แม้กระทั่ง สสร. ที่พวกเราสนับสนุนให้มาจากการเลือกตั้ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ บางท่านก็อภิปรายราวกับว่าอย่าให้มี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย เพราะไม่เชื่อว่าจะสะท้อนถึง ความหลากหลายได้ เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่คำพูดแบบนี้มาจากคนที่มาจากการเลือก โดยราษฎร
ประเด็นถัดมา ว่าด้วยกรรมการที่มีการตั้งอยู่ กรรมการเป็นของฝ่ายบริหาร เราทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ การที่เราไม่เชื่อวิธีคิดหรือกระบวนการที่ท่านทำอยู่ แล้วเรา ก็พยายามพิสูจน์ว่าเรามีความจริงใจในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การทำ รัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยใช้กระบวนการทางนิติบัญญัติ ท่านมีปัญหาอะไรครับ การที่เรา ไม่เข้าร่วมเพราะเราไม่เชื่อว่ากระบวนการที่ท่านทำอยู่ซึ่งผิดไปจากการหาเสียงที่ท่านเคย สัญญาเอาไว้กับประชาชน การที่เราไม่เชื่อคนที่ไม่มีสัจจะพรรคก้าวไกลเราทำผิดตรงไหน ดังนั้นนี่คือ ๓ ประเด็น ที่ผมอยากจะแย้งกับเพื่อนสมาชิกที่อภิปรายในหลากหลายประเด็น
ทีนี้มาสู่ในเรื่องของการสนับสนุนเกี่ยวกับประชามติที่ท่านพริษฐ์เสนอ ผมอยากจะเรียนอย่างนี้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่คู่ควรกับการเป็นกฎหมายสูงสุด ของประเทศนี้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เนื้อหาของรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ขาดความชอบธรรม และไม่ได้ทำให้สังคมไทยเดินหน้าไปสู่ความสงบ แต่กลับเป็นหนึ่งในต้นเหตุของความขัดแย้งทางการเมืองที่ทำให้เราไม่สามารถเดินหน้า แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ และต้องวนเวียนไปเวียนมากับการแก้ไขและจัดทำ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นต้นเหตุของปัญหาดังกล่าว ถ้าหากผม จะไล่เรียงถึงปัจจัยที่ส่งผลให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ขาดความชอบธรรม ก็ต้องพูดตั้งแต่การทำ ประชามติในปี ๒๕๕๙ ที่ถือเป็นกระดุมเม็ดแรกสู่หายนะทางการเมือง เนื่องจากกฎหมาย ประชามติที่บังคับใช้อยู่ รวมถึงคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ทำให้การรณรงค์หาเสียงไม่สามารถ ทำได้โดยเสรี ผมนี่ละครับคือหลักฐานที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะผมคือคนที่ถูกจับในเวลานั้น เนื่องจากการไล่จับกุมครั้งนั้นทำให้คนแบบผม ทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่สามารถที่จะรณรงค์ได้อย่างเสรี หลายท่านพูดไปแล้ว ไผ่ จตุภัทร์ ถูกจำคุก ไม่สามารถ ไปใช้แม้กระทั่งสิทธิเสียด้วยซ้ำ นี่คือหัวใจที่ทำให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญที่ท่านบอกว่าเป็น รัฐธรรมนูญปราบโกง จริง ๆ แล้วมันคือรัฐธรรมนูญหลอกลวง หลอกลวงโดยบอกว่าถ้าท่าน ไม่รับกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สุดท้ายเดี๋ยวจะไม่เลือกตั้ง เดี๋ยวจะต้องอยู่กับ คสช. ต่อไป นี่คือ ปัญหาหัวใจที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สภาแห่งนี้ต้องพิจารณาและพูดคุยกันกับเรื่องรัฐธรรมนูญ อยู่บ่อยครั้ง และไม่สามารถที่จะเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ ทั้งหมด ที่ผมพูดมาเป็นข้อเท็จจริงที่สังคมทราบดี และเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าการทำประชามติ ในครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญมากขนาดไหน ดังนั้นการทำ ประชามติที่เสรี เป็นธรรม ได้มาตรฐานสากล เพื่อนำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และผมต้องขอย้อนไปว่าตั้งแต่การทำประชามติปี ๒๕๕๙ กลุ่มพี่น้องคนเสื้อแดงที่มีคุณจตุพรเป็นประธาน นปช. ได้มีการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ เพื่อให้คนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาลงชื่อทำประชามติให้ได้มากที่สุด มากไปกว่านั้น ตัวแกนนำของพรรคเพื่อไทยเองในเวลานั้นหลายคนก็ได้ใช้สิทธิแสดงความเห็นว่าไม่ควร รับร่างรัฐธรรมนูญ จนหลายคนอาจจะถูกดำเนินคดี หรือเกือบจะถูกดำเนินคดีก็มี ดังนั้น การที่เราจะมาพูดคุยกันเพื่อที่จะทำประชามติและนำไปสู่การเปิดทางให้มีรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำ เป็นกระดุมเม็ดแรกที่เราต้องติดเพื่อให้ ประเทศนี้มีรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชนเสียที นอกจากนี้คำถามที่ได้มีการเสนอให้มีการทำประชามติ ก็ไม่ใช่คำถามที่พรรคก้าวไกล คิดขึ้นมาใหม่ เป็นคำถามที่เคยถูกเสนอโดยคุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จากพรรคก้าวไกล แล้วก็ทำนองเดียวกัน จากคุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ พรรคเพื่อไทย ซึ่งวันนี้เป็นรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คำถามแบบนี้ วิธีคิดแบบนี้ที่เราพยายามทำ สุดท้ายในเวลานั้น เราได้รับเสียงเอกฉันท์จาก สส. ที่เป็นทั้งฝ่ายรัฐบาลเดิมและฝ่ายค้านเดิม เพื่อส่งให้มี การดำเนินกระบวนการต่อไปในการทำประชามติ สุดท้ายไปล่มที่ สว. ดังนั้นผมจึงไม่สามารถ เห็นเหตุผลใดเลยที่พรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นผู้ร่วมเสนอคำถามในเวลานั้นจะไม่สนับสนุน ญัตตินี้ และทำให้กระบวนการประชามติต้องล่าช้าออกไป ผมเป็นกังวลด้วยซ้ำท่านประธาน ที่บางท่านในรัฐบาลบอกว่าการเสนอญัตตินี้จะทำให้ประชาชนสับสน ผมฟังอย่างไรแล้ว ประชาชนไม่มีทางสับสนหรอกครับ เพราะประชาชนเขาเข้าใจดีว่ากระบวนการที่เรากำลัง ทำอยู่เคยทำมาตั้งแต่ในอดีต ถ้าประชาชนจะสับสนคือสับสนว่าทำไมวันนี้พอท่านได้ไปเป็น รัฐบาลท่านถึงมีการเปลี่ยนแปลงหลักการ เปลี่ยนแปลงจุดยืนที่เคยมีมาตั้งแต่เดิม ดังนั้น ผมเชื่อว่าหากสภาชุดนี้ให้ความเห็นชอบกับญัตตินี้ และดำเนินการให้มีการทำประชามติ ได้อีกช่องทางหนึ่ง นอกจากหลาย ๆ ช่องทางที่เรามีอยู่แล้ว ผมคิดว่าจะทำให้เรามี รัฐธรรมนูญที่เป็นรัฐธรรมนูญ ได้รับการยอมรับจากประชาชน เป็นรัฐธรรมนูญที่มี ความชอบธรรม ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ระยะยาวได้ต่อไป ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ผมพูดมา ผมคิดว่าเราผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม เสียงของพี่น้องประชาชนที่ประกาศกึกก้องพร้อมใจเลือกพรรคก้าวไกลมา ๑๕๑ เสียง เลือกพรรคเพื่อไทยมา ๑๔๑ เสียง ๒ พรรคนี้ตอนที่หาเสียงประกาศเอาไว้ อย่างชัดเจนว่าต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พรรคเพื่อไทยประกาศเอาไว้ อย่างชัดเจนว่า ครม. นัดแรกจะมีการดำเนินการให้มีการทำประชามติเพื่อถามประชาชน มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ากระบวนการทั้งหาเสียง ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ผ่านการเลือกตั้งมันคือการรับฟังทุกฝักทุกฝ่ายแล้ว แล้วไฉนวันนี้ท่านกลับบอกว่าต้องรับฟัง เสียงให้รอบคอบ รับฟังเสียงให้รอบด้าน กระบวนการที่ท่านพูดมาแบบนี้คือการย้อนแย้ง ดังนั้นผมอยากให้สภาชุดนี้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเถอะครับ บางท่านอาจจะบอกว่าท่านไม่สามารถ ที่จะให้ความเห็นด้วยได้ ไม่เป็นไร ให้พรรคก้าวไกลเห็นด้วยก็ได้ แต่ให้มันเดินหน้า อย่างน้อย ท่านงดออกเสียงก็ยังดี อย่าไปคว่ำเลย คือถ้าท่านจะให้มันคว่ำจริง ๆ พูดกันตรง ๆ ท่านประธาน ให้ไปคว่ำที่ สว. ก็ยังดี อย่างน้อยคือการรักษาเกียรติของคนที่มาจาก การเลือกตั้งโดยประชาชน ท่านมองเพื่อนร่วมพรรคของท่านบางท่านที่อาจจะเข้าสภา หรือไม่เข้าสภาแล้วเคยถูกดำเนินคดีจากประชามติ แล้ววันนี้ท่านกำลังจะไม่เห็นด้วย ท่านไม่รู้สึกอะไรบางอย่างในจิตใจเลยหรือ ดังนั้นด้วยความเคารพอย่างสูง ช่วยทำให้ญัตตินี้ ผ่านเถอะครับ เราจะได้เดินหน้ากัน ติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก แล้วประเทศไทยของเราจะได้มี รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเสียที ขอบคุณท่านประธานครับ
กราบเรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม ก่อนที่จะจับเวลาอยากจะขออนุญาตหารือท่านประธานสั้น ๆ นิดเดียวก่อน ได้ไหมครับ
คือผมถามท่านนายกรัฐมนตรี แล้วเราก็ถามท่านนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอดครับท่านประธาน อันนี้ไม่ได้เข้ากระทู้สดนะครับ แต่ปัญหาก็คือว่าท่านนายกรัฐมนตรีไม่เคยว่างทุกวันพฤหัสบดีเลยครับ ผมก็เลยอยากให้ ท่านประธานลองหารือดูว่าเราจะขยับวันไหมครับ ในการตั้งกระทู้ซึ่งเป็นอำนาจของ ท่านประธานในการที่จะจัดระเบียบวาระอยู่แล้ว คือถ้าท่านนายกรัฐมนตรีจะไปต่างประเทศ ทุกวันพฤหัสบดี เราก็อาจจะไปตั้งกระทู้ทุกวันพุธแทน เพราะว่าไม่อย่างนั้นสภาแห่งนี้จะไม่มี โอกาสที่จะได้ตั้งกระทู้ถามต่อท่านนายกรัฐมนตรีเลย แล้วเรื่องที่ผมถามนี้เป็นเรื่องตำรวจ ไม่มีผู้รับผิดชอบคนอื่นครับ ท่านสมศักดิ์นี้ผมเชื่อว่าถ้าท่านเป็นตำแหน่งที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็เชื่อว่าท่านจะมา แต่พอเป็นท่านเศรษฐาท่านไม่กล้ามา ดังนั้นอยากให้ท่านประธาน พิจารณาว่าจะขยับวันอะไร ที่อาจจะทำให้ท่านนายกรัฐมนตรีมีความสะดวกที่จะมาตอบ กระทู้ โดยเฉพาะของจากฝั่งฝ่ายค้านหน่อย อันนี้ฝากท่านประธานครับ
ครับ ขอบคุณท่านประธานนะครับ ผมขอนิดเดียวนะครับท่านประธาน
นิดเดียวจริง ๆ ท่านประธานครับ ว่าอยากให้ท่านประธานไปพิจารณา คือก่อนหน้านี้สภาชุดที่แล้วเราก็เคยถามวันพุธ เพราะท่านนายกรัฐมนตรีไปทุกวันพฤหัสบดี แล้วกระทู้ของฝ่ายค้านมันไม่เคยถูกถาม ท่านนายกรัฐมนตรีเลย ก็ฝากเท่านี้นะครับ ส่วนจะมีข้อสรุปอย่างไรแล้วแต่ท่านประธาน นะครับ
ก็ขออนุญาตเข้าสู่กระทู้นะครับ เรียนท่านประธานที่เคารพ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ตั้งกระทู้สดต่อประเด็นในเรื่องของตั๋วตำรวจครับ ซึ่งมีความตั้งใจที่จะถาม ท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งปรากฏว่าท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายท่านรองนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน มาตอบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา ขออนุญาตฉายสไลด์เป็นคลิปวิดีโอครับ
นี่คือคำพูดของท่านนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในช่วงของการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงมาถึงสารวัตรนะครับ ประจำปี ๒๕๖๖ ตามหนังสือที่ ๐๐๙.๒๓๑/๔๓๒๐ ออกโดย ผบ.ตร. ที่กำชับให้หน่วย ในสังกัด ตร. ดำเนินการจัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น บัญชีการแต่งตั้ง ข้าราชการตำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กำหนดไว้ ในข้อกำหนด ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งการพูดดังกล่าว ในที่ประชุม สส. ของพรรคเพื่อไทย มี สส. ของพรรคเพื่อไทยจำนวนมากที่อยู่ในห้องประชุม ดังกล่าว ได้มาขอตำแหน่งผู้กำกับกับท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งหมดหากมีการให้ผลประโยชน์ เพื่อให้มีการแต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี ตามมาตรา ๘๗ วรรคท้าย พ.ร.บ. ตำรวจ ๒๕๖๕ และยังผิดมาตรา ๑๘๕ (๓) รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ และหากเป็นกรณีของรัฐมนตรีก็จะผิด มาตรา ๑๘๖ ทั้งหมดนี้ หากผิดจริง ท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่จัดการอะไรเลยหรือครับ ซึ่งหากท่านไม่จัดการอะไรเลย ก็จะผิดในมาตรา ๑๕๗ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย ท่านประธานที่เคารพครับ ผมปัจจุบันดำรงตำแหน่ง เป็นประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ เคยเชิญท่านนายกรัฐมนตรีมาที่กรรมาธิการของผม ซึ่งก็ปรากฏว่า ท่านรองนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็มาชี้แจงแทนต่อกรรมาธิการ โดยที่ในวันนั้น ด้วยความเคารพนะครับ และเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ก็ไม่สามารถ ตอบคำถามในหลาย ๆ ข้อต่อกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศได้เลย เพราะท่านสมศักดิ์ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบ โดยตรงกับเรื่องตำรวจเลยแม้แต่น้อย มากไปกว่านั้นตัวผมเองก็ได้ถามในที่ประชุมวันนั้น ว่าท่านสมศักดิ์ที่ท่านนายกรัฐมนตรีส่งมานี้ ท่านนายกรัฐมนตรีได้ Brief ได้ให้ ข้อมูลต่อประเด็นดังกล่าวหรือไม่ สิ่งที่ผมได้รับคำตอบสามารถดูได้ในที่ประชุมครับ คือท่านนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ Brief ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเลย วันนี้ผมจึงมาตั้งกระทู้สด เพื่อถามท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ท่านนายกรัฐมนตรีก็ส่งท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน ต้องเรียนด้วยความเคารพนะครับ ท่านไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ท่านแค่ปฏิบัติหน้าที่เฉย ๆ แต่ท่านนายกรัฐมนตรีเลือกที่จะส่งท่านมาตอบคำถามที่นี่ ซึ่งวันนี้ผมเองก็คาดหวังครับ คาดหวังว่าครั้งนี้ในการตอบคำถาม ท่านนายกรัฐมนตรีจะ Brief หรือให้ข้อมูลกับท่าน เพื่อมาตอบคำถามโดยตรง และจะไม่นำไปสู่ความพยายามในการหนีการตรวจสอบในเรื่อง ของตั๋วตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผิดกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ. ท่านประธานครับ ในการแต่งตั้งผู้กำกับเป็นอำนาจของผู้บัญชาการตามมาตรา ๖๖ พ.ร.บ. ตำรวจ ๒๕๖๕ ซึ่งตามหนังสือที่ท่าน ผบ.ตร. ได้ส่งไปยังผู้บัญชาการหน่วยงาน ผู้บังคับการในสังกัดสำนักงาน ผบ.ตร. ว่าให้มีการจัดส่งข้อมูลต่าง ๆ ตามลักษณะที่ ๒๙ ความลับระเบียบ ตร. ว่าด้วย ประมวลระเบียบการตำรวจที่ไม่เกี่ยวกับคดี และกำชับให้ผู้บัญชาการหน่วยต่าง ๆ ถือปฏิบัติ โดยเคร่งครัด การแต่งตั้งผู้กำกับที่ไม่ใช่อำนาจของนายกรัฐมนตรี จึงมีคำถามสำคัญคือ ในวันที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดในที่ประชุมตามคลิปวิดีโอที่ผมได้แสดงไปแล้ว คือวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เป็นเวลาก่อนที่คำสั่งแต่งตั้งจะออกมาอย่างเป็นทางการ ท่านนายกรัฐมนตรี รู้ได้อย่างไรครับว่าใครสมหวังและใครไม่สมหวัง มีผู้บัญชาการ ผู้บังคับการคนไหนเอาข้อมูล ดังกล่าวมาบอกท่านนายกรัฐมนตรี ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีไม่รู้ด้วยตัวเองก็ต้องมีคนมาบอก ใช่ไหม ถ้าทำแบบนั้นก็จะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ ตร. นำข้อมูลแต่งตั้งผู้กำกับไปบอกนายกรัฐมนตรี ไปบอก สส. ของพรรคเพื่อไทย ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร ท่านทราบเรื่องนี้ไหมครับ การที่ ตั๋วผู้กำกับซึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายส่วน แต่เรื่องกลับเงียบไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ ต่อจาก นายกรัฐมนตรี หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลย ผมขอถามท่านนายกรัฐมนตรีว่าสรุปแล้ว ท่านจะไม่จัดการอะไรกับเรื่องนี้เลยใช่ไหม ท่านจะไม่ทำอะไรเลยใช่ไหม เพื่อที่จะทำให้สังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมตำรวจและสังคมไทยได้เกิดความสบายใจ ว่าตั๋วตำรวจจะไม่มี การแต่งตั้ง โยกย้ายจะต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เป็นไปตามการแข่งขันในเรื่องของความสามารถ ซึ่งเขียนเอาไว้ใน พ.ร.บ. ตำรวจ ท่านจะไม่ทำเรื่องเหล่านี้เลยใช่ไหม แล้วถามกันตรง ๆ ที่ท่านบอกว่าในห้องนี้มันคือใครครับ ใช่ สส. พรรคท่านหรือเปล่า ถ้าการกระทำเหล่านั้น เป็นการกระทำที่ทุจริต สส. พรรคท่านทุจริตด้วยหรือเปล่า แล้วนโยบายของท่านที่เคย หาเสียงเอาไว้ว่าจะจัดการกับการใช้เส้นสายระบบอุปถัมภ์ต่าง ๆ ตกลงท่านไม่ทำแล้ว หรือครับ ท่านจะปล่อยเกียร์ว่างแบบนี้ไปแล้วใช่ไหม ทั้งหมดนี้คือคำถามครั้ง ๑ ครับ ท่านประธาน
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ก่อนที่จะไปสู่คำถามที่ ๒ เรื่องไปต่างประเทศของท่านนายกรัฐมนตรีผมไม่ได้ติดปัญหานะครับ ถ้าท่านนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปต่างประเทศ แล้วก็พยายามที่จะสร้างการลงทุนต่าง ๆ อันนี้ผมเห็นดีด้วยครับ แต่ประเด็นปัญหาก็คือมันไม่ใช่แค่วันนี้ ที่ผ่านมาท่านนายกรัฐมนตรีก็ไม่ค่อยมาตอบกระทู้ ของฝ่ายค้านเลย ดังนั้นท่านจัดเวลามาเลยก็ได้ครับ นายกรัฐมนตรีจะมาเมื่อไร เดี๋ยวพวกเรา จัดเวลาให้ท่านได้ครับ เราอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
ประเด็นที่ ๒ ผมทราบดีว่ากฎหมายนี้เขียนเอาไว้อย่างไร ที่ท่านรัฐมนตรี อ่านให้พวกเราฟัง มันก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่ท่านได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศที่ผมทำหน้าที่เป็นประธาน ก็มีสาระคล้ายเดิมครับ ไม่ได้ต่างอะไรกันกับที่เคยชี้แจง ผมอยากจะเรียนอย่างนี้ครับ ท่านประธานไปถึงท่านรองนายกรัฐมนตรี คือจริง ๆ ผมเห็นใจท่านนะครับ ว่าท่านต้องมารับ เผือกร้อนมาตอบคำถามในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ไม่ได้พูด แต่ประเด็นปัญหาก็คือว่า จริง ๆ ผม ไม่อยากให้ท่านเปลืองตัวนะครับ จริง ๆ เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีควรจะมาตอบด้วยตัวเอง แต่ไม่เป็นอะไร ทีนี้มาในส่วนที่ท่านได้อธิบายเรื่องข้อกฎหมาย ผมทราบดีว่ากฎหมาย เขียนเอาไว้อย่างไร ประเทศนี้คงไม่มีใครติดคุกครับ ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายกันทั้งหมด สิ่งที่ผมกำลังอภิปรายและตั้งคำถามเป็นกระทู้สด ก็เพื่อที่จะบอกว่าวันนี้ท่านนายกรัฐมนตรี กำลังละเมิดกฎหมายครับ ซึ่งต้องเรียนว่าถ้าเปิดคลิปวิดีโออีกรอบหนึ่ง เปิดหน่อยครับ ขอเสียงด้วยครับ
ขอบคุณครับท่านประธาน ขอคลิปวิดีโอด้วยครับ
ขอบคุณครับ คือเรื่องนี้ ผมทราบว่าหลังจากที่ท่านนายกรัฐมนตรีมาพูดอีกครั้งหนึ่ง ตามที่ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ ได้ชี้แจง ท่านนายกรัฐมนตรีพยายามที่จะอธิบายว่าการที่ตัวเองเป็นประธาน ก.ตร. นั้น จะไม่มีอำนาจในการไปแต่งตั้งผู้กำกับ แต่เมื่อเราพิจารณาจากวิดีโอเราจะพบว่า ท่านนายกรัฐมนตรีอาจจะมีข่ายในการแทรกแซง ผมอยากให้ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ได้ชี้แจง ทีละประโยคเลยครับ เพื่อให้สังคมได้เข้าใจว่าประโยคที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดในแต่ละ ประโยคใช้เวลานิดเดียวครับ มันหมายความว่าอย่างไร นี่คือประเด็นที่ ๑
ประเด็นที่ ๒ ที่ผมจะขยับต่อไปในคำถามครั้งที่ ๒ นะครับ นอกจากเรื่องที่ผม ได้พูดไปแล้วที่เกี่ยวข้องกับประโยคของท่านนายกรัฐมนตรี เราก็จะพบว่าในการแต่งตั้งระดับ รองผู้บังคับการจนถึงสารวัตรที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ปรากฏว่ามีการลาออกของตำรวจหลายนาย เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายตามที่ปรากฏในข่าว คือ พันตำรวจเอก ธเนศ สุขชัย อดีตผู้กำกับ ตม. จังหวัดภูเก็ต บก.ตม. ๖ ที่ได้ตัดสินใจลาออกเพื่อดำรงระบบ คุณธรรมให้แก่องค์กร หวังว่าในยุคต่อ ๆ ไปคนที่ตั้งใจทำงานเสียสละมีผลงานจะได้รับการ พิจารณาอย่างเป็นธรรม และยังมีอีกรายครับ เป็นสารวัตร สน. หนึ่งในกรุงเทพมหานคร มีผลงานในการร่วมปราบปรามทุนจีนสีเทา เป็นล่ามภาษาจีนให้แก่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ใน ตร. แต่ในการแต่งตั้งโยกย้าย ที่เมื่อย้อนกลับไปถึง ๓ ครั้ง กลับไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ไป ทำหน้าที่ที่เหมาะสมกับความสามารถด้านภาษา นี่คืออยู่ในรายละเอียดหนังสือนะครับ ถูกส่งไปลงตำแหน่งที่ไม่ได้ใช้ความสามารถที่มีในการทำหน้าที่ จนนำมาสู่การตัดสินใจ ลาออกจากราชการในที่สุด ท่านประธานที่เคารพครับ ทั้งหมดที่ผมพูดมาอยู่ในหนังสือ การลาออกของตำรวจนายดังกล่าว ผมอยากให้การลาออกแบบนี้ที่เกิดจากความไม่เป็นธรรม จากการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม การที่จะเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานได้ อย่างเช่น ในตำแหน่งผู้กำกับ ตม. จังหวัดภูเก็ต บก.ตม. ๖ ท่านกำหนดมาเลยได้หรือไม่ ว่าต้องมีคุณสมบัติอะไร ทำผลงานใด ๆ มาบ้าง แล้วตำรวจที่เขาอยากจะไปประจำตำแหน่ง ต่าง ๆ เวลาเขาได้ไปมันก็จะอธิบายได้ ถ้ามีคำถามใด ๆ ก็จะตอบได้ว่าเขามีความเหมาะสมกัน อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราอยากได้ ท่านเองก็สามารถที่อธิบายกับสังคมได้ว่าการเลือกตำรวจ มานั่งในตำแหน่งต่าง ๆ มันมีคุณสมบัติรองรับ ไม่ได้เป็นเรื่องของตั๋ว ไม่ได้เป็นเรื่องของ เส้นสาย ไม่ได้เป็นเรื่องของระบบอุปถัมภ์เท่านั้น ท่านสามารถดำเนินการเหล่านี้ได้ไหม ประธาน ก.ตร. คือนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ท่านออกนโยบาย เหล่านี้ได้ไหม เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ เรียนถามครับ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกลครับ ขอสไลด์ขึ้นหน่อยครับ
ในเรื่องของตำรวจที่ต้อง เข้าโรงพยาบาลครับ ท่านประธานครับ ผมไม่อยากจะใช้เวลามากนะครับ ผมขออนุญาต อ่านสักครู่นะครับ กลับไปเมื่อสักครู่ครับ สวัสดีครับ Admin อยากเล่าปัญหาที่โรงพัก ให้ฟังครับ วันนี้พนักงานสอบสวนจบใหม่ประสบอุบัติเหตุและประจวบเหมาะกับคำสั่ง แต่งตั้งโยกย้ายเพิ่งออก ทำให้ระดับไม่มีกำลังพลในโรงพัก ๑. รองผู้กำกับสอบสวน ที่จะต้องมาดำรงตำแหน่งก็ไม่อยากมาอยู่ จะทำเรื่องลาออก ๒. สารวัตรสอบสวนทำเรื่อง สลับตัวเพื่อจะกลับบ้านเกิดก็ไม่ได้กลับ จึงตัดสินใจลาออก ๓. รองสารวัตรอีกคนก็ขึ้น สารวัตรที่โรงพักอื่น ทำให้ตอนนี้โรงพักเหลือร้อยเวรคนเดียว เข้าเวรติดต่อกันมาแล้วตั้งแต่ วันที่ ๓ ธันวาคม จนถึงวันนี้ประสบอุบัติเหตุเข้ารักษาโรงพยาบาล ทำให้ที่โรงพักตอนนี้ ไม่มีร้อยเวรเข้าเวรเลยครับ อยากให้ผู้บังคับบัญชาส่งคนมาช่วยเข้าเวรที่โรงพักด้วยครับ ท่าไม้รวก เพชรบุรีคนบ้านเดียวกัน ท่านประธานครับ นี่คือสภาพที่เกิดขึ้นครับ ท่านอาจจะพูด อย่างไร้หัวใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่ข้อเท็จจริงมันมีคนลาออกครับ มันมีคน ที่รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ที่นี่ครับ มันเกิดขึ้นอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะในตำแหน่งพนักงานสอบสวนครับ ประเด็นของการแต่งตั้งโยกย้ายมันอาจจะ ไม่ได้แย่ขนาดนี้ครับ ความเชื่อถือศรัทธาเรื่องการอุปถัมภ์และการใช้ตั๋วมันจะไม่ได้แย่ขนาดนี้ ถ้าท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งสังคมพึงเชื่อมั่นว่าคำพูดของท่านเป็นคำพูดที่น่าเชื่อถือ แล้วท่าน พูดได้อย่างชัดเจนว่ามันมีเรื่องตั๋ว มันมีการฝากกันนี้ วันนี้ความเชื่อมั่นเรื่องตำรวจมันไม่มีครับ ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนหลายคนเขาก็ไม่อยากมาครับ งานมันเยอะ งานมันหนัก แล้วท่านรัฐมนตรีรู้ไหมครับ วันนี้ถ้าเกิดท่านไปแจ้งความโรงพัก ถ้าท่านไม่ใช่รัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน แต่เป็นคนธรรมดาถ้าท่านไปแจ้งความหลายกรณีตำรวจไม่รับแจ้งความ เพราะกำลังไม่เพียงพอ เขาต้องทำสมุดรับบันทึกประจำวันอีกเล่มหนึ่งเป็นสมุดหลอก ๆ แล้วลงเอาไว้เพื่อให้ประชาชนไม่มีคำถาม แต่มันไม่มีการออกเลขคดี ท่านทราบไหม ว่าวันนี้ปัญหาของตำรวจมันพังไปหมดแล้วครับ ผมจึงอยากให้ท่านมารับฟัง จริง ๆ ต้องเป็น ท่านนายกรัฐมนตรี แล้วถามเลยท่านจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร แล้วอันที่ ๒ ขอถามย้ำ นิดเดียวกับท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ ตอบว่าใช่ ไม่ใช่ ก็ได้ครับ ท่านไม่ได้รับการ Brief ว่า ประโยคที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดแบบนั้นมีความหมายว่าอย่างไร ใช่หรือไม่ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานครับ ขออนุญาต สั้น ๆ นิดเดียวครับท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม ครับ
ท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้านครับ ขออนุญาตครับเมื่อสักครู่ ผม Check ในหน้าจอ เสียงมันอยู่ที่ประมาณ ๒๑๘ ตีว่า ๒๒๐ ครับ ตอนนี้มันไม่ครบองค์ แต่ว่าเพื่อให้สภาเดินหน้าต่อไปได้ครับ พวกผมพรรคก้าวไกลเราพร้อมที่จะกดบัตรแสดงตน แต่หวังว่าในอนาคตเพื่อน สส. จากซีกรัฐบาลจะตั้งใจมาในสภาแห่งนี้เพื่อทำหน้าที่ของตน ด้วยครับ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธาน ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอร่วมอภิปรายการพิจารณา ของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องของการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทาง การตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เราคงต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่าในช่วงเวลา ที่ผ่านมามันมีความขัดแย้งทางการเมืองจำนวนมาก มีการใช้นิติศาสตร์สงคราม มีการ ดำเนินคดี เมื่อสักครู่ท่านผู้อภิปรายสักครู่ก็ช่วยยืนยันว่ามันมีทั้งผู้ลี้ภัย มีผู้ที่ต้องไปอดอาหาร ประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง ท่านประธานเราจะเห็นว่าความขัดแย้ง เหล่านี้มันเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว ก่อนหน้านี้เราอาจจะเห็นคนที่มีอายุสักหน่อย ที่เรียกร้องความยุติธรรมและถูกดำเนินคดี วันเวลาผ่านไปความขัดแย้งทางการเมืองไม่สิ้นสุด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็กลายเป็นว่าวันนี้คนหนุ่มสาวจำนวนมากและรวมไปถึงคนที่เคยมี ประสบการณ์ในการต่อสู้เมื่อครั้งในอดีต วันนี้เขาก็ออกมาชุมนุมประท้วงต่อสู้ถูกดำเนินคดี พูดกันตรง ๆ การดำเนินคดีเหล่านี้ประเทศไทยของเราได้อะไร เราเอาคนนับพันไปขังไว้ใน เรือนจำ ประเทศของเราได้อะไร มันไม่มีทางที่จะได้ประโยชน์หรอกครับ แล้วเราก็ต้อง ยอมรับว่าถ้าเราต้องการแก้ปัญหาวิกฤติแบบนี้มันไม่มีหนทางอื่น เพราะถ้าเราใช้ระบบ กฎหมายที่เป็นอยู่ในวันนี้ สิ่งที่เราจะเห็นก็คือลูกหลานของเรา คนที่เราบอกว่าคืออนาคต ของชาติเขาเข้าไปอยู่ในเรือนจำครับ ถามว่าเข้าไปอยู่ในเรือนจำ สิ่งที่ตามมาคืออะไรครับ คนรอบตัวของเขาก็จะรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วถามว่าเชื้อไฟเหล่านี้มันจะมี วันหมดหายไปหรือครับ มันไม่มีทาง มันก็จะมีการชุมนุมประท้วงต่อไปเรื่อย ๆ มันก็จะมีการ เรียกร้องต่อไปเรื่อย ๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมวันนี้ไม่ใช่เพราะมีผู้คนออกมาชุมนุมประท้วง แต่เพราะมันมี ความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม ดังนั้นแนวความคิดของการที่เราจะนิรโทษกรรม สิ่งแรก ที่เราจะต้องติดกระดุมให้ถูกต้องก่อน เราไม่ควรจะเริ่มต้นด้วยการจำกัดว่าถ้าทำความผิด มาตรานี้ ข้อหานี้ จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม ถ้าเราเริ่มต้นในการขีดเส้นแบบนั้น สิ่งที่จะ เกิดขึ้นตามมาก็คือจะมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้รับความยุติธรรมต่อไป แน่นอนครับถ้าเราไม่ได้ พูดถึงหลักพัน หลักหมื่น หลักแสน เขาอาจจะเป็นคนหลักร้อย แต่สังคมกำลังรู้สึกว่าหลักร้อย ที่ว่านี้เราจะมั่นใจต่อกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงต้องเริ่มต้นในการ Design ประตูนี้ให้เปิดกว้างที่สุด ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องทำคืออย่าไปกำหนดว่าข้อหา อย่างเช่น ๑๑๒ ถ้ามี ๑๑๒ ถูกดำเนินคดีด้วย ๑๑๒ อย่างนี้ไม่ได้รับนิรโทษกรรม เราทำแบบนี้ ไม่ได้ สืบเนื่องจากเมื่อวานครับ เมื่อวานเราได้เห็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแน่นอน ในฐานะของพรรคก้าวไกลเราพยายามที่จะทำหน้าที่ในการแก้วิกฤติทางการเมือง แต่เราต้อง ยอมรับว่าผลของคำวินิจฉัยเมื่อวานทำให้พื้นที่ของการหาทางออกทางการเมืองมันยากขึ้น เรื่อย ๆ แต่ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอย่างน้อยสภาแห่งนี้ เฉพาะหน้าการพิจารณาในเรื่องของ การนิรโทษกรรมจะเป็นส่วนสำคัญที่อย่างน้อยเราได้ถอนฟืนออกจากกองไฟเสียบ้าง อาจจะ ไม่ได้แก้ปัญหาวิกฤติทั้งหมด แต่อย่างน้อย ๆ ที่สุดเรากำลังคืนคนที่เป็นคนหนุ่มสาว คนที่เขา ออกไปเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งการเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเป็นความผิดทางอาญา ให้กลับคืนสู่สังคม นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็น และนี่คือสิ่งที่กลไกของสภาควรจะทำหน้าที่ ด้วยเหตุนั้นพรรคก้าวไกลนำโดยท่านผู้นำฝ่ายค้าน เราได้นำเสนอร่างของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นร่างนิรโทษกรรม ซึ่งมีหลักการ ๔ ข้อที่ผมอยากจะนำเสนอ เป็น ๔ หลักการเพื่อ ประกอบการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งจริง ๆ ถ้าเกิดรับฟังเนื้อหาการอภิปราย ของแต่ละท่านผมนึกว่าเป็นการอภิปรายวาระหนึ่งของ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมไปแล้วนะครับ นี่ถ้าไม่ใช่วิสามัญศึกษา แต่เป็นร่างกฎหมาย วันนี้เราผ่านวาระหนึ่งไปแล้วนะครับ เพราะฟัง จากเนื้อหาหลาย ๆ ท่านส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ก็เห็นปัญหา ดังนั้นกลับมาที่หลักการที่ควรจะ มีการพิจารณาหลักการข้อที่ ๑ การจะนิรโทษกรรม ย้ำกันให้ชัดอีกครั้ง อย่าไปกำหนดว่า ถ้าผิดมาตรานี้นิรโทษไม่ได้ การจะกำหนดในลักษณะแบบนั้นจะต้องมีการจำกัดเอาไว้จริง ๆ ซึ่งนำมาสู่ข้อที่ ๒ ถ้าเราจะจำกัดกันจริง ๆ ว่าอะไรที่ห้ามนิรโทษมันควรจะมีลักษณะที่ร้ายแรง ร้ายแรงอย่างไร เช่น เป็นผู้ที่จะกระทำความผิดมาตรา ๑๑๓ เช่น เป็นบุคคลที่เคยรัฐประหาร วันที่ ๒๒ พฤษภาคม แบบนี้ไม่ควรจะได้รับการนิรโทษกรรม หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ควบคุมการชุมนุม สามารถควบคุมการชุมนุมที่ไล่ระดับตั้งแต่น้อยไปหามาก แต่ปรากฏว่าไปสั่ง ให้เจ้าหน้าที่ตีหัว ตีกบาลผู้ชุมนุม แบบนี้ไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม เพราะเป็นการกระทำ ที่เกินกว่าเหตุ หรือนำไปสู่การกระทำที่นำไปสู่การพรากชีวิต แบบนี้ไม่ควรนิรโทษกรรม แต่ที่เหลือครับท่านประธานเขาควรมีโอกาสที่ได้รับการนิรโทษกรรมได้ ถัดมาข้อที่ ๓ สิ่งที่ พรรคก้าวไกลเรานำเสนอ เรารู้ดีว่าวันนี้ความขัดแย้งทางการเมืองมันมีเวลาอย่างยาวนาน แล้วมันขัดแย้งที่แตกต่างและมีจุดยืนในหลาย ๆ กรณีที่ไม่เหมือนกัน แต่เราก็พึงตระหนักว่าคนที่ออกไปชุมนุมเขาล้วนมีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่เราควรจะทำ เราอาจจะไม่สามารถนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งกันทั้งหมดได้ เพราะระยะเวลามันกว้าง มันมีความจำเป็นที่จะต้องการกลั่นกรองว่ากรณีแบบไหนที่สมควร จะได้รับการนิรโทษกรรม การนิรโทษกรรมครั้งนี้จึงไม่สามารถจะพิจารณาแค่เฉพาะในแง่มุม ทางกฎหมายอย่างเดียวได้ด้วยซ้ำ แต่มันต้องมีมิติทางการเมือง มีหลาย ๆ มิติที่เป็น องค์ประกอบเข้ากันมา พรรคก้าวไกลเราจึงเสนอว่ามันควรจะมีคณะกรรมการให้ระยะเวลา ของ ๒ ปีในการพิจารณา ไม่ว่าจะประกอบไปด้วยประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้าน บุคคลซึ่ง ครม. เลือกมา ๑ คน สส. ข้างรัฐบาล ข้างฝ่ายค้านอย่างละ ๑ คน ผู้พิพากษา หรืออดีตผู้พิพากษาโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ตุลาการ หรืออดีตตุลาการศาลปกครอง โดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครอง อัยการ หรืออดีตอัยการ โดยคณะกรรมการอัยการอย่างละ ๑ คน รวมไปถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อีก ๑ คน เป็นองค์ประกอบในการพิจารณา แล้วชี้ขาดลงไปว่าใคร กรณีไหนถึงสมควรที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ดูจากองค์ประกอบ แบบนี้ผมมีความเชื่อมั่นว่ามันไม่ได้นำไปสู่การเข้าข้างใด เข้าข้างฝ่ายหนึ่งเพียงอย่างเดียว มากไปกว่านั้นท่านประธานเรียนกันตามตรง ถ้าเราจะนิรโทษกรรมมันต้องอาศัยเจตจำนง ทางการเมือง และในบางครั้งการแสวงหาเจตจำนงทางการเมืองมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา บางข้อหา บางมาตรา อย่างเช่นยกตัวอย่างคือ มาตรา ๑๑๒ ถ้าไม่คุยกันจบ ไม่เคลียร์กันได้ พูดกันตรง ๆ คนที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา ๑๑๒ ก็คงจะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม แต่อย่างน้อย ถ้าเรามีประตูบานที่มันใหญ่พอแล้วให้เวลาเพียงพอ เราอาจจะหาทางออกได้ แต่ขอร้อง อย่ารีบปิดประตูนี้ และข้อสุดท้ายท่านประธาน ผมเข้าใจดีว่ามีหลายท่านที่อาจจะเชื่อมั่น ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมและคิดว่าไม่อยากจะเข้าสู่กระบวนการของการนิรโทษกรรม เราก็เปิดช่องให้ท่านสามารถสละสิทธิ์ได้ กรณีเช่นนี้ถ้าท่านรู้สึกว่าถ้าท่านได้รับการนิรโทษกรรม ไปแล้วเดี๋ยวจะเป็น Conflict Of Interest เดี๋ยวจะเป็นการอาจจะเรียกว่าเคยต่อต้าน การนิรโทษกรรมมาก่อน แล้ววันนี้จะมาได้รับการนิรโทษกรรมเสียเอง ไม่อยากจะเข้าร่วม ไม่เป็นอะไรใช้ช่องทางนี้ทำได้ ๔ ข้อนี้ท่านประธาน เป็นหลักการสำคัญที่ผมอยากจะให้ คณะกรรมการที่จะตั้ง ซึ่งผมเชื่อว่าจะตั้งสำเร็จได้พิจารณา แล้วผมหวังว่าเราจะมี ไม่ว่า จะเป็นรายงานหรือร่างศึกษาที่ออกมาที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศนี้และประชาชนอย่างจริง ๆ อย่าให้เขาว่าได้ว่ามีแต่ทหาร มีแต่คณะรัฐประหารที่สามารถนิรโทษกรรม วันนี้สภาที่มาจาก ประชาชน สภาที่ประชาชนเขาไว้วางใจ เราควรทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขอบคุณ ท่านประธานครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สำหรับในญัตติเรื่องนี้ ผมอยากจะเริ่มต้นด้วยการแสดงความคิดเห็นว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาบรรยากาศที่เกิดขึ้น หลังจากที่เราเห็นภาพในข่าว ต้องยอมรับว่าบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ซึ่งต้องยอมรับต่อไปว่ามันเลยไปจากสถานการณ์แห่งความเป็นจริงอย่างมาก ผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจว่าท่านทั้งหลายจะมีความรู้สึกต่อเรื่องนี้ต่าง ๆ นานา แต่หากเราไม่พิจารณาเรื่องนี้ อย่างมีวุฒิภาวะด้วยจิตใจที่มั่นคง สิ่งที่ท่านทั้งหลายกำลังร่วมกันสร้างคือการสร้าง บรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ซึ่งหลักฐานสำคัญว่าการสร้างบรรยากาศแห่งความ หวาดกลัวได้เกิดขึ้นนั้น ก็คือการทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นต่อกลุ่มนักเคลื่อนไหว โดยเกิดขึ้น ต่อหน้าตำรวจ เกิดขึ้นต่อหน้าสื่อมวลชน เกิดขึ้นต่อหน้าธารกำนัล เกิดขึ้นกลางเมืองหลวง ที่คนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะเต็มไปหมด ท่านประธานครับ และจนถึงวันนี้หลังจาก มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เท่าที่ผม Check ข่าวล่าสุด Check จากข่าวนะครับ ก็ไม่ได้มี การดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความรุนแรงดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
ท่านประธานครับ ในการขับรถ ติดตามขบวนเสด็จของคุณตะวันและเพื่อน ๆ ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หากเราพิจารณากันอย่างละเอียดเราจะพบว่าเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ อย่างใจเย็นเป็นอย่างมาก การควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยท่าทีเช่นนี้ทำให้ สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลาย เป็นวิธีการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและมี วุฒิภาวะ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ได้เกิดขึ้นจริง ซึ่งผมเชื่อว่าหากกลุ่มนักเคลื่อนไหวมี ความพยายามกระทำบางอย่างที่มากกว่าที่เราเห็น อย่างการบีบแตร อย่างการขับรถจี้ท้ายนี้ หากมันมีมากกว่านั้นผมก็เชื่อว่าตำรวจที่รักษาความปลอดภัยก็คงจะมีมาตรการที่มากขึ้น เพื่อรักษาความปลอดภัยให้บรรลุผลให้ได้ แล้วหากเราพิจารณาต่อไปด้วยวิธีคิดตามตัวบท กฎหมายที่มี อย่าง พ.ร.บ. การถวายความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามมาตรา ๕ ประกอบ มาตรา ๗ เราก็จะพบว่ากฎหมายได้ให้อำนาจอย่างกว้างขวางและเพียงพอที่จะรักษาความ ปลอดภัยได้อยู่แล้ว กฎหมายไม่ได้กำหนดอย่างเฉพาะเจาะจงนะครับ แต่กฎหมายได้อนุญาต ให้ผู้มีอำนาจสามารถที่จะใช้ดุลยพินิจในการปรับเปลี่ยนสถานการณ์ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ เกิดขึ้นได้จริง ทั้งหมดที่ผมพูดมาก็เพื่อจะบอกว่าวันนี้สิ่งที่เราต้องมีคือสติ แน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้น ของบรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหว หากมีการกระทำที่มีความผิดจริงตามกฎหมาย เรื่องนี้เข้าใจครับ ถ้าจะว่ากันไปตามกฎหมาย เข้าใจ แต่ถึงที่สุดหากจะมีการปรับใช้กฎหมาย สิ่งสำคัญ ที่มากไปกว่านั้นก็คือมันต้องมีการใช้อย่างโปร่งใสได้สัดส่วนกับความผิดที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งคำถามสำคัญก็คือวันนี้ความผิดดังกล่าวกับกฎหมายที่กำลังปรับใช้นั้นได้สัดส่วนหรือไม่ ซึ่งผู้มีอำนาจต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้ หากมิฉะนั้นมันก็จะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ เป็นความขัดแย้งที่อาจจะลุกลามบานปลายแล้วไม่จบสิ้น ปัญหาเดิมยังไม่แก้ ปัญหาใหม่ กำลังจะมา ท่านประธานครับ พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ผมรู้สึกผิดหวังกับท่าทีของ นายกรัฐมนตรี ท่านไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดีของบ้านเมืองนี้ การพูดว่าผมและ คณะรัฐมนตรีไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่าง เคร่งครัดเพื่อปกป้องสถาบัน แปลว่าอะไรครับ ผมฟังท่อนแรกเกือบจะดีครับ แต่ท่อนต่อมา ที่ฟังไปแล้วผมไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ท่านกำลังเรียกร้องให้มีการใช้กฎหมายอย่าง เคร่งครัดกับผู้ที่ก่อความรุนแรงเลย ท่านไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง แต่ท่านไม่ได้เรียกร้องให้ มีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ก่อความรุนแรง เช่นนี้แล้วเราจะปกครองบ้านเมืองกันอย่างไร คำพูดแบบนี้จะกลายเป็นการเขียนเช็คเปล่าให้กับผู้ที่ใช้ความรุนแรงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ผู้นำ ควรจะปฏิบัติจริง ๆ หรือครับ ผมอยากให้พวกท่านทั้งหลายที่กำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ก่อนพูดอะไรลองถามตัวเองก่อนว่า ที่พูดไปนั้น พูดไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา หากเราถอยไปสักนิดนะครับ เราไปย้อนดูสักหน่อย การกระทำของกลุ่มนักเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้พวกเขาก็พยายามนำเสนอวิธีการอย่างสงบ ในการที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เราอาจจะเห็นเขาตั้งคำถามหลาย ๆ คำถามที่เสียดแทง จิตใจของคนในสังคม ผ่านการให้คนติด Sticker เราอาจจะไม่ชอบวิธีการที่เขาใช้ เราอาจจะ ไม่เห็นด้วยกับการที่เขาถาม แต่เราต้องยอมรับว่าการตั้งคำถามและติด Sticker แม้อาจจะ ทำให้คนบางคนปวดร้าวในจิตใจ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาไม่ได้ลงมือทำร้ายใครครับ เขาทำแบบนี้อาจจะเพราะที่ผ่านมาเรากำลังทำหน้าที่ในสภานี้ไม่ดีพอ เราไม่สามารถที่จะเอา บทสนทนาที่เกิดขึ้นบนท้องถนนเข้ามาสู่สภาและพูดแทนพวกเขาได้ เราอาจกำลังล้มเหลว แล้วปล่อยให้พวกเขาต้องไปดิ้นรนหาวิธีการกันเอง และสิ่งที่ตามมาคือการบังคับใช้กฎหมาย นิติสงคราม ทำให้คนที่รณรงค์ผ่านการถามด้วย Sticker กลายเป็นต้องใช้วิธีการอื่นเพื่อทำให้ ประเด็นของพวกเขาถูกสนใจ
อันนี้ให้ผมชี้แจงสักนิดหนึ่งได้ไหม ท่านประธานครับ อย่าเพิ่งจับเวลานะครับ ผมพยายามจะชี้แจงจริง ๆ ผู้ที่ลุกประท้วงนะครับ ก็ต้องบอกว่าท่อนไหนของผมที่ไม่อยู่ในญัตติ ผมกำลังจะบอกว่าวันนี้เรากำลังพูดถึงมาตรการ รักษาความปลอดภัย ถูกต้องไหมครับ แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยต้องอยู่บน ความเป็นจริงแล้วสิ่งสำคัญคือต้องมีสติครับ ถ้าเกิดสมมุติว่าเราไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นและสติ เราจะรักษาความปลอดภัยได้อย่างไรครับ เรียนด้วยความเคารพครับ ท่านประธาน เป็นข้อมูลให้ท่านประธานได้วินิจฉัย เพราะอาจจะมีผู้ประท้วงได้ประท้วงอีก ครั้งนะครับ
ท่านประธานครับ วันนี้เราเห็น สัญญาณที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ของการสร้างความหวาดกลัว กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ศปปส. Post ข้อความปลุกปั่นใน Social Media ว่าจะเชือดไก่ให้ลิงดู เก็บคุณตะวันที่อายุ ๒๐ ปี เป็นคนแรก ขู่ฆ่าน้องหยกที่อายุ ๑๕ ปี หรือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า อาชีวะราชภักดี ที่ขู่จัดการ คุณสายน้ำตาม Style อาชีวะ ปะทะก่อนค่อยคุย นี่คือกลุ่มคนที่จะนำพาความรุนแรง ความหวาดกลัวให้เข้ามาในสังคม เราไม่รู้
ประเด็นไหนออกนอกประเด็นครับ
ท่านประธานครับ ขออนุญาต ให้ข้อมูลนิดเดียวได้ไหมครับ
ขอบคุณครับ ประเด็นก็คือมันยังมี ความรุนแรงถ้อยคำอีกจำนวนมากที่ถูกเอื้อนเอ่ยผ่านบุคคลสำคัญจำนวนมาก แม้กระทั่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่พูดไปไกลถึงการเนรคุณ แผ่นดิน การปลุกปั่นแบบนี้ที่ผมพูดมาแล้วอยู่ในญัตติที่ท่านฟังไม่จบนี่ เพราะว่าท่านกำลัง ปลุกปั่นให้สถานการณ์มันร้ายแรงเกินกว่าความเป็นจริงมาก แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร รู้ไหมครับ นอกจากสิ่งที่ท่านวิโรจน์ได้พูดไปแล้วว่ามีการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาอยู่ ในใจกลางปัญหาของความขัดแย้ง แต่การปลุกปั่นแบบนี้มันกำลังทำให้คนทั้งสังคมนี้ไม่รู้สึก ปลอดภัยเลยครับ แล้วท่านจะ Design ท่านจะสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยอะไรในเมื่อสุดท้าย ผีที่ท่านสร้างขึ้นมามันมาจากพวกท่านเอง ท่านประธานครับ ถ้อยคำรุนแรงเหล่านี้สุดท้าย มันนำไปสู่การข่มขู่ว่าจะโยนกลุ่มคนเหล่านี้ เยาวชนเหล่านี้ลงจาก Sky Walk ถ้าวันหนึ่งเรา ปล่อยให้สถานการณ์บานปลายต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งผมในฐานะของ สส. คนหนึ่งที่พยายามดึงสติ หากไม่มีการดึงสติกันเลย แล้วมันเกิดขึ้นจริงใครจะรับผิดชอบ ดังนั้นผมอยากจะใช้โอกาสนี้ ที่ส่งไปถึงท่านนายกรัฐมนตรีไปถึงรัฐบาล สติครับ เพราะหากความรุนแรงมันเกิดขึ้นแล้ว สุดท้ายผู้ที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งวันนี้รู้สึกว่าใช้ความรุนแรงโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนี้ คนเขาจะหาว่ารัฐบาลคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเหล่านี้ อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลยครับ ขอบคุณ ครับท่านประธาน
ท่านประธานครับ สั้น ๆ นิดเดียวครับ ผมคิดว่าจริง ๆ การที่ผมเอารูปขึ้นสไลด์ผมก็ยื่นอย่างถูกต้องนะครับ แล้วก็เข้าใจว่ามัน ก็คงจะต้องมีการพิจารณากันอย่างตามระบบ แล้วก็เมื่อมีการพิจารณานี้สุดท้ายก็เข้าใจว่า เป็นอำนาจของท่านประธานที่จะต้องเป็นผู้พิจารณาท่านสุดท้าย ซึ่งเรื่องนี้ผมก็คิดว่าโดยทั่วไปการเอารูปถ่ายของท่านรัฐมนตรีต่าง ๆ โดยทั่วไปมันก็ขึ้นได้ อยู่แล้ว เพราะท่านมีสิทธิที่จะชี้แจงในสภา ก็ต้องขอบคุณท่านชาดานะครับ จริง ๆ ผมสะกิด ท่านชาดา บอกว่าท่านควรจะอยู่เพื่อท่านจะได้ชี้แจง แล้วผมก็คิดว่าท่านก็มีสิทธิชี้แจงครับ แต่ก็ใจเย็น ๆ กันนิดหนึ่งครับ เพราะว่าผมเองถ้าท่านฟังการอภิปรายของผม แล้วก็แม้กระทั่ง การขึ้นรูป ผมคิดว่าเราไม่ได้ปรักปรำว่าท่านจะไปอยู่เบื้องหลัง ไม่มีประโยคจากตรงไหนเลย ที่เป็นการปรักปรำ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้อง Note เอาไว้นิดหนึ่งครับท่านประธาน แน่นอนครับ ท่านอาจจะไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ผู้ที่เขาไปกระทำด้วยความรุนแรงต่าง ๆ ถ้าท่านประธาน ขึ้นรูปอีกสักครั้งแล้วดูประโยคที่เขา
นิดเดียวครับ ท่านชาดาผมขอ นิดเดียว ผมไม่ได้ปรักปรำอะไรท่านเพิ่มนะครับ
ท่านชาดา ผมนิดเดียวจริง ๆ ผมกำลังจะบอกว่าประโยคที่พูดนั้นไม่ได้เป็นประโยคของท่านชาดา แต่เป็นประโยคของ ผู้ที่ก่อความรุนแรง แล้วเขาอาจจะคิดด้วยซ้ำไปว่าเขาได้รับ Backup ทั้ง ๆ ที่ในความเป็น จริงอาจจะไม่มีคนอยู่เบื้องหลังเขาเลยก็ได้ และจริง ๆ กรณีแบบนี้มันเป็นตัวอย่างที่ดี ผมเชื่อ ว่าเรานักการเมืองทั้งหลายถูกโยงไปกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่การกระทำจริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นขนาดนั้น ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากให้มีในวันนี้คือสติครับ หลายท่านเข้ามาเป็นผู้ใหญ่ กันแล้วมีสติหน่อย เป็นหลักเป็นฐานให้กับบ้านเมืองนี้เพื่อที่เราจะได้ผ่านช่วงเวลาแห่ง การก้าวผ่านตรงนี้ออกไปได้ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ เมื่อสักครู่ท่านปกรณ์วุฒิ ได้มีการเสนอว่าในเรื่องดังกล่าวอาจจะสามารถส่งไปที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ผมในฐานะที่เป็นประธานของ กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ผมคิดว่าในเมื่อถ้าที่ประชุมแห่งนี้ให้ความสำคัญ และอยากจะให้การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไป ด้วยความละเอียดรอบคอบสอดคล้องกับความมั่นคงของชาติ และเนื่องจากกรรมาธิการของ ผมก็ทำหน้าที่ในเรื่องของการดูความมั่นคงอยู่แล้ว ผมเองก็ยินดีนะครับท่านประธานที่จะรับ เรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมาธิการ แล้วเดี๋ยวจะเชิญท่านชาดามาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เนื่องจากว่า เป็นผู้ที่ใช้สิทธิอภิปรายค่อนข้างเยอะ ดังนั้นถ้าเราออกแบบนี้ทางผมเองก็พร้อมที่จะเป็น ตัวกลางที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในการพิจารณาต่อไปในคณะกรรมาธิการ ขอบคุณ ท่านประธานครับ
ท่านประธานครับ
ท่านประธานครับ ผม รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลครับ ขออนุญาตพูดในฐานะของ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและ การปฏิรูปประเทศ ผมมีข้อเสนอแนะอย่างนี้ คือจริง ๆ ตอนนี้บรรยากาศมันไปได้ตรงกันแล้ว คือการที่เราจะส่งเอกสารต่าง ๆ ให้กับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เนื่องจากว่าทุกท่านก็เห็นตรงกันว่าเรื่องนี้มันเป็น เรื่องความมั่นคง เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะถูกพิจารณา แล้วก็ได้มีการอภิปรายกันอย่าง กว้างขวางในสภาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อให้มันเกิดความละเอียดรอบคอบแล้วจะ ส่งไปที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและ การปฏิรูปประเทศ ทางผมได้แสดงเจตจำนงไปแล้วครับท่านประธานว่าไม่ได้ติดขัดอะไร ดังนั้นไม่อยากให้มันเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากแล้วทำหนังสือไปมาครับท่านประธาน เนื่องจากว่าการส่งให้คณะกรรมาธิการต่าง ๆ เราสามารถทำได้อยู่แล้วภายใต้ห้องใหญ่ เนื่องจากว่าห้องใหญ่ของเราเป็นชุดหลัก ส่วนคณะกรรมาธิการก็ต้องทำหน้าที่ภายใต้กรอบ ที่ชุดใหญ่มอบหมายอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อความสะดวกอยากให้ส่งไปได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้อง ทำหนังสือในเรื่องของทางธุรการ ขอบคุณครับ