เรียนประธานสภาค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วันนี้มีความเดือดร้อนของ พี่น้องประชาชนมาปรึกษาหารือท่านประธาน ๖ เรื่อง ดังนี้ค่ะ
เรื่องแรก ขอให้มีการสร้าง สะพานขนาดมาตรฐาน เพื่อระบายน้ำถนนเลียบทะเลสาบ อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวตามภาพเป็นแค่บล็อกซีเมนต์ที่ใช้เพื่อระบายน้ำ บริเวณนี้เป็นบริเวณ รับน้ำจากหลายพื้นที่ในอำเภอปากพะยูน ทำให้ในช่วงฤดูฝนไม่สามารถระบายน้ำลงทะเลได้ทัน ส่งผลให้น้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรของพี่น้องประชาชน พื้นที่เกษตรของ พี่น้องประชาชนปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๒ ครั้ง พวกเขาเรียกร้องสะพานขนาดมาตรฐานมานาน ๑๐ ปี ฝากกรมทางหลวงชนบทเร่งดำเนินการค่ะ
เรื่องที่ ๒ ประชาชนในพื้นที่ทะเลน้อยตั้งข้อสังเกตว่ามีการเข้าไปปรับสภาพ พื้นดินเพื่อปลูกต้นยูคาลิปตัส ๑,๐๐๐ ไร่ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เรื่องนี้ สื่อนำเสนอไปแล้วนะคะ ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเร่งด่วนค่ะ
เรื่องที่ ๓ ถนนสายเลียบชลประทานสายใหญ่ฝั่งซ้าย บ้านไร่ ป่าบอนเหนือ ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ ๑ หมู่ที่ ๒ หมู่ที่ ๓ หมู่ที่ ๗ และหมู่ที่ ๑๐ ตำบลป่าบอน จังหวัดพัทลุง ระยะทางประมาณ ๕.๕ กิโลเมตร เป็นหลุมเป็นบ่อ ผู้ใช้ถนนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ถนนเส้นนี้ไม่ได้รับการซ่อมมานานค่ะ อบต. ป่าบอนไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้ เนื่องจาก เป็นความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ฝากกรมชลประทานแก้ไขเร่งด่วนค่ะ
เรื่องที่ ๔ สส. เฉลิมพงศ์ แสงดี สส. เขต ๒ จังหวัดภูเก็ต ฝากความเดือดร้อน ของพี่น้องจังหวัดภูเก็ตมาว่าถนนผังเมืองสาย ก ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ประสบปัญหาการจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยโครงการรับเหมาก่อสร้าง ระบบป้องกันน้ำท่วม พื้นที่ชุมชนป่าตองของกรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการล่าช้า กว่า ๖ ปี ทำให้การสัญจรไปมาลำบากมาก หากไม่มีการแก้ไขจะส่งผลกระทบต่อ การท่องเที่ยว ก็ขอให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการพิจารณาเร่งด่วนค่ะ
เรื่องที่ ๕ ดิฉันได้รับการร้องเรียนจากนายปกรณ์ อารีกุล อดีตผู้สมัคร สส. เขต ๑ นครศรีธรรมราช พรรคก้าวไกล ว่าพื้นที่นครศรีธรรมราชตอนนี้ประสบปัญหา ราคามังคุดตกต่ำ มีเพื่อน สส. หลายคนนำปัญหานี้มาหารือในสภาแล้วแต่ยังไม่มี ความคืบหน้าใด ๆ ค่ะ ขอเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับไปรษณีย์ไทย กรมการบินพลเรือน การท่าอากาศยาน จัดทำโครงการมังคุดส่งฟรีเพื่อเกษตรกร เหมือนที่เคยดำเนินการในอดีตค่ะ ขอหารือท่านประธานนะคะ ขอให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ขอบคุณค่ะ
เรียนประธานสภาค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ท่านประธานคะ ก่อนอื่นดิฉันขอชื่นชม การดำเนินงานของ Thai PBS ที่บรรจุไว้ในรายงานเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นกลาง ในการนำเสนอข่าว ความน่าเชื่อถือของข้อมูลข่าวสาร การช่วยเหลือคนพิการให้เข้าถึงข้อมูล ของสื่อ คะแนนความน่าเชื่อถือของ Thai PBS ก็เป็นอันดับ ๑ เหนือกว่าสำนักข่าวอื่น รวมถึงยอดผู้ติดตามในสื่อ Online Thai PBS ก็บุกใน Platform นี้ได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า Thai PBS เป็นสื่อที่ดีมาก ๆ แต่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวรายการ ดีแต่ไม่มีคนดู Rating TV Digital ข้าม Platform เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ แสดงให้เห็นว่า Rating ในทุก Platform ของ Thai PBS นั้นจัดอยู่ในลำดับที่ ๑๖ จาก ๒๐ ช่อง แต่โจทย์ ที่เราต้องคิดต่อหลังจากนี้ไปว่า Thai PBS จะเดินต่อไปอย่างไรในสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป แบบนี้ ท่านประธานคะ ณ วันนี้ไม่ว่าประเทศไทยจะมีอะไรหยุดนิ่งหรือถอยหลัง แต่สื่อหลัก ต้องเดินให้ทันพลวัตของสังคม ดิฉันจึงมีข้อเสนอให้กับ Thai PBS ๒ ข้อเพื่อเพิ่มบทบาท ๑. เพิ่มบทบาทจากผู้ผลิต Content การศึกษาให้เป็นผู้ผลิต Platform การเรียนรู้ให้ได้ ๒. เพิ่มบทบาทให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับประเด็นสาธารณะ เพื่อเพิ่มเสียงสะท้อนของประชาชน ดิฉันในฐานะเด็กต่างจังหวัด เรียนมัธยมศึกษาในต่างจังหวัด การกวดวิชาแต่ละครั้งต้องเข้าไป ในเมืองใหญ่มีค่าใช้จ่ายมากมายค่ะ ปัจจุบันต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ปัจจุบันมีหลายครอบครัวเขายินดีที่จะต้องจ่ายเงินเดือนละหลายหมื่นบาทเพื่อให้ลูกเข้าไป เรียนพิเศษ นั่งดูจอกวดวิชาที่โรงเรียนกวดวิชาทำขึ้น ข้อมูลจากศูนย์ความรู้และนโยบายเด็ก Kid for Kids โดย 101 PUB บอกกับเราว่า เด็ก ๑ ใน ๓ ต้องเรียนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ยากจนหรือรวย สาเหตุที่เด็กไทยต้องหันไปพึ่งพาการเรียนพิเศษเพราะอะไร เพราะการเรียน ในระบบไม่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นการที่ครูไม่เปิดกว้าง ครูไม่สนใจ ความรู้ไม่ Update พอ หรือแม้กระทั่งสื่อการสอนที่ล้าสมัย นี่คือปัญหารากฐานของการศึกษาไทย ในขณะที่ การศึกษาในระบบกำลังตกต่ำลง มี Trend ใน Online ๑ เทรนด์ ที่ดิฉันคิดว่าน่าสนใจ มากเลยทีเดียว ถ้าสามารถเข้าไปบรรจุได้ในทีวีสาธารณะจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ และจะลด ช่องว่างการศึกษาให้กับเด็กไทยได้ค่ะ นั่นคือรายการที่เกี่ยวข้องกับความรู้ ไม่ใช่ความรู้ แบบเบาสมองหรือสารคดีที่ Thai PBS ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่เป็น Hard Knowledge เลย อธิบายความรู้ยาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ ย่อยออกมาให้เข้าใจ ง่าย ๆ นำเสนอผ่าน Production ที่น่าสนใจ เนื้อหาลักษณะนี้กำลังเติบโตเรื่อย ๆ และยอดรับชม แต่ละตอนหลักแสน ดิฉันใส่ใน Slide เพื่อเป็น Idea เผื่อ Thai PBS จะไปเปิดดูเพื่อนำไป พัฒนาเนื้อหาได้ต่อไปค่ะ ท่านประธานคะ เหตุผลที่ดิฉันต้องเล่าความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และเล่า Trend รายการความรู้เพราะอะไร เพราะดิฉันมองเห็นว่า Thai PBS จะไม่ใช่แค่ ผู้ผลิต Content รายการการศึกษา แต่ Thai PBS ต้องมีศักยภาพที่จะเป็น Platform การเรียนรู้ให้ได้ โดยเอา ๒ อย่างมาเข้า ด้วยกันคือความรู้และสร้างสรรค์ ผลิตเนื้อหาการเรียนรู้เพื่อลดช่องว่างการศึกษา ให้เด็ก ทุกคนเข้าถึงแหล่งความรู้ให้ได้ ด้วยการเรียบเรียงเนื้อหาอ้างอิงตามหลักสูตรแกนกลาง ของกระทรวงศึกษาธิการเลย ที่นักเรียนทุกคนสามารถใช้สอบ ใช้เรียนได้ หากนักเรียน คนไหนเรียนกับครูคนไหนไม่รู้เรื่อง เขาสามารถเปิดดูช่องนี้ได้ หรือแม้แต่อยากทบทวน บทเรียนก็เข้า YouTube Channel ช่องของ Thai PBS ทบทวนบทเรียนไปสอบได้เลย ท่านประธานคะ หาก Platform นี้เกิดขึ้นได้จริงจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ระบบการศึกษาไทยค่ะ
อีก ๑ ประเด็นที่ดิฉันอยากเห็นบทบาทของ TV สาธารณะ ดิฉันอยากเห็น TV สาธารณะเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนและเป็นพื้นที่ถกเถียงประเด็นก้าวหน้าแหลมคม ในสังคม เราไม่มีทางหลีกหนีการพูดคุยประเด็นก้าวหน้าและแหลมคมได้อีกต่อไปแล้วนะคะ ประเด็นการเมือง ประเด็นสังคมต้องถูกพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น TV สาธารณะควรมี บทบาทในการบริการทั้งรับและส่งสารกับประชาชนให้ได้ ล่าสุดที่เจอกรณีที่ iLaw ได้รับแจ้ง จาก กกต. ว่าการล่ารายชื่อประชาชนในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดย สสร. ไม่สามารถลงชื่อทาง Online ได้ ทำให้ ๔๐,๐๐๐ กว่ารายชื่อต้องเสียไป ดิฉันอยากเห็น บทบาทของ Thai PBS ในการนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชน เปิดพื้นที่ให้ ภาคประชาชนเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม ให้ประชาชนได้ร่วมกันมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน ประเทศให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาถูกรังแกจากผู้มีอำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ในอดีต Thai PBS เคยมีรายการที่ชื่อว่าทีวีจอเหนือที่นำเสนอประเด็นร้อนในสังคม ประเด็น ที่เป็นปัญหาท้องถิ่นและชุมชนที่กำลังเผชิญอยู่ การต่อสู้ของประชาชนในพื้นที่ การได้รับ ผลกระทบจากระบบทุนนิยมหรือนโยบายของรัฐ ปัญหาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ในท้องถิ่น ซึ่งหาก Thai PBS นำรายการนี้กลับมาได้ และเพิ่มความกล้าหาญทางการเมือง ทำให้บทบาท TV สาธารณะชัดขึ้น เปิดพื้นที่ถกเถียงในประเด็นต่าง ๆ เปิดพื้นที่ให้ขับเคลื่อน ข้อเสนอการสื่อสารร่างกฎหมายของประชาชน ประชาชนต้องมีโอกาสในการตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาลบนเวทีสาธารณะโดย TV สาธารณะให้ได้ เพื่อความสมดุลของโครงสร้าง อำนาจระหว่างพลเมืองกับรัฐ โดยเสียงของประชาชนต้องปรากฏผ่านสิทธิการสื่อสาร นำไปสู่ การแก้ไขและเปลี่ยนแปลงในประเทศนี้ให้ได้ ท่านประธานคะ ดิฉันอยากสื่อสารผ่านตัวแทน ของ Thai PBS วันนี้ ท่านไม่ต้องห่วงเลยว่ารายการแบบนี้ Rating จะไม่ดี ท่านสังเกตจาก การออกมาเลือกตั้งของประชาชนรอบนี้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงสังคม มากขึ้นแล้ว ขอให้ท่านสบายใจได้รายการแบบนี้พี่น้องประชาชนสนับสนุนแน่ ๆ ค่ะ ทั้งหมดนี้ดิฉันเชื่อว่า Thai PBS มีศักยภาพมากพอที่สามารถทำได้ และหากเรามี TV สาธารณะ ที่เป็นที่พึ่งกับประชาชนได้ เราหวังว่าจะมีประเทศที่เป็นของเราบ้าง วันนี้ประชาชน จำเป็นต้องมีโทรโข่งเพื่อส่งเสียงให้ดังที่สุด เพื่อให้รัฐบาลได้ยินและรับฟัง เพื่อป้องกัน การลักลั่นและหักหลังประชาชน ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล วันนี้ ขอมีส่วนร่วมในการอภิปรายญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและลุ่มน้ำทะเลสาบอื่นอย่างยั่งยืน ท่านประธานคะ ดิฉันในฐานะคนเกิดในอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เติบโตในพื้นที่ลุ่มน้ำ ทะเลสาบสงขลา อำเภอบ้านเกิดของดิฉันมีเส้นแบ่งเขตกับจังหวัดสงขลาเพียงแค่ ทะเลสาบกั้น ดังนั้นสิ่งที่ดิฉันจะอภิปรายต่อไปนี้เป็นมิติที่มองข้ามไม่ได้ เพราะนี่เรากำลัง พูดถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน การพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องไม่ลืมวิถีชีวิต อัตลักษณ์และวัฒนธรรม ของคนในพื้นที่ลุ่มน้ำ ดิฉันย้อนไปดูข้อมูลมีเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย Scoop ข่าว สารคดีที่นำเสนอเกี่ยวกับลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา อย่างน้อยก็ค้นเจอ เราพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ ปี ๒๕๔๖ หรือ ๒๐ ปีที่แล้ว ๒๐ ปีมาแล้วเรายังพูดเรื่องเดิม ๆ เพิ่มเติมคือปัญหาภัยคุกคาม ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาที่รุนแรงขึ้น เพื่อนสมาชิกคงทราบกันอยู่แล้วว่าพื้นที่ที่เรียกว่าลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาปกคลุม ๓ จังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ที่เคยรุ่งเรือง ทางวัฒนธรรม เป็นจุดเชื่อมโยงทางการค้า เป็นสถานที่ที่หลอมรวมความแตกต่างหลากหลาย ระหว่างคนไทย คนมลายูและคนเชื้อสายจีน ทำให้ก่อเกิดสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ที่ร่ำรวย ท่านเห็นอะไรไหมคะ นี่คือทุนทางวัฒนธรรมที่เราสามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ ให้กลายเป็นแหล่งงาน แหล่งรายได้ การสร้างเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กับการสืบทอดวัฒนธรรม วิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ ท่านประธานรู้จักปลามีหลังไหมคะ หรือปลาดุกทะเล ปลาชนิดนี้มีตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่อร่อยจะเป็นช่วงที่อ่าวทะเลเป็นน้ำจืดเนื้อจะนุ่มเป็นพิเศษ เป็นปลาเฉพาะถิ่นที่มีเฉพาะในทะเลสาบสงขลา เรามีปลากะพง ๓ น้ำ อย่างที่เพื่อนสมาชิก ได้พูดไปแล้ว ปลาชนิดนี้มีเนื้อสัมผัสแบบพิเศษ เนื้อนุ่มละมุนลิ้นแตกต่างจากปลากะพงอื่น ๆ เพราะเราเพาะเลี้ยงในทะเลสาบสงขลาที่ประกอบด้วยน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม เรามีต้นตาลโตนดที่สามารถสร้างผลผลิตจากพืชชนิดนี้ได้มาก มีสุราชุมชนที่ทำจากตาลโตนด หรือน้ำตาลแว่นที่มีค่า GI ต่ำ ได้รับการยอมรับในวงการอาหารสุขภาพ สินค้าชนิดนี้ ขายในห้างมีราคาสูงมาก แต่เมื่อขายในท้องถิ่นราคาถูกมาก ๆ เรามี Homestay ที่เกาะยอ มีอาหารทะเลที่พร้อมเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอาหารได้เลยทันที เรามีกุ้ง ๓ น้ำ จังหวัดพัทลุง วัตถุดิบ อาหารชั้นเลิศที่มีรสชาติอร่อยมากที่สุดในทวีปเอเชีย ดิฉันเติบโตมาด้วยความภาคภูมิใจว่า ปลาบ้านเราอร่อย แล้วอย่างไรต่อคะ มันก็มีแต่ความภาคภูมิใจ มันไม่สามารถสร้างมูลค่า และเติบโตไปมากกว่านี้ได้ ท้องถิ่นมีทรัพยากร มีภูมิปัญญาและสิ่งที่ต้องการเพิ่มมูลค่า แต่ขาดการติดอาวุธให้ท้องถิ่น เมื่อเราอยากสร้างมูลค่าเศรษฐกิจต้องมีการติดอาวุธให้ท้องถิ่น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ดิฉันคนเดียวแน่ ๆ ที่พูดได้ เราพูดเรื่องนี้กันมา ๒๐-๓๐ ปีแล้ว ภาคใต้พัฒนา แบบดักไซแห้งมา ๒๐-๓๐ ปีแล้ว หลายรัฐบาลมีนโยบายพยายามจะอัดโครงการงบประมาณ ลงไป แต่ก็ไม่ทำให้เกิดการพัฒนาในแบบที่เราคาดหวังจริง ๆ เพราะขาดการควบคู่ การพัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกับวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม หรือถ้าพูดในภาษาที่เข้าใจกัน ก็คือขาดการพัฒนาแบบยั่งยืน มันง่ายค่ะท่านประธานถ้าเราจะบอกว่าฉันจะสร้าง Soft Power ฉันจะส่งเสริมการท่องเที่ยว แล้วรัฐบาลก็ลงเงินงบประมาณไปจัด Event แล้วจบ คำถามคือถ้าทำแบบเดิม ๆ เราคาดหวังผลลัพธ์แบบใหม่ได้ไหมคะ ขออนุญาตอ้างถึง รัฐบาลที่แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มอบหมายให้ อปท. จัดกิจกรรม ส่งเสริมในพื้นที่นี้ให้เป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยใช้หน่วยงานกลางบูรณาการงบประมาณ ๕,๔๐๐ ล้านบาท ตามแผนยุทธศาสตร์ โดยการทำโครงการ ๒๗๐ โครงการ ในพื้นที่ ๑๔๒ อปท. ใน ๑๕ อำเภอ ใน ๓ จังหวัด โดยคาดหวังว่า ๑๐ ปีนับจากนี้จะสามารถสร้างรายได้ ให้กลับมามูลค่าไม่ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ดิฉันตั้งคำถามแบบนี้ค่ะ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ท่านคิดว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างมูลค่าการท่องเที่ยวได้มากแบบนั้นจริง ๆ หรือคะ ในอดีตภาคใต้พัฒนาเศรษฐกิจด้วยการขายทรัพยากรเริ่มจากเหมืองแร่ ดีบุก จนถึงปาล์ม ยางพารา แต่ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าการพัฒนาแบบนั้นมันไปต่อไม่ได้ เมื่อมันเป็นแบบนี้ ชีวิตคนใต้เปรียบเสมือนเรือกับขอนไม้เห็นอะไรลอยมาคว้าไว้ก่อน เมื่อมีคนมาขายฝัน ขายนโยบายอุตสาหกรรมหนัก สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เราก็เชื่อว่ามันจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น โดยหลงลืมไปว่าศักยภาพของพวกเรา สิ่งที่เรามีและอนาคตที่เราอยากได้นั้นคืออะไร แน่นอนว่าการพัฒนามันต้องใช้งบประมาณ แต่ที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าการให้งบประมาณ ลงไปจำนวนมากไม่สามารถพัฒนาภาคใต้ได้เสียที อย่างไรก็ตามดิฉันในฐานะคนที่เกิด ในจังหวัดพัทลุงและเติบโตในจังหวัดสงขลา ดิฉันขอให้ความเห็นต่อสภาแห่งนี้ว่า การพัฒนาเศรษฐกิจต้องควบคู่กับการส่งเสริมอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม เริ่มแรกเริ่มจาก การทำความเข้าใจก่อน เริ่มจากการส่งเสริมสินค้าที่มีที่เดียวรอบบริเวณทะเลสาบสงขลา ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมทางอาหาร อาหารทะเลที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้นนอกจากการรับรองมาตรฐาน GI แล้วได้มีการรับรอง GAP ให้กับเกษตรกรเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออกทั่วประเทศแล้วหรือยัง ได้ช่วย เกษตรกรในเรื่องของช่องทางการจำหน่ายแล้วหรือยัง ปลากะพงทะเลสาบสงขลาเทียบราคา แล้วดูเหมือนจะแพงกว่าปลากะพงจากฝั่งมาเลเซีย แต่เมื่อเทียบกิโลกรัมต่อกิโลกรัมแล้วเรามี เนื้อปลากะพงที่อร่อยกว่า แต่ต้องมีการพัฒนาการตลาดนะคะ ไม่อย่างนั้นก็จะประสบกับ ปัญหาการราคาตกต่ำไม่รู้จบ นอกจากนี้ประชาชนยังสะท้อนว่าการเข้าถึงมาตรฐานสินค้า Halal มีค่าใช้จ่ายที่สูงก็อยากให้ลดเพื่อได้เข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้มากขึ้น
อีก ๑ โครงการที่ดิฉันอยากให้รัฐบาลขยายออกไปทั่วประเทศคือโครงการ การใช้อาหารกลางวันขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นของเครือข่ายเกษตรกรครัวใบโหนด คาบสมุทรสทิงพระ ที่กลุ่มเกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรกรออกมาส่งออกไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ๓๐ โรงเรียน ให้เด็กนักเรียนจำนวน ๔,๓๐๐ คนได้กินอาหารที่ดีมีประโยชน์และมาจาก ท้องถิ่น ทั้งหมดที่ดิฉันเสนอมานี้เราทำได้ทันทีไม่ต้องรอ เราสามารถนำทุนทางวัฒนธรรม มาต่อยอดพัฒนาเมืองพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาควบคู่ไปกับระบบนิเวศวัฒนธรรม ที่สมบูรณ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราเริ่มต้นตรงนี้และจะเป็น การเริ่มต้นการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษให้กับประเทศไทย ขอบคุณค่ะ
เรียนประธานสภาค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล วันนี้มีเรื่องความเดือดร้อน และความกังวลใจของพี่น้องประชาชนที่อาศัยบริเวณด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา ปัญหามี ๒ ข้อ และ ๑ ข้อเสนอ ที่อยากปรึกษาหารือท่านประธานผ่านไปยังรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนะคะ
ปัญหาข้อแรก ประชาชน ในพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดามีความกังวลเรื่องการสร้างด่านใหม่ว่าจะทำให้เศรษฐกิจ ความคึกคักและความเป็นเมืองในพื้นที่ด่านศุลกากรเดิมซบเซาลง เนื่องจากจะมีการย้าย ไปศุลกากรใหม่ พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอให้ทำการเปิดทั้ง ๒ ด่าน แต่ให้แยกกิจกรรม ทางเศรษฐกิจระหว่างการขนคนและขนของโดยยังคงให้ด่านศุลกากรสะเดาเดิมเป็นด่าน ในการเดินทางเข้าออกของพี่น้องประชาชนทั้ง ๒ ประเทศ
ส่วนด่านศุลกากรใหม่ให้เป็นพื้นที่นำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างพรมแดน ไทย-มาเลเซีย แบบนี้จะได้ประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย ประชาชนในเมืองสะเดาเดิมก็จะมี ความคึกคักทางเศรษฐกิจ และแก้ปัญหารถติดในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนที่ปัจจุบัน กระจุกตัวอยู่ที่ด่านศุลกากรเดียว
ปัญหาข้อที่ ๒ ประชาชนด่านศุลกากรสะเดาและรอบด่านศุลกากร ทั่วประเทศสะท้อนมาถึงความกังวลเรื่องค่าเหยียบแผ่นดิน ๓๐๐ บาทของชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางข้ามพรมแดน มีการบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน แต่ปัจจุบันมีการละเว้นไว้ แต่ยังไม่ยกเลิก และจะไปเก็บอีกครั้งในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ประชาชนสะท้อนมาว่า เขามีความกังวล เมื่อนโยบายนี้บังคับใช้จะทำให้เศรษฐกิจการค้าในพื้นที่ลดความคึกคักลง เพราะเป็นภาษีที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คน หลายครั้งคนมาเลเซียข้ามแดน มาในประเทศไทยเพื่อทำกิจกรรม ท่องเที่ยว ซื้อหาอาหารการกินและกลับ และมีการเข้าออกหลายครั้งต่อวัน หากมีการเก็บภาษีนี้จะเป็นการลดการเดินทาง เราเสนอ ให้ท่านเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน Tourist Tax เฉพาะนักท่องเที่ยวทางอากาศ ก็ฝากไว้ค่ะ
เรียนประธานสภาค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล วันนี้ดิฉันมีเรื่องเร่งด่วนที่อยากหารือ กับท่านประธานผ่านไปยังนายกรัฐมนตรีค่ะ ขอสไลด์นะคะ
ท่านประธานคะ ภาพที่อยู่ในสไลด์นี้ เป็นภาพที่ถูกพูดถึงในสังคม Online ค่ะ ในภาพเด็ก ๆ ที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง พยายาม จะช่วยกันต่อแพเพื่อใช้เป็นยานพาหนะในการเดินทางไปโรงเรียน ซึ่งสะพานข้ามคลอง ที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง ปัจจุบันได้หยุดก่อสร้างและค้างอยู่แบบนี้มานานนับสิบปีแล้ว เหตุเพราะเจ้าของโครงการไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องจากเจ้าของพื้นที่ ซึ่งเป็น พื้นที่ป่าชายเลนที่ดูแลโดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดิฉันอยาก หารือผ่านท่านประธานไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ปัญหาที่คาราคาซังมานานนับสิบปีนี้ ให้สามารถคลี่คลายได้และเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาของเด็กในพื้นที่ ชนบทค่ะ โดยขอให้นายกรัฐมนตรีสละเวลาเพียง ๑๐ นาทีในภารกิจ ครม. สัญจรที่ท่านจะ เดินทางไปจังหวัดระนองอยู่แล้วในวันที่ ๒๓ มกราคมนี้ ท่านจะไปดูพิจารณาแหล่งท่องเที่ยว ที่ใหม่ เพิ่มศักยภาพของจังหวัดที่อยู่ริมชายฝั่งอันดามัน พร้อมดูโครงการแลนด์บริดจ์ ดิฉันขอให้ท่านเพิ่มภารกิจ ดูสะพานข้ามคลองนี้เข้าไปด้วยค่ะ ดิฉันเชื่อว่าหากท่านเห็นสภาพ ความเหลื่อมล้ำนี้กับตาของท่านเอง ท่านคงไม่สามารถที่จะดูดายได้กับคนที่เขารอคอย การพัฒนามานานนับสิบปี ดิฉันขอสื่อสารไปยังนายกรัฐมนตรี ท่านในฐานะผู้นำ ท่านอย่า พัฒนาประเทศแบบโลกคู่ขนาน อย่าเอาใจนายทุนแล้วทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง ขอบคุณค่ะ
เรียนประธานสภาค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ท่านประธานคะ วันนี้ดิฉันต้องขออภิปรายการดำเนินงานของ กสทช. โดยจะชี้ให้เห็นถึงประเด็นต้นตอ ของปัญหางบประมาณมหาศาลที่ไม่โปร่งใส ทำไมดิฉันถึงตั้งหัวเรื่องแบบนี้ ขอ Slide ค่ะ
จากรายงานในปี ๒๕๖๕ สำนักงาน กสทช. ตั้งงบประมาณ ๖,๗๖๕ ล้านบาท และในปี ๒๕๖๖ ก็คือปีนี้ กสทช. ตั้งงบประมาณ ๖,๒๐๐ กว่าล้านบาท งบประมาณ กสทช. ในแต่ละปี จำนวน ๖,๐๐๐ กว่าล้านบาท เป็นงบประมาณที่มากกว่ากระทรวงหลายกระทรวงนะคะ แต่ก็ไม่มี แม้แต่บาทเดียวที่ผ่านการพิจารณาโดยองค์กรที่มาจากประชาชน
แหล่งรายได้ กสทช. มาจากการเก็บสัมปทานคลื่นความถี่ แต่ กสทช. ไม่ใช่ ผู้หาเงินเองนะคะ แต่เป็นเหมือนหน่วยงานที่เก็บค่าต๋ง มีหน้าที่เก็บรายได้ค่าธรรมเนียม จากคลื่นความถี่ที่เป็นสมบัติสาธารณะ โดยมีประชาชนทั้งประเทศเป็นเจ้าของ เพื่อนำรายได้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศ แต่จากผลการปฏิบัติงาน รายได้ของ กสทช. ปีละ ๔๐,๐๐๐ กว่าล้านบาท ถูกนำไปใช้อย่างไร ตาม พ.ร.บ. กสทช. มาตรา ๖๕ เปิดช่องให้ กสทช. นำรายได้ที่จัดเก็บในแต่ละปีหักค่าใช้จ่ายก่อนแล้วนำส่งเป็นเงินแผ่นดิน ส่วนหนึ่งของ ค่าใช้จ่ายนี้ถูกจัดสรรเป็นค่าบุคลากร ก็คือค่าเงินเดือนของ กสทช. ทั้ง ๗ คนนี้ละค่ะ ใช้งบประมาณ ๒๘.๖ ล้านบาท ท่านประธานคะ ค่าใช้จ่ายของคน ๗ คน ใช้เงินประเทศปีละ ๒๘.๖ ล้านบาท การบริหารงานของ กสทช. ทำให้ดิฉันคิดว่านี่คือระบบเจ้าภาษีนายอากร ที่ถูกยกเลิกไปตั้งแต่สมัย ร. ๕ ที่มีกลุ่มบุคคลที่ได้รับอำนาจตามกฎหมายเข้าไปเก็บเกี่ยว ผลประโยชน์จากอะไรสักอย่างหนึ่งหลังจากหักเปอร์เซ็นต์ไว้กับตัวแล้ว แล้วค่อยส่งให้กับ รัฐบาล ท่านประธานคะ อำนาจที่เบ็ดเสร็จนำมาซึ่งความฉ้อฉลที่เบ็ดเสร็จ อำนาจการอนุมัติ งบประมาณที่เบ็ดเสร็จในตัวเองเปิดช่องให้ท่านใช้งบประมาณอย่างไรก็ได้ เราจึงได้ข่าวมา ตลอด กสทช. ทุกยุคทุกสมัยมันไม่โปร่งใส กรณีที่สังคมตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใส คือการเดินทางไปต่างประเทศของประธาน กสทช. มีข่าวออกทั่วไปเลยว่า ๑ ปี ๓ เดือน ท่านเดินทางแล้ว ๑๕ ครั้ง ใช้งบ ๔๕.๘ ล้านบาท แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมนะคะ เพราะว่า ท่านก็ให้เลขาธิการออกมาชี้แจงแล้วว่าจริง ๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ใช่ ๔๕.๘ ล้านบาท ตามที่สื่อนำเสนอ แต่ใช้ไปแค่ ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาทเท่านั้นค่ะ แต่ท่าน บอกว่าแค่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของประธานนะคะ ไม่ได้นับผู้ติดตาม ดังนั้นเพื่อความโปร่งใส ดิฉันเรียกร้องให้สำนักงาน กสทช. เปิดเผยข้อมูลการเดินทางไปต่างประเทศของสำนักงาน ทั้งหมดด้วยค่ะ
อีก ๑ โครงการที่ดิฉันขอตั้งคำถามนะคะ การอนุมัติโครงการพัฒนาทักษะ สร้างความรู้เทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ๕ ภูมิภาค งบประมาณ ๑.๗๙ พันล้านบาท โครงการนี้ทำอะไรคะ โครงการนี้จ่ายเงินจ้างบริษัทเอกชนในแต่ละภูมิภาคให้ไปอบรม ประชาชนชายขอบ ใช้เทคโนโลยีประมูลขายงานกันตามภูมิภาคต่าง ๆ สิ่งที่น่าสงสัยคือ งบ ๑,๘๐๐ ล้านบาท อบรมใช้เทคโนโลยีให้กับคนชายขอบช่วงเลือกตั้ง ท่านมีเป้าหมาย อะไรคะ กลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการอบรม ๕๐๐,๐๐๐ คน ตอนนี้อยู่ไหนหมด เขาใช้เทคโนโลยี เก่งขึ้นไหมคะ และมีข้อกล่าวหาจากสื่อว่าบริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลโครงการล้วนมี ความใกล้ชิดกับกลุ่มทุนการเมืองในรัฐบาลทั้งสิ้น โดยแต่ละรายที่ชนะการประมูลโครงการนี้แต่ละ Zone ต้องเจียดงบสนับสนุนพิเศษให้กับ พรรคการเมืองใหญ่เกือบ ๑๐๐ ล้านบาท ผ่านกระบวนการจัดสรรประโยชน์ที่มีผู้บริหาร ระดับสูงของ กสทช. แห่งนี้เป็นผู้ดำเนินการ อันนี้สื่อลงนะคะ ดิฉันไม่ได้พูดเอง แต่ก็ สอดคล้องกันค่ะ เมื่อคิดกลับไปแล้วการที่ กสทช. กระตือรือร้นเหลือเกินในการที่จะนำ งบประมาณของ กสทช. ไปทำฟุตบอลโลกสนองพระเดชพระคุณอดีตผู้มีบารมีในรัฐบาล ชุดที่แล้ว ดิฉันไม่ทราบว่าผู้บริหารระดับสูงท่านนั้นเป็นใคร ขอให้ท่านชี้แจงด้วยนะคะ
สุดท้ายค่ะ ดิฉันเป็นนักข่าวเก่า มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลที่น่าสนใจมาว่า มีบริษัทหนึ่งชื่อทาลอนเน็ต มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ Board กสทช. และรับโครงการต่าง ๆ จาก กสทช. ดิฉันอยากทราบว่าข้อมูลนั้นจริงหรือไม่ ก็เลยไปสืบค้นข้อมูล พบว่า บริษัท ทาลอนเน็ต จำกัด มีตัวตนอยู่จริงค่ะ ได้รับการประมูลงานจาก กสทช. จริงตามที่ แหล่งข่าวแจ้งมา โดยบริษัทประกอบกิจการซื้อขาย ติดตั้ง บำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ออกแบบพัฒนา e-Commerce มีทุนจดทะเบียน ๕ ล้านบาท ข้อมูลการรับงานภาครัฐ ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๖ มีการรับงานไปแล้ว ๓๕ โครงการ วงเงิน ๑๔๑ ล้านบาท ๒๑ จาก ๓๕ โครงการ เป็นการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง บริษัท ทาลอนเน็ต จำกัด ดังกล่าวโครงการเกือบทั้งหมดรับงานจาก กสทช. ที่เดียว ลองค้นข้อมูลแล้วก็ไม่พบ Website บริษัท เมื่อเปรียบเทียบรายได้บริษัทกับวงเงินจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทั้งหมด แทบจะเท่ากันพอดีค่ะ หรืออาจกล่าวได้ว่าบริษัทนี้มีรายได้ก้าวกระโดดทันทีตั้งแต่ระดับงาน กสทช. ในปี ๒๕๖๐ นี่คือที่ตั้งของ บริษัท ทาลอนเน็ต จำกัด จากฐานข้อมูลเราพบว่า บริษัท ทาลอนเน็ต จำกัด มีที่ตั้งอยู่ที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานครนี่เองค่ะ ซึ่งเป็นที่ตั้ง เดียวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอมิตา การจัดหาน้ำประปาในครัวเรือนและอุตสาหกรรม ดิฉันให้ ทีมลงไปสำรวจค่ะ พบว่าที่ตั้งบริษัทที่รับงาน กสทช. ปีละ ๓๐ กว่าล้านบาทนี้ สภาพจริง เป็น Townhouse ๑ คูหา ๓ ชั้นแบบนี้ และรูปนี้ก็ถ่ายเมื่อไม่กี่วันนี้เอง หน้าบริษัทก็มี ตากกางเกงอยู่ บริษัทนี้ยังคงดำเนินการอยู่และรับงาน กสทช. ปี ๒๕๖๖ นี้ด้วย เรื่องนี้ดิฉัน อยากให้มีการชี้แจงว่า กสทช. ใช้งบประมาณของรัฐปีละ ๒๓-๓๐ ล้านบาท จัดซื้อจัดจ้าง ในโครงการแบบนี้ได้อย่างไร ข้อกล่าวหานี้มี กสทช. ท่านหนึ่งเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ขอให้ ชี้แจงให้ประชาชนรับทราบด้วยนะคะ ข้อมูลความไม่โปร่งใสทั้งหมดดิฉันอภิปรายมานี้ แสดงให้เห็นว่านี่เป็นสถานะองค์กรแบบพิเศษ ที่นำมาซึ่งอำนาจพิเศษ กสทช. ถูกแต่งตั้งโดย วุฒิสภาที่มาจาก คสช. ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่างบประมาณซึ่งมาจากทรัพยากรของประเทศที่มี ประชาชนเป็นเจ้าของปีละหลายหมื่นล้านบาท อยู่ในการบริหารของ กสทช. ถูกใช้อย่างไม่มี ประสิทธิภาพ ต้นตอของปัญหานี้ล้วนเกิดจากโครงสร้างอำนาจตามกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ ให้แก่รัฐราชการที่อยู่ภายใต้กฎหมายพิเศษโดยไร้การตรวจสอบ ในฐานะอดีตสื่อมวลชนนะคะ ดิฉันติดตามการทำงานของ กสทช. มาโดยตลอด ติดตามว่าเมื่อไรท่านจะทำตามแผนแม่บท ที่ให้ไว้คือการปฏิรูปสื่อที่ระบุไว้ในปี ๒๕๕๓ แต่เวลาล่วงเลยจนถึงบัดนี้ดิฉันคิดว่าการปฏิรูปสื่อ อาจจะไม่เร่งด่วนเท่ากับการปฏิรูป กสทช. ดิฉันขอเสนอความเห็นต่อสภาแห่งนี้ว่า กสทช. จำเป็นต้องมีกฎหมายใหม่ ที่ไม่ให้อำนาจ กสทช. เป็นหน่วยงานที่ลอยเหนือการตรวจสอบ และของบประมาณจากสภา ต้องมีการเปลี่ยนที่มาของ Board ให้ยึดโยงกับประชาชน และถูกตรวจสอบจากองค์กรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนให้ได้ ขอบคุณค่ะ
ท่านประธานคะ ขอสั้น ๆ ไม่เกิน ๑ นาทีค่ะ
ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ พรรคก้าวไกลค่ะ ดิฉันคงไม่คาดหวังว่าจะได้คำตอบเรื่องบริษัท ทาลอนเน็ต จำกัด ที่ดิฉัน อภิปรายไป แต่ย้ำอีกครั้งว่าบริษัทนี้รับงานจาก กสทช. ปีหนึ่ง ๒๐-๓๐ ล้านบาท และจาก การลงพื้นที่ไปดูก็มีกางเกงในตากอยู่หน้าบริษัทนั่นละค่ะ แต่ท่านต้องอย่าลืม อย่าทำเป็น เหมือนไม่มีการอภิปรายในสภาแห่งนี้ ๑๔๑ ล้านบาท ภาษีประชาชนนะคะ ขอบคุณค่ะ
เรียนประธานสภาค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล วันนี้มีเรื่องหารือกับท่านประธาน ผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประสานขอความช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชน ๒ เรื่อง
เรื่องแรก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวที่หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัด พังงา วัน ๆ หนึ่งไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ คน และเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางน้ำปัจจุบันมีเรือพยาบาล เพียง ๓ ลำที่คอยอำนวยความสะดวก แน่นอนว่าไม่เพียงพอต่อเหตุที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และเรื่องที่ไม่ควรเป็นปัญหาที่สุดแต่กลับเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ก็คือเรือพยาบาลทั้ง ๓ ลำนี้ ไม่มีเจ้าภาพหลักรับผิดชอบเรื่องราคาน้ำมัน ดังนั้นฝากท่านประธานผ่านไปยังหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหานี้และดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว เพื่อสร้าง ความเชื่อมั่นสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
เรื่องที่ ๒ ถนนทางหลวง หมายเลข ๔๔ หรือ เซาท์เทิร์นซีบอร์ด ในเวลากลางคืนไม่มีไฟส่องสว่าง สภาพพื้นที่จริง มืดมาก ทั้งที่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้ถนนเส้นนี้จำนวนมาก และบ่อยครั้งก็เกิดอุบัติเหตุและ เหตุอาชญากรรม ดังนั้นเพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปด้วยความปลอดภัยต่อชีวิตและ ทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ฝากกระทรวงคมนาคมเร่งติดตั้งไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่างกับ ถนนสายนี้โดยด่วน ขอบคุณค่ะ
เรียนประธานสภาค่ะ ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ดิฉันขอร่วมอภิปรายญัตติ การสร้างคนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดิฉันขอเริ่มต้นกับที่ประชุมสภาแห่งนี้นะคะว่าการมี เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกับการมีส่วนร่วมของประชาชนคือเรื่องเดียวกัน ไม่สามารถ แยกออกจากกันได้ค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึง เรื่องของการสร้างคน ดิฉันขอย้อนถามนะคะว่าเรากำลังจะสร้างคนให้อยู่ในสังคมแบบไหน สังคมที่ผู้มีอำนาจอนุญาตให้พูดได้เฉพาะเรื่องที่อยากได้ยินใช่หรือไม่ วันนี้ดิฉันขอเป็น ตัวแทนของสื่อมวลชนอิสระ นักข่าวพลเมือง ที่เขาต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไร้เสรีภาพในหลาย ๆ เหตุการณ์ในวันที่ประเทศไทยต้องการการทำหน้าที่จากสื่อมวลชนมากที่สุดค่ะ หากเราอยู่ใน สังคมประชาธิปไตยปกติเราคงไม่ต้องมาพูดกันเรื่องนี้ แต่นี่เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย ที่สื่อมวลชนผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารข้อเท็จจริงถูกฟ้องปิดปากครั้งแล้วครั้งเล่า และเรื่องนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ดิฉันขอย้อนไปตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ เมื่อนักข่าวพลเมืองกลุ่มเยาวชนฮักบ้าน เจ้าของ ที่ทำข่าวสืบสวนสอบสวนผลกระทบจากเหมืองแร่ในเมืองเลยถูกนายทุนฟ้องร่วมกับ ไทยพีบีเอสที่ออกอากาศรายการดังกล่าวเรียกค่าเสียหาย ๕๐ ล้านบาท นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งใน หลายกรณีที่เกิดจากการใช้กฎหมายฟ้องปิดปากคนทำสื่อ โดยเหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นกับ สื่ออิสระ นักข่าวพลเมือง นักข่าว Online ที่ออกมาเคียงข้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะพวกเขาไม่มีสถานะทางการที่สามารถปกป้องตัวเองได้ค่ะ กรณีเดียวกันเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปี ๒๕๖๔ ตำรวจได้เข้าจับกุม Admin Page สำนัก ข่าวราษฎรและเพจปล่อยเพื่อนเราจำนวน ๒ คน เนื่องจากออกเคหสถานช่วงเวลาที่มี การห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร ทั้งที่พวกเขาทำหน้าที่สื่อมวลชนค่ะ กำลัง ถ่ายทอดเหตุการณ์อยู่ เพียงแต่เขาไม่มีสังกัดอย่างเป็นทางการ ถ้านับเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นช่วง ๑ ปีกว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี ๒๕๖๕ ถึงกันยายนปี ๒๕๖๖ มีการดำเนินคดีกับ สื่อมวลชนแล้วหลายครั้ง กุมภาพันธ์ปี ๒๕๖๖ กอ.รมน. แจ้งความร้อง ๒ นักข่าวจากสื่อ Online ที่ใช้ชื่อว่า วาร์ตานี เขาเป็นสื่ออิสระพี่น้องมลายูมุสลิมในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ เขาทำหน้าที่เสนอข้อเท็จจริงปกป้องและยืนยันความชอบธรรมของพี่น้องในพื้นที่ ๓ จังหวัด ชายแดนใต้ มีนาคมปี ๒๕๖๖ Admin Page ขุนแผนแสนสะท้าน สื่ออิสระที่ติดตามสถานการณ์ การชุมนุมของเยาวชนคนหนุ่มสาวในปี ๒๕๖๔ เขาโดนจับในมาตรา ๑๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ มทบ. ๓๓ แจ้งความสำนักข่าว Lanner สำนักข่าว Online ที่ติดตามประเด็นสังคมการเมือง อย่างต่อเนื่อง เขาถูกแจ้งข้อหายุยงปลุกปั่นในมาตรา ๑๑๖ ค่ะ สมาคมนักกฎหมาย สิทธิมนุษยชนได้เผยแพร่เมื่อปี ๒๕๖๕ ได้รวบรวมสถิติเอาไว้เกี่ยวกับการฟ้อง SLAPP ใน ประเทศไทย สถิตินี้เห็นไหมคะว่าสื่อมวลชนคือ ๑ ใน ๕ ของกลุ่มคนที่ถูกฟ้องปิดปาก มากที่สุด และถ้ายังจำกันได้กรณีกลุ่มราษฎรหยุด APEC เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ ถูกสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมและยิงใส่สื่อมวลชนจนได้รับ บาดเจ็บ ทั้งที่เห็นด้วยตาเปล่าว่าเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน เขามีปลอกแขนที่ แสดงได้ชัดเจนว่าเขากำลังทำหน้าที่ของความเป็นสื่อ หลายกรณีที่ดิฉันยกตัวอย่างมาข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าเสรีภาพในการสื่อสารของคนไทยจำนวนมากอยู่ภายใต้บริบทที่เรามีกฎหมาย ที่ล้าหลัง เอื้อให้เกิดการฟ้องปิดปากจำนวนมากค้ำคออยู่ ท่านจะคาดหวังให้พวกเขามี ส่วนร่วมกับสังคมไทยได้อย่างไรคะ ตราบใดที่เมื่อไรก็ตามที่มีความคิด มีความเห็น และ ลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็น และความคิดเห็นนั้นไม่ถูกใจผู้มีอำนาจรัฐ ผู้มีอำนาจทุน และผู้มี อำนาจเหนือรัฐและเหนือทุน พวกเขาก็จะถูกฟ้องปิดปากค่ะ หรือการกระทืบพวกเขา ไล่ยิง พวกเขาด้วยความสะใจ ถ้าท่านคิดว่าเรื่องเหล่านี้เราไม่จำเป็นต้องทบทวน ท่านมุ่งแต่จะสร้าง พลเมืองคุณภาพตามความเข้าใจหรือนิยามของท่าน แต่ไม่ส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพ ไม่สร้าง การมีส่วนร่วมของประชาชน สุดท้ายท่านจะได้แค่พลเมืองดีแบบว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง ไม่กล้าคิดนอกกรอบ กลัวการตั้งคำถามเพราะเกรงว่าชีวิตจะเดือดร้อน คำถามของดิฉันคือ แบบนี้หรือคะพลเมืองที่ท่านอยากได้ พลเมืองแบบนี้หรือคะที่จะขับเคลื่อนประเทศใน ศตวรรษที่ ๒๑ พลเมืองดีในความหมายของท่านที่ตั้งขึ้นมามีความหมายว่าอย่างไรดิฉัน ไม่ทราบ แต่พลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตยมันต้องมีสิทธิ มีเสียง มีเสรีภาพ และมีส่วนร่วม ในการสร้างประเทศนี้ค่ะ ในขณะที่ประเทศเรามีความเหลื่อมล้ำรุนแรง การที่ท่านอยากสร้าง พลเมืองคุณภาพแบบที่สนใจเพียงสายลมแสงแดด เมินเฉยต่อเสียงเรียกร้องขอความเป็นธรรม ของผู้คนที่มีอยู่ทุกพื้นที่ และยังพยายามจะสร้างกลไกสารพัดเพื่อปิดปากของคนที่เขาส่งเสียง แทนผู้เดือดร้อน และหรี่เสียงพวกเขาให้เบาลงที่สุด เห็นแบบนี้ดิฉันยากที่จะคิดเป็นอย่างอื่น ว่าความพยายามการสร้างพลเมืองดีของท่านไม่ได้ทำด้วยความหวังดีที่อยากเห็นสังคมไทย มีอนาคต แต่ท่านทำด้วยความขี้ขลาดและหวาดกลัว อยากกักขังประเทศนี้เอาไว้ในอดีตที่ ท่านได้ประโยชน์ และชะลอการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยให้นานที่สุด ปัญหาของประเทศไทย ตอนนี้ไม่ใช่พลเมืองไม่มีคุณภาพหรอกนะคะ แต่เป็นผู้มีอำนาจต่างหากที่ไม่มีความรับผิด รับชอบต่อเสียงของประชาชน แทนที่ท่านจะเอาเวลาและทรัพยากรมานั่งศึกษากันว่า จะสร้างพลเมืองแบบที่ท่านอยากได้อย่างไร ท่านเอาเวลาและทรัพยากรไปศึกษาให้ตัวท่าน ให้เดินตามทันความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ถ้าท่านเปิดใจสักนิด รับฟัง รับรู้ ว่าภายนอก สภาแห่งนี้ เยาวชนคนหนุ่มสาว คนที่กำลังเติบโตในประเทศนี้เขาอยากเห็นประเทศก้าวหน้า ไปอย่างไร ปัญหาไม่ใช่การสร้างพลเมืองอย่างไร แต่ปัญหาคือทำอย่างไรให้คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ให้นั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาลนำสิ่งที่พวกเขาเสนอมาพิจารณาอย่างจริงจัง หรืออย่างน้อยที่สุด ไม่ปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพของพวกเขาค่ะ สุดท้ายดิฉันฝากไว้ตรงนี้ค่ะ ท่านไม่สามารถ หยุดสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ ยอมรับและปรับตัวเสียนะคะ ด้วยความปรารถนาดี จริง ๆ ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎร ดิฉัน ภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล วันนี้ ดิฉันขอตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี เรื่อง การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของ สื่อมวลชน ท่านประธาน ดิฉันขอเริ่มต้นแบบนี้ค่ะ เมื่อเราพูดถึงเสรีภาพของสื่อมวลชน นั่นหมายรวมถึงว่าเรากำลังพูดถึงเสรีภาพของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และดิฉันขอนำเอา เหตุการณ์บางช่วงบางตอนมาอธิบายให้เห็นภาพรวมก่อนเพื่อนำไปสู่การตั้งคำถามในวันนี้ นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี ๒๕๕๗ มีการละเมิดเสรีภาพสื่อในหลายรูปแบบ ทั้งการใช้กำลัง การ Sensor การเข้าไปควบคุมและแทรกแซงการทำงานที่มีช่วงการรัฐประหาร รวมถึง การฟ้องปิดปากสื่อ หรือที่เราเรียกกันว่าการฟ้อง SLAPP ตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ มีนักข่าวพลเมือง ที่เขาทำข่าวสืบสวนสอบสวนผลกระทบจากเหมืองแร่ในเมืองเลยถูกนายทุนฟ้องร่วมกับ ไทยพีบีเอสซึ่งเป็นสถานีที่ออกอากาศ เรื่องนี้เรียกร้องค่าเสียหาย ๕๐ ล้านบาท เดือนกันยายน ๒๕๖๔ ตำรวจได้เข้าจับกุม Admin Page สำนักข่าวราษฎร และ Page ปล่อยเพื่อนเรา จำนวน ๒ คน ในขณะที่เขากำลังทำหน้าที่รายงานสถานการณ์การชุมนุม เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ กอ.รมน. แจ้งความ ๒ นักข่าวจากสื่อ Online ที่ใช้ชื่อว่า Wartani เขาเป็นสื่ออิสระของพี่น้องมลายูในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ เขาทำหน้าที่เสนอข้อเท็จจริง เพื่อปกป้องและยืนยันความชอบธรรมของประชาชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ เดือนมีนาคม ๒๕๖๖ Admin Page ขุนแผนแสนสะท้าน สื่ออิสระที่ติดตามการชุมนุมตั้งแต่การชุมนุมของ เยาวชนในปี ๒๕๖๔ เขาโดนจับในคดีมาตรา ๑๑๒ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖ มทบ.๓๓ แจ้งความสำนักข่าว Lanner สำนักข่าว Online ที่ติดตามประเด็นสังคมการเมืองมา อย่างต่อเนื่อง เขาถูกแจ้งข้อหายุยงปลุกปั่นในมาตรา ๑๑๖ และเหตุการณ์การประชุม APEC ในปี ๒๕๖๕ มีสื่อมวลชนถูกทำร้าย ๔ คน ทั้งที่เขามีปลอกแขน สามารถเห็นด้วยตาเปล่าว่า เขากำลังทำหน้าที่รายงานข่าว เหตุการณ์เหล่านี้ที่ดิฉันยกมามันเกิดขึ้นในช่วงของรัฐบาล ยุคเผด็จการ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ แต่เหตุการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีการจับกุมสื่อมวลชนของสำนักข่าวประชาไทย ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ จากกิจกรรมของผู้ชุมนุม กลุ่มหนึ่งที่พ่นสีข้อความบนกำแพงวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๖ หรือเกือบ ๑ ปีแล้ว โดยหมายจับเชื่อมโยงว่าสื่อมวลชนถ่ายภาพกิจกรรมพ่นสีเพื่อนำเสนอข่าวนั้นเป็นการกระทำ ร่วมสนับสนุนผู้กระทำผิดในคดีอาญาค่ะ ประเด็นคือรัฐบาลโดยเฉพาะสำนักงานตำรวจ แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายควรให้ความเคารพและคำนึงถึง สิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนในการจำกัดหรือระงับเสรีภาพไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม ต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะการตั้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีต้องไม่สร้างข้อจำกัด หรือก่อให้เกิดความหวาดวิตกในการนำเสนอข่าวต่อสาธารณะ นอกจากไม่สมควรมีใคร ถูกฟ้องปากแล้ว สิ่งที่ดิฉันจะตั้งคำถามคือ การดำเนินคดีดังกล่าวนั้นเป็นการดำเนินคดี โดยข้ามขั้นตอน เป็นการส่งหมายจับโดยไม่มีการส่งหมายเรียกมาก่อน แต่ดิฉันเข้าใจว่า นี่เป็นเรื่องในรัฐบาลที่แล้ว แต่การข้ามขั้นตอนแบบนี้ไม่มีหมายเรียกแบบนี้ ไม่แน่ใจว่า ท่านปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร และจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาในกระบวนการ ยุติธรรมนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะกับคดีฟ้องปิดปากแบบนี้ เพราะหากตอบไม่ได้ นี่จะเป็นการ ทำลายความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ และประเด็นสำคัญ ที่ต้องตั้งคำถามค่ะ นี่คือการส่งสัญญาณเตือนสื่อมวลชนเพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อการทำ หน้าที่ของกลุ่มคนวิชาชีพนี้หรือไม่
เรียนท่านประธานผ่านไป ยังท่านรัฐมนตรี ก่อนอื่นดิฉันดีใจที่ท่านยังยืนยันในหลักการและเชื่อในเสรีภาพของ ประชาชน แต่คราวนี้เราต้องตั้งหลักกันตรงนี้ก่อน ตั้งสติกันตรงนี้ก่อนว่าดิฉันไม่ได้พูด เรื่องขบวนเสด็จหรืออะไรเลย วันนี้เรากำลังพูดกันเรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชน อย่าเพิ่ง ไปไกลมากกว่านั้น อยู่ในหลักการนี้ก่อนอยู่ในเรื่องนี้ก่อน ดิฉันขอถามคำถามที่ ๒ เลย และเดี๋ยวจะกลับมาตอบในสิ่งที่ท่านต้องตั้งข้อสังเกตไว้ เหตุผลที่ดิฉันต้องย้อนกลับไปไกล อย่างที่ท่านบอกในช่วงต้นเพราะดิฉันมีความกังวลใจ เนื่องจากบริบทสื่อมวลชนในประเทศไทย เราต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่าบ้านเราสื่อไม่ได้เป็นอิสระจากทุนอย่างเด็ดขาด ขนาดนั้น โดยเฉพาะธุรกิจสื่อมวลชนต้องพึ่งพาแหล่งทุนในการสนับสนุนเพื่อดำเนินธุรกิจ จากบริบทที่ว่ามาทำให้การที่รัฐกดดันสื่อและปิดปากสื่อ ผ่านการสร้างความกลัวทำได้ง่าย มาก ๆ ค่ะ เพราะท้ายที่สุดแล้วทุนจะไปกดดันสื่อต่อ ไม่มีทุนไหนที่พร้อมแบกรับความเสี่ยง โดยการทำให้รัฐไม่พอใจ สิ่งที่ดิฉันพยายามจะสื่อด้วยบริบทดังกล่าวนี้ทำให้สื่อไม่มีอิสระมากพอ อย่าลืมว่าสื่อมวลชน เขาต้องอาศัยความน่าเชื่อถือในการทำงาน เมื่อมีรัฐมาออกหมายจับเท่ากับว่ารัฐไปลดทอน ความน่าเชื่อถือของเขา และเมื่อถูกตีตราว่าผิดไปแล้วตั้งแต่ต้น ต้นสังกัดที่ต้องพึ่งพาทุน เขาก็ต้องออกมาปกป้องตัวเองและเลือกที่จะผลักไสแรงงานเหล่านี้ให้ออกไป กรณีแบบนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง เช่นในการชุมนุมประท้วงรัฐบาลหรือเหตุการณ์ การชุมนุมต่าง ๆ มีสื่อที่ถูกให้ออกจากงานเนื่องจากออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หลายครั้ง และสื่อบางคนเขาถูกละเมิดโดยรัฐ เช่น เมื่อได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมก็ไม่กล้า ที่จะฟ้องดำเนินคดีกลับเพราะทางต้นสังกัดขอไว้ และการกระทำดังกล่าวนี้เป็นการสร้าง ความหวาดกลัวในอดีตในยุคเผด็จการค่ะ ดิฉันย้ำนะคะ ที่ท่านกล่าวมาคือเป็นยุคเผด็จการ แต่วันนี้เราอยู่ในยุครัฐบาลพลเรือน แล้วเราจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นต่อไปอย่างนั้นหรือคะ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือมีสื่อจำนวนมากเขาจำเป็นต้องออกมาเป็นสื่ออิสระเนื่องจากไม่สามารถ อยู่ในระบบเหล่านี้ได้ และสื่ออิสระเหล่านี้เองที่กลายเป็นเป้าของรัฐบาลเผด็จการในอดีต ด้วยการจับกุมคุมขังดำเนินคดี ที่มากกว่านั้นคือมีการพยายามขีดเส้นเสรีภาพของสื่อ มีความ พยายามออกมาบอกว่าใครเป็นสื่อบ้าง ให้มีการลงทะเบียนสื่อโดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็นสื่อที่มี ต้นสังกัด มีการลงทะเบียนโดยมีการรับรองจากกรมประชาสัมพันธ์บ้าง จากตำรวจบ้าง ราวกับว่ารัฐสามารถเป็นคนชี้ได้เลยว่าใครเป็นสื่อ ไม่เป็นสื่อ หากท่านให้เหตุผลว่า การลงทะเบียน การมีต้นสังกัดหรือการมีใบรับรองเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อเก็บข้อมูล ดิฉัน พอที่จะเข้าใจและรับฟังได้ค่ะ แต่ต้องถามต่อว่าหลังจากนี้ไปในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ใคร ๆ ก็เป็นสื่อได้เรามีข้อกำหนดอะไร และข้อกำหนดของท่านยังมีความสำคัญที่จะใช้ต่อไปได้ หรือไม่ สรุปคำถามที่ ๒ สิ่งที่ดิฉันอยากถามคือ ในยุครัฐบาลพลเรือนนี้เราจะมีการคุ้มครอง เสรีภาพสื่ออย่างไรบ้าง และจะมีแนวใดที่จะยืนยันได้ว่าคนที่อาจอยู่ในพื้นที่ชุมนุม ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชุมนุมทุกคน รัฐเองจะประกันเสรีภาพสื่อในการทำข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ล่อแหลมนี้ได้อย่างไรโดยที่ไม่ละเมิดเสรีภาพในการทำงานของพวกเขาค่ะ และที่สำคัญ ที่สุดจากคำถามข้อที่แล้วดิฉันอยากย้ำตรงนี้ เรื่องการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เรื่องเล็กค่ะ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเลย มีการออกหมายจับเลยโดยไม่เคยมี หมายเรียก อันนี้ไม่ดำเนินตามกระบวนการอยู่แล้วแน่นอนค่ะ ซึ่งนี่ไม่ใช่การด่วนสรุปของ ดิฉัน และดิฉันเป็นห่วง และต้องย้ำเรื่องนี้เพราะในสังคมที่มีความเห็นต่างกระบวนการ ยุติธรรมต้องเชื่อถือได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ ดิฉันไม่ได้บอกว่ารัฐนี้ ปิดปาก หรือรัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่กระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นไปตาม กระบวนการเช่นนี้เราจะแก้ไขมันอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น จะ Guarantee หรือมีแนวทาง อย่างไรเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมนี้เป็นไปตามขั้นตอน วันนี้ที่ดิฉันยกเรื่องราวเหล่านี้มา ไม่ใช่ดิฉันไม่ทำการบ้าน ไม่ใช่ดิฉันไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว รู้ค่ะ ทราบดีค่ะ แต่ในเมื่อวันนี้รัฐบาลของท่านเป็นผู้บริหารประเทศเราจำเป็นที่เอาเรื่องนี้มาพูดกัน ดิฉัน คิดว่ารัฐสภาอาจจะเป็นพื้นที่ที่กว้างและปลอดภัยที่สุดแล้วในสังคมตอนนี้ที่เราจะหยิบเรื่องนี้ มาพูดกัน เรื่องที่ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐ ที่แห่งนี้ละค่ะคือพื้นที่ปลอดภัย ที่สุดแล้วที่เราจะคุยกันเรื่องนี้ ดิฉันขอต่อเลยนะคะ เวลาเหลือจะให้รัฐมนตรีได้มีโอกาส ที่จะตอบอีกครั้ง และสิ่งที่รัฐต้องตระหนักอยู่เสมอคือสื่อไม่ใช่ PR หรือ IO ของรัฐ เราอย่าติด นิสัยของพวกเผด็จการ เมื่อไรก็ตามที่เขาหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพ หยิบปากกาขึ้นมา บันทึกสถานการณ์ ข้อเท็จจริงออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับค่ะ เพราะหน้าที่ที่สำคัญของสื่อ คือการนำเสนอข้อเท็จจริง หน้าที่หลักของสื่อไม่ใช่การนำเสนอความเห็นเพื่อเทิดทูนและ สร้างความราบรื่นให้แก่รัฐบาล แต่เป็นการสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้น สะท้อนปรากฏการณ์ สะท้อน ความจริง ไม่ว่าความจริงนั้นจะมีประโยชน์กับฝ่ายไหนก็ตาม แล้วเราต้องไม่ลืมว่านั่นคือสิ่งที่ สื่อทั้ง ๒ คนที่ถูกหมายจับไปเขาได้ทำสิ่งนั้นอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ไม่ว่าความสัมพันธ์ ส่วนตัวของเขากับแหล่งข่าวจะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านั้นดิฉันคิดว่าไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ การนำเสนอเหตุการณ์ความจริงที่เกิดขึ้นที่ต้องอาศัยสื่ออิสระหรือสื่อขนาดเล็กออกมาพูด เพราะอะไรคะ เพราะสื่อใหญ่ ๆ ไม่มีใครกล้าพูดแล้วค่ะ และสุดท้ายก็กลับไปวน Loop เดิมว่าสื่อขนาดเล็กแบบนี้ก็ต้องโดนรัฐบาลฟ้อง และหาก จะพูดเรื่องของความสัมพันธ์ ดิฉันว่าถ้าตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้เราไม่ยึดหลักการไว้ดิฉันว่า พูดกันยาวค่ะ เพราะในแวดวงการเมืองเองก็มีให้เห็นอยู่ ดิฉันอยากเห็นภาพที่แตกต่างไปจาก ช่วงรัฐบาลเผด็จการ เพราะในช่วงที่ผ่านมาสื่อมวลชนเขาถูกกดให้หลังขดหลังงอ เราจะทำ อย่างไรให้เขาสามารถยืนตรงให้หลังตรงได้ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง ประเด็นที่แหลมคม ในสังคม ดิฉันคิดว่าท่านเป็นตัวแทนของรัฐบาลพลเรือน ท่านควรจะภาคภูมิใจที่สังคมเรา กล้าที่จะขับเคลื่อนประเด็นที่ก้าวหน้าในสังคมมากกว่าการทำข่าว Drama ข่าวฆาตกรรม พอเป็นข่าวแบบนี้รัฐแทบจะไม่เคยยุ่งเลย แต่เมื่อไรก็ตามที่เป็นเรื่องของสังคม เป็นประเด็น ทางการเมืองรัฐก็ต้องสอดมือเข้ามาทันที ในฐานะคนเคยทำสื่อดิฉันอยากยืนยันอีกครั้งค่ะ เสรีภาพของสื่อมวลชนคือเสรีภาพของประชาชน การผลักให้สื่อเป็นคู่ขัดแย้งเท่ากับว่า ท่านกำลังเลือกที่จะยืนฝั่งตรงข้ามกับประชาชน ถ้าสื่อถูกปิดหู ปิดตา ปิดปาก แล้วใคร จะเป็นหู เป็นปาก เป็นตาแทนประชาชน ดิฉันยังคงหวังว่ารัฐบาลพลเรือนชุดนี้จะสลัด รอยต่อของรัฐบาลเผด็จการได้ แล้วคืนศักดิ์ศรี คืนเสรีภาพให้กับสื่อมวลชน ดิฉันมีเพื่อนพ้อง น้องพี่ในวงการหลายคนค่ะ พวกเขาภาคภูมิใจกับการทำงานสะท้อนเสียงของประชาชน แม้รายได้จะน้อยนิดแต่เขาก็ภาคภูมิใจและอยากมีเสรีภาพในการทำงาน ดังนั้นคืนศักดิ์ศรี หน้าที่ คืนเสรีภาพให้พวกเขาเถอะนะคะ ดิฉันไม่เห็นเหตุผลใดเลยที่รัฐบาลจะไม่ส่งเสริม เสรีภาพของสื่อ ไม่เห็นเหตุผลใดเลยที่จะทำตามรัฐบาลเผด็จการที่เคยทำมาก่อน เว้นแต่ว่า ท่านจะจงใจเลือกให้เป็นอย่างนั้นและปล่อยให้เกิดความขัดแย้งในสังคมเท่านั้นเองค่ะ เหตุการณ์ดำเนินคดีดังกล่าวผ่านไปแล้วก็จริง แต่ดิฉันอยากให้เราเข้าใจตรงกัน ย้ำอีกครั้งค่ะ สื่อมวลชนคือกลุ่มอาชีพที่อยู่ตรงกลางในสังคม ดิฉันยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะอะไรคะ เพราะคาดหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะเปิดพื้นที่ตรงกลางให้กว้างที่สุด ให้บุคคลที่สามในสังคม ให้คนที่เขาอยู่ตรงกลางตรงนี้ได้มีหน้าที่ ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มภาคภูมิ อย่าตีตราหรือผลักไสเขา ไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่งอีกเลย ดังนั้นคำถามสุดท้ายและสำคัญที่สุด รัฐบาลจะมีแนวทาง ที่จะส่งเสริมเสรีภาพของสื่ออย่างไรไม่ให้ถูกละเมิดเสรีภาพในการนำเสนอข่าว ไม่ให้ถูก Censor ไม่ให้ถูกฟ้องร้องปิดปากแบบนี้ และรัฐบาลจะ Guarantee ได้หรือไม่ว่าเหตุการณ์ ลิดรอนเสรีภาพครั้งนี้จะเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือครั้งสุดท้ายของสื่อมวลชนค่ะ
เรียนท่านประธานผ่านไปยัง ท่านรัฐมนตรี ดิฉันยังยืนยันอีกครั้ง ดิฉันยังไม่ได้กล่าวหาอะไรเลย ดิฉันขอใช้พื้นที่สภาแห่งนี้ ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยเพื่อเราจะคุยกันถึงหลักการในอนาคต แต่ท่านก็ยังยืนยัน แล้วก็วนอยู่ กับเรื่องของบุคคล ดิฉันยืนยันว่าเราคุยกันวันนี้เพื่อหลักการในอนาคตค่ะ และสิ่งนี้ปล่อยผ่าน ไม่ได้จริง ๆ ท่านย้ำหลายครั้งเรื่องของการสร้างวาทกรรม วาทกรรมความขัดแย้ง ท่านคะ ความขัดแย้งไม่ได้เกิดขึ้นจากการตั้งคำถามหรือข้อสงสัย ความขัดแย้งเกิดขึ้นมาจาก ความรู้สึกว่ามันไม่มีความยุติธรรม การแก้ปัญหาของความขัดแย้งคือการตอบคำถามของ ความรู้สึกเหล่านั้นอย่างสิ้นสงสัยต่างหาก และความขัดแย้งนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นหากรัฐชี้หน้า คนตั้งคำถาม หรือรู้สึกเช่นนั้นว่าเป็นการว่าชี้หน้าว่าอย่าสร้างวาทกรรม การใช้คำพูดนี้ เป็นแค่การปฏิเสธว่าปัญหานั้นไม่มีอยู่จริงและไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาใด ๆ ไม่เป็นอะไรค่ะ แม้วันนี้ดิฉันจะไม่ได้คำตอบอะไรเลยก็ตาม แต่ดิฉันถือว่าดิฉันได้ใช้พื้นที่สภาแห่งนี้เพื่อนำ เรื่องนี้มาพูดคุยกันแล้ว ที่เหลือดิฉันเชื่อว่าสังคมและประชาชนจะจับตาการทำงานของ รัฐบาล ดิฉันฝากไว้อย่างเดียวค่ะ ท่านอย่าให้ลูกผสมที่ท่านผสมข้ามขั้วมากลืนกินท่านไป ทั้งหมด ขอบคุณค่ะท่านประธาน
ท่านประธานคะ