เรียนท่านประธานที่เคารพ ผม ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล วันนี้ มีเรื่องนำเรียนปรึกษาท่านประธานเกี่ยวกับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกในปี ๒๕๖๙ หรือในอีก ๓ ปีที่จะถึง ขอ Slide ด้วยครับ
ภายใต้งบประมาณ ๒,๕๐๐ ล้านบาท โดยมีหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ได้แก่ ๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. กระทรวงมหาดไทย และ ๓. สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ที่รู้จักกันในนาม สสปน. โดยประชาชนในพื้นที่ ทีมงาน และตัวผมมีความกังวลในความโปร่งใสและประสิทธิภาพ ในการจัดงานมหกรรมพืชโลกครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้สืบค้นลงไปในหนังสือราชการ รวมถึงบันทึกการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๕ ที่ผ่านมาแล้ว มีตัวเลข หลายจุดที่น่าประหลาดใจ น่าตั้งคำถาม และน่ากังวลใจ ยกตัวอย่างเช่นการจัดงานมหกรรม พืชสวนโลกในครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้ได้ถึง ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท ภาครัฐจะสามารถจัดเก็บ ภาษีได้เพิ่มมากขึ้นถึง ๗.๗ พันล้านบาท ช่างเป็นตัวเลขที่น่ายินดีนะครับ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีผู้มาท่องเที่ยว มาจับจ่ายใช้สอยซื้อของทั้งในระยะสั้นและระยะยาวกับ จังหวัดอุดรธานี โดยกรมวิชาการเกษตรได้กล่าวอ้างว่าในงานนี้จะมีผู้เข้าร่วมถึง ๓๖ ล้านคน แบ่งออกเป็น ๗๐ เปอร์เซ็นต์มาจากภายในประเทศ และอีก ๓๐ เปอร์เซ็นต์มาจาก ๔๐ ประเทศทั่วโลก คิดเป็นตัวเลขประมาณ ๑๐,๘๐๐,๐๐๐ คน โดยเฉพาะวิกฤติการณ์โควิด ที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเยอะครับ ภายใต้กรอบระยะเวลาเพียง ๑๓๔ วันนั้น ก็ต้องฝากท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครับว่าตัวเลขนี้ยังยืนยันว่าจะเกิดขึ้นจริง ได้หรือไม่ และปัจจุบันนี้ได้มีการโฆษณา Promote โครงการนี้ไปถึงไหนแล้ว
ในคำถามข้อที่ ๒ เป็นคำถามที่สำคัญอย่างยิ่งคือการยึดโยงกับพื้นที่ การมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน และภาคประชาชน ประชาชนตัวเล็กตัวน้อยหาเช้ากินค่ำ จะไป สมัครงาน จะมีส่วนร่วมกับเงินตรงนี้ได้อย่างไร โดยกรมวิชาการเกษตรได้ให้ไว้ว่าการจัดงาน ครั้งนี้จะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพได้ถึง ๘๑,๐๐๐ อัตรา หรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ ๘.๑ พันล้านบาท ฝากเรียนถามไปทีประชาชนจะไปสมัครงานได้ที่ไหนครับ
เรียนท่านประธานที่เคารพ ผม ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล ก่อนอื่น ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง กับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นภายใต้สภาวะสงครามของ ประเทศอิสราเอล เริ่มต้นในวันเสาร์ที่ผ่านมา ท่านประธานที่เคารพครับ จังหวัดอุดรธานี ของเรามีการส่งแรงงานออกไปเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ในปัจจุบันนี้ในประเทศอิสราเอล มีแรงงานชาวอุดรธานี ๔,๐๐๐ กว่าคนที่ยังตกค้างอยู่ที่นั่น และแรงงานเหล่านี้ครับเขาไปในระบบ เขาไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เสียภาษีไป เพราะฉะนั้นเขาคาดหวังครับว่าภาครัฐ และภาคเอกชนที่ส่งเขาไปนั้นจะมีความรับผิดชอบดูแลให้ชีวิตและทรัพย์สินของเขาปลอดภัย แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าในช่วง ๓-๔ วันที่ผ่านมา จาก Page ของผู้แทนราษฎรได้รับการร้องเรียน จากผู้ใกล้ชิดของญาติผู้ประสบเหตุว่ายังไม่มีหน่วยงานไหน องค์กรใดยื่นมือเข้าไปช่วย อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นครับท่านประธาน ผู้แทนราษฎรจึงอยากจะ ขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐที่ออกใบอนุญาต ทั้งภาคเอกชนบริษัทจัดหางาน เหล่านี้ถ้าเขามีปัญญาส่งคนเหล่านี้ไปทำงาน เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นก็ต้องมีปัญญา นำกลับมา ถ้าไม่มี ถอดใบอนุญาตเขาครับ
ข้อที่ ๒ ก่อนเข้าไปช่วยบอกเขาทีคนเหล่านี้เป็นคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ใช้แรงงานเกษตรกรเขาไม่รู้หรอกครับว่าประเทศที่เข้าไปมีความเสี่ยงขนาดไหน และที่สำคัญ คนเหล่านี้ก่อนเขาจะไปกู้หนี้ยืมสินไปครับ เป็นหนี้เป็นสิน แรงงานที่ร้องเรียนเข้ามา ในปัจจุบันนั้นหลายคนไม่กล้ากลับเข้ามาในประเทศ เพราะกลัวว่ากลับมาแล้วจะไม่มีงานทำ จะไม่มีปัญญาใช้หนี้ หนี้สินเหล่านั้นจะตกอยู่กับลูกหลานของพวกเขา
ข้อที่ ๓ คือการโอบรัด คือการดูแลรักษาพวกเขา บอกพวกเขาให้ความมั่นใจ กับเขาครับ รัฐไทยของเราว่าเมื่อเขากลับมาแล้วเขาจะมีงานที่ดีทำ ภาระหนี้สินเหล่านั้น จะไม่ตกอยู่กับลูกหลานของเขา แล้วเมื่อเขากลับมาแล้วลูกหลานของเขาจะมีอนาคตที่ดีได้ ท่านประธาน ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานที่เคารพ ผม ณัฐพงษ์พิ พัฒน์ไชยศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล ขออนุญาตนำเสนอรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญสัดส่วนพรรคก้าวไกล จำนวน ๖ ท่าน ๑. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ๒. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ๓. นายประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ ๔. นางสาวทิสรัตน์ เลาหพล ๕. ธีระชาติ ก่อตระกูล ๖. นางสาวฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล ขอผู้รับรองด้วยครับ
เรียนท่านประธานที่เคารพ ผม ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พรรคก้าวไกล วันนี้ ขอนำเรียนปรึกษาหารือท่านประธาน ๒ เรื่องครับ
เรื่องแรก งานมหกรรมพืชส่วนโลกที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งผมมีโอกาสได้ ปรึกษาหารือท่านประธาน ณ ห้องสุริยันแห่งนี้ เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคมที่ผ่านมา ๕ เดือน ผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยครับท่านประธาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินพร้อมคณะ มีโอกาสได้ลงไปดูหน้างาน สอบถามถึงอุปสรรคปัญหา รวมถึงแสดงความคิดเห็นไว้ แทนที่โครงการจะมีความรุดหน้า อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงกันข้ามนะครับ ปัจจุบันโครงการมหกรรมพืชสวนโลกของ จังหวัดอุดรธานีกลับมีสภาวะถดถอย ถอยหลัง ยกตัวอย่างนี้ครับ
ป้ายขนาดใหญ่หน้าโครงการสีขาว ถูกยกออกไป แทนที่ด้วยป้ายสีชมพู ของดี OTOP ปักษ์ใต้ เดือนกุมภาพันธ์ เดือนมีนาคม ที่จะถึง ขออนุญาต Promote โครงการไปด้วยเลยก็แล้วกันนะครับ หนำซ้ำสื่อต่าง ๆ ยังตีออกมา โครงการส่อล่ม งบประมาณบานเท่าตัว Master Plan ต้องถูกจัดทำใหม่ โอ้โห อย่างนี้จะให้ประชาชนที่รอคอยอย่างมีความหวังกับโครงการดี ๆ ให้เขาลืมตาอ้าปากได้ รู้สึกอย่างไร ยังไม่พอ ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติม นี่ครับ โอกาสทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทย จะเสียหาย แน่นอนถ้าจังหวัดอุดรธานีของเราไม่ได้จัดในปี ๒๕๖๙ งานมหกรรมพืชสวนโลก Type A ที่ใหญ่กว่าของโคราช ในปี ๒๕๗๒ ก็คงจะไม่ได้จัดเช่นกัน เนื่องจากผู้ออกใบอนุญาต Authorized license เป็นเจ้าเดียวกัน เป็นหน่วยงานเป็นองค์กรเดียวกัน เพราะฉะนั้น จะทำให้ประเทศไทยของเราเสียโอกาสทางเศรษฐกิจกว่า ๕๐,๐๐๐ ล้านบาทครับ ท่านประธาน ต้องย้ำนะครับ ว่าที่ต้องนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้งหนึ่งก็เนื่องจากว่าประชาชน ในพื้นที่ ทีมงานและตัวผมมีความต้องการให้โครงการดี ๆ อย่างนี้เกิดขึ้นและเกิดขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลอย่างสูงสุด
เรื่องที่ ๒ เรื่องความแออัดของโรงพยาบาลศูนย์จังหวัดอุดรธานี ซึ่งปัจจุบัน ๒๐ อำเภอของจังหวัดอุดรธานี รวมถึงอีก ๗ จังหวัดรอบข้างเข้ามาใช้ปีละกว่า ๑ ล้านคน ตกเฉลี่ยวันละ ๓,๐๐๐ คน เตียงที่ใช้ได้จริงมีอยู่ ๑,๑๐๐ เตียง กราบเรียนท่านประธานนะครับ วิงวอนไปยังหน่วยงาน ไปยังผู้รับผิดชอบโดยตรงช่วยแก้ปัญหาลดความแออัดให้โรงพยาบาล ศูนย์จังหวัดอุดรธานีที เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับทุกชีวิตที่มาขอรับการรักษา รวมถึงบุคลากร ทางการแพทย์ทุกคนด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับท่านประธาน
เรียนท่านประธานที่เคารพ ผม ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดอุดรธานี วันนี้ขออนุญาตนำเรียนปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จากผู้ปกครองของเยาวชนในพื้นที่ตัวเมืองจังหวัดอุดรธานี ขอสไลด์ด้วยนะครับ
เกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างหนัก ของปัญหาน้ำต้มใบกระท่อม ซึ่งปัจจุบันนี้มีการดัดแปลง เปลี่ยนแปลง ให้มีฤทธิ์ที่รุนแรงมากขึ้น วัยรุ่นเขาเรียกกันว่าสี่คูณร้อยครับ ซึ่งก็คือการนำน้ำต้มใบกระท่อมมาแต่งสีเติมกลิ่น รวมถึง นำยากดประสาทต่าง ๆ ผสมเข้าไป เมื่อยากดประสาทเหล่านี้ไปผสมกับฤทธิ์ของใบกระท่อม จะทำให้เกิดฤทธิ์ที่รุนแรงในการกระตุ้นและหลอนประสาท แน่นอนครับว่าเมื่อยามันแรง ก็ต้องส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้เสพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ย้ำอีกครั้งนะครับ น้ำต้ม ใบกระท่อมสี่คูณร้อยนี้ ปัจจุบันนี้คือยาเสพติดอันดับ ๑ ที่เยาวชนคนไทยกำลังนิยมเสพกัน อย่างมาก และเยาวชนที่เรากำลังพูดถึงนี้หลายคนมีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี เวลาไปกิน ไปเที่ยว ไปเสพ ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว ตัวผมและทีมงาน มีโอกาสลงพื้นที่ไปพบกับผู้เสพ ไปเห็นผู้ขาย รวมถึงได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการปราบปราม ก็ทราบมาว่าก่อนหน้านี้ลักษณะการขายเป็นลักษณะ การขายแบบหาบเร่เปิดท้ายแบบนี้ เพราะฉะนั้นเขาเปลี่ยนที่ไปเรื่อย การปราบปราม จึงยังไม่สิ้นสุด แต่ปัจจุบันนี้ปัญหาใหญ่กว่านั้นครับ พ่อค้าแม่ขายเหล่านั้นมีการค้าเปิดร้าน เป็นหลักเป็นแหล่งอย่างในรูปที่เห็นนี้นะครับ แล้วก็ขึ้นป้ายโฆษณาถึงสรรพคุณด้วยนะครับ คุณกินแล้วยัน น้ำท่อมอุดรหวานเจี๊ยบ มีเมนูให้เลือกหลากหลาย นี่ขายแอลกอฮอล์ ยังโฆษณาไม่ได้อย่างนี้เลยนะครับ แล้วพ่อค้าแม่ขายเหล่านี้ Go Online มี Platform เปิด Page น้อง ๆ หนู ๆ อยากลอง อยากเสพ แค่กด Click ก็สามารถซื้อได้ แล้วถ้าไม่สะดวก มาที่ร้าน มี Delivery บริการส่งถึงหน้าบ้านครับ เพราะฉะนั้นฝากเรียนท่านประธาน กราบเรียนเลยครับ ไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้รับผิดชอบโดยตรง ให้ช่วยเร่งปราบปราม น้ำท่อมสี่คูณร้อยเหล่านี้ให้หมดออกไปจากสังคม ทั้ง On Ground และ Online ด้วย ขอบพระคุณครับ