กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก คนพรหมพิราม พรรคเพื่อไทย ผมเองต้องขอบพระคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่ได้ยื่นญัตติ ในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาจากปรากฏการณ์ El Nino รุนแรงจริง ๆ พูดถึงนะครับ เมื่อไม่กี่วันนี้นักวิชาการก็ได้บอกมาว่าปัญหา El Nino นี้อาจจะยาวนานถึง ๑๙ เดือน แล้วเดือนนี้คือเดือนกันยายน ๒๕๖๖ สำหรับเมืองไทยแล้วสภาวะแห้งแล้งอันนี้เริ่มต้นแล้ว และเริ่มต้นจากระดับปานกลาง แล้วก็จะยาวนานไป ถ้าโชคร้ายก็คือไปถึง ๑๙ เดือน ผมเองก็ภาวนาว่าขอให้ภัยนี้ยุติโดยไว
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาสมควรอยู่แล้วที่เราจะต้องเตรียม เพราะว่า ปกติแล้ว El Nino ค่าเฉลี่ยของมันคือ ๒-๗ ปี จริงมันอาจจะ ๒ ปีมาทีก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ สมัยก่อนมันไม่เคยมาขนาดนี้ มันจะอยู่ ๕ ปี ๖ ปี ๗ ปีถึงมาครั้งหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้ แทบจะเป็นปีเว้นปี เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เตรียมการไว้ก่อนปัญหาจะเกิดกับพี่น้อง เกษตรกรของเราแน่ น้ำฝนปี ๆ หนึ่งเฉลี่ยแล้ว ๖๘๐,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำท่าอีกปีหนึ่ง ๒๑๐,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ค่าเฉลี่ยรวมแล้วทั้งน้ำฝนและน้ำท่า ๒ อย่างนี้รวมกันเกือบ ๙๐๐,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ประเทศไทยของเราโดยการนำของกรมชลประทานทั้งโครงการใหญ่ โครงการขนาดกลาง และโครงการขนาดเล็ก รวมกันแล้วเพิ่งจะเก็บน้ำได้มาถึงวันนี้ ๑๒๑ ปีของกรมชลประทาน ก็แค่ ๘๓,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ผมปัดเศษให้นะครับ ถ้าไม่ปัดเศษให้ไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ตามแผนทั้งแผนยุทธศาสตร์และแผนของกรมชลประทานที่จะไปถึง ปี ๒๕๕๐ บอกว่าเราจะต้องพยายามผลักดันแหล่งกักเก็บน้ำให้ได้ ๙๐,๐๐๐ ผมว่าถ้าสภาเรา ไม่นำเรื่องนี้มาเข้าทำอย่างจริงจัง อนาคตสำหรับพี่น้องโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรน่าสงสารมาก ท่านครับ ในความรู้สึกผม ผมเองก็อยากจะเสนอแนะในเรื่องของการแก้ไขปัญหา El Nino ๑. ตัวของบุคลากรที่อยู่ในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในกรมชลประทาน อยู่ในกรมใด ๆ ก็ตาม อยู่ในกรมทรัพยากรน้ำบาดาลทั้งหลาย หรือแม้แต่ สทนช. กอนช. ทั้งหลาย ถ้าตราบใดที่คุณยังทำงานอย่างนี้ผมขอพูดอย่างตรงไปตรงมา ก็เพราะว่าเหตุที่ ผมพูดอย่างนั้นมันมีหลายคราว แม้แต่ในปัจจุบันนี้ใครจะไปเชื่อว่าในปี ๒๕๖๖ ซึ่งทุกคน บอกแล้วว่าจะประสบภาวะแห้งแล้ง แต่บ้านผมท่วม หลายจังหวัดท่วม ทั้ง ๆ ที่น้ำเหนือก็ยัง ไม่มา น้ำด้านล่างก็ยังไม่มี ก็มีแต่ตกในพื้นที่ ผมไม่เข้าใจการบริหารงาน จริงอยู่ว่าพอน้ำ ตกมาแล้วก็จะเก็บไว้ เพราะว่ามันเกิดสถานการณ์ El Nino แต่ว่าการเก็บ เก็บอย่างไร ให้พี่น้องเขาเดือดร้อน วันนี้โครงการในจังหวัดพิษณุโลกทั้ง ๓ โครงการส่งน้ำ ทั้งโครงการ ส่งน้ำบำรุงรักษานเรศวร โครงการส่งน้ำบำรุงรักษาพลายชุมพล และโครงการส่งน้ำ บำรุงรักษายม-น่าน ก็คือบางระกำโมเดลเรียบร้อย แทนที่ชาวบ้านเขาจะได้ราคาข้าวที่ดี เขาก็เสี่ยงทำ ก็รู้ว่ากรมชลประทานประกาศออกมาแล้วว่าจะไม่ปล่อยน้ำให้ แต่ว่าไฉนเลย การเตรียมพร้อมในเรื่องตรงนั้นชาวบ้านไม่เตรียมพร้อมอยู่แล้วละ เพราะนึกว่าอย่างไรก็แล้ง แต่อยู่ ๆ ทางกรมชลประทานบริหารงานอย่างไรให้น้ำท่วมได้ สิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะบรรลุ เป้าหมาย ถ้าเกิดสภานี้ได้ตั้งคณะกรรมาธิการแล้วมันมีผลที่ทำให้รัฐบาลได้ตระหนักถึง สิ่งสำคัญคือคนทำงานนี่ละครับ ผมเรียกร้อง ๒. กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นอีกกรมหนึ่งที่มีความสำคัญ ผมเองอยากให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเป็นอีก หน่วยงานหนึ่งที่จะช่วย เพราะในเรื่องของภัยแล้งตราบใดที่เรายังไม่สามารถจะเอาน้ำใต้ดิน ขึ้นมาใช้ ผมเองภูมิใจมากที่ท่านนายกรัฐมนตรีของผม ท่านเศรษฐา ทวีสิน ท่านได้ดำริไว้ ในเรื่องของการที่จะนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ แล้วก็จะต้องมีการปรับปรุงในเรื่องนวัตกรรม แล้วการเจาะบาดาลไม่ใช่เจาะกันเหมือนอย่างปัจจุบันนี้มันต้องเจาะให้ถึงชั้นน้ำบาดาล แล้วก็ ต้องมีการขยายท่อ Submerged ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำที่สูบมาจากใต้ดินสามารถที่จะ รองรับกับพื้นที่ได้มาก มิฉะนั้นถ้าเป็นอย่างเดิม เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ นิ้ว ชาวบ้านรู้ดีสูบทั้งวัน ทั้งคืนก็ได้ ๑๐ กว่าไร่ แต่ที่ทำมาหากินพื้นที่ในเมืองไทยก็รู้อยู่แล้วมี ๓๒๑ ล้านไร่ แต่พื้นที่เหล่านั้นมันสามารถพัฒนาเรื่องการเกษตรได้เพียงแค่ ๑๕๐ ล้านไร่เท่านั้นเอง และ ๑๕๐ ล้านไร่นี้ก็อยู่ในเขตชลประทานแค่ ๖๐ ล้านไร่ แต่ที่เหลือตามยถากรรม อยู่ใน ๖๐ ล้านไร่ ในเขตชลประทาน แต่ทุกวันนี้ ๑๒๑ ปี เพิ่งทำได้มาแค่ ๓๒ ล้านไร่เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นแล้วผมเองต้องขอบพระคุณทางเพื่อน ๆ สมาชิก มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะขอ บอกไว้ ณ ที่นี้ก็คือว่าการทำฝาย การทำเขื่อน หรือเรียกว่าการทำอาคารประกอบ ของกรมชลประทานที่กลางลำน้ำ ต่าง ๆ ที่มันลดหลั่นกันลงไป อย่างจังหวัดพิษณุโลกตอนนี้ที่ผมเองอยากให้เกิดมากก็คือว่าเราเองอยากให้มีเขื่อน อีกเขื่อนหนึ่งที่ถัดมาจากเขี่อนนเรศวร เพราะว่าในลำน้ำน่านทั้งหมด ๗๐๐ กว่ากิโลเมตร มีเขื่อนสิริกิติ์อยู่บนสุด ต่อจากนั้นอีก ๑๕๖ กิโลเมตร มาเป็นเขื่อนนเรศวรบ้านผม เป็นเขื่อน ทดน้ำเพื่อการเกษตร แล้วไม่ว่าจะจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตร จังหวัดนครสวรรค์ ก็ต้อง ใช้น้ำจากตรงนี้ แล้วพอหลุดจากเขื่อนนเรศวรไปแล้วน้ำก็ว่างเปล่าเลยไม่มีตรงไหนกักเก็บ จนกระทั่งไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยาลงทะเลไปเฉย ๆ ปีหนึ่งหลายหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร เพราะฉะนั้นถ้าหลังจากเขื่อนนเรศวรมาแล้ว ตอนนี้มีการศึกษาโครงการเขื่อนท้ายเมืองอยู่ที่ ตำบลงิ้วงาม อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ห่างจากเขื่อนนเรศวร ๕๖ กิโลเมตร สามารถจะ จุน้ำได้ในลำน้ำนั้น ๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ยังไม่รวมคลองซ้ายขวาถ้าเกิดจะเอาเข้าไป เพราะฉะนั้นรวม ๆ แล้วน้ำประมาณ ๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งการลงทุนอยู่ประมาณ ๑,๖๐๐ ล้านบาท ซึ่งมีการคำนวณไว้แล้ว ยังถูกกว่าในการที่จะไปสร้างอ่างเก็บน้ำ แล้วก็ขอ เรียกร้องไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเรื่องของที่ดินในเขตป่าไม้ ที่ไม่สามารถจะทำประโยชน์ในเรื่องของอ่างเก็บน้ำอะไรได้ ผมอยากขออนุญาตให้กับ ทางหน่วยราชการหรือว่าทั้งชุมชนได้ใช้ประโยชน์ได้เรื่องน้ำ กราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต ๒ จังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ ท่านครับ ผมเองต้องกราบขอบพระคุณเพื่อน ๆ สส. หลาย ๆ พรรคที่วันนี้ได้ยื่นญัตติด้วยวาจาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นราธิวาส ซึ่งเป็นเหตุการณ์ ที่สะเทือนขวัญสำหรับพวกเราคนไทยนะครับ พูดถึงในภาคใต้ในเขตจังหวัดนราธิวาสถือว่า เป็นเขตพิเศษ ทั้งกฎหมาย ทั้งการดูแล ทั้งงบประมาณ ทุกอย่างมากกว่าที่อื่น ผมเองก็ตั้ง ข้อสงสัยเหมือนกันว่าการหละหลวมนี่สงสัยจะต้องมีการยกเครื่องใหม่สำหรับการดูแลพื้นที่ ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ นี่ขนาดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ความเสียหายยังแบบนี้ ความหละหลวม ยังมีขนาดนี้ เพราะว่าจริง ๆ แล้วอย่างที่เพื่อน ๆ สส. หลายคนได้พูดว่าในเรื่องของกฎบัตร กฎหมายในการดูแลสิ่งเหล่านี้มี พ.ร.บ. หลายฉบับที่คอยดูแลในสิ่งที่เกี่ยวกับวัตถุระเบิดพวกนี้ และแม้แต่การทำพลุดอกไม้ไฟ โดยฉบับที่ผมนี่ถือว่าเป็นฉบับหนึ่งที่ซึ่งเป็นกฎหมาย ที่ได้มีการออกมาแล้วก็ควบคุมทุกอย่างนั่นก็คือในตัวของ พ.ร.บ. ปี ๒๕๔๗ ที่เป็น การประกาศร่วมกันของกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน แล้วก็กระทรวงอุตสาหกรรม ผมเองต้องขอบคุณท่านผู้ที่ออกกฎหมาย ในสมัยนั้น เพราะว่าเท่าที่ผมอ่านดูแล้วทางผู้มีส่วนรับผิดชอบในส่วนของข้าราชการ ผมว่าไม่ได้ทำตามในสิ่งที่กฎหมายนี้ได้เขียนไว้ เพราะกฎหมายนี้ได้เขียนไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลในด้านไหน ด้านแรงงาน ด้านการผลิต การขนส่ง การเก็บ มีแม้กระทั่งว่าประตู ๑ บานในโรงงานเหล่านั้นจะต้องกว้างเท่าไร สูงเท่าไร เปิดเข้า หรือเปิดออก แล้ววัสดุอุปกรณ์ที่จะต้องมีจะต้องมีอะไรบ้างในนั้น ผมเองไม่ต้องอะไรมาก ในนี้มีอยู่ข้อหนึ่งก็ยังเขียนไว้ว่า จะต้องให้มีถังดับเพลิงแห้ง ก็ถังดับเพลิงเคมีของเรานี่ละครับ ต้องมีการตรวจสอบทุก ๆ ๖ เดือน อย่าว่าแต่โรงงานเหล่านั้นเลยเอาตามหน่วยงานราชการ ณ ปัจจุบันทุกหน่วยนี่ผมมั่นใจเลยว่าไม่มีหน่วยงานไหนที่ตรวจสอบสารเคมีในถังนั้นให้ เป็นไปตามมาตรฐานทุก ๆ ๖ เดือน ผมขอเรียกร้องผ่านสภาแห่งนี้ผ่านท่านประธานไปเลยนะครับ ขอให้หน่วยงานราชการ ทั้งหลายได้กลับไปตรวจสอบ ณ เวลานี้เลย เราป้องกันไว้ดีกว่าให้เกิดเหตุแล้วมันจะเสียหาย ท่านครับ พูดถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าย้อนกลับมาถึงในอดีต ถ้าเป็นในส่วนของสถิติทางอุบัติเหตุ แล้วก็สาธารณภัยในส่วนของภัยที่เกิดจากสารเคมีแล้วก็วัตถุอันตรายตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ จนถึงปี ๒๕๕๒ ขอ Slide ที่เป็นตารางด้วยครับ
มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพิ่มขึ้นทุกปี เรื่องสารเคมีนะครับ แต่เป็นอันว่าในตารางอันนี้มีการรวบรวมสถิติไว้มันเพิ่มขึ้นตลอดอันนี้ อย่างปี ๒๕๔๐ OK มีการเกิดอยู่ครั้งเดียว แต่พอมาปี ๒๕๕๒ มีการเกิดทั้งหมด ๗๕ ครั้ง มีผู้เสียชีวิต ๒๐ ราย บาดเจ็บ ๓๐๐ กว่าราย ทรัพย์สินเสียหายอีกเกือบ ๖๐๐ ล้านบาท ที่จริงวันเวลาผ่านมาจากปี ๒๕๔๐ ถึงปี ๒๕๕๒ ๑๒ ปี เครื่องไม้เครื่องมือทั้งหลาย อุปกรณ์ที่ จะ Safety ทั้งหลายก็มีมากขึ้น ความรู้ ความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ก็มีมากขึ้น แต่เหตุไฉน การเพิ่มขึ้นของสิ่งที่เป็นอุบัติเหตุ อุบัติภัยแบบนี้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนมันถึง ได้มากขนาดนี้ ผมเองอยากที่จะเรียกร้องให้หน่วยงานราชการได้มีการเข้มงวด ตรวจสอบใน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของพลุ ดอกไม้ไฟเหล่านี้นะครับ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสลด ใจถ้าพูดถึงเมืองนอกเมืองนานี่ที่กรุงเบรุต จำได้ใช่ไหมครับ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ที่ใครดูภาพ TV คงจะจำได้ครับ ขอภาพที่ระเบิด
คงจำกันได้นะครับ ผมเองหวังว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดในประเทศไทยของเรา เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บร่วม ๘,๐๐๐ คน เสียชีวิตอีกนับร้อย ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์อเมริกาเป็นสิ่งที่สูญเสียไป นี่ยังไม่นับรวมถึง ด้านของจิตใจ ด้านอะไรนะครับ ผมเองก็ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตระหนักให้ดีว่าถ้าสิ่งนี้ มันเกิดกับลูกหลานดันไปเกี่ยวข้องในสิ่งที่เป็นอุบัติเหตุเหล่านี้ด้วยนี่ท่านจะมาเสียใจ ในความที่ท่านละเลยเองนะครับ แล้วลำดับต่อมาผมอยากจะขอเร่งรัดให้รัฐบาลในส่วน ของการเยียวยานอกจากรวดเร็วแล้วนี่นะครับการเยียวยาจะต้องให้เหมาะสม อย่าให้เหมือน เรื่องภาคเกษตร ผมก็พูดหลายครั้ง น้ำท่วม ๑๐ ปีก่อนก็จ่ายเท่านี้ ๑๐ ปีต่อมาก็จ่ายเท่านี้ ปุ๋ยลูกหนึ่ง ๖๐๐ บาท พอวันหนึ่งปุ๋ยลูกหนึ่ง ๖๐๐ บาท เวลาน้ำท่วมก็จ่าย ๑,๓๖๐ บาท ต่อไร่ พอปุ๋ยมาเป็น ๑,๘๐๐ บาท ก็จ่าย ๑,๓๖๐ บาท มันถูกที่ไหน มันไม่ถูกหรอกครับ ถ้าใช้ตรรกะนี้นะครับ แล้วก็หลังจากนั้นแล้วการฟื้นฟู เยียวยาคือเฉพาะหน้า การฟื้นฟู สภาพทั้งหลายของประชาชนทั้งจิตใจแล้วก็ร่างกาย แล้วก็สุดท้ายทบทวนตัวเองหน่อย เถอะครับหน่วยงานที่รับผิดชอบเอาบทเรียนทั้งหลายที่เกิดขึ้น อย่าให้มันเกิดอีก ถ้าสุดวิสัย จริง ๆ เอาละเราก็เข้าใจ แต่ขออย่าให้มันเกิดจากความบกพร่องละเลยไม่ใส่ใจ ขอบคุณ มากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ผมเองติดใจในผลการดำเนินงานของ ป.ป.ส. พอดีจริง ๆ แล้ว ผมก็จะมาพูดตั้งแต่ตอนที่ท่านประธานได้เปิดโอกาสให้พูด แต่พอดีว่าผมมัวค้นหาเอกสาร ผมก็ขอใช้เวลานี้ในการที่จะสอบถามท่านรองเลขา ป.ป.ส. ท่านครับ เอกสารเล่มที่ท่านให้มารายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติดประจำปี ๒๕๖๔ เล่มนี้ที่ท่านให้กับเล่มนี้มันเป็นของ หน่วยงานเดียวกันหรือเปล่า เหตุผลที่ผมถามอย่างนั้นก็เพราะว่าในผลการปฏิบัติงานของท่าน มันต่างกันสิ้นเชิง อย่างในปี ๒๕๖๔ ท่านเองบอกว่ามีจำนวนคดีทั้งหมด ๓๓๗,๑๘๖ คดี แต่ตารางนี้ที่อยู่ในหนังสือเล่มสีฟ้าสักครู่บอกว่ามีอยู่ ๑๓๐,๕๔๓ คดี จำนวนผู้ต้องหา ท่านบอกมาในหนังสือเล่มสีน้ำตาลคือ ๓๕๐,๐๐๐ กว่าคดี แต่อีกเล่มหนึ่งใน Website ของท่านคือ ๑๓๒,๐๐๐ คดี มันคืออย่างไร ผมเองก็งง ผมก็พยายามที่จะเปิดดูในเล่ม สีน้ำตาลให้รอบคอบ ผมเองก็อยากจะทราบเหมือนกันเป็นเพราะอะไร อันนั้นคือจำนวนคดี และผู้ต้องหา ผมยกตัวอย่างนิดหน่อย อย่างยาบ้าท่านเองรายงานมาในหนังสือเล่มสีน้ำตาล ก็คือ ๕๕๔.๗ ล้านเม็ด แต่ว่าในหนังสือที่ลงใน Website ของท่านคือ ๕๑๕ ล้านเม็ด ไอซ์ท่านบอก ทางผู้แทนไว้ว่า ๒๖,๖๖๒ กิโลกรัม แต่ในนั้นเขียน ๑๙,๐๐๐ กิโลกรัม เหตุผลเพราะอะไร นอกจากตัวเลขที่ผิดพลาดกันแล้ว มันยังส่อถึงนัยบางนัยนะครับ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะบอก นัยไหน ก็ขอที่จะสอบถามท่านว่ามันคืออะไร ทำไมตัวเลขผิดกันอย่างนี้ อันนั้นคือปี ๒๕๖๔ ที่ท่านรายงาน แต่ถ้าเอากันให้ดีอีกอย่างหนึ่ง ย้อนไปปี ๒๕๖๓ ปี ๒๕๖๓ ในหนังสือ เล่มสีน้ำตาลที่ท่านวงเล็บไว้ ที่ท่านมาเสนอสภา ท่านบอกว่ามีคดีทั้งหมดจับกุม ๓๒๔,๕๕๒ คดี แต่ตารางในหนังสือของท่านเขียนไว้ว่า ๑๖๕,๐๐๐ กว่าคดีเท่านั้นเอง เฮโรอีนท่านเสนอเรามา บอกว่าจับได้ ๕๙๗ กิโลกรัม แต่ใน Website ของท่านคือ ๑,๘๗๗ กิโลกรัม ต่างกัน ๑,๓๐๐ กิโลกรัมสำหรับเฮโรอีน ยาบ้า ๓๘๔ ล้านเม็ดที่ใน Website ของท่าน แต่ท่าน บอกเรามาแค่ ๓๑๙ ล้านเม็ด แล้วมันหายไปไหนอีก ๖๐-๗๐ ล้านเม็ด ผมเองจึงสงสัย ก็ขออนุญาตที่สอบถามว่าตกลงแล้วท่านจะให้ผมดูตัวเลขไหนกันแน่ ขอบพระคุณครับ
ก็เป็นไปได้ตามที่ท่านบอกนะครับ เพราะผมเองก็นึกไว้แล้วเหมือนกันว่าอาจจะปีปฏิทินกับปีงบประมาณก็เข้าใจอยู่ แต่ทีนี้ปัญหา ที่ทำให้ผมแม้ว่าจะยกเหตุผลนั้นมาพูดกับใจตัวเองแล้ว แต่ผมก็ยังคาใจตรงที่ว่ากระจุกตรงนั้น ที่ต่างกันอยู่ ๓-๔ เดือน ทำไมตัวเลขคดีกับตัวเลขผู้ต้องหาต่างกันเท่าตัว มันขนาดนั้นเชียวหรือ อย่างนั้นก็แสดงว่าในระบบยุติธรรมนี่ห่วยแตกมาก ขอใช้คำบ้าน ๆ นี่ละครับ ใช่ไหมครับ ตรรกะนี้ผมว่ามันไม่ถูก ถ้าอย่างนี้มันต้องยกเค้ากันใหม่เลยนะครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ได้พูดถึง ในส่วนที่ว่า OK อะไรทำไหม ไม่เรียบร้อยหรืออะไรพรรค์นี้ ทำไมท่านวงเล็บไว้หน่อย ไม่ได้หรือในนี้ว่าอะไรคือปีงบประมาณ อะไรคือปีปฏิทิน แล้วผมจะไปตรัสรู้ได้อย่างไร ผมเองก็เป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกง แล้วก็ไม่ใช่ว่าล่องหนได้ อะไรได้ เป็นเทวดามาจากไหน ผมไม่รู้ ผมขออนุญาตตำหนิท่านอย่างแรงครับ แต่ว่าผมก็ยังไม่ Clear พูดถึงนี่ ผมก็ยัง ไม่สบายใจอยู่ดีสำหรับประเด็นที่ท่านบอกว่าอันนั้นคือปีงบประมาณ อันนี้คือปีปฏิทิน แต่ว่าตัวเลขที่ฟ้องอยู่มันต่างกันเยอะ ผมถึงบอกว่าขณะนี้ผมใช้คำว่า นัย นั่นหมายความว่า ประการหนึ่งก็คือว่าถ้าปีปฏิทินกับปีงบประมาณ แสดงว่าหน่วยงานทำงานของกระทรวง ยุติธรรมหลาย ๆ ส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องคดี รวมทั้งตำรวจด้วยแย่มาก แย่ถึงแย่ที่สุดเลยนะครับ ถ้ามันสอดคล้องกับจำนวนสิ่งที่จับได้ของ ป.ป.ส. กับจำนวนคดี จำนวนผู้ต้องหา ผมจะไม่ว่า อันนี้ท่านลองใช้บัญญัติไตรยางค์ก็ได้ จำนวนคดี จำนวนเม็ด เป็นเหมือนกันแทบจะทุกปีเลย เพราะฉะนั้นนั่นหมายความว่า ๓-๔ เดือนสุดท้ายท่านจับอะไรไม่ค่อยได้ใช่ไหม หรือมัน อย่างไร หรือถ้าจับได้ทางผู้ค้ายาเสพติดก็ใช้นโยบายปีปฏิทินกับปีงบประมาณเหมือนกัน ถ้ามันเลยปีงบประมาณแล้ว OK จับน้อย ๆ หรือผลิตน้อย ๆ จะได้โดนจับน้อย ๆ ผมเอง งงมากตัวเลขเหล่านี้นะครับ ขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ สำหรับหน่วยงาน กอช. กองทุนการออมแห่งชาตินะครับ ท่านครับ ไม่รู้มันเป็นเพราะเหตุผลใด ผมอยากทราบจริง ๆ นะครับ ก็เหมือนอย่างที่เพื่อน ๆ ผู้แทนมากมายที่ทุกคนขึ้นมาก็บอกเหมือนกันว่าทำไมรายงานเพิ่งเอามาปี ๒๕๕๘ ปี ๒๕๕๙ แต่ใน Website ของท่าน กอช. มันมีถึงปี ๒๕๖๕ แล้ว ขนมาทีเดียวไม่ได้หรือ ไม่ต้องกลัวว่า คนที่เป็นผู้แทนราษฎรจะเหนื่อยหรอกนะครับ เราไม่เหนื่อยหรอกครับเราเป็นมนุษย์ พันธุ์พิเศษ ท่านครับ เอามาทีเดียวเราก็ไม่ต่อว่าต่อขานท่านหรอกครับ เรากลับจะดีใจด้วยซ้ำว่า ท่านให้เกียรติสภา ท่านจะชักช้าเมื่อก่อนหน้านี้แล้วเริ่มต้นเอามาให้เราดูตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ จนถึงปี ๒๕๖๕ เราจะชื่นชมท่านมากกว่านะครับ นี่ผมขอตำหนิท่านจริง ๆ นะครับ แล้วผมเองเห็นแล้วบอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยอยากจะคุยกับท่านแล้วครับ ในเรื่องของปี ๒๕๕๘ ปี ๒๕๕๙ คุยไปก็เท่านั้นละครับ จะไม่รับรายงานหรือมันก็กระไรอยู่นะครับท่าน ผมเอง ก่อนที่จะคุยถึงท่านนี่นะครับ ส่วนผมจะคุยปีไหนก็ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของผมแล้วนะครับ แต่ผมก็โยงไปถึงท่านนั่นละ ถึงปี ๒๕๕๘ ปี ๒๕๕๙ นี่ละครับ แต่ลำดับแรกในเมื่อวันนี้ เป็นวันสำคัญก็เป็นวันกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนะครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมเองและทุก ๆ คนเราก็ทราบ ดีอยู่นะครับ เพราะฉะนั้นผมเองก็ขออนุญาตตรงนี้ที่จะขอแสดงความชื่นชมท่านราชสีห์ ผู้ภักดีทุกท่านนะครับ ที่ท่านได้ดูแลเป็นส่วนหนึ่งของบ้านของเมืองทำให้พวกเราประชาชน ได้อยู่เย็นเป็นสุขนะครับ รางวัลกำนัน ผู้ใหญ่บ้านดีเด่นเกิดมาตั้งแต่รัตนโกสินทร์ศกที่ ๑๒๓ ก็คือ ๒๔๔๘ มาถึงบัดนี้แล้วก็ขอให้รางวัลนี้เป็นกำลังใจให้กับคนทำงานนะครับ ท่านผู้แทน จาก กอช. ท่านครับ ตอนที่ท่านเริ่มหาสมาชิกครั้งแรกผมตกใจมาก มีสมาชิกผู้แทนบางท่าน ก็บอกว่าเหมือนไปเกณฑ์มา ท่านว่ามีการเกณฑ์ไหมครับ แต่ผมว่ามีนะ เพราะผมเป็น คนหนึ่งที่โดนถูกเกณฑ์ด้วยแต่ผมไม่เอา เพราะหลักการของ กอช. คือการให้มาเป็นสมาชิก โดยความสมัครใจ แล้วมาเกณฑ์ เกณฑ์ทำไม หายอด ไม่เข้าท่าจริง ๆ นะครับ ท่านครับ ผลการดำเนินงานของท่านแม้ว่าดูมันจะน้อยผมก็ว่าน้อยละ ไปต่อรองกับธนาคารเหมือนอย่าง ท่านสฤษฏ์พงษ์พูด ผมว่าคุ้มค่ากว่านะครับ แต่เอาละแต่ก็ถือว่าท่านก็ทำงานได้ในระดับหนึ่ง ที่ก็ไม่ได้ทำให้กองทุนขาดทุน หรือว่าในเส้นค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนท่านก็ยังให้สูงกว่า เข้าใจครับ ผมเองยังติดใจอยู่ตรงที่ว่าในฐานะที่เป็นผู้แทนสมัยที่แล้ว ผมอยู่คณะกรรมาธิการ การสวัสดิการสังคม เราคุยกันในเรื่องของคุณสมบัติของคนที่จะเป็นสมาชิก ท่านก็บอกแล้วว่า ท่านจะขยายถึง ๖๕ ปี อย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอผมมาดูในรายงานของท่าน ไม่ใช่รายงาน ปี ๒๕๕๘ ปี ๒๕๕๙ นะครับ ก็บอกเลยนะครับ แต่ว่ามันก็สืบเนื่องเพราะท่านเคยบอกเราไว้ว่า อันนั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของกองทุน เพราะฉะนั้นแล้วกองทุนก็เหมือนค่อย ๆ เติบโตขึ้นมา อะไรที่เป็นประสบการณ์ก็เรียนรู้แล้วก็พยายามที่จะแก้ไข เพราะฉะนั้นผมเองก็อยากจะบอก ท่านว่าจนมาถึงรายงานฉบับที่ผมดูล่าสุด ณ สิ้นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ท่านเองนี่นะครับ สิ่งที่พูดไว้จะขยายคุณสมบัติ อายุเอย อะไรเอยก็ยังเป็นแค่รอพิจารณาอยู่ แล้วจะรอไปเมื่อไร ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ อย่างไรก็เร่งรัดด้วย ท่านครับในส่วนของการเติบโตของท่าน การคาดการณ์ถ้าผมปิดปี ๒๕๖๐ จนถึงปี ๒๕๖๕ ผมเองก็คิดว่าท่านคงจะแย่แน่ละ เพราะว่า การเติบโตของสมาชิกเอย อะไรเอยนี่มันไม่เท่าไร เพราะดูแล้วอัตราการเพิ่มขึ้นมันน้อยมาก แต่ผลปรากฏว่าพอเปิดหลังจากปี ๒๕๕๙ มาตกใจ ท่านเตรียมคำถามไว้ด้วยวันที่ท่านมา รายงานว่าในช่วงปี ๒๕๖๑ รอยต่อปี ๒๕๖๑ แล้วข้ามกระโดดไปปี ๒๕๖๒ สมาชิกจากที่ ท่านเคยมีอยู่ ๖๑๐,๐๐๐ คนเศษ กลายเป็น ๒,๓๐๐,๐๐๐ ท่านเตรียมคำตอบไว้ให้หน่อยนะครับ ท่านจะมารายงานของปี ๒๕๖๑ ปี ๒๕๖๒ เมื่อไรผมถามแน่ ท่านตอบให้หน่อยว่า มันกระโดดมาเพราะอะไร แล้วหลังจากนั้นแล้วพอเป็นปี ๒๕๖๓ ปี ๒๕๖๔ ปี ๒๕๖๕ จาก ๒,๓๐๐,๐๐๐ ก็เพิ่มมาอีก ๕๐,๐๐๐ อีก ๑ ปีก็เพิ่มอีก ๓๐,๐๐๐ นั่นละท่านทำ อีกแล้วหรือ การไปบังคับให้คนมาสมัครเป็นสมาชิกกองทุน สุดท้ายท่านครับ เป้าหมาย ของท่านสรุปแล้วตกลงท่าน Open ใช่ไหม หรือว่าประสบการณ์ที่สอนท่านมาในการดำเนินงาน ของกองทุนว่าตกลงแล้วควรจะต้องไปกลุ่มอาชีพไหน กลุ่มอายุเท่าไร เด็ก ๆ สมัยเหมือน ออมสินนี่ท่านควรทำไหม น่าทำนะ ท่านครับ ท่านลองกลับไปทบทวนของท่านหน่อยเถอะนะครับ แล้วก็ชี้เป้าให้มันชัดเจน เราอยากจะสร้างวินัยการออมให้กับคนในชาติ ในเมื่อไม้แก่มันดัดยากนักท่านก็ลองเปลี่ยน บ้างเถอะครับ ไปนักเรียน ไม่ใช่ว่าเขาหัวอ่อนนะครับ เพียงแต่ว่าเขาเหมือนผ้าขาว เอาอะไรสาด เอาอะไรเขียนเข้าไป เอาสีไหนแต้มเข้าไป สีมันก็เด่นชัด อย่างไรก็ฝากท่านด้วย กราบขอบพระคุณท่านครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ และผู้มาให้คำชี้แจงกับสภาในวันนี้ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ในส่วนของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ก็เหมือนอย่างที่ท่าน ส.ส. ฐิติมาท่านได้พูด อย่าว่าแต่เกษตรกรเลยครับ ขนาดผมเองผมก็ยังไม่รู้จักเลย จริง ๆ นะครับ ผมเพิ่งจะมาได้รู้จักหน่วยงานของท่านเมื่อมาเป็นผู้แทนราษฎรรอบหลังนี่เอง ผมเองก็สงสัย เหมือนกัน จริง ๆ แล้วในเรื่องของการประชาสัมพันธ์หน่วยงานของท่านถือว่ามีความสำคัญ มากนะครับ ผมแปลกใจมากเหลือเกินว่าท่านทำงานกันอย่างไร ทำไมคนส่วนใหญ่ได้มี การสำรวจกันมาแล้วถึงไม่ได้รู้จักหน่วยงานท่าน จริง ๆ หน่วยงานท่านถ้าดูตามชื่อแล้ว ผมเองยอมรับว่าหน่วยงานท่านน่าจะมีประโยชน์ต่อกลุ่มเกษตรกรมาก แต่ในเมื่อเขาไม่รู้จัก แล้วจะให้เขาไปติดต่ออย่างไร แล้วยิ่งมาดูในรายงานงบการเงินของท่าน ผมขอถามหน่อยเถอะ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ท่านได้ชี้แจงไว้ว่ามีงบประชาสัมพันธ์ ๑,๔๐๐,๐๐๐ กว่าบาท ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ท่านเอาไปทำอะไรบ้างในเงินจำนวนนี้ ถามว่าเปรียบเทียบกับฐานะ ของท่าน มีเงินอยู่หลายพันล้านบาท ๖,๐๐๐-๗,๐๐๐ ล้านบาท กับงบประชาสัมพันธ์แค่ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท มันจิ๊บจ๊อย แต่ว่า ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาทนี่ผมมีความรู้สึกว่านั่นคือ เป็นของท่านเมื่อปี ๒๕๖๔ แล้วผมก็คิดว่าในเมื่อถ้าท่านตั้งอย่างนี้แล้ว ในปี ๒๕๖๕ ก็คงจะมี งบประชาสัมพันธ์นี้ด้วย แต่ว่านี่มันปี ๒๕๖๖ พอมีการสอบถามไปแล้วไม่มีคนรู้จัก หน่วยงานท่าน แล้วลำดับต่อมาที่ผมหาไม่เจอ ผมอาจจะไม่ใช่นักบัญชีก็ได้ ผมก็เลยสงสัย ตรงที่ท่านบอกว่ารายได้ที่กระทรวงการคลังจัดให้ท่าน ๗๐๐ กว่าล้านบาท แต่ว่าเป็นงบ ในการลงทุนอยู่ ๒ ล้านกว่าบาท ที่เหลืออีก ๗๐๐ กว่าล้านบาท เป็นงบประจำ คำว่า งบประจำ อย่างที่ทราบ ๆ กัน หรือแม้แต่ความเข้าใจผม ก็คือเป็นพวกเงินเดือน พวกอะไร เหล่านี้ เป็นค่าใช้จ่ายในสำนักงาน ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงผมว่าน่าจะมีหน่วยงานลักษณะ อย่างนี้ที่มารับผิดชอบหรือมาส่งเสริมเกษตรกรอยู่เยอะแยะ ควรจะต้องยุติได้แล้วกระมังครับ ถ้าได้เงินจากกระทรวงการคลังมา ๗๐๐ กว่าล้านบาท แต่เป็นงบลงทุนอยู่ ๒ ล้านกว่าบาท แล้วอีก ๗๐๐ กว่าล้านบาท ท่านเขียนไว้ว่าเป็นงบประจำ อย่างไรช่วยสร้างความกระจ่าง ให้กับผมด้วยนะครับ เพราะผมก็สงสัยจริง ๆ ท่านครับ แล้วพูดถึงโดยเฉพาะในส่วน การดำเนินงานที่ท่านได้ดำเนินการงานมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ ตาม พ.ร.บ. ครั้งแรก แล้วก็มี การปรับปรุงในปี ๒๕๕๔ ท่านครับ สิ่งที่ท่านได้ให้การสนับสนุนไปตามโครงการต่าง ๆ ถือว่า มีประโยชน์มากนะครับ แต่ทีนี้ปัญหาก็คือว่าหน่วยงานราชการที่ได้รับงบประมาณจากท่านไป ที่มาขอโครงการจากท่านไป ส่วนใหญ่ระยะแรก ๆ จะเป็นการไปซื้อปุ๋ย มีหลายหน่วยงาน มากเลยที่วันนี้ท่านยังตั้งค้างรับอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นค้างรับเรื่องเบี้ยปรับ เรื่องอะไรก็สุดแล้วแต่ เยอะแยะไปหมด ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ ก็มี ย้อนหลังไปกว่านั้นก็มี แล้วท่านก็ยังอนุมัติโครงการนี้ ทุก ๆ ปี ท่านครับ ท่านไม่มีระเบียบ ไม่มีมาตรการอะไรบ้างหรือในการที่จะมาควบคุมในส่วน ตรงนี้นะครับ แล้วที่สำคัญท่านครับ อย่างนี้หน่วยงานกลางที่มาเอาเงินจากท่านไปแล้วไปให้ เกษตรกรกู้อีกทีหนึ่งก็สบายสิ เสือนอนกิน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ก็ตั้งบัญชีค้างไว้อย่างนี้ เขาก็ถือว่าไม่ใช่เงินเขา ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของเงินท่านไม่เดือดร้อนบ้างหรือครับ หรือคิดว่านี่มันเป็นเงินภาษีของราษฎร ไม่ใช่เงินในกระเป๋าท่าน ท่านเลยเฉย ๆ เพราะฉะนั้น เงินเดือนเงินดาวทั้งหลาย งบบุคลากรเมื่อปี ๒๕๖๔ ตั้ง ๖ ล้านบาท ๗ ล้านบาท ถ้าอย่างนั้น ผมเสียดายมาก จริง ๆ ในเรื่องของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรผมไม่ค่อยอยากเห็นกำไร หรอกครับ เพราะกำไรนั่นหมายความว่าในเมื่อท่านมีกำไร คนที่จะต้องเสียก็คือเกษตรกร ผมไม่อยากเห็นแล้วครับ ขาดทุนก็ได้ไม่มีปัญหา แต่มันต้องขาดทุนด้วยสมเหตุสมผล แต่อันนี้ ท่านครับ ผมอยากทราบว่าท่านจะมีมาตรการอะไรในการที่จะให้ได้เงินที่ท่านปล่อยออกไป ให้หน่วยราชการ และหน่วยราชการไปปล่อยต่ออีกทีหนึ่ง ท่านจะมีมาตรการอะไร อย่างไรไหม ที่จะมีการเร่งรัด หรือท่านจะปล่อยไปอีก ๑๐ ปี ก็แล้วแต่บุญแต่กรรม แต่ยถาว่าจะได้ ไม่ได้ อย่างนั้นมันไม่ถูกนะครับ ในฐานะที่ท่านเป็นคนรับผิดชอบแล้วก็ได้รับ ผลประโยชน์ จะค่าตอบแทนในด้านไหนก็ตามจากกองทุนนี้ ซึ่งมันก็เป็นเงินของภาษีอากร ผมเองขอฝากท่านด้วย ๑. งบประจำ ๗๐๐ กว่าล้านบาท ประจำอย่างไรบ้าง ๒. ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ท่านครับ เอาใหม่เถอะครับ ประชาสัมพันธ์ให้ได้ทั่วถึง ให้คนได้รู้จักว่าตัวกองทุนของท่าน มีตัวตน และ ๓. ในเรื่องของมาตรการต่าง ๆ ที่ท่านได้ดำเนินงานไป แล้วก็ยังเป็นการตั้งบัญชี ค้างรับอยู่เยอะมาก ในรายงานฉบับนี้ทั้งเล่มแทบจะ ๑ ใน ๓ จะเป็นของที่ติดค้างอยู่ แล้วผม ก็ไม่รู้ว่าท่านจะทำอย่างไร ผมอยากจะทราบตรงนี้นะครับ กราบขอบพระคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ ในส่วนของรายงาน สรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของกองทุนหมุนเวียนประจำปีบัญชี ๒๕๖๔ นั้น คือในจำนวนกองทุนทั้งหมดอย่างที่ท่านได้แถลงไว้มีอยู่ ๑๐๐ กว่ากองทุน ทุก ๆ กองทุน ถือว่ามีความสำคัญในวัตถุประสงค์ แต่ผลการดำเนินงานแต่ละกองทุนหลาย ๆ แห่ง นับเกือบจะทั้งหมดก็ได้ ที่ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เคยโจษขานกัน หรือแม้แต่ พี่น้องประชาชนได้โจษขานกัน รู้สึกว่าผลการดำเนินงานนั้นท่านให้คะแนนมาพวกเรายังว่า มากไปด้วยซ้ำ ผมจะยกตัวอย่างอยู่ ๒-๓ กองทุน ซึ่งในที่นี้ก็จะขอยกตัวอย่างที่เกี่ยวกับ ด้านเกษตรกรรมนะครับ
ลำดับแรก ผมขอเอาสุดท้ายมาก่อนเลย ก็คือในส่วนของกองทุนฟื้นฟู แล้วก็ พัฒนาเกษตรกร ซึ่งกองทุนนี้ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. ในปี ๒๕๔๒ โดยการรวมตัวกันของ กลุ่มเกษตรกร ๓,๖๖๕ คน ที่พยายามจะขอให้ทางรัฐได้ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในเรื่องของ การจัดการด้านหนี้สินของเกษตรกร ทั้งที่เป็นหนี้ของ ธ.ก.ส. เป็นที่ของสหกรณ์ใด ๆ ก็ตาม แล้วก็ถึงได้มากำเนิดในปี ๒๕๔๒ ท่านครับ ในระยะเวลาที่ผ่านมา คือกฎหมายตัวนี้ มีการปรับปรุง และปัจจุบันเป็นฉบับที่ ๓ แล้ว ท่านครับ ทุกวันมีสมาชิกที่รอคอยให้กองทุนนี้ ได้ช่วยเหลือ ๕๐๐,๐๐๐ กว่าราย แต่ปี ๆ หนึ่งการช่วยเหลือของกองทุนนี้มีไม่มากเลย บางปี เป็นหลักร้อยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเอาจำนวนนี้ให้ช่วยเกษตรกรได้ปีหนึ่ง สมมุติปีละ ๑,๐๐๐ คน ปีละ ๑๐,๐๐๐ คนก็ได้ แต่อันนั้นคือเป็นการจินตนาการที่มโนภาพไปอีกไกลแล้ว กี่ปี ๕๐๐,๐๐๐ คน อีก ๕๐ ปี แล้วการที่เกษตรกรนั้นจะโดนยึดที่ยึดทางเขารอไม่ได้ถึง ขนาดนั้นหรอกนะครับ เพราะฉะนั้นผมเองในส่วนของกองทุนฟื้นฟูแล้วก็พัฒนาเกษตรกร ผมอยากให้ท่านได้ดูเข้าไปให้ลึกซึ้งถึงการบริหารงานภายในว่าการบริหารงานของกองทุนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง มันน่าส่งเสริมไหม หรือว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน วัตถุประสงค์ของกองทุน นั้นดีมาก ประชาชนจึงอุ่นใจที่ไปอยู่กับกองทุนนี้ ไม่ได้อยู่กับธนาคาร พี่น้องอุ่นใจมาก แต่ว่า การเคลื่อนของการดำเนินงานล่าช้ามาก ผมอยากให้ท่านช่วยเข้าไปดูหน่อยเถอะ ไม่รู้จะมี Mafia หรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน
ลำดับต่อมาที่ผมอยากจะพูดก็คือในส่วนของกองทุนจัดรูปที่ดิน กองทุนจัดรูป ที่ดินก็เกิดขึ้นจาก พ.ร.บ. ปี ๒๕๕๘ จริง ๆ ก่อนหน้านั้นมันก็มีอยู่ในการจัดรูปที่ดิน แต่ทีนี้ การจัดรูปที่ดินถามว่าดีไหม ดีครับ เพราะการที่จะเป็นการนำที่ด้านเกษตรกรรมมาปรับ ปรับให้มีระบบคู คลอง ให้มีถนนเข้าไร่เข้านาเพื่อการขนส่งพืชผลทางการเกษตร แล้วก็มีน้ำ และใน พ.ร.บ. ตัวนี้ของกองทุนก็ได้มีการกำหนดว่าเมื่อมีการปฏิรูปที่ดินแล้วน้ำจะต้อง ถูกส่งเข้าในพื้นที่ดังกล่าวอย่างน้อยปีละครั้ง แต่ปัจจุบันไม่เคยเป็นอย่างนั้นเลย นั่นคือ สัญญาด้วย สัญญาที่บอกกับเกษตรกรไว้ แล้วเกษตรกรไม่ใช่ว่าฟรีนะครับ ยังต้องเสียเงิน มีทั้งประเภท ก ประเภท ข ประเภท ค เพราะฉะนั้นผมอยากให้ท่านเวลาตรวจรายงาน ของกองทุน ช่วยดูในส่วนของผลสัมฤทธิ์ ผมไม่เชื่อเท่าไรในความพึงพอใจที่ท่านให้คะแนนมาสำหรับกองทุนนี้ว่าทางเกษตรกรนั้นมี ความพึงพอใจในระดับที่ดีพอสมควร เพราะฉะนั้นแล้วผมขอฝากท่านด้วยได้ไหมครับ ในการที่จะตรวจรายงานของกองทุนจัดรูปที่ดิน และสุดท้ายที่ผมอยากจะนำเสนอ นั่นก็คือ ในส่วนของกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ซึ่งกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เกิดจาก พ.ร.บ. เมื่อปี ๒๕๒๐ เป็นการพัฒนา แล้วกองทุนนี้วัตถุประสงค์ก็คือให้ทุนไปทำการวิจัย ให้เป็นการศึกษาในเรื่อง ของน้ำบาดาล การพัฒนาน้ำบาดาลด้วย ศึกษาแหล่งบาดาลด้วย เกี่ยวกับบาดาลเกือบทั้งนั้น ท่านครับ ยิ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยประสบภาวะเรื่องภัยแล้ง El Niño แล้วปัญหาก็จะรุนแรง มากขึ้น เพราะฉะนั้นในเมื่อน้ำบนฟ้าเราก็หวังยากอยู่เหมือนกันเพราะสภาพอากาศมัน แปรเปลี่ยน น้ำบนดินยิ่งหวังยากเข้าไปใหญ่ แม้ว่าน้ำจะอุดมสมบูรณ์ แต่การบริหารจัดการ ของกรมชลประทาน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มันไม่ยุติธรรมกับเกษตรกรเลย ในบางครั้ง อันนี้ผมพูดตามตรงนะครับ เพราะฉะนั้นแหล่งหนึ่งที่จะเป็นแหล่งน้ำให้เกษตรกร เพื่อให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราก็รู้อยู่ว่าเกษตรกรเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ แต่ทุกวันนี้มีแต่คนบอกเป็นห่วง รัก อยากจะให้เกษตรกรนั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่รู้ พูดแต่วาจาหรือเปล่า แต่การกระทำผมก็เห็นพี่น้องเกษตรกรยังยากจน ยังต้องประสบปัญหา ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผล ไม่ว่าจะต้นทุนการผลิตอะไรหลาย ๆ อย่าง เพราะฉะนั้นแล้ว ผมอยากให้ท่านเน้นดูว่าทุนที่ได้ไปสำหรับกองทุนนี้จะมากน้อยเท่าไรก็ช่างเถอะนะครับ ว่าเขาได้มีความคืบหน้าในการพัฒนาเรื่องบาดาลขนาดไหน ผมเองอยากจะเห็นมากในเรื่อง ของบาดาลเกษตร เพราะปัจจุบันนี้บาดาลเกษตรที่มีอยู่ มันมีกรอบวงนอก แล้วตัวไส้ในที่วาง Submerge ดูดน้ำ เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด ๒ นิ้ว ๓ นิ้ว ท่านครับ ที่นามันมโหฬาร เอาที่นา แปลงใหญ่ ๕๐๐ ไร่ ตัวนี้ ๒ นิ้ว ๓ นิ้ว วันหนึ่งได้ ๑๐ กว่าไร่ แล้วก็ทำกันมาอย่างนี้ กี่สิบปีแล้ว ผมอยากจะเห็นนวัตกรรมที่เสียเงินไปแล้วได้มีนวัตกรรมว่าตัวดูดท่อข้างในที่ใส่ Submerge ไว้ดึงน้ำจากบาดาล เป็น ๖ นิ้ว เป็น ๘ นิ้ว เพราะการเพิ่มขึ้นจาก ๑ นิ้ว มา ๒ นิ้ว มันไม่ใช่เพิ่มน้ำเป็นเท่าตัวนะครับ มันเพิ่มอีกหลายเท่าตัวเพราะเป็น เส้นผ่าศูนย์กลาง เพราะฉะนั้นแล้วผมขอฝากทางกระทรวงการคลังด้วยเลยนะครับ เพราะว่า ทุนทุกอย่าง งบประมาณทุกอย่างที่แต่ละกองทุนได้รับก็ถือว่าเป็นเงินจากพี่น้องประชาชน ทั้งนั้นนะครับ เป็นเงินภาษี โดยเฉพาะในด้านเกษตรกรรม ผมขอให้ทางคนที่ตรวจสอบก็คือ ท่านนะครับ รบกวนท่านได้ตรวจดูอย่างละเอียดด้วยเลย กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ผมเองก็ตั้งใจยิ่งมาทราบว่าวันนี้เป็นการรายงาน ผลสรุปการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศประจำปีที่มารายงานต่อสภาทุก ๆ ๓ เดือน เป็นครั้งสุดท้าย ผมเองเสียดายมากเพราะผมถือว่าการรายงานของท่านแม้จะดูเหมือนว่า มันมาบ่อย แต่ว่าความมาบ่อยนี่ทำให้ผู้แทนอย่างพวกเราได้รับความรู้หลาย ๆ อย่างเพิ่มขึ้น ก็เสียดายเหมือนกันนะครับ ท่านครับ การปฏิรูปก็มีอยู่หลายด้านแต่ผมจะขอพูดในส่วนของ ด้านการเกษตร แล้วก็แยกย่อยมาเป็นในส่วนของเรื่องน้ำโดยเฉพาะ เพราะผมเอง ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องน้ำ การทำมาหากินของพี่น้องเกษตรกรซึ่งเป็นชนชั้น ที่พวกเราเองติดหนี้บุญคุณพวกเขามาก แต่ว่าชีวิตพวกเขานี่ย่ำแย่ที่สุด ได้อะไรก็จะได้ ทีหลังเขาหมด การพัฒนาทั้งหลาย หรือว่าประโยชน์ทั้งหลายโดนเอารัดเอาเปรียบมากที่สุด เพราะฉะนั้นผมเองก็ขอที่จะให้ความสำคัญกับกลุ่มพี่น้องเกษตรกรชาวไร่ชาวนา ท่านครับ ประเทศไทยที่เรารู้ ๓๒๑ ล้านไร่พื้นที่ทั้งหมด แต่ ๓๒๑ ล้านไร่สำหรับขวานทองมีพื้นที่ที่มัน จะพัฒนาอยู่ในด้านเกษตรกรรมได้แค่ ๑๕๔ ล้านไร่ ประมาณ ๔๗ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง และ ๑๕๔ ล้านไร่นี่พัฒนาไปเป็นพื้นที่ในเขตชลประทานได้ก็แค่ ๖๐ ล้านไร่เท่านั้นครับ แต่ปัจจุบันนี้ ๑๒๐ ปีของกรมชลประทานผ่านมาแล้ว ตัวเลขของท่านกับของกรมชลประทาน ไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไรทุกปี ปีนี้ทางกรมชลประทานบอกว่าเขามีพื้นที่ชลประทาน ที่พัฒนาแล้วอยู่ ๓๕.๕ ล้านไร่ แต่ของท่านบอกว่ามีอยู่แค่ ๓๓.๓๓ ล้านไร่ เอาละก็ไม่เป็นไร ผิดกันแค่ ๒ ล้านกว่าไร่เองนะครับ
ท่านครับ ในเป้าหมายของแผนแม่บทด้านที่ ๒ ในเรื่องของด้านแหล่งน้ำ ในพื้นที่กักเก็บน้ำก็ดี หรือการขยายพื้นที่ชลประทานก็ดี ในแผนแม่บท ๒๐ ปีเริ่มตั้งแต่ ปี ๒๕๖๑ จนถึงปี ๒๕๘๐ ท่านบอกว่าในแผนแม่บทบอกว่าจะต้องเพิ่มจำนวนการกักเก็บน้ำ พอไปถึงปี ๒๕๘๐ ต้องให้ได้ ๙๓,๐๐๐ กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัจจุบันมันได้อยู่ ๘๐,๐๐๐ กว่าล้านลูกบาศก์เมตร แล้วก็เพิ่มพื้นที่ชลประทานจากวันนี้ ๓๐ กว่าล้านไร่ ให้เป็น ๕๑ ล้านไร่ ผมเป็นห่วงจริง ๆ แต่มันก็ยังอีกระยะยาวนะครับ จะดูถูกดูแคลนกันไป ตั้งแต่ตอนนี้มันก็ดูกระไรอยู่ เอาในโลกของความเป็นจริงดีกว่า ผมเองก็ได้ไต่ถาม และผมเอง ก็ไม่รู้ว่าในสิ่งที่ผมพูดไปในแต่ละปี ในแต่ละรอบที่ท่านมารายงานเกี่ยวกับเรื่องของ การบริหารจัดการน้ำซึ่งมันอยู่ในแผนเล่มนี้อยู่ในแผนปฏิรูป ซึ่งเขียนไว้เป็นข้อลำดับแรก ๆ เลย ถือว่าเป็นหัวข้อหลักในเรื่องของการบริหารจัดการ แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้กี่ปีผ่านมาแล้วการบริหารจัดการก็ยังมีปัญหาตลอด แม้ว่าในบางช่วง น้ำที่เป็นต้นทุนของเกษตรกรก็พอมี ผมให้ความยุติธรรมใช้คำว่าพอมี ผมไม่บอกว่ามีมากมาย เอาแค่พอมีนะครับ ท่านครับ ตรงนี้พี่น้องเกษตรกรก็รอคอยว่าจะบริหารจัดการน้ำอย่างไร เริ่มตั้งแต่เมื่อไร เรื่องแผนการเพาะปลูก แผนการส่งน้ำ ท่านจะทำให้พี่น้องเกษตรกรได้อุ่นใจ ว่าก่อนที่จะถึงฤดูการผลิตอย่างน้อยเขารู้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาจะมีน้ำเท่าไรนะครับ เพราะในสิ่งเหล่านี้ในการบริหารจัดการน้ำอย่างที่ผมบอกนะครับ รัฐบาลเขียนไว้ ให้ความสำคัญ แต่ผมไม่รู้ว่าเขียนไว้อย่างนั้นหรือเปล่า แต่ในความใส่ใจทุกวันนี้ที่รัฐบาล รักษาการจัดการอยู่ ผมไม่เห็นจะมีความใส่ใจสักเท่าไรเลย เพราะทุกอย่างยังเหมือนเดิม อย่างในคราวนี้ตอนแรกเราก็คิดว่าน้ำมันจะไม่มี จริง ๆ ผมก็ใจหาย ยกตัวอย่างเขื่อนสิริกิติ์ ณ วันที่ ๒๘ กรกฎาคมมีน้ำลดต่ำลงมาก เหลือจะไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำก็คือมีน้ำใช้ได้ เหลืออยู่แค่ ๗๔๖ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่โชคดีที่ว่าช่วงหลัง ๒ อาทิตย์ถัดมาจนถึงวันนี้ น้ำจาก ๗๐๐ กว่าล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นมาเป็น ๑,๕๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร พี่น้องเกษตรกรก็ยังสอบถามมานะครับว่าตกลงแล้วเขาจะได้นำทำนาไหม ท่านเองถ้าบอกว่า มีการรณรงค์อยู่แล้วว่าไม่ให้ทำนาต่อเนื่องกัน ท่านเพิ่งจะมาบอกกันเมื่อไร แล้วบอกก็นี่ไม่ได้ เป็นกิจจะลักษณะ เมื่อไรมันจะเป็นกิจจะลักษณะเหมือนอย่างแผนที่เขียนไว้สักที เหมือนอย่างที่ท่านอยากจะให้เห็นว่าการวางแผนในระบบการเกษตรในวันข้างหน้า ทุกอย่างมันต้องเป็นระบบ ต้องเป็นแผน แล้วอย่างนี้ท่านจะไปโทษเกษตรกรว่าห้ามแล้ว อะไรแล้วว่าอย่าปลูกต่อเนื่อง เพราะน้ำมันไม่ค่อยมี ถ้าอย่างนี้ก็ต้องรับผิดชอบกันเอง มันไม่ยุติธรรมนะครับถ้าแบบนี้ เพราะฉะนั้นในเที่ยวนี้ผมก็ยังจะดูใจของหน่วยงานราชการ ตั้งแต่หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องของแผนปฏิรูปประเทศ ไปจนถึงกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ไปจนถึงกรมชลประทานว่าพี่น้องเกษตรกรขอวงแคบเข้ามาก็คือ ในจังหวัดพิษณุโลก ในอำเภอพรหมพิราม ในอำเภอเมือง ในอำเภอวัดโบสถ์จะได้ไหม น้ำที่จะต้องส่งให้ต้นข้าว ณ เวลานี้ เพราะน้ำมันก็เพิ่มขึ้นมา ได้น้ำฟรี ๆ มาอีก ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ท่านจะใจดำไหม ในเมื่อชาวนาเขาลงทุนไปแล้ว ถ้าเขายังไม่ลงทุนนี่ผมก็จะห้ามเขา แต่ ณ วันนี้เขาลงทุนไปแล้ว และท่านจะเห็นชาวนา เขายืนตายอย่างนั้นหรือ เพราะส่วนหนึ่งท่านต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความไม่ชัดเจน ของหน่วยงานราชการ จะไปว่าประชาชนไม่รู้เรื่องนี่ผมว่าไม่ถูกนะครับ เพราะฉะนั้น ผมเองก็ขอเรียกร้องผ่านท่านด้วย ท่านบอกสำเร็จแล้วทั้ง Big Data เอย ทั้งในเรื่องของ การบูรณาการกันของหน่วยงานต่าง ๆ ในการบริหารจัดการน้ำ ท่านก็บอกเรียบร้อยแล้ว และเรียบร้อยแล้วสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อกรมอุตุนิยมวิทยา ก็เป็น ๑ หน่วยงานในการบูรณาการเรื่องน้ำ มีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่าน้ำมันจะมี ไม่มี ท่านไม่บอกเขาไปชัดเจน แล้วพออย่างนี้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ พอเกษตรกรลงทุนไปแบบนี้ ถ้าท่านจะนิ่งดูดาย ปล่อยให้เกษตรกรที่กำลังเพาะปลูกอยู่ตอนนี้และลงทุนไปแล้ว และหว่านปุ๋ยไปแล้วรอบหนึ่ง ไม่ได้น้ำแล้วต้นข้าวยืนตาย ถ้าฝนมันทิ้งช่วงด้วยนี่บาปกรรม และผมก็จะถือว่าท่านโกหกในสิ่งที่ท่านรายงานกับพวกผมมา ขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ ท่านครับ ผมเองก็อย่างที่ผมบ่นเสียดาย เมื่อตอนช่วงบ่ายนี้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เสียดายนี่คือผมไม่ใช่เสียดายอะไร ที่ผมบอกว่าเสียดายคือหลาย ๆ ครั้งที่เจ้าหน้าที่ได้มารับฟังพวกเรา แล้วก็บอกถึงสิ่งที่ เราสงสัย ความรู้ตรงนั้นที่ได้มาจากข้าราชการที่ได้มารายงานในสภานี้ ผมเสียดายตรงนั้น มาก แต่ผมไม่ได้หมายถึงว่าผมเสียดายยุทธศาสตร์นี้นะครับ แม้ว่าบางอย่างดี แต่ผมบอกเลยมันดีอย่างมีนัย นั่นก็คือว่ามันดีเพราะว่าข้าราชการเขาตั้งใจทำของเขาอยู่แล้ว มันไม่ได้ดีเพราะว่ามียุทธศาสตร์นี้ขึ้นมา สิ่งนั้นมันถึงดีขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นผมก็ยังยืนยัน เหมือนเดิมนะครับ เหมือนกับท่านสมาชิกสภาผู้แทนหลาย ๆ ท่านที่ว่ายกเลิกดีที่สุดแล้ว ผมก็ยังยืนยันตรงนั้นอยู่นะครับ ท่านครับผมเองก็จะขอพูดในส่วนของที่มันเป็นความอัดอั้น ตันใจที่ผมมองดูแล้วจากสิ่งที่ผมได้พบปะกับพี่น้อง โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร ผมก็จะขอ พูดในภาคส่วนของเกษตรกรนะครับ ผมขอเริ่มจากในส่วนของแผนแม่บทในส่วนที่ ๑๙ ก็คือการจัดการน้ำท้งระบบ ท่านครับ ผมว่าการให้คะแนนตรงนี้ การประเมินตรงนี้ที่ท่านประเมินมานี่นะครับว่าต่ำกว่าเป้าหมาย แล้วก็ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยอะไรพวกนี้ ผมว่าไม่น่าจะใช่นะครับ ถ้าในความรู้สึกผมกับ พี่น้องเกษตรกรนี่ผมว่าต่ำกว่าเป้าหมายชนิดที่ว่าเสี่ยงมากที่สุดนะครับ ที่เป็นสัญลักษณ์สีแดง นี่นะครับ ท่านครับ ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าท่านเองได้กำหนดทั้งในยุทธศาสตร์ แล้วก็ในแผน ปฏิรูปประเทศ ในเรื่องของระบบชลประทานพื้นที่ทั้งหมด ๓๒๑ ล้านไร่ สามารถที่จะพัฒนา เป็นพื้นที่เกษตรได้ในประเทศไทยได้แค่ ๑๔๔ ล้านไร่นะครับ แล้ว ๑๔๔ ล้านไร่นี่ ๖๐ สามารถทำชลประทานได้ ที่เหลือทำไม่ได้นะครับ ทำพัฒนาได้แค่ ๖๐ ชลประทาน เกิดมา ๑๒๐ ปี เพิ่งจะได้วันนี้นะครับ เอาตัวเลขของชลประทานแล้วกัน เพราะถ้าเอาตัวเลข ของท่านน้อยกว่าเขานะครับ ชลประทานเขาบอกว่าวันนี้เขาทำได้ ๓๕.๕ ล้านไร่ แต่ของท่าน บอก ๓๓.๓๓ ล้านไร่ เอาตัวเลขกรมชลประทานแล้วกันนะครับ ท่านครับ แล้วพูดถึง ในเป้าหมายของท่านนี่ท่านเขียนไว้เลยว่าพอจบแผนแม่บทเรื่องของน้ำนี่นะครับ ภายใน ปี ๒๕๘๐ จะต้องมีพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ๓๐ กว่าล้านไร่ กลายเป็น ๕๑ ล้านไร่นะครับ ท่านครับวันนี้จริงอยู่แม้ว่าผ่านมา ๕-๖ ปี ปีนี้แต่ท่านทราบไหมครับ ว่าอัตราการเพิ่มของพื้นที่ชลประทานนับเป็นหลักแค่ เพิ่ง Start นี่ยังไม่ถึงครึ่งล้านเลย นี่มันมา ๑ ใน ๔ แล้วนะครับ และในส่วนที่ท่านบอกว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ผมเองไม่รู้ว่าท่านเอาตัวเลข เอาข้อมูลจากไหนมา อย่างในพื้นที่การจัดการบริหารพื้นที่ เรื่องของการเสี่ยงภัยทางเรื่องน้ำนี่นะครับ ในพื้นที่บ้านผมที่พรหมพิราม อำเภอเมือง พิษณุโลก ท่านครับโครงการเขื่อนนเรศวรเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงมี เมตตาต่อพวกเราเหลือล้นนะครับ ท่านได้พระราชทานเขื่อนนเรศวร ท่านครับ ตั้งแต่วันที่มีเขื่อนและมีโครงการส่งน้ำเขื่อนนเรศวรขึ้นมา ผลปรากฏว่ามีเรื่องภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะอุทกภัยเกิดขึ้นมาตั้งแต่ ณ เวลานั้นนะครับ เพราะเขื่อนนี้เปิด เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ จนมาถึงปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๖๖ แล้ว น้ำเคยท่วมอย่างไร ก็ท่วมอย่างนั้น น้ำเคยมีช่องออกได้ช่องไหนบ้าง ก็มีออกได้เท่าช่องนั้น แล้วพื้นที่ตรงนี้ถือว่า เป็นโครงการพัฒนาชลประทานของพิษณุโลกระยะที่ ๒ ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าระยะที่ ๑ ด้วย ท่านลองไปอ่านรายละเอียดดู ท่านครับผมเองถึงสงสัยเหมือนกันว่าสิ่งที่ท่านประเมินมา มันถูกต้องหรือครับ ลำดับต่อมาที่จริง ๆ ผมก็อยากจะพูดเรื่องชลประทานทั้งหมด แต่ว่ามานึกย้อนเมื่อสักครู่นี้ท่าน สส. ชนก จันทาทอง ได้พูดในเรื่องของผลผลิตทางด้านการเกษตร ท่านครับในส่วนของด้านที่ ๓ เรื่องของการเกษตร ไทยนี่นะครับ เดี๋ยวนี้เรื่องจะฝันไป เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ ๑ นี่อยากแล้วครับ เพราะว่าอินเดียที่ ๑ นี่ ๒๐ กว่าล้านตัน ๒๒ ล้านตัน ของเราอยู่ที่ ๓ ได้แค่ ๗ ล้านตัน ท่านครับ และสาเหตุตรงนี้ท่านเชื่อไหมครับว่า ผลผลิตต่อไร่ตลอดระยะเวลาภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลที่เพิ่งผ่านมา ๗-๘ นี่นะครับ ผลผลิตของประเทศเพื่อนบ้านเราทุกประเทศเพิ่มขึ้นหมดต่อไร่ มีของเราที่ผลผลิตข้าวนั้น ต่ำกว่า มีอยู่ประเทศเดียวละครับที่ติดเครื่องหมายแดงในเรื่องของผลผลิต เพราะฉะนั้นก็เลย โยงไปที่แผนแม่บทอันดับสุดท้ายของท่าน ๒๓ เรื่องของการวิจัยและพัฒนา ท่านครับพวกผม เองก็หวังว่าพวกท่านมีเครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่าง ใครก็ค้านไม่ได้ แล้วท่านก็เคยบอก ผู้บริหารประเทศที่ผ่านมาที่รักษาการอยู่ก็ยังบอกเสมอว่าเราจะทุ่มเทเรื่องการวิจัย ที่ไหนได้ ผ่านมาแล้ว ๗-๘ ปีอัตราการเติบโตของการวิจัยก็ยังน้อยลง ยังไม่เท่าไร ถึงเป้าหมายในระดับ ๑.๕ เปอร์เซ็นต์ที่ท่านกำหนดไว้ แต่สิ่งที่เจ็บใจอย่างหนึ่งคืออะไรรู้ไหมครับ อันนั้น OK ยอมรับ ในส่วนของนักวิจัยทั้งหมดที่มีอยู่ท่านเชื่อไหมละครับว่ายังมีเพียงแค่ ๘ เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นนักวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องของการเกษตร แล้วอย่างนี้มันไม่สมควรยกเลิก หรือครับ แล้วเขียนตัวเลขรวม ๆ ดูดีมาก แต่ถ้าพอไปเจาะดูไส้ในนี่ เพราะฉะนั้นวันนี้ ถึงไม่แปลกว่าทำไมข้าวที่ปลูกกันทุกวันนี้ดูกันให้ดีนะครับ ข้าวของไทยหรือ หรือข้าว สายพันธุ์เวียดนาม ข้าวไทยปลูกได้ไร่หนึ่ง ๔๐๐-๕๐๐ กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวเวียดนามปลูกได้ อย่างน้อย ๆ ก็ ๑,๑๐๐ กิโลกรัม แล้วอย่างนี้จะไปสู้เขาได้อย่างไร ต้นทุนเราก็แพงกว่าเขา ผมเองก็ขอสะท้อนสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงในพื้นที่ให้ทุกท่านได้รับทราบ แต่ดีที่สุดยังยืนยัน ว่ายกเลิกเถอะดีที่สุดครับ กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับวันนี้ผมมีเรื่องที่จะมาขอปรึกษาหารือ โดยจะขอ อาศัยบารมีของท่านประธานไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เรื่องแรกเกี่ยวกับเรื่องของน้ำอุปโภคและบริโภคในหมู่ที่ ๔ บ้านป่าแดง ตำบลดงประคำ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่ตั้งหมู่บ้านมา มีปัญหาเรื่องน้ำมาตลอด ๒ ชั่วอายุคนแล้ว ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหน่วยงานที่ เขารับผิดชอบหรือหน่วยราชการทั้งหลายนี่นะครับ ทำไมแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านไม่ได้สักครั้ง หนึ่งนะครับ ประชากรทั้งหมด ๘๕๘ คน ๒๘๖ ครัวเรือน เขาได้รับความเดือดร้อนในทุกปี
และเรื่องต่อมาเป็นเรื่องทำนองเดียวกันละครับ ก็คือหมู่บ้านทั้ง ๖ หมู่บ้าน ของตำบลทับยายเชียง ซึ่งมีประชากรอยู่ ๕,๕๐๙ คน แล้วก็บ้านเรือนราษฎร อีก ๑,๙๘๑ ครัวเรือน ไม่มีน้ำ ตกอยู่สภาพเดียวกับหมู่บ้านป่าแดง หมู่ที่ ๔ ตำบลดงประคำ ผมเองก็พยายามประสานพยายามวิ่งเต้นจนได้งบมาครั้งหนึ่งของตำบลทับยายเชียง ไปอยู่ในงบของผู้ว่า CEO แต่ว่าพอเปลี่ยนผู้ว่าปั๊บงบอันนั้นถูกหายไป แล้วป่านนี้ ก็ยังไม่มา กว่าพี่น้องประชาชน กว่าท่านผู้นำทั้งหลายจะไปหางบมาได้นี่เขาก็เลือดตาแทบ กระเด็น แล้วก็น้ำถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเขามาก เพราะฉะนั้นผมเองขอเรียกร้องให้ทาง จังหวัด แล้วก็หน่วยงานราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดำเนินการ ผมเชื่อว่าถ้าท่านทำเอาจริง เอาจังสติปัญญาของความเป็นข้าราชการไทยไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกครับที่จะช่วยหมู่บ้าน เหล่านี้ แล้วโดยเฉพาะตรงหมู่ที่ ๔ บ้านป่าแดงมีแหล่งน้ำอยู่แหล่งหนึ่ง คือห้วยข้าวเล่า ทำอะไรไม่ได้เลยเพราะติดอยู่ในเขตของป่าไม้ แก้เถอะครับ จะให้ราษฎรอดน้ำตายก่อน แล้วค่อยมาแก้หรือครับ หรือว่าอดน้ำตายแล้วก็ยังไม่แก้ ผมก็ขอดูถูกดูแคลนไว้ ณ โอกาสนี้
ลำดับต่อมาท่านครับ ฤดูตอนนี้สำหรับชาวนาไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหน ก็แล้วแต่ ตอนนี้เป็นฤดูของการทำนา ทำนาปี จริงอยู่ว่ากรมชลประทานได้ออกประชาสัมพันธ์ว่า จะขอให้ไม่มีการทำนาต่อเนื่องเพราะว่าน้ำไม่มี ท่านครับ ใช่ วันที่กรมชลประทานบอกวันนั้น ประเทศไทยประสบกับปัญหาภัยแล้ง คือฝนไม่ตกเลยไม่ว่าจะภาคไหน แต่ว่า ณ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคมที่ผ่านมามีฝนตกลงมา โดยเฉพาะในเขื่อนสิริกิติ์ จากเดิมถ้าไม่มีฝนตกลงมา น้ำก็จะเหลืออยู่แค่ ๔๐๐-๕๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ ณ วันนี้เมื่อ ๖ โมงเช้า น้ำอยู่ที่ ๑,๕๕๗ ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะฉะนั้นแล้วท่านครับนานทีปีหน ๑๖ ปีกว่าเกษตรกรจะได้ ราคาข้าวขนาดนี้ ถ้าเขาจะปลูกข้าวนาปีในรอบที่ ๒ บ้าง ท่านครับอย่างอื่นเราหลับหูหลับตาได้ แต่ทำไมอย่างนี้เราช่วยไม่ได้หรือครับ เพราะฉะนั้นผมขอเรียกร้องไปยังกรมชลประทาน ได้เห็นใจพี่น้องเกษตรกร แต่ที่สำคัญที่สุดในข้าวนาปีรอบแรกห้ามให้เกษตรกรนั้นได้เสียหาย เพราะขาดน้ำเด็ดขาดนะครับ ส่วนในนาปีรอบที่ ๒ นี่เห็นใจเขาเถอะครับเขาจะได้มีเงินไปใช้หนี้ ขอบพระคุณมาก
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ในวาระของการรับทราบรายงานการปฏิบัติงานของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งจริง ๆ แล้วหน่วยงานนี้ถือว่าเป็นหน่วยงานที่สำคัญในการ ที่จะพิทักษ์ผลประโยชน์ พิทักษ์เงินภาษีของพี่น้องราษฎรให้มีการนำเอาไปใช้ที่เต็มเม็ด เต็มหน่วยที่ให้ได้เกิดประโยชน์มากที่สุดนะครับ แต่ว่าระยะเวลาที่ผ่านมามีบางอย่าง ผมขออนุญาตใช้คำว่า มีบางอย่าง เท่านั้นนะครับ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วก็ถือว่าท่านทำงาน อย่างตั้งใจ แล้วก็เป็นประโยชน์จริง ๆ แต่ว่ามีบางอย่างโดยเฉพาะสิ่งที่เกิดกับ อปท. ทั้งหลายคือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น อบต. ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล เป็น อบจ. ก็ตาม ในเรื่องของการเบิกจ่ายในส่วนที่เป็นงบประเพณีเสียส่วนใหญ่ เพราะว่า เท่าที่ผ่านมาผมเองก็ได้รับการบอกกล่าวจากผู้บริหารบ้าง จากฝ่ายข้าราชการบ้าง นั่นก็คือว่า อย่างการเข้ามาตรวจนี่นะครับ มาตรฐานนี่นะครับ มาตรฐานตรงนี้ก็คือในลักษณะว่า มันเหมือนใช้ดุลยพินิจของตัวเอง กรรมการชุดนี้เข้ามาตรวจบอกอย่างนี้ทำได้ ๑ ๒ ๓ ๔ แต่พอเปลี่ยนไปอีกชุดหนึ่งในเนื้อหาที่เหมือนกัน ตรวจอย่างเดียวกัน แต่ไม่ได้ ทำให้ผู้บริหาร ท้องถิ่น แล้วก็ข้าราชการที่ท้องถิ่นก็เกิดความระแวง ทีนี้ระแวงบางอย่างทำได้ก็กล้า ๆ กลัว ๆ ก็ไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ผมถือว่ามันเป็นประเด็นที่มีความสำคัญนะครับ เพราะว่าทำให้เจ้าหน้าที่ แล้วก็ผู้บริหารไม่กล้าที่จะทำอะไร ทำให้คนที่ขาดประโยชน์ก็คือ ประชาชน ก็อยากให้ท่านได้มีความชัดเจนตรงนี้นะครับ แล้วบางอย่างนี่นะครับ อย่างเช่นเวลาตอนที่ นายก อบต. นายกเทศบาลเขาได้รับเลือกตั้งมานี่ เขาเองจะต้องมีการแถลงสิ่งที่จะต้องทำต่อ สภา ๑ ๒ ๓ ๔ ว่าไป ซึ่งเขามีกรอบตรงนั้นอยู่ แต่ทีนี้พอถึงเวลาปฏิบัติจริง ๆ มันมีระเบียบ อะไรมากมายที่ต้องขออนุญาตบอกตามตรงว่ามันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ท่านครับ ตรงนี้ทำอย่างไรที่ทาง สตง. เองจะได้ดูนะครับ เพราะผมเองเป็นห่วงแล้วก็สงสารทาง ผู้บริหารท้องถิ่นทุก ๆ แห่งมากนะครับ แล้วก็ข้าราชการผมเป็นห่วงเขามากนะครับ เพราะว่า ตรงนี้คือสิ่งที่เขามาแถลงต่อสภาเขาก็จำเป็นจะต้องทำ แต่ว่าพอจะทำเข้าจริง ๆ กฎ ระเบียบ ของ สตง. กับไม่เปิดกว้างให้เขา หรือบางอย่างกว้างก็กว้างจนเกินไป กว้างจนทางผู้บริหาร อบต. หรือข้าราชการนี่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน นั่นก็เป็นปัญหาเช่นกันนะครับ
แล้วก็อีกประการหนึ่งนะครับที่แม้แต่ตัวผมเองผมก็อยากจะรู้ว่าทาง สตง. เมื่อไรจะมีบทสรุป นั่นหมายความว่าในบางครั้งมันมีความจำเป็น สมมุติการสร้างถนน มันจะต้องผ่านที่วัด ที่เอกชน อะไรพวกนี้นะครับ ซึ่งมันจำเป็นจริง ๆ แล้วทีนี้ทาง สตง. บอก ทำไม่ได้ ไปผ่านไม่ได้มันเป็นที่เอกชน ทางโน้นเขายังไม่ยกให้ ทางนี้ยังไม่ยกให้นี่นะครับ แล้ว ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังที่แปลงนั้นอีกหลายสิบครอบครัว อีกหลายร้อยชีวิตเขา ก็ต้องเดือดร้อนเพราะว่าในกฎ ระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งปัญหาตรงนี้ ผมก็อยากจะฝากทาง สตง. ให้ช่วยดูด้วยนะครับ เพราะมิฉะนั้นแล้วแรงกดดันก็จะไปอยู่ที่ ผู้บริหารแล้วก็ข้าราชการ แต่ว่าคนที่จะต้องรับกรรมสุดท้ายก็คือพี่น้องประชาชนนะครับ ท่านประธานครับ ผมเองก็อยากที่จะบอกทาง สตง. ว่าสิ่งที่ท่านทำมาแล้วก็ในรายงานของ ท่านที่ผมเปิดดูแม้ว่าอาจจะไม่ละเอียดนี่ แต่อย่างน้อยก็เกือบจะทั้งเล่มนะครับ ว่าในสิ่งที่ ท่านทำมานี่ดูแล้วนี่ท่านตั้งใจที่จะทำให้ทุกอย่างให้สมเม็ดเงินที่เป็นภาษีของราษฎร ผมเอง ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งก็ต้องกราบขอบพระคุณในความตั้งอกตั้งใจของท่าน ไว้ด้วยนะครับ ก็สุดท้ายนี้ผมขอฝากเถอะนะครับ ขอให้ท่านได้หาหลักเกณฑ์หลักการที่จะ ทำให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็น อบต. เทศบาล อบจ. อะไรก็แล้วแต่ รวมทั้งข้าราชการด้วยนะครับ เขาได้มีหลักเกณฑ์ที่เขาเวลามาปฏิบัติแล้วมีความสบายใจ ผมเองขอฝากประเด็นตรงนี้ไว้ด้วยนะครับ กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ วันนี้ผมต้องขอบพระคุณเพื่อนสมาชิกนะครับ ไม่ว่าจะเป็นท่านสรวงศ์ เทียนทอง หรือว่าอีกหลาย ๆ ท่านที่ได้เสนอญัตติในเรื่องของราคา พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ท่านครับ ผมเองเมื่อสมัยที่แล้วที่เป็นผู้แทนราษฎรอยู่นะครับ ตลอดระยะเวลา ๔ ปี น้อยครั้งมากที่ผมพยายามจะบอกรัฐบาลว่าคุณต้องไปทำราคาให้มันดี ราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญ ๆ ให้ดีนะครับ ผมไม่ค่อยพูดสักเท่าไร แต่ผมจะเน้นหนักในเรื่องของต้นทุนการผลิตมากกว่า เหตุผล ก็เพราะผมเองเข้าใจทางรัฐบาล ว่าบางสิ่งบางอย่างเราไม่สามารถที่จะกำหนดด้วยตัวเราเอง อย่างข้าวเราส่งออกปีหนึ่ง ๗ ล้านตัน แต่ว่าความต้องการข้าวมันมากกว่านั้นหลายเท่า โลกใบนี้ทั้งใบมีการบริโภคข้าวปีหนึ่งประมาณ ๕๕๐ ล้านตัน แต่ว่าเราผลิตได้ปีหนึ่งตกแล้ว ๒๐ ล้านตันข้าวสารแค่นั้นเอง มันต่างกันเยอะ เพราะฉะนั้นผมเข้าใจ ผมถึงไม่ได้บีบรัฐ เพียงแต่ว่าผมจะจ้ำจี้จ้ำไชมากในเรื่องของต้นทุนการผลิต เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาล สามารถจะควบคุมได้ จริงอยู่ว่าบางครั้งราคาของผลผลิตอาจจะไม่ดีก็จริง แต่ถ้ารัฐบาล สามารถที่จะควบคุมต้นทุนการผลิตให้กับพี่น้องเกษตรกรได้ ไม่ว่าจะปลูกพืชชนิดใด ทำให้ช่องว่างที่เขาจะได้กำไร พี่น้องจะได้ลืมตาอ้าปากขึ้นก็มี และมันเป็นความยั่งยืนด้วยซ้ำ ผมเชื่อมั่นในรัฐบาลใหม่ แต่น่าสงสารที่ว่าท่านเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วัน เพิ่งได้โปรดเกล้าฯ ยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อสภาด้วยซ้ำนะครับ แต่ก็มีหลายกลุ่ม หลายคน พูดถึงท่านว่ารอแล้ว ทำไมไม่ทำเสียที ผมก็สงสารท่าน แต่ท่านไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเราเองเราเข้าใจ ใครไม่ให้กำลังใจท่านนี่พวกเราในซีกของรัฐบาล พวกเราให้กำลังใจท่าน เพราะรู้ว่าท่านไม่ใช่เทวดา ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องมีขั้นตอน มีระยะเวลา ในเรื่องของต้นทุนการผลิตพูดถึงอย่างข้าวนี่นะครับ อย่างพืชที่หลาย ๆ ตัว แต่ผมจะขอ ยกตัวอย่างข้าวอย่าวเดียว ถ้าท่านเองสามารถที่จะควบคุมเรื่องปุ๋ย เมื่อฤดูการผลิตปีที่แล้ว ข้าวนะครับ ราคาข้าวอยู่แค่ ๗,๐๐๐-๘,๐๐๐ บาทต่อตัน แต่ว่าราคาปุ๋ยวิ่งขึ้นไปเกือบ ๑,๘๐๐ บาท แล้วพูดถึงมา ณ เวลานี้หลายท่านบอกว่าดีว่าปุ๋ยถูกลง ถูกลงใช่ ถ้านับจาก ๑,๗๐๐-๑,๘๐๐ บาท ถูกลงจริง แต่ว่าผมยังไม่เชื่อนะครับ ผมขอฝากท่านรัฐบาลใหม่ไว้เลย ผมยังไม่เชื่อว่าราคาปุ๋ยที่คงอยู่ตอนนี้มันจะมีราคาขายที่ขายกันอยู่ ๘๐๐-๙๐๐ บาท มันจะสมเหตุสมผล เพราะว่าสมัยก่อนจำได้ไหมครับ ราคาปุ๋ยยูเรีย ๔๖-๐-๐ ราคาไม่เคย เคลื่อนไหวเลย จะเคลื่อนไหวก็ ๑๐-๒๐ บาท ๔๕๐ บาท ๔๘๐ บาทอะไรอยู่อย่างนั้น แต่อันนี้บางท่านก็บอกแล้วว่าฝนตกยังบวกไปอีก ๑๐๐ บาท มันเป็นไปได้อย่างไร เพราะฉะนั้นผมเองอยากจะให้ทางรัฐบาล ซึ่งผมเชื่อมั่น แล้วก็พร้อมที่จะให้โอกาสท่าน แล้วก็พี่น้องเกษตรกรทั้งหลายก็พร้อมที่จะให้โอกาสกับท่านเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ขอให้ท่านได้ดูในเรื่องของปัจจัยทางด้านการผลิตที่เป็นต้นทุน ไม่ว่าจะเรื่องน้ำ เรื่องปุ๋ย อย่างเรื่องน้ำผมขอยกตัวอย่างสักหน่อยเถอะครับ เมื่อวานนี้ที่โรงแรมเดอะแกรนด์ริเวอร์ไซด์ จังหวัดพิษณุโลก ได้มีบริษัทที่ปรึกษาที่กรมชลประทานได้จ้างในการสำรวจ ในการศึกษา อาคารบังคับน้ำในลำน้ำน่านตั้งแต่ต้นน้ำ ก็คือตั้งแต่ตาน้ำที่จังหวัดน่านจนกระทั่งมาถึงที่ ปากน้ำโพ ที่บรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา ๗๐๐ กว่ากิโลเมตร ว่าสมควรจะต้องมีอาคาร บังคับน้ำก็คือเขื่อนที่ขวางลำน้ำไว้ตรงไหนบ้าง เพราะว่าตอนนี้ถ้าเราจะทำอ่างเก็บน้ำใหญ่ ๆ พื้นที่เหมาะสมไหม แล้วงบประมาณก็มีเยอะ ถ้าเราสร้างอาคารบังคับน้ำขวางไว้ อย่างเขื่อนสิริกิติ์ใต้เขื่อนสิริกิติ์มา ๑๕๖ กิโลเมตร ถึงจะมีเขื่อนนเรศวรอยู่ที่บ้านผม ที่พรหมพิราม แล้วหลังจากเขื่อนนเรศวรจนกระทั่งถึงเขื่อนเจ้าพระยาไม่มีที่ขวางกั้นลำน้ำไว้ เพื่อจะเก็บน้ำในลำน้ำ แต่เมื่อวานก็ได้ชี้ชัดกันไปว่า เราเองต้องการเขื่อนท้ายเมือง ที่อยู่บริเวณตำบลงิ้วงาม อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อยู่ใต้จากเขื่อนนเรศวรที่อำเภอ พรหมพิรามไป ๕๖ กิโลเมตร สามารถจะเก็บน้ำในลำน้ำยามปกติได้ ๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้งน้ำที่จะปล่อยเข้าคูคลองซ้ายขวาแล้วนี่นะครับ ในระบบชลประทานเดิมไม่ต้องทำใหม่ ได้อีกประมาณ ๓๐ ล้านลูกบาศก์เมตร รวมแล้วเป็น ๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ท่านครับ ๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ผมเคยเห็นต้นทุนกรมชลประทานได้ทำถ้าไปทำอ่างเก็บน้ำ ขนาดนั้นยังใช้แพงมากกว่าตัวอาคารบังคับน้ำที่อยู่ในลำน้ำน่านที่ได้มีการพูดถึงตรงนี้ที่ว่า เขื่อนท้ายเมือง ผมเองก็ขอฝากท่านประธานไปถึงทางรัฐบาลด้วยในการที่จะดูแลในเรื่องของ ต้นทุนการผลิตในทุก ๆ พืชทางการเกษตร กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ผมเองก็อยากจะนำเรียนท่านบริหารของ สสส. ทุกท่านว่าหน่วยงานของท่านเป็นอะไรที่ในสมัยก่อนที่ผมเติบโตมาประทับใจมาก ผมยังจำได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ท่านเปิดงานเกี่ยวกับเรื่องบุหรี่แล้วก็เกิดแก๊สระเบิดวันนั้น บุหรี่แท่งโต ๆ ที่ท่านทำไว้เป็นสัญลักษณ์ในงานระเบิด รู้สึกจะมีความร้อนอยู่ตรงลูกโป่งใหญ่ ๆ นะครับ อันนี้พูดถึงผมไม่ได้ตำหนิอะไรข้อนี้ เพียงแต่ผมอยากจะบอกว่าในองค์กรของท่านเป็นที่สนใจ ของวัยรุ่นคนหนึ่งอย่างผมเมื่ออดีตตอนนั้น ซึ่งเวลาก็ผ่านไป ๑๐ กว่าปีแล้วกระมังครับ แล้วผมก็พยายามที่จะติดตามการทำงานของท่านมาตลอด ท่านครับ แต่ว่ามาทบทวนดูแล้ว ผมขออนุญาตที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาท่านคงไม่โกรธนะครับ เพราะเป็นการแสดง ความคิดเห็นของผู้แทนราษฎรคนหนึ่งนั่นก็คือ สสส. ตามบทนิยามทั้งหลายว่าหมายถึงอะไร แล้วก็มีหน้าที่บทบาทหลักคืออะไร คิดว่าก็คงจะทราบกันอยู่แล้วนะครับ เพราะในสภา ก็ได้พูดกันหลายคน งบประมาณ ๔,๐๐๐ กว่าล้านบาทของ สสส. ที่ได้ในแต่ละปี ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากเงินเพิ่มของภาษีสุราแล้วก็บุหรี่ พูดถึงว่าบทบาทในความร่วมมือ ของท่านก็คือเป็นความร่วมมือกับบุคคลหรือกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ซึ่งนับแล้วในอายุของท่าน กำเนิดมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๔ ตาม พ.ร.บ. ของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ มีภาคีที่ร่วมอยู่กับท่าน ๒๐,๐๐๐ กว่าองค์กร แล้วก็ในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ท่านเอง ได้มีโครงการต่าง ๆ ร่วมมือกันอยู่ ๓,๐๐๐ กว่าโครงการ ผมเองอยากจะสอบถามท่านว่า ใน ๒๐,๐๐๐ กว่าองค์กรที่เป็นภาคีของท่าน ท่านได้สนับสนุนเขาอย่างไรบ้าง หรือว่าที่ท่าน นับจำนวนมา ๒๐,๐๐๐ กว่านี่ก็คือว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ครั้งหนึ่งตั้งแต่ท่านเริ่มมา ๒๐ กว่าปี ท่านสนับสนุนเขาครั้งหนึ่งแล้วท่านเองก็นับเขาไว้ในจำนวนนี้ด้วย โดยที่การประเมินผล ติดตามว่าภาคีเหล่านั้นได้ดำเนินการอย่างไรบ้างต่อจากท่าน และท่านได้เคยวิเคราะห์ไหมครับว่า หลังจากที่ท่านอาจจะไปเริ่มต้นให้เขา หรือว่าท่านไปช่วยเขาระหว่างทางก็ตามท่านได้เคยศึกษา ท่านได้เคยประเมินผลไหมครับว่าสิ่งเหล่านั้นที่ท่านได้เสียเม็ดเงินไปจะมากจะน้อยก็ช่าง มันได้มีผลก่อเกิดในทางสังคมแล้วก็เป็นบวกในการส่งเสริมสุขภาพมากน้อยขนาดไหน หรือว่าใน ๒๐,๐๐๐ กว่าโครงการ เอาง่าย ๆ เลยว่า ๒๐,๐๐๐ กว่าองค์กรที่ท่านเคย สนับสนุนเขานี่ทุกวันนี้เหลือสักกี่องค์กรที่ยังดำเนินการอยู่ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีประสิทธิภาพ แค่ไหนในการทำงาน ท่านครับ พูดถึงในส่วนโครงการต่าง ๆ ที่ท่านทำในการสนับสนุนส่งเสริมสุขภาพ ในความรู้สึกผมมีความรู้สึกว่ามันหลากหลายเสียจนครอบจักรวาล จนกระทั่งผมเองทุกวันนี้ ถ้าไม่นึกถึงอดีตเก่า ๆ ที่ว่าท่านมุ่งเน้นในเรื่องของบุหรี่ ของสุราเป็นหลัก นอกนั้นพูดตามตรงว่า ผมเองไม่รู้ว่าท่านมีบทบาทเด่นตรงไหนในการส่งเสริมสุขภาพ เพราะมันเยอะเกินไป หรือเปล่าครับ ผมอยากให้ท่านได้แคบลงมา ท่านมีโครงการที่มันหลากหลาย แล้วก็ส่วนตัว ผมคิดว่าท่านน่าจะไปทำในส่วนของการส่งเสริม การวิจัย การเป็นตัวแทนของประชาชน ในการที่จะตรวจสอบมาตรฐานต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น หมวกกันน็อก เพราะว่าท่านก็มี บทบาทของการที่จะส่งเสริมเรื่องความปลอดภัยของโรคที่ไม่ติดต่อ ซึ่งท่านเองท่านก็บอก ในรายงานนี้อยู่แล้วว่าโรคไม่ติดต่อนี่นะครับ การเสียชีวิตของคนไทยก่อนเวลาอันควร ร้อยละ ๗๕ เป็นเรื่องของโรคไม่ติดต่อก็คืออุบัติเหตุอะไรทั้งหลาย แล้วก็ทำให้สูญเสียเม็ดเงิน ในเรื่องของค่ารักษานับแสนล้านบาทในแต่ละปี หมวกกันน็อกที่ท่านแจกนี่ใช่ ผมเองก็เห็นด้วย ที่ท่านทำโครงการไว้แจกกับนักเรียนในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เริ่มแรกมาจนถึงบัดนี้ ๑๒๐,๐๐๐ ใบแล้ว ท่านเคยกลับไปดูไหมครับว่าหมวกกันน็อกที่ท่านแจก ผมเองก็เคยได้ยิน ข่าวหลาย ๆ อย่าง หมวกที่ท่านแจกไปผลปรากฏว่าประสิทธิภาพของการใช้งานมันค่อนข้าง จะด้อยไปมาก ผมเองอยากให้ท่านเอาใจใส่ในเมื่อท่านเป็นสถาบันที่ส่งเสริม แล้วก็ดูแล เรื่องสุขภาพเหล่านี้คือเป็นการป้องกันว่ากันง่าย ๆ นะครับ ท่านเองควรจะต้องย้อนกลับไปดู ไม่ใช่ว่าเอาจำนวนใบขึ้นมาว่า OK ฉันแจกไปแล้ว ๑๒๐,๐๐๐ ใบ มันดูมากมาย แต่ว่าถ้า มันไม่มีคุณภาพแจก ๑๐ ใบก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ จะแจกล้านใบก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ผมอยากให้ท่านไปตรงนี้ และอีกอย่างหนึ่งในโลกปัจจุบัน โลก Social ท่านยอมรับไหมครับว่า เรื่องของสื่อ Social ทั้งหลายมีผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ผมอยากจะถาม ท่านว่าท่านได้มีการคิดถึงเรื่องเหล่านี้ไว้หรือไม่ เพราะว่าการเสพสื่อทั้งหลายของเด็ก และเยาวชนในปัจจุบันทำให้มีการเสียเรื่องสุขภาพของเด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อย ผมอยากให้ท่านได้มุ่งเน้นแล้วก็ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เป็นไปในทางสังคมว่าปัจจุบันนี้ภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เรื่องของสื่อ Social เราต้อง ยอมรับกัน
ในเรื่องของการลดการทานอาหารรสจัด ซึ่งจะมีผลต่อไต ต่ออะไรหลาย ๆ อย่าง ในเรื่องความเค็ม ความหวาน ผมเองต้องยอมรับในส่วนนี้ว่าท่านทำได้ดี คืออัตราการบริโภค ความเค็ม ความหวานอะไรของประชาชนลดลง แต่ผมอยากให้ท่านได้เอาใจใส่ในเรื่องของ ต้นตออย่างอาหารขยะ จริง ๆ แล้วประชาชนก็รู้โทษของความเค็ม ความหวาน แต่ทีนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมอยากให้ท่านได้เอาใจใส่ในเรื่องของผู้ประกอบการที่จะผลิตอาหาร หรือไม่ก็ตามร้านค้าต่าง ๆ ผมอยากให้ท่านได้ให้ความรู้กับบุคคลเหล่านี้ว่าถ้าทำอาหาร เค็มเกิน ใส่มากเกิน ผงชูรสมากเกิน ซอสปรุงรสมากเกินไปมันจะมีผลขนาดไหนต่อสุขภาพ ของประชาชนโดยทั่วไป ผมเองก็ต้องขอฝากท่านด้วย
สุดท้ายนี้คะแนนที่ท่านได้มาส่วนหนึ่งก็ชื่นชม แต่อีกส่วนหนึ่งมันก็ขัด ในความรู้สึกว่ามันใช่ตามนั้นหรือ เพราะฉะนั้นแล้วผมเสียดายงบประมาณ ๔,๐๐๐ กว่าล้านบาท ที่ท่านได้ไป ขอให้ท่านได้ทบทวนดูอีกหน่อยเถอะครับว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นกว้างครอบจักรวาล เกินไปหรือไม่ กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก คนพรหมพิราม ผู้แทนที่ต้องเสริมศักยภาพตัวเองอีกหลาย ๆ ด้าน ในปัญหาที่มีเพื่อนสมาชิก ได้เสนอญัตติเกี่ยวกับเรื่องปัญหาที่ดิน จริง ๆ แล้วผมอยากจะขอเริ่มต้นตรงที่ว่าปัญหาที่ดิน สิ่งที่มีการทับซ้อนกัน เท่าที่มีข้อมูลมาอันดับแรกเลยก็คือเรื่องของการใช้มาตราส่วนในแผนที่ การใช้มาตราส่วนในแผนที่ถือว่ามีความสำคัญมากเลย เพราะว่าผมยกตัวอย่าง อย่าง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ฉบับที่ ๙๙๑ ใช้มาตราส่วน ๑:๔๐๐,๐๐๐ แต่ พ.ร.บ. ป่าสงวนเหมือนกัน ฉบับที่ ๑,๑๕๐ ใช้มาตราส่วน ๑: ๑๐๐,๐๐๐ การใช้มาตราส่วนที่ต่างกัน ขนาดนี้ ขีดเส้นผิดกันไป ๒ มิลลิเมตร เนื้อที่มันผิดกันแล้วนับหมื่นไร่ เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่พอผลรวมนะครับ จริงอยู่ประเทศไทยมีพื้นที่ถ้านับเป็นไร่ ๓๒๐ ล้านไร่ แต่ท่านเชื่อไหมว่าพอเอาเนื้อที่ของแต่ละหน่วยงานครอบครองอยู่ทั้งมีเอกสารสิทธิ และไม่มีเอกสารสิทธิ ทั้งของรัฐด้วยอะไรด้วย รวมกันแล้วตกเข้าไป ๔๐๐ กว่าล้านไร่ ทั้ง ๆ ที่พื้นที่จริง ๆ จะขยายกันได้อย่างไร มีอยู่ ๓๒๐ กว่าล้านไร่เท่านั้นเอง นั่นเห็นกัน ได้ชัดเลยว่ามันจะไม่มีความซ้ำซ้อนของที่ดินเป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่างจังหวัดพิษณุโลก พูดถึงในจังหวัดพิษณุโลกมีพื้นที่ทั้งหมด ๑๐,๕๘๙ ตารางกิโลเมตร หรือเท่ากับ ๖,๖๑๘,๐๐๐ กว่าไร่ แต่ว่าที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของกรมที่ดินบ้างซึ่งเป็นใน ส่วนของ น.ส.ล. ในส่วนของกรมป่าไม้ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอีกหลาย ๆ ส่วน รวมทั้งกรมพัฒนาที่ดิน รวมกันแล้วผลปรากฏว่าที่ถือครองกันไว้แต่ละหน่วยงานรวมแล้ว ๑๐,๒๒๐,๑๒๘ ไร่ แต่ด้วย เนื้อที่ ๑๐,๐๐๐ กว่าตารางกิโลเมตร เท่ากับ ๖,๖๐๐,๐๐๐ ไร่เท่านั้นเอง มีผลต่างกัน ประมาณ ๓,๕๐๐,๐๐๐ ไร่ คิดตัวเลขกลม ๆ เพราะฉะนั้นเวลารัฐจะออกเอกสารสิทธิ ต้องเปิดใจให้กว้าง ผมเห็นส่วนใหญ่แล้วหน่วยงานของรัฐจะผลักภาระ ผลักความผิดว่า ราษฎรบุกรุก ถามว่าราษฎรที่ไหนมันจะมีปัญญาไปขีดแผนที่ได้ว่าวงตรงนี้เป็นของกรมป่าไม้ วงตรงนี้เป็นของกรมพัฒนาที่ดิน เพราะฉะนั้นแล้วรัฐจะต้องเปิดใจให้กว้างว่าต้องสำนึก ให้ดีว่าตัวเองเป็นคนที่ทำให้ราษฎรนั้นเดือดร้อน อย่างในเขตจังหวัดในเขตเลือกตั้งผม มีตรงบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก มีเนื้อที่ประมาณ ๑,๐๐๐ กว่าไร่ อยู่ทั้งในเขตของผมแล้วเขตท่านรองประธานปดิพัทธ์ พื้นที่ตรงนี้ปัจจุบันนี้ เอาละสภาพความเป็นจริงไม่ต้องพูดถึงเลย มันเป็นชุมชนเมืองไปหมดแล้ว แต่ผลปรากฏว่า เท่าที่ได้สอบถาม ในยุคในสมัยนั้นที่ผืนตรงนี้เอกสารสิทธิเคยมีถึงเป็น น.ส. ๓ แล้วบางราย เป็น ส.ค. ก็มี อะไรก็มี แต่ผลปรากฏว่าพอใช้กฎหมายที่ดิน ๑ ธันวาคม ๒๔๙๗ แล้ว เอาพื้นที่ตรงนั้นของราษฎรรวบไปเป็น ส.ป.ก. ทั้งหมดเลย ผมเองติดใจตรงที่ว่า ในเมื่อเขามีเอกสารสิทธิเป็น น.ส. ๓ แล้ว แล้วไปดึงกลับมาเป็น ส.ป.ก. อย่างนี้มันถูกต้อง หรือครับ ไม่ถูกต้องนะครับ แล้วก็ที่ทำกัน ทำกันเมื่อปี ๒๕๒๘-๒๕๒๙ นี้เอง แต่ไปยกเอา ประมวลกฎหมายที่ดิน ปี ๒๔๙๗ มาใช้บังคับเขา กรณีเช่นนี้มันมีสิ่งที่เห็นเป็นพยานหลักฐาน จะ ๆ รัฐควรจะต้องรีบดำเนินการ แล้วที่สำคัญผมขอย้ำเป็นครั้งที่ ๒ ว่าแล้วรัฐจะต้อง ใจกว้าง ไม่ใช่ว่าในความรู้สึกของรัฐประชาชนเป็นผู้ผิด ถ้าอย่างนั้นมันก็เดินกันยาก ที่อีกแปลงหนึ่งที่ผมอยากจะพูดให้ฟังก็คือในพื้นที่ผมก็คือที่ น.ส.ล. ของหมู่ที่ ๖ บ้านแหลมลาด ตำบลมะตูม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก อยู่บริเวณเดียวกับ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๖ ท่านครับ ที่ดินแปลงนี้ เวลาผมนั่งรถเมล์มาเรียนในเมือง บ้านช่องห้องหอของราษฎรก็เป็นพื้นที่ที่เขาทำมาหากินแล้วก็มีบ้านช่องอยู่แล้ว แต่เหตุไฉนเลย ไปเอาที่ตรงนี้ของเขาเป็น น.ส.ล. แล้วที่สำคัญที่ น.ส.ล. แปลงนี้มีอยู่ ๓,๐๐๐ กว่าไร่ มีบางส่วนสามารถออกได้ เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่ราษฎรตาดำ ๆ ออกไม่ได้ แล้วที่สำคัญ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าท่านยิ่งทำช้าไปเท่าไรในการออกเอกสารสิทธิให้พี่น้องตรงหมู่ที่ ๖ ตรงนี้ เขาเองก็ยิ่งลำบากมากเท่านั้น เพราะอย่าลืมว่าการออกเลขที่บ้าน ผมขอย้อนหน่อยตรงที่ว่า เมื่อก่อนเหมือนมีการทำความตกลงกันว่าในการไปขอเลขที่บ้านก็หลับตากันข้างหนึ่ง ก็ออกเลขที่บ้านเพื่อไปให้ราษฎรไปขอน้ำ ขอไฟ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นนโยบายของใคร การรอมชอมกันยุติลง เวลาขอเลขที่บ้านบางคนตอนนี้ขอมา ๒ ปี ๓ ปียังไม่ได้ พอยังไม่ได้เสร็จ เวลาการไปขอน้ำขอไฟก็ต้องใช้มิเตอร์ชั่วคราว มันแพงกว่าปกติอีก ๑ เท่าตัว เพราะฉะนั้นผมขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะคณะทำงานด้านที่ดิน ของท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ซึ่งผมเองเชื่อมั่นว่าท่านนายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจัง ในปัญหานี้ พรรคเพื่อไทยเอาจริงเอาจังปัญหานี้ เพราะฉะนั้นผมเองอยากจะขอให้ เร่งรัดระยะเวลา ใครจะทำอะไรไว้อย่างไรก็สุดแล้วแต่เถอะ แต่เมื่อเป็นรัฐบาลของ ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา เป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยแล้ว ท่านทำให้ไว ท่านทำให้ดี ท่านเองจะเป็นที่ประทับใจของพี่น้อง อย่าลืมว่าอย่างน้อย ๆ ถ้าบวกกันตามตัวเลข ที่ว่าพื้นที่ประเทศไทย ๕๐๐,๐๐๐ กว่าตารางกิโลเมตร เท่ากับ ๓๒๐ ล้านไร่เศษ แต่ว่ามีพื้นที่ที่บวกกันแล้วแต่ละหน่วยงานถือครอง ๔๘๐ กว่าล้านไร่ เอาตรงนี้ก่อนก็ได้ครับ ตรวจสอบให้มันถูกต้องว่าตกลงแล้วทำอย่างไร ให้มันบวกแล้วได้ตามจำนวนที่แท้จริงคือ ๓๒๐ ล้านไร่ ผมต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ผม นพพล เหลืองทองนารา พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ไม่ค่อยมีศักยภาพ ท่านประธานครับ ในสิ่งที่มีเพื่อนสมาชิกเราได้เสนอญัตติด้วยวาจาในเรื่องเกี่ยวกับปัญหา เรื่องของน้ำท่วมแล้วก็การเยียวยา ท่านครับ พูดก็พูดนะครับ เรื่องของน้ำท่วมไม่ว่าจะเป็น โครงการส่งน้ำใด ๆ ก็แล้วแต่ในประเทศไทย หรือสำนักชลประทานใด ๆ ก็แล้วแต่ ล้วนแล้วแต่ปัญหาไม่แตกต่างกันเลย นั่นหมายความว่าตั้งแต่เริ่มโครงการนั้นปัญหาน้ำท่วม หรือน้ำแล้งเกิดจุดไหนมันก็เกิดอยู่จุดนั้น ผมเองขอเริ่มด้วยสิ่งแรกที่ผมคิดว่ามันมี ความสำคัญมากที่สุดในการที่จะแก้ไขปัญหาทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง นั่นก็คือจิตวิญญาณของ ความเป็นข้าราชการที่สำนึกในหน้าที่ของกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเริ่ม จากตัวของบุคลากรก่อน เรื่องเงินทองทั้งหลาย โครงการต่าง ๆ ถ้าคนมีคุณภาพเงินทอง จะมากมายขนาดไหนก็แล้วแต่ แล้วทางรัฐบาลเห็นประโยชน์เท่าไรก็ให้ แต่ปัญหาเรื่องคน ผมเองตั้งแต่คลุกคลีเรื่องน้ำกับชาวบ้าน ผมนึกท้อใจที่สุดก็เรื่องคนครับ ผมขอเรียกร้องตรงนี้ ผมเองนับถือกรมชลประทาน นับถือหน่วยงานที่เกี่ยวกับน้ำเป็นอย่างมาก แต่ว่าผมก็ต้อง สะท้อนในสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงให้ทุกท่านได้รับฟัง ท่านครับ การบริหารจัดการน้ำเป็นส่วน สำคัญที่สุด ปีนี้เห็นกันได้ชัดมันไม่สมควรที่จะน้ำท่วม เมื่อก่อนหน้านี้ประมาณ ๒-๓ อาทิตย์ อย่างในพื้นที่ของผม อย่างที่ผมเคยพูดไปเมื่อคราวที่แล้วเมื่อ ๒-๓ อาทิตย์ก่อน อย่างโครงการนเรศวรซึ่งดูแลพื้นที่ ๙๑,๐๐๐ ไร่ ในทุ่งสาน ทุกคนอายุมากหน่อยก็คงจะเคย ได้ยินเพลงทุ่งสานสะเทือนจุดตรงนั้นละครับ น้ำด้านใต้ก็ไม่มี น้ำด้านเหนือยังไม่มา มีแต่ฝนตก ในพื้นที่ แต่ผลปรากฏว่าน้ำท่วมในทุ่งสานซึ่งมันเป็นไปได้อย่างไร นั่นก็คือตรรกะนะครับ หลังจากที่ไปดูตัวเลขทั้งหลายแล้ว การเชื่อมโยงระหว่าง ทรบ. ทั้งหลาย ประตูน้ำทั้งหลาย กับเขื่อน กับฝ่าย กับคลอง กับแม่น้ำทั้งหลายที่โยงใยกันตรงนั้น ดูแล้วเห็นได้ชัดเลยว่า นั่นเป็นเพราะการบริหารงาน การบริหารการจัดการน้ำของกรมชลประทานนั้นถือว่าแย่มาก วันนี้ถ้ามาพูดถึงเรื่องของน้ำยมซึ่งตอนนี้กำลังเป็นข่าวว่าได้เกิดน้ำหลากมา ผมเองต้องกราบ ขอบพระคุณท่าน สส. สุโขทัยทุกท่าน แล้วก็ท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ท่านเองได้เอาใจใส่ มีคนเคยบอกว่าน้ำที่ท่วมพิษณุโลกมาจากสุโขทัย ถูกต้องครับ ผมไม่เถียงว่ามาจากสุโขทัย แต่ผมไม่เห็นด้วยถ้ามีคนมาบอกว่าน้ำนั้นเป็นเพราะสุโขทัย ผลักมาที่พิษณุโลก เป็นเพราะนักการเมืองผลักมา ผมอยากจะทำความเข้าใจกับพี่น้อง ในพิษณุโลกว่าไม่ใช่เลยครับ แล้วถ้าอย่างนั้นคนพิจิตรเขาก็ว่าผมได้สิว่าผมผลักน้ำไปทาง พิจิตร ไม่ใช่ มันอยู่ตรงที่ว่าการรับน้ำการประสานงานระหว่างสำนักงานชลประทานที่ ๔ ของสุโขทัยกับสำนักงานชลประทานที่ ๓ ของพิษณุโลกมีการเชื่อมโยงข้อมูลกันแค่ไหน แล้วก็มี การตั้งรับมวลน้ำกันอย่างไร แก้ไขกันอย่างไร เพราะฉะนั้นแล้วผมอยากจะเน้นหนักที่สุดก็คือ เรื่องของการบริหารจัดการน้ำโดยบุคคลมากกว่า เรื่องประตูน้ำอะไรทั้งหลายผมไม่เท่าไร แต่พูดถึงสำหรับแม่น้ำยมซึ่งค่อนข้างจะอาภัพ เพราะว่าไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่ในการกักเก็บน้ำ ผมเองเห็นด้วยที่จะให้มีประตูน้ำที่อำเภอวังชิ้นในเขตจังหวัดแพร่อีก ๒ ประตู แล้วก็ที่อำเภอ ศรีสัชนาลัยของท่าน สส. จักรวาลอีก ๒ ประตู ซึ่งจะเป็นการหน่วงน้ำ แล้วก็อีกส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยเหลือ ผมจะไม่พูดถึงในพื้นที่ผม แต่ว่าจะพูดถึงการช่วยเหลือบริเวณน้ำท่วมด้านใต้ พิษณุโลกไปจนมาถึงกรุงเทพฯ จนน้ำลงไปทะเลนะครับ นั่นก็คือโครงการบางระกำโมเดล วันนี้โครงการบางระกำโมเดลแม้ว่าจะมีบางส่วนที่ดูเหมือนว่าไม่สมเหตุสมผลที่จะทำ โครงการนี้ต่อไป แต่มันก็เป็นบางส่วน แต่ว่าจริง ๆ แล้วโครงการโดยส่วนรวมถือว่าใช้ได้ ทีเดียว ปัจจุบันศักยภาพที่เป็นอยู่ที่ได้มีการดำเนินการแล้วของโครงการบางระกำโมเดล คือ ๒๖๕,๐๐๐ ไร่ แล้วสามารถหน่วงน้ำได้ในฤดูน้ำหลาก ๔๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จริง ๆ แล้วศักยภาพของบางระกำโมเดลสามารถหน่วงน้ำได้ถึง ๕๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ว่าพื้นที่จะต้องขยายออกไปเป็น ๓๘๒,๐๐๐ ไร่ ผมเองอยากที่จะเรียกร้องให้ท่านได้สำรวจไปตั้งต้นกันใหม่สำหรับบางระกำโมเดลอีกครั้งหนึ่ง ว่าตรงจุดไหนที่ท่านขีดวงไว้แล้ว แต่ว่ากลับกลายเป็นผลเสียกับราษฎรควรเอาพื้นที่ ตรงนั้นของราษฎรออก และพื้นที่ตรงไหนที่ดูแล้วมันสมควรที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งที่ หน่วงน้ำได้ อะไรได้ ให้ท่านรีบศึกษาแล้วก็จัดการ ท่านครับ น้ำฝนแต่ละปีที่ตกลงมา ในประเทศไทยประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำท่าอีกประมาณ ๒๑๐,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร รวมแล้วประมาณ ๙๐๐,๐๐๐ กว่าล้านลูกบาศก์เมตร แต่ผลปรากฏว่า การกักเก็บน้ำในบ้านเราทั้งหมด โครงการอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ๑๑๐ โครงการ ขนาดกลาง ๘๘๙ โครงการ ขนาดเล็กอีก ๒๐,๓๙๗ โครงการ รวมแล้วเก็บน้ำได้เพียง ๘๒,๙๐๐ กว่าล้าน ลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเอง ยังไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผมอยากที่จะเรียกร้อง ให้ทางกรมชลประทาน ตลอดจนข้าราชการในกรมชลประทานได้เอาใจใส่ เป็นหน้าที่ ของท่าน ทุกคนรอความหวังจากท่านโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร เราช่วยกันเถอะครับ เราเปรียบเทียบเกษตรกรเหมือนกระดูกสันหลังนะครับ อย่างอื่นแข้งขาหักอะไรก็ยังรักษาได้ อะไรได้ แต่กระดูกสันหลังถ้าลองชำรุดไปแล้วก็พิการนะครับ และถ้าชาวนาพิการ ประเทศไทยก็คงพิการกันทั้งประเทศละครับ กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย จังหวัดพิษณุโลก คนพรหมพิราม ในญัตติที่เสนอมาเกี่ยวกับ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ก็อาจจะสงสัยว่าแล้วพิษณุโลกไปเกี่ยวอะไรกับเขา ในความรู้สึกของผม ผมเองเป็นคนไทย คนหนึ่งในขวานทอง ผมก็ถือว่าทุกส่วนที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทยนั้นเราเป็นพี่น้องกัน ก็เหมือนอย่างที่มีท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้ได้บอกว่าถ้าคนที่ภาคใต้เจ็บ คนเหนือก็เจ็บเหมือนกัน ผมเองคนพรหมพิรามเราก็เป็นห่วง เราก็ไม่ต้องการให้คนใต้นั้น โดนเอารัดเอาเปรียบ โดนผู้ที่มีอำนาจหรือว่าโดนผู้มีบารมีทั้งหลายในการที่จะไปเอาเปรียบ ในเรื่องที่ไม่สมควรที่จะไปเอาเปรียบ ตั้งแต่มี พ.ร.ก. ฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่อง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีการต่ออายุมาแล้วถึง ๗๓ ครั้ง มีการต่อกันทุก ๆ ๓ เดือน ซึ่งผมเองในแง่มุมนี้อยากจะขอพูดในแง่ของเยาวชน ที่ผมเองก็เคยได้ไปพูดคุยกับน้อง ๆ เยาวชนที่เขามาจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนกัน ผมก็ถามเขาเริ่มแรกว่าทำไมไม่เรียนที่โน่น ทำไมไม่เรียนหนังสือหนังหาที่ ๓ จังหวัดชายแดน ภาคใต้ เขาก็บอกว่าพี่รู้ไหมว่าเด็กอย่างพวกหนูเยาวชนใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่เรายากจนมีประมาณสักร้อยละ ๑๐ เท่านั้นที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีหน่อย นอกนั้นยากจน เพราะฉะนั้นก็ต้องมาแสวงหา ถ้าอยากเรียนหนังสือนี้ก็ต้องมาหางานทำด้วย มาอะไรด้วยในกรุงเทพฯ ก็ต้องมาเผชิญชีวิตในกรุงเทพฯ สิ่งหนึ่งที่น้อง ๆ เขาอยากจะ ขอร้องทุก ๆ คนบอกว่าคำถามหนึ่งที่พอเพื่อน ๆ ได้รู้ว่าเขามาจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วคำถามที่ออกมาคือเธอพกระเบิดมาหรือเปล่ามันเป็นการตอกย้ำ ผมเองก็อยากจะขอเรียกร้อง อย่างไรก็แล้วแต่พี่น้องใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เขาเองก็เป็นคนไทยเหมือนกับเรา แล้วก็ โดยเฉพาะตัวน้อง ๆ เยาวชนเขาเองก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเริ่มต้นของปัญหาต่าง ๆ แล้วก็อย่างที่ท่านสุธรรม แสงประทุม ได้บอกว่าปัญหานี้เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว แล้วก็มันก็มีการสั่งสม มีการพัฒนาในรูปแบบของปัญหาหลายหลายอย่าง เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเองก็ดีใจที่ในรัฐบาลชุดปัจจุบันท่านเองมีการต่ออายุ รู้สึกว่าจะต่ออายุไปเดือนเดียว เพราะปกติดำเนินการต่ออายุ พ.ร.ก. ก็จะต้องทุก ๆ ๓ เดือน แล้วก็ในการประกาศพื้นที่ของ พ.ร.ก. ปัจจุบันก็เหลือเพียงแค่ ๒๒ อำเภอ ไม่ใช่ ๓๓ อำเภอจากที่ก่อนนั้นเคยประกาศอยู่ ท่านครับ เยาวชนทั้งหลายตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนมาถึงปี ๒๕๖๕ ปี ๖๔๖๕ มีเยาวชนได้เสียชีวิต จากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้วถึง ๒๔๓ คน บาดเจ็บอีก ๑,๐๐๐ กว่าคน แล้วก็มีพิการอีก ๓๗ คนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่น้อง ๆ เยาวชนเหล่านั้นจะได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้นแล้วผมเองก็อยากจะขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการอย่างที่ทุก ๆ คนในสภานี้ เราเรียกร้องเพื่อให้มีการศึกษาปัญหา แล้วก็ได้มีการแก้ไขปัญหาของ ๓ จังหวัดชายแดน ภาคใต้อย่างจริงจังแล้วก็จริงใจ พี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะน้อง ๆ เยาวชน ที่ผมได้สอบถามเขาก็มีหัวใจ เขาเองไม่อยากถูกบังคับ เขาเองถ้าเป็นไปได้อยากจะให้มีวิธีการอื่น ที่ดูแลปกป้องพวกเขามากกว่าการใช้กำลัง โดยเฉพาะต้องไปบังคับเขา เขาจะเดินทาง ไปไหนมาไหนก็ต้องมีด่านตรวจมีอะไร เขาบอกไม่สบายใจเลย เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้ ก็ขอฝากท่านกรรมาธิการที่จะเกิดขึ้นได้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย เอาในเรื่องของความรู้สึก มาเป็นหลักว่าถ้าเราทำอย่างนี้แล้วจะมีความรู้สึกอย่างไรกับคนทางภาคใต้ เพราะฉะนั้น ผมเรียกร้องให้การแก้ไขปัญหาครั้งนี้ในการที่จะตั้งคณะกรรมาธิการขอให้เป็นไป ด้วยความตั้งอกตั้งใจ แล้วก็มีความจริงใจในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องใน ๓ จังหวัด ชายแดนภาคใต้ด้วย กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ กราบเรียนท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ความพิการเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตนั้นไม่สามารถที่จะดำเนินไปเหมือนกับผู้คนปกติได้ ฉะนั้น จริง ๆ แล้วคนพิการก็ต้องดำรงชีวิตอยู่เหมือนกับคนปกติ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการจ้างแรงงาน ในฐานะที่วันนี้ผมก็ใส่ที่ยึดขามาด้วย เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตผมก็เคยเป็นคนพิการชั่วคราว แค่ผมเป็นคนพิการชั่วคราวนี่ผมรู้ซึ้งเลยครับว่าชีวิตของคนพิการนั้นเป็นอย่างไร ลำบาก ขนาดไหน น่าสงสารขนาดไหน แล้วจริง ๆ ช่วงที่ผมเป็นคนพิการนี่นะครับ ผมเองก็เคย ไปไต่ถาม ไปนั่งคุยกับคนพิการ เขาก็บอกว่าเขาไม่เคยอยากที่จะเป็นภาระของใคร ไม่อยาก ที่จะเป็นภาระสังคม เพียงแต่ว่าขอให้สังคมได้ให้โอกาสกับเขา โดยเฉพาะในเรื่องของ การประกอบสัมมาอาชีพ วันนี้เห็นหลาย ๆ ท่านพูดถึงเรื่องแรงงาน แต่ว่าผมเองก็ขอพูดถึง เรื่องแรงงานในส่วนของคนพิการ ตามมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ ที่เกี่ยวกับ เรื่องของแรงงาน กฎหมายแรงงาน ในการจ้างงานของผู้พิการ ในการที่มีอัตราส่วน ไม่ว่าจะหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนก็ตาม ถ้ามีลูกจ้างตั้งแต่ ๑๐๐ คนขึ้นไปจะต้องมี การจ้างแรงงานคนพิการ ๑ คน ถ้าเศษ ๕๐ คนก็ให้อีก ๑ คน ทั้งรัฐ ทั้งเอกชน แต่ถ้าเกิดว่า ไม่พร้อมหรือไม่สะดวกที่จะให้คนพิการได้ไปทำงานก็ต้องเสียเงินตามมาตรา ๓๔ หรือไม่ในมาตรา ๓๕ ก็คือจัดสัมปทานให้เขาได้ขายของให้เขาอะไรพวกนี้นะครับ แต่ว่าไป ๆ มา ๆ แล้วผมเองอยากจะขอเรียกร้องไปถึงทั้งหน่วยงานของรัฐแล้วก็เอกชน โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐ รัฐควรจะต้องเป็นคนนำในเรื่องของการให้คนพิการได้เข้าสู่ การมีงานทำ ตัวเลขสภาพของคนพิการเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๖ มีตัวเลขของคนพิการ ทั้งหมด ๒ ล้านกว่าคน และในจำนวน ๒ ล้านกว่าคนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนที่อยู่ในวัยแรงงาน ๘๕๙,๐๐๐ กว่าคนเศษ นั่นก็คือถ้าเปรียบเทียบกันแล้วก็ตกอยู่ราว ๆ ๓๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าท่านเชื่อไหมครับว่า มีคนพิการได้เข้าทำงานจริง ๆ ได้มีงานทำจริง ๆ เพียง ๓๐๐,๐๐๐ กว่าคนเท่านั้น หรือว่า ประมาณ ๑ ใน ๓ อยู่ในวัยแรงงานของคนพิการ แล้วอีก ๖๐๐,๐๐๐ อันนี้พูดถึงเฉพาะ คนที่อยู่ในวัยทำงานไม่ได้คิดถึงตัวเลขของคนพิการทั้งหมด ถ้าคิดถึงตัวเลขของคนพิการทั้งหมด ๒,๒๘๑,๐๐๐ กว่าคนแล้วมีงานทำอยู่เพียง ๓๐๐,๐๐๐ คน นั่นแสดงว่าอีก ๑,๙๐๐,๐๐๐ คน ไม่ได้ประกอบอาชีพก็เป็นภาระกับสังคม ซึ่งคนเหล่านั้นเขาอึดอัดมาก เพราะฉะนั้นในส่วน มาตรา ๓๓ กับมาตรา ๓๕ เขาเองเขาอยากได้ตรงนั้นมากกว่า คือโอกาสที่เขาทำงาน มาตรา ๓๔ จริงอยู่ว่าแม้ว่าไม่ว่าสถานประกอบการหรือว่ารัฐก็ตามไม่สามารถที่จ้างแรงงาน ที่เป็นคนพิการได้ก็ให้นำเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ก็ตกแล้ว ปีหนึ่งต่อคนนี่ก็ประมาณปีหนึ่ง ๑๑๙,๘๕๑ บาท ซึ่งเขาเองเขาบอกเขาไม่อยากได้ เขาอยากได้ในส่วนของการที่ให้โอกาสเขาในการทำงานเสียมากกว่า ท่านครับหน่วยงาน ของรัฐผมขออนุญาตที่จะพูดถึงตัวเลขนะครับ จริง ๆ แล้วการจ้างงานที่รัฐจะต้องมีการ จ้างงานกับผู้พิการทั้งหมดมีความต้องการ เพราะว่าข้าราชการภาครัฐมีอยู่ ณ ปัจจุบันยังขาด ความต้องการอยู่อีกตั้ง ๑๔,๐๐๐ กว่าราย เพราะว่าในนี้ได้บอกตัวเลขไว้ว่าข้าราชการ ทั้งหมดในส่วนของภาครัฐ ๑,๗๐๐,๐๐๐ กว่าคน เพราะฉะนั้น ๑,๗๐๐,๐๐๐ กว่าคน แล้วก็ มีการจ้างผู้พิการเพียง ๓,๐๐๐ กว่าคน เพราะฉะนั้นยังเหลืออีก ๑๔,๔๐๐ กว่าคน รัฐควร จะต้องเป็นตัวนำ ถ้าองค์กรของรัฐเองยังจ้างผู้พิการตามกฎหมายแรงงานมาตรา ๓๓ กับ มาตรา ๓๕ เพียงเท่านี้เอกชนเขาเห็นเป็นแบบอย่างอย่างนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่เอกชนเขาจะจ้างแรงงานเต็ม ๆ ตามที่เขาจะต้องจ้าง เพราะฉะนั้นผมขอเรียกร้องถึงทาง กระทรวงแรงงานให้ช่วยเป็นคนนำในเรื่องของการให้คนพิการนั้นได้มีงานทำ และอีกอย่างหนึ่งในเรื่องของกองทุนที่ให้คนพิการได้กู้ยืมไปประกอบสัมมาอาชีพ ถ้ากู้เป็น รายบุคคลก็คือไม่เกินร้อยละ ๖๐,๐๐๐ บาท แต่ถ้าจะเอาเกิน ๖๐,๐๐๐ บาทก็จะต้องมี การพิจารณากันเป็นราย ๆ ไป แต่ไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท ส่วนการกู้เป็นกลุ่มนั้น ให้ ๑ ล้านบาท ท่านครับ ในคุณสมบัติหรือแม้แต่ผมได้คุยกับคนพิการที่มายื่นหนังสือเมื่อเช้านี้ ที่มาจากจังหวัดสระแก้ว ซึ่งท่านเป็นประธานนะครับ ผมก็ถามในเรื่องตัวนี้เหมือนกัน เพราะว่าในสมัยที่แล้วผมเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม ผมเอง หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุเป็นคนพิการชั่วคราวผมก็เอาใจใส่ในเรื่องนี้ เพราะผมสงสารเขามาก ผลปรากฏว่าตอนที่มาคุยกันเขาก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่แรกเริ่มโครงการนี้ในการให้กู้ยืมเงิน มีการคุยกันกับข้าราชการ กับผู้บริหารระดับสูงในเรื่องคุณสมบัติ ทั้งคุณสมบัติ แล้วก็ในเรื่อง ของคนค้ำทั้งหลาย เขาบอกว่าตอนที่คุยกันก่อนที่จะออกกฎหมายไม่มีปัญหาเลย เอาแค่ว่า ขอให้คนที่น่าเชื่อถือได้เท่านั้น แต่ว่าพอถึงเวลาจริง ๆ เชื่อไหมครับโดยเฉพาะคนค้ำ บางจังหวัดดันเขียนไปในนั้นว่าแล้วแต่ดุลยพินิจ พอแล้วแต่ดุลพินิจปุ๊บบางจังหวัด ก็เอาข้าราชการมาเป็นคนค้ำ ถามใจพวกเรากันเองเถอะครับ คนดี ๆ พวกเรายังแทบจะ ไม่อยากค้ำให้กันเลย แล้วนี่คนพิการใครจะไปอยากค้ำ เพราะฉะนั้นผมเองอยากจะเรียกร้อง ขอให้ทางกระทรวง หรือว่าเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนรับผิดชอบได้ช่วยดูแลในส่วนของกองทุน ที่จะให้กับผู้พิการเหล่านี้ด้วย ท่านครับ คนพิการน่าสงสาร คนพิการเขาเองอยากจะพึ่งพาตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วผมขอขอวิงวอนแทนผู้พิการเหล่านั้นให้รัฐได้เอาใจใส่ แต่ว่าผมขอเถอะนะครับ สำหรับคนดี ๆ ที่มีครบ ๓๒ อย่าพยายามประพฤติตน หรือว่าไปทำอะไรประมาททำให้ตัวเอง หรือว่าคนอื่นรอบข้างได้มีความพิการ อาจจะพิการทางใจอะไรทำนองนั้น ก็ขอให้ มีความเป็นคนที่ครบ ๓๒ ทั้งใจทั้งกาย กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย จังหวัดพิษณุโลก คนพรหมพิรามครับ ในส่วนของกองทุนที่มารายงานต่อสภาในครั้งนี้ คือกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ซึ่งอย่างที่ท่าน สส. ฐิติมาได้พูดไปเมื่อสักครู่นี้ว่าจริง ๆ แล้ว กองทุนนี้ประวัติความเป็นมาก็ยาวนานนะครับ ตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ จนกระทั่งมาปรับปรุงแก้ไข อีกครั้งหนึ่งในปี ๒๕๕๔ ท่านครับ ผมเองได้พูดถึงตั้งแต่เป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรมา แล้วก็ มีการมารายงานในเรื่องของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ผมเองทุกครั้งผมต้องพูด แล้วผม ก็ยังไม่เคยได้รับคำตอบเสียทีหนึ่ง โดยเฉพาะในส่วนที่กองทุนให้เกษตรกรหรือว่าองค์กร ของเกษตรกรได้กู้ไปแล้วไม่จ่าย แล้วไม่สามารถที่จะจ่ายคืนกองทุนได้ ท่านเองในการ รวบรวมข้อมูลท่านเพื่อที่จะเอามาวิเคราะห์ว่าเหตุใด ทำไมเขาเอาไปแล้วเขาถึงไม่ประสบ ความสำเร็จ ผมเองก็ขอท่าน ขอมานานแล้ว ท่านก็ไม่เคยส่งให้ผมเสียทีหนึ่ง เวลามารายงาน ต่อสภาว่าทำไม เป็นเพราะอะไร พวกเราก็อยากจะรู้ว่าเป็นเพราะอะไร ท่านครับ แล้วเมื่อไร ท่านจะจบเสียที ผมก็เคยถามไว้หลาย ๆ ครั้งว่าในส่วนของลูกหนี้ที่ยังค้างชำระต่อท่าน ท่านจะทำอย่างไร จะคาราคาซังอย่างนั้น ท่านจะตัดเป็นหนี้สูญเหมือนอย่างที่มีท่าน สส. พรรคเพื่อไทยได้พูดไปแล้ว ผมเองก็อยากจะทราบ เพราะลูกหนี้บางรายที่ขอกู้จากท่านไปตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ จนบัดนี้ มันกี่ปีแล้ว ผมก็อยากจะให้ท่านได้ชี้ชัดออกมาว่าท่านจะทำอย่างไร จะปล่อยคาราคาซัง อย่างนี้หรือ แต่ผมเองผมก็ไม่เข้าใจในแง่มุมของกฎหมาย หรือว่าท่านยังติดค้าง มันยังมี ในส่วนของกฎหมายที่ท่านยังทำอะไรไม่ได้ แต่มันมีกฎหมายอะไรที่มันยาวขนาดนั้นหรือครับ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ จนมาถึงบัดนี้ แล้วมันคาราคาซัง เพราะถ้าอย่างนี้มันก็ต้องปรับปรุงในเรื่อง ของกฎหมายเมืองไทยกันใหม่แล้ว เพราะว่าระยะเวลามันไม่ควรจะยาวนานกันขนาดนี้ ต้องให้เป็น ๒ ช่วงอายุคนหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ท่านครับ ใน พ.ศ. ๒๕๖๕ ท่านได้รับ อนุมัติเงินในส่วนของกองทุนของท่านคือ ๗๖๑ ล้านบาท ใน ๗๖๑ ล้านบาทนี้มันเป็น งบลงทุนอยู่ ๘๐๐,๐๐๐ กว่าบาท ผมไม่เข้าใจผมอยากรู้ เพราะว่าถ้าให้ผมอ่าน ถ้าให้ผม เข้าใจตอนนี้ บอกว่าเป็นงบประจำ ๗๖๐,๕๓๐,๐๐๐ บาท ที่เหลืออีก ๘๐๐,๐๐๐ กว่าบาท เป็นงบลงทุน ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจเหมือนผมว่างบประจำคือเงินเดือน ค่าใช้จ่ายอะไร ทั้งหลาย ค่าน้ำ ค่าไฟทั้งหลาย เงินขนาดนี้ ๗๖๑ ล้านบาทจะเป็นงบประจำ ๗๖๐ ล้านบาท เหลืองบลงทุนจะให้เขาปล่อยกู้หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่อยู่ ๘๐๐,๐๐๐ กว่าบาท ช่วยตอบให้ ผมทราบด้วยเถอะนะครับว่ามันคืออะไร อยากทราบ ท่านครับ ในส่วนของหนี้ทั้งหลาย เป็นห่วงจริง ๆ ว่าท่านจะทำอย่างไร เหตุที่ผมบอกว่าเป็นห่วงจริง ๆ ก็เพราะว่าถ้าท่านยัง ไม่สามารถที่จะยุติได้ การให้กู้กับพี่น้องเกษตรกรรายอื่น รายใหม่ มันก็จะลำบากอยู่ เหมือนกัน แล้วตอนนี้เราก็รู้กันอยู่ว่าเกษตรกรต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นจากทาง รัฐบาลโดยตรงนี้หรือว่ากองทุนต่าง ๆ ที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นมา เขาเองเขายังรอคอยอยู่อีกเยอะ แล้วถ้าท่านไม่ยอมที่จะสะสางปัญหา คนที่เอาเงินมาให้ท่านเขาก็ไม่อยากจะเต็มใจให้ หรอกครับ แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าท่านเอาเงินไปแล้ว แล้วพอเขาไม่มา จ่ายหนี้ให้ท่าน ท่านก็ไม่ได้อธิบายให้เขาฟังว่าเหตุผลอะไรมันถึงเป็นแบบนั้น คนจ่ายเงินให้ เงินท่านมาทำงานก็ไม่อยากจะให้นะครับ ในส่วนสุดท้ายที่ผมจะต้องขอย้ำกับท่าน อยากจะรู้ เหมือนเดิมก็คือว่าอยากจะให้ท่านได้วิเคราะห์ออกมาได้ไหมว่าในส่วนที่เป็นหนี้อยู่ ที่ยังติด ค้างทางกองทุนอยู่นี้มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรบ้าง พวกเราก็อยากรู้ เพราะเราอยากจะใช้ บทเรียนตรงนี้ โอเค ก็เข้าใจอยู่ครับว่าอาจจะเก็บเงินไม่ได้แล้ว อาจจะไม่ได้มีการชำระหนี้ มาแล้ว แต่ถ้าเพื่อเกษตรกรก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่ว่าเราอยากจะรู้สาเหตุมันเป็น เพราะอะไร เพื่อที่จะได้มาปรับปรุงในโครงการอื่น ๆ ที่จะมีเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่ว่าจะ คาดคั้น เร่งรัดเอาหนี้สิน ต้องให้เกษตรกรต้องเอามาคืน ๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น เราเป็นรัฐบาล รัฐบาลไม่ได้ค้ากำไรแบบนั้น แต่ว่าเราต้องการที่จะเอาบทเรียนตรงนั้นขึ้นมาเพื่อที่จะเอามา ปรับปรุง พอเรารู้ว่าโครงการลักษณะอย่างนี้ แล้ววิธีการดำเนินการแบบนี้พอทำไปแล้ว มันล้มเหลวเราก็จะได้มาปรับปรุงในวันข้างหน้า ผมขอฝากทางกองทุนด้วย ขอบคุณมากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ญัตติในเรื่องของน้ำก็มี เพื่อนสมาชิกเราได้พูดมาหลายท่านแล้ว ผมเองก็เห็นด้วย แล้วก็อยากจะนำเรียนว่า จริง ๆ แล้วบนโลกเราอย่างที่เราเรียนมาตั้งแต่ประถมว่าน้ำบนโลกเรามี ๓ ใน ๔ อีก ๑ ส่วน เท่านั้นที่เป็นแผ่นดิน ๓ ส่วนนั้นถ้าพูดถึง ถ้ามาเทียบเป็น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นน้ำเค็ม อยู่ ๙๗ เปอร์เซ็นต์ น้ำจืดมีแค่ ๓ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าเอา ๓ เปอร์เซ็นต์นั้นมาเปรียบเทียบ เป็น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์อีก เป็นหิมะ เป็นน้ำแข็ง ร้อยละ ๗๐ เป็นน้ำใต้ดินร้อยละ ๒๙ แล้วก็ เป็นน้ำผิวดินที่เราแย่งกันนักแย่งกันหนาอีกเพียงเปอร์เซ็นต์เดียว ผมเองอยากจะให้แนวทาง ในการพัฒนาต่อไปนี้ให้มุ่งเน้นในเรื่องของน้ำ เพราะอย่าลืมว่าถ้าน้ำไม่มีทุกอย่างจะจบกัน ไม่ว่าจะภาคเกษตร หรือว่าภาคของการบริโภค ก็ตาม สิ่งที่ผมเสียดายแล้วก็อยากให้มีการปรับปรุงกันขนานใหญ่นั่นก็คือในส่วนที่เป็น การดูแลของการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค ขอ ๒ หน่วยงานนี้ก่อน การประปานครหลวงในแต่ละเดือนต้องการน้ำที่จะมาผลิตน้ำประปาให้คนกรุงเทพฯ และอีก ๒ จังหวัด ในปริมณฑลใช้ ๑๗๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เชื่อไหมไว้ ๑๗๐ ล้านลูกบาศก์เมตร จำหน่ายหมด แต่ว่าจำหน่ายหมดนี่มันหมดกับข้างทางไปอีกเดือนละ ๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ท่านสมาชิกครับ การสูญเสียน้ำ ตกแล้วอันนี้ผมคิดเอาตัวเลขสูงสุด สูงสุดนั่นหมายความว่า Save ได้มากที่สุด ก็คือมีการจำหน่ายได้แค่ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็สูญเสียไป ๓๐ เปอร์เซ็นต์ คิดแล้วในแต่ละปีน้ำที่สูญเสียไปสำหรับการประปานครหลวงเชื่อไหมว่าเท่ากับน้ำในเขื่อน แควน้อยบำรุงแดนที่บ้านผมเต็ม ๆ เขื่อน ๗๐๐-๘๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนของ การประปาส่วนภูมิภาคก็เช่นเดียวกัน การสูญเสียของน้ำไม่แตกต่างกันเลย นั่นก็คืออยู่ใน อัตราที่สูญเสียประมาณร้อยละ ๓๐ เช่นกัน พวกเราก็มาแย่งน้ำกันมากมายว่าเดี๋ยวน้ำ จังหวัดนี้ก็จะไม่มีทำนา จังหวัดโน้นก็ไม่มีทำนา แต่ตรงนี้เราไม่ต้องไปหาที่ไหน เพียงแต่ว่า อุดรอยรั่วในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวงให้ได้ เราจะได้น้ำ เพิ่มเติมมาปีหนึ่ง ๑,๐๐๐ กว่าล้านลูกบาศก์เมตร เกือบ ๒,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ท่านครับ น้ำใต้ดินอย่างที่ท่าน สส. เมื่อสักครู่ได้บอกแล้ว ปี ๆ หนึ่งใต้ดินที่กักเก็บอยู่ใน ผืนแผ่นดินไทยของเรา ๑,๑๓๗,๕๓๑ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ว่าเป็นน้ำที่เราเอามาใช้ได้เพียง ๖๐,๖๒๑ ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเอง แต่ว่าเราก็ไม่มีปัญญา ต้องขออนุญาตใช้คำนี้ ไม่มีปัญญาที่จะนำมาใช้ทั้ง ๖๐,๐๐๐ กว่าล้านลูกบาศก์เมตร เรามาใช้เพียงแค่ ๑๔,๔๐๐ กว่าล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเองในแต่ละปี เพราะฉะนั้นแล้วในเรื่องของการนำ น้ำบาดาลมาใช้ ผมเองอยากให้รัฐบาลได้ใส่ใจว่าเรามีทรัพยากรน้ำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า เราแก้ไขปัญหาหรือเรามองปัญหานั้นตรงจุดหรือไม่ แล้วในส่วนนาทีสุดท้ายที่ผมอยากจะ ขอพูด จริงอยู่ว่าหัวข้อจะเน้นหนักไปทางน้ำประปา แต่อย่าลืมว่าในยุทธศาสตร์ของชาติ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ ทุกอย่างเขียนรวมกันหมดว่าน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม และรักษาระบบนิเวศ เพราะฉะนั้นผมก็ถือว่าน้ำ ทางการเกษตรมีความสำคัญ การคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในฤดูนาปรัง ปีการผลิตปี ๒๕๖๗ ที่จะมาถึงนี้ คาดการณ์ว่าจะมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรัง ๖,๗๗๐,๐๐๐ ไร่ และมีการคาดการณ์ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติว่าจะมีความต้องการใช้น้ำ ๑๒,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร วันนี้ชาวนาทั่วประเทศรอคอยว่าตกลงแล้วกรมชลประทาน จะว่าอย่างไร จะปล่อยน้ำให้พี่น้องนั้นได้ทำนาปรังกันหรือไม่ วันนี้น้ำมีอยู่ใน ๔ เขื่อนหลัก เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แล้วก็เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ๑๐,๔๕๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ถ้าท่านไม่ปล่อยน้ำให้กับพี่น้องประชาชนในการทำนาปรัง พวกเราเสียใจมาก ท่านจะเก็บน้ำไว้ทำไม ท่านต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ บางอย่างในชีวิต มันก็ต้องมีความเสี่ยงกัน ผมกลัวที่สุดในเรื่องของ El Nino จนกระทั่งอะไรขึ้นหัว จนทำให้ ไม่ปล่อยน้ำให้กับพี่น้องเกษตรกร ผมเองขอเรียกร้อง ณ เวลานี้ว่าให้กรมชลประทานได้รีบ พิจารณาในการปล่อยน้ำนาปรังให้กับพี่น้องเกษตรกร เพราะว่าพี่น้องต้องมีการเตรียมตัว ทั้งปลูกข้าวด้วยอะไรด้วย กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ ท่านครับวันนี้ผมมีเรื่องที่จะมาหารือกับท่านประธาน อยู่ ๒-๓ ประการ
ประการแรก ผมเองต้องกราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี แล้วก็ต้อง ขอโทษท่านนายกรัฐมนตรีอย่างสูง ที่เข้าใจท่านผิดในเรื่องของการช่วยเหลือเกษตรกร เพราะว่าช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่มีการประชุม นบข. แล้วมันมีการเลื่อนในมาตรการที่จะ ช่วยเหลือชาวไร่ ชาวนา ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวออกไปในเรื่องของไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท แต่แล้วพอได้ฟังความคิดของท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว ผมต้องกราบขอโทษท่าน แล้วผมเอง นำสิ่งที่เกษตรกรได้ฝากผมมาบอกท่านว่าขอบพระคุณท่านมากที่ท่านห่วงใย แล้วก็ต้องการ ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรอย่างที่มีความมั่นคง แล้วก็เป็นการแก้ไขปัญหาโดยระยะยาว ท่านครับ แต่ว่ามีประการหนึ่งก็คือว่าในการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่ ชาวนา ไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท มันมีเกษตรกรที่ปลูกข้าวมากกว่า ๑ ชนิด ซึ่งตอนนี้เขายังไม่ได้รับเงินนะครับ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมเองก็ไม่ทราบว่าประสบการณ์ตรงนี้ ในการจ่ายเงินของทางส่วนราชการหรือหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องก็มีประสบการณ์ตรงนี้มาหลายปีแล้วนะครับ อย่างน้อย ๆ ปีนี้ก็เข้าปีที่ ๕ แล้วในเรื่องของเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวมากกว่า ๑ ชนิด ควรจะจ่ายเงิน ระยะเวลาในการที่จะจ่ายเงินให้แก่เกษตรกร ควรจะร่นระยะเวลามาได้มาก กว่าเดิม ก็ขอเร่งรัดในการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวในการปลูกข้าวมากกว่า ๑ ชนิด
ประการที่ ๒ ในเรื่องของค่าชดเชยอ้อย ๑๒๐ บาทต่อตัน จริงอยู่ผมเอง ต้องขอบคุณทางท่านภูมิธรรม ทางท่านนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งนะครับ ที่ได้อนุมัติ ในหลักการที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยตันละ ๑๒๐ บาท ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า ก็อยากจะขอให้ได้มีการเร่งรัดในการจ่าย แม้ว่าจะมีการอนุมัติผ่าน ครม. ตั้งแต่วันที่ ๔ ธันวาคมแล้วก็ตาม ก็ขอให้ท่านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เร่งจ่ายเงิน ๑๒๐ บาทให้กับพ่อแม่ พี่น้องที่ปลูกอ้อยด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย จังหวัดพิษณุโลก คนเมืองสองแคว ท่านครับผมเองจะขอใช้เวลาสักครู่ ก็ไม่นานนักนะครับ พอดีว่ามันมีในส่วนที่ลักษณะคล้ายคลึงกับท่าน สส. ที่เพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้เหมือนกัน นะครับ นั่นก็คือในเรื่องของโครงการคนละครึ่งที่พ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ ในเรื่องของภาษีที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนต้องใช้คำว่า เข็ดขยาด ได้เลยนะครับ เพราะว่า เขาเองเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวว่าจะมีการเสียภาษีมากมายอย่างนี้นะครับ โดยเฉพาะบทเรียนนี้ ผมเองอยากให้ผู้ที่ศึกษาได้รวบรวมแล้วก็ได้ส่ง แล้วก็เน้นย้ำว่าควรจะต้องหาทางแก้ไขต่อไป จริง ๆ แล้วในมาตรการในเหตุการณ์แบบนี้อย่างนี้ครับ เหตุการณ์ของโควิดที่มันเกิด เหตุการณ์ขึ้น แล้วก็มีโครงการลักษณะของคนละครึ่ง อัตราภาษี ผมเองไม่อยากให้เป็นอัตรา ภาษีในลักษณะที่เหมือนกับอัตราปกตินะครับ เพราะว่าอย่าลืมว่าในการขายของช่วงนี้อย่า ลืมนะครับว่าเราคนไทยนะครับ คนไทยเรามีจิตใจที่ดีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แล้วในการ ขายของผมเห็นแล้วจากแถวบ้านผม แถวอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ร้านขาย ก๋วยเตี๋ยวเอยอะไรเอยนี่นะครับ เชื่อไหมครับว่าราคาที่ขายเท่าเดิม แต่ว่าปริมาณที่เขาให้นั่น คือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นะครับ ความที่มีจิตใจเอื้ออารีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต่อเพื่อนบ้าน ด้วยกัน เพราะฉะนั้นผมเองก็อยากให้ ถ้ามันมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก แต่ผมยังไม่อยาก ให้เกิดขึ้น ผมก็อยากจะฝากให้ท่านผู้ที่ศึกษาได้เขียนเข้าไปด้วยว่าในการคำนวณอัตราภาษี สำหรับกรณีนี้ถ้าจะเก็บก็ควรจะเป็นอัตราภาษีที่มันแตกต่างไปจากเดิม ท่านครับ ผมเองเห็น ในการเบิกจ่ายของท่านที่ตามมาตรการเงินกู้ ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมแล้วมันมีอยู่ ๓ แผนงานนะครับ แต่ว่าทั้งหลายก็ยังมีเงินที่ยังไม่ได้เบิกอีกจนถึง ณ วันนี้อีกประมาณ ๒๖,๐๐๐ กว่าล้านบาท ใน ๒๖,๐๐๐ กว่าล้านบาท มันจะขาดไปในแผนงานแรกมากที่สุด คือเกือบ ๆ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ผมเองก็ติดใจเหมือนกัน แต่ว่าผมก็ไม่อยากให้เสียเวลา ในสภา แต่สิ่งที่ผมอยากจะสอบถามมากที่สุดคือในเรื่องของการที่ช่วยภาคเกษตร เพราะว่า ในสิ่งที่ช่วยภาคเกษตรผลปรากฏว่าในคะแนนที่ท่านประเมินมามันค่อนข้างที่จะต่ำมาก นะครับ หลายอย่างได้ A หมดเลย จะมีในส่วนของแผนงานที่เกี่ยวกับเรื่องของเกษตร มันค่อนข้างจะได้ผลคะแนนที่ต่ำเลยนะครับ กับโครงการรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเยอะมาก ท่านครับ ผมหาไม่เจอในผลการศึกษา ผมเองก็อยากจะ ให้ท่านได้ช่วยตอบด้วยว่ามันเป็นเพราะอะไร ทำไมในส่วนของที่ผ่านทาง SMEs ที่จะช่วยให้ ลูกจ้างทั้งหลาย ทำไมมันถึงต่ำกว่าเป้าหมายไปเยอะมากขนาดนั้นนะครับ และโดยเฉพาะ ภาคเกษตร จริง ๆ แล้วภาคเกษตรพวกเราก็รู้กันดีอยู่ว่าพี่น้องในภาคเกษตรกรนั้นไม่ได้มี อะไรมา Support เลย นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้มี คือถ้าเขาไม่ได้ทำเกษตรเขาก็ไม่มี แหล่งรายได้อื่นเลย แต่เขาก็ต้องกินต้องใช้เหมือนอย่างทุก ๆ คนนะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว ในโครงการที่ออกมามันมีหลายอย่างบอกว่ายกเลิก คำว่า ยกเลิก ผมใจหายมากนะครับ ทั้ง ๆ ที่ข้อมูลเรื่องเกษตรของพี่น้องทางการเกษตรน่าจะมีกันครบถ้วนสมบูรณ์แล้วนะครับ แต่ทำไมสิ่งที่เสนอลงไปที่จะช่วยพี่น้องเกษตรกรกลับฃเป็นว่ามันโดนยกเลิก ผมเอง ผมอยากจะขอให้ท่านช่วยอธิบายด้วยนะครับ ผมเองมีเพียงเท่านี้ครับ กราบขอบพระคุณ มากครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก คนเมืองสองแควครับ ท่านครับ ในการแก้ไข พ.ร.บ. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับนี้ว่ากันง่าย ๆ ก็คือว่า พ.ร.บ. ในเรื่องของสมรสเท่าเทียม ผมเองขอบอกเลยนะครับว่า ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ขอสนับสนุนใน พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมอย่างเต็มที่ แล้วผม ก็ฝันอยากจะเห็น พ.ร.บ. ฉบับนี้ได้มีผลบังคับใช้นานแล้ว เพียงแต่ว่าผมนั้นไม่เคยโวยวาย เหตุที่บอกว่าไม่เคยโวยวายก็เพราะว่าในบางครั้งการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายนี้ เราเองด้วย บริบทไม่ว่าจะสังคมไทยหรือสังคมไหนก็ตามนี้บางทีวัน เวลาและการยอมรับในทางสังคม มันมีความสำคัญ ถ้าเราไปเร่งรัดทุกอย่างเลยโดยที่สภาพสังคมนั้นยังไม่อาจที่จะยอมรับได้ มันก็ลำบากอยู่ อย่าว่าแต่ในเรื่องของเพศที่สามนี้เลยนะครับ ถ้าว่ากันตามตรง ในเรื่องของสิทธิของสตรี ยกตัวอย่างง่าย ๆ กว่าสตรีซึ่งเป็นเพศแม่ของเรา เป็นเพศที่เราจะต้องเคารพนับถือและบูชาจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้เราได้กำเนิดเกิดมา ยังต้องต่อสู้แค่เรื่องของการใช้นามสกุล การเลือกนามสกุล ในปี ๒๕๐๕ สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีการออก พ.ร.บ. ชื่อบุคคลขึ้นมา มิได้ให้สิทธิสตรีในการเลือกเลยว่าจะใช้ นามสกุลของตนเองหรือสามี จนแม้กระทั่งในการแก้ไข พ.ร.บ. ชื่อบุคคล (ฉบับที่ ๓) ปี ๒๕๔๘ ร่วม ๔๐ กว่าปีถัดมานี้ถึงให้สุภาพสตรีสามารถที่จะเลือกใช้นามสกุลของตัวเองก็ได้ หรือว่าของสามีก็ได้ หรือจะสลับกันก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเหรียญมี ๒ ด้าน ผมเองด้วยความ สัตย์จริง ผมตั้งใจแล้วก็หนุน พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมอย่างเต็มที่ แต่ว่าผมก็อยากให้มอง ๒ ด้านนะครับ อย่าลืมว่าด้านหนึ่งในแง่กฎหมาย แน่นอนมันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ ของกฎหมาย ไม่ว่าจะในเรื่องของสินสมรส หรือจะอะไรก็แล้วที่มันเป็นสิทธิที่เขาควรได้ แต่ว่าในส่วนของที่มีการบอกว่ามันมีการ Bully กัน อยู่โรงเรียน กะเทย ทอม ก็โดนล้อเลียน โดน Anti โดนอะไร ผมถามหน่อยครับว่าในประเด็นนั้นมันเป็นไปในแง่กฎหมายหรือ การยอมรับ การแสดงออก อย่าลืมนะครับตรงนี้มันมีอยู่ ๒ ส่วน ๑. ใช่ อีกฝ่ายหนึ่งว่าจิตใจ เขาเป็นอย่างไร เขายอมรับหรือไม่ยอมรับ แต่อีกด้านหนึ่งอย่าลืมว่าอยู่ที่ตัวเราเองว่าเรานั้น แสดงออก ความเป็นกะเทยเราแสดงออกอย่างไรให้เขายอมรับนับถือ บางคนเป็นเพศที่สาม แต่กระตู้วู้ วี้ดว้าย เป็นที่รังเกียจของสังคม แล้วอย่างนี้ผมก็ว่ามันไม่ยุติธรรมนะครับ ที่บอก ว่ามีการล้อเลียนจนกระทั่งถึงขั้นฆ่าตัวตายผมก็เคยได้ยินข่าว แต่ว่าในอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบในการเป็นเปอร์เซ็นต์อัตราส่วน ผมถามหน่อยเถอะครับว่าในส่วนที่โดน ล้อเลียนจนกระทั่งพ่อแม่รับไม่ได้ที่ลูกเป็นกะเทยเป็นอะไรนี้ กับพ่อแม่ที่เขายอมรับในความที่ ลูกเป็น ผมว่าเปอร์เซ็นต์มันห่างกันเยอะ ผมคิดว่าผ่านอยู่แล้วครับกฎหมายฉบับนี้ สำหรับ ตัวผม ผมไม่จบนะครับ แม้ว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะผ่าน เหตุผลที่ผมบอกว่าไม่จบเพราะอะไร รู้ไหมครับ เราจะต้องสร้างความรู้สึกที่ดีที่มันไม่ใช่ในแง่มุมของกฎหมายให้คนทั้งสังคม ได้ยอมรับบุคคลในเพศที่สาม ผมเองจำได้ในการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครเมื่อหลายสิบปีก่อน มันมีบุคคลที่เป็นเพศที่สามได้มาอาสา ผมเชียร์นะครับ แต่ผมมาเลิกเชียร์ตรงไหนรู้ไหมครับ อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ บอกว่าเราจะเรียกร้องสิทธิ สิทธิกะเทย สิทธิอะไร ท่านครับ ถ้าสังคมไทยไม่ให้สิทธิ ไม่ให้ความเสมอภาคของท่าน วันนี้หลายคนก็คงไม่ได้มานั่ง อยู่ในสภานี้ คงจะมีการกีดกันมากกว่านี้ วันนี้พวกเราทุกคนในสังคมไทยเราให้โอกาสทั้งนั้น เคยได้ยินไหมครับว่า ดีนะเอาพวกเพศที่สามมาอยู่กลุ่มครื้นเครงดี อะไรดี ยังมีการชื่นชม ด้วยซ้ำ คือจริง ๆ แล้วนี้เวลาพูดอะไรผมเองก็อยากจะให้พูดในแง่ให้ทั้ง ๒ ด้าน เพราะฉะนั้น แล้วผมไม่จบสำหรับ พ.ร.บ. ฉบับนี้แม้จะผ่าน เพราะผมเองตั้งใจที่จะต้องทำให้คนในสังคมได้ ยอมรับเพศที่สามโดยดุษฎี โดยใจของตัวเอง ไม่ใช่ว่าจะมาบังคับเพราะกฎหมาย แม้ว่าจะมี กฎหมายบังคับแล้ว แต่ว่าสังคมไม่ยอมรับ แล้วตัวของเขาเองก็ไม่ทำอะไรที่มันอยู่ในร่อง ในรอย ผมว่ากฎหมายออกไปก็เท่านั้นละครับ แต่ผมยินดีสนับสนุนเต็มที่ครับ ขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา พรรคเพื่อไทย คนไทย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ครับ แล้วผมเองก็รักและหวงแหนแผ่นดินนี้ ผมเองไม่เคยคิดที่จะด้อยค่าประเทศที่เป็นแผ่นดินแม่ ในอดีตที่ผ่านมาในสิ่งที่ผมระลึกมาตลอดนั่นก็คือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีวันเวลาของมัน กรุงโรมไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว แล้วในอดีตที่ผ่านมาเท่าที่ผมจำความได้ ตั้งแต่สมัยผมเรียน หนังสือแล้ว โรงเรียนก็เปิดโอกาสในเรื่องของการมีส่วนร่วม ผมเองเป็นประธานนักเรียนมา ทุก ๆ โรงเรียนที่ผมได้เคยไปเรียน แล้วคุณครูก็ไม่เคยที่จะมาเหมือนมีพิมพ์เขียวให้พวกเรา ให้อิสระทุกอย่าง ผมเองต้องขอขอบคุณท่านผู้ที่ได้ยื่นญัตติเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับการส่งเสริม เยาวชนให้เป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย สิทธิทั้งหลาย อะไรทั้งหลาย ที่ได้มีหลาย ๆ ท่านพูดมา ผมเองเป็นคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในนี้แล้วก็ได้รับผลกระทบด้วยก็คือว่า มีการบอกกันในลักษณะที่พวกผมเหมือนกักขัง กักขังเยาวชน กักขังความคิดของเขา มันใช่หรือ อันนั้นเป็นการคิดเองเออเองหรือเปล่า ผมเองแม้ว่าจะไม่มีลูกแต่ผมก็มีหลาน ผมก็มีคนที่ ผมรักที่กำลังจะเติบโตขึ้นมา และการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายพวกเรายอมรับมันอยู่แล้วว่า วันหนึ่งนั่นคือวัฏจักรของโลกนี้ อย่างไรเสียมันก็จะต้องเกิดขึ้น แต่เราจะทำอย่างไรล่ะ ทำอย่างไรให้การเปลี่ยนแปลงนั้นมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไปในแนวทางที่ดี ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง โดยที่ทำให้เด็ก เยาวชนก้าวร้าว ที่ผ่าน ๆ มาคนไหนอาวุโสกว่าเป็นน้องแม่เราก็เรียกว่าน้า เป็นน้องพ่อก็เรียกว่าอา วันดีคืนดีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงคือไม่ต้อง ไม่ต้องเรียก เรียกชื่อกัน ธรรมดาเลย ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร เป็นน้องพ่อ เป็นน้องแม่ มันถูกหรือครับ ตรงนี้มันก็ ไม่ได้มีขีดเส้นว่าใครคิดแบบไหนถูกหรือผิด แต่ว่าสำหรับตัวผมสิ่งที่โบราณสอนมาในบางเรื่อง มันเป็นสิ่งที่เราก็ควรจะรักษาไว้ เอาเก็บไว้ มันก็ไม่ได้เสียหายตรงไหนไม่ใช่หรือครับ แล้วถามว่า ถ้าวันนี้คนในอดีตที่ผ่านมาในเมืองไทยเขาจำกัดจำเขี่ย เขาจำกัดสิทธิเสรีภาพ แล้วก็มีกรอบ ให้วางทุกอย่าง ถามว่าวันนี้เมืองไทยจะเติบโตมาได้ถึงขนาดนี้หรือ ถามใจตัวเองกันให้ดี อย่าใส่ร้าย ขอโทษครับ ผมไม่ใช้คำว่าใส่ร้ายก็ได้ อย่าด้อยค่าให้คนในอดีตที่เขาตั้งใจเขาได้ เสียกำลังใจ จริงอาจจะมีบางคนเท่านั้นล่ะครับในการดุด่าว่ากล่าวเด็ก ๆ โดยไม่มีเหตุผล แต่ส่วนใหญ่แล้วกว่าพ่อแม่จะดุด่าหรือจะตีลูกแต่ละที ผมเชื่อได้ว่าน้ำตาแทบจะหลั่งริน ออกมา ไม่อยากจะทำร้ายลูกหรอก เพราะฉะนั้นแล้วผมเองยังเชื่อมั่นว่าการที่จะทำให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในแนวทางที่โบราณ ได้เคยว่ามาไว้ อดีตที่ว่ามาไว้เป็นสิ่งที่ดีแล้ว เพียงแต่ว่าเราจะต้องมาปรับเปลี่ยนในบางสิ่ง บางอย่างที่มันไม่เข้ายุคเข้าสมัย การให้สิทธิเสรีภาพแน่นอนเราต้องมี เราไปจำกัดใครไม่ได้ หรอกครับ แต่ว่ามันก็ควรจะต้องมีขอบเขต ถามว่าในชาติตะวันตกที่หลาย ๆ ท่านอาจจะ ชื่นชม ในสมัยก่อนที่เขามีสภาวะประเทศเหมือนอย่างประเทศไทย ไม่ได้มีทุนมีรอนที่จะ ทำสวัสดิการอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ได้มีถนนหนทางที่ดีเลิศเลอ เมื่อก่อนเขาก็เหมือนอย่างเรา เขาก็ค่อยเป็นค่อยไป ของเรานี่ดีกว่าเขาด้วยซ้ำถ้าพูดถึง นั่นก็คือว่าการเปลี่ยนแปลงอะไร หลาย ๆ อย่างของเขานองเลือดกันทั้งนั้น มีของเราใช่บางอย่างอาจจะมีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ แล้วเราก็คุยกันได้ เราก็อะลุ่มอล่วยกัน บางสิ่งมันต้องใช้เวลา ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าเราเอาตามแบบตะวันตกแล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกอย่างมันจะดี ผมอยากจะรู้เหมือนกัน แล้วคนแบบไหนที่เป็นมนุษย์ที่โลกต้องการ ผมอยากเห็นหนังสือเล่มนั้น ที่เขาเขียนคำนิยาม ว่าบุคคลที่โลกต้องการหรือแบบอย่างของคนที่โลกต้องการ ผมเองก็อยากจะนำเรียน ท่านประธานครับ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งในการเสนอญัตติในเรื่องนี้ ส่วนที่ว่าจะตั้งเป็น คณะกรรมาธิการวิสามัญหรือว่าจะส่งไปคณะในคณะกรรมาธิการสามัญก็สุดแล้วแต่ที่ประชุม จะเห็นชอบ เพราะผมเองถือว่าไม่ว่าจะวิสามัญหรือสามัญ ผมคิดว่าบุคลากรที่อยู่ใน คณะกรรมาธิการต่าง ๆ มีความรู้ ความสามารถ ที่จะนำพาเยาวชนทั้งหลายไปในแนวทางที่ดี ที่ถูกต้องนะครับ กราบขอบพระคุณท่านประธานอย่างสูงครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนเมืองพิษณุโลก สองแคว ท่านประธานครับ วันนี้ผมมีเรื่องที่จะมาหารือ กับท่านประธานนะครับ
เรื่องแรก เป็นเรื่องของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคือ ทางสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีการจ้างครูผู้สอนเพื่อให้ไปสอนที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม สายสามัญ ทีนี้ปัญหามันก็คือว่าในเรื่องของค่าตอบแทนที่ได้ตกลงกับทางครูผู้สอนเหล่านี้ไว้ ท่านเชื่อไหมครับท่านประธานว่า ครั้งแรกค้างจ่ายเป็นเวลาถึง ๒ ปี จนกระทั่งท่านนายกรัฐมนตรี ได้ไปตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วครูผู้สอนเหล่านี้ได้ไปร้องเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ก็รีบจัดการให้ แล้วไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นก็ยังมีการค้างกันต่ออีก แล้วผมเคยถามว่า ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้เขาบอกว่าต้องไปตั้งเอาในงบกลาง ลักษณะของเงินแบบนี้ เงินค่าตอบแทนรายเดือนแบบนี้ ทำไมต้องตั้งงบกลาง เพราะมันเป็นสิ่งที่คำนวณได้อยู่แล้ว มันไม่ถูกนะครับ เพราะฉะนั้นผมขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้จัดการ เรื่องเงินเดือนนี้ที่ค้างอยู่ ณ ปัจจุบันอีก ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๖ จนถึง ณ ปัจจุบัน อีกครั้งหนึ่ง แล้วพอดีว่ามันมีในส่วนของเห็นหนังสือมาบอกว่าเมื่อไรที่ครบ ๖ เดือนแล้ว ถึงจะจ่ายเงินให้กับครูผู้สอนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแห่งนี้ แบบนี้มันไม่ถูกต้องนะครับ ผมเองต้องกราบขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีแทนน้อง ๆ ด้วย หลังจากที่ท่านไปตรวจราชการ ที่จังหวัดเชียงใหม่แล้วท่านได้ช่วยน้อง ๆ เหล่านี้ที่ไม่ได้รับเงินเดือนมาเป็นเวลาถึง ๒ ปี แต่ปัจจุบันก็มีอีกรอบหนึ่งแล้วครับ ผมขออนุญาตฝากท่านนายกรัฐมนตรีด้วยนะครับ
เรื่องต่อมาเป็นเรื่องที่ดิน น.ส.ล. หมู่ที่ ๖ ตำบลมะตูม อำเภอพรหมพิราม ที่วันนี้ทางราชการก็ไม่ค่อยที่จะเอาอะไรกับพี่น้องนักถึงได้ต้องมีการต่อสู้กันมาร่วม ๒๐ ปี แต่ตอนนี้หลักฐานมีแล้วครับ ขอฝากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดให้ช่วยเร่งรัดด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย จังหวัดพิษณุโลก คนเมืองพิษณุโลกสองแควครับ ท่านครับผมเองก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมกันยื่น ญัตติในการที่จะขอให้สภาผู้แทนราษฎรนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการที่จะศึกษาพื้นที่เขต เศรษฐกิจภาคเหนือตอนล่าง ๑ ซึ่งประกอบไปด้วย ๕ จังหวัด ดังที่ท่าน สส. ทั้ง ๒ ท่านได้พูด ไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ ท่านครับจริง ๆ แล้วในจุดเริ่มต้นของเขตเศรษฐกิจภาคเหนือตอนล่าง ๑ ซึ่งประกอบด้วย ๕ จังหวัด อย่างที่ทราบกันคือมีจังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก แล้วก็จังหวัดเพชรบูรณ์ มันเริ่มมาจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ในเรื่องของการจะพัฒนาจังหวัดที่เป็นสี่แยกอินโดจีนมันมีพลังมาตั้งแต่ ตรงนั้นแล้วก็มีส่วนของภาค โดยเฉพาะทางภาคเอกชนนั้นต้องขออนุญาตที่จะชมเชย ทางภาคเอกชนในการที่จะให้ความสำคัญในเรื่องความร่วมมือ ในเรื่องของการพัฒนาพื้นที่ ภาครัฐเสียอีกที่ละเลยโอกาสในการที่จะพัฒนาพื้นที่ของประเทศไทยที่มีศักยภาพ ในจุด ๆ หนึ่งนะครับ ภาคเอกชนได้ดำเนินการตั้งแต่มติคณะรัฐมนตรีคราวนั้นออกมา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ แล้วก็มีการร่วมไม้ร่วมมือกันในกลุ่มจังหวัด แล้วหลังจากนั้น ก็มีการขยายไปในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอนุลุ่มแม่น้ำโขง GMS แล้วก็ในส่วนที่ เราคิดว่าโครงข่าย Logistics ทางภาคคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเหนือ-ใต้ที่จากไทย ไปลาวและออกไปจีน แล้วก็ด้านทิศตะวันออกตะวันตกจากประเทศพม่า ที่จริงว่ากันง่าย ๆ จากประเทศอินเดีย มาประเทศบังคลาเทศมาประเทศพม่า ประเทศไทย แล้วก็ไป สปป. ลาว แล้วก็ออกไปทาง เวียดนาม ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ในอนาคตสามารถที่จะมีความร่วมไม้ร่วมมือถ้าประเทศไทย ของเราเองได้เตรียมความพร้อม และในระยะเวลาที่ผ่านมาไม่น่าเชื่อว่า ภาคเอกชนได้ไปคุย ได้ไปปรึกษาหารือ เขาทำกันอย่างจริงจังกับทางประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง ทางด้านเมียนมาก็ดี หรือว่าฝั่งทาง สปป. ลาว ก็ดี ทาง สปป. ลาว และทางเมียนมานั้น ภาครัฐเขายินดี แล้วก็สนับสนุนความคิดเห็นที่ภาคเอกชนไทยได้มาทำความร่วมไม้ร่วมมือกับ ทางประเทศเมียนมา แล้วก็ สปป. ลาว ก็มีแต่ของไทยนั่นเองที่มีปัญหา นั่นก็คือความร่วมไม้ ร่วมมือจากภาครัฐน้อย ท่านครับ ดังที่ท่าน สส. รวีได้พูดเมื่อสักครู่นี้ในข้อด้อยก็จริงอยู่ว่า ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่างมีข้อด้อย แต่ในข้อด้อยนั้นมันมีศักยภาพในพื้นที่ ในกลุ่มจังหวัดอื่นสู้กลุ่มภาคเหนือตอนล่างไม่ได้ ถ้าพวกเราได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล พวกเราเองในกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง เรามีศักยภาพที่จะเติบโตและจะเป็น Hub โดยเฉพาะในภาคส่วนของเกษตร อย่าลืมนะครับว่า ในส่วนของภาคเหนือตอนล่าง ลุ่มน้ำที่สำคัญทั้งหลายซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพาะปลูกทางด้านการเกษตรอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดตาก ซึ่งมีเขื่อนภูมิพลเป็นลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง จังหวัดสุโขทัยลุ่มน้ำยม จังหวัดพิษณุโลกก็มีลุ่มน้ำน่าน จังหวัดเพชรบูรณ์ลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งมีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่คอยดูแลพี่น้องอยู่ ท่านครับนอกจากนั้นแล้วมันยังมีพื้นที่ความเหมาะสม ได้มีการสำรวจ ของกรมพัฒนาที่ดินและมีข้อมูลออกมาว่า ในเรื่องของการเกษตรนั้นมีในส่วนของที่ดินที่เป็น ปัจจัยหนึ่งได้มีความอุดมสมบูรณ์ มีความพร้อมในการที่จะเพาะปลูกทางด้านการเกษตร และท่านเชื่อไหมครับว่า ปัจจุบันนี้อย่างจังหวัดพิษณุโลก ในส่วนของมะม่วงน้ำดอกไม้เป็นที่ ต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา มีอยู่ปีหนึ่งเราต้องส่งมะม่วง น้ำดอกไม้ส่งออกไปเป็นมูลค่าประมาณ ๓,๐๐๐ ล้านบาท และทุเรียนที่ จังหวัดอุตรดิตถ์อีก ๑,๘๐๐ ล้านบาท ซึ่งจริง ๆ แล้วในการขนส่งในการอะไรก็ตาม ปัจจุบัน เราจะต้องเอามะม่วงเราออกไปทางด้านซีกทาง สปป. ลาว เพื่อที่จะให้มีการเสียภาษีถูกลง เพราะฉะนั้นในสิ่งเหล่านี้ผมเองถึงอยากที่จะให้ทางรัฐบาลได้เข้ามาช่วย โดยการที่พวกเรา ในสภาผู้แทนราษฎรนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาว่า ในกลุ่มภาคเหนือตอนล่างนั้นมีศักยภาพอย่างไร เพียงแต่วันนี้ถูกปิดกั้นอยู่ เมื่อไรที่เรา ได้รับการสนับสนุนแล้วศักยภาพนั้นก็จะโชว์มาเต็มที่ ก่อนที่จะจบ ผมเองขออนุญาต ที่จะบอกในส่วนของเป็นทางกายภาพโดยสังเขปนะครับ อย่างเรื่องของประชากร ใน ๕ จังหวัดของเรา เราก็มีประชากรรวมแล้วร่วม ๓,๖๐๐,๐๐๐ คน แล้วก็ในส่วนของพื้นที่ ทางการเกษตรที่มีความเหมาะสม ถือว่าเป็นพื้นที่ชั้น ๑ พื้นที่คุณภาพประมาณเกือบ ๘ ล้านไร่ แต่จริง ๆ แล้วในพื้นที่ทางการเกษตรของเรานี้มีทั้งหมดรวมพืชทุกชนิดรวมแล้ว ๑๐ ล้านไร่ ร่วม ๆ ๑๑ ล้านไร่ แต่ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมมีความอุดมสมบูรณ์ทางด้าน คุณภาพในการเพาะปลูกเกือบ ๘ ล้านไร่ ท่านครับ ข้าวเป็นสินค้าออกที่สำคัญของ ประเทศไทย ปีหนึ่งเราสามารถผลิตข้าวได้ ๒๖ ล้านตัน แต่ใน ๒๖ ล้านตันอยู่ใน ๕ จังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง ๑ เป็นผลผลิตเกือบ ๔ ล้านตัน นั่นก็คือประมาณ ๑๒ เปอร์เซ็นต์ ของทั้งหมด ข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลังอีก ๒ ล้านตันที่เราผลิตได้ ล้วนแล้วแต่แสดง ให้เห็นถึงศักยภาพ เพียงแต่ว่าวันนี้ขอแค่ได้รับการส่งเสริมโดยการอุดหนุนนำ จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะส่งไปให้ทางรัฐบาล ผมเองก็ขอเชิญชวนให้ท่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นได้สนับสนุนในญัตติที่จะขอให้มีการพิจารณาศึกษาพื้นที่ ของภาคเหนือตอนล่าง ๑ ในโอกาสนี้ด้วย กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนเมืองสองแควพิษณุโลก ท่านครับ ผมเอง ต้องกราบขอบพระคุณเพื่อนสมาชิกหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะจากฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยที่ได้ ร่วมกันยื่นญัตติ แล้วก็อภิปรายสนับสนุนในการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือตอนล่าง ไม่ว่าจะเป็นท่าน สส. พรรณสิริ ท่าน สส. จักรวาล ท่านพิมพ์พิชชา ท่าน สส. รวี แล้วก็ ท่าน สส. เทียบจุฑา หรือหมอภูมิพัฒน์ก็ดีนะครับ ผมเองต้องกราบขอบพระคุณที่ เห็นความสำคัญ เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งนี้ สิ่งที่ทุกท่านให้การสนับสนุน ผมเองขอบอกเลย นะครับว่า จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง โดยมีจังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์กลางมีความพร้อม แม้ว่าจะมีการกังวลกันว่า พวกเราในภาคเหนือตอนล่างจะพัฒนาไปทันกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือเปล่า ก็ขอบอกเลยว่าอย่างน้อยสถานศึกษา ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะให้วิชาความรู้ โรงเรียน ทั้งหมด ๒,๑๓๒ แห่งในภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งอยู่ในสังกัด สพฐ. ๑,๘๙๑ โรงเรียน อยู่ในสังกัดของโรงเรียนเอกชนอีก ๑๐๖ โรงเรียน แล้วก็สังกัดในส่วนของท้องถิ่นแล้วก็ ในส่วนของสายมัธยมศึกษาอีกเกือบ ๑๐๐ โรงเรียน แล้วก็ในภาคอุดมศึกษาซึ่งกระจายอยู่ ทุกจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก ๙ แห่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ๙ แห่ง จังหวัดสุโขทัย ๔ แห่ง จังหวัดตาก ๖ แห่ง แล้วก็จังหวัดอุตรดิตถ์อีก ๖ แห่ง ล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันการศึกษาที่ ถ้าเทียบชั้นในระดับประเทศ เป็นสถาบันการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของการ มีมาตรฐานในเรื่องวิชาทั้งหลาย ทั้งหมดอีก ๓๔ แห่งอย่างที่บอก เรามีความพร้อมนะครับ นอกจากนั้นแล้วในส่วนของความพร้อมด้านอื่น ผมเองก็ได้พูดไปแล้วนะครับ ผมอยากให้ รัฐบาลได้ใช้โอกาสนี้ ได้ใช้โอกาสที่ในพื้นที่มีความพร้อมและความตั้งใจ และอีกทั้ง ภาคเอกชนได้เริ่มดำเนินการมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว ๒๐ กว่าปีแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐ นั่นคือเป็นวันเริ่มต้นของจุดมุ่งหมายที่เราอยากจะพัฒนาพื้นที่ ๕ จังหวัดนี้ ให้เป็นเศรษฐกิจพิเศษของภาคเหนือตอนล่าง แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เทียบชั้นกับ EEC เรายอมรับนะครับ แต่ว่าเราเองก็จะเป็นฐานที่สำคัญในการที่จะก้าวเดินต่อไปของเขตเศรษฐกิจภูมิภาค อย่างเช่น EEC เราสามารถที่จะเป็นฝ่ายสนับสนุนได้อย่างดี โดยเฉพาะว่าเรามีศักยภาพ ในเรื่องของการเกษตร เทคโนโลยีการเกษตร การแปรรูปการเกษตร ต่อไปนี้มันจะมีความสำคัญ ในอนาคต เพราะทุกคนก็บอกแล้วว่า ต่อไปนี้ในวันข้างหน้าอาหารจะขาดแคลนบ้าง อะไรบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าเราเชื่อในทฤษฎีนั้น พื้นที่ที่เป็นแหล่งที่มีศักยภาพในการเพาะปลูก ที่เป็น ดินดี น้ำดี แม้ว่าผมก็อาจจะพูดถึงเรื่องชลประทานว่าจังหวัดพิษณุโลกขาดน้ำอยู่บ่อย ๆ ก็จริง ผมก็ยอมรับนะครับ แต่ว่าถ้าเปรียบเทียบกับที่อื่น ก็ถือว่าในละแวกภาคเหนือตอนล่าง มีความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว ผมต้องขอบพระคุณทางท่านนายกรัฐมนตรีแล้วก็ คณะรัฐมนตรีหลาย ๆ ท่านที่ผมเองได้เคยไปขอคำปรึกษา ท่านเองถามว่าเป็นห่วงไหม ท่านก็เป็นห่วงนะครับ ไม่ใช่เป็นห่วงว่าภาคเหนือตอนล่างจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ได้ แต่ว่าเป็นห่วงตรงที่ว่า ในสิ่งที่รัฐบาลก่อน ๆ เคยทำมา ก็ทำด้วยความตั้งใจครับ แต่ว่าในการ คาดการณ์ในเรื่องอนาคต บางทีนึกไม่ออกหรอกครับ เหมือนอย่างที่ผมเคยเปรียบเทียบว่า เวลาเราขับรถไป ถ้าเส้นทางตรงเราก็เห็นได้หมดละครับว่า มันจะมีอะไรข้างหน้าบ้าง แต่ว่า เวลาพอหลังโค้งมันมองไม่เห็น บางทีด้วยความตั้งใจก็จริง แต่ว่าพอไปถึงอนาคตตรงโค้งนั้น แล้วมองไม่เห็น มันเลยมีบางสิ่งผิดพลาด ทางรัฐมนตรีบางท่านก็ยังบอกกับผมว่า อะไรที่เคย ผิดพลาดทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำผิดพลาดนะครับ อย่างเรื่อง EEC มีหลายอย่างที่เราเอง เรามาสานต่อ เพราะเราเห็นว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับอนาคตวันข้างหน้า แล้วก็ EEC ก็เพิ่ง จะเริ่มต้น เพราะฉะนั้นแล้วการที่จะเห็นผลสัมฤทธิ์ของ EEC คงต้องใช้ระยะเวลา แต่วันนี้ รัฐบาลตั้งใจ ได้พยายามทุ่มเทเพราะเราประเมินแล้วว่ามันมีพื้นที่มีศักยภาพในการที่จะ ก่อให้เกิดเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของประเทศได้ เพราะฉะนั้นแล้วผมเองต้อง ขอขอบพระคุณทั้งท่านนายกรัฐมนตรี แล้วก็ทางคณะรัฐมนตรีที่ใช้ความรอบคอบในการที่จะ พิจารณา ผมขอแสดงความเห็นใจรัฐบาลอย่างหนึ่ง ในเรื่องของ PM2.5 ใคร ๆ ก็โทษรัฐบาล ว่าไม่รู้จักดูแล ท่านครับ ถ้าเห็นแผนที่ในเรื่องของจุดความร้อนแล้ว ผมก็สงสารรัฐบาลครับ เพราะส่วนใหญ่ช่วงหลังมันมาจากรอบ ๆ ข้างประเทศเราทั้งนั้นเลย ที่พัดพา PM2.5 เข้ามา บ้านเรา แต่ผมเองก็ต้องขอบคุณที่ท่านนายกรัฐมนตรีท่านก็ตั้งใจที่จะแก้ไข ผมเอง ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนการตั้งกรรมาธิการในการศึกษา เขตเศรษฐกิจภาคเหนือตอนล่าง ๕ จังหวัด โดยมีจังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดเพชรบูรณ์และมีจังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์กลาง ต้องกราบขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ แล้วก็ขอเชิญชวนทุกท่านได้ร่วมกันให้การสนับสนุนในเขตเศรษฐกิจภาคเหนือตอนล่าง ครั้งนี้ด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ กราบเรียนท่านรัฐมนตรีธรรมนัส พรหมเผ่า ท่านรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผมเองได้ขอยื่นกระทู้แยกเฉพาะในเรื่องของปัญหาน้ำท่วม ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานเรศวร ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก โครงการนี้ได้มีโครงการเริ่มมาตั้งแต่เมื่อปี ๒๕๑๘ แล้วก็เรื่อยมา แล้วก็มาเต็มระบบเมื่อตอน ปี ๒๕๒๓ ท่านครับ ในโครงการนี้ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ท่าน ได้พระราชทานเขื่อนนเรศวร แล้วทำให้เกิดโครงการบำรุงรักษาและส่งน้ำนเรศวร ซึ่งโครงการนี้ มีพื้นที่ในโครงการทั้งหมด ๙๔,๗๐๐ ไร่ แต่ใน ๙๔,๗๐๐ ไร่นั้น มันจะเป็นที่ลุ่มต่ำ อยู่ประมาณ ๕๐,๐๐๐ ไร่ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้เกษตรกรทุกข์ทรมานในเรื่องของน้ำท่วม ผลผลิตก็ไม่ค่อยได้ แล้วตั้งแต่มีโครงการส่งน้ำมาผมเองก็คิดว่า ต้องใช้คำว่า คิดว่า นะครับ คิดว่าทางส่วนที่รับผิดชอบทางกรมชลประทานก็พยายามที่จะแก้ไข แต่ผลปรากฏว่าระยะเวลา ที่ผ่านมาตั้งแต่วันนั้นจนถึง ณ วันนี้ ปี ๒๕๖๗ แล้วนะครับ หลายอย่างมันไม่คืบหน้า ผมเอง ก็ด้วยความที่เกษตรกรอยู่ในพื้นที่ของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานเรศวรนี้ ก็ได้มาปรึกษา แล้วผมเองก็พยายามปรึกษาหารือในสภาตั้งแต่เป็นผู้แทนเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อนมาตลอด แต่ว่าการตอบสนองก็ยังไม่เท่าไร แต่ว่ามาถึงตอนนี้ยิ่งเศรษฐกิจยามนี้ชาวบ้านก็ค่อนข้าง จะมีปัญหา เพราะฉะนั้นผมเลยตัดสินใจที่จะยื่นกระทู้ถามแยกเฉพาะ เพื่อที่จะถามทาง ท่านรัฐมนตรี จะขอบารมีของท่านรัฐมนตรีได้ช่วยเหลือคนพรหมพิรามที่อยู่ในโครงการ ส่งน้ำนเรศวรนี้ด้วยนะครับ นั่นก็คือว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่เรื่องของน้ำท่วมนี้ จะมีปัญหาอยู่ ๔-๕ ประการ
ประการแรก ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าในพื้นที่ ๙๔,๗๐๐ ไร่นี้ จะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ อยู่ประมาณ ๕๐,๐๐๐ ไร่ ซึ่งจะเหมือนแอ่งกระทะ น้ำเข้ามาง่ายแต่ว่าออกยาก เหมือนแอ่งกระทะเลยแล้วลำดับต่อมาก็เกิดจากฝนในพื้นที่และนอกพื้นที่ของโครงการ ช่องทางที่น้ำจะสามารถท่วมได้ก็คือฝนตกในพื้นที่ ประการที่ ๑
ประการที่ ๒ คือฝนน้ำ ที่ไหลบ่ามาจากทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ ของอำเภอวัดโบสถ์แล้วไหลลงมาในโครงการนี้ แล้วพื้นที่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมาจากอำเภอทองแสนขัน อำเภอน้ำปาด แล้วก็มาจากทางทิศเหนือ นั่นก็คือมาจาก อำเภอพิชัย อำเภอตรอน
สาเหตุต่อมาก็คือว่าในเรื่องของวัชพืชและผักตบชวาทั้งหลาย ซึ่งทำให้ กีดขวางทางน้ำ ทั้งที่มาจากตอนที่ฝนตกมาก ๆ แล้วมาตามลำน้ำสาขาที่จะมาลงคลองระบายน้ำ ของโครงการนี้ก็จำนวนมาก บวกกับผักตบชวาในพื้นที่ วัชพืชในพื้นที่ ก็ยิ่งทำให้มีปัญหา เข้าไปใหญ่ แล้วก็ไม่มีการที่จะดูแลรักษากันอย่างที่ควรจะเป็นไป ผมขออนุญาตใช้คำ ๆ นี้นะครับ
แล้วลำดับต่อมาที่ทำให้น้ำท่วมอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ในคลองระบายน้ำของ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานเรศวรนี้ มีคลองระบายน้ำเส้นหลักอยู่ ๑ เส้น แต่ว่ามีคลองซอย แยกสาขาของคลองระบายน้ำอยู่อีก ๒๐ สาย รวมแล้วเป็นระยะทาง ๑๑๒ กิโลเมตร ส่วนคลองส่งน้ำก็มี ๒ สาย มี PL.0 กับ PL.1 ซึ่งรวมแล้วยาวอยู่ ๔๒.๘ กิโลเมตร แล้วก็มี สาขาย่อย คลองซอยย่อย ๆ รวมแล้วอีก ๑๖ สาย รวมเป็นทั้งหมด ๗๔ กิโลเมตรกว่า ซึ่งตรงนี้ มีคลองระบายน้ำคลองเดียว เส้นเดียว แล้วทีนี้ลักษณะของคลองระบายน้ำสายนี้ มันเป็น ลักษณะที่ความลาดชันมันไม่ค่อยมีความลาดชันเท่าไร พอไม่มีความลาดชันเท่าไร ทำให้ การระบายน้ำค่อนข้างที่จะช้า
แล้วอีกสาเหตุหนึ่ง อันนี้จะว่าเป็นความรู้สึกตัวเองก็ใช่ครับ แต่ก็เป็นความรู้ ชาวบ้านบวกเข้าไปด้วยก็คือ การบริหารจัดการน้ำที่เกิดจากผู้รับผิดชอบในพื้นที่ ลักษณะ ที่เกิดขึ้นก็คือว่าการพร่องน้ำ ถึงเวลาที่ควรจะพร่องน้ำเพื่อจะรอรับน้ำใหม่ก็ไม่พร่อง ถึงเวลา ที่ควรจะต้องเก็บน้ำไว้ ก็จะปล่อย มีหลายครั้งที่ปล่อยจนกระทั่งแบบไม่มีน้ำเหลือในคลองเลย ผมเองก็ไม่เข้าใจหลักการนี้เหมือนกัน
แล้วสุดท้ายก็คือ ในเรื่องของการประสานงานระหว่างโครงการชลประทานต่าง ๆ ตรงนั้นมันจะมีฝายมะขามสูงอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นการประสานงานตรงนั้นผมเองก็อยากจะ ให้ช่วยดูแล ซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ ผมขออนุญาตคำถามแรก เท่านี้ครับ
กราบเรียนท่านประธานที่เคารพครับ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านธรรมนัส พรหมเผ่า ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิรามครับ ท่านครับ ผมกราบขอบพระคุณท่านมากครับ ตลอด ๑๐ กว่าปีนี้ ผมก็ผ่านท่านรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาหลายท่านแล้วนะครับ ไม่เคยมีใครพูดอย่างนี้ ผมขอบคุณจริง ๆ ครับขอบคุณนะครับท่าน เอารูปเมื่อสักครู่ขึ้นอีกแป๊บหนึ่ง รูปเดียวกับของ ท่านรัฐมนตรี
ผมเองต้องขอบพระคุณท่านมากครับ ที่หลายอย่างท่านจะเร่งให้ แล้วมันก็เป็นความจำเป็นของเราจริง ๆ แต่ว่าผมเองก็เข้าใจ ในเรื่องของงบประมาณที่มันก็มีอยู่จำกัด แล้วมีหลายที่ก็ยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่นะครับ แค่ในส่วนของโครงการที่ ๒ ในเรื่องของท่อลอด แล้วก็ขุดคลองขนานกับคลอง PL.0 นี้ ผมก็ปลื้มใจมากแล้วครับ ส่วนที่ว่าปั้นคันตรงคลองโปร่งนกนี้ก็พอรอได้ครับ ผมก็ไม่เอาเปรียบ ที่อื่นนะครับ พอรอได้ครับ ส่วนบึงหล่มผมขออนุญาตโครงการสุดท้ายนี้เป็นโครงการใหญ่ เพราะเนื้อที่นี้จริง ๆ แล้วมันมีเนื้อที่อยู่ ๓,๐๐๐ กว่าไร่ แต่ว่ามันก็มีการรุกล้ำของราษฎร ไปพอสมควร ตอนนี้ถ้าจะพัฒนากันจริง ๆ สามารถจะขุดได้ก็ไม่น่าจะเกิน ๒,๕๐๐ ไร่ คือ ๒,๓๐๐-๒,๕๐๐ ไร่ แต่ทีนี้มันอยู่ในรอยต่อของ ๒ จังหวัด ของอำเภอพรหมพิราม ตำบลดงประคำ จังหวัดพิษณุโลก ๑,๐๐๐ กว่าไร่ แล้วที่เหลือจะอยู่ในเขตของอำเภอพิชัย ตำบลนาอิน อีก ๒,๐๐๐ กว่าไร่ รวมแล้ว ๓,๐๐๐ กว่าไร่ ซึ่งจริง ๆ ตรงนี้ถ้าได้รับการ ดำเนินการ จะส่งผลประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรทั้ง ๒ จังหวัด แต่ถ้าจะไปโครงการนี้ ผมไม่อยากให้ไปทีหนึ่ง ๓๐ ล้านบาท ๔๐ ล้านบาท เพราะไปแล้วที่ผ่านมาในอดีต ไม่ได้เกิดประโยชน์ใด ๆ เลยครับ เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ผมยังเสียดายงบประมาณ แต่ถามว่ามันเอื้อประโยชน์ไหม เอื้อประโยชน์ได้มากเลยครับ สำหรับคน ๒ จังหวัด โดยเฉพาะคนในตรงจุดบึงหล่มนี้มีบึงกว้างใหญ่ขนาดนั้น แต่พี่น้องแล้งตลอดเลยนะครับ ทั้ง ๒ อำเภอ ของ ๒ จังหวัดนี้มีปัญหามาตลอด ผมขอบคุณท่านมากครับ
ส่วนในโครงการแรกอยากได้มากเหมือนกันครับ ก็คือว่าในส่วนของที่จะสร้าง ประตูระบายน้ำเพิ่มอีก ๑ ประตู อีก ๑ ช่อง แล้วก็ให้มีเครื่องสูบน้ำ ทุกปีทางราชการจะต้อง จ่ายค่าชดเชย ในเรื่องกรณีของน้ำท่วมอุทกภัยปีหนึ่ง ๑๐๐ กว่าล้านบาท เพราะฉะนั้นแล้ว การลงทุนตรงนี้ผมว่าคุ้มค่ามากครับ แล้วเหตุผลที่เราจะต้องมีเครื่องสูบน้ำด้วย ก็เพราะว่า ประตูเดิมมันจะระบายออกแม่น้ำแควน้อย ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่าถ้าวันใดวันหนึ่งแม่น้ำแควน้อย มันก็จะมาบรรจบแม่น้ำน่าน ซึ่งห่างจากโครงการนี้ไม่กี่กิโลเมตร ถ้าสมมุติว่าแม่น้ำน่าน มีปริมาณน้ำที่มาก แล้วแม่น้ำแควน้อย ซึ่งเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเขาปล่อยน้ำลงมาอีก ถ้าน้ำมันมีระดับที่ไม่แตกต่างกันนัก คือถ้าแม่น้ำน่านมีระดับไม่ต่ำ มาเท่า ๆ กับแม่น้ำแควน้อย น้ำในทุ่งสานนี้ปล่อยไม่ออกเลยครับ เพราะฉะนั้นแล้วเหตุผลที่เราต้องการเครื่องสูบน้ำด้วย ก็เพราะว่าเวลาน้ำมันยันกัน ระยะเวลาที่น้ำมีระดับใกล้เคียงกันไม่น้อยนะครับในแต่ละปี เพราะว่าเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเก็บน้ำได้แค่เพียง ๙๓๖ ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นฝนตกมาบางครั้งเคยมีนะครับ ฝนตกมายังไม่ถึงอาทิตย์เลยครับ จากน้ำ ที่แทบจะเหลือประมาณ ๔-๕ เปอร์เซ็นต์ ขึ้นมาเป็น ๑๐๖ เปอร์เซ็นต์ ยังมีเลยครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้เราก็อยากได้มากเหมือนกัน แต่ว่างบประมาณมีจำกัด ในส่วนของ คลองที่ขนานกับคลอง PL.0 มันก็จะดักน้ำได้ อันนั้นก็จะช่วยบรรเทาได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นไปได้ โครงการที่ ๑ ก็มีความสำคัญมากครับ ผมขอบคุณท่านรัฐมนตรีเป็นอย่างสูง ที่ท่านเมตตาคนพรหมพิราม พวกเราดีใจมากครับ ผมก็ยิ้มจนตาตี่ไปหมดแล้ว ผมดีใจ เพราะว่าอย่างน้อยก็ได้เจอท่านรัฐมนตรีที่ท่านกล้าที่จะพูด เพราะว่าที่ก่อน ๆ มา ผมก็ ขออนุญาตพูดอย่างตรงไปตรงมา ก็ไม่มีใครเคยรับปากแบบนี้กับผมเลย ขอบพระคุณมากครับ
กราบขอบพระคุณท่านประธานครับ ผมเองต้องกราบขอบพระคุณท่านประธานเป็นอย่างสูงครับ แล้วก็กราบขอบพระคุณ ท่านรัฐมนตรี กราบขอบคุณท่านรองด้วยนะครับ แล้วก็ท่านผู้อาวุโสที่นั่งด้านหลังนี้นะครับ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมาก ผมต้องขอบคุณเป็นอย่างสูง ท่านครับ ไม่รู้จะกล่าวคำไหน แต่เอาเป็นว่าคนพรหมพิรามรู้สึกดีใจ แล้วรู้สึกก็เป็นหนี้บุญคุณท่านนะครับ ผมขอบคุณ ท่านจริง ๆ ขอบคุณท่านมากครับ แล้วเรื่องปรับปฏิทินการเพาะปลูก เห็นด้วยนะครับ อยากให้ปรับเท่ากับบางระกำโมเดล พร้อม ๆ กันเลยครับ กราบขอบพระคุณท่านมาก ๆ ขอบคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพครับ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับวันนี้ผมมีในส่วนเรื่องน้ำในโครงการส่งน้ำที่จะ เชื่อมโยงในพื้นที่ทั้งหมด ๓ จังหวัด ก็คือจังหวัดพิษณุโลก คือในส่วนของอำเภอพรหมพิราม จังหวัดอุตรดิตถ์คือในส่วนของอำเภอพิชัย และจังหวัดสุโขทัยคือในส่วนของอำเภอ กงไกรลาศ อำเภอเมือง อำเภอศรีนคร และอำเภอศรีสำโรง เมื่อ ๒ วันก่อนผมกับ ท่านรวี เล็กอุทัย ได้ไปดูที่จุดผันน้ำ ที่ท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ประสานงานจนกระทั่งได้รับงบประมาณมาเพื่อที่จะทำการผันน้ำที่เกาะวารี ซึ่งตั้งอยู่ใน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งโครงการนี้ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ แต่ถือว่าเป็นวาสนาของ คนที่นี่ ที่ท่านสมศักดิ์ท่านได้พยายามผลักดัน จนกระทั่งได้งบประมาณมาเริ่มทำ แต่ว่าถ้าจะ ให้โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์เอื้อประโยชน์ให้กับพี่น้องทั้ง ๓ จังหวัดนี้ โครงการนั้นจะต้องมีการ ทำท่อลอดถนน โดยเฉพาะตอนนี้ ซึ่งประตูน้ำเกือบจะเสร็จแล้ว ผันน้ำเกือบจะได้แล้วนะครับ แต่ว่าน้ำยังไม่สามารถจะไปส่งให้พี่น้องเกษตรกรได้ เพราะว่าติดตรงที่จะต้องมีทำช่องลอดถนน เพื่อให้น้ำผ่านในถนนทางหลวงหมายเลข ๑๑๗ ช่วงบริเวณวัดเกาะวารี ที่อำเภอพิชัย แล้วก็ ถนนทางหลวงชนบทสาย อต ๑๓๒๔ อีกจุดหนึ่ง แล้วถ้าโครงการนี้สำเร็จแล้ว ท่านประธาน ครับ ผมอยากจะนำเรียนท่านประธานว่า โครงการบางระกำโมเดล ซึ่งเป็นโครงการที่ถือว่า ดีมาก ที่ทำให้พี่น้องนั้นสามารถทำนาได้ถึงปีละ ๒ ครั้ง แล้วก็เวลาหน้าน้ำสามารถเก็บน้ำ เพื่อที่จะบรรเทาอุทกภัยให้กับพี่น้องในภาคกลาง แล้วก็กรุงเทพมหานครได้ ตอนนี้ ยังไม่สามารถจะทำโครงการบางระกำโมเดลได้เต็มศักยภาพ ถ้าเต็มศักยภาพแล้ว โครงการบางระกำโมเดลต้องใช้พื้นที่ทั้งหมด ๓๘๒,๐๐๐ ไร่ แต่ถ้าเกาะวารีนี้เสร็จ ความฝัน ที่อยากจะเห็นโครงการบางระกำโมเดลนั้นเต็มสมบูรณ์ครบรูปแบบจะต้องมีโครงการ ที่มีการผันน้ำจากเกาะวารีนี้เป็นสิ่งสำคัญ กราบเรียนท่านประธานได้ช่วยส่งเรื่องนี้ให้กับ ทางชลประทานได้รีบดำเนินการเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องเกษตรกร ใน ๓ จังหวัดด้วย กราบขอบพระคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ผม นพพล เหลืองทองนารา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย คนพรหมพิราม ท่านครับ ในสิ่งที่คณะอนุกรรมาธิการ ของด้านสวัสดิการสังคมได้ทำรายงานขึ้นมา โดยเฉพาะท่านประธานคณะอนุกรรมาธิการ ท่าน สส. วรรณวิภา ไม้สน ท่านมดแห่งอำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งผมก็เคยทำงาน กับท่านมาในคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม มา ๔ ปี ผมยอมรับว่าท่านประธาน คณะอนุกรรมาธิการนี้เป็นคนที่เอาจริงเอาจังแล้ว แล้วพอรายงานฉบับนี้ออกมา ผมเชื่อมั่น ได้เลยว่าเป็นรายงานที่มีความน่าเชื่อถือสูงมากฉบับหนึ่งของสภาเรา ท่านครับ พูดถึงว่า ผู้สูงอายุ วันนี้อย่างที่เราทราบกันอยู่ว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด นั่นก็คือมีผู้สูงอายุที่อายุเกิน ๖๐ ปีขึ้นไป ตามคำนิยามคือมีอยู่ ๑ ใน ๕ ของประชากร ทั้งหมด ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนนี้ของเราประชากรของวัยผู้สูงอายุก็คือ ๑๓ ล้านคน นั่นเท่ากับ ๒๐.๑๗ เปอร์เซ็นต์ ตามเปอร์เซ็นต์ของทางด้านกรมการปกครองที่ได้บอกมา ท่านครับ แล้วเรามาดูในงบ ผมเองผมสงสารรัฐบาลมาก เพราะว่าหลายคนก็พูดจาเหมือนกับ ในลักษณะที่ว่ารัฐบาลไม่มีหัวจิตหัวใจ รัฐบาลนี้ไม่สงสารผู้สูงอายุ ผมเองเชื่อมั่นว่า ท่านนายกรัฐมนตรี แล้วก็คณะรัฐมนตรีทั้งหมด รวมทั้ง สส. ทุกคน ไม่ว่าฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล เราเองก็มีหัวใจเหมือนกันละครับ แล้ววันหนึ่งทุกคนก็ย่อมรู้ดีอยู่ว่าเมื่อถึงวันหนึ่งเราก็ต้อง แก่เฒ่าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วถามว่ารัฐบาลนี้อยากจะทำไหม ผมเดาใจดูนะครับ รัฐบาลอยากจะทำสวัสดิการที่มันมีความสมบูรณ์สุดยอด แต่ด้วยความที่งบประมาณมันมีอยู่ จำกัด แล้วก็ต้องมีการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ถามว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีสบายใจไหมกับการ เห็นเบี้ยผู้สูงอายุ ๖๐๐ บาท ๗๐๐ บาท ๘๐๐ บาท แล้วก็ ๑,๐๐๐ บาท สำหรับอายุ ๙๐ ปี ขึ้นไป ท่านนายกรัฐมนตรีคงอยู่ไม่เป็นสุขหรอกครับ แล้วใจก็กระวนกระวาย สิ่งหนึ่งที่ท่านนายกรัฐมนตรีพยายาม นั่นก็คือการออกไป Roadshow ในประเทศต่าง ๆ เพื่อที่จะนำรายได้เพื่อที่จะนำรายได้ในการค้าการขายได้มาแบ่งปันในส่วนที่จะเป็นสวัสดิการ ขั้นพื้นฐาน ถามว่าผู้บริหารทุกยุคทุกสมัยก็อยากจะเห็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่มีความ สมบูรณ์เหมือน ๆ กัน ท่านครับ พูดถึงถ้าเราจะทำเรื่องของสวัสดิการของผู้สูงอายุให้มี ความสมบูรณ์ นั่นก็คือเรื่องของรายได้ ในความคิดเห็นของผมเรื่องของรายได้ แหล่งที่มา นอกจากเงินงบประมาณแล้วผมเห็นว่าในมาตรการทั้งหลายที่มีการเก็บภาษีที่เกี่ยวกับ มลภาวะซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพ นั่นละครับ สิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นค่าปรับ ค่าอะไร ก็แล้วแต่ หรือเป็นภาษี เช่นภาษีคาร์บอนเครดิต ก็ควรจะต้องมีสัดส่วนที่พอสมควรในการที่ จะมาอุดหนุนในส่วนของที่จะเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนในทุกช่วงวัย และโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผมเองอยากจะเสนออีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นบำนาญขั้นพื้นฐาน ถ้าไม่มี สิ่ง ๆ นี้ โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรถ้าเกิดว่าเสียชีวิตหรือว่าอะไรขึ้นมาลูกหลานก็คงจะ ลำบาก นั่นก็คือฌาปนกิจสงเคราะห์ ทุกวันนี้เรายอมรับกันไหมครับว่าฌาปนกิจสงเคราะห์ ในหลาย ๆ ที่ในประเทศไทยมีปัญหา ผมเองอยากจะให้ภาครัฐได้ก้าวเข้าไป ได้เอื้อมเข้าไป ดูแลอย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าจะให้แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะนายทะเบียน ได้เข้าไป ดูแลอย่างเดียว แล้วก็รับทราบแต่ในเรื่องของจำนวนของสมาชิก จำนวนเข้าจำนวนออก แต่ไม่ได้สนใจในเรื่องของรายละเอียดข้างในว่าได้มีการจ่ายเงินกันถูกต้องให้กับพี่น้องที่เป็น สมาชิกของฌาปนกิจหรือไม่ ผมเองก็อยากจะนำเสนอในแง่มุมนี้อีกแง่มุมหนึ่ง ท่านครับ ในเมื่อ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน ทั้งผมแล้วก็ สส. ทุก ๆ คนเราก็ใฝ่ฝัน ที่อยากจะเห็น เพราะฉะนั้นแล้วมันไม่ช้าหรอกครับที่เราจะช่วยกัน ที่หลายคนบอกว่า ถ้าไม่ทำวันนี้แล้วจะทำวันไหน ถ้ามีสตางค์ใครเป็นรัฐบาลก็อยากทำครับ เพราะนอกจากว่า ได้ตอบสนอง ผู้สูงอายุหรือแม้แต่สวัสดิการของช่วงวัยต่าง ๆ แล้วยังได้รับความเชื่อถือ จากประชาชนและนั่นคือความมั่นคงทางด้านการเมืองด้วยซ้ำ ทำไมเราไม่อยากทำ เราอยาก ทำครับ แต่ว่าในเมื่อมันมีข้อจำกัดหลาย ๆ ด้าน ผมถึงบอกว่าผมก็สงสารรัฐบาลเหมือนกัน ผมรู้อยู่เต็มอกเหมือนอย่างที่พูดไปตอนแรก ผมต้องพยายามย้ำ เพราะว่าหลาย ๆ คนขึ้นมา นี่ก็ต่อว่าต่อขานรัฐบาล แล้วบีบบังคับรัฐบาลว่าต้องทำเลย ต้องทำเดี๋ยวนี้ ต้องทำเดี๋ยวนี้ ผมเองก็สงสารมาก ผมถึงเอาเวลาครึ่งหนึ่งในการที่พูดอภิปรายได้กล่าวถึงรัฐบาล ไม่ใช่ว่า รัฐบาลไม่อยากจะทำ อยากทำครับ แต่ขีดจำกัดในเรื่องงบประมาณก็มี ถ้าจะเอามาทำแต่ สวัสดิการอย่างเดียวแล้วไม่ทำถนนหนทาง เดี๋ยวพวกท่านก็ว่าอีกว่านี้เด็กจะเก่ง เด็กจะมีคุณธรรมได้อย่างไร ถนนยังเป็นฝุ่นอยู่เลย เพราะฉะนั้นแล้วมันก็ต้องทำควบคู่กัน หลายอย่าง ผมเองก็ขอแสดงความชื่นชมกับท่านอนุกรรมาธิการ โดยเฉพาะท่านประธาน ที่ได้ทำรายงานฉบับนี้ขึ้นมา ถือว่ามีประโยชน์มาก ผมเองก็ขอเพียงเท่านี้ครับท่านประธาน กราบขอบพระคุณครับ