นายฐากร ตันฑสิทธิ์

  • กราบเรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ กระผม ฐากร ตัณฑสิทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ขออนุญาตท่านประธานครับ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๑ ก่อนอื่นผมต้องขออนุญาตเรียนว่ากองทุนการออมแห่งชาติ เป็นกองทุนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่พวกเราทุกคนคงจะต้องสนับสนุนในการที่จะให้ ประชาชนสนับสนุนให้มีการออมให้เกิดขึ้นให้มาก พอดีผมมาดูในรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ที่มันเป็นปัญหาก็คือเรื่องการทำประชาสัมพันธ์ ผมดูยอดคนที่สมัครเป็นสมาชิกของกองทุน ผมดูยอดแล้วเข้าใจว่าในภาคอีสานทั้ง ๆ ที่มีรายได้น้อยที่สุด แต่มันมี ๔๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ภาคอื่นนี่น้อยมากนะครับ แสดงว่าการทำประชาสัมพันธ์ไปลงในทางภาคอีสานในการที่จะให้ เป็นสมาชิกเยอะมาก จาก ๒ ล้านกว่าคน เข้าใจว่าตัวเลขที่ออกมาประมาณ ๔๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ในภาคกลาง ภาคตะวันตก หรือภาคเหนือ ยิ่งภาคเหนือผมเรียนว่า ๑๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ เมื่อเราเทียบกันแล้วสัดส่วนต่าง ๆ ในการทำประชาสัมพันธ์ให้พี่น้อง ประชาชนได้เข้าใจในเรื่องนี้ ผมคิดว่าคงมีระดับในการทำประชาสัมพันธ์ที่แตกต่างกันอยู่ ซึ่งอยากจะฝากทางท่านผู้จัดการกองทุนหรือผู้บริหารคงจะต้องทำประชาสัมพันธ์ ให้มากกว่านี้

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๒ ที่อยากจะฝากเรียนทางกองทุน ผมเข้าใจว่ายอดเงินสะสม ถึงปัจจุบันเท่าที่ผมดูตัวเลขคร่าว ๆ ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยที่มียอดสมาชิกทั้งหมดอายุตั้งแต่ ๑๕ ปีขึ้นไป ประมาณ ๒.๕ ล้านคน เข้าใจว่าเป็นเงินสะสมจากทางรัฐบาลที่สะสมไป จากยอด ๒.๕ ล้านคน เข้าใจว่ารัฐบาลสมทบเข้าไปด้วย ๑,๒๐๐ บาทต่อปีต่อคน น่าจะเป็น ยอดเงินประมาณสัก ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ล้านบาทได้ไหมครับ ถ้าเป็นยอดนี้ แต่ยอดส่วนที่เหลือ ก็คือยอดที่ประชาชนเป็นผู้สะสมเองถูกไหมครับ ที่สนับสนุนเรื่องเงินเข้าไปในกองทุนนี้ ซึ่งตรงนี้เราจะแยกกันอย่างไร แยกว่าประชาชนสะสม เมื่อผมมาดูตัวเลขออกมา เข้าใจว่า จากตัวเลขถึงปัจจุบันนี้ ถ้าผมเข้าใจถูกต้องหรืออาจจะเข้าใจผิด ถ้าดูตัวเลขปัจจุบันนี้ ผมเอา จำนวนตัวเลขจาก ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท ไปลบออกจาก ๓,๐๐๐ ล้านบาท เงินที่รัฐบาลสะสม ลงไป สรุปก็คือมันจะเหลือตัวเลขประมาณสัก ๘,๐๐๐ ล้านบาท เอา ๘,๐๐๐ ล้านบาท ไปหารด้วยประมาณ ๒.๕ ล้านคนที่สมาชิกเป็นอยู่ สรุปก็คือมีประชาชนสะสมต่อปีประมาณ ๓,๐๐๐ กว่าบาทต่อปี ซึ่งเฉลี่ยต่อเดือนก็คงประมาณเดือนหนึ่ง ๒๐๐ กว่าบาท หรือ ๓๐๐ บาทต่อเดือน ถูกไหมครับ ถ้าเป็นตัวเลขนี้ผมเข้าใจว่าก็เป็นตัวเลขที่ไปได้ ผมไม่รู้ว่าผมเข้าใจตัวเลขถูกหรือเปล่า ผมพยายามคำนวณตัวเลขจากฐานที่ออกมาว่า ประชาชนสะสมต่อเดือนจะออกมาเฉลี่ยประมาณเท่าไร จากยอดประมาณ ๒.๕ ล้านคน ที่เป็นสมาชิกอยู่ในปัจจุบัน แล้วก็เห็นจากเงินสมทบที่รัฐบาลให้ไป ตรงนี้เราจะได้รู้ยอดจริง ๆ ว่าประชาชนช่วยกันสะสม แล้วเราจะช่วยกันทำประชาสัมพันธ์ในส่วนนี้ที่จะให้ประชาชน สะสมมากขึ้นได้อย่างไร

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นที่ ๓ ที่อยากจะชื่นชมก็คือในส่วนที่ได้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ ในการที่จะนำเงินมาสะสมให้กับกองทุน ก็คือจากเดิม ๑,๒๐๐ บาทต่อปี จะเป็น ๑,๘๐๐ บาทต่อปีในอนาคตข้างหน้า ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจว่าไม่ทราบว่ารัฐบาลที่ได้เปลี่ยน หลักเกณฑ์แล้วมีเงินยอดนี้อยู่หรือยังในการที่จะให้ประชาชนสะสมเข้าไป เพราะว่า เมื่อประชาชนสะสมแล้วเราจะต้องมีเงิน ๑,๘๐๐ บาทต่อปี สมทบเข้าไปให้กับพี่น้อง ประชาชนในส่วนนี้ด้วย ซึ่งตรงนี้ผมเรียนอย่างนี้นะครับว่าเมื่อประชาชนครบ ๖๐ ปีแล้ว เข้าใจว่าจะมีการคืนเงิน ให้กับพี่น้องประชาชน อย่างสะสมมาแล้วจะเป็นคืนเงินเดือนละ ๖๐๐ บาท ถูกไหมครับ ถ้าเกิดว่าสะสมมากกว่านั้นจะเป็นเดือนละ ๓,๐๐๐ บาทก็มี ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เราจะต้องทำประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจ เพราะว่าเงินก้อนนี้ก็คือเป็น เงินก้อนที่พี่น้องประชาชนเองจะได้รับในการที่จะมาดูแลเหมือนกับเป็นบำนาญประชาชน ให้กับพี่น้องประชาชน ฝากทางท่านประธานไปถึงทางกองทุนด้วยว่าอยากให้พิจารณาตัวเลข พวกนี้ให้ดี แล้วก็ตอบให้ผมทราบนิดหนึ่งว่าตัวเลขพวกนี้มันมาอย่างไร เงินสมทบที่ทาง รัฐบาลให้ไปเป็นอย่างไร แล้วส่วนเงินที่พี่น้องประชาชนได้สมัครเป็นสมาชิกแล้วก็ใช้จ่ายไป รวมกันแยกออกมาเป็นเงินเท่าไร เพื่อให้เกิดความเข้าใจ แล้วก็จะได้สร้างแรงจูงใจให้กับ พี่น้องประชาชนในการที่จะสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มเติมได้ ขอบพระคุณมากครับท่านประธาน

    อ่านในการประชุม