เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล เขตเลือกตั้งที่ ๔ อำเภอบ้านค่าย ปลวกแดง วังจันทร์ วันนี้ขอขอบคุณทางท่านประธาน ที่ได้บรรจุกระทู้ถาม ซึ่งเป็นกระทู้ถามจากความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอ ปลวกแดง ตำบลมาบยางพร สะพานสี่ แล้วก็ขอบคุณทางท่านรัฐมนตรีที่ให้เกียรติมาตอบ กระทู้ถามเพื่อแบ่งเบาปัญหา เพื่อบรรเทาปัญหา แล้วก็แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ชาวมาบยางพร สะพานสี่
ท่านประธานครับ ขอเริ่มต้นจาก การเกริ่นนำปัญหาของถนนทั้ง ๒ เส้น คือ ถนน รย.๓๐๑๓ และถนน รย.๒๐๑๕ ซึ่งอยู่ใน ความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงชนบท ถนนทั้ง ๒ เส้นนี้เป็นถนนที่อยู่ในเขตนิคม อุตสาหกรรม พาดผ่านทั้งเขตบ้านเรือนประชาชน หมู่บ้านจัดสรร แล้วก็นำไปสู่นิคม อุตสาหกรรม มีการสัญจรไปมาเยอะมาก ถนนทั้ง ๒ เส้นมีระยะเวลาก่อสร้างที่ยาวนาน มาก ๆ ตัวอย่างคือถนนเส้น รย.๓๐๑๓ ถนนเส้นนี้ระยะทางเพียงแค่ ๑๖ กิโลเมตร ใช้เวลา ก่อสร้างยาวนานในแบบที่พี่น้องประชาชนเคยบอกกับผมว่าตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้อง จนวันนี้ ลูกอยู่ชั้นประถมก็ยังไม่เสร็จ บางคนเคยใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ตำบลมาบยางพร ย้ายออกไป จนถึงบัดนี้เห็นผมยังคง Post ปัญหานี้ลงใน Social media ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมถึง ยังไม่เสร็จเสียที ระยะทางมันสั้น ๆ นะครับ แล้วไม่ใช่ถนนที่กว้างใหญ่อะไรเลย มันทำแค่ ไม่กี่ Lane ความรู้สึกทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนเหล่านี้ บางท่านเปิดกิจการร้านอาหาร ไม่ว่าทำกิจการอะไร ทำอาหารอะไรออกมาก็เป็นอาหารคลุกฝุ่นไปหมด ถ้าฝนตกถนนก็พัง ผิวถนนก็พัง ผู้รับเหมาเองก็ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างตามระยะเวลาสัญญาได้อย่างที่ คุยกันไว้ตั้งแต่ต้น ตัวสัญญาผมเองวันนี้มีมา ซึ่งก็คงจะได้ขอมอบให้กับท่านรัฐมนตรี ติดไปด้วย เพราะว่าตัวสัญญาจริง ๆ แล้วมีการก่อสร้างมา แล้วก็มีการต่อสัญญา มีการเจอ ปัญหาโควิด คือตามกำหนดการแล้วเสร็จของเส้น รย.๓๐๑๓ ในช่วงแรกของการก่อสร้าง กำหนดเสร็จภายใน ๙๐๐ วัน เซ็นสัญญากันตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๖๑ จนถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งตอนเข้าสู่ช่วงโควิดก็มีการต้องอนุมัติขยายสัญญาไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งก็เลยเวลามาแล้ว เข้าสู่ช่วงค่าปรับ แต่ก็ได้อุทธรณ์เพื่อจ่ายค่าปรับตามระเบียบ กรมบัญชีกลาง ซึ่งจะหมดตอนเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ปีหน้า คือความเดือดร้อนของพี่น้อง ประชาชน อันนี้ผมอยากจะให้ดูตัวอย่างนะครับ อันนี้คือตัวอย่างของถนนเส้น รย.๒๐๑๕ ซึ่งผมก็ลงไปรับทราบปัญหา ผิวถนนเป็นอย่างที่เห็นคือราวกับเป็นผิวถนนที่เป็นดวงจันทร์ ฝนตกมา ทางระบายน้ำที่เห็นอยู่ข้าง ๆ ที่มีเศษวัสดุกองอยู่ตรงนี้ละครับ คือเศษวัสดุเหล่านี้ ก็มาจากการก่อสร้างแล้วก็ไม่แล้วเสร็จ รถ Backhoe ที่จอดตรงนั้นก็คือจอดนานจนชาวบ้าน มาพ่นสี Spray ว่าขายไว้แล้ว บน Barrier พ่นคำที่แรงกว่านี้นะครับ แต่ผมก็คงกล่าวถึงไม่ได้ ในห้องนี้ ความรู้สึกทุกข์ร้อนนี้ผมพยายามจะติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งราชการ พยายามไปพูดคุยแทนพี่น้องประชาชนกับผู้รับผิดชอบสัญญาของบริษัทเอกชน ที่รับผิดชอบทั้ง ๒ บริษัทของถนนทั้ง ๒ เส้น ปรากฏว่าก็ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร เส้น รย.๒๐๑๕ ตรงบริเวณที่เห็นนี้คือเรียกว่าแยกป้าไสว แยกนี้มีความคืบหน้า ๐ เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ผมเริ่มหาเสียงเลือกตั้งจนถึงวันนี้ ภาพที่เห็นไปถ่ายมาเมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมา ฝนตกครั้งหนึ่งก็ต้องมาพยายามจะแก้ไขปัญหาก็ทำเสร็จกันทีหนึ่ง หน่วยงาน ที่รับผิดชอบที่เป็น อปท. พยายามจะขอเข้ามาแก้ปัญหาด้วยตัวเองก็ทำไม่ได้เพราะติดว่า สัญญายังอยู่ในของทางหลวงชนบทที่ทำไว้กับบริษัทเอกชนที่ไม่ได้ทำงานเลยและไม่ได้มี การทำอะไรเลย
ถนนเส้น รย.๓๐๑๓ ก็เช่นกันครับ ในสัญญานี้เขียนว่าต้องทำถนนเส้นนี้ ให้ปลอดภัย ไม่มีวัสดุข้างทาง เกะกะมาก แล้วต้องทำให้มันดี ซึ่งอย่างที่เห็นครับ มันไม่ได้ ดีเลย ความเดือดร้อนของประชาชน ผมเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรก ได้ ๓ เดือน แต่ผมเดินลงไปพบพี่น้องประชาชนที่อยู่ตรงนี้มา ๗-๘ ปี ในรูปที่เห็นอยู่นะครับ บ้านนี้เป็นมะเร็งโพรงจมูกไปแล้ว บ้านถัดไปอีกไม่ไกล พอฝนตกแค่ไม่กี่นาทีน้ำก็ท่วม พอรถวิ่งผ่านก็เข้าบ้านประชาชน เขาพูดกับผมที่เพิ่งรับตำแหน่ง ๓ เดือนว่าเมื่อไรมันจะเสร็จ เขารอ จะต้องให้เขารอจนตายเลยหรือเปล่า จะต้องให้มีคนเกิดอุบัติเหตุจนตายอีกกี่คน ถนนเส้นนี้ถึงจะเสร็จสักที จึงนำมาสู่การตั้งกระทู้ถามกับทางท่านรัฐมนตรี เป็นคำถาม ข้อที่ ๑ ครับว่าทางกระทรวงคมนาคมมีแผนในการทำมาตรการเยียวยาพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ถนน ๒ เส้นนี้ รวมถึงทั้งสัญจรและเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการก่อสร้างถนนเส้นนี้อย่างไรบ้าง เพราะว่าอย่างที่เห็นว่ามีอุบัติเหตุเยอะมาก แล้วทาง กระทรวงคมนาคมมีแผนในการที่จะเร่งรัดกับผู้รับเหมาในการ Clear วัสดุข้างทางที่กีดขวาง การสัญจรออกไปได้บ้างหรือไม่ เป็นคำถามที่ ๑ ครับ ขอบพระคุณท่านประธานครับ
ท่านประธานครับ ผมขอเรียนอย่างนี้ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง เขต ๔ พรรคก้าวไกล ผมขออนุญาตรวมทั้ง ๒ เส้นนี้ไว้เลย แต่ผมเข้าใจว่าผู้รับเหมาเองก็เป็นคนละเจ้า แต่ว่า เป็นปัญหาในพื้นที่เดียวกัน คือความล่าช้าในการก่อสร้างและความไม่ปลอดภัยของผู้สัญจร ไม่มีไฟส่องสว่างตามสัญญาที่เขียนไว้ และไม่มีความคืบหน้าตามที่รับปากแม้จะถูกตาม สอบถามจากทางประชาชนในพื้นที่ ทั้งจาก อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงผมเองด้วย ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทน เราพยายามตามความคืบหน้าแล้วก็ได้รับการตอบว่าจะทำให้แล้วเสร็จ ภายในจุดที่มีการก่อสร้างบนเส้น รย.๓๐๑๓ ณ ขณะนี้คือจุดบริเวณหน้าโรงเรียน บ้านห้วยปราบ และมีการทำผิวถนนบ้างบางส่วน แต่ความคืบหน้าที่ได้คุยกันไว้ครั้งล่าสุดว่า จะพยายามทำให้ได้ และมีการตอบกลับแขวงทางหลวงชนบทที่รับผิดชอบ ณ จุดนั้น บอกว่า จะมีการทำให้ไฟส่องสว่างให้ได้ มีการจะพยายามทำให้ผิวทางสัญจรได้ปลอดภัย ไม่มีเศษ วัสดุก็ทำไม่ได้ มีการพยายามจะบอกว่าจะแก้ปัญหาตามจุดวิกฤติซึ่งมีอยู่ประมาณ ๕ จุด ตามคอสะพานต่าง ๆ
อันนี้ตามรูปที่ผมเพิ่งไปลงมาเลย ก็ทำไม่ได้ ทุกการพยายามตอบรับแก้ปัญหาคือบนถนน ๑๖ กิโลเมตร อย่างเช่น รย.๓๐๑๓ ที่แจ้งหรือเส้น รย.๒๐๑๕ ที่แจ้งไป ความคืบหน้าใช้เวลาหลายปีขณะนี้สำเร็จไปแค่ ๓๙ เปอร์เซ็นต์ ตาม Slide ของท่านรัฐมนตรี และไม่มีความปลอดภัยในการสัญจรเลย แล้วก็ไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน การก่อสร้างหน้าโรงเรียน บ้านห้วยปราบตรงนี้เลยในรูปทางฝั่งซ้ายก่อสร้างเดือนกว่า ๆ ได้แค่นี้ แล้วตรงท่อน้ำนั้น ผมเพิ่งไปลงพื้นที่มาแล้วฝนตก ตกไม่ถึง ๕ นาที น้ำทิ้งในท่อล้นออกมาไหลเข้าไป ในตลาดสดสมาร์ทแลนด์ของพี่น้องประชาชน น้ำเน่าไหลเข้าไปในตลาดตอนที่ประชาชน กำลังเดินจับจ่ายใช้สอย นี่คือการก่อสร้างแบบที่เขาพยายามจะทำให้คืบหน้าและเสร็จ ตามที่เขาตอบทางท่านรัฐมนตรีมา คำถามของผมก็คือขอถามย้ำอีกครั้งหนึ่งเพื่อไปสู่คำถาม ถัดไปเลยว่าเขาทำไม่ได้จริงตามที่ให้ข้อมูลมากับทางท่านรัฐมนตรี และทำไม่ได้จริงตามที่ รับปากทั้งพี่น้องประชาชนและทั้งผม คำถามคือเราจะทำอย่างไรกับผู้รับเหมาของทั้ง ๒ เส้น ที่สร้างอุบัติเหตุทำลายชีวิตพี่น้องประชาชน และที่สำคัญคือทำผิดสัญญาฉบับนี้ที่เซ็นไว้ กับการก่อสร้าง มีเขียนไว้ชัดเจนซึ่งผมจะส่งให้ทางท่านรัฐมนตรีไปพิจารณาเพื่อตัดสินใจ คือไม่มีการตัดสินใจเพราะกลัวว่าตัดสินใจเสร็จปุ๊บต้องมีการหาผู้รับเหมารายอื่นหรือไม่ หรือจะแก้สัญญา หรือจะทำอย่างไรให้บรรเทาปัญหาเรื่องนี้ให้เสร็จสักที มีการผิดสัญญา เรื่องการก่อสร้างให้ปลอดภัยเขียนอยู่อย่างชัดเจนในนี้ครับ ทำไม่ได้ทั้งระยะเวลา ทำไม่ได้ ทั้งการรักษาชีวิตประชาชนและทำให้ถนนเส้นนี้เป็นที่สัญจรได้ ที่ผ่านมาไม่มีกระทู้ถามเข้ามา ในห้องนี้ ซึ่งต้องขอบคุณท่านประธานอีก อันนี้บรรจุเรื่องนี้เข้ามาเพื่อให้ท่านรัฐมนตรี มาใช้เวลานี้ในการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนหลังจากไม่มีรัฐมนตรีท่านใด เคยทำได้มาก่อน วันนี้ผมจึงขอฝากท่านประธานไปยังท่านรัฐมนตรีเป็นคำถามสั้น ๆ รบกวน ท่านรัฐมนตรีตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนตรงส่วนนี้ครับ ๑๖ กิโลเมตร หลายปีขนาดนี้มันเกินที่จะต้องมาตัดสินใจแล้วว่าจะให้ผู้รับเหมาที่ไม่มี ความรับผิดชอบทำงานต่อไปเพื่ออะไร ขอบคุณครับท่านประธาน
ขอนิดหนึ่งครับ
ขอบคุณท่านประธาน ท่านประธานครับ ผมขออนุญาตใช้เวลาที่เหลือ ๑ นาทีกว่า ๆ กับคำถามสุดท้ายที่อยากจะถามฝากไปยัง ท่านรัฐมนตรี ก็เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ท่านได้เตรียมการตอบจากคำถามชุดนี้มา แล้วผมก็ขอฝาก อันนี้ทางท่านประธานไปยังทางท่านรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ว่าข้อคำนึงจริง ๆ ตอนนี้คือ ครั้งแรกก่อนผมขอขอบคุณแทนพี่น้องประชาชนที่จะแก้ปัญหาเรื่องผิววัสดุข้างทาง แล้วก็ ไฟส่องสว่างตามที่ได้ฟังท่านรัฐมนตรี ตรงส่วนนี้ผมขอบคุณจริง ๆ อย่างน้อยจะทำให้ การสัญจรปลอดภัยขึ้น กับเรื่องความคืบหน้าในการก่อสร้างถนนทั้ง รย.๓๐๑๓ และ รย.๒๐๑๕ ทั้ง ๒ เส้นที่ไม่มีความคืบหน้าอย่างที่ควร และเท่าที่ผมทราบมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการขอ ต่อสัญญาโดยผู้รับเหมาที่ไม่สามารถทำงานได้ตามที่ควรจะทำได้จนก่อให้เกิดทั้งอุบัติเหตุ แล้วก็ก่อให้เกิดทั้งปัญหากับพี่น้องประชาชนที่ประกอบอาชีพทำธุรกิจอยู่รอบ ๆ บริเวณ การก่อสร้าง ถ้าวันที่มีกำหนดระยะเวลาของสัญญามาถึงแล้ว ถ้า ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถ ตัดสินใจได้โดยท่านรัฐมนตรีว่าจะทำอย่างไรกับผู้รับเหมาทั้ง ๒ เจ้านี้ เพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้อง ประชาชน เราเป็นผู้แทนราษฎรครับ ท่านรัฐมนตรีก็เป็นผู้แทนราษฎร เรามาจากประชาชน ความเดือดร้อนของประชาชนเรารับมาเพื่อใช้สภาแห่งนี้ในการแก้ปัญหาร่วมกันภายใต้ อำนาจหน้าที่ที่ท่านได้รับในฐานะรัฐมนตรี ผมขอให้ท่านช่วยตัดสินใจบนพื้นฐาน ความเดือดร้อนเหล่านั้นมากกว่าความรู้สึกของทางผู้รับเหมา ที่พยายามจะรักษาสิ่งที่ตัวเอง ทำไว้และไม่สำเร็จกับพี่น้องประชาชนได้ ตัวข้อสัญญานี้ผมจะส่งให้ท่านประธานผ่านไปยัง ท่านรัฐมนตรีเพื่อทราบว่าถ้าท่านจะต้องตัดสินใจเพื่อเปลี่ยนผู้รับเหมา เขามีการทำผิดสัญญา แล้วไม่ต้องห่วงครับ อยากฝากท่านรัฐมนตรีไว้กับเรื่องนี้ด้วย ขอบคุณครับ
กราบเรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง เขตเลือกตั้งที่ ๔ พรรคก้าวไกล อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ก็ขอบคุณท่านประธาน ที่ได้บรรจุกระทู้ถามของผมถึง ๒ กระทู้เพื่อให้ทางท่านรัฐมนตรี ขอขอบคุณไปยัง ท่านรัฐมนตรีที่เสียสละเวลามาตอบอยู่กับผมทั้ง ๒ กระทู้นะครับ
ปัญหาเรื่องที่ ๒ เป็นปัญหาเรื่องไฟฟ้าส่องสว่างที่อยู่บนทางหลวงเส้นต่าง ๆ ของเขตเลือกตั้งของผม ที่เขตเลือกตั้งที่ ๔ จังหวัดระยอง ปัญหาเหล่านี้ผมได้ลงพื้นที่ เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชน รวมถึงเป็นผู้ที่สัญจรไปมาบนถนนเหล่านี้ด้วยตัวเอง ผมคือ ๑ ในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนดับ ผมเคยเดินทางหลังจาก เสร็จภารกิจที่รัฐสภา แล้วก็เดินทางกลับไปที่บ้าน แล้วก็ประสบอุบัติเหตุรถชน บนถนนก่อนถึงบ้านแค่ไม่กี่กิโลเมตร เป็นการชนสุนัขด้วยความเร็วประมาณ ๘๐ กิโลเมตร ต่อชั่วโมง จุดเดิม ๒ ครั้งในรอบ ๖ เดือน ปัญหาเหล่านี้เราต้องพูดกันอย่างจริงจังแล้วว่า อุบัติเหตุบนท้องถนน ผู้สัญจรไปมาใช้รถใช้ถนนเองมีส่วนแค่ส่วนหนึ่ง แต่องค์ประกอบต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนหนึ่งเป็นความรับผิดชอบของรัฐ ของรัฐบาล และของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องที่จะช่วยกันทำเส้นทางสัญจรนี้ให้สะดวก สว่าง และปลอดภัยสำหรับพี่น้อง ประชาชนทั้งประเทศ แต่อย่างที่เราทราบกัน หลายครั้งปัญหาไฟส่องสว่างบนถนนก็มีปัญหา เพราะการโจรกรรมหม้อแปลงไฟมีปัญหา เพราะการโจรกรรมสายไฟที่มีอยู่บนท้องถนน หลายเส้นทั่วประเทศ รวมถึงเขตเลือกตั้งของผมด้วย
บน Slide คือจุดที่ผมขอแจ้งไว้กับ ทางท่านรัฐมนตรี เดี๋ยวจะขอมอบใน Slide ถึงพิกัดที่มีปัญหาไฟส่องสว่างที่ไม่สว่าง หายไป ไม่สามารถซ่อมแซมได้ เพราะว่าเท่าที่ผมทราบทางกรมทางหลวง ทางหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องที่ซื้อหม้อแปลงมา บางทีพอซื้อมาแล้วโดนขโมยหรือเสียหายก็ต้องรอทาง การไฟฟ้ามาทำงานร่วมกัน อันนี้ผมพอเข้าใจ แต่ว่าผมกำลังจะมาขอเสนอแนวทาง รวมถึง การตั้งกระทู้ถามผ่านไปยังท่านรัฐมนตรี ผมขออนุญาตแจ้งรายละเอียดชื่อถนนที่ ไฟส่องสว่างหายไปทีละจุด ถนนเส้นแรกที่ผมขออนุญาตแจ้งคือถนนเส้น รย.๓๑๓๙ เส้นบ้านแลง-ชากบก เส้นที่ ๒ คือเส้น ๓๔๔ บ้านบึง-แกลง ผ่านอำเภอวังจันทร์ เส้น รย.๓๕๗๘ ถนนเส้นละหาน-หนองปลาไหล ถนนเส้น รย.๓๕๗๔ ถนนเส้นปลวกแดง บ้านค่าย-เกาะกลอย และถนนเส้น รย.๓๑๔๓ ถนนตรงบริเวณคลองชั้นปลาย อันนี้ที่เขตผม เขตเดียวมีปัญหาเดียวกันคือหม้อแปลงหาย แล้วก็สายไฟหายเยอะมาก ดังนั้นผมว่าขั้นแรก คืออาจจะต้องขอให้ท่านช่วยพิจารณาแก้ปัญหาในจุดที่มีหม้อแปลง แล้วก็แสงสว่างหายไป เหล่านี้ แต่ว่าคำถามที่ผมอยากจะฝากไปยังกระทรวงคมนาคมถึงท่านรัฐมนตรีใหม่ที่จะใช้ พิจารณาเพื่อการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างยั่งยืน และอาจจะใช้ได้ทั่วประเทศคือ
คำถามข้อที่ ๑ ทางกระทรวงคมนาคมมีมาตรการแก้ปัญหาหม้อแปลงไฟฟ้า ถูกขโมยอย่างไรบ้าง รวมถึงสายไฟที่เกี่ยวข้องกับไฟส่องสว่างบนทางหลวงต่าง ๆ อย่างไรบ้าง เพราะว่าเรื่องนี้เป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ถ้าเราสามารถ วางมาตรการในการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ น่าจะช่วยชีวิตประชาชนได้อีกหลายพันชีวิต หลายหมื่นชีวิตต่อปี จึงเรียนถามเป็นคำถามแรกครับท่านประธาน ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ ก็ขอบคุณท่านรัฐมนตรีที่จะมีมาตรการ ในการกำชับการแก้ปัญหาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบูรณาการการแก้ปัญหา เท่าที่ ผมเห็นทางท่านรัฐมนตรีตอบ เหมือนตอบครบทุกคำถามที่ผมได้ถามไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว รวมถึง คำถามที่ ๒ ที่มีการประสานงานกับการไฟฟ้าด้วยหรือไม่ อันนี้ผมขอเพิ่มเติมข้อมูลให้กับทาง ท่านรัฐมนตรี รวมถึงเป็นคำถามด้วยเลย คือผมเคยได้ลงพื้นที่แล้วก็คุยกับทางการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคที่จังหวัดระยอง แล้วผ่านคำถามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือแขวงทางหลวง ที่ได้ถามผมว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่หม้อแปลงของทางหลวงบางส่วนไม่ขอซื้อ แต่ขอเปลี่ยนเป็น เช่ากับทางการไฟฟ้า เพื่อเวลามีปัญหาทางการไฟฟ้าจะได้รับมารับผิดชอบอย่างทันท่วงที แต่ผมเข้าใจว่าจะต้องมีการปรับปรุงแผนด้านการจัดซื้อจัดจ้างใหม่พอสมควร ซึ่งอันนี้ผมก็ ไม่แน่ใจว่ามีหนังสือจากทาง ผอ. แขวงทางหลวงจังหวัดระยองส่งมาถึงท่านรัฐมนตรีหรือยัง อย่างไรผมรบกวนเรื่องนี้ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงข้อเสนอที่ผมอยากจะขอเสนอไปยัง ท่านรัฐมนตรี คือปัญหาการสอดส่องป้องกันหม้อแปลงไฟ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหน่วยงาน ทุกหน่วยงานรวมถึงเจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะป้องกัน แต่เหตุแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในจุด ที่ยากต่อการเฝ้าระวัง เช่น บนถนนเส้น ๓๔๔ พาดผ่านอุทยานแห่งชาติมีเขตช้างป่า ถนนเส้นนี้หายเป็นประจำ หายทุกปี หายทุกครั้งที่ติดต่อให้เฝ้าระวัง อย่างไรก็ตามพยายาม จะกวดขัน อย่างไรก็ตามกำลังคนมีโอกาสที่จะเกิดภาวะผิดพลาดบกพร่องได้ เพราะว่า เป็นถนนทางหลวงที่ยาวมาก ๆ ดังนั้นผมจึงอยากจะขอเสนอทางท่านรัฐมนตรีผ่านคำถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางกระทรวงคมนาคมชุดนี้โดยท่านรัฐมนตรีจะคิดอุปกรณ์ป้องกัน การโจรกรรมหม้อแปลงต่าง ๆ เป็นนวัตกรรมในการติดตั้งหม้อแปลงหลังจากนี้ไปเลย ทั่วประเทศก็ดีครับ เพราะว่าจะทำให้การขโมยเป็นไปได้ยากขึ้น ผมทราบมาว่าการขโมย หม้อแปลงที่ดูไม่น่าจะขโมยได้ในความรู้สึกของพวกเรา ท่านประธานครับ เขาปีนขึ้นไป แล้วถีบหม้อแปลงลงมา ยกเสื้อหม้อแปลงที่เป็นทองแดงออกไปปิดฝากลับแล้วเอากลับไป ติดที่เดิมง่าย ๆ อย่างนั้นเลยครับ ราวกับทำได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเลย คำถามคือมีวิธีใดบ้าง ที่ทำให้หม้อแปลงเหล่านี้อยู่อย่างแข็งแรงบนจุดติดตั้ง ใช้กุญแจเฉพาะที่ไขได้เฉพาะ หน่วยงานที่เป็นเจ้าของหม้อแปลงทำได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของ รัฐบาลชุดนี้ รวมถึงท่านรัฐมนตรีที่อาจจะประสานงานเข้าไปว่าแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งระบบ เปลี่ยนรูปแบบหม้อแปลงเลยไหม รวมถึงสายไฟจะทำอย่างไรได้บ้าง จะช่วย ประหยัดทั้งงบประมาณในระยะยาว ช่วยทั้งชีวิตพี่น้องประชาชน แล้วก็ทำให้การสัญจรไปมา สะดวก ปลอดภัย สว่าง ลดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เรื่องนี้ผมขอฝากคำถามไปยังท่านรัฐมนตรี ถึงแผนงานเหล่านี้ว่ามีการเตรียมการไว้หรือไม่ อย่างไร เป็นคำถามที่ ๒ ครับท่านประธาน ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ เรียนท่านประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ผมขอขอบคุณอีกครั้ง ไปยังท่านประธานสภา และขอขอบคุณทางท่านรัฐมนตรีที่ให้ความกรุณาทั้งการตอบคำถาม และการจะเร่งรัดแก้ไขในจุดปัญหาต่าง ๆ ที่ผมนำเสนอทางท่านรัฐมนตรีวันนี้ เท่าที่ฟัง ผมก็อุ่นใจแทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ รวมถึงพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งของผม ที่ปัญหาเรื่องไฟส่องสว่างเป็นปัญหาที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญ เราคงจะมีถนนที่ดี รักษาชีวิตประชาชนจากอุบัติเหตุได้เยอะขึ้น ทีนี้ผมขออนุญาตใช้เวลา ช่วงท้ายนี้ในการที่จะฝากเรื่องถนนทุกเส้นที่ผมแจ้งไป ผมขอเน้นไปที่ถนนเส้น รย.๓๕๗๔ อำเภอปลวกแดง ตลาดเกาะกลอย อำเภอบ้านค่าย ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่ยาวมาก ๆ และเป็น ทางเข้าหลักจากจังหวัดชลบุรีไปถึงจังหวัดระยอง แล้วตัวปัญหาเรื่องไฟดับระหว่างทางก็มี แต่เส้นนี้เป็นเส้นที่มีเสาไฟแค่บางจุด เสาไฟส่องสว่างเพียงแค่บางจุดทั้ง ๆ ที่เป็นถนนเส้นหลัก ที่วิ่งยาวตรงมาก ๆ จึงอยากจะขอเรียนท่านประธานผ่านไปยังท่านรัฐมนตรีถึงไฟส่องสว่าง ที่ควรจะมีทั้งเส้นได้แล้วครับ แล้วเนื่องจากมีช่องเว้นว่างระยะห่างและจุดเหล่านั้น เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก จึงอยากจะขอความกรุณาไปยังท่านรัฐมนตรีว่าเส้นนี้ควรจะติดไฟ ทั้งเส้นได้แล้ว รวมถึงซ่อมไฟที่ดับ ขอขอบคุณทางท่านประธาน และท่านรัฐมนตรีไว้ ณ ที่นี้ ก็คงไม่ใช้เวลาจนหมด ขอบคุณท่านประธาน ขอบคุณท่านรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งครับ
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ผมขออภิปรายรับทราบรายงานและขอตั้งคำถาม รวมถึงเสนอแนะแนวทางต่อ กกพ. ในประเด็นเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นจากการคิดค่าไฟฟ้า ในครัวเรือน ผมได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่า เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคมที่ผ่านมา มีกรณีเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับการคิดค่าไฟฟ้าจากมิเตอร์จำนวน ๗ หน่วย แต่โดนเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสูงถึง ๕,๒๔๙.๖๙ บาท เรื่องนี้สร้างความตกใจให้กับผู้ถูกเรียก เก็บค่าไฟรายดังกล่าว เพราะคำนวณออกมาแล้วเท่ากับค่าไฟหน่วยละ ๗๕๐ บาท ซึ่งเป็นไปได้ อย่างไรที่จะคำนวณออกมาแล้วค่าไฟฟ้าแพงขนาดนี้ พอผู้ที่ได้รับการคิดค่าไฟสูงผิดปกติ ได้ติดต่อไปยังการไฟฟ้าเพื่อแจ้งและขอให้มีการแก้ไขปัญหา ผมขอให้ดูตาม Slide ที่ปรากฏ
จะมีการดำเนินแก้ไขจนแล้วเสร็จ จึงเหลือค่าไฟเพียง ๖๖ บาท ในวันที่ ๒๒ สิงหาคม อันนี้ต้องขอชื่นชมว่าแก้ปัญหาได้ อย่างรวดเร็ว แต่ที่น่าสนใจก็คือในการตอบกลับจากการไฟฟ้าระบุว่าตรวจสอบแล้ว เนื่องจากหน่วยการใช้ไฟฟ้าลดลงจากที่เคยใช้ปกติ Bill จึงออกโดยวิธีเฉลี่ย ทั้งนี้จะ ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง Bill รอบจดวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ ให้ท่านจากเดิม ๙๕ หน่วย แก้ไขเป็น ๗ หน่วย ตามเลขอ่านจริง ขอขอบคุณท่านที่แจ้งความผิดปกติดังกล่าวให้ทราบ ท่านประธานครับ ท่านผู้ชี้แจงครับ ผมฟังคำตอบจากหน่วยงานผมเกิดคำถามขึ้นทันทีครับว่า เฉลี่ยค่าไฟคืออะไร เฉลี่ยกับใคร แล้วทำไมต้องเฉลี่ย ผมพยายามค้นหาระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่หาได้ก็พบว่าจากข้อบังคับของ กฟน. ข้อ ๓๗ และ กฟภ. ข้อ ๓๓ ระบุถึง การเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้ากรณีมิเตอร์ชำรุด หรือแสดงค่าคลาดเคลื่อนโดยเขียนว่าผู้ใช้ไฟฟ้า ต้องยินยอมชำระค่าไฟฟ้าประจำเดือนไปก่อนตามค่าไฟฟ้าเฉลี่ย ๓ เดือนหลังสุดที่ถือว่า เป็นปกติติดต่อกัน ปกตินี่มันอย่างไรผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับท่านประธาน หรือค่าไฟฟ้าที่คำนวณบนพื้นฐานวิศวกรรมไฟฟ้าโดยอาศัยหลักฐานข้อมูลซึ่งตรวจสอบได้ ในช่วงเวลานั้น ภายหลังจากการตรวจสอบมิเตอร์ และ/หรือ หลักฐานข้อเท็จจริงมีผล แตกต่างจากที่เรียกเก็บไปแล้ว กฟภ. จะเรียกเก็บเพิ่ม หรือจ่ายคืน แล้วแต่กรณี ท่านประธานครับส่วนที่เป็นระเบียบอะไรต่าง ๆ พวกนี้ผมเข้าใจครับว่าเวลาเกิดเหตุการณ์ แบบนี้ขึ้น มันก็ต้องอิงไปหาระเบียบเพื่อทำให้ความซวยตกไปอยู่กับพี่น้องประชาชน โดยหน่วยงานที่ทำไม่ต้องรับผิดอะไร อันนี้มันน่าเศร้านะครับ เพราะไฟฟ้ามันเป็นสินค้า เป็นบริการที่ถ้าเกิดเราไม่จ่ายขึ้นมาผู้ให้บริการเขายกหม้อไฟประชาชนออกกันง่าย ๆ บางทียกผิดยกถูกก็ซวยประชาชนอีก ประชาชนจะไปขอคืนแต่ละทียากเย็น พอเป็น ความผิดพลาดของผู้ให้บริการขึ้นมาประชาชนกลับต้องตามทวงสิทธิของตัวเองต้องปกป้อง สิทธิของตัวเอง นี่ผมไม่รู้นะครับว่ามีกี่บ้านที่โดนเก็บค่าไฟเฉลี่ยแบบนี้ แล้วการไฟฟ้า ก็ไม่แจ้งว่ามีการเฉลี่ยไว้ใน Bill โดนคิดค่าไฟกันแบบไม่เปิดเผย แล้วถ้าประชาชนไม่เอะใจ คืออะไรครับ เสียสิทธิไปเลย แล้วก็เลยจ่ายค่าไฟเกินความเป็นจริงเพราะคิดเฉลี่ยโดยไม่แจ้ง ค่าไฟแพงประชาชนก็แย่แล้วนะครับ นี่ยังต้องมากังวลว่าจะโดนค่าไฟคิดเฉลี่ยเอาเมื่อไร ก็ไม่รู้อีกหรือครับ แล้วถ้าเป็นแบบนี้ประชาชนจะหาเกณฑ์อะไรมาใช้ในการปกป้องสิทธิ ของตัวเองได้บ้าง เพราะประชาชนไม่สามารถคำนวณค่าไฟด้วยตัวเองได้นะครับ อย่างที่เห็น กันทั่วไป บางที บางเดือน ค่าไฟใช้หน่วยเท่าเดิมราคาบางทีก็ถูก บางเดือนก็แพง หน่วยเท่ากันแท้ ๆ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แล้ว ในเหตุการณ์ที่ผมยกมาทั้งหมดนี้ นี่คือเหตุการณ์ของบ้านหลังเดียวที่ร้องผมมานะครับ คำถามก็คือในประเทศไทยมีเหตุแบบนี้ กี่หลังคาเรือน กี่รอบแล้ว ทางผู้ชี้แจงพอจะส่งรายละเอียดมาได้ไหมครับว่าปกติมีการคิดค่าไฟ เฉลี่ยบ่อยแค่ไหน จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ก็ต้องโยงไปให้ถึงระดับสูงขึ้นไปอีกเพราะใน พ.ร.บ. ของ กกพ. ปี ๒๕๕๐ มาตรา ๖๖ วรรคสอง ระบุไว้ว่าในกรณีที่อัตราค่าบริการเป็นอัตราที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป ให้คณะกรรมการเปิดเผยสูตร หรือวิธีการที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าบริการ รวมทั้งข้อมูล ค่าตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าบริการยกเว้นในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่า ตัวแปรดังกล่าวเป็นข้อมูลลับทางการค้าของผู้รับใบอนุญาต เรื่องนี้ผมได้ยินเพื่อนสมาชิก อภิปรายถามไปแล้ว และยังคงไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับตรงนี้ซึ่งอันนี้เขียนไว้ใน พ.ร.บ. นะครับ ท่านประธานครับในเมื่อ พ.ร.บ. เขียนให้เปิดเผยสูตรคำนวณค่าไฟ แต่เรื่องที่ต้องเปิดเผย กลับหายากเหลือเกินว่าต้องคิดกันอย่างไร หรือต้องให้เจอ Case แบบที่ผมเล่า คือให้ ประชาชนรู้เอาเองว่ามีการคำนวณเป็นการเฉลี่ย ๓ เดือนแบบนี้ แล้วคำถามคือพอเปิดเผย มาแล้ว ถ้ามันไม่สมเหตุสมผลประชาชนพูดอะไรได้บ้างไหมครับ แล้วที่สำคัญตกลงแล้ว วิธีคิดสูตรคำนวณมีกี่สูตรครับ มีสูตรหารเฉลี่ย มีสูตรคูณด้วยไหมครับ มีสูตรยกกำลัง ด้วยไหมครับ เปิดเผยออกมาดีกว่าครับประชาชนจะได้รับทราบทั่วกัน ต้องพิจารณาแล้ว เพราะว่าการไม่เปิดเผยออกมาสังคมเสียประโยชน์ เพราะการชี้แจงเป็นรายบุคคลเงียบ ๆ แบบนี้ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่รู้ และผมย้ำอีกครั้งว่า ไฟฟ้าคือสินค้าและบริการที่ประชาชน แทบไม่มีทางเลือกเลย พูดชัดเจน กรุณาตอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน เป็นแผนงานและแนวทาง กับสภาแห่งนี้ด้วยนะครับผมขอถามย้ำ
อีกเรื่องที่ผมได้รับการร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง ก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คือเรื่องไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนทางหลวงหลายจุดดับมืด แต่หน่วยงานอื่นที่เป็นเจ้าของหม้อแปลงที่ซื้อไปจากการไฟฟ้าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตัวอย่างแรก คือทางหลวงเส้น ๓๕๗๔ ในจังหวัดระยองที่พาดผ่านจากแยกเกาะกลอย มาจนถึงอำเภอปลวกแดง ถนนเส้นนี้บริเวณผ่านอำเภอบ้านค่ายจนถึงอำเภอปลวกแดง มีไฟส่องสว่างดับหลายจุด เพราะหม้อแปลงไฟฟ้าถูกโจรกรรมจนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หนึ่งในผู้ประสบอุบัติเหตุก็คือผมเองนี่ละครับ เพราะมองไม่เห็นสุนัขที่วิ่งผ่านตัดหน้ารถไป ๒ ครั้งในรอบ ๖ เดือน อีกเส้นคือทางหลวงเส้น ๓๔๔ ที่มาจากจังหวัดชลบุรีผ่านเข้า อำเภอวังจันทร์ไปถึงอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ถนนเส้นนี้พาดผ่านเขตอุทยาน และเขตชุมชน ไฟส่องสว่างดับอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพราะหม้อแปลงและสายไฟ ถูกโจรกรรมเช่นกันจนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พอรับทราบเองก็ไม่รู้ จะแก้อย่างไร ตอนเรื่องเส้น ๓๕๗๔ ที่กล่าวไปตอนแรกยังดีครับ เกิดอุบัติเหตุผมชนแค่สุนัข เส้นนี้ไม่ใช่ชนสุนัขครับ ชนช้างครับ เพราะเส้นนี้ช้างป่าข้ามถนนอย่างต่อเนื่องและก่อให้เกิด อุบัติเหตุที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม อย่างไรเรื่องนี้ผมขอให้ทาง กกพ. ตอบอย่างชัดเจนว่า มีแนวทางหรือไม่ในการทำให้การโจรกรรมที่สั่งไปยังการไฟฟ้าทุกหน่วยเลยให้ดูแลหม้อแปลง และออกแบบหม้อแปลงที่ขโมยไม่ได้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ในระยะยาว เพราะเรื่องนี้กระทบ กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นผมขอย้ำคำถาม ๓ คำถามให้ตอบชัด ๆ นะครับ
๑. การเฉลี่ยค่าไฟฟ้า คืออะไร เฉลี่ยกับใคร ทำไมต้องเฉลี่ย และเฉลี่ยไป เพื่ออะไร
๒. กฎหมายระบุให้เปิดเผยการคิดคำนวณค่าไฟ ทำไมไม่เปิดเผยประชาชน ให้ทราบสักที หรือจะปล่อยให้ประชาชนต้องระวังการโดนอะไรแบบนี้ไม่รู้ไปเรื่อย ๆ
๓. คือเทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรมหม้อแปลงไฟโดยการกำกับการ และสั่งงานได้ทั้งหมดกับ กกพ. มีแนวทางในระดับแผนบ้างหรือไม่ อย่างไร ขอให้ตอบตรงนี้ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับท่านประธาน
ท่านประธานครับ ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ๐๙๕ แสดงตนครับ
เรียนท่านประธานสภาที่เคารพครับ คือตอนแรกผมกะว่าจะขอหารือหลังจากที่ทางทุกท่าน แล้วก็ทางหน่วยงานได้ทำการตอบคำถาม จนเสร็จแล้ว เพราะว่าเป็นเรื่องที่อยู่ภายนอกหน่วยงานนี้ ทีนี้ก็เลยจะปรึกษาท่านประธานว่า จะให้ผมพูดเลยหรือเปล่าครับ หรือจะให้ท่านอื่นได้พูดก่อน เพราะจะเป็นการรบกวนเวลา ของสภาแล้วก็ท่านอื่น ๆ ที่กำลังต่อคิวการพูดอยู่ เพราะว่าตอนนี้ผมเองก็รอได้ แล้วเป็นเรื่อง ที่อยู่ในหน่วยงานที่ไม่มาเฉย ๆ ถ้าอย่างไรให้ทางท่านอื่น ๆ ได้พูดต่อ และหน่วยงาน ได้เป็นผู้ตอบคำถามก่อนจะไม่รบกวนเวลาสภา เดี๋ยวผมรอหลังจากเสร็จทุกท่านก็ได้ครับ ท่านประธาน
ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเวลาสั้น ๆ แค่ไม่เกิน ๓๐ วินาทีนะครับ ก็จะเป็นเรื่องที่หน่วยงานก็คือคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่ไม่มาในวันนี้ แต่ทีนี้ผมรับหนังสือที่เป็นหนังสือร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนมา ๒ สัปดาห์แล้ว แล้วเนื่องจากยังไม่มีคณะกรรมาธิการสามัญที่จะผลักดันปัญหาของพี่น้องประชาชนในเรื่อง การจัดการช้างป่า ซึ่งมีอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติตั้งแต่ปี ๒๕๖๑-๒๕๘๑ ซึ่งพอดำเนินการ ตามแผนของยุทธศาสตร์ชาติมาจนถึงปี ๒๕๖๕ ปรากฏว่าการดำเนินงานนี้ทำให้เกิดปัญหา กับพี่น้องประชาชนชาวบ้าน และหน่วยงานต่าง ๆ ช้างป่าจากที่ออกมาในเขตป่าตะวันออก เข้ามาสู่เขตพื้นที่ของผม จากที่ออกมาปีละประมาณ ๒,๐๐๐ กว่า Case ตอนนี้เมื่อปี ๒๕๖๕ รายงานล่าสุดคือออกมาทำให้เกิดผลเสียหาย และทำให้ชาวบ้านเสียชีวิตเพิ่มขึ้น จนถึงตอนนี้ ล่าสุดปี ๒๕๖๕ ๑๖,๐๐๐ กว่าครั้งที่ออกมา และชาวบ้านเสียชีวิตล่าสุดจนถึงตอนนี้ ๒๐ กว่าคน รวมถอยหลังกลับไปตั้งแต่เริ่มต้นแผนยุทธศาสตร์ชาติเสียชีวิตรวม ๆ ออกมาแล้ว ๕๐-๖๐ คนเข้าไปแล้ว คำถามคือเราจะเดินต่อตามแผนยุทธศาสตร์อย่างไร และในเมื่อวันนี้ ทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่มา ผมเลยจะขอส่งหนังสือที่พี่น้องประชาชนได้ฝาก มายังผม ผ่านไปยังท่านประธานเพื่อส่งไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพื่อแก้ปัญหา ช้างป่าตะวันออกที่อยู่ในแผนแม่บทของยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้รับทราบปัญหาและแนวทาง การแก้ไข แล้วก็ขอฝากเอกสารนี้ให้กับท่านประธาน แล้วเดี๋ยวผมจะยื่นไว้ตรงที่ด้านหน้า บัลลังก์นะครับ ขอบคุณท่านประธานที่ได้มอบเวลาให้ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ผมชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ผมขออภิปรายรายงานของ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในวาระเรื่องช้างป่าตะวันออก เรามาเริ่มกันตรงเนื้อหา ของการประกาศยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๘๐ ในหัวข้อที่ ๔ ว่าด้วย การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในหน้า ๕๓ ข้อ ๔.๑.๒ บรรทัดที่ ๖ เขียนไว้ว่าการบริหารจัดการไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสัตว์ ป่า คน และชุมชน ท่านประธานครับ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐจะต้อง ดำเนินงานตามแผน โดยมีเป้าหมายหลักคือการแก้ปัญหาช้างป่าภาคตะวันออก ที่กระทบกระทั่งกับประชาชนอยู่เสมอ แต่ความเป็นจริงในพื้นที่เรื่องนี้ทำได้ตามเป้าหมาย หรือไม่ เรามาดูกันนะครับ
ท่านประธานครับ ผมขอเริ่มจากการอ้างอิงถึงหนังสือจากศูนย์ศึกษาเรียนรู้ ช้างป่าตะวันออก และเครือข่ายศึกษาเรียนรู้ช้างป่าตะวันออก ที่ผมรับยื่นหนังสือที่สภา ในวันที่ ๒๖ กรกฎาคมที่ผ่านมา ในหนังสือระบุถึงสถิติการออกนอกพื้นที่ของช้างป่า และจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่าง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ในปี ๒๕๖๑ ช้างป่าออกนอกพื้นที่ ๒,๓๙๙ ครั้ง เสียชีวิต ๑๑ ราย บาดเจ็บ ๑๓ ราย ปี ๒๕๖๒ ออกนอกพื้นที่ ๒,๓๕๘ ครั้ง เสียชีวิต ๑๔ ราย บาดเจ็บ ๑๙ ราย ปี ๒๕๖๓ ออกนอกพื้นที่ ๔,๗๖๑ ครั้ง เสียชีวิต ๑๐ ราย บาดเจ็บ ๑๗ ราย ปี ๒๕๖๔ ช้างป่าออกนอกพื้นที่ ๘,๐๐๖ ครั้ง เสียชีวิต ๑๙ ราย บาดเจ็บ ๑๒ ราย และปี ๒๕๖๕ ช้างป่าออกนอกพื้นที่ ๑๖,๓๗๖ ครั้ง เสียชีวิต ๒๓ ราย บาดเจ็บ ๑๔ ราย สรุปการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ มีผู้บาดเจ็บ ๗๕ ราย เสียชีวิต ๗๗ ราย และสถิติการออกนอกพื้นที่ ของช้างป่าตะวันออกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ผลที่เกิดขึ้นเห็นชัด ๆ ว่าไม่สอดคล้องกับ การตั้งใจทำให้ช้างกับคนอยู่ร่วมกันได้ตามที่เขียนเอาไว้แม้แต่น้อย หน่วยงานที่มีหน้าที่ รับผิดชอบตรงก็คือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่แม้จะมีความพยายาม ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ อันนี้ผมทราบดีครับ เพราะผมเคยไปช่วยเขาจับช้างด้วยตัวเองมาแล้ว ในเขตพื้นที่ของผม เจ้าหน้าที่ตั้งใจทำงานมาก อันนี้ต้องขอชื่นชม แต่ในความเป็นจริง การดำเนินงานเหมือนจะติดขัดอะไรบางอย่างอยู่จากการที่ผมพยายามจะสืบหาหน่วยงาน ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พบว่ามีหน่วยงานอื่นที่ไม่ได้มีหน้าที่กำกับตรง แต่กลับมามี ส่วนสำคัญในการทำงานที่ทำเรื่องช้างร่วมกับอุทยาน และบังเอิญไปสอดคล้องกับ แผนยุทธศาสตร์ชาติ หน่วยงานแรกเป็นมูลนิธิครับ ชื่อมูลนิธิว่ามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด หรือป่ารอยต่อ มาดูบทบาทหน้าที่ของมูลนิธินี้กันนะครับ ตามที่เห็นในหน้าแรก ของ Website มีการ Claim ผลงานว่าได้มีการทำแนวกำแพงทำคูกั้นช้างในป่ารอยต่อ ภาคตะวันออกเพื่อกันไม่ให้ช้างออกมา มูลนิธินี้จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ชาติ คงไม่ได้ เพราะรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ชาติตอนปี ๒๕๖๐ ชื่อ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้วประธานกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อคือใครกันนะครับ ชื่อ พลเอก ประวิตร เหมือนกันครับ บังเอิญมาก ๆ เลย ทีนี้มาดูผลสัมฤทธิของเรื่องแนวกันช้างที่เขาโชว์ เป็นผลงานกันในหน้า Website เลยนะครับ จะมี Clip ให้ดูเป็นตัวอย่าง
ใน Clip นี่จะเห็นได้ว่าผลงานที่ Claim ไว้ใน Website ว่าได้ทำแนวกันช้างเป็นกำแพงนี้นะครับ พอทำแล้วบางส่วนก็ส่งมอบให้ อุทยานไป บางส่วนหน่วยงานรัฐเป็นกองทัพเรือนะครับ ทำเสร็จก็ส่งกลับมาให้มูลนิธิ ดูก็กันอะไรไม่ได้เลยนะครับ ประสิทธิภาพก็ตาม Clip นะครับ ข้ามกันได้ตามสบาย Clip ถัดไปนะครับ อันนี้ก็ดูเป็นการทำทั้งกำแพง แล้วก็มีคูกันช้างทั้ง ๒ อย่าง แต่ผมไม่รู้ว่า จะเรียกว่าคูกันช้างได้หรือเปล่า แต่ผมเรียกว่า Slider ช้างน่าจะดีกว่านะครับ นี่ Parade กัน ออกมาขนาดนี้ เท่าที่ดูผมก็อยากจะถามเลยสั้น ๆ อันนี้คือดีแล้วใช่ไหมครับ ไม่แน่ใจด้วยว่าการใช้โครงการ แบบนี้ ของมูลนิธิแบบนี้ เราตรวจสอบการใช้งบประมาณกับประสิทธิภาพได้อย่างไรบ้างครับ เพราะไม่รู้ว่าจุดไหนในรั้ว ในคู หน่วยงานใดรับผิดชอบบ้าง ท่านประธานครับ ผมจึงขอ ตั้งคำถามไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติว่าการที่คนในกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีมูลนิธิที่ทำงานสนองแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ การทำงานแบบนี้มันทำได้หรือครับ อันนี้เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนใช่หรือไม่
มาต่อกันที่หน่วยงานที่ ๒ ที่ผมจะกล่าวถึงก็มีสถานะเป็นมูลนิธิอีกแล้ว ชื่อมูลนิธิแบบย่อ ๆ ว่าคชานุรักษ์ มูลนิธินี้เท่าที่ดูวัตถุประสงค์ก็พอจะสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติอยู่เหมือนกัน เพราะทำโครงการที่ทำให้ช้างกับชุมชนอยู่ร่วมกันได้ มูลนิธินี้ มีทุนจดทะเบียนราว ๆ ๑๐ ล้านบาท ดูไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่อำนาจบารมีมากมายมหาศาล ชนิดที่เรียกว่าใหญ่กว่าหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่ตรงอยู่ตรงนี้เสียอีก Scan เข้าไปดูกันได้ เพราะใน Board ของกรรมการมูลนิธิเท่าที่ผมพอจะเปิดเผยได้ มีปลัดจากหลายกระทรวง ทั้งที่ดูแล้วเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง ผู้นำเหล่าทัพ ผบ. ทบ. ผบ. ตร. ไปจนถึงองคมนตรี นั่งเป็นกรรมการมูลนิธินี้อยู่ แถมที่ตั้งของสำนักงานมูลนิธินี้ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ผมคิดว่าคงไม่มี หน่วยงานใดกล้าเข้าไปตรวจสอบ ตัวอย่างงานของมูลนิธินี้มีงานหนึ่งที่น่าสนใจคือการทำ หมู่บ้านคชานุรักษ์อาศัยการกำกับงานโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อันนี้คือมูลนิธิ สั่งกระทรวงได้หรือครับ มันทำได้หรือครับ ซึ่งโครงการหมู่บ้านคชานุรักษ์ คือการให้ชุมชน กับช้างอยู่ร่วมกันได้ตามยุทธศาสตร์ชาติพอดีเลยครับ แต่ผมก็ขอให้โดยวิดีโอถัดจากนี้
ผมถามว่าชุมชนที่อยู่ตรงนี้จะอยู่กันแบบปกติสุขได้หรือไม่ ชาวบ้านตรงนั้น ถ้าประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำสวนทำไร่อยู่ ๆ ช้างยกโขยงมาอยู่รอบชุมชนเป็นสิบ เป็นร้อยตัวเขาจะกล้าออกไปทำมาหากินกันไหม จะกล้าออกไปตัดยางกันไหม ผลที่ตามมา พอช้างมาอยู่ในชุมชน คือในบางพื้นที่ก็เลยต้องมีโครงการให้ประชาชนเปลี่ยนไปทำอาชีพ อื่น ๆ ที่ก็มีตั้งแต่การทำน้ำพริก ทำปุ๋ยหมัก ไปทอผ้า ไปทำตุ๊กตา ไปทำชา ไปทำไม้กวาด เพื่อแก้ปัญหาช้าง อันนี้มันแก้ปัญหาช้างป่าอยู่ร่วมกับประชาชนอย่างไรครับ แล้ว Claim เป็นผลงานด้วยนะครับ อันนี้มันไปเปลี่ยนวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนชัด ๆ เลยนะครับ ผมจึงขอตั้งคำถามต่อกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ว่าได้มีการตรวจสอบว่ามูลนิธิที่ผมกล่าวไป เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติจริงหรือไม่ นิดเดียวครับท่านประธาน ถ้ามูลนิธินี้ไม่มีหน้าที่ตรง ๆ การตั้งตัวเป็นผู้ดำเนินการเอาข้าราชการใหญ่ ๆ มานั่งเป็นกรรมการ ถืออำนาจ แล้วแบบนี้เรียกว่ามีการปล่อยให้มีการแทรกแซงหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตรงหรือไม่ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเองที่งานตัวเองดันไปเกี่ยวข้องกับมูลนิธิแบบนี้ ผมก็สงสัยว่าสามารถจะทำงานได้อย่างอิสระจริงหรือไม่ เพราะดันมีองค์กรที่ทรงอำนาจมาก ๆ อยู่ในงานนี้ด้วย อันนี้จะเรียกว่ารัฐซ้อนรัฐได้ไหมครับ ซึ่งเรื่องนี้อันตรายนะครับ เพราะว่า เกิดความผิดพลาดจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติที่มูลนิธิพวกนี้มาเกี่ยวข้อง คนเดือดร้อน คนเสียชีวิตก็พี่น้องประชาชน ใครรับผิดชอบครับ พี่น้องประชาชนออกไป ทำอาชีพ ไปตัดยางไม่ได้ ทำมาหากินไม่ได้ พืชผลเสียหาย บาดเจ็บ เสียชีวิต ค่าชดเชย เยียวยาก็น้อยเหลือเกินแค่หลักหมื่นหลักแสน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท. ที่อยู่กับประชาชน เขาพยายามช่วยแก้ปัญหา แต่ทำอะไรไม่ได้มาก หรือเพราะอำนาจสั่งการและงบประมาณ ถูกเอาไปสร้างผลงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในมูลนิธิพวกนี้ ศพที่ตายล่าสุด อาทิตย์ที่แล้ว ศพก่อนหน้าที่วังจันทร์เขตเลือกตั้งของผม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ศพต่อไปที่ไหนดีครับ ท่านประธาน ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธาน ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ ท่านประธานครับ ก่อนอื่นผมขอชื่นชมไปยัง สตง. ต่อการ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง แล้วก็การกำกับตรวจสอบงบประมาณต่าง ๆ เพื่อความโปร่งใส แต่สำหรับวันนี้ผมมีข้อสังเกตสั้น ๆ เกี่ยวกับการทำให้รายงานฉบับนี้มีความสมบูรณ์ มากยิ่งขึ้นในครั้งถัด ๆ ไป ส่วนที่ผมจะกล่าวถึงนะครับคือเรื่องงบประมาณส่วนหนึ่งที่เรียกว่า งบรับรองที่สังคมกำลังให้ความสนใจกันอยู่ครับว่างบตัวนี้เป็นงบประมาณที่ใช้จ่ายแบบใด ได้บ้าง แบบใดไม่ได้บ้าง ซึ่งเท่าที่ทราบในรายงานก็มีอยู่ในทุก ๆ หน่วยงานนะครับ โดยใน รายงานฉบับนี้เขียนถึงงบรับรองไว้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดประกอบมากนัก คืองบ รับรองสื่อมวลชนในหน้า ๑๘๔ ครับ เป็นงบที่รายงานการเงินของหน่วยงานรัฐจำนวนราว ๆ ๒๕ ล้านบาท ซึ่งอันนี้อยากให้ผู้ชี้แจงส่งมาให้สภารับทราบเพิ่มเติมว่าจากหน่วยงานใดบ้าง ใช้โดยใครบ้าง ใช้อะไร อย่างไรบ้างในการทำเป็นงบรับรอง อยู่ในหน้า ๑๘๔ ของรายงาน ฉบับนี้นะครับ กับอีกอันหนึ่งอันนี้เป็นของทาง สตง. เองนะครับในหน้า ๓๑๕ ซึ่งทาง สตง. เองก็มีงบรับรองและงบพิธีการ อันนี้ใช้แบบไหน โดยใคร กับเรื่องอะไรบ้าง เพราะเห็นว่าตั้งแต่ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ จากการเปรียบเทียบนี่ ทาง สตง. มีการใช้งบรับรอง เพิ่มเติมถึงประมาณ ๒ เท่า อย่างไรเรื่องนี้ทางสังคมให้ความสนใจอยู่ แล้วก็ทาง สตง. เอง ในฐานะผู้ตรวจสอบงบประมาณ ก็อยากจะให้ทำเรื่องนี้ให้โปร่งใสเป็นที่รับทราบ เป็นบรรทัดฐานกับทางสังคมด้วย อย่างไรเอกสารเรื่องนี้ผมก็ขอชี้แจงเพิ่มเติมจากทาง สตง. เหมือนกัน เพราะว่าอันนี้เห็นแค่ตัวเลขแต่ไม่เห็นเลยว่าใช้กับอะไร ตามวัตถุประสงค์อะไร อย่างไรบ้าง จะได้เป็นประโยชน์กับทั้ง สตง. และสาธารณชนเองด้วย ก็หวังว่าเอกสาร เรื่องการชี้แจงของ สตง. ในการใช้งบต่าง ๆ โดยเฉพาะงบรับรองตามที่ผมได้ตั้งคำถามไป จะได้ถูกส่งมาให้ทางสภาตรวจสอบ จะได้เป็นบรรทัดฐานในการใช้งานและพิจารณาต่อไป ในอนาคต สั้น ๆ แค่นี้ครับ ขอบคุณครับ
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ขออภิปรายรายงานประจำปี ๒๕๖๕ ของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องที่ผมขอตั้งข้อสังเกตต่อรายงาน คือเรื่องหลักสูตรการอบรม โดยวิทยาลัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ชื่อว่าหลักสูตรนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย หรือ นธป. ที่ปัจจุบันเปิดมาได้ ๑๑ รุ่นแล้ว ซึ่งว่ากันตรง ๆ หลักสูตรที่เปิดขึ้นมาโดยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ผูกพันในการวินิจฉัยไปยังทุกองค์กรในประเทศไทย ซึ่งก็หลักสูตร ที่ลงข่าวอยู่อย่างต่อเนื่องว่าเป็นหลักสูตรที่มี Concept ว่าสร้างความรู้คู่ Connection อันนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่ OK ไหมกับองค์กรที่ควรจะวางตัวเป็นกลาง แต่สร้างหลักสูตร สร้าง Connection ขึ้นมา ที่หนักเลยคือในหลักสูตรนี้แรก ๆ ท่าน สส. รังสิมันต์ โรม ได้อภิปรายไว้ตอนปี ๒๕๖๒ ของรายงานว่าได้มีการจัดเอาข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ มาร่วมรุ่นเรียนหลักสูตรเดียวกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปใน ๓ รุ่นแรก จนอาจจะเกิด ข้อกังขาใดว่าเมื่อมีหลักสูตรที่ได้ไปเรียน ไปอบรม ไปดูงานอะไรต่าง ๆ ร่วมกันแบบนี้ จะส่งผลต่อการที่จะวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ รุ่นหลัง ๆ มาผมพบว่าไม่ได้มีการเอาตุลาการศาลรัฐธรรมมนูญท่านอื่น ๆ มานั่งด้วยกันอีก ก็คิดว่าคงมีการปรับปรุงแล้ว น่าจะเบาใจได้มากขึ้น แต่พอดีว่าผมเป็นคนที่ชอบสืบค้นหา อะไรที่น่าสนใจ พอผมอ่านรายงานฉบับนี้เกี่ยวกับเรื่องหลักสูตร นธป. รุ่นที่ ๑๐ ก็มีคนดัง ๆ มารวมเรียนกันมากนะครับ เป็นหลักสูตรที่เชิดหน้าชูตาอย่างที่บอก กลับมีในรายงานนี้น้อย มากครับ มีหน้าเดียว ก็เลยไปพยายามสืบหาต่อในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีรายงานการไปดูงานที่น่าสนใจมาก ๆ คือต้องมีการไปดูงาน ๒ ครั้งในหลักสูตร ผมขอ ยกกรณีการไปศึกษาดูงานที่ประเทศฮังการีในวันที่ ๑-๘ กรกฎาคม ปี ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา ท่านประธานครับ ผมขอให้ดูใน Slide นะครับ
ใน TOR การกำหนดการของการดูงาน จะพบว่าในหลาย ๆ วัน หลาย ๆ ช่วงเวลาขาดหายไป คือมันขาดได้ละครับ เพราะว่าเอาเข้า จริง ๆ การดูงานตามหลักสูตร ดูแค่ ๖ ชั่วโมงก็จะครบถ้วนตามหลักสูตร แต่ทีนี้ไปดูกัน ๗ วันครับ ดูงาน ๖ ชั่วโมง แต่ไปกัน ๗ วัน ผมก็เลยลองหารายละเอียดดูก็พบว่า ช่วงบ่าย ตั้งแต่อาหารเที่ยงถึงอาหารเย็นนี่ ถ้าเกิดไม่มีการเดินทางหายไปหมดเลยครับในช่วงตาราง การเดินทางไปศึกษาดูงาน หายไปเลยไม่แน่ว่าหายไปไหน หายไปทำอะไร และอันนี้เป็น การไปดูงานที่เท่าที่ผมดูก็มีงบหลวงนะครับ นี่คือผมขอตั้งข้อสังเกตแรกว่ามีการตั้งงบหลวง เอาผู้ที่เข้าอบรมหลักสูตร ไปเที่ยวกันหรือเปล่าครับ ผมลองหาเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ดูว่า การดูงานแบบเดียวกันที่ต้องไปยุโรปเหมือนกันก็พบว่าใน นธป. รุ่น ๑๑ ก็มีคนดัง ๆ เพียบ เหมือนกันอันนี้ที่ดังมาก ๆ ก็น่าจะเป็นท่านว่าที่ ผบ.ตร. นะครับ กับนายแพทย์อีกท่านที่เรา เห็นหน้าบ่อย ๆ ตอนช่วงโควิด ก็ดีครับยังไม่มีท่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาร่วมอยู่ในนี้ เขาไปไหนกันบ้าง ก็พบว่าในรายงานของรุ่น ๑๑ ที่ไปมาก็เบลเยียมกับลักเซมเบิร์กนะครับ เรื่องนี้มีข้อสังเกตที่น่าสนใจตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินเลยนะครับ ในกำหนดการ Highlight ที่เขียน ไว้ว่าขึ้นเครื่องที่ Counter A อันนี้เฉพาะ First Class กับ Business Class ใช่ไหมครับ ในงบดูงาน ๒ ล้านกว่าบาท ตามยอดผู้ไปดูงานตกหัวละไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท แปลก ๆ นะครับ Business Class First Class นี่น่าจะ ๑๐๐,๐๐๐ กว่าบาทต่อท่านนะครับ แล้วกำหนดการ ก็เอาอีกแล้วครับ ไปดูนิดหน่อย ดูนิดเดียว บางช่วงบางวันนี่เขียนเลยนะครับ กินข้าวเที่ยง เสร็จแล้วไปกินข้าวเย็นต่อเลย ช่วงบ่ายหายไปหมดเลย ผมก็ไม่ทราบว่าไปที่ไหนกันนะครับ ก็เลยลองพยายามดูว่านอกจากผู้ที่ไปร่วมหลักสูตรมีใครไปบ้าง ท่านเลขาก็ไป ผมเห็นชื่อ เหมือนกัน ท่านเลขามาชี้แจงวันนี้ด้วยมีชื่ออยู่ แล้วก็มีรุ่นพี่ นธป. ไปกับ Trip นี้ด้วยครับ นั่นก็คือท่านประธานศาลรัฐธรรมนูญครับ ท่านตุลาการศาลรัฐธรรมมนูญครับ นำ Trip ไปเองเลยนะครับ อยู่ด้วยกัน ๗ วัน ด้วยงบหลวงที่ยุโรป คราวแรกที่ไปเรียนด้วยกันแล้วพอ โดนตั้งข้อสงสัยก็เลยเปลี่ยนจากไปเรียนด้วยกันเป็นไป Tour ด้วยกันหรือครับ ผมก็อุตส่าห์ ดีใจว่าพอท่านไม่ลงเรียนแล้วก็จะได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางอย่างแท้จริง ที่ไหนได้ก็ยังอยู่ใน Trip เดียวกันไปยุโรปด้วยกัน ๗ วันด้วยกัน อย่างไรผมฝากท่านประธานไปยังผู้ชี้แจงด้วยว่า งบที่ไปเป็นงบหลวงทั้งหมด หรือมีงบอะไรอีก ใช้งบรับรองหรือไม่ ใช้จากส่วนใด ท่านชี้แจง ไว้ตรงนี้ก็ดี เพราะ Trip หน้าวันที่จะไปเกาหลีกันนี่ตามหลักสูตร วันอาทิตย์นี้บินแล้วนี่ครับ เดี๋ยวก็ต้องโดนถามอีกนะครับว่า ตกลงนี่งบหลวงเอามาสร้างหลักสูตรทำ Connection ทำ Tour ให้คนสงสัยว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเอางบมาทำแบบนี้จะหาความเป็นกลาง และความโปร่งใสได้อย่างไร ขอบคุณครับท่านประธาน
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ผมมีส่วนที่ติดใจจากส่วนที่ทางผู้ชี้แจงได้ชี้แจงตอบนะครับ เรื่องการไปดูงานของ นธป. ก็ตามที่ท่านชี้แจงเลยว่ามีไปดูงาน ๓ ที่ ในเวลา ๗ วันตามหลักสูตรครับ ก็ที่บอกว่ามีรายงาน อะไรเรียบร้อย ถ้าเกิดดู ๓ ที่จริง ๆ การดูงาน ๗ วันนี่ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล นั่นข้อที่ ๑ แล้วก็ที่ท่านบอกว่าในส่วนของรุ่นที่ ๑๐ ที่จะให้ผมมาดูใน Website จริง ๆ ผมดูหมด แล้วครับ ถ้าผมต้องไปสืบค้นถึงกระทั่งดูเรื่องของการทำ e-Bidding ดูของกรมบัญชีกลาง เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างในการไป ผมดูไปจนถึงว่าของที่ระลึกที่เอาไปเป็นอะไรเรียบร้อย แล้วครับ มาจากหน่วยงานไหน ผมดูครบหมดแล้วครับ แต่ใน Website ของศาลรัฐธรรมนูญ ของรุ่นที่ ๑๐ ไม่มีนะครับ ผมดูหมดแล้วครับ พยายามจะดูจนหมดก่อนเพื่อจะเอาส่วนที่ ผมไม่สามารถหาข้อมูลได้มาถาม อันนี้ก็คือ Website ของศาลรัฐธรรมนูญเลยครับที่ผมเปิด อยู่ตรงนี้เลยครับ อย่างไรก็ถ้าเกิดจะให้ผมสามารถดูข้อมูล หรือให้ประชาชนดูข้อมูลทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผมตั้งข้อสงสัย ผมก็อยากจะให้ทาง Website ของศาลรัฐธรรมนูญ ทำการ Upload เรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ผมสามารถสืบค้นได้ เพราะว่าเท่าที่มีคือทั้งหมด ที่มีเผยแพร่แล้วครับ แล้วก็กำหนดการอย่างที่ผมแจ้งไว้ว่าโปร่งใสไปดูที่ไหนบ้าง บางอันที่อยู่ ในรายงานก็ไม่ได้อยู่ในกำหนดการ ส่วนที่มีในกำหนดการก็คือไม่มีอะไรเลยว่าไปที่ไหน ผมก็เลยตั้งข้อสงสัยเพื่อสอบถามหาความโปร่งใสของการใช้งบประมาณในการจัดอบรม หลักสูตรความรู้คู่ Connection ของทางศาลรัฐธรรมนูญ นธป. นี้ละครับ จริง ๆ ท่านไม่น่าจะตอบยาก เพราะก็อย่างที่แจ้งไปว่าผมเห็นรายชื่อผู้ไปทั้งหมดแล้วครับ แล้วทางท่านผู้ชี้แจงก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ไปด้วย แล้วท่านเองก็มีรายชื่อผู้สมัครเป็นว่าที่ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญท่านต่อไปด้วยเช่นกัน อย่างไรผมว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะตอบยาก อย่างไรรบกวน ชี้แจงเพิ่มเติมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง เขตอำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ผมขอร่วมอภิปรายรายงาน ประจำปี ๒๕๖๕ ของสำนักงาน EEC ต่อการจัดทำโครงการต่าง ๆ ภายใต้การกำกับของ EEC ในจังหวัดระยอง ท่านประธานครับ ตัวโครงการ EEC เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ กับการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศอันนี้ผมเข้าใจดี แต่ข้อกังวลของคนในพื้นที่ต่อการพัฒนา
ตั้งแต่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรม จนมาถึงตอนนี้ชุมชนในพื้นที่เองได้รับผลกระทบและแบกรับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน และในเขตผมเองประชาชนทุกคนในพื้นที่ฝากคำถามและข้อกังวลมาถึงผู้ชี้แจง เพื่อจะได้ตอบคำถาม
เรื่องแรก ผมขอเริ่มที่หน้า ๙๑ ของรายงานฉบับนี้ที่ระบุว่าจะมีการยกระดับ บริการสาธารณสุขในเขต EEC โดยจะมีการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง สาขา ๒ ให้เป็น Sandbox ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขภายใต้การร่วมทุนระหว่างภาครัฐ และเอกชนหรือที่เรียกว่า PPP ในรายงานระบุถึงการให้บริการโดยทำให้โรงพยาบาลปลวกแดง เป็นโรงพยาบาลรัฐที่มีบริการ Premium แบบเอกชน โดยมติการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ ได้มีการเห็นชอบผลการศึกษาไปเป็นที่เรียบร้อย ความเป็นจริงในพื้นที่จนถึงตอนนี้ ความคืบหน้าล่าสุดการสร้างโรงพยาบาลยังคงมีความคลุมเครือในหลายอย่าง ทั้งการทำ PPP โดยยังมีข้อไม่เห็นด้วยจากทั้งชุมชนและโรงพยาบาลปลวกแดงเอง โดยคำชี้แจง ในรายงานรับฟังความคิดเห็นที่อ้างอิงถึงการให้เอกชนเช่ายาว ๕๐ ปี โดยยังไม่มีการเปิดเผย TOR ว่าสามารถบริการประชาชนได้ตามคำโฆษณาจริงหรือไม่ เพราะในพื้นที่ตอนนี้ ก็มีโรงพยาบาลกรุงเทพปลวกแดงที่เพิ่งเปิดบริการอีกแห่งเป็นคู่แข่งขัน ถ้าในระยะเวลา ของการบริหารจัดการหากเอกชนที่เข้ามาประมูลได้ไปไม่สามารถบริหารกำไรได้ตามเป้า คำถามก็คือโรงพยาบาลปลวกแดง สาขา ๒ จะเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ต้องตอบกันให้ชัดนะครับ เพราะระยะเวลา ๕๐ ปีที่ให้เช่าไม่ใช่น้อยเลย แล้วยังไม่ต้องไปว่ากันถึงเรื่อง ๕๐ ปีข้างหน้าหรอก ตอนนี้โรงพยาบาลปลวกแดง สาขา ๒ ยังมีปัญหาในการที่ต้องปรับแบบ เพิ่งมีการประชุมกันไป ส่งผลทำให้ต้องหาเงินมาเพิ่มเติมเพื่อปรับแบบอีกประมาณ ๕๕ ล้านบาท ซึ่งไม่รู้ว่าใครต้องเป็นคนจ่าย และทำไมต้องปรับแบบ อันนี้ไม่ได้อยากจะกล่าวหานะครับ แต่มันน่าสงสัยจริง ๆ เพราะการปรับแบบครั้งนี้หน้าตา TOR ก็ยังไม่ออก ปรับไปเพื่ออะไร หรือมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบมีการบอกว่ามีผู้สั่งการปรับแบบ ด้วยวาจาให้โรงพยาบาลตั้งเรื่อง มีการคุยกับเอกชนที่จะให้มาประมูลบางเจ้าหรือเปล่าว่า ให้โครงสร้างโรงพยาบาลเป็นไปในรูปแบบใดที่เหมาะกับการเข้ามาประกอบกิจการ ผลคือ การปรับแบบครั้งนี้ทำให้ผู้รับเหมาต้องขอหยุดงานไปแล้ว ๒ เดือน เอกสารก็ค้างอยู่ใน หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะความไม่ชัดเจนของสาเหตุการปรับรูปแบบ แล้วถ้ายังคง ดำเนินงานไปในรูปแบบนี้การทำ PPP จะนำไปสู่การให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้จริง ตามเป้าหมายหรือไม่ หรือสุดท้ายผลประโยชน์เรื่องนี้จะไปตกอยู่ที่ใครกันแน่ จึงต้อง ขอให้ทาง EEC ช่วยส่งเอกสาร TOR ให้กับทางสภา เพื่อตรวจสอบความโปร่งใส และเพื่อ ความสบายใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจกันได้เสียทีว่าการทำงานแนวนี้เป็นไปเพื่อ ผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ผลประโยชน์ของใครบางคน
เรื่องที่ ๒ กรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างการจัดทำผังเมืองเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๗ โดยตามรายงานจัดทำ ๔ ขั้นตอน ขณะนี้ผังเมือง ที่เกี่ยวข้องกับเขตดูแลของผมคือผังเมืองรวมชุมชนบ้านค่าย ผังเมืองรวมชุมชนปลวกแดง และผังเมืองรวมชุมชนวังจันทร์ ในเอกสารที่ได้มามีส่วนที่ผมตั้งข้อสงสัย ผมอยากทราบว่า ตอนนี้ถ้าเกิดมีการปรับสีผังเมืองรวมมันจะทำให้เกิดมีการลงทุนเปิดโรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มเติมแล้วจะกระทบกับชุมชนหรือไม่ เรื่องนี้มองข้ามไม่ได้นะครับ เพราะว่าที่ผ่านมา เวลาเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมชุมชนและพี่น้องประชาชนก็คือผู้ได้รับผลกระทบ ผมมีตัวอย่างคือที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย โครงการนี้ อยู่ติดกับหมู่บ้านเดอะเดคโค่ ในโครงการมีนิคมอุตสาหกรรมมาตั้งแบบนี้มักเกิด ผลกระทบกับชุมชนโดยรอบ ที่เดอะเดคโค่ผมดูใน Slide ก็จะมีการถมดินนั่นคือที่ที่กำลัง จะสร้างนิคมอุตสาหกรรม นั่นคือรั้วของหมู่บ้าน ใน Map จะเห็นเลยว่าติดกัน แต่หมู่บ้านนี้ ตกสำรวจครับ ไม่อยู่ในเขตผู้ได้รับผลกระทบ ใกล้ขนาดนี้ไม่ได้รับผลกระทบ พี่น้องประชาชน จะสบายใจได้อย่างไรเวลามีนิคมอุตสาหกรรมมาตั้ง
เรื่องที่ ๓ Case ถัดมา มีการลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมมาฝังไว้ในตำบล หนองละลอก หมู่ที่ ๙ แล้วถูกขุดเจอ เพราะว่าจะมีการขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งกลายเป็น ภาระหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ที่จะต้องมาขนออกไป จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปสืบหา คนที่ขนมาอย่างไร เพราะขนมากี่ปี กี่สิบปีก็ไม่แน่ใจ แล้วถ้าเกิดมีโรงงานมาตั้งเพิ่มเติม ชาวบ้านพี่น้องประชาชนจะสบายใจได้อย่างไรครับ แล้วถัดมาคือเรื่องของการชดเชยเยียวยา เมื่อเกิดผลกระทบ อันนี้ตัวอย่างที่บ้านค่าย ตำบลบางบุตร บ้านหนองพะวา มีโรงงาน อุตสาหกรรม ที่เอาขยะอุตสาหกรรมมาเก็บไว้ในชุมชนแล้วรั่วไหลเป็น ๑๐ ปีแล้ว จนบัดนี้ การชดเชยเยียวยาและการเอาขยะอุตสาหกรรมไปกำจัดก็ยังไม่จบสิ้น สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมลงไปพื้นที่กับชาวบ้านพบว่าน้ำปนเปื้อนสารไหลออกไปไกล ๓ กิโลเมตรในรัศมีของโรงงาน เรียบร้อยแล้วครับ คดีความที่ฟ้องร้องอยู่ในศาลผมไม่ก้าวล่วง แต่เรื่องของการชดเชยเยียวยา และการกำจัดสารมีพิษที่อยู่ภายใน เรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นแน่ ๆ หรือไม่ ถ้าเกิดมี EEC เรื่องนี้ ก็ต้องให้ผู้ชี้แจงช่วยตอบเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนผังชุมชนที่อาจจะมีโรงงานมาตั้งในเขต อำเภอบ้านค่าย เรื่องผังเมืองรวมชุมชนของบ้านค่ายขอเอกสารเพิ่มเติมด้วยนะครับ ถัดมา เป็นพื้นที่ชุมชนวังจันทร์ เป็นกรณีของ EECi ในวังจันทร์วัลเลย์ ซึ่งจะมีการเปิดการลงทุน เพิ่มเติมโดยตั้งเป้าว่าจะทำให้เกิดการลงทุนจากภาครัฐเป็นเม็ดเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยประมาณ เท่าที่ดูก็อาจจะต้องมีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมลงทุนเพิ่มเติม ผมเข้าใจดีว่า ภาครัฐจำเป็นต้องสนับสนุนเพื่อให้การพัฒนามีการตอบโจทย์กับนักลงทุน แต่เท่าที่ผม เคยคุยกับ EECi ตอนนี้ก็เข้าใจว่ายังไม่มีเม็ดเงินตอบโจทย์นักลงทุนมากพอนัก แต่อย่างไร ก็ตามความกังวลในพื้นที่เขตอำเภอวังจันทร์เป็นเขตที่มีพื้นที่อนุรักษ์ เป็นเขตพื้นที่อุทยาน และเกษตรกรรม ถ้าจะมีการลงทุนเพิ่มเติมทางอุตสาหกรรมอย่างไรขอให้คำนึงถึง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญเรื่องการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมนี้เรามีบทเรียนกันมามาก ชาววังจันทร์ที่ไม่ใช่ เขตลงทุนอุตสาหกรรมมาแต่แรกเขามีความกังวลไม่ใช่เรื่องแปลก และปัญหาเดิมของเขาเอง ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ที่ EECi เองมีช้างพังรั้วเดินเข้ามาในเขตของ EECi วังจันทร์วัลเลย์เลย แล้วถ้าต่อไปมีการเปิดให้มีการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมในอนาคต โดยที่ปัญหาช้างป่า ก็ยังไม่ได้ถูกแก้ไข คำถามคือจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรครับ มันต้องทำนิคมคชานุรักษ์เพิ่มเติม หรือไม่เพื่อทำให้โรงงานกับช้างอยู่ร่วมกันได้ เรื่องนี้เราต้องเอาปัญหาที่เป็นอยู่จริง ๆ ขึ้นมา คุยกันเสียก่อน ก่อนจะเดินไปข้างหน้าสู่การพัฒนา งานทิศทางการพัฒนาก็ต้องมุ่งแก้ปัญหา ที่เกิดขึ้นใหม่ไม่รู้จักจบจักสิ้น ขอบคุณครับท่านประธาน
ท่านประธานครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ผมมีเรื่องติดใจอีกนิดหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องโรงพยาบาลปลวกแดง คำชี้แจงคือ บอกว่าปรับแบบสำหรับการจอดเฮลิคอปเตอร์ ท่านผู้ชี้แจงครับท่านเลขาธิการ ผมมีบันทึก การประชุมนะครับ บันทึกการประชุมมันเป็นการปรับแบบของชั้น ๔ ชั้น ๕ ชั้น ๖ ไม่น่า จะเป็นชั้นสำหรับการจอดเฮลิคอปเตอร์ เหมือนเป็นการปรับแบบของการก่อสร้างให้สอดคล้อง กับการลงทุนสำหรับบางบริษัทที่จะมาลงทุนหรือเปล่า ที่ผมตั้งข้อสงสัยไว้คือเรื่องนี้ ไม่ใช่ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ครับ ดังนั้นเรื่องนี้ผมตั้งข้อสงสัยเพื่อจะขอดู TOR ว่าการทำ TOR ออกมา คือเอา TOR ส่งมาให้สภาดีกว่าจะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร เพราะดำเนินการมาที่จะไป PPP มันต้องเห็น TOR ถึงจะรู้ว่านักลงทุนที่ลงมาจะลงทุนแบบไหน กำกับไหมว่า นักลงทุนจะเป็นแบบใด ตรงนี้จำเป็นจริง ๆ อย่างไรขอดู TOR เถอะครับ เพราะว่าบันทึก การประชุม ๒ ครั้งล่าสุดก่อนที่ผู้รับเหมาจะหยุดทำงานไป ๒ เดือนผมมีทุกอย่าง ผมรู้กระทั่ง ว่าหนังสือไปตันอยู่ที่ไหน แล้วคนที่ต้องเซ็นไม่เซ็นเพราะอะไรด้วย อย่างไรที่มาที่สภาแห่งนี้ ผมต้องการเอกสาร TOR ของโรงพยาบาลปลวกแดง ๒ จริง ๆ แล้วก็เรื่องผังเมืองรวมทั้งของ วังจันทร์ บ้านค่าย ปลวกแดงด้วย มีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ขอบคุณท่านผู้ชี้แจงครับ
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง เขตเลือกตั้งที่ ๔ อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ พรรคก้าวไกล วันนี้ผมขอร่วมอภิปราย สนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้าของสภาผู้แทนราษฎร
ขั้นแรกผมคิดว่าเราต้องพูดกันอย่างจริงจังแล้วว่าในขณะนี้ที่กฎหมาย ของประเทศไทยระบุไว้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ถูกกฎหมายตั้งแต่การนำเข้า บริโภค หรือจำหน่าย แต่เราเดินออกไปทุกที่ไม่ได้ยากเลยที่จะหาสิ่งที่เรียกว่าผิดกฎหมายนั้นอยู่ในมือของ ประชาชน ดังนั้นจุดยืนของผมจึงขอสรุปว่าเป็นจุดยืนที่การผลิต การบริโภค การนำเข้า และการจำหน่ายต้องทำได้ ผ่านการควบคุมของรัฐ โดยยึดถือเอาผลประโยชน์สูงสุดของ ประเทศชาติและประชาชน เพื่อตั้งเกณฑ์ที่เหมาะสมในการที่ป้องกันไม่ให้นักสูบหน้าใหม่ เข้ามาสู่ตลาดยาสูบเหล่านี้ การที่เราไม่มีการควบคุมแต่ยังคงมีอยู่นำมาสู่อะไรบ้างครับ กฎหมายต่าง ๆ ที่มีอยู่ตอนนี้นำมาสู่การที่นำไปสู่การจับ การปรับ และทำให้เกิดภาพลักษณ์ ที่ติดลบกับประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวประเทศอื่น ๆ รวมถึงคนไทยด้วย สุดท้าย การจะจำหน่ายหรือการจะทำอะไรกับบุหรี่ไฟฟ้าก็ต้องจ่ายให้กับใครบางคนอยู่ดี สุดท้ายเรื่องนี้ไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้หายไปจากสังคมไทย มันกลับไปอยู่ใต้ดินอยู่ภายใต้ การดูแลของหน่วยงานต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาการที่บุหรี่ไฟฟ้าต้องไปกลายเป็นส่วย เป็นอะไรพวกนี้ เราควรจะต้องให้รัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการกำกับดูแลเอาข้อกังวลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย ในความรู้สึกของบุคลากรด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์ว่ามัน อันตรายหรือไม่อันตราย เรามาทำให้มันเป็นจริงเป็นจังให้มันถูกกฎหมาย และวิจัยกันออกมา จริง ๆ จัง ๆ เลยว่าบุหรี่ฟ้าสุดท้ายแล้วผลของมันดี ไม่ดี อย่างไร และเมื่อวิจัยแล้วถ้าจะให้ ดีขึ้น จะให้ปลอดภัยขึ้น รัฐควบคุมได้ รัฐกำกับได้ รัฐดูแลได้ เพราะสุดท้ายอย่างที่ผมบอก ตอนต้นการไม่ดูแลมันก็ยังมีอยู่ดี
ลำดับถัดมาครับ การมีส่วนร่วมนี้จะทำอย่างไรได้บ้าง ตอนนี้รัฐไทยเรา มีการควบคุมราคาบุหรี่และภาษีต่าง ๆ ภายใต้โรงงานยาสูบ แต่ผลที่เกิดขึ้นคืออะไรครับ บางครั้งการที่มีโรงงานยาสูบที่ควบคุมดูแลเรื่องการจำหน่ายบุหรี่ปกติบุหรี่ทั่วไปอยู่ การตั้ง ราคาและกำหนดราคาโดยรัฐเองบางครั้งก็นำไปสู่การที่ทำให้เกิดบุหรี่เถื่อนเข้ามา เพราะ ๑. ราคาถูกกว่า แอบนำเข้ามาแล้วขายได้กำไรดีกว่า สุดท้ายรัฐเองก็ไม่ได้ประโยชน์ อย่างเต็มที่จากการพยายามควบคุมด้วยตัวเอง ข้อเสนอหนึ่งที่ผมอยากจะเสนอไว้สำหรับการ เข้าสู่คณะกรรมาธิการวิสามัญครั้งนี้ คือต้องพิจารณากันแล้วว่าเราจะทำอย่างไรในการที่จะ เริ่มควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้อยู่ในจุดที่ ๑. สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบหรือผู้ที่ สังเคราะห์น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย โดยที่ทุกวันนี้เขาเหล่านี้ก็ขายอยู่ครับ เขาจะไปอยู่ ตรงไหน หรือเขาจะขายอย่างผิดกฎหมายในขณะที่รัฐขายอย่างถูกกฎหมาย แล้วถ้าเกิด ทั้งสองฟากขายแบบที่ฝั่งหนึ่งขายราคาแพง ฝั่งหนึ่งขายราคาถูก สุดท้ายถ้ารัฐตั้งราคาแพงไป และไม่ให้มีส่วนร่วมกับคนที่รู้เส้นทางหรือการขายอยู่แล้ว เขาเหล่านั้นจะอยู่อย่างไร เขาก็ไป ขายแบบผิดกฎหมายอยู่ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงกันให้ดีว่าสุดท้ายแล้วเราจะทำอย่างไร กับผู้ที่ยังจำหน่ายอยู่ และรัฐจะเข้าไปจำหน่ายอย่างไร จำหน่ายโดยตัวเองหรือไม่ หรือจะ ขายเป็นใบอนุญาตการจำหน่ายที่ถูกกฎหมาย และเป็นผู้ผลิตด้วยตัวเอง เรื่องนี้วันนี้เรายังคง หาข้อสรุปไม่ได้ เพราะเราเองก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่รัฐสามารถหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามานั่ง เพื่อพูดคุยหาแนวทางที่เหมาะสมสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้เหมือนกันครับ ตัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเองตอนนี้ก็ยังมีข้อถกเถียงว่าสร้างสารพิษที่ไม่เหมือนในบุหรี่จริง อย่างไรบ้าง และทำอย่างไรให้สารเหล่านั้นถ้าจะต้องทำโดยรัฐ ผมก็ขอเสนอผ่านไปยัง คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดที่กำลังจะตั้งขึ้นมาว่าถ้าจะทำโดยรัฐผ่านการควบคุมแล้ว ตัวไหน เป็นสารที่ก่ออันตรายและสามารถทำให้มันไม่อันตรายได้ และผลิตโดยประเทศไทยได้ ต่อไปในอนาคตข้างหน้าอาจจะสร้างรายได้ให้กับประเทศ ไม่ว่าจะผ่านภาษีหรือตัวผลิตภัณฑ์ ของรัฐได้เช่นกัน และแน่นอนเราคงไปถึงจุดนั้นไม่ได้ถ้ารัฐไม่เริ่มจากการเข้ามามีส่วนร่วม ในการวิจัยและพัฒนาด้วยตัวรัฐเอง ผมเชื่อว่าประเทศเรามีศักยภาพพอครับ นี่อาจจะเป็น หนึ่งใน Soft Power ของประเทศไทยก็ได้ อยู่ที่เราจะยอมรับสิ่งที่มีอยู่มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นการที่ผมได้กล่าวมาตั้งแต่ต้น การตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาครั้งนี้ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าศึกษาออกมาแล้วมีแนวทางที่ดี เป็นประโยชน์ทั้งต่อการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ ทั้งต่อการป้องกันการขายและเก็บส่วยและทำให้ประชาชนมีรายได้ สร้างอาชีพได้ เรื่องนี้ สุดท้ายผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือรัฐและประชาชนผ่านการควบคุม อย่างน้อยถ้าต่ำที่สุดก็ต้อง อยู่ในระนาบเดียวกันกับบุหรี่จริงทั่วไปที่รัฐก็กำกับดูแลอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะทำอย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังมีอยู่ครับ อยู่ที่เราจะเลือกเข้าไปมีส่วนร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร ยอมรับมัน อยู่กับมัน และทำให้มันดีดีกว่าครับท่านประธาน ขอบคุณครับ
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ขอปรึกษาหารือผ่านท่านประธาน ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้ ๔ เรื่องแรกขอฝากถึงแขวงทางหลวงและทางหลวงชนบท ดังนี้ครับ
เรื่องที่ ๑ ไฟถนนที่คลองช้างตาย ไฟตรงแยกเสียมานานแล้วเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ล่าสุดเพิ่งตายไปอีกคนเมื่ออาทิตย์ก่อน รบกวนไปเพิ่มด้วยครับ จะเอาอีกกี่ศพ
เรื่องที่ ๒ Barrier กลางถนนเส้น รย.๓๑๔๓ หน้านิคม WHA บ้านค่าย สูงจนเกินไปไม่มีการตีเส้นจุดกลับรถ จุดข้ามถนน อันตรายมาก รบกวนแก้ไขด้วย ยก Barrier ออกเลยก็ดีนะครับ
เรื่องที่ ๓ โครงการก่อสร้างถนน ๓๕๗๔ หน้านิคมโรจนะ บ้านค่าย ป้ายบอก เขตก่อสร้างและแนวกรวยอยู่กระชั้นจุดก่อสร้างมากเกินไปทำให้เกิดอันตราย ฝากแก้ไขด้วย แถมไฟถนนมืดมาก ฝากเรื่องไฟส่องสว่างด้วยนะครับ
เรื่องที่ ๔ โครงการถนน รย.๓๑๙๑ เส้นระหว่างแยกมาบเตยไปแม่น้ำคู้ ไม่แน่ใจว่ามาตรฐานความปลอดภัยเป็นแบบไหน หลุมลึกพังถนนถล่มหมดเลย ล่าสุด เกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์หลบเศษวัสดุพุ่งไปอีก Lane รถบรรทุกหักหลบวิ่งเข้าชนร้านค้า จะให้เสี่ยงตายไปถึงไหน ฝากผู้รับจ้างช่วยดูแลด้วยครับ อย่างน้อยเก็บเศษวัสดุออกจาก ข้างถนนก็ยังดี
ต่อไปฝากถึงกระทรวงอุตสาหกรรม ๒ เรื่อง
เรื่องที่ ๑ โรงงานซินเคอหยวน นิคมอุตสาหกรรม RIL ปล่อยเขม่าควัน ออกมาเยอะแล้วบ่อยมาก ๆ รั่วออกทางหลังคา ไม่ใช่ทางปล่อง ไม่รู้ผ่านการบำบัดหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ส่งกลิ่นเหม็นเป็นวงกว้าง บางครั้งมีเศษวัสดุลอยออกมาด้วย ชาวบ้านเดือดร้อนครับ
เรื่องที่ ๒ หมู่บ้านเดอะเดคโค่ไม่ได้รับการเยียวยาจากการจัดตั้ง เขตนิคมอุตสาหกรรม ทั้ง ๆ ที่จุดก่อสร้างแทบจะติดกับประตูบ้านเขาอยู่แล้ว เป็นแบบนี้ เพราะหมู่บ้านนี้ตกสำรวจ ไม่รู้ว่าตกได้อย่างไรใกล้ขนาดนี้ ฝากสำรวจใหม่ด้วยนะครับ
ต่อไปฝากถึงกรมชลประทาน ๒ เรื่อง
เรื่องที่ ๑ อ่างเก็บน้ำหนองคมบางเครื่องสูบน้ำมีเพียงตัวเดียวไม่เพียงพอ ต่อการแจกจ่ายให้ประชาชนโดยรอบ ๒ ตำบล ต้องการเครื่องสูบน้ำแบบบนแพเพื่อแจกจ่าย น้ำโดยรอบ
เรื่องที่ ๒ ซอยสุพรรณ อำเภอปลวกแดงอยู่ใกล้กับแหล่งรับน้ำจาก หลายเส้นทางน้ำรวมบรรจบกันทำให้น้ำท่วมได้ง่าย ฝากกรมชลประทานจัดทำแผนป้องกัน น้ำท่วมซ้ำซากบริเวณนี้ด้วยครับ ลอกคลองบ้างก็ดี
เรื่องสุดท้าย ผนังดาดคอนกรีตเลียบแม่น้ำระยอง ทางหลวงหมายเลข ๓๕๗๕ พัง ๆ ซ่อม ๆ มาหลายครั้ง ล่าสุดซ่อมไปปี ๒๕๖๕ ตอนนี้พังอีกแล้ว เสาไฟฟ้าเริ่มเอียง อันตรายมากครับ ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบทุกหน่วยงานใส่ใจ ช่วยเหลือประชาชนให้คุ้มค่ากับภาษีประชาชนด้วย ขอบคุณมากครับ
ท่านประธานครับท่าน ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ในฐานะ Whip ฝ่ายค้าน รบกวนท่านประธานรอสักเล็กน้อยนะครับ เพราะว่า มีบางห้องเพื่อนสมาชิกกำลังอยู่ในกระบวนการโหวตประธานคณะกรรมาธิการ แล้วก็น่าจะ ใช้เวลาสักเล็กน้อยในการเดินทางลงมาที่นี่ มีการแจ้งกลับมาแล้ว น่าจะมีหลายห้องเหมือนกัน ถ้าอย่างไรขอเวลาท่านประธาน รบกวนรอสักเล็กน้อยนะครับท่านประธาน
ขอบคุณมากครับท่านประธาน
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ผมขอร่วมอภิปรายญัตติด่วน เรื่องปัญหาน้ำท่วมเพื่อส่งมอบปัญหาให้กับรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบและดำเนินการแก้ไขปัญหา ท่านประธานครับ เมื่อคืนมีฝนตกหนักทั่วพื้นที่ ทั้งจังหวัดระยอง มีหลายจุดเกิดความเสียหายจากน้ำท่วมขัง แต่จุดที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้ เป็นจุดที่มีปัญหาหนักกว่าที่อื่น
คือที่บ้านหนองพะวา ตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย เหตุผลที่จุดนี้มีปัญหาหนักกว่าที่อื่นเพราะจุดที่เสียหายเป็นพนังกั้นน้ำในบ่อ เก็บน้ำ ซึ่งเป็นบ่อที่มีน้ำปนเปื้อนสารปิโตรเลียม ไฮโดรคาร์บอน น้ำมัน และไขมัน ๑๐๖ ซึ่งถูกจัดว่าเป็นวัตถุอันตรายในระดับที่ ๕๐ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชี รายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๘ ของโรงงานกำจัดของเสีย ที่ชื่อว่าบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ครับท่านประธาน หลังจากฝนตกหนักพนังกั้นน้ำแตก ผลกระทบฉับพลันที่เกิดขึ้นคือบ้านเรือนของพี่น้อง ประชาชนโดยรอบพืชผลการเกษตรได้รับความเสียหายรุนแรง น้ำที่ไหลออกมาไหลเข้าท่วม บ้านเรือนพี่น้องประชาชน ไหลเข้าไปในสวนและเรือกสวนไร่นา พื้นที่นี้ผมเคยไปลงพื้นที่ มาแล้ว ยางพารารอบ ๆ ที่ปลูกอยู่ใกล้ ๆ สวนแค่น้ำไหลออกมาบ้างเป็นบางระยะก็ตาย ทั้งสวนแล้วครับ ตอนนี้ไหลออกมาเพราะทำนบแตก ก็ไม่ต้องคิดกันเลยครับว่าพืชผล การเกษตรจะเสียหายขนาดไหน และย้ำอีกครั้ง น้ำที่ไหลออกมาจากบ่อนี้ไม่ใช่น้ำธรรมดา ที่ไหลมาตามน้ำท่วม แต่เป็นน้ำสารเคมีที่ปนเปื้อน แล้วตอนนี้ได้ไหลทะลักลงไปรวมกับน้ำ ในคลองโบสถ์ ไหลเข้าทางมาบกลางไปที่คลองน้ำงู เข้าสู่คลองใหญ่ สุดท้ายน้ำสายนี้ ที่ปนเปื้อนสารเคมีไหลไปจบที่แม่น้ำระยอง แม่น้ำสายหลักของจังหวัดระยอง เตรียมตัว ไหลลงสู่ทะเลเป็นที่เรียบร้อย ท่านประธานครับ ความเสียหายกว้างใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นจาก จุดเล็ก ๆ จุดเดียว คือโรงงานที่ชื่อว่า บริษัท วิน โพรเสส จำกัด จุดเริ่มต้นของโรงงานแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ ครับ ตอนนั้น บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ได้มีการขอใบอนุญาตประกอบ กิจการคัดแยกสิ่งปฏิกูลและวัสดุไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตรายจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็ถูกคัดค้านอย่างหนักจากชาวบ้านบ้านหนองพะวา ตำบลบางบุตร ถึงขนาดว่าชาวบ้าน ต้องไปตั้งเต็นท์ขวางไม่ให้รถขนขยะเข้าไปในโรงงานที่กำลังขอใบอนุญาต อยู่กันเป็นเดือน ๆ มาแล้วนะครับ ผมเคยไปลงพื้นที่มาหลายครั้ง หลังจากคัดค้านมานานมาก แต่ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ก็ไม่หยุดโครงการ พยายามขอใบอนุญาตพร้อมลักลอบดำเนินการต่อไป เรื่อย ๆ ทั้งที่ยังไม่มีใบอนุญาต จนสุดท้ายหลังจากคัดค้านเป็นอย่างหนัก ทางกรมโรงงาน อุตสาหกรรมก็มอบใบอนุญาตให้ในปี ๒๕๖๐ ไป ๗ ใบ ความเสียหายเลยยิ่งรุนแรงขึ้น เรื่อย ๆ ตรงจุดที่เป็นน้ำสีดำใน Slide คือบ่อที่มีสารเคมีไหลไปรวม แล้วก็มีบ่อข้าง ๆ ที่น้ำไหลลงไปรวมข้าง ๆ เป็นน้ำสีน้ำตาลที่ตอนนี้ทำนบพังทลายลงไปแล้วนะครับ สุดท้าย ประชาชนในพื้นที่จึงตัดสินใจที่จะยื่นฟ้องบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในปี ๒๕๖๔ และชนะคดี ในปี ๒๕๖๕ โดยศาลพิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ยื่นฟ้อง ๑๕ ราย เป็นจำนวนรวม ๒๐,๘๒๓,๗๑๘ บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ต่อปี นับจาก วันที่ฟ้องเป็นต้นไป เรื่องไม่ได้จบแค่นี้ครับ เพราะหลังจากนั้นในเดือนมกราคม ปี ๒๕๖๖ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ทำสัญญา ๒ ฉบับ ในวงเงิน ๑๒ ล้านบาท ว่าจ้างให้ บริษัท เอส.เค. อินเตอร์เคมิคอล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการรับเหมาบำบัดของเหลวและกากตะกอนของเสีย ที่เป็นอันตราย แต่ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แล้วไม่มีการตรวจสอบอะไรที่มากพอ ผมเคย ประสานไปหลายครั้ง ไปลงพื้นที่มาหลายครั้งผลที่เกิดขึ้นก็อย่างที่เห็น ถ้าทำได้ดี ฝนตก น้ำท่วมครั้งนี้ก็จะไม่เกิดปัญหา พอพนังกั้นน้ำแล้วน้ำเคมีก็ไหลเข้ามา ทะลักเข้าสู่บ้านเรือน ของประชาชนและเรือกสวนไร่นาเสียหายเป็นอันมาก ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าพืชผลการเกษตร จะเสียหายอีกเท่าไร ไม่รู้ว่าน้ำเสียนี้จะไหลไปที่ทะเลไหม จะกระทบประมงหรือไม่ แล้วความทุกข์นี้มันจะจบที่ไหนครับ หรือจะจบที่อาหารทะเลที่อยู่ที่พวกเราผมก็ไม่ทราบแล้ว เรื่องนี้เราได้ยินกันวันนี้เพราะน้ำท่วมออกมา แต่ว่าเรื่องนี้ยาวนานมา ๑๒ ปีแล้วครับ ที่ชาวหนองพะวา ตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย ต้องแบกรับ แล้วมันจะต้องไหลออกมา กี่ครั้งที่มีฝนตก เรื่องนี้เราไม่มีทางทราบได้ ระบบราชการก็เชื่องช้า แล้วเราต้องลุ้นอีกกี่ครั้ง ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเท่าไรถึงจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ มีอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องทำนอง เดียวกันครับท่านประธาน แต่ย้ายตำแหน่งไปแค่นิดเดียว ใน Slide นี้คือน้ำที่ไหลออกมา เมื่อคืนแล้วไปถ่ายมาวันนี้ ตอนเช้านี้คือน้ำไหลผ่าน สารเคมีตอนนี้คือฝังอยู่ตามถนนแล้วก็ บ้านเรือนประชาชนแล้ว
อีกจุดหนึ่งเป็นเหตุคล้าย ๆ กัน เกิดขึ้นที่คลองช้างตาย มีเหตุเมื่อปี ๒๕๕๘ เดือนมีนาคม ริมถนนสาย ๔๐๐๖ บ้านคลองช้างตาย หมู่ที่ ๖ ตำบลหนองตะพาน พื้นที่ ๒๐ ไร่ มีการลักลอบนำน้ำทิ้งสารเคมีและวัตถุอันตรายใส่บ่อซีเมนต์ ๑๐ บ่อ ไปวางไว้ แล้วก็ ฝังไว้ แล้วก็มีการแจ้งให้หน่วยงานมาตรวจสอบ พบว่าเป็นสารเคมีที่มีกลิ่นเหม็น ทำให้เกิด การวิงเวียนกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ มีหน่วยงานมาตรวจสอบมากมาย หน่วยงานสั่งการให้ ผู้เช่าที่ดินผืนดังกล่าวขนย้ายสารเคมีและวัตถุอันตรายออกจากพื้นที่โดยเร็วเพราะอาจจะ ปนเปื้อนรั่วไหลออกมาอีก ให้ไปกำจัดอย่างถูกวิธี ซึ่งก็น่าจะจบตอนปี ๒๕๕๘ นะครับ สรุปผ่านมา ๘ ปี ฝนตก น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าสารเคมีตรงนั้นที่ถูกสั่งให้ย้ายไม่ไหนเลย มันอยู่ที่เดิม แล้วน้ำฝนก็ชะเอาสารเคมีพวกนี้อีกจุดหนึ่งที่คลองช้างตาย ไหลเข้าไปรวมที่ คลองกะเฉด เข้าคลองทับมา ไหลเข้าแม่น้ำระยอง และลงทะเลไปอีกเป็นที่เรียบร้อย จากฝน ตกหนัก น้ำท่วมครั้งนี้
ท่านประธานครับ นี่เป็นเพียง ๒ กรณี ที่ผมสะท้อนให้เห็นถึงความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับปัญหาจากฝนตกหนักและน้ำท่วม ผมไม่ทราบว่ามีอีก กี่หลุม หรืออีกกี่โรงงานที่ฝั่งอะไรแบบนี้ไว้ในเขต EEC ไว้ในเขตบ้านเรือนของประชาชน ไว้ในเขตที่พี่น้องทำการเกษตร และผมต้องรอให้ฝนตก น้ำท่วมทุกครั้งหรือถึงจะได้รับทราบ ว่ามีสารเคมีไหลลงไปในพื้นที่การเกษตร ไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนให้เดือดร้อน เรื่องนี้น้ำท่วมเป็นปัญหาส่วนหนึ่ง แต่น้ำท่วมครั้งนี้พาเอาปัญหาที่ใหญ่กว่าไหลมากองรวมกัน และผมขอแจ้งไว้ ณ ที่นี้ฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ฝากไปยังรัฐมนตรีเพื่อให้ทราบ ว่าเรื่องนี้น้ำท่วมก็เป็นปัญหา สิ่งที่ตามมาปัญหาอาจจะหนักกว่านี้ถ้ามีปัญหาสารเคมีปนเปื้อน ไหลออกไปพร้อมน้ำท่วมครั้งนี้ ขอบคุณครับท่านประธาน
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ขอขอบคุณ ท่านประธานที่ได้บรรจุกระทู้ถามแยกเฉพาะเรื่องภัยแล้งของผมเข้าสู่การตั้งกระทู้ถาม และขอขอบคุณไปยังท่านรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาให้คำตอบกับการแก้ปัญหา ภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้สืบเนื่องจากปีนี้เป็นปีที่มีการคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้น ไปจากเข้าสู่วิกฤติการณ์ El Nino ซึ่งอาจจะมีความยาวนานมากกว่า ๑ ปี ความกังวลของ พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดระยองของผมมีความกังวลเป็นอย่างมากว่าการบริหารจัดการ น้ำที่จะมีขึ้นในปีหน้าเป็นต้นไปจะเป็นอย่างไร ซึ่งปัญหาภัยแล้งที่ผ่านมาประเทศไทยเราเข้าสู่ ภาวะ El Nino และภัยแล้งมาแล้วหลายครั้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นคือตอนปี ๒๕๖๓ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรมชลประทานก็แจ้งว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรน่าจะเอาอยู่ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ข้อมูลที่ได้รับทราบก็คือก็ยังคงแล้งอย่างหนักหนาสาหัสภายใต้ข้อมูล ของหน่วยงานรัฐที่เคยแจ้งไว้ว่าน่าจะจัดการได้ พอมาปีนี้เมื่อมีการคาดการณ์ว่าเมื่อปีหน้า จะเข้าสู่ภาวะที่มีภัยแล้งเกิดขึ้นเราจึงต้องการทราบข้อมูลเพื่อไปแจ้งให้กับพี่น้องประชาชนใน นามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าการบริหารจัดการน้ำในปีนี้เพื่อป้องกันวิกฤติภัยแล้ง ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นอย่างไรภายใต้การบริหารงานของรัฐมนตรีท่านใหม่ท่านธรรมนัส พรหมเผ่า โดยเฉพาะเรื่องการจัดการในภาวะที่พี่น้องเกษตรกรได้ปลูกพืชใช้น้ำเยอะ โดยเฉพาะทุเรียนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในพื้นที่ภาคตะวันออกและจังหวัดระยองของผม ในจังหวัดระยองเขตเลือกตั้งที่ ๔ ของผมจะมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ ๒ อ่าง ก็คือ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลที่อำเภอปลวกแดงและอ่างเก็บน้ำประแสร์ในอำเภอวังจันทร์ ซึ่งทั้ง ๒ อ่างนี้เป็นเส้นเลือดหลักในการดูแลตั้งแต่ภาคการชลประทาน อุปโภคบริโภค ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งหลายครั้งที่ผ่านมาเมื่อเกิดภาวะภัยแล้งก็จะมีการ แย่งชิงน้ำเกิดขึ้นทั้ง ๓ ฝ่าย ทีนี้ใน ๓ ฝ่ายนั้นเมื่อผมเคยได้เข้าไปพูดคุยสอบถามกับทาง ชลประทานก็ได้รับทราบว่าการอุปโภคบริโภคจะต้องมาเป็นอันดับ ๑ อันดับ ๒ ก็คือ ภาคการเกษตร อันดับ ๓ คือภาคอุตสาหกรรม แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ แม้จะได้ก่อน แต่ปริมาณน้ำที่จัดสรรอย่างแท้จริง ฝ่ายของอุตสาหกรรมเองก็ได้มีการรับการจัดสรรปันน้ำ ที่เยอะกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจจะส่งผลต่อการตั้งคำถามของพี่น้องประชาชนเรื่องการบริหาร จัดการน้ำเช่นกัน ผมได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมมาว่าในอ่างเก็บน้ำประแสร์ก่อนที่จะมีการ ส่งน้ำไปยังระบบลำเลียงน้ำก็จะมีการกั้นฝายกั้นน้ำโดยบริษัทที่ทำสัมปทานกับชลประทาน เพื่อดูดน้ำไปให้ฝ่ายอุตสาหกรรมก่อนที่จะปล่อยมาให้ภาคการเกษตรกร เรื่องนี้เองก็เป็นที่ กังวลว่าถ้าเกิดเป็นอย่างนี้ต่อไป การบริหารจัดการน้ำที่บอกว่าเกษตรหรือชลประทาน หรือประปามาก่อนจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในเมื่อฝายที่ดูดออกไปดูดไปให้อุตสาหกรรมก่อน ดังนั้นคำถามของผมต่อท่านรัฐมนตรีวันนี้ คำถามแรก เนื่องจากผมเขียนไว้ ๒ คำถามแต่ว่า เป็นเนื้อหาทำนองเดียวกัน ก็อาจจะขอรบกวนท่านรัฐมนตรีตอบ ๒ คำถามนี้ก่อนเลย คำถามที่ ๑ คือมาตรการป้องกันภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านในจังหวัดระยองแล้วก็ มาตรการการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมดของจังหวัดระยองในระยะ ๑ ปีที่จะ มาถึงเพื่อการแก้ไขปัญหาครั้งนี้จะเป็นอย่างไรภายใต้กรอบงานของท่านรัฐมนตรี ขอถามเป็น คำถามแรกเท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณครับ
เมื่อสักครู่ผมได้ถามทั้ง ๒ คำถาม พร้อมกันเลย เพราะว่าคำถามเป็นไปในทำนองเดียวกันด้วย ก็เลยอาจจะรบกวน แต่ว่าถ้า เกิดท่านรัฐมนตรีตอบอย่างไรแล้วยังไม่ได้ครบทั้งหมด ผมจะถามต่อในขั้นถัดไป ขอบคุณครับ ท่านประธาน
ถามครับ
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล ก็ขอขอบคุณข้อมูลจำนวนมากจากท่านรัฐมนตรี เท่าที่ฟังทางตัวเลขการบริหารจัดการ ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเราน่าจะมีน้ำใช้ถ้าเป็นไปตามแผนดังที่ท่านรัฐมนตรีและทางหน่วยงาน แจ้งมานะครับ แล้วก็เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการถามและตอบ ผมคงคิดว่าถ้าเอาตาม ตัวเลขของทางราชการนี่เราน่าจะมีน้ำใช้ก็จริง แต่ว่าคราวที่แล้วที่ทางท่านรัฐมนตรีได้ลง พื้นที่ที่จังหวัดระยองท่านได้ไปที่ เท่าที่ผมทราบคือไปทางบริเวณชายฝั่งทะเล แต่ว่าในเขต พื้นที่ของผมเป็นเขตพื้นที่เกษตรกรรมอาจจะยังไม่ได้ไปดูตรงนั้น เพราะว่าตอนนี้ปริมาณน้ำ ที่ลดลงจากการปล่อยน้ำออกของอ่างเก็บน้ำประแสร์ที่น่าจะเพียงพอนี่เริ่มขึ้นแล้ว แล้วก็ ตัวเครื่องสูบน้ำของคลองสายต่าง ๆ ที่ดูแลพื้นที่ต่าง ๆ ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมตอนนี้ก็ได้รับ ผลกระทบ อย่างไรผมอาจจะต้องรบกวนท่านในการที่ขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะพื้นที่ ที่เป็นคลองสายอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ โดยเฉพาะสายที่ออกมาจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ เพราะว่า ผมเองไปลงพื้นที่มาเมื่อไม่นานมานี้ก่อนจะมาพูดข้อมูลเหล่านี้ในญัตติ El Nino ของทาง สภาผู้แทนราษฎรมีอ่างเก็บน้ำอยู่ ๑ อ่าง เป็นอ่างขนาดเล็ก ชื่ออ่างเก็บน้ำหนองคมบาง อำเภอวังจันทร์ ซึ่งเป็นคลองอ่างที่มีพื้นที่กักเก็บน้ำสำหรับการใช้ทั้งชลประทาน ใช้ทั้ง การเกษตรดูแลพื้นที่สวนทุเรียนประมาณ ๕๐๐ ไร่ แล้วก็ตอนนี้มีปัญหาในการที่จะใช้เครื่อง สูบน้ำซึ่งเป็นเครื่องสูบน้ำสาขา เนื่องจากเวลาจำกัดผมจะยกตัวอย่างแค่ที่นี่ที่เดียวนะครับ ตัวเครื่องสูบน้ำที่ตั้งไว้เป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ตอนนี้ตัวท่อดูดที่เป็นท่อพญานาคไม่สามารถ ใช้งานได้จริง เพราะว่าต้องสูบน้ำขึ้นมาแล้วดันขึ้นไปบนอ่างเก็บน้ำที่อยู่เหนือพื้นที่อ่างเก็บน้ำ ประแสร์ ซึ่งตรงส่วนนี้ก็มีคำถามจากชาวบ้านเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรให้เครื่องสูบน้ำนี่ ใช้งานได้จริง แล้วก็สามารถดูแลภัยแล้ง เพราะว่าถ้าเกิดเอาตัวเลขปริมาณจริง ๆ ที่ทาง ท่านรัฐมนตรีได้แจ้งไว้ น้ำอาจจะเพียงพอแต่ไม่สามารถจะทำให้เพียงพอไปยังสายต่าง ๆ คือ พอในทางตัวเลข แต่ไม่พอใช้จริง ๆ ในทางปฏิบัติ เรื่องนี้เองก็อาจจะเป็นข้อกังวลของพี่น้อง เกษตรกร ทีนี้ผมจึงขออนุญาตใช้ข้อเสนอแนะในพื้นที่ตรงนี้กับทางท่านรัฐมนตรีเลยว่าปัญหา หลักอย่างหนึ่งคือ การบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอของทั้งภาคอุปโภคบริโภค ภาคเกษตรกรรม แล้วก็ภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขของภาคอุตสาหกรรมในการใช้น้ำเราต้อง พึ่งพาเล่มเขียวที่เป็นข้อมูลการใช้น้ำและการปลูกพืชของภาคการเกษตร อย่างเช่นทุเรียน ตอนนี้มีการปลูกเพิ่มขึ้นทุกปี ๆ และต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นทุกปี ๆ การบริหารจัดการน้ำ โดยอาศัยข้อมูลที่ไม่มีเล่มเขียวที่มีข้อมูลมากเพียงพอ เล่มเขียวของทางการเกษตรนะครับ อาจจะทำให้การบริหารจัดการน้ำครั้งนี้มีปัญหาได้เช่นกัน อาจจะต้องฝากเป็นการบ้าน กับทางท่านรัฐมนตรีในการทำให้เล่มเขียวที่ให้ทางเกษตรกรลงทะเบียนเพื่อทราบปริมาณน้ำ ที่ต้องการใช้จริงของภาคการเกษตรของพืชแต่ละชนิด ท่านรัฐมนตรีอาจจะใช้เวลาตรงนี้ ในการตั้งเลยว่าการทำเล่มเขียวให้มีข้อมูลมากพอในการที่ทางกระทรวงจะขอบริหารจัดการ น้ำจากทางกรมชลประทานอย่างไรให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชากร โดยไม่เกิด ข้อขัดแย้งระหว่างอุตสาหกรรมได้ก่อน หรือประปาต้องได้ก่อน หรือเกษตรได้ก่อน เพราะ ตัวเลขถ้าเกิดมากพอจริง ๆ อาจจะเป็นประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการน้ำในอ่างที่ทาง ตัวเลขมีมากพอ แต่อาจจะไม่ไปถึงคลอง อ่างต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ ตรงส่วนนี้อาจจะเป็น การบ้าน ๒ ข้อ ชัด ๆ เลยนะครับ ข้อที่ ๑ คือทำเล่มเขียวให้มีฐานข้อมูลที่มากพอ ในการบริหารจัดการในยุคการบริหารงานของท่าน และข้อ ๒ คือ อยากให้ท่านไปดูพื้นที่ โดยเฉพาะอ่างรอบ ๆ ขนาดเล็กที่รับน้ำมาจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อบริหารจัดการ เรื่องตรงนี้ให้มากพอ เรื่องนี้ก็ขอฝากทางท่านรัฐมนตรีรวมถึงการตอบคำถามของท่านด้วย ขอบคุณครับ
ท่านประธานครับ เรียนท่านประธาน ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ในฐานะ Whip ฝ่ายค้าน ผมขอเสนอให้มีการอภิปรายไปก่อนแล้วก็เดี๋ยวเราไปดูกันว่า หน้างานถึงเวลาจริง ๆ อภิปรายไปแล้วเป็นอย่างไร เพราะผมไม่คิดว่าทุกประเด็นของเรื่อง ตำรวจจะถูกอภิปรายไปหมดในช่วงเวลาเมื่อสักครู่ แล้วก็เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ อย่างไรให้เวลากับทางสภาและเพื่อนสมาชิกได้พูด แล้วถึงเวลาจริง ๆ ถ้าเกิดมันทำท่าจะเกิน เราไปหารือกันตรงนั้นอีกทีให้ Whip ตกลงกัน ว่าจะทำอย่างไรให้เวลาออกมาเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ รวมถึงเพื่อนสมาชิกได้พูด อันนี้ก็เป็นข้อเสนอจากทางฝั่งนี้นะครับ ขอบคุณครับท่านประธาน
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ พรรคก้าวไกล วันนี้ขอร่วมอภิปรายญัตติว่าด้วย ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนอื่นผมขอกล่าวขอบคุณไปยังผู้เสนอญัตติ ทางพรรคเพื่อไทยด้วยที่ได้มีโอกาสเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้ในที่สุดวันนี้แทนที่จะมีการตอบ กระทู้อย่างเดียวเรายังได้ข้อมูล ข้อคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมาก ประกอบการตัดสินใจของท่านนายกรัฐมนตรีในการปฏิรูปตำรวจหลังจากนี้เป็นต้นไป ก็หวัง ว่าความเห็นในญัตตินี้จะได้รับการประกอบในการพิจารณาการปฏิรูปตำรวจให้ปัญหาที่ สะสมคั่งค้างมาอย่างยาวนานได้แก้ปัญหาสักทีในการขึ้นดำรงตำแหน่งครั้งนี้ ท่านประธาน ครับ เรื่องที่ผมจะอภิปรายวันนี้เป็นเรื่องว่าด้วยการตั้ง ผบ.ตร. เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อ วานนี้เลยครับ ท่านนายกรัฐมนตรีได้ไปนั่งเป็นหัวโต๊ะประธาน ก.ตร. และงานนี้ก็คืองานเพื่อ ตั้ง ผบ.ตร. ท่านที่ตอนนี้กำลังรอการโปรดเกล้าฯ อยู่นี่เอง แต่ท่านประธานครับ เรื่องนี้เมื่อมี การลงนามแต่งตั้งเมื่อไรเรื่องนี้ก็มีคำถามจากประชาชนอื้ออึงขึ้นมาทันทีว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ท่านนี้เป็นไปโดยอ้างจากหลักเกณฑ์ใด อิงจากระบบอะไรกันแน่ เพราะเราก็รู้กันอยู่ ว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ตามระเบียบใหม่ต้องใช้ระเบียบที่อ้างอิงอาวุโส ๕๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ท่านประธานครับ ท่านว่าที่ ผบ.ตร. คนล่าสุดนี้ถ้าเทียบเอาตามระยะเวลาการดำรง ตำแหน่งโดยระบบอาวุโสแล้วพูดกันตรง ๆ ตั้งแต่การเป็นผู้กำกับจนถึงรอง ผบ.ตร. ขั้นต่ำ ๆ ใช้เวลา ๑๙ ปีได้เลย แต่ว่าเราลองมาดูกันว่าท่านบอกท่านว่าที่ ผบ.ตร. ท่านนี้ใช้เวลา ไปเท่าไร ใช้ไป ๖ ปี เรียกว่าลำดับอาวุโสน้อยที่สุดใน Candidate ทุกท่าน แล้วคำถามก็เลย ตามมาในหมู่พี่น้องประชาชนว่าในเมื่อระบบที่ควรจะเป็นลำดับสูงที่สุดในการคิดคำนวณ คือระดับอาวุโสที่ใช้ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ยังถูกละเลยได้ขนาดนี้หรือว่ามันต้องมีกำลังภายใน รูปแบบอื่นที่จะใช้เพื่อการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของวงการตำรวจอย่าง ผบ.ตร. กันแน่ ในสมัยสภาที่ผ่านมามีการอภิปรายในสภาครั้งนี้อย่างกว้างขวางไปแล้วว่ามันมีระบบตั๋วที่ใช้ เพื่อขึ้นไปสู่ตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งเท่าที่ดูท่านที่ขึ้นมาถึงตรงนี้เร็วมากนะครับ ลือกันว่าใช้ ตั๋วช้าง ก็ไม่รู้ว่ามันช้างจริง ช้างไม่จริง แต่ก็ไม่มีการตอบหรือชี้แจงมาแต่อย่างใด ผมก็คาดหวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะหยิบเอาเรื่องตั๋วช้างมาเป็นตัวพิจารณาว่ามีการใช้อะไร เป็นพิเศษในการเลื่อนขั้นหรือเปล่า ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีไม่เคยดูลองเปิดดูนะครับ Twitter ท่านก็เล่น Hashtag ตั๋วช้างน่าจะดังพอสมควร อย่างไรลองเปิดดูหน่อยก็ดีจะได้รู้ว่ามันเกิด อะไรขึ้นในนั้นบ้าง แต่ถ้าเกิดท่านยังไม่เปิดไหน ๆ วันนี้มีโอกาสพูดผมขอพูดไว้ในสภาแห่งนี้ ด้วยเลยแล้วกันว่า ตั๋วช้างครั้งนั้นเกิดขึ้นในการเลื่อนตำแหน่งของตำรวจจำนวนมาก รวมถึง หนึ่งในนั้นก็มีท่านว่าที่ ผบ.ตร. เหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนั้นถ้าพูดถึงวีรกรรมอื่น ๆ ที่ท่านเคยก่อไว้ในสมัยดำรงตำแหน่งอื่น ๆ จริง ๆ มีอยู่มากมายที่เป็นการอภิปรายในสภา แห่งนี้เช่นกัน ท่านว่าที่ ผบ.ตร. ท่านนี้เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการมีความพยายามโยกย้าย เอาตำรวจจำนวนมาก ออกจาก สตช. เอาไปเป็นตำรวจราบ ตำรวจราบนี่คือออกไปอยู่ นอก สตช. เลยนะครับ หลุดจากวงจรของการดำรงตำแหน่งปกติ แล้วก็ไปขึ้นตรงกับอีก หน่วยงานหนึ่ง แล้วตำรวจจำนวนมากเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนย้ายออกนอกสายการเติบโต ตามหน้าที่การงานเขาก็มีความไม่สบายใจที่จะย้ายไปดำรงตำแหน่งอยู่เป็นตำรวจราบ ผลที่ตามมาคือก็เกิดการโอนย้ายตำรวจเหล่านี้ไปซ่อม เอาไปซ่อมไว้ที่จังหวัดหนึ่งไปเข้าค่าย อยู่กันนาน ๆ เลยไปฝึกนั่น ฝึกโน่น ฝึกนี่ โดยที่ตำรวจเหล่านั้นบางคนทนไม่ไหวก็ลาออกจาก ราชการ นี่ละครับวีรกรรมของว่าที่ ผบ.ตร. ท่านที่กำลังจะขึ้นดำรงตำแหน่งโดยการแต่งตั้ง ของท่านนายกรัฐมนตรี ท่านประธานที่เคารพครับ พี่น้องตำรวจไทยทั้งประเทศรอว่าเมื่อไรระบบตั๋ว ระบบเส้นสาย ถึงจะหมดไปจากวงการตำรวจสักที คนที่ทำงานอย่างตั้งใจ ขยันขันแข็ง อยากจะเป็นตำรวจ ที่ดีของพี่น้องประชาชนจะได้มีหลักเกณฑ์สักหลักเกณฑ์ที่เขาจะได้ใช้เพื่อการทำหน้าที่ และเติบโตไปตามฐานะอันควรของเขา สุดท้ายเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี แต่ระบบเดิมก็ดำเนินต่อทันทีตั้งแต่ครั้งแรกของการเป็นประธาน ก.ตร. ของนายกรัฐมนตรี คนนี้ ท่านประธานครับ พี่น้องตำรวจเหล่านี้เขาก็อยากจะได้ฟังคำตอบถึงสิ่งที่เรียกว่า ความเหมาะสมในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนนี้ เขาไม่มีสิทธิได้ฟัง พวกเราก็ไม่มีสิทธิได้ฟัง ประชาชนก็ไม่มีสิทธิได้ฟังว่าคนที่มาเป็นคนนำตำรวจทั้งประเทศ ณ ขณะนี้ขึ้นมา ด้วยความเหมาะสมแบบใด ขึ้นมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยตั๋วแบบใด ผมอยากจะให้ ท่านนายกรัฐมนตรีได้รับฟังจริง ๆ เรื่องนี้ จริง ๆ สส. รังสิมันต์ โรม ได้พูดไปแล้วว่าระบบตั๋ว มีอยู่ต่อหน้าท่านนายกรัฐมนตรีในวันอภิปรายนโยบายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมก็ไม่คิดว่า ท่านจะลืมง่ายขนาดนี้ว่าท่านได้ยินได้ฟังอะไรบ้าง ไหนท่านว่าเสียงเห็นต่างคือเสียงประเสริฐ ที่ต้องรับฟัง ถึงเวลาท่านฟังจริงไหม ท่านได้ยินจริงไหม ตอนนี้คำถามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการบริหารจัดการของท่าน โดยเฉพาะเรื่องของตำรวจที่เพิ่งได้ทำหน้าที่ไปเสร็จเรียบร้อย อีก ๑ อย่าง ผมจึงขอฝากทิ้งท้ายไว้ผ่านท่านประธานไปถึงท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ที่นั่ง เป็นหัวโต๊ะเป็นประธาน ก.ตร. ให้ได้พิจารณา และเผื่อจะได้ตอบคำถามสักทีต่อพี่น้อง ประชาชนว่าการตั้ง ผบ.ตร. ครั้งนี้ของท่านนายกรัฐมนตรีสุดท้ายการตั้งท่านใช้อะไร ความเหมาะสมแบบใด ข้อมูลไม่เหมาะสมท่านได้รู้บ้างหรือไม่ หรือใช้ตั๋วอะไร หรือสุดท้าย ท่านใช้การเลือกว่าจะตั้งใคร นามสกุลอะไร ขอบคุณครับท่านประธาน
เรียนท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ในฐานะ Whip ฝ่ายค้าน ได้พูดกับทางวิปรัฐบาลแล้วเราเห็นควรว่าในญัตติที่กำลังจะเปิดขึ้นมานี้เป็นญัตติ ที่มีความสำคัญต่อเด็ก ๆ หลายคน ดังนั้นจึงอยากให้ทางสมาชิกที่มีความประสงค์ จะอภิปรายได้อภิปรายกันอย่างครบถ้วนหน้า ดังนั้นก็เลยอยากจะให้มีเวลาสำหรับการเปิด เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะอภิปรายฝั่งละ ๓ คนเช่นเดียวกันครับ แล้วในการประชุมครั้งหน้า ให้มีการอภิปรายต่อไปในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญหรือไม่ ซึ่งยังคงต้องขอเวลากับการพูดคุยว่าควรจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องนี้ต่อ ดังนั้นวันนี้ก็อาจจะให้ฝั่งละ ๓ คนก่อน แล้วก็เดี๋ยวมาว่ากันต่อสัปดาห์หน้าได้ครับ ท่านประธาน ขอบคุณครับ
กราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล วันนี้ผมขอร่วมอภิปรายญัตติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาเดือดร้อนอันเกิดจากลิง ท่านประธานครับ ผมเคยอภิปรายเรื่องปัญหาสัตว์ป่ากับคนที่มีการกระทบกระทั่งกันมาก่อน คือเรื่องช้างป่า เรื่องนี้เอาจริง ๆ หลายท่านได้พูดปัญหาของสัตว์หลาย ๆ อย่างไปแล้ว แต่เรา ยังลงไปไม่ถึงรากของปัญหาที่แท้จริงว่าปัญหาของสัตว์กับคนที่เกิดขึ้นคืออะไรบ้าง ผมขอ ย้อนกลับไปตอนนั้นผมเคยอภิปรายว่าปัญหาที่แท้จริงของเรื่องลิงและเรื่องช้างมันเกิดจาก ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ชาติในหน้า ๕๓ ข้อ ๔.๑.๒ เขียนไว้แค่บรรทัดเดียวครับ ที่ทำให้เกิดปัญหาข้อพิพาทระหว่างคนกับสัตว์อย่างต่อเนื่องยาวนาน เพราะต้องทำให้คน และสัตว์และชุมชนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ คำถามคือเคยถามประชาชน หรือถามคน หรือถามสัตว์ป่าก็ได้ถ้าถามได้ ว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในพื้นที่เดียวกันหน้าตาเป็นอย่างไร เคยทำ Agreement ร่วมกันระหว่างสัตว์กับคนหรือไม่ ไม่ครับ แต่ดันไปเขียนไว้ในแผน ยุทธศาสตร์ชาติซึ่งเชื่อมโยงไปสู่รัฐธรรมนูญ ที่ถ้าเกิดไม่แก้รัฐธรรมนูญเราแก้ปัญหาเรื่องนี้ ไม่ได้หรอกครับ เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าเกิดทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจะบอกว่าเรื่องนี้ แก้ไม่ได้จริง ๆ เขาเอาหลังพิงยุทธศาสตร์ชาติได้นะครับ การเอาหลังพิงยุทธศาสตร์ชาติ สุดท้ายเราทำอะไรไม่ได้เลย แล้วปัญหาเรื่องนี้มันก็จะไม่ถูกแตะหรือแก้ไข ต่อให้มีความ เดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศดังที่เพื่อนสมาชิก กล่าวไว้เป็นตัวตั้ง ดังนั้นเผลอ ๆ เรื่องนี้เราอาจจะต้องคุยเรื่องถ้าตั้งกรรมาธิการวิสามัญ แก้ปัญหาเรื่องลิงได้ เผลอ ๆ ๑ หัวข้อที่ต้องคุยกันคือเรื่องของการแก้ยุทธศาสตร์ชาติ หรือแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะครับ เรื่องลิงไม่ใช่เรื่องเล็ก เหมือนเรื่องช้างป่า ที่ผมบอกล่ะครับ เราแยกไม่ออก ทั้งลิงและช้างมันไม่ได้มีแค่สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง มันมี สัตว์เมืองขึ้นมาแล้วครับตอนนี้ คือสัตว์ที่เข้ามาหากินและใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนต่าง ๆ เรื่องเหล่านี้ถ้าไม่ถูกหยิบยกมาแก้ไขพูดคุยกันเพื่อหาทางออก จริง ๆ แล้วเราอาจจะเจอ ปัญหานี้ การขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น ต่าง ๆ อีกมากมาย จริง ๆ แล้ววิธีการแก้ปัญหาถ้าเกิดเรื่อง แก้ยุทธศาสตร์ชาติอาจจะยากเกินไป ลองมาดู Model ที่บางประเทศเขาสามารถใช้ เพื่อแก้ปัญหาลิงที่อยู่ในชุมชนได้ ตัวอย่างที่ผมจะยกคือตัวอย่างที่ทางเพื่อนสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรของผม คุณรังสิมันต์ โรม ได้เล่าประสบการณ์ให้ฟังว่าเขาเคยไปที่บาหลี อินโดนีเซีย เขามีการทำ Monkey Forest ครับ Monkey Forest คือเขาจะมีการ Zoning พื้นที่ที่หนึ่งที่มีการกีดกันพื้นที่แบบหลวม ๆ เพื่อให้เกิดคล้าย ๆ แบบสวนนก แต่นี่คือสวนลิง มีพื้นที่ที่เหมาะสม มีอาณาบริเวณให้ลิงอยู่ มีการให้อาหารโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พูดง่าย ๆ คือมีการเอาสิ่งที่เป็นปัญหาเข้ามารวมอยู่ในพื้นที่ และจัดการปัญหาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างรายได้ให้ชุมชน สร้างรายได้ให้กับประชาชนที่อยู่รอบ ๆ เป็นชุมชน แล้วก็ขายสินค้า มีเรื่องที่พัก สามารถส่งเสริมเศรษฐกิจได้ เพราะว่าตอนนี้เราพูดเรื่องลิงมีผลกระทบ ทางเศรษฐกิจ ดังนั้นถ้าแก้เรื่องนี้ลิงต้องแก้เรื่องเศรษฐกิจด้วย และการเอาสัตว์เข้าไป Zoning อยู่ในจุด ที่เหมาะสม ปลอดภัย แยกคนออกจากสัตว์ไม่ต้องอยู่ร่วมกัน แต่ยังคงได้ใช้ชีวิตอยู่อย่าง มีความสุข คือเป้าหมายปลายทางที่เราสามารถทำได้ เรื่องนี้นอกจากช่วยเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ยังช่วยเรื่องการควบคุมโรค เพราะเราต่างก็รู้ดีว่าลิงเป็นพาหะที่นำโรคมาสู่คนหลากหลายโรค มาก ๆ เรื่องนี้ก็จะช่วยป้องกันเรื่องความปลอดภัย การท่องเที่ยวก็ยังอยู่ ลิงก็ยังอยู่ พื้นที่ ก็ยังอยู่ ชุมชนก็มีความสุขมากขึ้น เรื่องนี้ผมก็อยากจะเสนอไว้ให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มารับผิดชอบไป แต่ผมก็มีข้อกังวลจริง ๆ ดังที่ท่านเพื่อนสมาชิกท่านนิติพลกล่าว เรื่องนี้ ต้องใช้อำนาจของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ท่าน เป็นคนเดียวที่ไม่มาตอบกระทู้ใด ๆ เลย เรื่องสัตว์ป่าทั้งที่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของท่าน ท่านต้องมาร่วมกับเราครับ เพราะว่านี่คืองานที่ต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้อง ประชาชน จะได้มาจัดการปัญหาหรือพูดคุยปัญหาอย่างเต็มที่กันเสียที
ส่วนเรื่องสุดท้าย คำถามคือถ้าเกิดเราจะจัด Zoning ให้มีสวนลิงหรือ Monkey Forest ตามแบบที่บาหลี อินโดนีเซีย คำถามคือจะจัดไว้ที่ไหนได้บ้าง เท่าที่ผม สอบถามมาเหมือนจะมีการพยายามสร้างกรงลิงเอาไว้แล้ว แต่ไม่สามารถใช้ได้ มีการ ชำรุดทรุดโทรมและไม่สามารถย้ายลิงเข้าไปอยู่ที่นั่นได้ ลิงในเมืองก็ย้ายเข้าไปไว้ในป่าไม่ได้ เพราะว่าเขาเติบโตและเกิดมาในเมือง ไม่สามารถย้ายเข้าป่าไปหาอาหารการกินตามปกติได้ จำเป็นต้องหาที่ที่เหมาะสมในการบริหารจัดการและดูแลให้การมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ แล้วจะเอาที่ไหนดี เท่าที่ผมพอจะหาวิธีได้ผมว่าอาจจะต้องขอใช้พื้นที่ของหน่วยงานรัฐ ที่มีพื้นที่เยอะแล้วยังไม่ถูกใช้ เพื่อดูแลประโยชน์สุขของชุมชนร่วมกันและทำให้สัตว์อยู่กับ ชุมชนร่วมกันได้ตามยุทธศาสตร์ชาติดังที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น ผมว่าลองย้ายไปไว้ในขอพื้นที่ ค่ายทหารดีไหมครับ ผมว่าเขตพื้นที่ทหารในจังหวัดลพบุรีน่าจะมีเยอะอยู่นะครับ หรือเรื่องนี้ อาจจะให้ทางกรรมาธิการทหารไปขอประสานงานกับทางกระทรวงกลาโหมขอใช้พื้นที่ สัก Zone หนึ่งให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลและย้ายลิงไปไว้ตรงนั้น สร้างรายได้ ให้กับชุมชนด้วยจะดีไหม เพราะอย่างที่บอกตอนนี้ปัญหาเรื่องการขอใช้พื้นที่ทหารก็เป็น ปัญหาอยู่เหมือนกัน ลองมาทำ Model ดูไหม ย้ายลิงเข้าไปไว้ในพื้นที่ทหาร จัดการร่วมกัน โดยรัฐ ราชการ และชุมชน สร้างรายได้ อยู่ร่วมกันตามยุทธศาสตร์ชาติ ถ้าไม่อยากแก้ ยุทธศาสตร์ชาติลองวิธีนี้ดูก็ได้ เพราะไหน ๆ ก็มีพื้นที่ มีปัญหา มีที่ที่ต้องย้ายไปก็ใช้สักที่หนึ่ง ค่ายทหารนี่ล่ะครับผมว่าน่าจะเหมาะดี ชุมชนน่าจะ Happy เรื่องนี้อาจจะต้องเอาไปคุยกัน ยาว ๆ ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือจะย้ายลิงเข้าค่ายทหารกันดีในกรรมาธิการวิสามัญ ดังนั้น วันนี้ผมจึงขออภิปรายสนับสนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจะได้ไปคุยกันเต็ม ๆ ในนั้น ว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องปัญหาเหล่านี้ รวมถึงเรื่องสัตว์ป่าอื่น ๆ ที่ในอนาคตเราคงได้คุยด้วย เมื่อการตั้งกรรมาธิการวิสามัญช้างป่าของผมตามญัตติมาถึง ขอบคุณท่านประธานครับ
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ วันนี้ผมขอร่วมอภิปรายร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของ ท่านพริษฐ์ วัชรสินธุ เพื่อนสมาชิกจากพรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ ยอมรับตรง ๆ ว่าตอนแรกผมเองก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องร่วมอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับข้อบังคับเท่าไร เพราะคิดว่าการยกระดับสภาแห่งนี้ให้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ทำหน้าที่ให้ผ่านกฎหมายได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้นถือเป็นการทำให้สภาแห่งนี้มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การทำงานร่วมกันของพวกเราสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมเชื่ออย่างนั้น จริง ๆ ว่าเราจะได้คำตอบที่ดีหรือได้ความร่วมไม้ร่วมมือ ความคิดเห็นที่จะช่วยกันเสนอให้ สภาแห่งนี้ดำเนินไปในทิศทางที่ทั้ง สส. ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลทำงานร่วมกันได้ เพราะผม ได้ยินเสมอว่าอยากให้ สส. ทุกคนร่วมมือกันให้การประชุมสภามีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น ผมได้ยินตลอดเวลาที่มีการเสนออะไรออกไปว่าจะต้อง ปรับนั่นปรับนี่
คำถามแรกที่ผมอยากจะถามกลับไป ซึ่งมาจากสิ่งที่ท่านอภิปรายกัน จากฝั่งรัฐบาล คือท่านคิดจริง ๆ หรือครับว่าตอนนี้เราอยู่ในข้อบังคับการประชุมสภาแบบที่ดี สมบูรณ์เพียบพร้อม ไม่จำเป็นต้องปรับอะไรอีกเพื่อสร้างการพัฒนาให้มันก้าวหน้าขึ้น ท่านคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือครับ ตอนนี้ผมแปลกใจมากเหมือนตอนนี้พวกเราเป็นฝ่ายค้าน แต่มีฝ่ายค้านของฝ่ายค้านคอยสกัดเราโดยที่ยังไม่ได้มีข้อเสนออะไรเพิ่มเติมผ่านการอภิปราย ของท่าน ทั้งที่ตอนเช้าเราก็คุยกันว่าอยากให้สภาทำงานร่วมกันของ สส. ทั้ง ๒ ฟาก ทุกท่านครับ กฎหมายแต่ละฉบับที่เราจะผ่านจากสภาชุดนี้ไป โอเคมันอาจจะมาจากแต่ละพรรค แต่สุดท้าย เมื่อกฎหมายแต่ละฉบับผ่านออกไปล้วนเป็นผลงานของสภาชุดที่เท่าไร ๆ ก็คืองานของพวก เราทั้งหมด กฎหมายฉบับที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้ก็ควรจะเป็นงานของการยกระดับสภาเพื่อให้ สภาในอนาคตทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ฉับไว มีความเป็นดิจิทัล เชื่อมต่อ กับโลก โปร่งใส เชื่อมั่นจากประชาชนได้มากขึ้น ดังนั้นผมก็อยากจะหยิบยืมคำพูดของ เพื่อน ๆ ฟากรัฐบาลที่บอกว่าอยากให้เราทำงานร่วมกัน ขอเชิญท่านมาร่วมกันทำให้สภาแห่งนี้ มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อพวกเราในอนาคตมากขึ้น เพราะผมฟังแต่ละท่าน ก็เหมือนอยากจะคว่ำอย่างเดียว โดยที่ผมก็สงสัยว่าท่านเองก็มีสิทธิเสนอ ข้อเสนอของการ แก้ข้อบังคับประชุมสภาเพื่อให้สภาแห่งนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่านก็เสนอ ประกบมาสิครับ หรือถ้ายังเสนอไม่ทัน ยังไม่มีร่างเป็นของตัวเอง ไปทำงานกันในกรรมาธิการ ไหมครับจะได้คุยกันให้ตกลงว่าท่านอยากให้เป็นแบบใด เราอยากให้เป็นแบบใด เรื่องนี้ผมว่า เราคุยกันได้ เพราะที่ผ่านมาทำงานทั้งในห้องใหญ่ ห้องเล็ก ผมว่าเราก็คุยกันได้ ถ้าเรามุ่งหวัง จะยึดประโยชน์ของสภาและประชาชนเป็นตัวตั้ง เรื่องนี้ผมอยากสื่อสารไปยังเพื่อนสมาชิก จริง ๆ เราคุยกันด้วยดี ทำงานด้วยกันมาด้วยดี และอยากจะให้สภาเดินหน้าเพื่อทำงานให้ ประชาชนด้วยดี ครั้งนี้เราต้องแสวงหาความร่วมมือร่วมกันดังที่ท่านพูดเสมอ นี่เป็นจุดพิสูจน์ ว่าการยกมือรับรองให้กับร่างที่ไม่ได้มีผลทางการเมืองอะไรเลยครับ ข้อบังคับการทำงานของ เราทั้งนั้น มาร่วมมือกันครับ แล้วก็ช่วยกันหรือเสนอร่างประกบอะไรก็ตามแต่แล้วไป แปรญัตติหรืออะไรก็ได้ ทำอย่างไรก็ได้ให้เรามีข้อบังคับที่ทำให้สภามีประสิทธิภาพมากขึ้น ดีต่อพวกเรามากขึ้น ให้กฎหมายประชาชนได้ผ่านบ้าง เวลาที่สมัยผมยังเด็ก ๆ แล้วดู เขาบอกกันว่าสภาเป็นสภาตรายาง เวลาผมมาอยู่ที่นี่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น เราก็รู้ว่า ถ้าเราเป็นสภาตรายางของ ครม. อย่างเดียว สุดท้ายสิ่งที่มาจากประชาชนมันก็เหมือนกับ เป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นเราอย่าทำให้สภาของเราเป็นอย่างนั้นเลยครับ ดังนั้นวันนี้ผมเอง คงไม่ได้มีข้อเสนออะไรเป็นพิเศษ นอกจากขอให้ทบทวนสิ่งที่เราพูดโดยไม่ได้ออกไมค์ คุยกัน ตามที่ต่าง ๆ ว่าเราอยากแสวงหาความร่วมมือทำงานร่วมกันในสภาแห่งนี้ มันไม่ใช่เรื่องของ รัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้าน ผมเชื่อว่าทุกท่านก็เคยพูดคำนี้กัน ยึดคำนั้นกันเถอะครับ มาทำให้สภาแห่งนี้เป็นที่ทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเราเองแล้วเพื่อประชาชน ร่วมกันรับหลักการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ ทำสภาแห่งนี้ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ไป ด้วยกัน ขอบคุณครับ
เรียนประธานสภา ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้มีเรื่องปรึกษาหารือท่านประธาน ดังนี้
เรื่องแรก ถนน รย.๒๐๑๕ บริเวณแยกป้าไสวก่อสร้างมา ๕ ปีไม่จบไม่สิ้น โครงการไม่มีความคืบหน้า ผู้รับจ้างติดปัญหาสภาพคล่อง ผู้รับผลกระทบคือประชาชน การสัญจรผ่านไปมาเหมือนวิ่งบนผิวดวงจันทร์ ฝนตกทีเละเทะ ถ้าฝนตกหนักมีน้ำท่วม เข้าบ้านพี่น้องประชาชน
เรื่องที่ ๒ ถนน รย.๓๐๑๓ เส้นนี้มีจุดวิกฤติหลายจุด เช่น ตามแยก และคอสะพานที่ควรเร่งสร้างเพื่อแก้ปัญหา เส้นนี้ไม่กี่กิโลเมตรแต่สร้างมา ๗ ปีได้แล้วครับ จนชาวบ้านเรียกว่าถนนเจ็ดชั่วโคตร จะต้องรอถึง ๘ ชั่วโคตรไหมครับถึงจะเสร็จ ฝุ่นเยอะ เป็นปัญหาสุขภาพและอันตรายในการสัญจร ทั้ง ๒ เส้นฝากท่านประธานผ่านไปยัง แขวงทางหลวงชนบท เพื่อเร่งรัดแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวปลวกแดง มาบยางพร-สะพานสี่ครับ
เรื่องที่ ๓ บริเวณแยกลงอุ้ยมีการจราจรติดขัดขยายถนนไม่ได้ มีการตั้ง ข้อสงสัยว่าเพราะเอกชนได้สร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรบนพื้นที่หลวงจึงขอฝากแขวงการทาง จังหวัดไปตรวจสอบว่ามีการรุกที่หลวงจนสร้างปัญหาการจราจรจริงหรือไม่
เรื่องที่ ๔ คือสี่แยกวัดจอมพลไม่มีสัญญาณไฟจราจรทั้งที่เป็นแยกที่รถผ่าน เยอะมาก เกิดอุบัติเหตุบ่อย ขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาด้วยครับ
เรื่องที่ ๕ ถนนเส้นรอบอ่างเก็บน้ำประแสร์ อำเภอวังจันทร์ บริเวณ จุดทางเข้ามีปัญหาผิวถนนพัง ไฟทางไม่สว่าง เสี่ยงอุบัติเหตุ อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าของพื้นที่และหน่วยงานที่ได้รับการประสานให้ซ่อมแซมเร่งแก้ไขครับ
เรื่องที่ ๖ บริเวณถนนเส้นท่ากินข้าว หมู่ที่ ๑๑ ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย พังชำรุดเป็นหลุมบ่อมายาวนานสัญจรยาก ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขด้วย ชาวบ้านเดือดร้อน
เรื่องที่ ๗ บริเวณชุมชนบ้านสามเนิน ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย มีการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม มีผู้รับเหมาขนดินออกมาจากพื้นที่ก่อสร้างทำดินหล่น บนถนนมีฝุ่นเยอะ อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันเพื่อไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อนจาก การขนดินด้วยครับ
เรื่องที่ ๘ ที่อำเภอวังจันทร์ ถนนหลวงเส้น ๓๔๔ กิโลเมตรที่ ๖๘ ไฟส่องสว่างไม่ติดมานานต้องซ่อมแซม อันตรายมาก ๆ และสี่แยกสหกรณ์ชะแวะ กิโลเมตร ที่ ๘๔ ต้องการไฟแดงที่แยกเพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจร ฝากแขวงทางหลวงจัดการ ด้วยนะครับ
เรื่องที่ ๙ บริเวณถนนเส้น ๓๓๗๑ บริเวณหน้า มจพ. ระยอง และหน้า วิทยาลัยเทคนิคบ้านค่าย ถนนเป็นเนินเป็นทางตรงยาวรถวิ่งเร็วเกิดอุบัติเหตุบ่อย คนสัญจร ไปมาบาดเจ็บเสียชีวิตเยอะโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ อบจ. ระยองติดตั้งไฟจราจรทีนะครับ อย่าให้การไปเรียนต้องเสี่ยงตายกันขนาดนี้เลย
เรื่องที่ ๑๐ บ้านหนองม่วง หมู่ที่ ๔ ตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์ รองนายก อบต. ได้ประสานเรื่องการขอติดตั้งเครื่องสูบน้ำพลังแสงอาทิตย์แก้ปัญหาภัยแล้ง ทำการเกษตร ตอนนี้เหลือขั้นตอนการขออนุญาตตามระบบราชการที่ยังไม่คืบหน้ามานาน รบกวนเร่งรัดด้วยนะครับ รวมถึงไฟถนนทางขึ้นชุมชนด้วยยังไม่มีตอนนี้ ขอให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลด้วย ชาวบ้านสัญจรไปมาอันตราย
เรื่องสุดท้าย เรื่องน้ำประปาในเขตผมมีทั้งขุ่นดำไม่ไหลในหลาย ๆ พื้นที่ ในอำเภอปลวกแดง เช่น หมู่บ้านศศิธร ๒๑ หมู่บ้านโกลเด้นแลนด์ หมู่บ้านซอยห้างแก้ว หมู่บ้านรมิดา หลังโรงงานไฮ-พี หอพักต่าง ๆ และอมตะซิตี้ ระยอง ในตำบลมาบยางพร ใช้น้ำประปาเอกชนที่แพงและไม่ได้คุณภาพชาวบ้านต้องจ่ายค่าน้ำทุกเดือน แต่น้ำที่คุณภาพ ไม่ดี บางคนเลยต้องซื้อน้ำมาใช้เอง ฝากท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปาส่วนภูมิภาค และ อปท. ที่ทำสัญญากับการประปาเอกชนต่าง ๆ แก้ปัญหา ด้วยนะครับ แค่มีน้ำใช้ไม่ขาดแคลนมีคุณภาพไม่น่ายากขนาดนั้นถ้าทุกหน่วยงานใส่ใจ ขอบคุณครับท่านประธาน
ท่านประธานครับ ตกลงอภิปรายได้ แล้วใช่ไหมครับ
ตอนนี้อภิปรายได้แล้วใช่ไหมครับ ท่านประธาน
ท่านประธานครับ ตอนนี้อภิปราย ได้แล้วใช่ไหมครับ
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ขอร่วมอภิปรายญัตติสนับสนุน ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการควบคุมฝูงชนและแสวงหา ข้อเท็จจริงและการสลายการชุมนุมอันเนื่องมาจากเหตุการณ์การชุมนุมของเยาวชน นิสิต นักศึกษา และประชาชนตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ ถึงปี ๒๕๖๕ ท่านประธานครับ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ เป็นต้นมา การชุมนุมของพี่น้องประชาชนเพื่อนำเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ณ ขณะนั้น นำมาซึ่งการปะทะ ปราบปราม จับกุม คุมขัง ฟ้องคดีความโดยคู่กรณี ก็คือรัฐต่อพี่น้อง ประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เอาเฉพาะในเวลาช่วงที่เป็นข้อสรุปจากข้อมูล โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รวบรวมไว้ ตลอดการชุมนุมตั้งแต่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ จนมาถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๖ มียอดรวมผู้ถูกดำเนินคดีกว่า ๑,๙๒๘ คน รวมเป็น ๑,๒๔๙ คดี สถิติในการดำเนินคดีซึ่งเป็นภาระของพี่น้องประชาชนในการพิสูจน์สู้คดี ต่อการเรียกร้องต่อรัฐบาล ซึ่งมีคู่กรณีโดยรัฐ มีข้อกล่าวหาจำนวนมาก ข้อกล่าวหากรณี กฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ มีอย่างน้อย ๒๕๘ คน จำนวน ๒๘๐ คดี ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามมาตรา ๑๑๖ มีผู้ถูกกล่าวหา ๑๓๐ คน จำนวน ๔๑ คดี ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นจำนวนมากที่สุดอย่างน้อย ๑,๔๖๙ คน ในจำนวน ๖๖๓ คดี นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี ๒๕๖๓ ตาม พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ มีผู้ถูกกล่าวหาอย่างน้อย ๑๗๗ คน จำนวน ๘๘ คดี ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มีผู้ถูกกล่าวหาอย่างน้อย ๑๘๖ คน จำนวน ๒๐๕ คดี ข้อหา ละเมิดอำนาจศาลอย่างน้อย ๓๐ กว่าคน ใน ๒๐ คดี และดูหมิ่นศาลอย่างน้อย ๓๔ คน ใน ๑๐ คดี ในจำนวน ๑,๒๔๙ คดีดังกล่าว มี ๔๒๐ คดีที่สิ้นสุดไปแล้ว เท่ากับว่ายังมีอีก อย่างน้อย ๘๒๐ คดี ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตามกระบวนการชั้นต่าง ๆ จำนวน คดีความที่ปรากฏดังที่ผมกล่าวไว้ว่าเป็นภาระของผู้ถูกดำเนินคดีที่ต้องต่อสู้คดี เสียเงิน เสียทอง เสียทรัพย์สิน เสียเวลา เสียอิสรภาพ สูญเสียอวัยวะ บางคนหนักถึงขั้นเสียชีวิต ในการชุมนุมเรียกร้องสิทธิของพี่น้องประชาชนโดยรัฐ มาย้อนนับกันดูว่าในคดีความต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน คดีเหล่านี้เกิดขึ้นจากการชุมนุมทั้งหมดอย่างน้อย ๓,๘๒๑ ครั้ง ตลอดปี ๒๕๖๓-๒๕๖๕ มีการสลายการชุมนุมไปทั้งหมด ๗๔ ครั้ง โดยเฉพาะในปี ๒๕๖๔ สลายการชุมนุมไปถึง ๖๐ ครั้ง ผู้บาดเจ็บมากกว่า ๖๐๐ คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บ ไป ๑๔๖ คน มีผู้เสียชีวิต ๒ คน ระหว่างการชุมนุมและการสลายการชุมนุม คนหนึ่งเป็น เยาวชนหน้า สน. ดินแดง อีกคนเป็นตำรวจที่หัวใจล้มเหลวระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ มีอีก ๒ รายเสียชีวิตหลังจากรักษาในโรงพยาบาลมาอย่างยาวนาน โดยไม่มีข้อมูลพบว่า มีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนโดยรัฐซึ่งเป็นคู่คดีแต่อย่างไร โดยในตัวเลขผู้ถูกดำเนินคดี ๑,๙๒๘ คนนั้น มีการถูกละเมิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ๒๙๑ ครั้ง โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดนสอบสวนและมีการประกาศความผิดจากการปฏิบัติ หน้าที่ทั้งหมด ไม่พบข้อมูล คนสั่งการให้มีการทำการสลายการชุมนุมและปราบปรามพี่น้อง ประชาชนถูกดำเนินการสอบสวนหรือฟ้องคดีกี่ครั้ง ไม่พบข้อมูล จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมด ตั้งแต่มีการชุมนุมทางการเมืองมาตลอดกี่ปีต่อกี่ปี รัฐไทยทำอะไรกับประชาชนมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่เคยต้องถูกตัดสินว่ามีความผิดเลย ไม่เคยมีการถอดบทเรียนว่ามาตรการใดเป็นมาตรการ ที่ยอมรับได้ มาตรการใดที่เกินกว่าเหตุ และที่สำคัญ ถ้าเกินกว่าเหตุแล้วก็ไม่เห็นต้องรับผล อะไรแม้จะมีมาตรฐานสากลรองรับ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นทอด ๆ โดยเริ่มจากการสั่งการ ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาด โดยใช้กฎหมายที่เอื้อให้รัฐกระทำความรุนแรงต่อประชาชน พอสั่งการมาโดยกฎหมายที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ผู้รับคำสั่งก็ปฏิบัติตามโดยใช้ดุลยพินิจประกอบและมีกฎหมายปกป้องตัวเอง ผลที่ตามมา ก็ยิ่งก่อความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก และพอมีการตั้งคำถามจากพี่น้องประชาชนเข้าไปถึง การสลายการชุมนุมที่ผิดพลาดและผิดหลักสากลก็ไปสอบกันเอง ไม่เคยต้องตอบอะไร กับสังคม เห็นว่ามีการแถลงข่าวปกป้องกันเองโดยตำรวจอยู่เรื่อย ๆ ตามกฎหมาย แต่ก็ไม่เห็น มีใครต้องรับผิดชอบสักที ดังนั้นตามที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเกิดเป็นการสั่งการและปฏิบัติงาน โดยไม่ต้องมีข้อยั้งคิด เพราะไม่เคยมีกรณีศึกษาที่จะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจโดยเจ้าหน้าที่ ที่สั่งการและปฏิบัติหน้าที่ ผมมี Case ตัวอย่างที่ผมพบมาด้วยตัวเอง คือการลงพื้นที่ในช่วง ของการสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมที่อายุน้อยที่สุด อันนี้ Off Record ผมพบมาด้วยตัวเอง เป็นเด็กเยาวชนอายุ ๑๑ ปีถูกจับมาที่ สน. พหลโยธิน ตอนเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ ผมเดินทาง ไปครั้งนั้นแล้วสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจและการจับกุมตอนนั้น ก็ได้รับทราบว่าเด็กอยู่ในที่ เกิดเหตุก็เลยถูกจับมาด้วย ผลสุดท้ายไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไร ผมต้องไปตามผู้ปกครอง ที่จังหวัดนนทบุรีมารับ และส่งเด็กกลับไปตอนตีสาม โดยที่เรื่องนี้ก็อยู่นอกเหนือจากรายงาน ทั้งหมดที่มี คำถามคือเราจะทำอย่างไรกับ Case พวกนี้ที่ยังไม่เคยมีการบันทึกลงไป ในความบกพร่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือบาง Case ในวันเดียวกันนั้น พนักงานบริษัทเอกชนเลิกงานเดินทางกลับมาจากบริษัทกำลังเดินทางกลับบ้าน ขี่มอเตอร์ไซค์มาโดนตำรวจจับด้วย โทรศัพท์ไปให้บริษัทยืนยันว่ากำลังเลิกงานกลับบ้าน ปรากฏว่าตำรวจไม่ฟังแล้วก็จับมาฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน คำถามแบบนี้มันมีอีกกี่ Case อันนี้ คือคืนเดียวที่ผมเคยไปด้วยตัวเองแล้วก็รับทราบมา ถ้าเกิดเราไม่ศึกษาคำถามนี้เราจะทราบ ไหมว่ามันมีการปฏิบัติการที่ผิดจากหลักการแล้วก็ไม่ต้องลง Record ไว้อีกกี่ Case ในส่วน ของตำรวจเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติหน้าที่เองก็มีปัญหา หลาย ๆ ครั้งเราคงจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ ต่างจังหวัดที่มาประจำการเพราะถูกเกณฑ์มาเพื่อการควบคุมการชุมนุม หลาย ๆ คนต้อง นอนกองกันอยู่ในที่ที่ไม่ได้เหมาะสม ไม่ได้อาบน้ำ เบี้ยเลี้ยงเองก็มีคำถาม อาหารเองเราก็เห็น ว่าไม่ได้ถูกสุขลักษณะ ไม่รู้ว่าตรงตามงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายหรือไม่ ในพื้นที่เองพอไม่มี ตำรวจ ถ้าเกิดยังโดนเกณฑ์อยู่เรื่อย ๆ อย่างนั้น ทางผู้บังคับบัญชาระดับพื้นที่ก็มีการพูดว่า แล้วจะทำอย่างไรต่อไป มีเหตุผมไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานแล้ว งบประมาณในการชุมนุมเอง ตอนนี้ก็ยังมีคำถามว่าใช้ไปกับอะไร เท่าไร เทียบราคาโล่กระบองใน Lazada ก็เบิกจ่ายกัน แพงกว่าที่ซื้อ Online ด้วยซ้ำอีก คำถามคือมีการคอร์รัปชันมากน้อยแค่ไหนในการควบคุม ฝูงชน โดยการชุมนุมปี ๒๕๖๓ ถึงปี ๒๕๖๕ และถึงที่สุดผู้สั่งการเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ เห็นลง Social Media ว่าไปกินไอศกรีมอยู่เมืองนอกสบายใจเฉิบ ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาได้สำนึกผิดต่อการสั่งการที่ตัวเองได้ทำให้เกิดคดีความตั้งหลายพันคดี แล้วทำให้เกิดข้อครหาจากสังคมต่อการควบคุมฝูงชนมากน้อยเพียงใด นี่ไม่ต้องไปว่าถึง ตัวผู้สั่งการคนนี้ ที่ถ้าเกิดลากคดีไปนี่ยาวไปถึงเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมฝูงชน จนมีการสลายการชุมนุม ปี ๒๕๕๓ คนเสื้อแดงเสียชีวิตไปเป็นร้อย บาดเจ็บไปตั้งกี่พัน ดังนั้นจากที่กล่าวมาทั้งหมดหากจะเริ่มการตรวจสอบข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการใด ๆ ต่อพี่น้องประชาชน ผมก็อยากให้เราเริ่มต้นกันที่สภาชุดนี้จะได้มาร่วมกันชำระสะสาง วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดที่สืบต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน รวบรวมข้อมูลศึกษาข้อผิดพลาด ของเจ้าหน้าที่รัฐในการกระทำรุนแรงต่อประชาชน โดยอ้างข้อหาเรื่องความมั่นคงต่าง ๆ นานาโดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ร่วมกันสร้างวัฒนธรรม สร้างความยั้งคิดต่อการสั่งการใด ๆ ที่จะมีความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน ต่อเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับเสียที ดังนั้นผมจึงขอสนับสนุน การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาข้อมูลทั้งหมดตลอดปี ๒๕๖๓ ถึงปี ๒๕๖๕ ในการแก้ปัญหาและวางมาตรฐานต่อไปในอนาคต ขอบคุณมากครับท่านประธาน
เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะ Whip ฝ่ายค้าน ได้มีการพูดคุยหารือกับทาง Whip รัฐบาลแล้วเห็นด้วย เห็นชอบ ตรงกันว่าจะให้จบ แต่ว่าเวลาเขาจะให้กระชับลงมากกว่าเดิมเพื่อให้ทุกท่านได้อภิปราย แล้วก็เอาให้จบภายในวันนี้เลย เพราะพรุ่งนี้ก็มีญัตติสำคัญแล้วก็มีรายงานอีกที่เป็นวันสุดท้าย ในการประชุมสภาก็ไม่อยากให้ตกหล่น แล้วอยากให้สมาชิกทุกท่านได้นำเสนอ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นก็เห็นด้วยกับทาง Whip รัฐบาลครับ ท่านประธาน ขอบคุณครับ
ท่านประธาน ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ในฐานะวิปฝ่ายค้านนะครับ ก็เห็นด้วยครับ ตอนนี้เราสามารถล้างใหม่ได้ครับ จะได้ไม่เกิด ความซ้ำซ้อน ตอนนี้ก็สามารถล้างได้เลยครับ จะได้ดำเนินการต่อได้โดยไม่มีข้อพิพาท เห็นด้วยครับ ขอบคุณครับ
ชุติพงศ์นะครับท่านประธาน เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ขอหารือผ่าน ท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้ครับ
เรื่องแรก หลังการรอคอยอย่างยาวนาน ของชาวมาบยางพร-สะพานสี่กับถนนเจ็ดชั่วโคตรที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนในการสัญจรมา หลายปี เร่งรัดอย่างไรไม่ได้ผลจะยกเลิกสัญญาหาผู้รับเหมาใหม่ก็ไม่ยอมทำ ปล่อยให้ ชาวบ้านลำบากไม่จบไม่สิ้น ในที่สุดหลังจากผมตั้งกระทู้ถามกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรี ได้มาตอบกระทู้ ในที่สุดหน่วยงานก็ได้มีมติให้มีกระบวนการยกเลิกสัญญาเดินหน้าผู้รับเหมา ใหม่มาจบงานเสียที ต้องขอบคุณด้วยนะครับ
เรื่องที่ ๒ ขอให้แขวงทางหลวงระยองเพิ่มจุดกลับรถให้กับถนนหมายเลข ๓๔๗๑ สายบางบุตร-วังจันทร์ บริเวณวัดเนินสว่างจนถึงทางเข้าซอยชากเล็กบน เนื่องจาก ชาวบ้านแถวนั้นร้องเรียนว่าแต่เดิมมีจุดกลับรถ แต่หลังการก่อสร้างต้องไปกลับรถไกลมาก จะข้ามฟากทีต้องขับรถอ้อม ๓ กิโลเมตร เดี๋ยวถ้าเกิดการย้อนศรจะอันตรายต่อประชาชน ฝากเพิ่มจุดกลับรถด้วยนะครับ
เรื่องที่ ๓ ฝากถึงแขวงทางหลวงจังหวัดระยองเช่นกัน ถนนสาย ๓๕๗๔ บ้านค่าย-บ้านบึง ตลอดทั้งเส้นมีปัญหาถนนพังแล้วไฟดับทั้งสาย เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะบริเวณตำบลบางบุตรและตำบลหนองบัว ฝากแก้ไขด้วยนะครับ
เรื่องที่ ๔ อันนี้ขอเป็นคลิปนะครับ ชาวบ้านรอบสนามฟุตซอลแห่งหนึ่งหลังห้างใหญ่ CK Plaza ในอำเภอปลวกแดงมีปัญหา เรื่องเสียงดังจากกิจกรรมของสนามแห่งนั้นครับ กลางวันแข่ง Futsal กลางคืนจัด Concert ชาวบ้านเดือดร้อนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ร้องเรียนไปทางอำเภอแล้วก็ยังดังอยู่ ฝากด้วยนะครับ
เรื่องที่ ๕ ผนังดาดคอนกรีตเลียบแม่น้ำระยองริมทางหลวงหมายเลข ๓๕๗๕ ระยอง-บ้านค่าย ที่ผมปรึกษาหารือในสภาไปคราวที่แล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ฝากหน่วยงานที่รับผิดชอบซ่อมแซมด้วยนะครับ จะรอให้เสาไฟฟ้าล้มทับคนตายก่อน ถึงจะมาทำหรืออย่างไร
เรื่องที่ ๖ ฝากถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอวังจันทร์ ผมได้รับเรื่องร้องเรียน จากกลุ่มผู้ปลูกทุเรียนจังหวัดระยองถึงข้อกังวลต่อการขาดแคลนน้ำในช่วงเพาะปลูกว่า อยากให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคช่วยเร่งรัดเข้าตรวจสอบระบบเพื่อจ่ายไฟฟ้าของโรงสูบน้ำ แห่งใหม่ที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ เนื่องจากเดิมมีกำหนดส่งน้ำในวันที่ ๑๐ มกราคมปีหน้า ขาดแต่ยังไม่ได้การอนุมัติให้ปล่อยกระแสไฟฟ้าจึงทำให้ถูกเลื่อนการส่งน้ำออกไป เกษตรกร ชาววังจันทร์จะไม่มีน้ำใช้เอานะครับ แล้วเราจะไม่มีทุเรียนกินกัน
เรื่องสุดท้าย การกระจายอำนาจเป็นสิ่งสำคัญนะครับท่านประธาน หากว่า เรากระจายอำนาจได้สำเร็จเรื่องเกือบทั้งหมดที่ผมพูดมาในการปรึกษาหารือท้องถิ่น จะจัดการได้ด้วยตัวเอง เราจะได้เอาเวลาของสภาไปทำเรื่องอื่นที่มีประโยชน์ต่อประชาชน มากขึ้น ขอขอบคุณมากครับ
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย ปลวกแดง วังจันทร์ ท่านประธานครับ เมื่อสมัยประชุมที่แล้วผมมีโอกาส ได้อภิปรายเรื่องประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงจากการเฉลี่ยค่าไฟ และประชาชนต้องจ่าย เท่านั้น ไม่มีทางเลือก หลักเกณฑ์การคำนวณก็ไม่เคยมีการเปิดเผยต่อประชาชนเลย ประชาชนไม่สามารถมีส่วนร่วมอะไรได้กับหลักเกณฑ์พวกนี้ มีส่วนร่วมได้อย่างเดียว คือการช่วยหารค่า FT กันทั้งประเทศ แล้วก็เหมือนหนังฉายซ้ำครับท่านประธาน สมัยประชุมนี้ผมก็ต้องลุกขึ้นยืนอภิปรายอีกรอบเรื่องค่าไฟแพง ในการสนับสนุนญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ที่เสนอโดย ท่านอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ และท่านธิษะณา ชุณหะวัณ ท่านประธานครับ เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ที่ผ่านมาทาง กกพ. มีมติปรับค่าไฟเดือนมกราคมถึงเมษายน ๒๕๖๗ อยู่ที่หน่วยละ ๔.๑๘ บาท จากเดิมหน่วยละ ๓.๙๙ บาท ทำให้ประชาชนต้องเสียค่าไฟเพิ่มขึ้น ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจหลายประเภท ได้รับความเดือดร้อน ได้รับผลกระทบ แบกภาระ ต้นทุนเพิ่ม บางธุรกิจทำแล้วไม่ได้กำไร เอาไปจ่ายค่าไฟหมด แบกรับกันไม่ไหว ปิดตัวกันลงไป แต่มีธุรกิจอยู่ประเภทหนึ่งที่เจริญเติบโตค้าขายดี กำไรคล่อง รุ่งเรืองเหลือเกิน นั่นคือ ธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่จังหวัดระยองของผมกำลังมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง และมีการทำ COP ที่เหมือนเป็นตรายางรับรองการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้า ตามระเบียบเท่านั้น ทั้งที่ถึงเวลาประชาสัมพันธ์ก็บอกประชาชนว่าเป็นการเปิดเวทีให้มีส่วนร่วม โดยภาคประชาชนจะได้มาให้ความเห็นต่อข้อกังวล นี่เป็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม ที่กำลังจะเกิดขึ้นใจกลางชุมชนครับท่านประธาน เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสไลด์นี้ เกิดเมื่อแปดโมงเช้าของวันนี้ครับ
ผมไปที่หน้าเวที COP ที่จัดขึ้น เพื่อสังเกตการณ์ด้วยตัวเองก่อนมาประชุมสภา ซึ่งแปลกมากครับ จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น อย่างไร ผมก็ไม่แน่ใจ จัดในสถานที่เอกชน จัดวันพุธในเวลาทำงาน คนคงสะดวกมากันมาก กระมังครับ แล้วไปถึงสิ่งที่ผมเห็นมีเต็นท์และชายชุดดำนับร้อยรอรับชาวบ้านอยู่พร้อม เจ้าหน้าที่ คฝ. และตำรวจจากจังหวัดระยอง กว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ที่เป็นเต็นท์ในสถานที่ ที่จัดงานต้องเดินผ่านชายชุดดำ ผ่านด่านตรวจ ผ่านนั่นผ่านโน้นผ่านนี่ ประชาชนเห็นเข้า คำถามคือเห็นแบบนี้เวทีรับฟังความคิดเห็นนะครับท่านประธาน ผมไม่แน่ใจว่าเวทีรับฟัง ความคิดเห็นหรืออะไรกันแน่ ชาวบ้านจะกล้าเข้าไปไหมครับ ผมก็อาสาเป็นตัวแทนเข้าไป ถามให้ว่า เข้าไปได้ไหม ทางผู้จัดงานและทางตำรวจก็บอกว่าถ้าเข้ามาด้วยความสงบเรียบร้อย เข้าได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเกิดจะเข้ามาก็ขอให้ลงชื่อลงทะเบียน ผมก็ไปแจ้งชาวบ้านครับ บังเอิญระหว่างที่จะไปแจ้งชาวบ้าน พอดีผมเห็นมีรถตู้ขับมาข้างหลังผมเปิดประตูลงมา แล้วก็มีคนมารับพาเข้าได้เลยครับ ไม่ต้องลงทะเบียนอะไรทั้งนั้นอาจจะลง Online อะไร ก็ว่ากันไป แต่ดูง่ายกว่าการที่ผมจะแจ้งให้ชาวบ้านเข้ามาเยอะมากครับ อย่างที่ทราบ เวลามีการก่อสร้างก็จะมีการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่คนที่เข้ามาตรงนี้คนไม่เห็นด้วย เหมือนจะเข้าไม่ได้นะครับ พอไปแจ้งให้เข้ามาชาวบ้านมาถึงปุ๊บถูกตั้งด่านครับ ตั้งรั้วเหล็ก เอาการ์ดชายชุดดำมาคอย Screen ขอตรวจอาวุธทั้งที่เมื่อสักครู่นี้พึ่งผ่านไปแหม็บ ๆ ไม่ต้องตรวจอะไรเลยครับ แล้วก็พาประชาชนเข้าไปนั่งในคอกนั่งได้ ๑๐ กว่าคน ชาวบ้าน มากัน ๓๐๐ เข้าไปได้ ๑๐ กว่าคน แล้วก็ให้นั่งหน้าทีวีฟังแทบไม่ได้ยินทีวีจอเล็ก ๆ ผมก็เลย ถามว่าเข้าไปข้างในได้ไหม ทางโรงไฟฟ้าก็แจ้งว่าได้ เข้าไปก็ได้ แต่เฉพาะผมนะ ผมก็พา ทีมงานเข้าไปส่วนหนึ่งแล้วก็ไปรับฟัง ทางโรงไฟฟ้าก็พูดอธิบายข้อดีโน้นนั่นนี่ วิธีการจัดการ โน้นนั่นนี่พูด ๑๐ นาที แต่บนสไลด์เขียนว่าให้ชาวบ้านพูดได้คนละไม่เกิน ๓ นาที ๓ นาที เสร็จ รีบเตือนเลยนะครับ ผมก็รู้สึกว่าเป็นการให้ความเห็นที่เท่าเทียมดี ชาวบ้านที่อยากจะ ให้ความเห็นคัดค้านเข้าไม่ได้ และข้างหลังผมในรูปมีเต็นท์ว่างอยู่ มีเก้าอี้อยู่ ผมก็ถามว่า ทำไมไม่ให้เข้ามานั่ง เขาบอกนั่งข้างนอกก็เหมือนกัน ผมถามว่าแล้วใช้ทำอะไร เขาก็เหมือน จะหลุดบอกนะครับว่าใช้เลี้ยงข้าว ผมก็ถามมีเลี้ยงข้าวหรือ กำหนดการไม่มี เขาก็ไม่ตอบแล้ว เดินหนีผมไป โอเค ไม่เป็นอะไร สรุปว่าเขาไม่ให้เข้า แล้วก็ส่งอีกคนมาบอกว่านั่งข้างนอก กับข้างในก็เหมือนกัน คำถามคือถ้าเหมือนกันทำไมไม่ให้เข้าข้างใน นี่เป็นเวทีรับฟังความคิดเห็น ประเภทใดกันครับ แล้วพอพยายามจะถามเจ้าหน้าที่ที่เขาเป็นคนมาคุยกับผม ชายชุดดำ คนที่ว่านี่ ผมก็นึกว่าผมคุยกับอดีตรองนายกท่านหนึ่ง ถามอะไรก็ตอบไม่รู้ ๆ ไม่ทราบ ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอามาคุยกับผมทำไม ผมขอคุยกับคนที่มีอำนาจให้ความเห็น ก็ตอบอะไรไม่ได้ ชาวบ้านก็เข้าไม่ได้ สุดท้ายก็เลยต้องออกไปข้างนอกกัน สรุปว่านี่เป็นเวทีให้ความคิดเห็น แบบ COP ตามระเบียบของ กกพ. ที่ควรจะเปิดให้ชาวบ้านที่เขาอยู่ในพื้นที่ให้ความเห็นจริง ใช่หรือไม่ ตั้งแต่เวลา สถานที่ การกันคน มีทุกอย่างที่จะให้ประชาชนเข้าไปให้ความเห็น กับเรื่องค่าไฟแพงที่จะเกิดขึ้น เพราะการสร้างโรงไฟฟ้าและรับซื้อโดยรัฐ ท่านประธานครับ ไม่ใช่แค่นั้น วันนี้ผมไม่ได้ไปคนเดียว ผมไปกับกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สส. พงศ์ศธร และ สส. บิว จากจันทบุรี ท่านประธานครับ พอลับหลังผมออกมาทางกรรมาธิการการพัฒนา การเมืองจะขอดูการมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรรู้ไหมครับ ทางการ์ดผลักออก ผู้แทนราษฎรครับ ดันออกมาไม่ให้เข้า เกือบจะเกิดการปะทะกัน ท่านประธานครับ ศักดิ์ศรี ของผู้แทนราษฎรในสภาของเรา มันต่ำว่าคนชุดดำที่อยู่ในเวที COP นี้หรือครับ เราปล่อยให้ กกพ. กำหนดวิธีการแบบนี้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ศักดิ์ศรีของผู้แทนราษฎรเราอยู่ตรงไหนครับ ท่านประธาน กระบวนการที่ว่านี่ผมเล่าในสภาและผมเล่าจากสิ่งที่เห็นมีคลิปวิดีโอมีหลักฐาน ทุกอย่าง และนี่ก็คือเกี่ยวข้องกับค่าไฟที่มีนโยบายที่เกิดขึ้นจากการจะซื้อไฟฟ้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะขายมาจากใคร แล้วให้ประชาชนแบกค่าไฟกัน มันเริ่มผิดตั้งแต่ต้นจะซื้อหมด ซื้อแพง ชาวบ้านจ่าย กีดกันการมีส่วนร่วม มลพิษจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครสนใจ ผู้แทนราษฎรเข้าไป ก็ยากเย็นเสียเหลือเกิน มันเริ่มขึ้นมาจากตรงไหน เราก็น่าจะทราบกันดี เราเริ่มมาจากการที่ มีการประมูลโรงไฟฟ้า ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ ตั้งแต่ตอนนั้น ตรงนี้ผมว่าเพื่อน ๆ หลายคน อภิปรายมาแล้วคงไม่ลงรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนที่ผมอยากจะฝากอีกนิดหนึ่งเราจะสร้าง โรงไฟฟ้าให้กำลังไฟที่มันพออยู่แล้วเกินสำรองเป็นตั้งกี่เปอร์เซ็นต์ เพิ่มทำไม ในเมื่อ ยังมีชาวบ้านอีกตั้งหลายคนหลายพื้นที่ตำบลละหาร อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองไร่ อำเภอปลวกแดง ตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์เขตของผม ที่อยู่ใน ภ.บ.ท. ๕ ขอมิเตอร์ไฟ เพิ่มไม่ได้ต้องใช้มิเตอร์ร่วมกัน แล้วก็กลายเป็นค่าไฟแพง เราจะสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มกันไปทำไมหนักหนาให้ค่าไฟแพง ในเมื่อไฟไปไม่ถึงพี่น้องประชาชน ที่เขาเดือดร้อนจริง ๆ นี่คือความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่ฝากมาว่ารัฐไทยให้เขาต้องจ่าย ค่าไฟโดยไม่ปกป้องอะไรเขาเลย เรามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานครับ เรามี กกพ. ครับ เรามีนายทุนไฟฟ้าพลังงานที่จ่ายเงินบริจาคดูแลพรรคการเมืองหลาย ๆ พรรค และทำมาหากิน จนร่ำรวยจากความยากจนของชาวบ้าน ดังนั้นถ้ากรรมาธิการที่จะศึกษาเรื่องนี้ผมฝาก จากใจจากใจชาวบ้านทุกคนที่ฝากมาว่าเรื่องนี้ ถ้าเรามีหัวใจเดียวกับชาวบ้านในฐานะ นักการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้ง เห็นใจเขาเถอะครับ ปรับระเบียบเถอะครับ และใช้อำนาจ ของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทำอย่างไรก็ได้ให้ทุกกระบวนการมีส่วนร่วมได้รับการมีส่วนร่วม จริง ๆ ไม่กีดกัน ไม่ปิดกั้น และทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงให้ได้จริง ๆ นี่คืองานของเราครับ ในฐานะผู้แทนราษฎร ฝากถึงคณะกรรมาธิการและฝากถึง ครม. ด้วยครับ ขอบคุณครับ ท่านประธาน
ท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล ท่านประธานครับ ผมก็ขออนุญาตใช้สิทธิในฐานะผู้ถามกระทู้ที่ถูกเลื่อนในการหารือกับทางท่านประธานผ่านไปยัง ครม. สักเล็กน้อย คือผมเข้าใจครับว่าทางท่านรัฐมนตรีน่าจะมีภารกิจ ครม. สัญจรที่จังหวัดระนอง ก็เลยไม่ได้มาตอบกระทู้ของผม แต่ปัญหาคือกระทู้ถามอันนี้ ผมเคยตั้งไว้ตั้งแต่สมัยประชุมที่แล้ว ผมถูกเลื่อน ๒ ครั้ง ครั้งแรกยื่น และจะมาตอบวันที่ ๒๘ กันยายน ขอเลื่อนเป็น วันที่ ๑๙ ตุลาคม แล้วเลื่อนอีกรอบ ก็คือเลื่อนว่าไม่มาเลยครับ ผมเลยต้องถอนกระทู้มายื่นถามอีกครั้งในครั้งนี้ แล้วผมก็คิดว่าท่านน่าจะไม่มาตอบผมเลย ยื่นให้ท่านนายกรัฐมนตรีมาตอบ ท่านนายกรัฐมนตรีก็มอบหมาย แล้วท่านก็ไม่มา อีกแล้วครับวันนี้ คือไม่ใช่แค่ผมนะครับ โดยสถิติผมไปรวบรวมมาแล้ว สถิติทั้งสภาถาม ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการ ๒๐ กระทู้นะครับ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลรวมกันที่ต้องมาตอบนะครับ เป็นกระทู้ถามทั่วไป ๔ กระทู้แยกเฉพาะ ๑๖ มาตอบศูนย์ครั้ง ผมว่าอันนี้มีปัญหาแล้วครับ เพราะว่าผมเห็น ท่านลงพื้นที่ก็ไม่ขาดนะครับ ท่านไปต่างจังหวัด ไปจังหวัดเชียงใหม่ ไปจังหวัดกระบี่ จังหวัดสมุทรสาคร ต่างประเทศท่านก็ไปประเทศดูไบ ผมก็ไม่เข้าใจว่าสภามันมายาก ขนาดนั้นเลยหรือครับ คือท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม แต่ท่านทำตัวเป็นแค่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปประเทศดูไบ แต่ไม่มีดอก ไม่มีผลเลยนะครับตอนนี้ แล้วก็ไม่มาสภาด้วย ขาดการทำหน้าที่รัฐมนตรี หนีสภา น่าจะเยอะที่สุดนะครับ ไม่เคยเห็นเลย
ก็เข้าใจครับ ถ้าอย่างนั้นผมฝาก อีกนิดหนึ่งเดียวครับ คือสมัยการประชุมที่แล้ว สภาชุดที่ ๒๕ พี่ชายท่านยังมาตอบ ไม่รู้ ๆ ในสภาให้เราได้ชื่นใจบ้างนะครับ แต่ท่านเล่นไม่มาเลยอย่างนี้ ผมว่าเราก็เสียใจนะครับ ปัญหาประชาชนฝากพวกเรามากันเยอะ แล้วผมฝากจริง ๆ เรื่องที่ถามถึงเรื่องช้างป่า เป็นปัญหาประชาชน คนเดือดร้อน หลาย ๆ ท่านถามไว้ อย่างเรื่องเมื่อสักครู่นี้ เรื่องกระทู้ ถามทั่วไป ที่ทางพรรคเพื่อไทยบอกว่า มีเรื่องกระเช้าขึ้นภูกระดึง ก็ของท่านนะครับ ท่านควร จะมามีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ผมว่าถ้าเกิดเป็นอย่างนี้รอบหน้าผมจะเสนอกระทู้ถามท่าน นายกรัฐมนตรีนะครับว่า ให้เปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และถ้าเกิดเอาคนที่มาสภาแน่ ๆ ผมเสนอเปลี่ยนเป็นท่านอรรถกร ศิริลัทธยากร เลยครับ มาตลอด อย่างไรไม่หนีกระทู้พวกเราแน่นอน ฝากท่านประธานด้วยครับ ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ครับ วันนี้ขอร่วมอภิปรายญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการถ่ายโอนธุรกิจต่าง ๆ ของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของ รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะขออนุญาตอภิปรายโดยใช้ข้อมูลที่จะสนับสนุน กรรมาธิการชุดนี้ซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขออ้างอิงถึงเรื่องราวที่เงียบหายไป หลังสมัยสภา ชุดที่ ๒๕ ว่าตอนนี้ไปถึงไหนแล้วหลังจากการเปลี่ยนรัฐบาลครับ
เรื่องแรก เป็นเรื่องราวในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ มีการอภิปราย ไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร โดยท่านอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ท่านวิสาร เตชะธีราวัฒน์ พรรคเพื่อไทย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้มีการพูดถึงโครงการบ้านธนารักษ์ จังหวัดเชียงราย ในพื้นที่ ๘๒ ไร่ ในรายละเอียดระบุว่ากองทัพบกไม่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดูแล ซึ่งกรมธนารักษ์ แบ่งแปลงแล้วต่อสัญญาได้ทุก ๓๐ ปี มีเงื่อนไขเป็นสวัสดิการทหารในการอภิปรายครั้งนั้น ท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่าอัตราค่าเช่าต่ำทั้งที่อยู่ในบริเวณริมแม่น้ำกก หลังศาลากลางจังหวัด เชียงราย ค่าเช่าเริ่มปีแรก ๑.๕ บาทต่อตารางวาต่อเดือน สามารถโอนสิทธิขายต่อให้เอกชนได้ เมื่อครบ ๕ ปี มีการตั้งคำถามว่ากองทัพบกได้อะไร และขยายขอบเขตว่าไม่จำเป็น ต้องเป็นข้าราชการกองทัพบก แต่เป็นลูกจ้าง ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจอื่นได้ ซึ่งที่บริเวณเคียงข้างกันติดไร่ละ ๘-๑๐ ล้านบาท บ้านหลังดังกล่าวขายดีมากในราคา ๖๐๐,๐๐๐-๑,๘๕๐,๐๐๐ บาท ๒๗๓ แปลง ถูกเปลี่ยนไปยังบุคคลอื่นหรือทหารยศนายพล ซึ่งไม่ใช่นายทหารในพื้นที่ รวมถึงในการอภิปรายครั้งนั้นยังมีการอภิปรายถึงโครงการ ไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ จังหวัดเชียงราย บนที่ราชพัสดุ มีหลักเกณฑ์เพื่อฟื้นฟูทหารที่พิการ เจ็บป่วย โดยทำอาคารหลังใหญ่ ๓ หลัง ใช้เงินหลายร้อยล้านบาท สุดท้ายปล่อยให้เอกชนเช่า เรื่องนี้ก็ไม่แน่ใจว่าไปถึงไหนแล้วนะครับ
เรื่องถัดมา ก็จะขอ Rerun กลับมาเพื่อเป็นประโยชน์กับทางกรรมาธิการ วิสามัญที่จะตั้งขึ้นอีก ๑ เหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์ในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ในการ ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๒ เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยไม่มีการลงมติครับ โดยขณะนั้นทางคุณจิราพร สินธุไพร ขออภัยที่เอ่ยนาม แต่ไม่เสียหายนะครับ เป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทย ได้ทวงถามนโยบายเร่งด่วน เรื่อง การปราบปรามทุจริต ว่าได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงได้ดำเนินการกับบุคคลใกล้ตัวของนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น คือพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ โดยในการอภิปรายคุณจิราพรได้พูดถึง หลานชายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าได้มีการเปิดธุรกิจโดยใช้บ้านพักในค่าย สมเด็จพระเอกาทศรถ ในการทำธุรกิจส่วนตัวนานถึง ๕ ปี โดยเนื้อหาการอภิปรายมีการ กล่าวว่าธุรกิจดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาของตู้ห่าวด้วย เรื่องนี้ก็ไม่แน่ใจว่า มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ซึ่งเป็นการโชคดีมากที่รอบนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของพรรคเพื่อไทย คือท่านสุทิน คลังแสง ด้วย ดังนั้น การสืบหาเรื่องนี้น่าจะไม่ยากครับ แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ตรงไหนต่อ อย่างไร เอาเข้ากับคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ก็ได้นะครับ เดี๋ยวเราจะได้มาติดตามเรื่องนี้ต่อกัน ประชาชนรอฟังอยู่นะครับ นี่เป็นโอกาสในการติดตามเรื่องที่ทางพรรคอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน ด้วยกัน ในสมัยประชุมสภาที่แล้วได้อภิปรายไว้ทั้งหมดและได้เงียบหายไป ครั้งนี้ในเมื่อท่าน ได้ไปเป็นรัฐบาลแล้วเราในฐานะพรรคฝ่ายค้านที่จะได้ร่วมทำงานกันในคณะกรรมาธิการวิสามัญ จึงขอให้เอาเรื่องเหล่านี้บรรจุไว้เพื่อศึกษาร่วมกัน เพื่อจะได้มีความชัดเจนและต่อเนื่องว่า สิ่งที่เคยได้อภิปรายไว้ในสภาแห่งนี้มีความคืบหน้ามากน้อยเพียงใด จะได้เป็นผลงานของท่าน ในการติดตามเรื่องที่เคยทำด้วยกันในสมัยอยู่ร่วมกันเป็นพรรคฝ่ายค้าน วันนี้ท่านเป็นรัฐบาลแล้ว เดี๋ยวเราจะช่วยติดตามเรื่องนี้กันในคณะกรรมาธิการวิสามัญที่จะตั้งขึ้น ขอบคุณครับ ท่านประธาน
ท่านประธานครับ ผมขออนุญาตหารือ นิดหนึ่งครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ในฐานะวิปฝ่ายค้าน เมื่อเช้าตอนที่มีกรณีเรื่องของกระทู้ถามสดที่ทางท่านรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มาตอบ แล้วก็ทางท่านประธานได้มีการพูดคุยกับผู้ถามกระทู้คือ ท่าน สส. กัลยพัชร รจิตโรจน์ ว่าจะให้ไปรอตอบในสัปดาห์หน้า ทีนี้ผมอยากจะขอ ความชัดเจนนิดหนึ่งครับว่าการให้เอากระทู้สดที่จะถามในสัปดาห์นี้แล้วทางท่านรัฐมนตรี ขอเลื่อนไปสัปดาห์หน้า หมายถึงว่ากระทู้สดดังกล่าวนี้จะเป็นกระทู้ที่ ๔ ในกระทู้สด ของสัปดาห์หน้าหรืออย่างไรครับ เพราะว่าถ้าเกิดอย่างนั้นก็เท่ากับว่าไปเบียดโควตากระทู้ ในสัปดาห์หน้าที่มีอยู่ ๓ กระทู้ หรือถ้าอย่างนั้นก็อาจจะต้องให้มีการงดเว้นข้อบังคับ การประชุมที่มีได้แค่ ๓ กระทู้ เป็น ๔ กระทู้ ซึ่งเป็นอำนาจของท่านประธาน ซึ่งไม่แน่ใจว่า เมื่อเช้านี้เป็นการตีความอย่างไร ก็เลยอยากจะขอความชัดเจน เพื่อจะได้ไม่มีข้อผิดพลาด หรือขัดข้องในการมีกระทู้ถามสดด้วยวาจาสัปดาห์หน้าครับท่านประธาน เลยขอปรึกษาหารือ เรื่องนี้ก่อนครับ
ท่านประธานครับ โอเคครับ โดยสรุป ก็คือจะมีการให้เราไปยื่นตามโควตาในสัปดาห์หน้า โดยที่ไม่มีการงดเว้นให้มีการเพิ่มกระทู้ ถูกต้องใช่ไหมครับ ผมจะได้สื่อสารกับฝ่ายค้านให้ถูกต้อง
โอเคครับท่านประธาน เดี๋ยวอย่างไร ผมจะลองหารือกับทางท่านพิเชษฐ์ผู้รับผิดชอบนะครับ ขอบคุณท่านประธานครับ
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอบ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ขอร่วมอภิปรายสนับสนุนญัตติ การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ ขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เพื่อนสมาชิกได้เสนอเข้ามาพิจารณาในวันนี้ ท่านประธานครับ ผมขอเริ่มต้นการอภิปรายเรื่องราวด้วยการพูดถึงผู้ชาย ๑ ท่าน ขอสไลด์ ด้วยนะครับ
คนที่อยู่ในภาพคือทนายประเสริฐ รักเผ่า รุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยบูรพาของผม ซึ่งได้เสียสละชีวิตจากการคัดค้านบ่อขยะรวม แบบครบวงจรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่าบ่อขยะทับมา เนื่องจากมีความกังวลว่าบ่อขยะดังกล่าวจะสร้างมลพิษต่อพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ โดยรอบ ท่านประธานครับ ทนายประเสริฐ รักเผ่า ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ ต่อมาหลังจากนั้นไม่นานมีกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยบูรพา ชื่อกลุ่มลูกชาวบ้านร่วมกับ เพื่อนนักศึกษาจากอีกหลายมหาวิทยาลัย นักวิชาการ นักพัฒนาเอกชน ร่วมกันจัดเวที คัดค้านบ่อขยะทับมาที่วัดเขาโบสถ์ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ภาพที่ท่านประธานเห็นอยู่ ในขณะนี้ ๑ ในนั้นคือผมเมื่อ ๑๔ ปีก่อน และในนั้นมีคุณปกรณ์ อารีกุล และคุณธิวัชร์ ดำแก้ว อดีตผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกลยืนอยู่ตรงนั้น วันนั้นพวกผมจำได้ว่าชาวบ้านมาร่วม หลายร้อยคน พวกเขาต่างกังวลถึงปัญหามลพิษ มลภาวะที่จะเกิดขึ้นจากบ่อขยะ แม้สุดท้าย เสียงทัดทานคัดค้านของพวกเราและชาวบ้านทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และหนองตะพาน อำเภอบ้านค่ายในวันนั้นจะดังไม่มากพอที่จะหยุดโครงการดังกล่าว จนสุดท้ายแล้วโครงการนี้ได้ก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ท่านประธานทราบไหมครับ ข้อห่วงใย ที่ชาวบ้านกังวลเมื่อ ๑๔ ปีก่อน วันนี้ปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นทุกอย่าง ทั้งกลิ่นเหม็น น้ำเสีย ปัญหาเรื่องขยะล้นบ่อที่ฝังกลบเป็นภูเขาขยะในอนาคต เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นทุกอย่างครับ มันก็เหมือนภารกิจที่ผ่านมา ๑๔ ปี แล้วยังไม่จบ เพราะทุกวันนี้ผู้แทนเจ้าของพื้นที่ คือ สส. กมนทรรศน์ จากตำบลทับมา และผมในฐานะผู้รับผิดชอบตำบลหนองตะพานก็ต้องรับ เรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่แทบทุกวัน คือการที่ขยะไม่มีคนมาเก็บนะครับ ท่านประธาน นึกภาพถังขยะที่ไม่มีคนเก็บ จานชามไม่มีคนล้าง มีของบูดเน่าอยู่ใกล้ตัว มันเหม็นทนไม่ไหวขนาดไหน ชาวทับมาและชาวหนองตะพานต้องทนอยู่กับเรื่องแบบนี้ หนีไปไหนไม่ได้เพราะบ้านเขาอยู่นั้น ทุก ๆ วันมานับสิบปีมันจะเกินทนขนาดไหนครับ การจัดการที่ไม่ดีขนาดนี้จะทำให้ชาวบ้านต้องย้ายบ้านหนีเลยหรืออย่างไร ท่านประธานครับ เมื่อเดือนที่แล้วผมได้มีโอกาสลงพื้นที่บ่อขยะดังกล่าวร่วมกับคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็พบว่าการบริหารจัดการขยะในบ่อขยะทับมา ในปัจจุบันมีปริมาณขยะจากทั่วสารทิศในจังหวัดระยอง ประมาณวันละ ๑,๐๐๐ ตัน มีการจัดการแบบเผาได้โดยประมาณที่ ๕๐๐ ตัน แบบ RDF ที่เหลือจัดการด้วยการฝังกลบ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาเรื่องกลิ่น เพราะมีการเปิดปากฝาบ่อไว้กว้างมาก มีปัญหาน้ำเสียที่มาจาก การคัดแยกขยะของโรงคัดแยกขยะเอกชนโดยรอบไหลลงสู่ลำรางสาธารณะ ซึ่งบ่อขยะของ อบจ. ก็สามารถปฏิเสธได้ครับว่าเป็นการคัดแยกขยะโดยเอกชน แต่ว่าอย่าง นั้นมันก็กำปั้นทุบดินไปนะครับ เพราะว่ามีบ่อขยะรวมครบวงจร สร้างไว้แห่งเดียว แล้วปิดไว้ ทุกบ่อขยะที่มีของ อปท. โดยรอบ อย่างไรเขาก็ต้องมาคัดแยกขยะที่นี่ครับ เขาจะไปคัดแยก ที่ไหนยิ่งไกลยิ่งส่งง่าย ก็เลยเกิดปัญหาผลกระทบ ในการลงมติครั้งนั้นผมได้ลงพื้นที่ร่วมกัน และทาง สส. พูนศักดิ์ จันทร์จำปี ๑ ในกรรมาธิการที่ดินได้เสนอแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาไปแล้ว ว่าให้การลดการเปิดปากบ่อ เปิดเป็นตารางหมากรุกและดูดกลิ่น ดูดก๊าซมีเทนไปเผาเพื่อลด ปัญหาของกลิ่นออกไป และผมได้เสนอให้มีการจัดทำ Zoning รับเรื่องร้องเรียนจาก ประชาชนเพื่อจะได้ทราบว่าจะทำการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบที่ต้องทนกับกลิ่นทุกวันได้ อย่างไร ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องที่เสนอไปจะได้รับการรับผิดชอบและนำไปปรับใช้เพื่อ เยียวยาและแก้ปัญหากลิ่นโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ท่านประธานครับ ผมมีความจำเป็นต้อง กล่าวถึงการที่ อบจ. ระยอง ได้มีการดำเนินการรวบอำนาจไปทำเอง รวมศูนย์การจัดการ ทั้งหมดไว้ที่บ่อขยะแห่งเดียวจนจัดการไม่ไหว จริงอยู่ที่โครงการบ่อขยะเป็นโครงการที่ไม่มี ใครอยากเอาไปไว้หน้าบ้านตัวเอง แต่การจัดการก็ต้องเริ่มด้วยความจริงใจ โปร่งใส ไม่หมกเม็ด ไม่ใช่ทำแบบ ๑๔ ปีก่อนที่บอกว่าทำแล้วดีไม่มีปัญหา แต่พอมาวันนี้ปัญหาเกิด ภาคประชาชนเขาจะเสื่อมความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ ต่อภาคการเมือง ต่อภาคราชการขนาดไหน ๑๐ กว่าปีแล้ว ที่บ่อขยะทับมาเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าการรับปากของรัฐที่บอกว่าทำได้ ไม่มีปัญหาคือคำที่ทำไม่ได้จริง ผมเชื่อว่าหลักการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจัดการขยะ เป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่ต้องทำอย่างครอบคลุมรอบด้าน มีคำสั่งและทิศทางในการเพิ่ม ปริมาณของสิ่งที่จำเป็น ทั้งผู้ปฏิบัติงาน ทรัพยากรลดขยะ ต้องเพิ่มการจัดการคัดแยกขยะ ที่ต้นทางในระดับนโยบาย รวมทั้งท้องถิ่นก็ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามามี ส่วนร่วมในการบริหารจัดการให้ชาวบ้านได้ร่วมตรวจสอบมลพิษ มลภาวะที่จะเกิดขึ้นจาก การมีบ่อขยะในพื้นที่ มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ใช้งบไม่ถูกวิธี ไม่ใช่ ใช้งบไปทีว่าได้ใช้แล้วแต่ไม่เกิดการแก้ปัญหาเลย และที่สำคัญในจังหวัดระยองวันนี้ยังมีอีก หลายพื้นที่ที่มีโครงการอีกหลายโครงการทั้งของภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชนในเรื่องขยะ เพราะล่าสุดทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองเองก็มีความตั้งใจจะเพิ่มโรงไฟฟ้าพลังงาน ขยะเพื่อเผาขยะให้ได้มากขึ้น ซึ่งยังเกิดคำถามจากประชาชนว่า เราจะจัดการกับขยะได้จริง ด้วยการเผาหรือไม่ และผลกระทบจะเป็นอย่างไร ก็อยากจะให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตอบคำถาม สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนให้เต็มที่ ให้ดีที่สุด เพื่อให้ครั้งนี้เมื่อเกิดการแก้ไข ปัญหาจะไม่นำไปสู่ปัญหาครั้งต่อไป และโรงไฟฟ้าจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดหรือไม่ เรื่องนี้ต้องประชาสัมพันธ์และสร้างการมีส่วนร่วมให้มากกว่าเดิม อย่าให้เหมือน ๑๔ ปีที่ผ่านมา รวมถึงที่ตำบลปลวกแดง อำเภอปลวกแดง ที่กำลังจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ อุตสาหกรรม และมีการจัดเวทีที่กีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชนอยู่ ณ เวลานี้ จนเกิด ความกังวลเรื่องอิทธิพลต่าง ๆ ในพื้นที่ของผู้คัดค้าน เรื่องเหล่านี้สะท้อนว่ารัฐไทยไม่เคย เปลี่ยนไปจาก ๑๔ ปีก่อนที่ผมเริ่มเข้ามาในเวทีการต่อสู้เพื่อประชาชนเลย ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลนี้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้ความสำคัญกับชีวิตและเสียงของพี่น้องประชาชน ให้สิทธิเขาได้พูดและปกป้องพวกเขา อย่าให้ประชาชนต้องมาตายจากการที่เขาเพียงแค่ ลุกขึ้นมาพูดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากบ่อขยะ อย่าให้ใครต้องมาถูกยิงตายแบบทนายประเสริฐ รักเผ่า อีกต่อไปเลยครับท่านประธาน ขอบคุณครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกลครับ ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ไม่มีอะไรเห็นค้านครับ แล้วก็อยากให้ทั้ง ๒ คณะ พิจารณาแล้วเอามาให้ทางสภารับทราบว่า ผลการพิจารณาของทั้ง ๒ ฝ่าย จะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร ก็เห็นตามกับทางฟากรัฐบาล ขอบคุณครับ
ท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ในฐานะวิปฝ่ายค้าน เห็นด้วยกับทางท่านประธานวิปรัฐบาล ครูมานิตย์นะครับ ในการที่จะให้มีการขยายการตั้ง คณะอนุกรรมาธิการเพิ่มเติมในคณะกรรมาธิการที่มีการส่งเรื่องไปศึกษาเพิ่ม เพราะเท่าที่ผม ไล่ดูในญัตติต่าง ๆ ก็อาจจะมีส่งไปอีกนะครับ ผมว่าการวางแนวทางให้มีการขยายเพิ่มเพื่อรับ การศึกษาได้โดยที่ไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ถ้าจำเป็นก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แล้วก็ฝาก ทบทวนหาแนวทางในการเพิ่มบุคลากรหรือว่าทำอย่างไรให้การเพิ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ไปช่วยอำนวยความสะดวกน่าจะเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ เห็นด้วยกับทางท่านประธานวิป ท่านครูมานิตย์นะครับ ขอบคุณมากครับ
ท่านประธาน ขออนุญาตนิดหนึ่งครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ในคณะวิปฝ่ายค้านนะครับ หน้าจอไม่แน่ใจว่าตัวแสดงผลตอนนี้ มันแสดงผลหรือเปล่าครับ เพราะมองไม่เห็นเลย ทีนี้เวลาถ้าเกิดเราไม่เห็นองค์ประชุม ไม่แน่ใจของท่านประธานเห็นไหม สัปดาห์ที่แล้วเราเคยคุยเรื่องนี้ไป ถ้าเกิดยังไม่มีการทำให้ เห็นว่าองค์ประชุม บางทีอาจจะมีข้อผิดพลาดได้ แล้วรบกวนข้อที่ ๒ เรื่องระบบเสียงครับ หารือครั้งนี้รอบที่ ๕ แล้วนะครับทั้ง ๒ ฝั่ง เวลามีการพูดไมค์ ผมไม่ได้ยินท่านประธานบ้าง ไม่ได้ยินเพื่อนสมาชิกบ้าง ไม่แน่ใจว่าพอจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ไหม เพราะว่าก็เหมือน ท่านประธานก็จะรับไปหลายครั้ง แต่ว่ายังไม่มีแนวทางการปฏิบัติเพื่อแก้ไขอย่างชัดเจน อย่างไรรบกวนท่านประธานด้วยนะครับ เพราะเสียงในห้องประชุมได้ยินน้อยมาก บางที ยืนอยู่ข้าง ๆ แค่นี้ ผมยังไม่ได้ยินเพื่อนสมาชิกเป็นผู้อภิปรายเลยว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร อย่างไรรบกวนท่านประธานด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ท่านประธาน ขออนุญาตนิดหนึ่งครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ในฐานะวิปฝ่ายค้านครับ ขออนุญาตติดตามเรื่องที่ ทางท่าน สส. ณัฐชาได้ลุกขึ้นหารือไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรณีเรื่องของห้องหลังบัลลังก์ที่ควร จะเป็นห้องของวิปฝ่ายค้าน ซึ่งตอนนี้ไม่แน่ใจว่าผ่านมา ๑ สัปดาห์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว เพราะว่าก็เหมือนจะยังเข้าไปใช้ไม่ได้ แล้วก็เป็นห้องที่มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งทำการ ยึดครองอยู่ แล้วก็หลังจากการประชุมวิปที่ผ่านมานี้ก็มีคำตอบกลับมาว่ายังไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งเรื่องนี้เท่าที่ทราบคือน่าจะเป็นทางท่านประธานที่เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ มีความคืบหน้าอย่างไรไหมกับการที่ห้องหลังบัลลังก์ถูกยึดและไม่สามารถใช้คำสั่งของ ท่านประธานทำให้กลับมาเป็นห้องของวิปฝ่ายค้านได้ จึงขออนุญาตติดตามเรื่องนี้กับ ทางท่านประธานครับ
ครับ เพราะว่าเคยหารือไป ๒ ครั้งแล้ว ผมเป็นคนแรกที่ได้หารือ ท่านที่ ๒ ก็คือท่านณัฐชา เหมือนจะมีคำสั่งไปแล้วตอนนี้ ต้องขอ อนุญาตติดตามจริง ๆ ครับ
ท่านประธานครับ ขอประท้วงครับ ท่านประธาน ผมไม่ทราบว่าท่านผู้ประท้วง ประท้วงข้อบังคับไหนครับเมื่อสักครู่
ยังไม่มีการเอ่ยชื่อพรรคการเมืองเลยครับ ท่านประธาน
ท่านประธานครับ ผมขออนุญาตหารือ สักเล็กน้อยเกี่ยวกับประเด็นเรื่องกระทู้ถามครับ
เรียนท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ในฐานะวิปฝ่ายค้านครับ ผมเคยลุกขึ้นหารือ สัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับการที่กระทู้ถามของทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นกระทู้ ถามสดหรือกระทู้ทั่วไป มีรัฐมนตรีหลายท่านที่มาตอบกระทู้ แต่บางท่านไม่มาตอบกระทู้ เลื่อนกระทู้ แล้วก็ผมได้หารือกับทางท่านประธานรัฐสภา ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าเรา จะมีกระบวนการอย่างไรในการที่ทำให้กระทู้ถามสดที่โควตาตกไปแล้วต้องมาชิงโควตากันต่อ จะมีการงดเว้นข้อบังคับการประชุมเพื่อให้เป็นกระทู้ถามสด ๔ กระทู้ เพื่อชดเชยกับการที่ ทางรัฐมนตรีไม่มาทำหน้าที่ตอบกระทู้ได้หรือไม่ ซึ่งเท่าที่ฟังคือไม่ได้ ครั้งนี้ก็เลยทำให้ ท่านกัลยพัชรต้องมาถามใหม่ในครั้งนี้ แล้วก็ขอบคุณท่านรัฐมนตรีที่มาตอบ เช่นเดียวกัน ครั้งนี้ ถ้าเกิดเราจะเลื่อนของท่านศุภณัฐไปตอบสัปดาห์หน้าหมายถึงต้องไปกินโควตา กระทู้ถามสดสัปดาห์หน้าอีกใช่หรือไม่ ซึ่งคำถามคือทางพวกเราเป็นฝ่ายค้านมีเครื่องมือ ในการที่จะถามคำถามที่ฝากมาจากประชาชนอยู่ไม่มากนะครับท่านประธาน แล้วเล่น ไม่มาตอบ เลื่อนตอบอยู่เรื่อย ๆ อย่างนี้ ตอนนี้ผมทำการขอสถิติการไม่มาตอบกระทู้ของ ท่านรัฐมนตรีทุกท่านไว้กับทางสำนักกระทู้ของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งยังรอคำตอบอยู่ ถ้าจะให้ดีผมว่าเอาอย่างนี้ไหมครับ เพื่อตอบกลับนโยบายสภาโปร่งใสของทางท่านประธาน ผมเสนอให้มีการเปิดสถิติรัฐมนตรีที่มาตอบและไม่มาตอบกระทู้ทั้งหมดของสภาเลยว่า รัฐมนตรีท่านใดให้ความร่วมมือกับการทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากน้อยเพียงใด เพราะนี่คือหน้าที่ของท่านในฐานะรัฐบาลที่ต้องมาทำหน้าที่ตอบคำถามที่ฝากมายังพวกเรา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงขอเรียนท่านประธานหารือว่าเปิดสถิติเลยครับว่ารัฐมนตรี ท่านใดไม่มาตอบกระทู้บ้าง ซึ่งทางท่านมนพรผมขอกล่าวชื่นชมนะครับ ท่านมาตลอด เคยถามกระทู้ตอบกันท่านก็พยายามจะตอบอย่างเต็มที่ แต่ว่ายังมีอีกหลายท่านในรัฐบาล ที่ผมเองยังไม่เคยเห็นหน้าเลยครับ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมครับ ขอบคุณครับ
ท่านประธานครับ ผมขออนุญาตหารือ ท่านประธานสักนิดหนึ่งนะครับ
ท่านประธาน ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกลครับ วันนี้ผมมีเรื่องกังวลนิดหนึ่ง มาขอหารือกับท่านประธานเกี่ยวกับกรณีวันที่ ๓๑ มกราคมที่ผ่านมาครับ เกี่ยวกับคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตอนนี้มีข้อกังวลว่ามีการก้าวล่วงเข้ามาในอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งท่านประธานในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ผมเองก็อยากจะขอความชัดเจนในบางเรื่อง เพราะว่าในวันที่ ๓๑ มกราคมเนื้อหาบางตอนของการวินิจฉัย ซึ่งผมจะไม่ก้าวล่วงไปสู่ คำวินิจฉัยของศาลนะครับ ผมเคารพคำวินิจฉัยของศาล แต่การวินิจฉัยครั้งนั้นได้กินแดน เข้ามาในอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติของเรา ที่เราทำหน้าที่ทั้งเสนอกฎหมาย แก้ไข กฎหมาย ยกเลิกกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราครับ อำนาจหน้าที่นี้มาจากพี่น้องประชาชน ชาวไทยที่มอบผ่านผู้แทนราษฎรเข้ามาทำหน้าที่กันในสภาแห่งนี้ คำถามคือเมื่อการวินิจฉัย ของศาลมีส่วนที่อาจจะทำให้เกิดการตีความได้ว่า ในอนาคตข้างหน้าถ้าต่อไปจะยื่นหรือจะแก้ จะทำอะไรกับข้อกฎหมายต่าง ๆ เราต้องรอหรือไม่ครับ ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้เรา ทำอะไรได้ตามหน้าที่ของเราหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องน่ากังวลมากครับ เพราะพรมแดน คำวินิจฉัยศาลครั้งนี้กระทบเข้ามากับการทำหน้าที่ ไม่ใช่แค่ของเราครับ แต่เป็นการทำหน้าที่ ของพวกเราทุกคนไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของผู้แทนราษฎรคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ ซึ่งท่านประธานในฐานะประมุขของฝั่งนิติบัญญัติ ผมอยากให้ท่านวินิจฉัยครับ หรือยืนยัน เป็นจุดยืนของสภาของเราว่าเรามีอำนาจหน้าที่ในการทำงานตรากฎหมาย แก้กฎหมาย เสนอกฎหมาย หรือแม้แต่ถ้าเกิดจะพูดถึงการให้ความเห็นหรือการรณรงค์ ต่อไปสภาของเรา ถ้าเกิดเปิดให้ความเห็นต่อข้อกฎหมายต่าง ๆ เรามีการเปิดให้ความเห็นครับท่านประธาน เปิดให้ความเห็นว่าข้อกฎหมายนี้ประชาชนให้ความเห็นอย่างไร ต่อไปเราต้องปิดไหมครับ ถ้าเกิดการให้ความเห็นหรือการรณรงค์ อาจจะเข้าข่ายถูกตีความว่าล้มล้างการปกครองได้
ท่านประธานอีกนิดเดียวนะครับ สิ่งที่ผมกังวลเป็นอย่างยิ่งคือถ้าเกิดเรา ต้องปล่อยให้มีการตีความโดยเข้าใจไม่ตรงกัน ต่อไปในอนาคตถ้าเกิดผมบอกว่ากฎหมาย บางข้อถูกยื่นมาจากพรรคการเมือง หรือคนที่เป็นนายพล หรือเป็น Candidate นายกรัฐมนตรี ที่มีประวัติเคยเป็นผู้ก่อการรัฐประหารมาก่อน นี่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ ผมต้อง ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องนี้เป็นข้อกังวลจริง ๆ ที่เราจะทำงานกันอย่างไรในสภาแห่งนี้ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ จริง ๆ ผมต้องขอให้ท่านประธานเป็นผู้ตอบ
เพราะผมเห็นคำตอบของท่านประธาน ในสื่อระดับหนึ่งแล้ว แต่วันนี้ผมเห็นผ่านมา ๗ วันแล้วครับท่านประธาน อย่างไรให้ความมั่นใจ และให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าเราคือตัวแทนของประชาชนที่ถูกเลือกตั้งมา พูดนำเสนอ แก้ไขกฎหมายในนามของพี่น้องประชาชน อยากจะให้ท่านประธานช่วยไขข้อข้องใจตรงนี้ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ท่านประธานครับ ผมขอประท้วง ท่านประธาน ข้อ ๙ ครับ
ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ท่านประธานครับ ท่านอัครเดชได้กรุณาพูดถึงการเสนอร่างกฎหมาย และมีการได้พูดว่าเป็นการเสนอร่างกฎหมายที่ต้องมีความถี่ถ้วนในการพิจารณาวินิจฉัย ไม่สุกเอาเผากิน ท่านอัครเดชครับ ผมขออนุญาตพาดพิงสักเล็กน้อยนะครับ ท่านหมายถึงว่า ร่างของท่านพรรคเพื่อไทย ของท่านวิสุทธิ์ ไชยณรุณ หรือว่าร่างของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล ที่อยู่ในนี้ที่ว่าเป็นร่างสุกเอาเผากิน อย่างไรลองตอบหน่อยนะครับ ร่างของเรานี้ทุกร่าง เสนอมาจากความตั้งใจ แล้วผมเชื่อว่าทุกพรรคและสภาแห่งนี้เราตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเสนอกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ดังนั้นผมว่าเรื่องนี้ไม่สมควรนะครับ เราทุกคนเสนอร่างกฎหมายและอภิปรายกันอย่างตั้งใจขนาดนี้ ไม่มีสุกเอาเผากินหรอกครับ ท่านประธาน ผมขอให้ท่านถอนคำนี้ ขอบคุณครับ
ครับท่านประธาน ถ้าอย่างนั้น ผมประท้วงทั้ง ข้อ ๙ ให้ท่านควบคุมการประชุม แล้วก็ประท้วง ข้อ ๖๙ พาดพิงด้วยครับ ๒ ข้อเลยครับท่านประธาน
ข้อ ๙ ประท้วงท่านประธาน ข้อ ๖๙ ประท้วงพาดพิงครับ เพราะมีการพูดว่ามีการทำร่างแบบสุกเอาเผากินครับ
เรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง อำเภอ บ้านค่าย อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ วันนี้ขอหารือผ่านท่านประธานไปยังหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดังนี้
เรื่องแรก ชาวบ้านหมู่ที่ ๒ ตำบล บางบุตร มีปัญหาที่สาธารณะหายตรงเส้นสีแดงที่ว่านะครับ ตอนนี้อยู่ ๆ ก็มีการออกโฉนด ทับที่สาธารณะ แล้วตอนนี้ตรงที่เป็นทางเชื่อมคลองก็พังลงไม่สามารถเข้าไปซ่อมได้ ออกโฉนดทับซอยแบบนี้ทำได้หรือครับ เรื่องนี้ฝากกรมที่ดินช่วยตรวจสอบด้วยนะครับ อีกจุดหนึ่งคือหมู่ที่ ๑๑ ตำบลบางบุตร ชาวบ้านอาศัยอยู่บนพื้นที่ ภ.บ.ท. ๕ อยู่กันมาตั้งแต่ ยุคสงครามโลกนะครับ พยายามขอเอกสารสิทธิผ่านผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ไปจนถึงที่ดินอำเภอ ที่ดินจังหวัด ที่ดินก็แนะนำขั้นตอนการลงทะเบียนปักหมุด ทำทุกอย่าง แต่ก็เงียบครับ บอกได้แค่ว่าให้รอคิว ผมอยากดูคิวมากเลยครับท่านประธานว่าคิวตอนนี้ถึงไหนแล้ว อย่างไร รบกวนกรมที่ดินส่งคิวให้ดูหน่อยนะครับ จะได้รู้ จะได้ตอบประชาชนถูกว่าต้องรออีก กี่ชั่วอายุคนครับ
เรื่องที่ ๒ ที่หน้า มจพ. ระยอง เรื่องนี้เคยปรึกษาหารือไปแล้วว่าบริเวณนั้น อันตราย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก อบจ. ระยองในการนำ Barrier มาวางจัดระเบียบ การจราจรกันใหม่ ปรากฏเกิดปัญหาหนักกว่าเดิมครับ การจราจรติดขัด กลับรถไกล กลับรถ อันตราย ชาวบ้านแถวนั้นทำมาค้าขายยากขึ้น ฝาก อบจ. จัดเวทีรับฟังปัญหาหาทางออก บนถนนเส้นนี้ด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นไม่จบสักที อาจจะต้องทำเป็นเกาะกลางจริง ๆ จัง ๆ กันได้แล้วครับ
เรื่องที่ ๓ ชาวบ้านถามมาเยอะครับ เป็นเสาไฟ High Mast บริเวณถนน ๓๒๔๕ แยกลุงอุ้ย ไฟไม่ติดมาเป็นปีแล้ว แยกนี้ปัญหาเยอะ ผู้เกี่ยวข้องต้องช่วยกันดูแล แล้วมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรงนี้ เสาไฟอันนี้ต้นเป็นแสนบาทนะครับ แต่ว่าตอนนี้ ใช้ไม่ได้ครับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
เรื่องที่ ๔ เป็นความเดือดร้อนของตำบลหนองบัว หมู่ที่ ๑๑ บ้านของผมเอง ชาวบ้านบริเวณนั้นได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองของโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จแห่งหนึ่ง พอเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นไปตามสไลด์ครับท่านประธาน มี Plant ปูนนี้ขึ้นมา แต่ไม่มี แผงกั้นป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจาย ไม่แปลกที่ฝุ่นจะฟุ้งไปทั่ว ฝากกรมโรงงานตรวจสอบด้วย ผมหารือเรื่องนี้กับทางนายอำเภอไปแล้วยังเงียบอยู่นะครับ ไม่รู้ว่าในส่วนของท้องที่ตอนนี้ ทำงานกันอย่างไร ก็ฝากด้วยนะครับ
เรื่องที่ ๕ ถนนเส้น ๓๔๔ สี่แยกสหกรณ์ชะแวะ ผมก็เคยปรึกษาหารือเรื่องนี้ ไปแล้ว เมื่อเดือนสิงหาคมว่าแยกนี้อันตราย อยากได้ไฟจราจร ทุกวันนี้ยังไม่มีไฟจราจร แต่มีอุบัติเหตุเป็นประจำ ทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ล่าสุดทักมาหาผมครับว่า เขาขอไฟแดง สักทีเถอะ เพราะลูกเขาเพิ่งเสียชีวิตเพราะถูกรถชนที่แยกนี้ จะให้เสียชีวิตอีกกี่คนไฟจราจร ถึงจะมาครับ ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ขอบคุณครับ
ท่านประธาน ขออนุญาตครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ในฐานะวิปฝ่ายค้านครับ
ตอนนี้มีญัตติที่ติดค้างอยู่เยอะมาก ๆ ในคิวครับ และเป็นปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน มีหลายท่านเสนอ ครั้งนี้ มีผู้เสนอญัตติ ๕ ท่าน อย่างน้อยให้การประชุมดำเนินการไปโดยราบรื่น แล้วก็ให้ การอภิปรายของสภาของเราที่ประชาชนตั้งความหวังและรอคอยการทำงานของเราเดินหน้า ต่อเถอะครับท่านประธาน เพราะว่าถ้ายิ่งเลื่อนไปเรื่อย ๆ ญัตติก็ยิ่งค้างสะสมไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ดีวันนี้ผมอยากให้การเดินหน้า อย่างน้อยก็ไปตามที่วิปคุยกันก่อนก็ยังดี รบกวน ท่านประธานวินิจฉัยด้วยครับ ขอบคุณครับ
ท่านประธานครับ
ท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ขออนุญาตหารือท่านประธานครับ ตอนนี้มันผ่านขั้นตอน การแสดงตนไปแล้ว กำลังจะเตรียมการลงมติ แต่มีการปรับเปลี่ยนข้อมูลต้องแสดงตนใหม่ หรืออะไรหรือเปล่าครับ ผมว่าเดินหน้าลงมติตามที่เราได้มีการเตรียมการไว้เลยดีกว่านะครับ ท่านประธาน
ท่านประธานครับ
ท่านประธานครับ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้านครับ ก็ขอยืนยันว่า อยากให้มีการประหยัดเวลาของสภาด้วยการลงมติพร้อมกันทั้ง ๕ ร่าง ส่วนเรื่องรายละเอียดจะเป็นอย่างไรที่จะมีความเห็นต่าง ก็ไปว่ากันในชั้นของกรรมาธิการ เพื่อจะได้เดินหน้าวาระของสภาต่อไป ขอยืนยันให้โหวตครั้งเดียวครับ
ขอบคุณครับท่านประธาน เรียนท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ ผม ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จังหวัดระยอง ในฐานะผู้ตั้งกระทู้ถามท่านรัฐมนตรี วันที่ถูกเลื่อนผมก็อยู่กับ ท่านประธาน แล้วท่านประธานก็บอกว่าทางท่านรัฐมนตรีจะขอเลื่อนมาเป็นวันที่ ๒๙ ก็คือวันนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวในรอบ ๔ ปี แล้วท่านก็ขอเลื่อนไว้ ท่านก็ควรจะลงปฏิทินไว้นะครับ ว่าท่านจะมาตอบ ท่านเลื่อนอีกแล้วหรือครับ อันนี้ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ท่านรัฐมนตรีพัชรวาทเลื่อนผมมาแล้ว ๓ ครั้ง ครั้งนี้คือครั้งที่ ๔ นะครับ ตอนนี้ผมไม่เข้าใจแล้วครับว่าที่ไม่มาตอบ ตอบไม่ได้หรือทำไม่ได้ อย่างไรกันแน่ หรือท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องมาตอบเองแล้วครับ เพราะว่าผมถามไปยังท่านนายกรัฐมนตรี แล้วครับ มอบหมายรัฐมนตรีให้มาในฐานะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีก็ไม่มาครับ ไม่รู้เก็บไว้ ทำไมตอนนี้ ทีนี้มาดูความเสียหายนะครับ เผื่อจะกระตุ้นทางท่านรัฐมนตรีให้อยากมาทำงาน กันดูนะครับ ในความเสียหายเรื่องช้างป่าที่ผมถาม ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ ถึงปี ๒๕๖๖ สิ้นปี มีคน ตายไปแล้ว ๒๐๗ คนทั่วประเทศ มีช้างตายไปแล้ว ๑๙๐ ตัว ปีนี้ ๒๕๖๗ เพิ่งผ่านมา ๒ เดือน ตายไปแล้ว ๑๓ คน ช้างตายไป ๑ ตัว ป่าตะวันออกตายไป ๗ ตัวครับ เกิน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ในเขตของผม ผมสงสัยจริง ๆ ครับ ความเสียหายขณะนี้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบทำไม่ได้ หรืออย่างไร ทำไมทางท่านนายกรัฐมนตรีไม่เลือกคนมาเป็นรัฐมนตรีตามความสามารถ ต้องให้มีคนตายกี่คนครับ เอาให้เลือดท่วมกระทรวงก่อนเลยไหมครับ และอย่างที่เห็น รัฐมนตรีไม่มาตอบหลายคนมาก อย่างไรผมขอบคุณไปยังท่านจุลพันธ์ที่มาตอบ แค่คนเดียว วันนี้ที่มา ถึงจะไม่ใช่กระทู้ของฝ่ายค้านก็ตาม แต่ก็ยังดีที่ให้เกียรติทางฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เป็นโอกาสในการแถลงผลงานของรัฐบาลครับ เป็นโอกาสในการตอบคำถาม และรับปัญหาของพี่น้องประชาชนเข้าไปปรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ผมก็ฝากไว้เลยนะครับ List รายชื่อไว้เลย รัฐมนตรีเผื่อจะใช้ในการปรับ ครม. คงใกล้แล้วละครับ ไม่รู้ว่าจะเกรงใจ รัฐมนตรีพวกนี้ไปทำไมที่ไม่มาทำงาน เกรงใจประชาชนเถอะครับ ประชาชนเลือกพวกเรามา ผมไม่รู้แล้วต้องทำอย่างไรครับ หรือว่าผมต้องตั้งกระทู้ถามไปยังเพื่อนสมาชิกที่เป็นพี่ชายของ ท่านรัฐมนตรี ท่านพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่รู้ว่าท่านอยู่ห้องหลังบัลลังก์ที่ครอบครอง ปรปักษ์อยู่หรือเปล่าตอนนี้ แต่ผมเห็นไม่ได้เซ็นชื่อก็คงไม่ได้มา อย่างไรถ้าเกิดคิดว่า เป็นการพาดพิง ไม่เป็นอะไร ท่านก็มาชี้แจงในห้องได้ครับ คนเขาถามมาว่าพี่ชายเป็น ประธานมูลนิธิป่ารอยต่อ ๕ จังหวัดภาคตะวันออก น้องชายคุมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จนตอนนี้เขาสงสัยว่าใครเอาช้างมาปล่อยไว้หรือเปล่า ถ้าเกิดคิดว่าพาดพิง ก็มาเลยครับ ผมเสนอคราวที่แล้วไปแล้วว่าให้ทางท่านนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเถอะครับ หรือตั้งรัฐมนตรีช่วยขึ้นมาก็ได้ เพราะว่าทำงานกันอย่างนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรอบอำนาจหน้าที่ เยอะมาก แต่ไม่เคยมา โอเคเคยมาครั้งหนึ่งครับ ก็มาตอบกระทู้ถามแบบที่ทางผู้ถามถามไป ๑ คำถาม แต่ตอบถึงคำถามที่ ๒ ได้ ผมไม่รู้ว่าทำท่าไหน เห็นอนาคตหรืออย่างไร ผมไม่รู้ว่า ต้องทำอย่างไรครับ ไม่รู้ว่าต้องตั้งคำถามไปยังท่านประวิตรหรือว่าผมต้องตั้งคำถามไปยังบ้าน
โอเคครับ อย่างนั้นสุดท้ายครับ ท่านประธาน ผมขออนุญาตนะครับ ก็ฝากทางสื่อมวลชน ฝากพี่น้องประชาชน อย่างไร ผมฝากทางสื่อมวลชนทุกท่าน ฝากพี่น้องประชาชน ถ้ามีโอกาสพบเห็นบุคคลในภาพนี้ ท่านนี้ เป็นรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หายหน้าหายตาไปนานแล้วครับ อย่างไรก็รบกวนสื่อมวลชนช่วยกันติดตาม ฝากตามหาคนหาย รัฐมนตรีหายด้วยนะครับ อย่างไรขอบคุณทุกท่านมาก ๆ ครับ ที่ได้ช่วยสื่อสารต่อหลังจากนี้ ขอบคุณท่านประธาน ที่ให้โอกาสในการตามหาคนหายของผมด้วย ขอบคุณครับ