ท่านประธานที่เคารพครับ ขออนุญาตสักนิดหนึ่งนะครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ขออนุญาตหารือเพิ่มเติมจากท่านศุภโชติสักเล็กน้อย เนื่องจากว่าโดยปกติแล้ว โควตากระทู้ถามสดมีทั้งหมด ๓ กระทู้ต่อวัน ใน ๓ กระทู้เป็นของรัฐบาล ๑ กระทู้ แล้วของ ฝ่ายค้าน ๒ กระทู้ กระทู้ถามสดนะครับ ทีนี้ถ้าเกิดว่าวันนี้ท่านรัฐมนตรีไม่ได้มาตอบ กระทู้ถามสด ถ้าเกิดว่ามันเป็นการตัดโควตาเลยจะทำให้ฝ่ายค้านนั้นเสียโอกาสในการที่จะ สอบถามปัญหากับรัฐมนตรีโดยตรง ในสมัยที่แล้วถ้าเกิดว่ารัฐมนตรีมาชี้แจง โอกาสน่าจะ เป็นการเพิ่มฝ่ายค้านทั้งหมดเป็นอีก ๑ กระทู้ เป็นฝ่ายค้าน ๓ กระทู้ และฝ่ายรัฐบาล ๑ กระทู้ในครั้งหน้า เรื่องนี้อยากจะให้เป็นหลักการ เพราะมิฉะนั้นรัฐมนตรีก็ตัดไป เท่ากับ ตัดโควตาไปเลย มันจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน อยากจะให้หนักแน่นตรงนี้ครับ ท่านประธาน
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ขออนุญาตอภิปรายเกี่ยวกับญัตติแนวทางการแก้ปัญหาภัยแล้ง จากปรากฏการณ์ El Nino พูดถึงเรื่อง El Nino มันก็คืออุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นจากภาวะ เรือนกระจกที่ยาวนานทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระแสน้ำไหล ในมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าอุณหภูมิร้อนไปอยู่ในส่วนของใกล้ประเทศใดประเทศนั้นก็จะร้อน แต่ในฝั่งตรงข้ามของอีกโลกหนึ่งจะเป็นปรากฏการณ์ La Nina ก็จะเย็นและฝนตก น้ำท่วม นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดโดยธรรมชาติและโดยฝีมือมนุษย์ที่ทำให้อุณหภูมิโลกนั้นสูงขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่แล้วอุณหภูมิจะสูงขึ้นหรืออย่างไรนี่เกิดจากมนุษย์ทำขึ้นประมาณไม่น้อยกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือปรากฏการณ์ธรรมชาติล้วน ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ El Nino ที่เกิดในประเทศไทยที่มีการคาดหมายว่าจะเกิดของประเทศไทย ปี ๒๕๖๖ กลางปี ๒๕๖๖ ถึงต้นปี ๒๕๖๗ แต่อาจจะยาวนานถึง ๙-๒๔ เดือน ผลก็คือทำให้ ประเทศไทยนั้นมีการแล้งอย่างรุนแรง โดยเฉพาะแล้งในฤดูฝนแล้งมาก มันส่งผลอะไรครับ ทางเศรษฐกิจ ทางการเกษตร ทางสิ่งแวดล้อมและด้านอื่น ๆ การท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งหมด การเกษตรซึ่งเป็นจุดหลักของประเทศไทยคาดการณ์ว่าในเรื่องของข้าว มันสำปะหลัง ปาล์ม และสิ่งต่าง ๆ จะเกิดการขาดหายเนื่องจากขาดน้ำ เรามาดูในส่วนของตัวน้ำเลยนะครับ ง่าย ๆ ในส่วนของพืชที่ขาดน้ำ ยกตัวอย่างเช่นฤดูกาลปกติจะหว่านข้าวได้ในฤดูปกติ แล้วก็รอฝนเข้ามาแต่ปัจจุบันนั้นมันอาจจะมีการขับเคลื่อนของฤดูกาล คลาดเคลื่อนไป ๒-๓ เดือน ถ้าทางฝ่ายภาครัฐไม่แม่นยำในการกำหนดว่าฤดูของประเทศที่เปลี่ยนแปลง และเป็นอย่างไร มันจะทำให้ชาวนาที่หว่านข้าว เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ต่าง ๆ นั้นจะเกิดภาวะ เขาเรียกว่าดินสุก ดินสุกคือดินที่ร้อนแล้วก็ทำให้พืชนั้นหว่านไปแล้วก็ตายทำให้ขาดทุน และเป็นปัญหาหนี้สินตามมา นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกษตร
ในปีนี้คาดการณ์ว่าอาจจะมีเสียหายถึงประมาณ ๔๘,๐๐๐ ล้านบาท เป็นเรื่องข้าวประมาณ ๓๗,๖๓๑ ล้านบาท ซึ่งประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้น ข้าวก็จะมีราคาแพง แต่แพงแล้วประชาชนไม่ค่อยได้ประโยชน์ เนื่องจากว่า ข้าวที่มีราคาแพงแต่ประชาชนไม่มีข้าวในมือ มันส่งผลอย่างไรครับ ส่งผลให้ถ้าเกิดเราปล่อย เหตุการณ์อย่างนี้รัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจก็จะเกิดการทำให้ข้าวในประเทศนี้ราคาแพง คนจะกินข้าวแพง สิ่งเหล่านี้ผมอยากจะให้ดูในส่วนของบริษัทค้าข้าว ซึ่งในประเทศไทยเรามี บริษัทอยู่หลายบริษัท มีประมาณ ๕ บริษัท เช่น กลุ่ม Asia Golden Rice กลุ่มนครหลวง กลุ่ม CP International กลุ่ม Golden Gallery กลุ่ม Riceland International หรือกลุ่ม Tanasan Rice ต่าง ๆ กลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มนำส่งข้าวออกนอกประเทศประมาณ ๖ ล้านตันต่อปี ถ้ารัฐบาลไม่ตัดสินใจควบคุมการส่งออก ประเทศอินเดียเขาคำนึงถึง El Nino เขาไม่ได้มี El Nino ทั้งประเทศพร้อมกัน เนื่องจากประเทศของเขาใหญ่เขาเป็นส่วน ๆ แต่เขาป้องกันไม่ส่งออกข้าว ประเทศอินเดียผลิตข้าวมากกว่าไทยนะครับ แต่เขามีมาตรการ ห้ามการส่งออกข้าวที่ประชาชนบริโภคทั้งประเทศ แต่ให้ส่งออกเฉพาะข้าว Basmati ซึ่งเป็น ข้าวราคาแพงเท่านั้น ตรงนี้เป็นการปกป้องราคาข้าวในประเทศของเขา แต่ของไทยมาตรการ เหล่านี้ไม่มีนะครับ ๕-๖ กลุ่มบริษัท ๕ เสือของบริษัทค้าข้าวยังไม่มีการควบคุมตรงนี้ อยากให้รัฐบาลกล้าหาญลองเจรจาหรือกำหนดมาตรการในการควบคุม เพื่อจะให้ปี ๒๕๖๗ ปี ๒๕๖๘ ราคาข้าวไม่สูง คนไทยไม่ต้องกินข้าวราคาสูงขึ้นมาครับ ในส่วนของการจัดการน้ำ ยกตัวอย่างในส่วนกรุงเทพมหานครใกล้ ๆ คือในเขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง พื้นที่เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง เราคิดว่ากรุงเทพฯ ไม่มีนาใช่หรือไม่ แต่จริง ๆ ไม่ใช่นะครับ ในส่วนของคลองสามวามีนาประมาณ ๒๐,๐๐๐ ไร่ หนองจอกมีนา ประมาณ ๖๐,๐๐๐ ไร่ มีนบุรีมีนาประมาณ ๔,๐๐๐ ไร่ ลาดกระบังมีนาประมาณ ๘,๐๐๐ ไร่ รวมพื้นที่แล้วด้านกรุงเทพฯ ตะวันออก มีประมาณ ๑๑๐,๐๐๐ ไร่ พื้นที่ในกรุงเทพฯ นั้น ต้องการทำนา ต้องการน้ำประมาณ ๑๒๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ขณะต้นทุนน้ำ ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดตอนนี้มีน้ำเพียง ๑๐๗ ล้านลูกบาศก์เมตร และการที่น้ำ จะมาถึงก็จะต้องผ่านจังหวัดปทุมธานี นั่นคือน้ำขาดแน่ ๆ แต่มาตรการของกรุงเทพมหานคร มาตรการของภาครัฐก็คือให้ระงับการปลูกข้าวหรือปลูกข้าวให้น้อยลง ตรงนี้เป็นสิ่งที่ ค่อนข้างไม่เป็นธรรม พื้นที่ตะวันออกของกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างอาภัพ ถูกกัน ให้เป็น Floodway ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ ให้เป็นที่รองรับน้ำ กรณีถ้าน้ำเยอะเป็นที่น้ำท่วม ๒-๔ เดือน หรือ ๕ เดือน นั่นคือต้องแช่น้ำในพื้นที่เป็นวง ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ที่ผมดูแผนที่น้ำ ๔ กลุ่มใหญ่ต้องแช่น้ำประมาณ ๒-๔ เดือน แต่เวลาน้ำแล้ง ไม่มี แต่พื้นที่ผังเมืองกันเป็น เขียวทแยง เขียวลาย และเขียว เพื่อเป็นพื้นที่เกษตร แต่ไม่มีการส่งเสริมเกษตร ไม่มี การส่งเสริมน้ำ นี่คือความอาภัพของพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก ผมเลยเสนอให้มีการตั้ง คณะกรรมาธิการตรงนี้และให้รัฐบาลนั้นจัดพื้นที่ที่รองรับน้ำ เช่น เป็นแก้มลิง เป็นอะไร ก็แล้วแต่ให้จัดขึ้นมาสักทีหนึ่ง จัดระบบ Line น้ำตรงนี้ให้ เมื่อเวลาน้ำมากก็มีพื้นที่รองรับน้ำและไหลลงสู่ทะเลได้ และกักเก็บน้ำใช้ในเวลาน้ำแล้งขึ้นมา ไม่เป็นพลเมืองชั้น ๒ ซึ่งเป็นคนเท่ากันแต่ไม่เหมือนกัน ในส่วนนี้ขอเรียนอีกอย่างหนึ่งก็คือในเรื่องของการใช้ระบบระยะยาวในการแก้ปัญหานี้ ก็คือเอาภาพรวมทั้งประเทศ เรามี Carbon Credit นะครับ Carbon Credit ก็คือเป็นกรณี เอื้อของกลุ่มทุนโดยเฉพาะที่ให้บริษัทกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่ผลิตแล้ว ผลิตโบราณ ปล่อยก๊าซ เรือนกระจกมาก แต่มีสิทธิในการซื้อ Carbon Credit จากผู้ที่ไม่ปล่อย เช่น ผู้ที่ปลูกพืช ปลูกอะไรขึ้นมา เพื่อซื้อ เอาเงินไปซื้อ แต่ตัวเองสามารถผลิตได้มูลค่าเยอะ มันไม่ได้เป็น การแก้ไขปัญหาเรือนกระจก การที่เรา Set Zero การที่เราเน้นในการให้บริษัทขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมทุกอย่างผลิตให้ Set Zero หมายถึงว่าใช้พลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานไฟฟ้า พลังงานน้ำขึ้นมาแทน จะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว การปลูกพืชหมุนเวียน พืชยืนต้นในประเทศเพิ่มพื้นที่ ตรงนี้จะทำให้ประเทศเรานั้นเป็นการแก้ไขระยะยาว ในการแก้ปัญหาโลกร้อนขึ้นมา ถ้ารัฐบาลยังทำแบบเดิมถึงคราวแล้งทีหนึ่งก็มาปล่อย แล้งที ก็มาระงับการปลูก น้ำท่วมทีหนึ่งก็มาแจกของ แบบนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ผมจึง อยากจะให้รัฐบาลแก้ไขทั้งระยะสั้น ระยะยาว รวมถึงกุมระบบการส่งออกข้าว ซึ่งประชาชน จะเดือดร้อนแน่นอน ราคาข้าวสูงแน่นอนครับ ขอฝากให้ตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ศึกษาและส่ง เรื่องนี้ไปยังรัฐบาลให้ตัดสินใจโดยด่วนครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ขออนุญาตท่านประธานอภิปรายเกี่ยวกับพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๖ ขอเรียนอย่างนี้นะครับ เมื่อสักครู่ผมได้ฟัง ทางท่านผู้ชี้แจงกรุณาชี้แจงแล้วก็ได้รับว่าพระราชกำหนดฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับที่สมบูรณ์ เนื่องจากจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องนำมาตรการหลายมาตรการของหลายหน่วยงานมาเพื่อใช้ ในการติดตามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อนำไปลงโทษให้ได้ ผมนั่งดูก็เป็นความจริง เนื่องจากพระราชกำหนดฉบับนี้ค่อนข้างที่จะยังมีหลายสิ่งที่จะต้องนำมาแก้ไข สิ่งแรกเรามาดู ก็คือมาตรา ๓ ในเรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งก็คือหมายความว่าการกระทำ หรือพยายามกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อฉ้อโกงกรรโชกทรัพย์ รีดเอาทรัพยากรบุคคลหนึ่งบุคคลใด จำกัดอยู่เฉพาะอยู่ ๓ ความผิดเป็นหลัก อาจจะมีติ่ง อยู่นิดหนึ่งก็คือโดยประการน่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย แต่เรามาดูจากคำจำกัดความ ดังกล่าวในส่วนนี้มันไม่ครอบคลุมตรงไหน กรณีที่เกิดขึ้นแล้วกรณีของ Application ดูดเงิน Application ดูดเงินนี้ถ้าผู้เสียหาย Download Application มาในเครื่องผู้เสียหายก็อาจ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการโอนเงินเลย ไม่ใช่การฉ้อโกงนะครับ แล้วก็ Application นั้น เช่น Application ของกรมที่ดินมิจฉาชีพหลอกให้ Download Application ยืนยืนตัวตนเกี่ยวกับ การสำรวจที่ดินแต่เมื่อโหลดไปแล้วก็เงินหาย กรณีอย่างนี้มันไม่เข้าฉ้อโกง กรรโชกทรัพย์ รีดเอาทรัพย์แต่อาจจะเป็นลักทรัพย์ กรณีอย่างนี้ไม่อยู่ในอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ แต่มัน ไม่มีกำหนดใน พ.ร.ก. ฉบับนี้ ขอเรียนนะครับ มาตรการที่สำคัญ พ.ร.ก. ฉบับนี้เราไปเน้นตรงที่ จับบัญชีม้า เน้นบัญชีม้าเป็นหลักในการติดตาม แต่เนื้อแท้จริง ๆ แล้วคือตัวสถาบันการเงิน คือตัวธนาคารเราไม่เคยกำกับดูแลหรือกำหนดโทษของการป้องกัน ไม่พยายามป้องกันที่ ไม่ให้เงินของประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของธนาคารนั้นถูกดูดถูกเอาไปใช้ นี่คือสิ่งที่ พ.ร.ก. ฉบับนี้ไม่เคยคิดถึงเลย เราคิดแต่ตามหลักกฎหมาย แต่การป้องกันไม่มีนะครับ อันนี้คืออันที่ ๑ นะครับ
เรามาดูอีกอันหนึ่งก็คือในเรื่องของธนาคาร ก็คือธนาคารของเอกชน เท่าที่ทราบจากตำรวจผู้ปฏิบัติงานในช่วงการประกาศพระราชกำหนดนี้มาใช้ ปัญหาคือ ธนาคารเอกชนส่งข้อมูลล่าช้าหรือบางทีส่งข้อมูลให้ไม่ครบ นี่สิ่งที่เกิดขึ้นนะครับ ปัญหาตรงนี้ คือในพระราชกำหนดฉบับนี้ไม่ได้มีหน่วยงานที่กำกับดูแล ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้มากำกับดูแลว่าจะต้องส่งทันที หรือส่งแค่ไหน อย่างไร เขียนไว้หลวม ๆ เมื่อไม่มี การส่งได้ทันทีนั่นหมายถึงว่าเงินหายไปแล้วนะครับ เงินหายไปสู่บัญชีม้าจากในประเทศ ไปสู่ต่างประเทศแล้วไม่มีใครดูแล นั่นคือการติดตามนั้นยากขึ้นด้วย นี่เรากำลังออก พระราชกำหนดเพื่อตามจริง ๆ แต่ไม่ได้ป้องกันและทำให้มีประสิทธิภาพบังคับได้จริง สังเกตจากยอดที่ลดไม่ได้ลดมากเลยอาชญากรรมยังสูงเหมือนเดิม นั่นก็คือว่า พระราชกำหนดฉบับนี้ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร ตอนนี้ผู้ก่ออาชญากรรมเขาไปเปิดบัญชี ธนาคารเอกชนเป็นหลัก ผมไม่อยากเอ่ยชื่อนะครับ ธนาคารแห่งประเทศไทยควรจะเข้าไป กำกับดูแล
อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะเรียนก็คือพระราชกำหนดนี้ เราเน้นตรงที่โทรศัพท์ หรือการเปิด SIM และมีข้อจำกัดบอกว่าหรือโทรคมนาคมอื่น ๆ ผมถามว่าอ้ายที่เกิดจริง ๆ มันเกิดจาก Application ที่ Platform อิเล็กทรอนิกส์ เช่น Facebook TikTok LINE หรืออื่น ๆ ที่มีเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มากมาย ถามว่าเราจะบังคับไปถึงไหม เนื่องจากว่า Application เหล่านี้เขามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ ในประเทศไทยมีแต่สำนักงาน ตลาดเท่านั้นแต่เป็นบ่อเกิดที่เยอะนะครับ ใช้ตรงนี้เป็นการเชื่อมต่อ โทรศัพท์อาจจะน้อย หรืออาจจะมีก็ได้ตรงนี้ แต่เราบังคับอะไรได้บ้างครับ เราไม่สามารถที่จะป้องกันอะไรได้เลย ตรงนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เมื่อท่านกลับไปทำแก้ไขกฎหมายท่านต้องคำนึงถึงสิ่งนี้ด้วย
อีกประการหนึ่ง ก็คือพระราชกำหนดฉบับนี้ยังไม่มีมาตรการป้องกัน และปราบปรามเกี่ยวกับเส้นทางทางการเงินและการฟอกเงินของขบวนการอาชญากร ที่มีประสิทธิภาพครับ ผมถามเลยนะครับ ในส่วนของกระบวนการเหล่านี้มักมีแผน ประทุษกรรมยักย้ายเงินไปต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่นการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ บริเวณชายแดน เมื่อได้เงินจากบัญชีม้าไปซื้อขาย เอาของส่งไปต่างประเทศ แล้วมี การฟอกเงินไปเลยต่างประเทศ ตรงนี้พอเงินขาดตอนไม่มีแผนที่จะติดตามอะไรได้เลย นั่นหมายความว่าถ้าเข้าสู่การซื้อขายระหว่างประเทศแบบนี้ขึ้นมา และผู้ที่มาซื้อต่างประเทศ อาชญากรรมก็ไปขายของ แล้วเอาเงินให้เขาไปเงินสะอาดแล้วฟอกส่งกลับมา ตรงนี้ท่านมีมาตรการในการป้องกันอย่างไร และจะมีการตามเงินของประชาชน กลับมาอย่างไร
ประการต่อมา อีกเรื่องหนึ่งคือเป็นเรื่องของโพยก๊วน ปปง. ของเรา เรื่องโพยก๊วนก็ยังตามยาก โพยก๊วนคือการโอนเงินโดยไม่ผ่านสถาบันทางการเงิน ซึ่งมีมานานรูปแบบหลายอย่าง โพยก๊วนที่ใช้กับการกระทำความผิดอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีที่มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง มันมีหลายรูปแบบนะครับ ก็คือในส่วนที่เขาเรียกว่า พอผ่านบัญชีม้าแล้วเอามาแลกเป็นเงินตราต่างประเทศโดยผ่านบัญชีที่ในประเทศไทย ถอนให้ขาดก่อน แล้วซื้อในประเทศไทย เสร็จแล้วไปเบิกเงินต่างประเทศ เพราะเขามีสาขา ในส่วนโพยก๊วนขึ้นมาความเชื่อถือ ตรงนี้มีมาตรการอย่างไรบ้างไหมครับ ถ้าท่านไม่ตามแบบนี้ ไม่เน้นในการจัดการที่ต้นเหตุคือตัวสถาบันการเงินที่ปกป้องไม่ให้คนมาเบิกเอง และการติดตาม ที่มีประสิทธิภาพเอง จริง ๆ ไม่มีทางเลยที่จะปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เราเป็นเพียงผู้ที่วิ่งตามอยู่ เราวิ่งตามอยู่ตลอดนะครับ และไม่มีทางเลย สังเกตจากยอดที่ท่าน รายงานมาน้อยมากนั่นก็คือหมายถึงผลสัมฤทธิ์ของพระราชกำหนดฉบับนี้นั้นไม่ได้ผล เท่าที่ควร อยากให้ท่านนำทั้ง ๔ ประเด็นที่ผมได้อภิปรายไปได้โปรดไปแก้ไข
ขอแถมอีกเรื่องหนึ่ง ในเรื่องที่ให้ตำรวจทุกสถานีตำรวจสามารถรับแจ้งความได้ ไม่ว่าทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออะไรก็แล้วแต่ ตำรวจส่วนใหญ่แล้วจะเชี่ยวชาญในคดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฆ่า แต่คดีทางอิเล็กทรอนิกส์บางที่ทำไม่เป็น และปริมาณคดีแบบนี้มีมาตรการอะไร ที่จะทำให้ทำคดีได้มากขึ้น ได้เร็วแล้วก็ทันเวลา ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา และทันเวลา กรณีนี้เท่าที่ผมทำตรวจสอบในคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎรในสมัยที่แล้ว เรื่อง Hybrid Scam ตำรวจทำไม่ไหวนะครับ ตำรวจท้องที่ทำไม่ไหวนะครับ
ขออนุญาตนะครับ ขอให้กรุณา ได้โปรดทำตรงนี้ด้วย ที่ท่านได้โปรดเป็นข้อสังเกตที่จะไปแก้ พ.ร.บ. ต่ออีกครั้งหนึ่งนะครับ ขอบคุณครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง พรรคก้าวไกล ขอหารือท่านประธานเพื่อแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา ดังนี้ครับ
๑. ไฟฟ้าส่องสว่างถนนในเขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ถนนฉลองกรุงทั้งเส้นระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร ไฟถนนและบนสะพานข้ามแยกข้ามคลอง ดับเป็นจำนวนมาก ๒. ถนนเจ้าคุณทหารทั้งเส้นไฟฟ้าถนนดับเป็นระยะทำให้เกิดอุบัติเหตุ เป็นประจำ นอกจากนั้นยังมีถนนสุวินทวงศ์ ถนนเชื่อมสัมพันธ์ ถนนเลียบวารี และถนนเลียบ คลองลำพังพวย แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี มีปัญหาแบบเดียวกัน ขอท่านประธานแจ้งไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขด้วยครับ
๒. ปัญหาการข้ามถนนของนักศึกษาหน้าวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก ถนนคุ้มเกล้า แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี แม้จะมีทางม้าลายแต่มีรถวิ่งด้วยความเร็วสูง เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งสัญญาณไฟจราจรข้ามถนนแบบกดปุ่ม ด้วยครับ
๓. สะพานข้ามคลองลำกอไผ่ ๒ จุด จุดที่ ๑ คือสะพานซอยหลังวัดทองสัมฤทธิ์ และจุดที่ ๒ สะพานที่อยู่ใกล้สะพานหมู่บ้านปาริชาติ อยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยว ๒ เขต ๒ ฝั่งคลอง แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรีและแขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง เป็นสะพานที่ประชาชน ร่วมใจกันทำขึ้นเอง รถขึ้นได้ทีละคัน ไม่มีราวกั้น เป็นทางลัดมีรถยนต์สัญจรเป็นจำนวนมาก เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ประชาชนเคยร้องเรียนหน่วยงานราชการเพื่อให้ทำสะพานที่ปลอดภัย ไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการเนื่องจากความไม่ลงตัวระหว่างอำนาจของ เขตมีนบุรีและเขตลาดกระบัง ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครปรับปรุง แก้ไขหรือสร้างสะพานใหม่ด้วยครับ
๔. ปัญหาถนนในซอยและถนนเลียบคลองต่าง ๆ ถนนเลียบคลองลำตาดีร้องไห้ อยู่ในพื้นที่แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก ระยะทางประมาณ ๖.๒ กิโลเมตร ถนนเลียบคลอง ลำต้นไทร ซอยสุวินทวงศ์ ๑๕ ต่อเนื่องซอยเลียบวารี ๗๙ อยู่ในพื้นที่แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก มีระยะทาง ๔.๙ กิโลเมตร ถนนซอยเชื่อมสัมพันธ์ ๒๒ ถึงมัสยิดเนี๊ยะม่าตุ้ล มักบูลีน (แบนใหญ่) แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก ระยะทาง ๒ กิโลเมตร ถนนซอยร่วมพัฒนา ๖ ถึงทางเข้าด้านหลังเคหะฉลองกรุง แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก ระยะทางประมาณ ๔ กิโลเมตร สภาพถนนทั้งหมดทุกเส้นดังกล่าวเคยเป็นถนนลาดยาง Asphalt แต่มีรถบรรทุก หนักเกินกฎหมาย เลี่ยงด่านชั่งน้ำหนักตามถนนใหญ่มาวิ่งทำให้ถนนดังกล่าวชำรุดเป็นหลุม เป็นบ่อตลอดเส้นทาง ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขันรถบรรทุกน้ำหนักเกินไม่ให้วิ่ง ในถนนดังกล่าวและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงถนนให้อยู่สภาพดีด้วยครับ
๕. ปัญหาน้ำท่วมเสียขังคลองลำชะอำ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก ระยะทาง ๑ กิโลเมตร ในพื้นที่การเคหะฉลองกรุง ประสบปัญหาคลองตื้นเขินมีวัชพืชขึ้นเต็มลำคลอง น้ำไม่สามารถระบายได้สะดวกกลายเป็นน้ำเสียท่วมขัง สร้างความเดือดร้อนของประชาชน ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยครับ
๖. ปัญหาการกำหนดพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก เช่น เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ให้เป็นพื้นที่รับน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ชั้นใน ทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวในวงกว้างไม่น้อยกว่าปีละ ๒-๓ เดือน สร้างความเดือดร้อน แก่ประชาชนในพื้นที่ สร้างความเหลื่อมล้ำและขัดขวางการพัฒนาอย่างเป็นธรรม ของคนกรุงเทพฯ ที่ควรจะเท่ากัน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการการระบายน้ำ และจัดผังเมืองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวด้วยครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง พรรคก้าวไกล ขออนุญาตท่านประธานอภิปรายญัตติเรื่องปัญหาสินค้าเกษตร ตกต่ำและปัญหาราคากุ้งตกต่ำ ท่านประธานที่เคารพครับ ในส่วนของกุ้งมันจะเป็น ภาพสะท้อนของสาเหตุ ซึ่งเป็นแบบ Form เดียวกับสินค้าเกษตรอยู่เกือบทุกประเภท ซึ่งคล้าย ๆ กันว่าเหตุใดถึงตกต่ำ เรามาดูในส่วนของกุ้งก่อนนะครับ ปี ๒๕๕๓ เราเคยผลิตกุ้ง สูงสุดได้ทั้งหมด ๖๔๐,๐๐๐ ตัน ส่งออกได้ถึง ๔๒๗,๕๘๐ ตัน มูลค่า ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๕๔ เราสามารถสร้างมูลค่าส่งออกสูงสุดที่ ๑๑๐,๒๗๘ ล้านบาท แต่ผ่านไป ๑๐ ปี ในปี ๒๕๖๔ ผลผลิตกุ้งไทยเหลืออยู่เพียง ๒๘๔,๐๐๐ ตัน มูลค่าส่งออกมีเพียงแค่ ๔๗,๙๐๘ ล้านบาท ก็พอสรุปได้ว่าประเทศไทยมีมูลค่าเสียหายจากการเสียโอกาสกุ้งไทย ในช่วง ๑๐ ปีไปถึงประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท นี่คือการลดอย่างมีนัยสถิติ ผมอยากให้ดู ตัวเลขอีกตัวเลขหนึ่ง ก็คือในส่วนของผลผลิตกุ้งในปี ๒๕๖๓ แบ่งออกเป็นกุ้งกุลาดำ ๑๑,๖๑๙ ตัน กุ้งขาว ๒๕๐,๖๔๓ ตัน นั่นหมายความว่ากุ้งขาวหรือกุ้ง Vannamei มีถึง ๒๐๐,๐๐๐ กว่าตัน กุ้งกุลาดำเพียงแค่ ๑๐,๐๐๐ กว่าตัน ทั้งที่ในส่วนการเลี้ยงกุ้งของไทย ตั้งแต่แรกเริ่มในการเลี้ยงมา ๑๐ กว่าปีก่อนหน้านั้นเป็นการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำนั้น มีการเลี้ยงประมาณ ๔ เดือนครึ่งถึงจะได้ผลผลิต ประมาณ ๖๐ ตัว ๗๐ ตัว ๘๐ ตัว ต่อกิโลกรัม แต่กุ้ง Vannamei หรือกุ้งขาวนั้น เวลาเลี้ยงใช้เวลา ๓ เดือน กินจุ กินได้ทุกเรื่อง แล้วก็โตเร็ว แต่ขนาดกุ้งประมาณ ๑๐๐ ตัวต่อกิโลกรัมขึ้นไป ปี ๒๕๔๕ กรมประมง ได้ส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งขาว และได้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ทางเกษตรของประเทศไทยเข้ามาส่งเสริม การเลี้ยง ขายอาหาร กำหนดพันธุ์กุ้ง Vannamei เข้ามาแทนกุ้งกุลาดำ แต่กุ้งกุลาดำเป็นกุ้ง ที่มีราคา มีรสชาติอร่อย มีราคาสูงกว่า เป็นกุ้งระดับที่ Premium กุ้งขาวระดับตลาดทั่วไป ทำให้ผลผลิตที่ดูปี ๒๕๖๓ ท่านจำได้ไหมครับ ที่ผมกล่าวเมื่อสักครู่ ผลผลิตปี ๒๕๖๓ ลดลงจากเดิมที่เป็น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ มาเหลือเพียงแค่ ๑๐,๐๐๐ ตัน กุ้งขาวคือ Vannamei ประมาณ ๒๔๕,๐๐๐ ตัน ทำให้ตรงนี้เรากำลังผลิตมาตามของบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งกุมอาหาร กุมยา กุมพันธุ์กุ้ง ไม่ว่าราคาจะเป็นอย่างไรเขาก็ได้กำไรจากการกุมตลาดตรงนี้แล้ว และบริษัทเกษตรขนาดใหญ่นั้นเขามีเครือข่ายรายย่อยเต็มไปหมด สามารถผลิตสินค้า เกี่ยวกับกุ้งขายได้เอง สังเกตได้ว่าในช่วงปี ๒๕๕๔ ที่เราถูกกีดกันทางการค้า เรื่องแรงงานเด็ก กับในส่วนของโรคจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรานำเข้าไม่ได้ แต่เขาไม่มีส่วนสะเทือน ตอนนี้ ผลผลิตของกุ้งนะครับ กุ้ง Vannamei ครองตลาดทั้งหมด เราเป็นกุ้งที่คุณภาพไม่สูงนัก เราไม่สามารถขายได้มากเลย นี่ประเด็นหนึ่ง หรือทำให้คุณภาพกุ้งนั้นต่ำกว่าที่จะควรจะเป็น
ประเด็นที่ ๒ กระบวนการนำเข้าและส่งออกของกุ้ง การนำเข้ากุ้งเราไม่มี โควตาครับ นำเข้าโดยเสรี การส่งออกเรามีโควตาบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่ส่งออก นั่นก็คือหมายความว่าถ้าจะส่งออกต้องผ่านกระบวนการโควตา แต่นำเข้าบริษัทขนาดใหญ่นั้น ถ้าราคากุ้งมีผลิตน้อยจะควบคุมราคา เขานำเข้าจากต่างประเทศ จากเอกวาดอร์ จากอินเดีย จากเวียดนาม หรือให้ประเทศเพื่อนบ้านเราเลี้ยงแล้วก็ส่งเข้ามาทำให้ราคากุ้งในประเทศ ไม่มีทางที่จะกระเตื้องได้เลย นั่นก็เพราะว่าเขาผลิตเองได้ ขายเองได้ร้านสะดวกซื้อของเขา และในส่วนของประชาชน จะขายเองตามตลาดก็ขายได้น้อย รวมถึงในส่วนของกุ้งตัวนี้นะครับ การผลิต การเลี้ยง บริษัทขนาดใหญ่ เดี๋ยวนี้ปัจจุบันเขาใช้ผ้ายางปูในส่วนบ่อ มันต่างกับชาวบ้านเขาเลี้ยง เขาใช้ดิน เวลาเลี้ยงไปเที่ยวที่ ๑ มันจะเกิดเขาเรียกว่าแก๊สขึ้นมาเป็นกรดต้องเอาปูนขาว ไปล้าง ครั้งที่ ๒ ตัวจะเล็กลง พอขนาดเล็กลงไม่กินอาหาร ไปขายบริษัทขนาดใหญ่ ก็ถูกกดราคาครับ นี่คือสาเหตุที่สำคัญก็คือการควบคุมของทุนใหญ่ที่เข้ามาผูกขาดตัดตอน เรื่องอาหาร เรื่องตัวพันธุ์กุ้งเรื่องของยา รวมถึงต้นทุนผลิตเรื่องค่าไฟ น้ำมันในการที่ปั๊มน้ำ ค่าไฟในการปั๊มลมให้กับกุ้ง เราไปเถียงอยู่หลายเรื่องเรื่องการส่งออกมันก็ประเด็นปลายเหตุ แต่เรื่องการผูกขาดของกลุ่มทุนใหญ่เราไม่เคยพูดถึงเลย เรื่องการส่งออกที่มีโควตา ทำไมไม่เปิดให้คนส่งออกได้มากขึ้นและจำกัดการนำเข้าไม่ให้มันทลายตลาดในเมืองไทย สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้ทลายทุนผูกขาด และเปิดให้ส่งออกได้ และมาวางทางวิชาการแก้ปัญหาโรคกุ้ง และปัญหาเรื่องการใช้แรงงานให้ดีเพื่อกันการกีดกัน ทางการค้าสิ่งเหล่านี้ นี่คือการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง สมบูรณ์ถ้าเราแก้แบบเดิมเราก็ได้ผล แบบเดิม ถ้าเราแก้ที่โครงสร้างทลายทุนผูกขาดให้พี่น้องประชาชนสามารถที่จะประกอบ กุ้งเสรี ไม่ให้ใครมากุมอาหาร กุมทุกสิ่งทุกอย่างแล้วรวยอยู่เพียงคนกระจุกเดียว ผมเชื่อว่า ไม่มีทางแก้ปัญหาราคากุ้งได้ นั่นก็หมายถึงรวมถึงสินค้าเกษตรตัวอื่นนะครับ ไม่ว่าเป็นไก่ เป็นหมู เป็นข้าวโพด หรือเป็นสิ่งต่าง ๆ เข้าสู่ระบบนี้เช่นกัน กลุ่มทุนใหญ่กุมทั้งหมด นี่คือนโยบายของพรรคก้าวไกล ก็คือการทลายทุนผูกขาด ถ้าเราไม่สามารถทลายตรงนี้ และยังเกรงใจยังอยู่ใต้อาณัติแบบนั้น ผมเชื่อว่าปัญหาที่เข้าญัตติแบบนี้จะเข้าทุกสมัย ไม่มีทาง แก้ไขได้เลยครับท่านประธาน
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ขออนุญาตอภิปรายในเรื่องเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมซึ่งเป็น ปัญหาหลักของประเทศก็ว่าได้ ทุกครั้งที่มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรหลังจากการเลือกตั้ง ปัญหาน้ำท่วมจะเป็นปัญหาที่มาเข้าสภาทุกครั้งในญัตติแต่ละญัตติขึ้นมา ผมขอเรียนในส่วน ของปัญหาน้ำท่วมที่ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหลัก ขอเรียนท่านประธานที่เคารพนะครับ น้ำที่จะมาท่วมในกรุงเทพมหานครนั้นมีทั้งหมด ๔-๕ อัน แต่หลัก ๆ ๓ อัน ก็คือ ๑. น้ำเหนือที่จะมา น้ำเหนือที่จะมาก็คือจะมา ๒ ปีก ปีกแรกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ปีกที่ ๒ มาจากแม่น้ำป่าสัก ปีกแม่น้ำเจ้าพระยาถูกั้นในส่วนของเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาท และมีน้ำที่ออกมาคลองชัยนาท-ป่าสัก ไหลลงมาสู่คลองระพีพัฒน์แล้วก็เข้ามาสู่คลอง พระองค์เจ้าไชยานุชิตส่งเข้าสมุทรปราการแล้วออกสู่อ่าวไทย สายที่ ๒ นั้นก็มาจากเขื่อนป่าสัก ชลสิทธิ์ไหลมาลงที่คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตแล้วก็ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแล้วก็มาลง ในส่วนคลองระพีพัฒน์ก็ไหลมาสู่เหมือนกัน นอกจากนั้นใต้เขื่อนก็ออกมาจากแม่น้ำ เจ้าพระยา ทั้งหมดนี้เป็นน้ำเหนือที่เข้ามา ถ้าช่วงใดที่มีฝนตกเยอะและนำเอ่อล้น ปริมาณน้ำ จากเหนือมาก ๆ ก็จะไหลเข้ามา แต่ไม่ได้ไหลน้ำที่สะอาดเข้ามา เพราะน้ำต้องผ่านดินแดน ขึ้นมาแล้วเยอะ เป็นน้ำเน่า น้ำเสีย ผ่านเข้ามาเยอะมาท่วมในส่วนกรุงเทพมหานคร ถ้าระบายไม่ทันก็ไม่ได้ คลองในกรุงเทพมหานครเป็นคลองที่ทุก ๑ กิโลเมตร ก็จะมีคลอง ๑ กิโลเมตร มีทั้งคลองขุดคลองธรรมชาติ และคลองทั่วไปที่การป้องกันน้ำท่วมนั้นมีขยะ มีในส่วนของผักตบชวาพืชน้ำต่าง ๆ ไม่สามารถไหลต่อได้ เพราะกระบวนการที่จะขจัด เหล่านั้นมันไม่มีระบบในการจัดการที่ดีทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมทุกปี ผมเรียนเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่ง ก็คือว่าในส่วนของกรุงเทพมหานครที่มีการดำเนินการป้องกันแก้ไขน้ำท่วม โดยใช้ระบบพื้นที่ ปิดล้อมด้วยการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมรอบพื้นที่เพื่อป้องกันน้ำจากภายนอกไหลบ่า เข้าท่วมพื้นที่และบริเวณภายในพื้นที่ปิดล้อมได้ ดำเนินการก่อสร้างเพื่อระบายน้ำท่วมขัง เนื่องจากฝนตกในพื้นที่ให้ระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยแบ่งพื้นที่เป็น ๓ พื้นที่ เรามาดู พื้นที่ทั้งหมดในการปิดล้อมมีประมาณ ๑,๕๐๐ ตารางกิโลเมตร พื้นที่ปิดล้อมด้านตะวันออก แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นคันกั้นน้ำพระราชดำริ พื้นที่ประมาณ ๖๐๐ ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ ชุมชนและเมือง อีกพื้นที่หนึ่งคือพื้นที่เขตเลือกตั้งผมเอง ก็คือพื้นที่ด้านตะวันออกของแม่น้ำ เจ้าพระยา คันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริ นอกคันกั้นน้ำพื้นที่ประมาณ ๔๖๘ ตารางกิโลเมตร ซึ่งกรุงเทพมหานครใช้เป็นที่รองรับน้ำหลากตามธรรมชาติ หรือ Floodway เพื่อระบาย น้ำหลากจากพื้นที่ตอนเหนือด้านตะวันออกมาลงพื้นที่ด้านใต้สู่ทะเลไม่ให้ไหลบ่าพื้นที่ล้อม ในคันกั้นน้ำ พื้นที่ที่ ๓ คือพื้นที่ด้านตะวันตก ก็คือ ๑,๕๐๐ ตารางกิโลเมตร ผมเรียนอย่างนี้นะครับ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออกซึ่งค่อนข้างจะถูกเป็นที่รองรับน้ำมาตั้งแต่อย่างน้อย ๆ ก็ปี ๒๕๓๕ ๓๑ ปีแล้ว พื้นที่ตรงนี้จะถูกน้ำท่วมขังประมาณปีละ ๒-๔ เดือน ประมาณกันยายน ถึงพฤศจิกายนบ้างแล้วแต่พื้นที่ เมื่อไม่กี่วันก่อนฝนตกขึ้นมาน้ำเหนือยังไม่เต็มที่ ตอนนี้กำลัง คาอยู่ในแถวชัยนาทยังไม่เต็มที่ แต่เมื่อ ๒ วันก่อนฝนตกขึ้นมา มีปริมาณน้ำฝนประมาณ ๗๖.๕ มิลลิเมตร และปริมาณน้ำฝนตกในเขตกรุงเทพฯ ตะวันออกประมาณ ๔.๖ มิลลิเมตร ทำให้น้ำท่วมขังในคลองลำพุทรา ในเขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง เขตหนองจอกก็เริ่มท่วมแล้ว ผมไปลงพื้นที่ก็เจอน้ำท่วมในบ้านที่อยู่ริมคลองอยู่เป็นหลายคลองเต็มไปหมดเลย นี่ขนาดว่า แค่น้ำฝน น้ำอันแรกคือน้ำเหนือที่มา อันที่ ๒ คือน้ำฝน ถ้าฝนตกเกิน ๙๐ มิลลิเมตรขึ้นไป นั่นก็คือน้ำท่วมหนักและจะขังและขังประมาณแบบนี้ทุกที ผมพูดถึงในเรื่องของน้ำทะเลหนุน ทุกเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมก็จะมีน้ำทะเลหนุนขึ้นมา ถ้าหนุนขึ้นมาสูงและประกอบกับ ๓ น้ำที่ตรงกัน ก็จะทำให้น้ำเหนือ น้ำฝน น้ำทะเลหนุน นั่นจะทำให้กรุงเทพฯ ตะวันออก ในพื้นที่เขตของผมคือหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง คลองสามวา จะมีน้ำท่วม ๒ เดือน เป็นอย่างน้อย และเป็นหย่อม ๆ ในพื้นที่กว้างในส่วนตรงนี้ ผมมองถึงความไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างการจัดการน้ำโดยใช้ระบบปิดล้อม ปิดพื้นที่ตรงนั้นไปแล้วกันไม่ให้น้ำเข้าส่วนใน ผมเชื่อว่าในขณะนี้วิธีคิดเหล่านั้นควรจะเปลี่ยน รัฐบาลควรจะหันมาทางที่ว่าจัดระบบระบายน้ำ ให้ตรงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาหรือลงสู่ทะเลอ่าวไทยได้โดยตรง จัดระบบทางน้ำ หรือจัดที่พักน้ำ คือในส่วนที่เรียกว่าแก้มลิงขึ้นมาในพื้นที่ และชดเชยในส่วนคนที่ต้องเสียพื้นที่น้ำตรงนั้น ขึ้นมา แล้วให้ระหว่างแล้งก็สามารถมีพื้นที่ใช้ทำเกษตรได้และน้ำท่วมก็จะไม่ท่วมได้นาน หรือไม่ท่วมเลยในส่วนนี้ หรือว่าจัดในส่วนที่เป็นเมืองที่อยู่กับน้ำได้หลาย ๆ ประเทศผมไปดู จากนักวิชาการที่คิดขึ้นมาเขาทำเมืองที่อยู่กับน้ำได้และบางที่เขามีการเสนอให้มีแก้มลิง ในทะเล ซึ่งกั้นเป็น ๓๐ กิโลเมตร คูณ ๓๐ กิโลเมตร มีน้ำไหลลงสู่แล้วก็น้ำสู่ออกทะเลไป ทำให้มีเมืองอีกเมืองหนึ่งอยู่ที่ริมทะเล ตรงนี้รัฐลงทุนก็ไม่มากแต่สามารถแก้ได้เด็ดขาด และสามารถทำให้พื้นที่ตรงนี้เราแบ่งผังเมืองเป็นบล็อก ๆ เป็น Zone ขึ้นไป ๓๐ คูณ ๓๐ ในพื้นที่ตรงนี้มีสาธารณูปโภค มีอะไร โรงเรียนดี ๆ อยู่ขึ้นไป แล้วก็จัดน้ำระบายสู่บล็อก คมนาคมที่ดี ผมว่าตรงนี้ก็จะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางด้านพื้นที่อยู่อาศัยเราจะหายไป และปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ตะวันออกก็จะไม่มีท่านประธานครับ รัฐบาลแก้ไขด้วยการที่ แต่ละปีก็มาทำปัญหา การเยียวยาก็ช้า มาอภิปรายตรงนี้ขึ้นไปแต่ไม่เคยแก้ที่โครงสร้าง นั่นคือการทำผังเมือง การจัดระบบน้ำ การทำแก้มลิงอย่างที่ผมบอกว่าในส่วนของทะเล ในส่วนตรงนี้ขึ้นไป เมื่อไรจะทำครับ แล้วตัดสินใจสักที พื้นที่ ๔๖๘ ตารางกิโลเมตร สามารถ เป็นพื้นที่น่าอยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนในพื้นที่ของผม หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง คลองสามวา จะต้องเป็นพื้นที่ที่คอยรับเคราะห์น้ำทุกปี ๒-๔ เดือน ตรงนี้อยากจะขอให้ รัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาจากประชาชนแล้วได้กรุณาเห็นคนหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง เป็นคนที่มีสถานะที่เท่าเทียมกับคนในเขตพื้นที่อยู่ในคันกั้นน้ำด้วย ในศูนย์กลางด้วย และให้ โอกาสเราได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่แห้งปกติแล้วทำเกษตรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ในส่วนนี้ตามที่พึงจะเป็น อย่าลดทอนสิทธิความเสมอภาคของเราเลยครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ขออนุญาตอภิปรายญัตติเสนอแนวทางแก้ไขความขัดแย้งภายในสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ ท่านประธานครับ ในกรณีนี้จะไม่พูดถึงความขัดแย้งสำคัญในขณะนี้ไม่ได้ นั่นก็คือกรณีตำรวจตัดตำรวจ ซึ่งมันเชื่อมโยงถึงโครงสร้างตำรวจที่พิกลพิการในขณะนี้ เรามาดูว่าเป็นอย่างไร มันเชื่อมโยงอย่างไร กรณีตำรวจตัดตำรวจที่สืบเนื่องจากเช้าวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖ ได้เกิดเหตุการณ์ตำรวจจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศนำชุด PCT 4 ได้ประสานเข้ากับตำรวจ บช.สอท. และหน่วยงานปฏิบัติการพิเศษ บช.ภ. ขอหมายเข้าตรวจค้นบ้าน Big ตำรวจใหญ่ชื่อย่อว่า จ ย่านถนนวิภาวดี ข้อกล่าวหามัน เชื่อมโยงกับการพนัน Online และมีออกหมายจับกุมบุคคล ๒๓ ราย เป็นตำรวจลูกน้อง Big จ ๓ ราย ปรากฏเป็นข่าว ภายหลังมีข้อมูลเพิ่มเติมปรากฏตามสื่อโดยทั่วไปว่าหลักฐาน ที่นำเข้าสู่การตรวจค้น และออกหมายจับดังกล่าวจากเส้นทางการเงินที่ ม ผู้ต้องหา Website พนัน Online ได้โอนผ่านบัญชีม้ามายังลูกน้องของ Big จ และเป็นค่าใช้จ่ายในการ รักษาพยาบาลของคุณแม่ Big จ ท่านประธานครับ เหตุการณ์นี้สังคมได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า เกิดเหตุการณ์ตำรวจมาตรวจค้นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตัวเองแบบนี้มันน่าจะมีอะไร ที่สลับซับซ้อนกว่าที่ปรากฏหรือไม่ เอาล่ะต่อไปนะครับ สังคมได้พุ่งเป้าไปยังเหตุการณ์ กำนัน น ในคืนวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๖ ที่มีเหตุการณ์ยิงสารวัตร ศ สถานีตำรวจทางหลวง ๑ กก. ๒ บก.ทล. จนเสียชีวิตในงานเลี้ยงที่บ้านกำนัน น เนื่องด้วยความไม่พอใจที่สารวัตร ศ ปฏิเสธบางเรื่อง หรืออาจจะข้อเสนอช่วยเหลือของกำนันท่านนั้นให้เป็นตำรวจตามที่ตัวเอง ต้องการ นี่เป็นคำถามที่กำลังสืบหาความจริงอยู่ ถัดมาท่านประธานครับ สังคมภายหลัง ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่ากำนัน น มีการจัดเลี้ยงเป็นประจำทุกเดือน และมีข้าราชการมาร่วม งานสังสรรค์เป็นประจำ จนมีข้อสงสัยกันว่าถ้าไม่มีประโยชน์อะไรข้าราชการและตำรวจนั้น จะมาทำไม ต่อมานะครับ ผู้กำกับ บ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของสารวัตร ศ และเป็นคนโทรศัพท์เรียก สารวัตร ศ มาในงานเลี้ยงก็ยิงตัวตาย เรื่องใหญ่นะครับ สาเหตุน่าจะมาจากความเครียด และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น กล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าผู้กำกับ บ อุ้มสารวัตร ศ พาไปโรงพยาบาล ในวงการตำรวจเขาทราบกันดีว่ากลุ่มตำรวจทางหลวงที่มาในเหตุการณ์ ครั้งนี้เป็นลูกน้องของ Big ตำรวจอีกท่านหนึ่ง ซึ่งกำลังจะเป็นใหญ่ในขณะนี้ กรณีดังกล่าว ในช่วงแรก Big จ เป็นผู้กำกับดูแลคดีได้มีการสืบสวนสอบสวน และได้แถลงข่าว ความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนตลอดเวลา และยิ่งมีการสืบสวนก็อาจทำให้คิดได้ว่าข้าราชการ ตำรวจสาย Big ใหญ่อีกท่านหนึ่งนั้นมีมลทิน และอาจจะลามถึงตำแหน่ง ผบ.ตร. ของ Big ท่านนั้นหรือไม่ด้วยก็ได้ นี่คือข้อเท็จจริง จากนั้นเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร ผบ.ตร. ลงนาม ย้ายความรับผิดชอบคดีอยู่ภายใต้กองบัญชาการสอบสวนกลาง ส่งผลให้ Big จ ไม่ได้ รับผิดชอบคดีนี้อีกต่อไป สังคมได้วิพากษ์วิจารณ์กันว่ากรณีค้นบ้าน Big จ อาจมาจาก ความขัดแย้งในการแย่งตำแหน่ง ผบ.ตร. ใช่หรือไม่ นี่คือประเด็น ท่านประธานครับ ในเรื่องนี้ หากพิจารณาเพียงผิวเผินก็อาจคิดว่าความเป็นเรื่องราวระหว่างบุคคล แต่แท้จริงแล้ว เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นองค์กรที่มีอำนาจสูง ให้คุณ ให้โทษกับคนได้ถึงระดับติดคุกติดตะราง หรือยึดทรัพย์สินหากข้อมูลมีฐานความผิด และกลไกในการตรวจสอบตำรวจนั้นไม่เข้มแข็ง เรียกได้ว่าอ่อนแอง่อยเปลี้ยเสียขาเลยก็ได้ ทั้ง ๒ ประเด็นนี้ ทั้งกรณีกำนัน น และกรณีค้นบ้าน Big จ นำมาสู่คำถามว่าเราอยากให้ ตำรวจไทยปฏิบัติกันแบบนี้หรือ คือมีข้อสงสัยตลอดเวลาว่าคบหากับผู้กระทำผิดเพื่อเอาเงิน มาทำงาน หรือเอามาวิ่งเต้นตำแหน่งให้สูงขึ้นหรือไม่ นี่คือคำถามที่ประชาชนตั้งคำถามในใจ ตลอดเวลา Big จ ยังได้กล่าวถึงว่าผมไม่เอาคืนหรอกครับ แต่ข้อมูลที่ผมมีอยู่มากแล้วกัน ผมเปิดเผยเมื่อไรตายหมด ตัวผมเองอยากให้ท่านเปิดเผยจะได้รู้ว่าที่ตายหมดนี่ใครตายบ้าง แบบนี้แสดงว่าอย่างไร แสดงว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเงินสีเทาจากผู้กระทำผิด ในลักษณะเดียวกันอย่างที่ประชาชนสงสัยใช่หรือไม่ นี่คือคำถามที่จะต้องตอบให้ได้ นายกรัฐมนตรีต้องไปหาให้ได้ ถึงเวลาแล้วหรือยังครับท่านประธานที่สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติจะต้องถูกตรวจสอบโดยกลไกภายนอกเชิงรุก คือต้องมีการตรวจสอบ ความร่ำรวย และเส้นทางการเงินของข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการทุจริต คือตำแหน่งที่ให้คุณให้โทษได้ เช่น ตำแหน่งในสถานีตำรวจ ตำแหน่งในกองบัญชาการ สอบสวนกลาง หรือในสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และรวมถึงการสอบสวน ที่ข้าราชการตำรวจน่าสงสัยว่าอาจมีทุจริตด้วย กลไกภายนอกที่ปฏิบัติการเช่นนี้ได้ เช่นผู้ตรวจการตำรวจภายใต้กำกับดูแลของรัฐสภา พรรคก้าวไกลได้เสนอโครงการนี้ แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ในการร่าง พ.ร.บ. ตำรวจที่ผ่านมา สุดท้ายคือเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครับ ที่มีการแก่งแย่งชิงดีเพราะอะไร ก็เพราะว่า ผบ.ตร. เป็นศูนย์รวมอำนาจไว้ที่คนเดียวในสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ การปฏิรูปตำรวจคือการกระจายอำนาจออกไปให้ได้มาก ให้ท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการแต่งตั้งในระดับอื่น เพื่อให้มีความอยากในการดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ลดน้อยลงไป นี่คือจุดสำคัญในการแจ้งนะครับ
และอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือว่า ที่มาของคณะกรรมการ ข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ควรมีการออกแบบให้สะท้อนความต้องการของประชาชน และมาจากความหลากหลายอาชีพนอกจากตำรวจ เนื่องจาก ก.ตร. เป็นผู้โหวตเลือก ผบ.ตร. ถ้าเป็นแบบนี้กรณีที่จะเล่นเกมกันภายใน ก.ตร. นั้นจะน้อยลง ความขัดแย้งที่เกิดตำรวจ ตัดตำรวจนั้นจะไม่เกิดขึ้น และที่สำคัญคือที่มาของ ก.ตร. เช่น เปิดให้มีการสมัคร อย่างเปิดเผยผ่านกระบวนการคัดสรรจนเหลือจำนวนผู้สมัครจำนวนหนึ่ง แล้วให้ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ซึ่งมาจากประชาชนนำเสนอผู้ดำรงตำแหน่งในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และอีก ส่วนหนึ่งเลือกโดยข้าราชการตำรวจก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกผู้นำขององค์กรตำรวจเขา ได้ดี เรื่องนี้ขอเสนอต่อท่านนายกรัฐมนตรี ถ้าท่านกล้าหาญและจริงใจที่จะปฏิรูปตำรวจ จริง ๆ เอาหลักการเหล่านี้ไปปฏิรูปกับตำรวจ ร่าง พ.ร.บ. ตำรวจใหม่ เสนอนโยบายตำรวจ กระจายอำนาจตำรวจ ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ความขัดแย้งในวงการตำรวจ ตำรวจ ตัดตำรวจ แล้วก็การที่ได้มีการตรวจสอบโดยองค์กรภายนอกจะทำให้วงการตำรวจนั้น มีคุณธรรมขึ้น และตำรวจที่สุจริตนั้นจะสามารถเติบโตเป็น ผบ.ตร. ได้ครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ขออนุญาตท่านประธานในการอภิปรายญัตติเรื่องแนวทางการแก้ไขกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางบก เพื่อให้มีความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการ ประชาชน และป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์ หัวข้อญัตติตรงนี้เป็นญัตติที่ Classic และมีมา เป็นเวลานาน นั่นก็คือมีส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกินจำนวนมากมาย ตามกฎหมายน้ำหนัก ๕๕ ตัน รถบรรทุกสามารถบรรทุกได้ แต่ในความเป็นจริงรถบรรทุกนั้น ๘๐ ตัน ๑๐๐ ตัน เยอะแยะไปหมดเลย ภาระของพี่น้องประชาชนและผู้แข่งขันในผู้ประกอบการมันไม่เท่ากัน รถบรรทุกในประเทศไทยมีประมาณ ๑ ล้านเศษ ๆ นิด ๆ มีประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คัน ไม่ยอม อยู่ในระบบของส่วยตรงนี้และกำลังต่อสู้อยู่ แต่อีกประมาณ ๗๐๐,๐๐๐-๘๐๐,๐๐๐ คันนั้น อยู่ในระบบส่วย นั่นก็คือยอมจ่ายผลประโยชน์ซึ่งมีประมาณ ๒๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ต่อปี ตรงนี้มันเป็นมูลเหตุจูงใจในการที่จะทำให้อีกประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ คันเอาเปรียบคนอื่น บรรทุกเกินแล้วมาจ่ายส่วย เป็นการกระทำความผิดแล้วก็บรรทุกให้เกินเท่าตัวของบุคคล ที่ทำสุจริต แล้วต้องไปถูกจับ ถูกดำเนินคดี ในส่วนของการดำเนินการตรงนี้ รัฐ ศาลต่าง ๆ ที่ดำเนินคดีนั้นยาก เนื่องจากว่าระบบของรัฐในปัจจุบันนั้นใช้ระบบด่านชั่งน้ำหนัก ถ้าเกินก็จะถูกจับดำเนินคดี โทษปรับจำคุก ๖ เดือน ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาทมันน้อย และคนที่ถูกจับคือลูกจ้างที่เป็นผู้ขับรถ ดำเนินคดีขึ้นมา แล้วศาลจะรอการลงโทษให้เพราะว่าไม่ใช่เจ้าของแท้จริง กฎหมายยังไม่มี การก้าวล่วงไปถึงการที่ผู้ประกอบการโดนดำเนินคดีเอง และเจ้าของสินค้าที่ส่งสินค้า น้ำหนักเกินไม่สามารถไปก้าวถึงตรงนั้นทำให้มีการกระทำผิด และคนที่จ่ายระบบส่วยกับ ตำรวจจะไม่เข้าผ่านด่าน ไม่ต้องถูกตรวจสอบก็ไม่เข้าสู่ระบบการถูกดำเนินคดี นั่นหมายความว่า กลุ่มคนกระทำผิดจริง ๆ ที่จ่ายส่วย ๗๐๐,๐๐๐-๘๐๐,๐๐๐ คันนั้นไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นี่คือความอยุติธรรมแก่ผู้ประกอบการนะครับ ท่านประธานที่เคารพครับ ในส่วนของการที่ กระทำตรงนี้มันเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง ถนนซึ่งพังทุกวันและการกระทำไม่ใช่เป็น การละเมิดที่วิ่งปุ๊บพังปั๊บ แต่น้ำหนักเกินมันทำให้ค่อย ๆ พัง และนี่คือภาระที่ภาษีของ ประชาชนทั้งประเทศจะต้องมาซ่อมแซมต่าง ๆ พวกนี้ แต่ประโยชน์กำไรอยู่กับผู้ประกอบการ ที่เห็นแก่ตัวบางกลุ่มเท่านั้นเอง ใช้ระบบกฎหมายปัจจุบันทำไม่ได้ เราจะแก้อย่างไรครับ ระบบด่านชั่งน้ำหนักต้นทุนสูงครับ บางทีก็ฟ้องในด่านที่ตั้งก็มี ในประสบการณ์เข้าไป แถวเขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบังของผมมีนิคมอุตสาหกรรม มีรถบรรทุกวิ่ง เขาใช้ระบบวิ่งเข้าในซอยย่อยแล้วอ้อมผ่านด่านชั่งน้ำหนัก ไม่ต้องผ่าน ไม่ถูกดำเนินคดีครับ ถนนในซอยต่าง ๆ แถวเขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบังพังทลายไปหมดเลย แล้วประชาชนต้องมารับ การซ่อมก็ซ่อมยาก ไปดูเละเทะหมดนะครับ ให้นายกรัฐมนตรี ไปดูด้วยนะครับ เขาเลี่ยงอย่างนี้นะครับ ในประเทศสหรัฐอเมริกาเขาใช้ระบบที่เขาใช้แผ่น ในการที่ดูถนนนะครับ แผ่นชั่งน้ำหนักใช้กล้องถ่าย และการชั่งน้ำหนักแบบเคลื่อนที่ไม่ต้องใช้คน ไม่ต้องใช้ดุลยพินิจนะครับตามถนน รถผ่านก็จะมีประวัติ มีทะเบียน ถ่ายทะเบียนเรียบร้อย น้ำหนักเกินเท่าไร เขาก็บันทึกไว้ เขาใช้ระบบทำโครงสร้างที่สะพาน เอาสะพานขึ้นมา แล้วก็ชั่งน้ำหนักได้เลย รถที่ผ่านสะพานก็ถูกบันทึกทั้งทะเบียนรถ ประวัติ น้ำหนักเกินเท่าไร แต่เขาไม่ใช้คดีอาญาดำเนินนะครับ เขา Check ได้หมดตามระบบแบบนี้แล้ว ของไทยไม่ทำ โบราณอยู่เลยนะครับ และเมื่อได้ประวัติอย่างนั้นแล้วเขาไม่ได้จับคดีอาญาอย่างเดียว เขาถือว่า ผู้ที่กระทำให้ถนนเสียหายต้องมีส่วนร่วมในการซ่อม นั่นก็คือถ้าเกิดว่ามีน้ำหนักเกิน เขาไม่ให้ น้ำหนักเกินตามหลักวิศวกรรมนะครับ และต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่เกินตามอัตราที่เหมาะสม ที่จะให้ซ่อมขึ้นมา โดยที่ทำให้เขาไม่ต้องไปจ่ายส่วย ถ้าทำอย่างนี้มันจะลดการจ่ายส่วย ใครที่รถเกินก็ต้องจ่ายการซ่อมในส่วนนี้ ถ้าละเว้นก็ปรับอัตราก้าวหน้าหลาย ๆ เท่าก็ทำให้ เขาไม่กล้า เป็นเรื่องทางแพ่ง ไม่ใช่ลงโทษจำคุก ๖ เดือนแล้วก็ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท และลงโทษได้เฉพาะลูกจ้าง กรณีอย่างนี้ถ้าเราแก้ไขกฎหมายให้ผู้ประกอบการรถ รวมถึง ในส่วนของเจ้าของสินค้ารับผิดด้วยในส่วนตรงนี้ และต้องชดใช้ค่าเสียหายในอัตราก้าวหน้าด้วย ตรงนี้จะทำให้การแก้กฎหมายของเรานั้นก้าวหน้ายิ่งขึ้น และจะใช้ระบบแก้ไขในเรื่องของ รถบรรทุกน้ำหนักเกิน และลดภาระภาษีต้องใช้ปีหนึ่งหลายหมื่นล้านบาทที่จะทำตรงนี้ ดังนั้นในสิ่งตรงนี้เราเห็นกฎหมายหลายอย่างมีช่องโหว่ กฎหมายของไทยไม่มีระบบว่า ให้ริบรถโดยตรง แต่มีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ เขาระบุว่าทรัพย์สินที่ใช้ ในการกระทำผิดสามารถริบได้ บางกรณีก็ไม่ริบ เพราะว่ามีการเลี่ยงก็คือทรัพย์สินเหล่านั้น รถอยู่ในสถานะเช่าซื้อ ไม่ใช่เจ้าของในการกระทำความผิด บางทีก็อยู่ระหว่างการขาย ให้คนอื่น กรณีนี้เป็นช่องโหว่ที่ศาลจะไม่ลง ดูสิครับคนที่ถูกดำเนินคดีก็คือลูกจ้าง คนขับรถ ศาลชะลอการลงโทษให้ ในส่วนของรถก็เป็นของบุคคลอื่น เช่าซื้อบ้าง กำลังขายบ้าง ไม่ใช่ทรัพย์สิน ศาลก็ไม่ริบ นี่คือช่องโหว่ที่ไม่สามารถทำได้ เราต้องพยายามแก้ไขอุดช่องว่าง ตรงนี้นะครับ ใช้อัตราค่าธรรมเนียมสูงสุด ซึ่งเราสามารถใช้ได้ในกฎหมายก็คือในส่วนของ พ.ร.บ. กำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์ถนนและสะพาน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาร่วมใช้กับ พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างบูรณาการ เราแก้กฎหมายตรงนี้ให้สมบูรณ์นะครับ เราจะใช้การเก็บค่าธรรมเนียมที่เกินอัตรา และคำนวณให้ดี ๆ ปรับปรุงเทคโนโลยีไม่ต้องใช้ด่านชั่งน้ำหนักที่ชั่งตามถนน ชั่งสะพาน เหล่านี้ก็จะทำให้ระบบส่วยนั้นหายไป ระบบการทำถนนพัง ผู้รับผิดชอบคือผู้ประกอบการ และผลักดันให้เจ้าของสินค้าที่น้ำหนักเกินนั้นต้องรับผิดชอบด้วย เหล่านี้จึงแก้ที่ต้นเหตุครับ ผมจึงเห็นควรให้ทางสภาผู้แทนราษฎรนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ และลงรายละเอียด ในการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง พรรคก้าวไกล ขออนุญาตตั้งกระทู้ถาม ถามท่านนายกรัฐมนตรี ผ่านท่านประธาน
สืบเนื่องจากผมยืนยันว่าจะตั้งกระทู้ถาม ถามท่านนายกรัฐมนตรี แต่วันนี้เนื่องจากท่านนายกรัฐมนตรีมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการ เหตุที่ผมถาม ท่านนายกรัฐมนตรีเนื่องจากว่าสิ่งที่ผมถามมีอยู่ ๒ ประเด็น
ประเด็นที่ ๑ คือการบริหารจัดการน้ำเพื่อไม่ให้เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง และเขตคลองสามวาเป็นที่รองรับน้ำ ซึ่งมีไม่น้อยกว่า ๓๑ ปี
ประเด็นที่ ๒ เรื่องการปรับผังเมืองเพื่อจะทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ไม่เป็นพลเมืองที่ถูกให้ต้องรองรับน้ำอยู่ตลอดเวลา
ท่านประธานครับ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กุมกลไกทั้งหมด ไม่ว่าในส่วนของ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแล ในส่วนของกรมโยธาธิการและผังเมืองหรืออื่น ๆ รวมถึงกรุงเทพมหานคร แต่ผู้ที่มาตอบ คือท่านรัฐมนตรีว่าการกำกับเฉพาะกรุงเทพมหานคร และในส่วนสำนักบำบัดน้ำเสีย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าท่านนั้นจะสามารถตอบได้ทุกเรื่องหรือไม่ และจะทำนโยบายเพื่อเปลี่ยน ตามคำถามนี้ได้หรือไม่ผมไม่แน่ใจ แต่อย่างไรก็ตามท่านมาก็ขอขอบคุณที่ท่านได้มา ผมจะถามท่านนายกรัฐมนตรีแล้วกัน
ในส่วนของพื้นที่เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ตะวันออกเป็นพื้นที่รับน้ำมาทั้งหมดไม่น้อยกว่า ๓๑ ปี คือตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ นั่นหมายความว่าแนวคิดในการพัฒนาในการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานครนั้น ให้กรุงเทพฯ ตะวันออกนั้นเป็นที่รับน้ำมาตลอด ขอดูภาพด้วยนะครับ
ในส่วนของการป้องกันน้ำท่วม ทุกปี ๗ ปีเราเสียเงิน ๖๐,๐๐๐ กว่าล้านบาท และเส้นทางต่าง ๆ ในการบริหารจัดการน้ำ ไม่เคยครอบคลุม
ในส่วนผังเมือง เราถูกเป็นที่รับน้ำตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ ดูพื้นที่ขวามือ คือกรุงเทพฯ ตะวันออก เราให้กรุงเทพฯ เป็นเขียวทแยงและเขียว
ถัดมาในร่างผังเมืองปัจจุบันปี ๒๕๖๖ ก็ยังเป็นเขียวและมีเขียวทแยง นั่นคือเป็นเกษตรกรรมและอนุรักษ์ และเป็นที่รับน้ำเหมือนเดิม นั่นหมายความว่าร่างผังเมือง นั้นก็คือจะให้กรุงเทพมหานครตะวันออกก็เป็นที่รับน้ำเหมือนเดิม นั่นหมายความว่า พี่น้องชาวหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง คลองสามวาก็จะต้องรับน้ำท่วมประมาณปีละ ๒-๕ เดือนอยู่ตลอด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ท่านประธานที่เคารพครับ ในส่วนของ การรับน้ำตรงนี้ผมเชื่อว่ามันไม่เป็นธรรม ในส่วนผังเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นมันไม่มี การมีส่วนร่วมของประชาชน ผมไปประชุมในการทำผังเมืองของกรุงเทพมหานครบอกว่า ให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ไปแล้วก็เหมือนกับเป็นตรา Stamp ให้รับฟัง แค่ประมาณไม่ถึงชั่วโมงแล้วก็เอามาเล่าให้ฟัง กลุ่มของคนที่จัดทำผังเมืองมาเล่าให้ฟัง แล้วก็ บอกว่ารับฟังแล้ว ตาม พ.ร.บ. ผังเมืองในส่วนของมาตรา ๙ เขาบอกว่า จัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นหรือปรึกษาหารือ และมีส่วนร่วมกับประชาชน แต่ผังเมืองที่จะทำปัจจุบันนั้น ก็เหมือนเดิมไม่ได้ฟังเป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้นเอง แล้วผมเชื่อว่าชาวหนองจอกนั้นก็จะต้อง รับน้ำแบบนี้อีกต่อไป
ในส่วนของทิศทางการทำผังเมืองปัจจุบันนั้นออกมาในเชิงที่จะตั้งตึกสูง กรุงเทพมหานครนั้นเป็นพื้นที่ที่มีข้างใต้เป็นเลน เป็นพื้นที่เหมือนช็อกโกแล็ต เมื่อตึกสูงมาก ๆ มันจะทรุดทุกปี ๑-๒ เซนติเมตร เราเอาดินเอาอะไรมาใส่ไว้เยอะ สร้างตึกสูงมาก ๆ มันไม่ได้ เอื้อต่อประชาชนเลย แต่มันเอื้อต่อกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นที่จะได้ประโยชน์จาก การจัดการเรื่องนี้ นั่นหมายความว่าจะต้องทรุดลงเรื่อย ๆ เราสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ ๑.๕ เมตร อีกหน่อยก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ นี่คือแนวจัดทำผังเมืองไม่ได้คำนึงถึงการที่ให้ อยู่ดีกินดี หรือจะทำให้คนกรุงเทพฯ ตะวันออกนั้นไปได้เลยนะครับ ท่านประธานครับ ในส่วนของผังเมืองนั้นคือกรอบความคิดชี้นำในการที่จะทำให้พัฒนาด้านกายภาพ ทั้งระดับประเทศ และระดับทั่วไปในส่วนตรงนี้ แต่เรานั้นไม่เคยทำเลยนะครับ ผมก็เลย อยากจะเรียนคำถามแรกท่านรัฐมนตรีช่วยตอบด้วยว่าท่านจะมีแนวทางอย่างไรที่จะทำให้ กรุงเทพมหานครไม่เป็นที่รับน้ำต่อไป และไม่ต้องมาท่วมทุก ๒ เดือน คำถามแรกครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ หลังจากที่ได้ฟังท่านรัฐมนตรีแล้วรู้สึกว่าค่อนข้างจะผิดหวัง ท่านรัฐมนตรีเขียนมาก็เหมือนกับการเขียนบทที่ข้าราชการประจำเขียนให้มา ผมถามในเรื่อง ของผังเมืองจะเปลี่ยนได้ไหม แล้วก็ในส่วนของน้ำจะไม่ให้เป็นที่รองรับน้ำ ท่านตอบอยากให้ เป็นรองรับน้ำแบบเดิม เพียงแต่ลดพื้นที่ให้สีเขียวลายน้อยลง สีเขียวเพิ่มขึ้น เท่ากับท่านไม่ได้ เห็นหัวของชาวหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบังเลยใช่ไหมครับ นั่นก็คือว่าต้องการให้รองรับน้ำ ต่อไป และบอกว่า กทม. กำลังทำผังเมืองเพื่อจะจัดการน้ำให้ ผมเป็นคนไปฟังที่ กทม. เขา จัดรับฟังความคิดเห็น เขาไม่ได้รับฟังความคิดเห็นประชาชน เขาทำผังขึ้นมาให้รองรับน้ำใหม่ ต่อไป และแผนของเขาก็คือทำผังเมืองให้เข้าไปอยู่ในส่วนกลางอย่างเดียว กระจายเข้าไป เอื้อต่อกลุ่มทุนเท่านั้น พี่น้องชาวหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบังนั้นก็ต้องรับน้ำอีกต่อไป ๒-๖ เดือน ท่านจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ๓๑ ปีแล้วตอนนี้ให้ทำต่ออีก ๒๐ ปีใช่ไหมครับ ท่านตอบเหมือนไม่ได้ตอบเลย เหมือนว่าจำเป็นคุณจะต้องรองรับน้ำตลอดไป และน้ำท่วม ตลอดไปใช่ไหม ผมเชื่อว่าท่านไม่มีอำนาจอะไร แต่ผมอยากถามท่านนายกรัฐมนตรีมากกว่า ในฐานะในส่วนของผู้บริหารคณะกรรมการพัฒนาทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แต่ท่านนายกรัฐมนตรี ไม่มา ท่านก็ตอบได้ว่า กทม. เขารายงานมาอย่างนี้ แต่ผมไปเอง กทม. ไม่ได้ฟังความเห็น ประชาชนตามมาตรา ๙ ของ พ.ร.บ. ผังเมือง ท่านจะตอบอย่างไร ท่านประธานครับ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำของประชาชน ซึ่งเป็นพี่น้องในกรุงเทพมหานคร ด้วยกัน ประชาชนในศูนย์กลางนั้นจะสามารถอยู่ปลอดภัยเพราะมีคันกั้นน้ำ ระบบของ กรุงเทพมหานครเป็นระบบเขาเรียกปิดกั้นแล้วก็สูบน้ำออก มีที่ระบายน้ำออกมาแล้วมาทิ้ง แถบตะวันออกตรงนี้ แล้วบอกว่าเอาพื้นที่เป็นสีเขียว เมื่อสักครู่ท่านรัฐมนตรีบอกสีเขียว แต่ไม่เคยส่งเสริมเรื่องการเกษตรเลย ท่านจะทำอย่างไรท่านมาตอบแบบนี้ ตอบทิ้ง ตอบขว้างแบบนี้ไม่ได้นะครับ ผมอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีมาตอบด้วยตัวเองดีกว่าว่าท่าน จะแก้ไหม จะให้ออกจากการรับน้ำไหม ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศเนเธอร์แลนด์ กรุงอัมสเตอร์ดัมเขาแบ่งเป็นบล็อก เป็น Zone ในบล็อกหนึ่งประมาณ ๒๐-๓๐ กิโลเมตร เขาเอาสาธารณูปโภค สาธารณูปการ โรงเรียนดี ๆ โรงพยาบาลดี ๆ สถานที่ราชการไปอยู่ เขาอยู่ใกล้ ๆ กัน การคมนาคมเชื่อมกัน เกษตรก็มีขึ้นมา แล้วก็แต่ละ Block ก็เชื่อมโยงต่อกัน เขาอยู่กับน้ำได้ ระบายน้ำได้ เมืองเขาต่ำกว่าน้ำทะเลด้วย แต่ของกรุงเทพฯ ไม่เคยคิด มีแต่บอกว่าจะมีข่าวดี หนองจอกจะมีข่าวดีได้อย่างไรน้ำท่วม ๒-๖ เดือนมันไม่มีข่าวดีได้เลย ผมจะถามท่านอีกทีหนึ่ง ท่านมีอะไรตอบเพิ่มอีกไหมว่าท่านจะให้เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบังนั้นไม่ได้เป็นพื้นที่รับน้ำ ท่านมีความคิดดีกว่าที่ตอบแบบเอารายงาน ที่ข้าราชการประจำเขียนให้มาได้หรือไม่ หรือท่านจะรายงานต่อท่านนายกรัฐมนตรีให้ท่านมา ตอบเองได้ไหม เพราะว่าการทำผังเมืองตอนนี้เขาทำแบบไม่ได้เห็นหัวประชาชน ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการเลยผมไปในทุกขั้นตอน หลายขั้นตอนแล้วไม่ได้อยู่เลย และต้องการจะปล่อยให้เป็นที่รับน้ำเหมือนเดิม และเอื้อต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เหมือนเดิม หลักสูตร NEXT Real ที่ท่านนายกรัฐมนตรีมีส่วนร่วมในการก่อตั้งเป็นศูนย์รวม ของการอบรมคล้าย วปอ. เป็นที่รวบรวมของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอบรมด้วยกัน แล้วก็แสวงหาผลประโยชน์ ตอนนี้คนบริหารประเทศคือท่านนายกรัฐมนตรี เป็นคนของ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ผู้ว่า กทม. เคยอยู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ รองผู้ว่า กทม. เคยอยู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่ปรึกษาผู้ว่า กทม. อยู่บริษัท อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ แล้วผลของการทำผังเมืองที่จะออกตอนนี้เป็นผังเมืองที่ค่อนข้าง ที่จะเอื้อต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ จะให้ผมคิดอย่างไรว่าเป็นอะไรบ้าง ในเมื่อองค์ประกอบของคนมีอำนาจเหนือของการทำผังเมือง การระบายน้ำคนที่อยู่ อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ทั้งนั้นเลย ท่านรัฐมนตรีท่านจะตอบเพิ่มได้อย่างไร ผมจะถามว่า จะมีทางให้คนกรุงเทพฯ ตะวันออก เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง เขตคลองสามวา ทั้งหมดพ้นจากการเป็นที่รองรับน้ำ ๒-๖ เดือนได้หรือไม่ อย่างไร มีแผนดีกว่านี้ไหม ที่พูดอย่างนี้นะครับ ขออีกคำถามครับท่านประธาน
ยังพอมีเวลานะครับท่านประธาน
ก็เข้าใจท่านประธานครับ เพราะผมถามกุหลาบตอบชบานะครับ ท่านอาจจะตอบคลาดเคลื่อนที่ผมถามนิดหนึ่ง เพราะว่าผมไม่ได้ถามถึงสี ผมถามว่าเมื่อไรจะให้เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ไม่เป็นที่รับน้ำ จัดผังเมืองใหม่ได้หรือไม่ ท่านก็ไม่ตอบ ท่านตอบแต่เรื่องว่าจะทำคลอง กี่คลองมันก็อยู่ในกรอบแนวความคิดเดิม ท่านไม่ได้ใช้ความคิดอื่นเลย ผมถามนิดหนึ่งว่า ในส่วนของการที่จะทำแบบนี้ท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ท่านผู้ว่า กทม. ซึ่งเคยอยู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ท่านควบคุมการทำผังเมืองใหม่ ไหมครับ เพื่อจะไม่ให้แผนที่ออกมาทำผังเมืองเอื้อต่อธุรกิจการสร้างอาคารสูง และปล่อยให้ ชาวกรุงเทพฯ ตะวันออกจะต้องเป็นที่รับน้ำเหมือนเดิม คำตอบของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงมหาดไทยนั่นคือให้เป็นที่รับน้ำเหมือนเดิม จะจัดคลองเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ได้ แก้ไขปัญหาอะไรเลยนะครับ และการเจริญก็คือส่วนกลางเหมือนเดิม ส่วนตะวันออก ตะวันตกนั้นให้เป็นพื้นที่รับน้ำตามยถากรรมเหมือนเดิม ท่านตอบแบบนี้ ท่านคิดจะเลิก การทำผังเมืองแบบนี้หรือไม่ ท่านบอกปี ๒๕๖๘ จะประกาศ ท่านจะเลิกหรือไม่ และให้ ประชาชนมีส่วนร่วมจริง ๆ หรือไม่ ผมถามแค่นี้ครับ ท่านจะตอบนายกรัฐมนตรีก็ได้นะครับ
ด้วยความเคารพท่านประธานครับ พอดีวันนี้ผมเตรียมมาถามท่านนายกรัฐมนตรี ถึงอยากจะถามท่านนายกรัฐมนตรี ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีมาผมจะถามลึกกว่านี้ แต่ว่าพอดีท่านรัฐมนตรีมาตอบแทน ท่านรัฐมนตรีก็ไม่ได้ดูภาพรวมเหมือนท่านนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ ถ้านายกรัฐมนตรีมาตอบ ผมจะถามลึกกว่านี้ด้วยซ้ำนะครับ แต่ว่าจำเป็นต้องถาม เพราะว่าผมต้องการถาม ท่านนายกรัฐมนตรีก็ต้องเอ่ยนิดหนึ่งครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง พรรคก้าวไกล ขออนุญาตหารือท่านประธานดังนี้นะครับ
เนื่องจากพื้นที่หนองจอก-มีนบุรี มีพี่น้องมุสลิมมากกว่าร้อยละ ๕๐ ได้ร้องเรียนมายังผมว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำ พิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบียแพงกว่าที่ควรจะเป็น ปัจจุบันนั้นราคาประมาณ ๒๖๐,๐๐๐-๒๘๐,๐๐๐ บาท และในประเทศไทยนั้นมีผู้แสวงบุญชาวไทยประมาณ ๑๓,๐๐๐ คนต่อปี ไปแสวงบุญ สาเหตุจากการผูกขาดสายการบินเช่าเหมาลำ และ ๒. จากการประสานงานของเจ้าหน้าที่ประสานงานหาค่าเช่าที่พักล่าช้า ทำให้ค่าเช่านั้นแพง ช่วงใกล้วันอีก รวมถึงการผูกขาดเรื่องอื่น ขอให้ท่านประธานได้โปรดประสานงานไปยัง รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โปรดแก้ปัญหาฮัจญ์แพงด้วยครับ
๒. ปัญหาการข้ามถนนในถนน ๒ เส้นหลักนะครับ อันที่ ๑ คือถนนเลียบวารี มี ๓ จุด จุดที่ ๑ คือหมู่บ้านนันทวัน ๕ ซอยเลียบวารี ๑๑ จุดที่ ๒ หมู่บ้านอมรทรัพย์ ๑ ซอยเลียบวารี ๒๕ จุดที่ ๓ หมู่บ้านนันทวัน ๑๐ ซอยเลียบวารี ๓๗ แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร มีหมู่บ้านขนาดใหญ่ ประชาชนอาศัยจำนวนมาก มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ขอติดตั้งสัญญาณไฟจราจรข้ามถนนแบบกดปุ่ม และทาสีทางม้าลายด้วยครับ ถนนที่ ๒ คือถนนราษฎร์อุทิศตรงหมู่บ้านฉัตรหลวง ซอยราษฎร์อุทิศ ๕๔ และปากซอยราษฎร์พัฒนา ตลาดแยกบาแล แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานครอีก ๒ จุด ถนน ๒ เส้นนี้ขอให้มี การติดตั้งสัญญาณไฟจราจรแบบกดปุ่ม และทาสีทางม้าลาย เนื่องจากมีอุบัติเหตุมากเลย
๓. เป็นเรื่องไฟส่องสว่างตรงถนน ๓ สาย คือ ๑. ถนนราษฎร์อุทิศ ๒. ถนนเลียบวารี ๓. ถนนเชื่อมสัมพันธ์ ซึ่งเป็นถนนเส้นทางหลักของประชาชนในเขต หนองจอก เขตมีนบุรี ไฟดับมายาวนานมาก หลายช่วงไม่ได้รับการแก้ไข เคยมีการหารือ มายังสภาแห่งนี้แล้วแต่ไม่ยอมแก้ไข ขอให้ท่านประธานได้โปรดแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดแก้ไขทำให้ไฟติดส่องสว่างด้วยครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผมขออนุญาตประท้วงท่านประธานตามข้อบังคับ ข้อ ๙ นะครับ
ท่านประธานมิได้วางตัว เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ท่านประธานที่เคารพครับ คำวินิจฉัยของท่านนั้น มิได้วางบรรทัดฐานของคนที่เป็นกลางของประธานที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขอเรียน ในส่วนที่ท่านวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และท่านพริษฐ์ วัชรสินธุ ได้กรุณากล่าวนั่นคือเหตุจำเป็น ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ในการไม่อาจตอบกระทู้ถาม หรืออีกข้อหนึ่ง คือวรรคสอง ในข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ ก็คือกรณีที่มีการมอบหมายรัฐมนตรีอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตอบกระทู้ถาม ท่านชัยธวัชได้กล่าวว่าเรื่องที่จะถามคือเรื่องเกี่ยวกับ ก.ตร. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เกี่ยวข้องกับ ก.ตร. ตรงไหนครับ เรื่องเกี่ยวกับการไฟฟ้า ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรมเกี่ยวข้องตรงไหนครับ และในกรณีของข้อบังคับ ข้อ ๑๕๑ วรรคสาม เขากล่าวว่า นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีย่อมมีสิทธิที่จะไม่ตอบกระทู้ถามเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องนั้น ยังไม่ควรเปิดเผย ใช้คำว่าคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่ตัวนายกรัฐมนตรีคนเดียวคณะรัฐมนตรี ต้องมีเหตุว่าไม่ควรเปิดเผย เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประโยชน์สำคัญ ของแผ่นดิน ตัวนายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิเสธไม่มาตอบได้นะครับ ถ้าไม่มีมติคณะรัฐมนตรี ตรงนี้ถือว่ารัฐมนตรีนั้นเลี่ยงการมาตอบกระทู้ถามครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ที่ไม่เป็นกลางคือดุลยพินิจของท่าน ท่านไม่ใช้ดุลยพินิจพิจารณากฎหมาย ให้ครบถ้วน และปรับตกเพื่อจะให้ดำเนินการต่อ เพราะว่าการปฏิเสธไม่มาตอบกระทู้ถามนี้ ต้องมีมติคณะรัฐมนตรีนะครับ ไม่ใช่ตัวนายกรัฐมนตรีเองนะครับ วรรคสามดูสิครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ขออนุญาตอภิปรายสนับสนุนข้อบังคับการแก้ไขข้อบังคับของท่านพริษฐ์ วัชรสินธุ ซึ่งท่านก็เสนอไว้ว่าเป็นข้อบังคับที่ทำให้สภาก้าวหน้า หลายท่านก็บอกว่าอาจจะ ไม่ใช่ก้าวหน้า เพราะไม่มีชื่ออยู่ในนี้ แต่ในความเห็นส่วนตัวของผมแล้วไม่ใช่เฉพาะก้าวหน้า แต่ก้าวไกลด้วยอีกต่างหาก ท่านประธานครับ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบ รัฐสภาการถ่วงดุล ตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจมีความสำคัญมาก ฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร สำคัญ ข้อบังคับฉบับนี้ที่ท่านพริษฐ์ วัชรสินธุ ที่แก้ไข ข้อหนึ่งที่ก้าวหน้าค่อนข้างมากก็คือว่า การตอบกระทู้สดของนายกรัฐมนตรี อยู่ในข้อบังคับข้อ ๑๕๕/๑ และอื่น ๆ ที่ถัดมา เดิมปกติแล้วนายกรัฐมนตรีที่จะมาตอบกระทู้ยากมากครับ ในสมัยที่ ๒๕ มีนายกรัฐมนตรี มาตอบกระทู้ ๒ ครั้ง สมัยนี้มาเพียงแค่ครั้งเดียว ในประเทศที่พัฒนาแล้วที่มาตอบกระทู้สด เขาจะมากันทุกสัปดาห์ การที่ตอบกระทู้สดและในร่างข้อบังคับฉบับนี้ให้โอกาสผู้นำฝ่ายค้าน ในการถามกระทู้สดถึง ๖ คำถาม ไม่เกิน ๒ นาที และเปิดโอกาสให้สมาชิกที่มาลงชื่อไว้ หรือมาแสดงความจำนงไว้สลับกันระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล ถามกัน ตอบกันประมาณ ๔๕ นาที ตรงนี้เป็นอย่างไรครับ มันเป็นความก้าวหน้าก็คือว่าตัวแทนผู้มีอำนาจสูงสุด ในฝ่ายบริหารประเทศจะต้องยึดโยงกับประชาชน และมา Update มาถามคำถาม มาตอบ คำถามของผู้นำฝ่ายค้านในสภาแห่งนี้ตลอดเวลาทุกสัปดาห์ นั่นหมายความว่าความ กระตือรือร้นที่จะรับฟังปัญหาจะมีอยู่ทุกสัปดาห์ ไม่ใช่นาน ๆ มาที หรือบางทีมอบอำนาจ ให้มาแล้วก็ไม่มา ในข้อบังคับฉบับนี้ก็ให้โอกาสเพียง ๒ ครั้ง ที่นายกรัฐมนตรีนั้นจะไม่มา ถ้าไม่มาก็ส่งรัฐมนตรีอื่นมา แต่ไม่เกิน ๒ ครั้ง ในสมัย ๑ ประชุม ถามว่าถ้าเกิดสภาแห่งนี้ เป็นสภาที่ก้าวหน้าแบบนี้ ประเทศเราจะไม่กระตือรือร้นมากกว่านี้หรือครับ เพราะที่ผ่านมา ยากมากที่นายกรัฐมนตรีจะมา หรือบางทีรัฐมนตรีที่มาเอง ตัวรัฐมนตรีที่มาก็มอบหมายต่อ ๆ กันมา แล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรที่เป็นสาระสำคัญที่จะเป็นความต้องการของประชาชนจริง ๆ นั่น ก็คือตรงนี้ล่ะครับเป็นจุดอ่อนที่เราจะต้องทำให้มันกระชับฉับไวขึ้น ตรงนี้ผมเห็นด้วยกับ ท่านพริษฐ์ วัชรสินธุ และอยากจะให้ท่านสมาชิกสภาทุกท่านได้โปรดรับหลักการ การแก้ไข ข้อบังคับฉบับนี้
เรื่องที่ ๒ ก็คงเป็นเรื่องของการตั้งประธานกรรมาธิการ ซึ่งท่านพริษฐ์ เขาระบุไว้ ๓ คณะ คือคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการติดตามงบ และกรรมาธิการกิจการสภา เมื่อสักครู่ท่านสมาชิกหลายท่านบอกว่ากรรมาธิการเป็นการร่วม ของสมาชิกหลายพรรคการเมือง แต่โดยสถานะของการเป็นประธานกรรมาธิการมีอำนาจ ในการที่จะกำหนดวาระประชุม มีอำนาจในการที่จะส่งตั้งคณะกลั่นกรองและมีสมาชิก กลั่นกรองต่าง ๆ ถ้าเป็นสมาชิกซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลด้วยกัน โอกาสที่เรื่องสำคัญที่เป็นการทุจริตประพฤติมิชอบ ในกรณีกรรมาธิการ ป.ป.ช. นะครับ ที่เป็นของรัฐบาลจริง ๆ จะถูกตรวจสอบนั้นยากมาก หรือถูกตรวจสอบนั้นในการที่ประชุมจะยากมาก ผมไม่ได้พูดถึงในแง่ของตัวบุคคลนะครับ ตัวบุคคลจะเป็นใครก็แล้วแต่ ถ้าอยู่ฝักฝ่ายนั้นโดยปกติแล้วคนในพรรคเดียวกันในฝ่าย เดียวกัน จะตรวจสอบฝ่ายเดียวกันเอาเป็นเอาตายไม่มีทางครับ ในสมัยที่แล้วสมัยสภา ชุดที่ ๒๕ กรรมาธิการประธานเป็นฝ่ายค้าน มีการตรวจสอบเรื่องสำคัญมากมาย บ้านพัก นายก บ้านพักหลวง นาฬิกาเพื่อน แหวนแม่ และเรื่อง IO กองทัพต่าง ๆ มีการตรวจสอบ อย่างชำแหละอย่างมากในส่วนนี้ นั่นก็เพราะว่าประธานกรรมาธิการนั้นเป็นฝ่ายค้าน เรื่องที่ รัฐบาลที่จะต้องตรวจสอบถูกตรวจสอบอย่างละเอียด และไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่ถ้าเกิดคนที่อยู่พรรคเดียวกัน อยู่ฝ่ายเดียวกัน โอกาสที่จะถูกขัดขวางหรืออะไรนั้นก็ได้ ผมเรียนอีกครั้งไม่ได้พูดถึงเรื่องของตัวบุคคล
เรื่องที่ ๒ ในส่วนของกรรมาธิการติดตามการปฏิบัติงานคืองบประมาณ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ควรจะเป็นฝ่ายค้าน เนื่องจากการใช้งบประมาณตาม พ.ร.บ. งบประมาณ ที่อนุมัติต่อสภาแห่งนี้ก็จะต้องมีการติดตาม ถ้าเป็นฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองก็จะติดตาม แบบเป็นพิธีกรรม ติดตามเป็นพิธีก็เรียกมาถามไม่กี่คำแล้วก็ปล่อยไป ถ้าเป็นอย่างนี้ขึ้นมา การตรวจสอบการใช้เม็ดเงินของประชาชนก็ยังไม่ได้ทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ ผมเรียน ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นของสภาก้าวหน้าของสภาชุดนี้ และเราควรที่จะทำให้ดี อย่างยิ่ง อย่าไปปิดบังไม่ให้การตรวจสอบถ่วงดุลเลยนะครับ
เรื่องที่ ๓ ก็คงเป็นเรื่องของ พ.ร.บ. การเงิน ในส่วน พ.ร.บ. การเงินโดยปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีนั้นจะใช้โอกาสนี้ในการที่จะไม่ลองวินิจฉัยว่า พ.ร.บ. นั้นเกี่ยวเรื่องการเงิน และปล่อย ครั้งที่แล้ว สมัยที่แล้วตกไปหลายฉบับ หรือไม่มีโอกาสเข้าในสภานี้หลายฉบับ การแก้ไขข้อบังคับฉบับนี้มันมีความก้าวหน้าก็คือว่าให้เงื่อนเวลาภายใน ๓๐ วัน ถ้าเกิดว่า นายกรัฐมนตรีวินิจฉัยว่าปฏิเสธ ๓๐ วัน ก็ถือว่ายอมรับและสามารถเข้าพิจารณาในสภา ได้ทันที ไม่ใช่มาเฉพาะกฎหมายของฝ่ายรัฐบาลผ่านกฤษฎีกาเท่านั้น แต่กฎหมายโดย สส. โดยประชาชนสามารถที่จะเข้าพิจารณาในสภาได้ เราอย่ากลัวอำนาจของประชาชนเลยครับ สิ่งเหล่านี้เป็นความก้าวหน้าที่ผมคิดว่าเราควรที่จะเปิดใจกว้าง และรัฐบาลก็ควรที่จะเปิด โอกาสให้มีการแก้ไขข้อบังคับฉบับนี้ ผมยกตัวอย่างเพียงแค่ ๓ ประเด็นนี้ถ้าผ่านขึ้นมาผมว่า การเปลี่ยนแปลงของการตรวจสอบถ่วงดุล ความกระฉับกระเฉงของรัฐบาลที่จะต้องกระตือรือร้น ในการที่จะทำหน้าที่เพื่อประชาชนจะดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ขออนุญาตนะครับ ขอท่าน สมาชิกสภาทุกท่านได้โปรดช่วยกันรับหลักการด้วย อย่าตีตกไปเลยนะครับ เพราะทราบว่า มติวิปของรัฐบาลบอกจะตีตก ผมอยากให้ทำมาเถอะครับ ขอบคุณมากครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต ๑๘ หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง พรรคก้าวไกล ขออนุญาตหารือท่านประธานดังนี้ครับ
การจัดการศึกษาปฐมวัยในแบบ ศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียน หรือ ศพด. ในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด ๒๗๔ ศูนย์ ในเขต ๑๘ กรุงเทพฯ เขตผม หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง มีทั้งหมด ๒๑ ศูนย์ มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ มีมัสยิด วัด บุคคล ชุมชน ช่วยอุปถัมภ์ หากชุมชนเข้มแข็ง สนับสนุนการเงินดี อาคารก็จะดี อุปกรณ์ การเรียนการสอนก็จะดี หากชุมชนนั้นมีรายได้น้อยก็จะเบาบาง แล้วคุณภาพจะไม่ดี เปรียบเทียบกับศูนย์เด็กเล็กในต่างจังหวัดจะสู้ศูนย์เด็กเล็กที่ดูแลโดยท้องถิ่นไม่ได้ ทั้งที่อยู่ใน เมืองหลวงของประเทศนะครับ
ในเรื่องหลักสูตรปัจจุบัน ศพด. ในกรุงเทพฯ นั้นไม่ได้มีหลักสูตรที่แน่นอน ชัดเจน แต่ละศูนย์นั้นจัดการกันเอง งบประมาณอาหารกลางวันไม่เพียงพอ ค่าไฟ ค่าน้ำ ต้องจัดการเอง ศูนย์จะต้องมีการเรียกจากผู้ปกครอง ในส่วนค่าตอบแทนครูเป็นแบบ จ้างเหมาครับท่านประธาน ไม่มีเงินเดือน สวัสดิการ ไม่มีการขึ้นเงินเดือน หากวันไหนหยุด ก็จะต้องโดนหักรายวัน การบรรจุครูมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าครูในสังกัดอื่น ๆ ไม่มี แม้จะทำการเรียนการสอนมาทั้งหมด ๒๐ ปีแล้วก็ตาม ผมได้ลงสำรวจร่วมกับคุณครูทั้ง ๒๑ ศูนย์ในเขตของผมตามรายชื่อที่แนบนี้ ทำรายงานอย่างละเอียดถึงปัญหา ทั้งสถานที่ อุปกรณ์ การเรียนการสอนที่ไม่ได้มาตรฐาน หลักสูตร และการจ้างของครู ทำรายงานอย่าง ละเอียดเรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านประธานได้โปรดผ่านไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โปรดช่วยการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้มีมาตรฐานสากลตาม แนวทางที่กระผมได้ศึกษาอย่างละเอียดแล้ว ขอบคุณมากครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ท่านประธานครับ ชนเผ่าพื้นเมืองของประเทศไทยนั้นมีหลายที่นะครับ ไม่ว่าอยู่ในป่า ที่ราบสูง พื้นที่ราบและเกาะแก่งชายฝั่ง ตัวผมเองเมื่อสมัยที่แล้วที่ผมเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ มีโอกาสได้ไปในพื้นที่ราบสูงและในป่าอยู่หลายแห่ง นับ ๑๐ แห่ง โดยท่าน สส. มานพ คีรีภูวดล นี่ล่ะครับ มีโอกาสได้พบกับพี่น้องหลายชนเผ่า พื้นเมือง สิ่งที่ผมได้พบก็คือว่าพี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองที่ผมได้ไปพบก็คือ สิ่งที่ ๑ สิทธิที่จะ เป็นพลเมืองบางครั้งก็ยากนะครับ เพราะว่าการพิสูจน์ตัวตนต่าง ๆ มันยากในการประกาศ ในการติดต่อสื่อสาร ในการเกิด การอะไรที่จะเป็นพลเมืองที่ได้รับสิทธิของรัฐนั้นยากมาก สิ่งที่ ๒ คือในเรื่องของที่ทำกินและที่อยู่อาศัย บางครั้งเขาอยู่มาประมาณ ๑๐๐ ปี ๑๒๐ ปี แต่รัฐเพิ่งประกาศกฎหมายขึ้นมาทับที่เขา แล้วนโยบายของรัฐมุมมองนั้นไม่เหมือนกับ พี่น้องชนเผ่าพื้นเมือง นั่นคือรัฐต้องการรักษาอนุรักษ์ป่าด้วยการที่เอาคนออกจากป่า แต่ต่างจากคนเผ่าพื้นเมือง ยกตัวอย่าง พี่น้องปกาเกอะญอที่ได้อยู่ในพื้นที่เป็น ๑๒๐ ปี ดูอย่างง่าย ๆ ลงมาพี่น้องที่บางกลอยที่ได้อยู่มาเป็น ๑๐๐ กว่าปี แต่เมื่อมีการประกาศ เขตป่าอนุรักษ์ป่าสงวนขึ้นมาก็พยายามที่จะผลักดันเขาออกมา แต่วิถีชีวิตของชาว ปกาเกอะญอนั้นมันไม่ใช่วิถีชีวิตที่แยกจากป่า บางทีก็นำจากที่หนึ่งมาอีกที่หนึ่งรู้สึกว่าจะเป็น ในใจแผ่นดินมาลงอยู่บางกลอยล่างซึ่งห่างกัน พื้นที่เดิมปกาเกอะญอเข้าอยู่ด้วยการทำเป็น ไร่หมุนเวียน คือไร่หมุนเวียนบางครั้งใครบางคนอาจจะคิดว่าเป็นไร่เลื่อนลอยที่เราเรียน ในตอนประถม ก็คือทำไร่ไปแล้วเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทำลายป่าเรื่อย ๆ แต่ไร่หมุนเวียนคือการ ทำไร่เสร็จแล้วย้ายไปอีกทีหนึ่ง อีก ๕ ปี กลับมาทำที่เดิม นั่นคือเป็นการอนุรักษ์ป่า แบบวิถีธรรมชาติ เมื่อรัฐเข้ามาประกาศป่าสงวนประกาศกฎหมายเข้ามาโดยไม่เข้าใจวิถีชีวิต เข้าใจว่าเขาเป็นคนที่ทำลายป่า แล้วบางทีก็บอกว่าในส่วนของการที่อยู่ในป่านั้นมันเป็นการที่ รุกล้ำบุกรุกทั้งที่อยู่มาก่อน นี่คือปัญหาของพี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองที่ถูกกระทำและถูกดำเนินคดี ฐานเป็นผู้บุกรุกทั้ง ๆ ที่อยู่ก่อน ความจริงรัฐไปบุกรุกเขา ในส่วนตรงนี้สถานะแบบนี้ทั้งสถานะ บุคคล ที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย และสร้างความเดือดร้อนเหล่านี้ พี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ ไม่สามารถต่อสู้ได้ถ้าแยกกันอยู่ครับ ถ้าแยกกันทำ แยกกันอยู่ ไม่มีการรวมตัว ผมขอบคุณ พี่น้องประชาชน ท่านนักวิชาการต่าง ๆ ที่กรุณานำกฎหมายสภาชนเผ่าพื้นเมืองนี้เข้าสภา เพื่อรับรองสิทธิของพี่น้องชนเผ่าพื้นเมือง ทั้งหมดซึ่งเข้าใจว่ามีประมาณ ถ้าเป็นชาติพันธุ์ ประมาณ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ก็คือ ๖ ล้านคน ถ้าเป็นชนเผ่าพื้นเมืองอื่น ๆ ประมาณ ๙๐๐,๐๐๐ คน และมีการรับรองเป็นพลเมืองไทยเพียงแค่ ๒๐๐,๐๐๐ คน ถ้าเกิดกฎหมายฉบับนี้ได้มีโอกาส เป็นกฎหมายที่ผ่านสภาแห่งนี้ขึ้นไป กฎหมายแห่งนี้ก็จะทำให้พี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองนั้น มีสถานะ มีตัวตนของการรวมกลุ่มขึ้นมา ตัวตนเหล่านี้ทำให้เขาสามารถที่จะโต้แย้งสิทธิ ที่สามารถทำให้เขานั้นได้รับสิทธิ เช่น สิทธิในการเป็นพลเมือง การมาต่อสู้คนเดียว การทำ คนเดียวนั้นยากมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาอยู่ สิทธิที่ทำกิน สิทธิที่อยู่อาศัย ได้มีการทำความ ตกลงกรอบความคิดของรัฐปัจจุบันมันไม่เหมือนกับกรอบความคิดที่เขาอยู่ ผมเพิ่มอีก อย่างหนึ่งก็คือว่าพี่น้องปกาเกอะญอนั้นเขามีความคิดที่จะรักษาป่าอย่างไร ยกตัวอย่าง เช่น เดปอทู เดปอทูก็คือต้นสะดือ ต้นสะดือคือเด็กที่เกิดใหม่นั้นเขาจะทำพิธีที่ต้นไม้ที่ต้นใหญ่ ไม้ยืนต้น พอทำต้นไม้ต้นนั้นที่มีการทำเดปอทูเสร็จแล้วเขาจะไม่มีการโค่นต้นไม้ หรือทำลายต้นไม้ตรงนั้น ผมคิดดูเปรียบเทียบดูถ้าเกิดคนไทยทั้งหมด ๖๕ ล้านคน ทำเดปอทู ทุกคน ต้นไม้ของไทยจะไม่ถูกทำลายอีก ๖๕ ล้านต้น ป่าจะไม่ถูกทำลาย
-๗๘/๑ นี่คือรากเหง้าของวัฒนธรรม ประเพณี การรักษาสิ่งแวดล้อมของพี่น้องชาวปกาเกอะญอ ที่ไม่มีใครรู้ครับ ตรงนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องดู วิถีชีวิตของชาวปกาเกอะญอที่เขาทำอีกอย่างหนึ่ง ก็คือการผลิตแบบอิงธรรมชาติอย่างที่บอกไร่หมุนเวียน แต่ของเราทางภาครัฐพยายาม ยัดเยียดการผลิตแบบใหม่ให้สารเคมีไป ให้ปุ๋ยเคมีไป ผลิตพืชเชิงเดี่ยว แล้วก็ให้เอาไปขาย มันผิดกับวิถีชีวิตที่รักษาป่า รักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นคนกับป่าสามารถอยู่กันได้ ก่อนประกาศป่า นั่นคือมีพื้นที่อยู่ เขาอยู่ ๑๑๐ ปี แต่ประกาศ ทำไมมีป่าละครับ แล้วประกาศได้ละครับ นี่คือสิ่งที่พี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองจะต้องรวมตัวกัน และสื่อสารไปยังภาครัฐให้มองตรงกัน กรอบความคิดจะได้เหมือนกัน ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะรับรองสิทธิ นั่นรวมถึงในพี่น้องที่อยู่ทางเกาะแก่งชายทะเลที่ถูกน้ำหนีบ ที่มีข่าวออกมาถูกน้ำหนีบ แล้วก็ มาพักผ่อน แล้วก็ถูกจับในส่วนตรงนี้ มันไม่เป็นธรรมกับพี่น้องเหล่านี้เขาอยู่ทางชายทะเล มานานแสนนานแล้วก็โดนอีก ผมคิดว่าสภาแห่งนี้และประเทศเรารัฐไทยเราควรที่จะเข้าใจ วิถีชีวิตที่แตกต่าง เข้าใจพี่น้องชาวชนเผ่าพื้นเมืองประมาณ ๙๐๐,๐๐๐ คนตรงนี้ ควรจะ ให้สิทธิเขาในการตั้ง และผมคิดว่าเอาจริง ๆ พี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านไม่ควร จะให้รัฐบาลไปศึกษาอีก ๖๐ วัน น่าจะผ่านการรับหลักการวันนี้ไปเลย เพื่อจะเข้าไปสู่วาระ ๒ จะแก้อะไรก็แก้ เพราะไม่ได้มีอำนาจที่ไปแทรกแซงอะไรเลย แต่รวมสิทธิเพื่อประสานงาน รวมสิทธิเพื่อแจ้งสิทธิกับผู้อื่น รวมสิทธิเพื่อศึกษาวัฒนธรรมประเพณี เพื่อให้คนทั้งโลกได้รู้ เพื่อให้อำนาจรัฐของไทยได้รับรู้และพยายามปรับจูนให้เข้ากัน ให้ทุกฝ่ายคนที่ไม่เหมือนกัน แต่เท่ากัน ได้เท่ากันจริง ๆ ผมฝากท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรช่วยกันผ่าน ผมฝากรัฐบาล ถ้าเกิดว่าท่านจะตัดสินใจที่จะให้ส่งไป ๖๐ วัน ก็ควรจะให้ผ่านร่างรับหลักการ แล้วไปคุย ในชั้นกรรมาธิการ แล้วจะแก้อย่างไรก็ว่ากันไป แต่การรับรองสิทธิตรงนี้มันเกิดขึ้นแล้ว ในสภาแห่งนี้ ซึ่งเขาต่อสู้มาหลายสิบปีนะครับ ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะช่วยยกระดับ ความเท่าเทียมของคนขึ้นมาให้เกิด ณ ประเทศนี้ ผมขอให้ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกท่านได้โปรดให้การผ่านร่างรับหลักการฉบับนี้ด้วยครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง ขออนุญาตอภิปรายพระราชบัญญัติยกเลิกว่าด้วยความผิดอันเกิดจาก การใช้เช็ค ท่านประธานครับ เช็คเป็นตราสารที่ใช้แทนเงินในการชำระหนี้ เราใช้เช็คมานาน หลายปี เช็คที่จะเป็นตราสารที่มีความเชื่อถือได้มันจะต้องเป็นเช็คที่เมื่อออกมาแล้วผู้รับเช็ค จะต้องได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้และตามที่สัญญาที่วันที่ลงในเช็ค แต่ถ้าเกิดมีเช็คที่ ไม่สามารถรับเงินได้ นั่นก็คือทำให้ความเชื่อถือในตราสารชนิดนี้ไม่สามารถได้รับการเชื่อถือ อีกต่อไป ผมเห็นพ้องในหลักการที่บอกว่าในส่วนของการดำเนินคดีอาญาสำหรับผู้ที่ไม่มี เจตนาทุจริตในการใช้เช็ค เนื่องจากว่าเราเป็นสมาชิกกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ พลเมืองและสิทธิทางการเมือง ICCPR ที่ห้ามรัฐใดจำคุกเพียงไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ และในเรื่อง ความผิดเกี่ยวกับการใช้เช็คไม่เข้าลักษณะของทฤษฎีความผิดทางอาญาเลย ผมเห็นด้วยกับ หลักการ แต่ในส่วนของวิธีการที่รัฐบาลได้ยกเลิกในทันทีทันใดโดยมิได้คำนึงถึงเหตุผลอื่น ตรงนี้ผมยังอาจจะตั้งข้อสังเกตของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ สืบเนื่องจากถ้าเกิดว่าเรายกเลิกไปทันทีทันใด โดยรัฐยังไม่เคยมีมาตรการอื่นเลย นั่นก็ หมายความว่าเช็คจะเป็นตราสารที่ขาดความเชื่อถือทันที เพราะว่าโดยหลักเดิมแล้วคดีอาญา ก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้คู่กรณีมีการต่อรอง แล้วก็มีการใช้คดีอาญาในการที่จะทำให้ ชำระหนี้ดีขึ้น ผมเรียนอย่างนี้ว่าในกรณีที่มีเจตนาทุจริตแล้วถูกลงโทษในทางอาญาก็ถือว่า สมเหตุสมผล แต่ถ้ากรณีที่ไม่มีเจตนาทุจริตเพียงแต่แค่ถูกผู้สั่งจ่ายเช็คหมุนเวียนในบัญชี ไม่ทัน แล้วจะนำโทษทางอาญาบังคับใช้ก็ถือว่าไม่สมเหตุสมผล ๒ หลักนี้มันเป็นหลักที่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือก่อนที่รัฐจะยกเลิก พ.ร.บ. เช็คความผิดทางอาญา รัฐได้มีมาตรการหรือยัง การแก้ไขยกเลิกเช็คในคดีอาญานั้นเป็นการทำที่ปลายเหตุนะครับ แต่ต้นเหตุคือต้องรวม ที่ระบบธนาคาร ถามว่าธนาคารซึ่งเป็นเจ้าของผู้เป็นต้นเหตุในการใช้เช็ค ได้มีการกลั่นกรอง ผู้ที่จะสามารถออกตราสารชนิดนี้ได้หรือไม่ ถ้าเกิดว่าไม่มีการกลั่นกรองเลย เช่น มีกระแสเงิน สดเท่าไร มีเงินคงค้างเท่าไร และระยะเวลากี่เดือน ถึงจะให้สิทธิในการออกเช็ค แต่ถ้าเกิดให้ เปรอะไปหมดแล้วปล่อยภาระของเอกชนระหว่างเอกชน หรือประชาชนทั่วไปออกเช็คกันเอง แล้วไปฟ้องกันเองไปตามเรื่องคดีแพ่งกันเอง คดีแพ่งใช้เวลาปี ๒ ปี ๓ ปีบังคับคดีก็ไม่ได้ ยากมาก คดีอาญาศาลก็ต้องชะลอให้รับสารภาพแล้วก็มีการผ่อนจ่ายไปก็ยังทำได้ แต่ตรงนี้ เครื่องมือในการ Check จะไม่มี ความเชื่อถือของเช็คจะไม่มี ดังนั้นสถาบันการเงินเราไม่เคย พูดถึงเลย รัฐบาลไม่เคยพูดถึงว่าใช้สถาบันการเงินมาเข้มงวดกับการเปิดบัญชีได้อย่างไร ผมเรียนในส่วนของประเทศฝรั่งเศสนะครับ ในประเทศฝรั่งเศสเขามีศูนย์เขาเรียกว่า ศูนย์รวมทางด้านการ Check ข้อมูลทางเช็ค เมื่อเกิดเช็คเด้งธนาคารจะแจ้งข้อมูลไปยังศูนย์ นี้ แล้วข้อมูลศูนย์จะถูกแจ้งไปยังธนาคารทุกธนาคารว่าบุคคลนั้นเกิดเช็คเด้ง ธนาคารผู้ปฏิเสธ การจ่ายเงินชำระเงินนะครับ ผลเขาจะถูกห้ามทำธุรกิจการเงินเป็นเวลา ๕ ปี ต่อเมื่อบุคคล ดังกล่าวจะไปชำระเบี้ย ผู้ทรงเช็คแล้วก็จะให้สิทธิในการกลับมาก่อน แต่ไม่ได้ทันที ก็อาจจะ มีกำหนดระยะเวลา ๖ เดือน หรือ ๑ ปี เพื่อเป็นการลงโทษ ซึ่งจะทำให้เช็คนั้นมีความ น่าเชื่อถือขึ้น แต่เรื่องนี้รัฐบาลไม่เคยมีการพูดถึงเลยครับ คิดแต่จะเลิกอย่างเดียวในแง่มุม เดียวนะครับ
อีกความเห็นหนึ่ง ก็คือในเรื่องของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตเราไม่ เคยพูดถึงเลยว่าถ้าเกิดคนที่ออกเช็ค ถ้าเรามีข้อมูลเช็คแล้วถ้าลองทำแบบฝรั่งเศส แล้วข้อมูล เครดิตจะต้องบันทึกไว้คนนี้ได้มีการออกเช็ค แล้วปฏิเสธการจ่ายเงิน ทำลายความเชื่อถือและ ให้ประชาชนที่จะรับเช็คนั้นสามารถตรวจสอบได้โดยง่าย ถ้าตรวจสอบแล้วบุคคลนี้ มีการใช้เช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน มันก็จะทำให้เขาไม่อยากจะรับเช็คอันนั้น นี่คือทำให้ หลักประกันในการที่ประชาชนนั้นจะได้รับเช็คโดยไม่ต้องไปยุ่งกับการฟ้องคดี และเช็คจะมี ความน่าเชื่อถือมาก ผมเรียนอีกอย่างหนึ่งในส่วนของประเทศฝรั่งเศส เขามีมาตรการอื่นถ้า เกิดว่าเราออกเช็คไม่มีเงินเสมือนเป็นการทำให้เป็นการฉ้อโกงนะครับ คือเช่น เขาห้ามมิให้ ประกอบอาชีพธนาคาร ห้ามมิให้ประกอบอาชีพนายหน้า ห้ามมิให้เป็นสมุห์บัญชีในบริษัท จำกัด ห้ามมิให้เป็นผู้ดำเนินการหรือจัดการในตำแหน่งใด ๆ ในบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วน จำกัด หรือเป็นตัวแทนสาขาของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนดังกล่าว ห้ามมิให้ประกอบอาชีพอื่น อุตสาหกรรมนะครับ หากถูกคำพิพากษาให้จำคุก ๓ เดือนเป็นต้นไป นี่คือมาตรการที่ทำให้ คนนั้นไม่กล้าออกเช็คที่ไม่ดีมันทำให้เสียเครดิตระยะยาว ผมเรียนอย่างนี้นะครับ ผมอยากจะ ฝากทางรัฐบาลว่าการที่จะออกแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คำนึงถึงแค่คดีอาญาสิทธิอย่างเดียว แต่เป็นการทำลายตราสารที่น่าเชื่อถือ ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจอื่นที่ตัวเองต้องใช้เช็คจะขาดความ มั่นใจในการที่ใช้เช็คเลย นี่ผมเชื่อว่าเป็นการมองมุมเดียวมองแค่ปลายเหตุเท่านั้นนะครับ ในส่วนตัวผมเห็นด้วยการยกเลิก แต่การยกเลิกแบบยกเลิกเฉย ๆ ดื้อ ๆ แบบนี้ ผมเชื่อว่าความ รอบคอบของรัฐบาลนั้น ความรับผิดชอบต่อประชาชนต่อตราสารหนี้เช็คอาจจะยังน้อยไป นะครับ ดังนั้นผมอยากจะให้รัฐบาลนั้นไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าเรื่องศูนย์ข้อมูลเช็ค เรื่องข้อมูลเครดิตบูโร เรื่องของมาตรการหลังจากที่คนที่ออกเช็คไม่ดีแล้วเป็นอย่างไร และ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์จะต้องมีการกลั่นกรองว่าใครที่ออกเช็คนั้น เป็นอย่างไร และมีการแจ้งเตือนเสมอถ้าเกิดว่าเขาเอาเช็คเกินวงเงินที่ควรจะเป็นกับบัญชี กระแสวัน กระแสเงินสดของเขา แล้วก็เงินคงค้างของเขาเพื่อให้เหมาะสม เพื่อให้ตราสาร ตรงนี้มีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ต้องมาพึ่งกับการธนาคารและปล่อยไว้ให้ไปฟ้องคดีแพ่งกันเอง นะครับ ผมเรียนนะครับว่าเรื่องนี้ผมไม่ขัดข้อง แต่ผมเห็นว่ารัฐบาลยังบกพร่องของการที่จะ ออกกฎหมายแบบรวบรัดแบบนี้นะครับ ก็คิดว่าท่านลองไปแก้ตรงนี้ให้มาก
อีกประการหนึ่งอยากจะฝากก็คือในเรื่องของกรณีของคนที่ฟ้องคดีไปแล้ว คดีอาญา แต่ไม่ได้ฟ้องคดีแพ่งเพราะขาดอายุความแล้ว และไปยกเลิกตรงนี้แล้วเขาจะทำ อย่างไร ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกฉบับนี้ไม่ได้เขียนทางออกไว้ให้เขา ผมอยากให้กรรมาธิการ วิสามัญไปลองแก้ไขหาทางออกให้เขาด้วย ว่าเขาได้ฟ้องโดยสุจริตไปแล้วคดีอาญา แต่คิดว่า จะบังคับได้ แต่เมื่อมีคดี พ.ร.บ. ฉบับนี้มาเขาไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วก็ถือว่าตกไปเลย หรือครับในส่วนตัวนี้ ขอฝากทางรัฐบาลและทางกรรมาธิการวิสามัญได้โปรดร่างข้อสังเกต ในส่วนนี้เข้าไปนะครับ และลองแก้ไขทั้งต้นเหตุแล้วก็ปลายเหตุให้สอดคล้องกันด้วยครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก มีนบุรีลาดกระบัง ขออนุญาตถามกระทู้ต่อท่านประธานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งท่าน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาตอบแทน เนื่องจากในส่วนของพื้นที่หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตเลือกตั้งของผมนั้น มีพี่น้องมุสลิมโดยเฉพาะหนองจอก ประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ การที่ลงพื้นที่พี่น้องมุสลิมแต่ละท่านก็ได้มาพูดถึงการไป ประกอบพิธีฮัจญ์นั้นค่อนข้างราคาแพงและสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น การประกอบพิธีฮัจญ์นั้น พี่น้องมุสลิมเชื่อว่าจะทำให้ตัวเขานั้นเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์และปราศจากความผิดบาป ดังนั้น ใน ๑ ชีวิตควรจะไปสัก ๑ ครั้ง และต้องใช้เงินที่เก็บหอมรอมริบของตัวเองเพื่อจะไปประกอบ พิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่ท่านประธานที่เคารพครับ ในการประกอบ จัดการบริหารพิธีฮัจญ์ของประเทศไทยนั้นก็ยังมีปัญหา ก็คือค่าราคาที่ไปนั้นแพง ค่าโดยสาร เครื่องบินแพง เพราะว่ามีการผูกขาดสายการบินคือสายการบินไทยและสายการบิน ซาอุดีอาระเบีย นอกจากนั้นในส่วนของสายการบินซาอุดีอาระเบียก็ใช้สายการบิน Flyadeal ซึ่งเป็นต้นทุนต่ำมาให้บริการจึงไม่ทั่วถึง ราคาค่าตั๋วเครื่องบินที่ไปเอาที่มีทั้งหมด ๓ สนามบิน หาดใหญ่ในช่วงแรก ๕๘,๑๗๕ บาท นราธิวาส ๖๓,๑๕๐ บาท หาดใหญ่ช่วงต้น ๖๔,๘๙๒ บาท สุวรรณภูมิ ๖๘,๔๔๒ บาท นี่คือไม่เท่ากันตามแต่ละสนามบิน นั่นคือปี ๒๕๖๖ แต่ปี ๒๕๖๗ เพิ่มมาทุก ๓ สนามบินเท่ากัน คือ ๖๘,๗๐๐ บาท ประเด็นตรงนี้มันขึ้นได้อะไร มันแพงมาก และตัวที่แพงก็คือถ้าเกิดเป็นหาดใหญ่ช่วงต้นแพงขึ้นประมาณ ๒๔,๔๐๐ บาท นี่คือแพง เกินจริง ผมอยากจะให้ดูความล่าช้าอีกอันหนึ่ง ความล่าช้าในการตรวจอนุญาตที่พักของ เจ้าหน้าที่ที่ฝ่ายไทยทำให้เกิดการเช่าช่วงผู้ประกอบการฮัจญ์ไทยจะไปทำสัญญาเช่าได้ บางครั้งผู้แสวงบุญได้ที่พักไกลกว่ามัสยิดอัลฮะรอมที่นครเมกกะ ความล่าช้าในการยื่น Visa ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ผลพวงจากสัญญาเช่าที่พัก การบริหารไม่มีประสิทธิภาพระหว่าง ผู้แสวงบุญอยู่ที่ทุ่งมินา รวมถึงกระบวนการขนส่งผู้แสวงบุญเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ ที่กล่าวมา ซึ่งมีการเก็บเงินส่วนนี้ ในปีที่แล้วก่อนที่จะไปมีการเก็บเงินขึ้น ๒๙,๐๐๐ บาท ผมไปลงพื้นที่ ที่น้องมุสลิมก็มากล่าวกับผมว่าบางคนเขาต้องเก็บแบงก์ ๒๐ กว่าจะได้เงินเป็นค่าไปก็จะต้อง หาเงินเพิ่ม ๒๙,๐๐๐ บาท ไม่รู้จะทำอย่างไร กรณีอย่างนี้มันทำให้ความฝันที่จะไปฮัจญ์ สักครั้งหนึ่งก็ช้าลงสำหรับพี่น้องมุสลิม โควตาของประเทศไทยมีประมาณ ๑๓,๐๐๐ คน แต่ไปไม่ถึง เพราะบางทีติดขัดในสิ่งเหล่านี้และแพง ผมให้ดูตารางนิดหนึ่ง ตารางการไปฮัจญ์ ของประเทศมาเลเซียกับประเทศไทย ในปี ๒๕๖๔ มาเลเซียใช้ ๑๘๑,๗๔๙ บาท ประเทศไทย ๒๕๐,๐๐๐ บาท ปี ๒๕๖๕ มาเลเซีย ๑๙๔,๑๑๖ บาท ของไทย ๒๖๐,๐๐๐ บาท มาเลเซีย ปี ๒๕๖๖ ๑๑๐,๐๐๐ บาท ของไทย ๒๗๐,๐๐๐ บาท ต่างกันถึงประมาณ ๖๐,๐๐๐ บาท ซึ่งประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันไม่ควรจะแพงขนาดนั้น ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้อยากจะถามท่าน
คำถามแรกท่านจะแก้ไขการผูกขาดสายการบินได้อย่างไร จะปลดปล่อย สายการบินไหมครับ เพื่อจะให้มีการแข่งขันในเชิงพาณิชย์จะได้ถูกลง ท่านจะตกลงเจรจา อย่างไรที่จะให้ไม่มีการเก็บเงินล่วงหน้ากระทันหัน ๒๙,๐๐๐ บาท เพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้มี โอกาสไปฮัจญ์ในราคาที่ถูกหรือใกล้เคียงกับมาเลเซียมากกว่านี้ คำถามแรกครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง ขออนุญาตเรียนท่านประธานไปยังท่านรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งก็คือว่า การแก้ไข เรื่องสายการบินง่ายนิดเดียว เจรจาให้มีการแข่งขันไม่ต้องเช่าเหมาลำ บริษัท Flyadeal เป็น สายการบินต้นทุนต่ำ และที่ผู้แสวงบุญชาวไทยบอกว่าไปแล้วมันเก่า ไม่ใช่สายการบิน แห่งชาติซาอุดีอาระเบีย คุณภาพไม่ได้ แต่ทำไมถึงมาแข่งขันและผูกขาดแบบนี้ ทำให้แพง
ประเด็นที่ ๒ ที่ผมอยากเรียนถามเพิ่มเติมก็คือ ในเรื่องของบริษัท มะชาริก สมัยปีที่แล้วประจำปี ๒๕๖๖ หรือ ฮ.ศ. ๑๔๔๔ เขาระบุไว้ในสัญญาตัวนี้ในข้อประกาศของ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ระบุข้อ ๑.๗ ว่า ค่าบริการอาหารและบริการเสริมในช่วงประกอบพิธีฮัจญ์เป็นเงิน ๓,๕๖๕ ริยาล ซึ่งคูณ ๑๐ ก็ประมาณ ๓๕,๐๐๐ บาท แต่ปีนี้มีการแยก ประกาศปีนี้ปี ฮ.ศ. ๑๔๔๕ ปี ๒๕๖๗ นี้ เขามี แยกค่าบริการช่วงประกอบพิธีฮัจญ์ Package ของบริษัท มะชาริก ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ผู้แสวงบุญชาวไทย จำนวน ๓๕,๖๕๐ บาท แต่มาเพิ่มค่าบริการอาหารพื้นฐานตลอด ช่วงพำนักอยู่ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอีกจำนวน ๑๐,๕๐๐ บาท การเพิ่มมาอีก ๑๐,๕๐๐ บาทนี้มาได้อย่างไร ซึ่งปีที่แล้วรวมกันในส่วนนั้น ๓๕,๐๐๐ บาท นี่คือเป็นตัวที่ แพงขึ้นใช่หรือไม่ ๒๗,๐๐๐ บาท นี่คือตามตารางนะครับ ผมเรียนว่าตรงนี้ถ้าเกิดการเจรจา ที่ดีจริง ๆ ผมเชื่อว่าเราได้ถูกลงอีกอย่างน้อย ๑๐,๐๐๐ บาท หรือค่าตั๋วเครื่องบินถ้าไม่ถัวเฉลี่ย มากเกินไป แข่งขันนี้เราคงจะอยู่ใกล้เคียงกับมาเลเซียก็ประมาณ ๒๑๐,๐๐๐ บาท ไม่ใช่ ๒๗๐,๐๐๐ บาท หรือ ๒๘๐,๐๐๐ บาทในปัจจุบันนี้ นี่คือถัวเฉลี่ยนะครับ ดังนั้นอยากให้ ท่านรัฐมนตรีซึ่งท่านไปเจรจาให้เปิดเผย MOU ที่ท่านเจรจากับทางซาอุดีอาระเบียให้ประชาชน ได้ทราบนะครับว่าท่านเจรจามีข้อตกลงอย่างไร มีความคืบหน้าและลดค่าไปบริการฮัจญ์ ได้อย่างไร แล้วตอบในข้อตกลงนี้
อีกประการหนึ่งที่ผมอยากจะเรียนเสริมขึ้นอีกคำถามหนึ่ง ก็คือในการไป ปีที่แล้ว ทราบว่าบริหารจัดการของทางซาอุดีอาระเบียนั้นผิดพลาด กรณีต้องรอรถโดยสาร ที่รับจากสถานที่ชื่อว่า มุซดะลิฟะฮ์ เพื่อกลับที่พักเวลาผิดพลาด ประมาณ ๙-๑๐ ชั่วโมง บางกลุ่มรอร่วม ๑๒-๑๕ ชั่วโมง และมีการเพิ่มเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท แต่ว่ามันไม่ได้บริการให้ดี ขึ้นมาเลย ตรงนี้คือสวัสดิภาพและการบริการที่ดี ๆ คุณภาพมันไม่ได้ ๒ ประเด็นนี้ท่านจะ แก้ไขปัญหาอย่างไร ขอถามคำถามที่ ๒ ครับ
ประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ ด้วยความเคารพท่านรัฐมนตรีผ่านไปยังท่านประธานนะครับ เป้าหมายก็คือว่าเราน่าจะต้องไม่ต่างจากมาเลเซีย ซึ่งประมาณ ๒๑๐,๐๐๐ บาท ถ้าเป็น อย่างนั้นได้จะเป็นเป้าหมาย ทราบว่าจากตัวเลขที่ท่านเจรจาครั้งนี้ได้ลดค่าตั๋วเครื่องบิน มาคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๑,๘๐๐ บาท ผมว่ายังไม่สูงนัก จุดสำคัญคือการที่จะให้มีการ แข่งขันสายการบินไม่ผูกขาด ไม่เช่าเหมาลำ ถ้าจะเจรจาตรงนี้ได้มันจะแข่งขันกันเอง จะลดเอง แล้วการที่สายการบินซาอุดีอาระเบียเอา Flyadeal เข้ามา ซึ่งต้นทุนมันต่ำ มันถือว่าอาจจะไม่ค่อยเป็นธรรมกับฮุจญาจหรือผู้แสวงบุญชาวไทยเท่าไรนัก อยากให้ท่าน เจรจาตรงนี้ให้ได้
ประการที่ ๒ จัดระบบดี ๆ เรื่องของผู้ที่จะรับไป หมายถึงแซะห์ หมายถึงผู้นำ หมายถึงบริษัททัวร์ก็ว่าได้ในส่วนนี้ที่จะพาคนไปให้การแข่งขัน ไม่ผูกขาด ถ้าไม่ผูกขาด จะมีการเสนอราคาที่ต่ำ ฮุจญาจหรือผู้แสวงบุญชาวไทยเขาจะได้ราคาที่ถูกโดยธรรมชาติ ท่านไม่ต้องเจรจามาก เพียงแต่ให้การแข่งขันกัน ทั้งสายการบิน ทั้งกระบวนการของผู้นำ ในการที่จะพาไปในส่วนตรงนี้ ถ้า ๒ ส่วนนี้ได้ผมเชื่อว่าราคาประมาณ ๒๑๐,๐๐๐ บาท เป็นไปได้ แล้วพี่น้องชาวไทยที่ประสงค์จะทำพิธีฮัจญ์ก็ทำให้ได้ถูกลง และพี่น้องที่ยากจน ผมเห็นเขาเก็บแบงก์ ๒๐ บาท รวม ๆ กันแล้วไป ผมเห็นใจ อยากให้ทุกท่านได้ไป และท่าน พยายามเจรจาเถอะครับ อย่าให้มาเก็บเงินเพิ่ม ๒๙,๐๐๐ บาทเลยครับ ราคาไหนราคานั้น แล้วก็ได้เลย แล้วในส่วนเวลาไปที่มักกะฮ์แล้ว ส่วนนี้อย่าปล่อยทิ้งให้เขารอนาน ที่พักให้ สบายขึ้น เรื่องนี้เป็นการพูดแทนพี่น้องประชาชนในเขตผม หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง และทั้งประเทศ ขอบคุณท่านรัฐมนตรีมากครับ ท่านจะตอบไม่เป็นอะไรเชิญครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง พรรคก้าวไกลครับ ขออนุญาตท่านประธานสอบถามกระทู้ไปยัง นายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากท่านนายกรัฐมนตรีนั้นได้ตอบเฉพาะกระทู้สด แต่กระทู้อันนี้ ท่านไม่ได้กรุณามาตอบด้วย แต่ไม่เป็นอะไรนะครับ ผมก็จะเรียนถามผ่านท่านรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยไปแทน
แนวทางแก้ไขผังเมืองของ ประเทศไทย ก่อนอื่นผมขอพูดถึงเรื่องผังเมืองคืออะไรก่อน ผังเมืองคือกรอบการพัฒนา ทางด้านกายภาพในระดับประเทศนะครับ ภาค จังหวัด เมือง ชนบท พื้นที่ เป็นกรอบ ที่สำคัญครับ และผังเมืองที่ดีเรามีธรรมนูญแล้ว พอเราตาม พ.ร.บ. ผังเมือง ปี ๒๕๖๒ เขาบอกว่าผังเมืองที่มีการวางผังเมืองต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก การวาง ผังเมืองต้องคำนึงถึงความเสมอภาคเท่าเทียมในการเข้าถึงสาธารณประโยชน์ การผังเมือง ต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมและแสดงข้อคิดเห็น นี่คือหลัก ๓ ข้อในธรรมนูญ ผังเมืองที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ. ผังเมือง ปี ๒๕๖๒ ท่านประธานที่เคารพครับ เราดูผังเมือง ตรงนี้ขณะนี้ผังเมืองในระดับประเทศยังไม่ได้ทำ ผังเมืองระดับภาคยังไม่ได้ทำ แต่มีการทำ ผังเมืองระดับจังหวัดของกรุงเทพมหานครซึ่งดูแล้วค่อนข้างจะแปลก มันต้องทำระดับ ประเทศก่อน ภาคและจังหวัด เรามาดูถึงจังหวัดก็จะทำว่าเขาทำอย่างไรและคลาดเคลื่อน ต่อหลักการที่ผมพูดเมื่อสักครู่หรือไม่ ผังเมืองถ้าดูตอนนี้กรุงเทพมหานครกำลังทำอยู่นะครับ สังเกตรูปแบบผังเมืองจะเป็นสีแดง ๆ นั่นคือที่หนาแน่นสูงพาณิชยกรรม สีน้ำตาล สีเหลือง ก็จาง สีเขียวนั่นคือพื้นที่ชนบท สีเขียวลายนั่นคือเป็นที่เขาเรียกว่า ที่อนุรักษ์ แล้วก็ชนบท เกษตรกรรม ในส่วนนั้นสีเขียวเกษตรกรรมนะครับ เราดูผังเมืองของประเทศไทยใน กรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศ นั่นคือกระจุก แล้วกระจายไม่ได้ ขอดูภาพถัดมา ผังเมืองนี้คือเป็นผังเมืองของกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ครับ เขาไม่ได้กระจุก แบบประเทศไทย นี่คือผังเมืองที่ดีที่สุดในโลก ๑ ใน ๘ ของประเทศ เขาจะกระจายเป็น บล็อก ๆ เป็น Zone เข้าไป นั่นคือมีการกระจายประโยชน์ของประชาชน และการทำผังเมือง ประเทศเหล่านี้มี ๘ ประเทศนะครับ บาร์เซโลนา สเปน ไทเป ไต้หวัน สิงคโปร์ เมืองเหล่านี้ เป็นเมืองที่ทำผังเมืองมีเป็นบล็อก ๆ หมด ไม่มีแบบไทยนะครับ กลับไปภาพเหมือนเดิม ขออนุญาตนะครับ ของเรากระจุกแบบนี้ ถามว่าแล้วแบบนี้เราทำคือทำตรงข้ามกับประเทศ ที่พัฒนาทางด้านผังเมืองแล้ว ไม่ได้ทำได้ดีขึ้นมาเลย ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้นเป็น ประธานนโยบายผังเมืองระดับประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำกับ มีปลัด กระทรวงมหาดไทยเป็นประธานผังเมือง คณะกรรมการผังเมือง อธิบดีกรมโยธาธิการเป็น คนที่จะคอยโต้แย้งผังเมืองระดับจังหวัดได้ถ้าเกิดทำไม่ดี นี่ผมต้องให้รัฐมนตรีช่วยตอบด้วยว่า ท่านจะทำอย่างไร การทำผังเมืองเมื่อทำแล้วตามมาตรา ๙ เขาบอกว่า พ.ร.บ. ผังเมือง ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยวิธีที่หลากหลายและทั่วถึง โดยมีข้อมูลเพียงพอต่อ การที่ประชาชนเข้าใจถึงผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน สิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทาง ชีวภาพและแนวทางเยียวยาความเดือดร้อน หรือความเสียหายแก่ประชาชนหรือชุมชน และต้องมีการฟังความคิดเห็นปรึกษาหารือการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย ถามว่าการทำ ผังเมืองซึ่งตอนนี้กำลังทำอยู่ กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นท้องถิ่นที่ทำนะครับ เขาได้ทำแบบนี้ หรือไม่ การฟังความคิดเห็นมีการฟังความคิดเห็นหลายครั้งเป็นสิบ ๆ ครั้ง แต่การฟังความคิดเห็นนั้นผมได้ไปฟัง ๔-๕ ครั้ง ได้เห็นชัดเจนว่ากรุงเทพมหานครนั้น ทำโดยให้มีการฟัง ๓ ชั่วโมงแล้ว ๒ ชั่วโมงเป็นการบรรยายโดยเอาภาพนี้ไปให้ถามว่า คนทั่วไปเข้าใจไหมครับ ว่าคืออะไร ไม่มีทางเข้าใจได้เลยครับ เสร็จแล้วเหลือเวลาประมาณ ไม่ถึงชั่วโมงให้พูดคนละ ๓ นาที นี่มันคือการฟังความคิดเห็นแล้วหรือครับ มันไม่ใช่ เมื่อวาน ผมได้เชิญกรุงเทพมหานครตัวแทนผังเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่ได้มาส่ง ผอ. ผังเมือง กรุงเทพมหานครมาที่กรรมาธิการ ป.ป.ช. เขาก็รับว่าเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ ก็คือ ให้คนฟัง ๓ นาที ถามว่ามันตรงตามกฎหมายไหม นี่คือคลาดเคลื่อนต่อกฎหมายนะครับ การประชาสัมพันธ์ เขาบอกว่าให้ประชาสัมพันธ์ทั่วถึงและทราบถึงวิธีการที่หลากหลาย และเพียงพอปัญหาความเดือดร้อนเยียวยาต่อผลกระทบด้วย ไม่เคยมีการประชาสัมพันธ์ ถามว่าคนในห้องนี้มีใครรู้ไหมครับว่า กำลังทำผังเมืองกรุงเทพมหานครอยู่ ไม่มีครับ คนที่มาฟัง ผมไปฟังเขาบอกว่าเขาลองมาฟังว่าเป็นอย่างไร พอมาฟังแล้วก็พูดว่า ผังเมืองเขามีข้อดี อย่างโน้นอย่างนี้นะครับ เป็นอย่างนี้แล้วก็ถามว่าความมีส่วนร่วมตามหลักรัฐธรรมนูญ มันไม่ได้เกิดขึ้นในการทำผังเมืองของประเทศ เมื่อวานผมได้ถามว่าจะแก้อย่างไร เขาบอกว่า จะขยายไปอีก ๖ เดือน ให้ฟังความคิดเห็น แต่ภาคประชาชนเขาส่งข้อมูลให้ผมว่า การที่ ขยายหรือจะไปทำในแต่ละชุมชนนั้นก็ไม่ได้ทำ ยกตัวอย่างเช่น วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่เขตบึงกุ่ม วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ เขตบางบอน วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗ เขตคลองสามวา วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๗ เขตบางเขน เขาทำแบบนี้นะครับ ไปงานประชุมเขต ซึ่งมีการประชุมเขตอยู่แล้วแล้วไปแทรก บอกว่าอธิบายเรื่องผังเมืองแค่ ๗-๘ นาที ถามว่าเรื่องผังเมืองเรื่องซับซ้อนเรื่องใหญ่แล้วประชาชนจะเข้าใจได้อย่างไร นี่คือการฟัง ความคิดเห็นแล้วหรือครับ เขาบอกว่าจะทำให้ทั้งหมด ๕๐ เขต แต่ก็ไม่ทำ เมื่อประชาชน ไม่เข้าใจ ไม่ได้ฟังความคิดและมีส่วนร่วม แล้วเราจะเป็นผังเมืองที่ดีได้อย่างไร มีข้อสังเกตมา จากภาคประชาชนว่าผลกระทบจากการไม่ฟังความคิดเห็นนี้มันส่อที่จะเอื้อต่อนะครับ มันส่อนะครับ ภาคประชาชนเขามีข้อสงสัยบอกว่าเอื้อต่อการอุ้มเอื้อประโยชน์ของกลุ่มทุน ผมขอยกตัวอย่างสัก ๒-๓ ตัวอย่าง เอาตัวแรกก่อนความไม่เป็นธรรม ในเขตหนองจอก เขต มีนบุรี เขตลาดกระบังเขตของผมเป็นพื้นที่ตะวันออกเป็นที่รับน้ำมาทั้งหมดไม่น้อยกว่า ๓๕ ปี น้ำท่วม ๒-๕ เดือน ถ้าน้ำเหนือมาบรรจบฝนตกเกิน ๙ มิลลิเมตร และน้ำทะเลหนุนจะ ท่วม ๒-๕ เดือน ถามว่าผังเมืองควรจะวางแผนให้เขาพ้นได้ไหม จะต้องเป็นคนชั้นสอง ที่รับน้ำอยู่ตลอดทุกปีนั้นหรือ ถ้าผังเมืองกระจายแบบบาร์เซโลนาหรืออัมสเตอร์ดัมเขาจะไม่ ทำอย่างนี้ ไม่ปล่อยแบบนี้ นี่เราปล่อยแบบเดิมพื้นที่รับน้ำเหมือนเดิมนะครับ จะเอาออกได้ ไหมครับในส่วนนี้ หรือขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้ามาถึงแค่เขตมีนบุรี แต่ไม่ถึงเขตหนองจอก ไม่ถึงสุวรรณภูมิไม่เชื่อมโยงต่อกัน ถามว่าคนในเขตตะวันออก เขตหนองจอก เขตมีนบุรี และ เขตคลองสามวาจะต้องเป็นคนชั้นสอง ที่จะต้องไม่ได้รับบริการอย่างนั้นใช่หรือไม่ บริการไป อยู่สาธารณะ ทำไมไม่กระจายทั่วถึงละครับ โรงเรียนดี ๆ โรงพยาบาลดี ๆ ทำไมไม่ให้เขา ด้วยล่ะครับ หรือในส่วนของการค้า โอกาสในการทำเกษตร ถ้าบอกว่าจะให้เป็นเกษตร ทำไมไม่อุดหนุนเขา นี่คือสิ่งที่ความไม่เท่าเทียม ไม่เป็นธรรม แต่ในกรุงเทพมหานครในคน ชั้นใน สีแดงขึ้นมาได้ประโยชน์ได้ราคาที่ดินขึ้น แต่ตรงนั้นเป็นสีเขียวที่ดินตกต่ำขึ้นมา บางทีไปขีดผังเมืองทับเขาครับ อย่างเช่น คุณรัชนี บูรพาธนะ เขามาร้องเรียนกับผมบอกว่า เขาถูกขีดผังเมือง ๒๐ ปี แล้วขายที่ไม่ได้ทำอะไรไม่ได้นั้น มรดกใช้การไม่ได้ เมื่อวานก็รับปาก ว่าจะแก้ แต่เดี๋ยวลองไปแก้ดูแล้วกันครับ นี่คือตัวอย่างประชาชนที่เดือดร้อน ถัดมา สส. ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ได้พูดแถลงสื่อไว้เสมอนะครับ มีที่จุดแดง ๆ คือสีแดงพาณิชยกรรม กระจายไปทั่ว สส. ศุภณัฐ กำหนดไว้ ๑๐ กว่าแห่ง แต่ กทม. ตอบได้เพียงแค่ ๑-๒ แห่ง แล้วจะแก้ไขและอธิบายไม่ได้ว่าสีแดงคือผังที่เป็นพาณิชยกรรมนั้นให้ใครบ้าง นี่เอื้อต่อกลุ่ม ทุนหรือไม่ ต้องตอบและต้องแก้ไข แล้วดูมาตรการด้วยเป็นอย่างไรบ้าง ถัดมาที่เขาตั้ง ข้อสังเกตว่า เอื้อต่อกลุ่มทุนอย่างไร ขอเปิดสไลด์อีกทีนะครับ ตรงนี้คือบึงรับน้ำคู้บอน ซึ่งอยู่ในเขตคันนายาวและเขตคลองสามวา มีเนื้อที่ประมาณ ๑๓๐ ไร่ เดิมก่อนหน้านั้น ปี ๒๕๖๕ มีการทำประชาพิจารณ์นะครับ อดีต สส. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ได้เอามาเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็เห็นว่ามีอยู่ในปี ๒๕๖๕ แต่พอผังเมือง ฉบับนี้ที่ไม่ได้ฟังความคิดเห็นประชาชนนะครับ ไม่มีสีเหลืองครับ สีขาวนั้นเป็นบึงรับน้ำหนอง บอน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมนะครับ แต่สีเหลืองไม่มี อีกภาพหนึ่งครับ พอเขาตรวจสอบเขา มาแจ้ง จริง ๆ มีโฉนดด้วยว่าของใคร มีที่ดินที่เป็นโฉนดจัดสรรเรียบร้อยแล้ว ชื่อเจ้าของ โฉนดเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่มีการจัดสรรแบ่งแปลงเรียบร้อยแล้ว ถามว่านี่ เอื้อต่อกลุ่มทุนหรือไม่ ขอบคุณ คุณอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ที่นำเรื่องนี้มาเสนอผมได้พูดใน สภาแห่งนี้ นี่คือการทำผังเมืองที่ไม่ได้ฟังความคิดเห็นประชาชน ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ แต่มา หมกเม็ดแบบนี้ นี่คือเอื้อกลุ่มทุนให้ลองช่วยแก้ ท่านจะทำอย่างไรในฐานะท่านเป็นผู้บริหาร แล้วก็ต้องดูแลคณะกรรมการผังเมืองในส่วนตรงนี้ คำถามแรกอยากถามท่านนะครับ ท่าน จะมีวิธีการจัดการกับการทำผังเมืองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้อย่างไร ท่านจะแก้ปัญหาผัง เมืองที่ผมยกตัวอย่าง ๓ ตัวอย่าง แต่จริง ๆ มีเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นตัวอย่าง ที่เขตพญาไท เขตห้วยขวาง เขตดินแดง ก็มีการตัดถนนเข้าที่ของเขานะครับ โดยที่เขาไม่รับรู้ ท่านจะแก้ไข อย่างไร ตรงนี้ก่อนครับ
ท่านประธานที่เคารพครับ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ ในส่วนของที่ท่านตอบมาอาจจะค่อนข้างจะคลาดเคลื่อน อาจจะไม่ตรง กับที่ผมถาม ผมถามเรื่องทุนใหญ่ เอื้อต่อทุนใหญ่ ผมถามเขาไม่ทำตามกฎหมาย ไม่ฟังความคิดเห็น แล้วก็ที่สำคัญการทำผังเมืองของ กทม. ครั้งนี้ ตามกฎหมาย มาตรา ๙ ก่อนจัดทำผังเมืองต้องฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน แต่เขาเอาผังเมืองที่ทำสำเร็จรูปแล้ว ปี ๒๕๖๐ ปี ๒๕๖๑ เอามาฟังความคิดเห็นครับ ตรงนี้ท่านจะทำอย่างไรครับ เขาไม่ได้ฟัง ความคิดเห็นก่อนแล้วมาเริ่มจัดทำผังเมือง นี่คือกฎหมายไทยนะครับ ไม่ใช่กฎหมาย ต่างประเทศ ในต่างประเทศเขาทำกันครับ รัฐวิกทอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เขาฟังเป็น กรอบความคิด ๕ กรอบความคิดก่อนให้ประชาชนเลือก เลือกเสร็จปั๊บค่อยมาลงรายละเอียด นี่ทำสำเร็จรูปมาให้ฟังความคิดเห็น ถามว่ามันถูกต้องตามกฎหมาย มาตรา ๙ ไหม ไม่ใช่ ท่านจะตอบอย่างไรครับ
ประเด็นถัดมานะครับ FAR Bonus ที่บอกว่าเอื้อต่อกลุ่มทุน เป็นกรณีที่ทำ บางสิ่งบางอย่างเพื่อสาธารณะ แล้วให้สามารถสร้างตึกสูงได้ทั้งหมดไม่เกิน ๒๐ เปอร์เซ็นต์ กรณีอย่างนี้ไม่มีระบุว่าทำพื้นที่อะไร กิจกรรมอย่างไร ถ้าสร้างตึกสูงไปทำที่รับน้ำ ประมาณ ๑ ล้านบาท ๒ ล้านบาท แต่ไปสร้างสูงได้อีก ๑๐๐ กว่าล้านบาท นี่คือเอื้อต่อกลุ่มทุนชัด ๆ ถามว่าตรงนี้ท่านจะตอบอย่างไร และกรมโยธาธิการและผังเมืองสามารถคัดค้านได้นะครับ ตามมาตรา ๒๗ พ.ร.บ. ผังเมือง ปี ๒๕๖๒ ท่านจะคัดค้านไหม และให้ทำใหม่ไหม และการ ฟังความคิดเห็นนี้ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อนผิดมาตรา ๙ เอาผังเมืองสำเร็จรูปมาให้คนฟังความ คิดเห็น แล้วไม่อธิบายให้เขาฟังก่อน แล้วมาฟังแบบนี้ถามว่าท่านจะยกเลิกไหม และทำใหม่ ตามกฎหมายประเทศไทย และตามแบบที่นานาอารยประเทศเขาทำกัน ท่านจะทำได้ไหม นี่ คือคำถามที่ ๒ ท่านประธานครับ
ก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยได้คำตอบ เพราะท่านพูดถึงเรื่องทั่วไปเหมือนเจ้าหน้าที่เขียนมาให้ท่านอ่านนะครับ เหมือนผมถาม น้ำส้มคั้น ท่านตอบกล้วยบวชชี ซึ่งกรณีอย่างนี้มันไม่ค่อยได้อะไรเท่าไร สำหรับการตอบ ครั้งนี้ ผมบอกว่าเขาทำคลาดเคลื่อนเอาผังเมืองสำเร็จรูปมาฟังความคิดเห็น แต่ตามกฎหมาย เขาให้ฟังความคิดเห็นก่อนแล้วค่อยทำผังเมืองและท่านจะทำอย่างไร ท่านไม่ตอบเลย สักนิดหนึ่ง ผมถามว่าในส่วนของการประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจถึงผลกระทบของเขา เขาไม่ได้ทำ ท่านจะทำอย่างไร ให้เป็นโมฆะหรืออย่างไร กรมโยธาธิการและผังเมืองจะต้อง เป็นคนโต้แย้ง ท่านไม่ได้ตอบเลย ในฐานะท่านผู้กำกับดูแลการทำผังเมือง ข้าราชการต่าง ๆ ที่ต้องดูแลการทำผังเมืองท่านยังไม่ทำ เพราะผังเมืองฉบับนี้ทำตรงข้ามกับผังเมืองประเทศ พัฒนาแล้วที่เขาทำกัน เขากระจายแต่นี่กระจุก และมีข้อสงสัยมากมายผมยกตัวอย่าง ๓-๔ ตัวอย่างให้ท่านเห็น แต่ท่านก็ไปแก้ตัวบอกว่าไม่มีทาง ข้าราชการไม่สามารถทำได้ ท่านปกป้องทุกอย่าง แล้วคำถามแบบนี้จะทำอย่างไร พี่น้องประชาชนเขารอฟังอยู่ว่าท่านจะ มีคำตอบอะไรได้บ้าง ขอให้ท่านตอบให้ชื่นใจด้วยนะครับว่า ท่านจะจัดการอย่างไรกับการทำ ผังเมืองไม่ชอบ และมีประเด็นที่ประชาชนสงสัยว่าเอื้อต่อกลุ่มทุน ครับ
ท่านประธานที่เคารพ ผม ธีรัจชัย พันธุมาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เขตมีนบุรี และเขตลาดกระบัง พรรคก้าวไกลครับ ขออนุญาตหารือดังนี้ท่านประธานครับ ปัญหา ยาเสพติดได้รับร้องเรียนจากพี่น้องประชาชน สืบเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ออก กฎกระทรวงที่เปิดโอกาสให้ผู้ครอบครองยาบ้า ๕ เม็ด เป็นผู้เสพ แล้วก็จะต้องนำไปปฏิบัติ ถ้าสมัครใจ กรณีอย่างนี้ผู้ปกครองได้มาร้องเรียนกับกระผมมากมายนะครับ ว่ามีเยาวชน บุตรหลานติดยาเสพติดกันงอมแงมจำนวนมาก และเพื่อน ๆ สส. ในกรุงเทพมหานคร ก็มาบอกผมว่าก็ติด ๆ เช่นกัน นี่คือปัญหาการระบาดยาเสพติดยาบ้าเกิดจากนโยบาย ของรัฐบาลโดยแท้ และกรณีอย่างนี้ทำให้เจ้าหน้าที่นั้นทุจริต การที่ไม่จับ หรือเจ้าหน้าที่ จับแล้วก็ลดยาให้น้อยเอื้อต่อการค้ายาเสพติดให้กว้างขวางขึ้น ขอให้รัฐบาลนั้นได้โปรด ทบทวนนโยบายนี้ด้วยครับ นอกจากนั้นสืบเนื่องจากการติดยาเสพติดดังกล่าวนะครับ มีผู้ติดยาเสพติดบางครั้งในพื้นที่ของผม เขตหนองจอก เขตมีนบุรี และเขตลาดกระบังนั้น ก็มีบางคนคลุ้มคลั่ง อาสาสมัคร เช่น ครูต้อย นภาพร ในพื้นที่ผมก็มาแจ้งบอกว่าเขานำตัว ไปส่งที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา แต่เตียงไม่พอ บางครั้งก็จ่ายยาเข้ามาแล้วก็เอามา กักที่บ้าน เดี๋ยวคลุ้มคลั่งต้องนำไปส่งอีก ตำรวจก็พูดเช่นเดียวกัน กู้ภัยก็พูดเช่นเดียวกัน ในการไปส่ง บางครั้งในการตรวจก็จะต้องเสียค่าตรวจให้กับผู้ที่ไปตรวจด้วย เหล่านี้ เป็นระบบการบำบัดรักษายาเสพติดก็ยังมีปัญหา ขอให้กระทรวงสาธารณสุขได้โปรดแก้ไข ระบบแก้ไขการติดยาด้วย ทั้งที่ในส่วนของโรงพยาบาลธัญญารักษ์ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับ เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง และกรุงเทพฯ ตะวันออก ๙ เขต ก็สำหรับคนที่มี ฐานะดี แต่สำหรับคนที่มีฐานะที่ยากจนแล้วลำบากมากและเป็นภาระกับตำรวจ กู้ภัย และอาสาสมัครครับ ดังนั้นขอให้ทางรัฐบาลได้โปรดแก้ที่ต้นเหตุด้วยการป้องกันทบทวน นโยบายและแก้ไขระบบการบำบัดรักษาด้วยครับ