นายพลเดช ปิ่นประทีป

  • กราบเรียนท่านประธานที่เคารพครับ ผมมีประเด็นสั้น ๆ อยู่ ๓ ประเด็นครับ

    อ่านในการประชุม

  • ประเด็นแรกนั้นเป็นประเด็นที่อยากเรียนว่าเรื่องของความเข้าใจที่อาจจะ ไม่ตรงกันเกี่ยวข้องกับในกรณีเรื่องของคุณธรรมกับเรื่องของธรรมาภิบาลนะครับ ตรงนี้ มันจะเกี่ยวข้องกับในข้อ ๑๔ กับข้อ ๑๕ นะครับท่านคณะกรรมาธิการ ปัญหาแน่ ๆ ก็คือว่า ปัญหาบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมานั้นต้องเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นปัญหาวิกฤติของคุณธรรม แล้วก็ธรรมาภิบาลเป็นเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นการปฏิรูปคราวนี้ต้องแก้ตรงนี้ให้ได้ ดังนั้น ในข้อ ๑๔ กับข้อ ๑๕ นั้นเราเห็นว่าอย่างนี้ครับว่า เรื่องของคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูป การป้องกันปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรงนี้ถ้าหากว่าแยกขาดออกไปจาก เรื่องของคุณธรรมตรงนี้จะทำให้ผิดทิศทางไปได้พอประมาณนะครับ ดังนั้นเราจึงมีข้อเสนอว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้น่าจะเอาเรื่องของจากข้อ ๑๕ ที่เราเอาไปไว้เรื่องของจริยธรรมแล้วก็ การศาสนาไปรวมอยู่ตรงนั้น ในความเห็นผมนะครับผมคิดว่าผมเสนออย่างนี้ว่าควรที่จะเอา เรื่องของคุณธรรม จริยธรรม เอามาไว้ในข้อ ๑๔ หมายความว่าอาจจะเรียกชื่อรวม ๆ อย่างนี้ ผมเรียนเป็นข้อเสนอนะครับ คือคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูประบบคุณธรรม และธรรมาภิบาล อันนี้อาจจะสั้น กระชับแล้วก็ได้ใจความแล้วก็ครอบคลุมนะครับ อันนั้นเป็นประการที่ ๑ นะครับ

    อ่านในการประชุม

  • เรื่องที่ ๒ นั้นผมก็ได้ฟังมาตลอดก็มีความหนักใจในตัวเองเหมือนกันว่า จำนวนคณะกรรมาธิการที่ท่านกรรมาธิการได้ไปยกร่างมานี้ผมเองก็เข้าใจ แล้วก็มีความชื่นชมว่า ได้พยายามที่จะเอารายละเอียดได้เข้ามาแตกย่อยเป็นคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ จากเดิม ๑๑ คณะ ก็กลายเป็น ๑๗ คณะ แล้วที่ประชุมก็มีข้อเสนอเป็นคณะที่ ๑๘ ๑๙ ขึ้นมาอีก ผมรักพี่เสียดายน้องครับ เพราะว่าการที่แยกย่อยเป็นคณะย่อย ๆ นั้นมันก็มีข้อดีครับ เพราะว่าแต่ละชุดจะได้ลงรายละเอียด แล้วก็ใช้เวลาทำงานสั้นลง เจาะลึกลงไป ในประเด็นนั้นเลยนะครับ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหรือข้อจำกัดของมันก็จะมีปัญหา เรื่องของความเชื่อมโยง ความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นที่ใกล้เคียงกันตรงนี้นะครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งนั้นผมนึกภาพไปถึงตอนที่กรรมาธิการที่แยกย่อยแต่ละชุดลงไป มีคณะทำงานเพียงไม่กี่คนลงไปทำงาน แล้วก็มานำเสนอในสภาใหญ่ของเรา ผมคิดว่าตรงนั้น จะเป็นตอนที่การดีเฟนด์ (Defend) คงจะลำบากพอสมควร เพราะว่าคนที่จะมีส่วนร่วม ในการไประดมความคิดตรงนั้นมันจะน้อย จะน้อยนะครับ แต่สภาของเรามัน ๒๕๐ คน ตรงนั้นก็จะใช้เวลาตรงนั้นมาก อันนี้ก็มีข้อดี แล้วก็มีข้อจำกัดของมันนะครับ แต่ถ้าหากว่า เราจะรวมกลุ่มกรรมาธิการชุดต่าง ๆ ให้มันเหลือน้อยลง มันก็ดีเหมือนกัน ก็คือว่ามันเกิด ความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นย่อย ๆ นะครับ แต่ขณะเดียวกันมันก็จะดูได้แต่ภาพกว้าง แต่จริง ๆ แล้วการปฏิรูปคราวนี้มันมีเรื่องที่เราอาจจะต้องดูภาพกว้างหรือไม่นะครับ ให้มากนะครับ ส่วนรายละเอียดนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่รองลงไปนะครับ ดังนั้น ในประเด็นนี้ ผมจึงมีข้อเสนอแนะอย่างนี้นะครับว่า อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ อันนี้ฝาก ผมฝากทาง ท่านกรรมาธิการไปพิจารณานะครับว่า เดี๋ยวจะคุยนอกรอบอะไรต่าง ๆ จะปรับอย่างไร แบบที่ ๑ ก็คือว่าให้มีกรรมาธิการชุดย่อย ๆ อย่างนี้นะครับ อาจจะเป็น ๑๗ ชุด ๑๘ ชุด หรือ ๒๐ ชุด และพวกเราก็ลงไปอยู่ในแต่ละส่วน ๆ นะครับ แต่ว่ามีเงื่อนไขอันหนึ่งว่า ในแต่ละชุด ๆ นั้นให้มีการทำงานแบบคลัสเตอร์ (Cluster) เป็นกรุ๊ปกัน เป็นคลัสเตอร์กัน อย่างเช่นกลุ่มเศรษฐกิจเป็นคลัสเตอร์เศรษฐกิจมันอาจจะต้องมีการทำงานเชื่อมโยงกัน ทั้งเรื่องของเรียล เซคเตอร์ เรื่องของไฟแนนเชียล (Financial) เรื่องของอะไรต่าง ๆ ทั้งหลาย เรื่องบริการท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งหลาย อย่างนี้เป็นต้น หรือทางด้านสังคมก็อาจจะเป็นเรื่อง ของที่จะต้องมาทำ แต่ละอัน ๆ เป็นกรรมาธิการอยู่นะครับ แต่ว่าเวลาทำงานอาจจะต้อง เชื่อมโยงกัน เพราะว่ามันแยกกันไม่ขาดนะครับ อย่างเช่น สังคมผมก็ดูว่า อย่างสังคมแล้วก็ความมั่นคงของมนุษย์ อย่างสาธารณสุขนี่ครับ ระบบสาธารณสุข อันนี้ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ หรือแรงงานก็น่าจะอยู่ในมิติทางที่ใกล้เคียงกับตรงนี้ได้ หรือแม้แต่เรื่องของคุ้มครองผู้บริโภคที่คุณสารีได้เสนอนี่ครับก็อาจจะอยู่ในกรุ๊ปนี้ได้ อย่างนี้เป็นต้น นอกจากนั้นเราจะมีกลุ่มเป็นคลัสเตอร์เรื่องของการเมืองการปกครอง เรื่องของระบบคุณธรรมและธรรมาภิบาล เรื่องของความมั่นคง อย่างประเด็นเรื่อง ความมั่นคงนั้น ในคลัสเตอร์นี้ผมก็นึกถึงของคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและ กระบวนการยุติธรรมใช่ไหมครับ หรือแม้แต่เรื่องของสื่อสารมวลชนกับไอที (IT) ผมก็นึกถึงว่า จะอยู่ในกลุ่มนี้นะครับ เรื่องของ กสทช. มันน่าจะอยู่ในกลุ่มนี้ อย่างนี้เป็นต้น เรื่องทรัพยากร สิ่งแวดล้อม พลังงาน ก็อาจจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งนะครับ อย่างนี้เป็นต้น ส่วนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ที่ทางท่านอาจารย์วินัยได้นำเสนอ ผมก็คิดว่าอันนี้มีความสำคัญที่จะเป็นกลุ่มใหญ่ กลุ่มหนึ่งของเขาเลย กราบเรียนท่านประธานครับ ทีนี้ในส่วนที่ในขั้นตอนต่อไปผมเสนอว่า ทางกรรมาธิการรับฟังข้อเสนอแนะจากพวกเราแล้วให้ท่านไปใช้ดุลยพินิจ แล้วเราก็ มอบหมายให้ท่านด้วยความไว้วางใจนะครับ เชื่อมั่นในพลังในการทำงานของท่านทั้งหลาย และคราวนี้เมื่อกลับมาอีกทีหนึ่งเราน่าจะรับรองกันเป็นยกฉบับเลย ไม่ต้องมาลงรายละเอียด เป็นรายข้อ รายมาตราอีกแล้วครับ กราบเรียนครับ

    อ่านในการประชุม